คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 17
Chapter 17 : It's not me, destiny knows I'm not the one for you
ฉันคงไม่ใช่คนในโชคชะตาเพื่ออยู่คู่กับคุณ
"อาคาจินปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรอ~" ไททั่นม่วงเหลือบมองกัปตันทีมที่ยืนดูคนอื่นๆทยอยเดินออกจากโรงยิมหลังจากการฝึกซ้อมเพิ่มเสร็จไม่นาน เหลือแต่พวกที่มีเวรทำความสะอาดและเก็บอุปกรณ์
"นั้นสิฮ้ะสึบากิจจิดูอารมณ์เสียสุดๆไปเลย" คิเสะร่วมผสมโรงด้วยเขาเดินมาหยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อที่วันนี้ดูจะเยอะมากกว่าปกติ
"ได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อประมูลเสื้อวอร์มของนายสินะอาคาชิ" แม้แต่มิโดริมะยังอดพูดขึ้นมาไม่ได้มือซ้ายของเขาถือไม้นวดแป้งลักกี้ไอเท็มของวันนี้แกว่งไม่เล่นจนคิเสะที่ยืนใกล้แอบหวั่นใจว่ามันจะหลุดมือของชูตติ้งการ์ดมาฟาดหน้าของตัวเองรึเปล่า
"เห~แบบนี้มันประกาศเป็นศัตรูกับยัยสึบากิชัดๆเลยนิ้!!?" อาโอมิเนะเอ่ยหลังจากที่ดื่มน้ำขวดที่สองจนหมดก่อนจะยกมือปิดปากหาว
"ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไปผมว่าอาคิโมโตะซังก็ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีมได้ดีเลยนะครับ"
"หวาา!!!?คุโรกจจิมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮ้ะ!!?'' คิเสะสะดุ้งโหย่งมองเพื่อนที่แสนจะจืดจางนั่งอยู่ถัดจากที่เขายืนอยู่
''ผมนั่งพักอยู่ตั้งแต่แรกแล้วต่างหากละครับคิเสะคุง'' คุโรโกะเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนทุกครั้งเขาชินชากับการถูกคนอื่นลืมไปแล้ว คิเสะยิ้มแหยไปให้ซิกแมนก่อนจะพูดอีกว่า
"แต่ทำไมคนที่โดนผลกระทบถึงเป็นพวกเราที่ถูกให้ฝึกหนักเพิ่มเนี้ยสิ้ฮ้ะ!!?T^T" ผู้เล่นตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ดโอดครวญกับอาคาชิที่ตนเองถูกผู้ช่วยโค้ชสาวเพิ่มรอบการฝึกกว่าคนอื่นๆ
"เอ้ะ?ไม่ใช่ว่าคิเสะจินกับมิเนะจินแอบโดดซ้อมไปดูสาวๆกันรึไงถึงโดนลงโทษ~" มุราซากิบาระเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีคนกำลังใส่ร้ายสึบากิ
"อึก..มันใช่ที่ไหนหล่ะมุราซากิบาระ!!" เพื่อนผิวเข้มเอ่นเสียงดังจนไททั่นม่วงต้องเอามือมาปิดหูเพราะกลัวแก้วหูแตกซะก่อน ส่วนอาคาชิเขาเพียงมองดูเพื่อนร่วมทีมเท่านั้น
"แบบนี้เขาเรียกว่าทำผิดแต่โทษคนอื่นสินะครับอาโอมิเนะคุง" คุโรโกะมองเพื่อนร่วมทีมที่เป็นถึงเอซด้วยแววตาผิดหวัง จนคนโดนมองต้องรีบแก้ความเข้าใจผิด
"เท็ตสึมันไม่ใช่แบบนั้นนะก็เจ้าคิเสะนั้นแหละดันมีแฟนคลับเยอะแล้วฉันก็แค่โดนลูกหลงลากคอติดไปด้วยต่างหาก!!"
"เฮอะไม่ได้เรื่อง" มิโดริมะดันกรอบแว่นขึ้นเขาพ่นลมหายใจออกก่อนจะมองเอซของทีมด้วยความสมเพชกับเรื่องไร้สาระที่เจ้าตัวกล่าวอ้าง
"แต่ว่านะอาคาชิจิทำไมถึงยอมรับเธอคนนั้นให้เข้าชมรมหล่ะฮ้ะจะบอกทำหน้าที่ได้ดีมันก็มีคนอื่นๆที่เหมาะสมอีกตั้งหลายคนไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นอาคิโมโตะจังคนนั้นเลย" คิเสะออกความเห็นซึ่งคนอื่นๆเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
"จริงอยู่ที่หน้าที่นั้นจะเป็นใครก็ได้แต่แค่อาคิโมโตะซังมีศักยภาพบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อทีมเราก็เท่านั้น" กัปตันทีมคนปัจจุบันเอ่ยแต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่เขาตัดสินใจให้อาคิโมโตะ ซากุระมาทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม
"อาคาจินนี้ใจดีจังเลยน้า~ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อกับตัวเองแต่สำหรับสึบาจินจะคิดแบบนั้นด้วยรึเปล่าหล่ะ?" น้ำเสียงติดประชดประชันน้อยๆของมุราซากิบาระทำเอาคนอื่นๆนิ่งอึ้งไปแม้แต่มิโดริมะและคุโรโกะยังหันหน้าแอบกลั้นขำ ส่วนคนที่โดนเพื่อนประชดประชันเขาเพียงอมยิ้มน้อยๆเท่านั้น
พลางคิดในใจว่าดูเหมือนแฟนสาวของเขาจะมีหน่วยงานคอยรักษาผลประโยชน์ให้ตัวเองอยู่
คำว่า อาคาชิ กับคำว่าใจดีนี้ มันดูขัดแย้งกันมากกว่าจะเข้ากันได้
สำหรับพวกเขาแล้วอาคาชิไม่ใช่คนใจดีอย่างที่คนอื่นคิดแต่เป็นคนที่ไว้ใจได้และได้รับความเชื่อถือจากคนในชมรมต่างหาก
ที่สำคัญอาคาชิใจดีแค่กับใครบางคนมากกว่า
"ถ้าเป็นแค่เรื่องงานยัยนั้นคงไม่คิดมากอะไรหรอกมั้งเนอะ" อาโอมิเนะหยิบลูกบาสมาหมุนเล่นไปมาพลางคิดว่าที่น่าเป็นห่วงควรจะเป็นฝ่ายตรงข้ามมากกว่าอีก ตัวก็เล็กดูบอกบางกว่าผู้ช่วยโค้ชสาวไม่รู้ว่าจะมีแรงยกของรึเปล่า
"คิดมากสิคะอาโอมิเนะคุง~" เสียงใสดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาเอซของทีมสะดุ้งและปล่อยให้ลูกบาสร่วงหลุดมือไปแต่มีมือเล็กมารับลูกก่อนที่จะตกถึงพื้นสนามได้ทัน
"หวาาาา!!?สึบากิจจิ!!?" คิเสะหันขวับไปมองคนมาใหม่ที่จู่ๆโผ่ลมาได้จังหวะพอดีก่อนจะเริ่มมองหาลู่ทางหนีเพราะอาจจะโดนลูกหลงก็เป็นได้
"ไงค่ะทุกคนดูท่าทางจะสบายกันดีนะคะ" ร่างบางเดินมาทักทายแล้วกวาดสายตามองเหล่าบรรดาหัวหลากสีที่ตอนนี้ก็หมดเวลาซ้อมแล้วยังมานั่งจับกลุ่มเม้ามอยเธอด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ
"ยะ...โย่ว..สึบากิไม่เจอกันนานเลยนะ"
"อะไรกันค่ะอาโอมิเนะคุงเราเพิ่มเจอกันเมื่อวานนี้เองนะ~" สึบากิหันไปสนใจเพื่อนผิวเข้มที่น้ำเสียงดูจะสะดุดเหมือนแผ่นเสียงตกร่องไปบ้าง
"งั้นเรอะ.." อาโอมิเนะหลบสายตาคู่สวยที่กำลังจ้องมองเขาด้วยประกายวาววับอย่างกดดัน ก่อนเธอจะส่งลูกบาสคืนคนผิวเข้ม
"ว่าแต่ชิรายูกิมีเรื่องอะไรรึเปล่า?" มิโดริมะอดไม่ได้ที่จะต้องช่วยเหลือเจ้าคนซื่อบื้ออันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะช่วยแต่จากที่สังเกตเหมือนร่างบางจะมาพบพวกเขาเพื่อแจ้งเรื่องอะไรบางอย่างมากกว่ามาเย้าแหย่เหมือนทุกครั้ง
"อ้อพอดีว่าโค้ช...." สึบากิกำลังจะกล่าวแต่ทว่ามีเสียงของคนมาใหม่เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
"สวัสดีค่ะทุกคนโอ้ะ!อาคาชิคุงกับมิโดริมะคุงอยู่ที่นี้ด้วยหรอคะ?'' ซากุระทักทายเหล่าตัวจริงที่รวมตัวกันอยู่ก่อนจะกวาดตามมองไปทั่วและหยุดที่กัปตันทีมที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับคิเสะ
"......."
"ทั้งสองคนอยู่ครับว่าแต่มีอะไรรึเปล่าครับอาคิโมโตะซัง" คุโรโกะเข้ามาแก้สถานการณ์แปลกๆที่จู่ๆทุกคนก็เงียบลงฉลับพลัน แล้วหันจ้องมองคนมาใหม่อย่างสงสัย
"อ้ะ!คะ..คุณคุโรโกะอยู่ด้วยหรอค่ะเนี้ย!" ซากุระหันขวับด้วยความตกใจที่มีคนมาพูดใกล้ๆแต่เธอไม่ทันสังเกตเห็น
คนๆนี้จืดจางเกินไปแล้วว ซากุระคิดในใจ
"ผมอยู่ตั้งแต่แรกแล้วครับ" ร่างจืดจางถอนหายใจที่ต้องตอบคำถามเป็นรอบที่สองของวัน ดวงตาสีฟ้าลอบสังเกตท่าทางของผู้ช่วยผู้จัดการทีมคนนี้อย่างเงียบๆ
"อ้ะนั้นชิรายูกิซังก็อยู่ด้วยหรอค่ะ" ซากุระเบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นร่างบางยืนอยู่ท่ามกลางนักกีฬาตัวสูงทั้งที่จริงพื้นที่ตรงนั้นมันน่าจะต้องเป็นของเธอแท้ๆเธอที่จะต้องถูกพวกเขารุมล้อมแบบที่ร่างบางเป็นอยู่ ซากุระจึงสาวเท้าเดินไปใกล้สึบากิบ้างเพื่อที่จะได้อยู่ท่ามกลางคนอื่นๆเหมือนกัน
"อา..ค่ะ" สึบากิขานรับแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"พอดีเลยฉันกำลังมาตามอาคาชิคุงและมิโดริมะคุงเกี่ยวกับเรื่องการประชุมเข้าค่ายฝึกก่อนแข่งอินเตอร์คูลค่ะ''ซากุระรีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วเธอมองไปยังมิโดริมะและอาคาชิที่ยืนฟังอยู่ ''อ้ะ!รึว่าชิรายูกิซังจะมาบอกเหมือนกัน?" ซากุระมีท่าที่ตกใจเมื่อคิดได้ว่าผู้ช่วยโค้ชสาวอาจจะบอกเรื่องการประชุมให้ทั้งคู่ทราบแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอค่ะในเมื่ออาคิโมโตซังแจ้งให้ทั้งคู่ทราบพอดีฉันจะได้แจ้งเรื่องอื่นให้ทราบต่อ" ร่างบางยกมือปิดปากหาวเธอเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจและไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรมากนัก เพราะทุกการกระทำของซากุระเธอพอจะคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วไม่สิต้องบอกว่าเธอรู้อยู่แล้วมาเจ้าตัวต้องมาปรากฏตัวในเวลานี้ต่างหาก
"ขะ..ขอโทษค่ะฉันแค่รีบจะมาบอกทั้งสองคนไม่ได้คิดจะแย่งหน้าที่ของชิรายูกิซังเลยนะคะ" ผู้ช่วยผู้จักการรีบเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือดวงตาสีชมพูมีน้ำใสๆคลออยู่น้อยๆอย่างรู้สึกผิดที่ตัวเองเผลอก้าวก่ายงานของคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ
บรรดาหนุ่มที่เห็นมองท่าทางนั้นแล้วมีความรู้สึกไหววูบแปลกๆในอกไม่เว้นแม้แต่อาคาชิเองก็ด้วยแต่เขาไม่ได้ใส่ใจมันมากนักที่เขาสนใจคือ แฟนสาวที่มีปฏิกิริยาสงบนิ่งติดจะไปทางเบื่อหน่ายเสี้ยววินาทีเขาแอบเห็นร่างบางลอบกรอกตาไปมาด้วยจนอดหัวเราะเบาๆไม่ได้
ส่วนสึบากิที่เห็นไอ้ท่าทางแบบนั้นแล้วอดจะกรอกตามองบนซักสิบรอบให้เธอยังไม่ทันทำอะไรซะหน่อยทำไมยัยนี่จะรีบร้องไห้ตีหน้าเศร้าไปแล้วเนี้ย?!
"ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกค่ะถ้าไม่มีอะไรแล้วขอไม่รบกวนอาคิโมโตซังนะคะ" สึบากิตัดบทไร้เยื่อใยด้วยสีหน้าเฉยชาทำเอาผู้ช่วยผู้จัดการสาวทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
"..ค่ะ"
ซากุระรับคำก่อนจะขอตัวออกจากโรงยิมไปแต่ไม่วายลอบมองเสี้ยวหน้าของอาคาชิและสึบากิเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอาคาชิเหลือบมองมายังตัวเองซากุระแทบจะกระโดดกรี้ดดีใจที่ในที่สุดอาคาชิซามะที่เธอชื่นชอบก็เริ่มสนใจเธอบ้างและเมื่อเธอมองไปยังสึบากิที่สีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านใดๆนั้นก็แอบกังวลไม่ได้แต่เธอก็เลิกสนใจแล้วรีบเดินไปยังอาคารเรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการประชุมเข้าค่ายฝึกนักกีฬา
เพราะในตอนสุดท้ายยังไงซะเธอกับอาคาชิซามะจะต้องได้ครองคู่กันอยู่แล้วเพราะเธอคือคนที่เกิดมาเพื่อเคียงคู่กับจักรพรรดิสีแดงคนนี้ไม่ใช่ ชิรายูกิ สึบากิคนนั้นซะหน่อย
"สนุกดีไหมค่ะเซย์~" ร่างบางหันมาสบตากับแฟนหนุ่มที่เมื่อครู่เธอเห็นว่าเจ้าตัวเหลือบมองผู้ช่วยผู้จัดการจนสาวเจ้ามีอาการมโนไปไกล เธอไม่ได้หึงหรอกเพราะแววตาของท่านชายนั้นมันคือคนที่กำลังลอบประเมินอีกฝ่ายต่างหากเธอกลัวว่าความฝันของสาวน้อยคนนั้นจะสลายเพราะโดนอาคาชิหลอกใช้เป็นหมากทำให้เธอมีอาการหึงหวงซะมากกว่า…
แต่อันที่จริงก็หึงนิดหน่อยก็ได้มั้ง…นะ
"สึบาจินอย่าเพิ่งโมโหสินี้ๆอุไมโบรสกิมจินะจะได้อารมณ์ดี"มุราซากิบาระรีบปรี่เข้ามาช่วยให้เพื่อนสาวอารมณ์ดีขึ้นโดยใช้ขนมที่เขาลอบแอบเอามากินข้างสนาม สึบากิรับมาเธอฉีกถุงและกัดขนมคำใหญ่กว่าปกติเคี้ยวแก้มตุ่ยพร้อมกับมองไปยังแฟนหนุ่มที่ตอนนี้กำลังเดินมาหาเธอด้วยใบหน้ายิ้มนิดๆ
"มุราซากิบารัลจิตอนผู้หญิงกำลังโมโหอย่าไปให้ของรสเผ็ดสิฮ้ะเวลาแบบนี้มันต้องรสช็อคโกแล็คต่างหาก" คิเสะตาโตเขาแนะนำไททั่นม่วงที่พยายามช่วยให้ร่างบางอารมณ์ดีแต่ดันเป็นช่วยสุมไฟเพิ่มมากกว่าเดิมนี้สิ
"ง่ะแต่ฉันเพิ่มกินหมดไปไม่เหลือแล้วอ่ะ" มุราซากิบาระควานหารสอื่นๆในกระเป๋าเล็กที่เขาแอบหิ้วมาไว้ใต้ม้านั่งพร้อมกับยู่ปากเมื่อตอนนี้เหลือแต่รสจำพวกเผ็ดร้อนทั้งนั้น
"นายนี่มันแล้วก็นะมุราซากิบาระใครใช้ให้นายเอาขนมมากินที่โรงยิมไม่ทราบ" มิโดริมะยืนมองกระเป๋าใบเล็กที่อัดไปด้วยถุงขนมหลากรสด้วยสีหน้าไม่ชอบใจที่มีคนทำผิดกฏระเบียบ
"พวกนายหนวกหูชะมัดเฮ้ยคิเสะไปแข่งวันออนวันกันดีกว่า" อาโอมิเนะมองซ้ายมองขวาก่อนจะลากคิเสะไปแข่งวันออนวันเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆ
"จริงหรอ!?อาโอมิเนะจิชวนผมแข่งก่อนแบบนี้ดีหล่ะครั้งนี้จะชนะให้ได้เลยฮ้ะ" ส่วนคิเสะที่โดนลากไปเขากระตือรือร้นจนลืมเรื่องของสึบากิไปแล้ว
"เฮอะฉันไม่ออมมือให้หรอกนะเจ้าลูกหมา" อาโอมิเนะยิ้ม
"มาเลยฮ้ะ"
"คิเสะคุงกับอาโอมิเนะคุงนี้สุดยอดไปเลยนะครับทั้งที่โดนทำโทษหนักขนาดนั้นแล้วแท้ๆยังมีแรงเล่นบาสได้อีก" คุโรโกะเอ่ยพลางมองไปยังเพื่อนทั้งสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาแข่งกันในสนามด้วยความชื่นชม ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีภาพตัดเป็นสีดำ
"ก็แค่พวกบ้าเท่านั้นแหละ..เฮ้ย!!?คุโรโกะอย่าเพิ่งเป็นลมไปสิ!!" ร่างสูงที่ยืนอยู่ขานรับก่อนจะรีบเข้าไปพยุงเพื่อนจืดจางที่นอนแผ่เป็นลมไปแล้วด้วยความตกใจ
"คุโรจินเนี้ยร่างกายยังปรับการฝึกวันนี้ไม่ได้สินะ" ไททั่นม่วงมองสภาพน่าอนาจของคุโรโกะโดยมีมิโดริมะพยายามพยุงเพื่อนให้มานอนพักบนม้านั่ง
"มุราซากิบาระฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ากินขนมแล้วนั้นอย่าเอาแต่ยืนดูมาช่วยฉันพาคุโรโกะไปม้านั่งเร็วๆ"
"เห~...ก็ได้" มุราซากิบาระเกาท้ายทอยตัวเองก่อนจะเดินไปช่วยพยุงร่างของคนเป็นลมมาไว้ที่ม้านั่ง
"ยังคึกคักกันเหมือนเดิมเลยนะคะ" สึบากิถอนหายใจเธออมยิ้มน้อยๆ
"แล้วอีกเรื่องที่จะแจ้งให้ฉันทราบคืออะไรสึบากิ" อาคาชิเดินมาหยุดข้างๆร่างบางที่วันนี้มันดูจะใกล้ผิดปกติก่อนจะคว้ามือเล็กมากุมไว้
"แผนการฝึกซ้อมเฉพาะของพวกคุณและนิจิมุระซังที่จะใช้ตอนไปเข้าค่ายค่ะ" ร่างบางตอบโดยไม่ได้กันไปมองแฟนหนุ่ม อาคาชิเพียงยิ้มให้กับท่าทางแง่งอนเล็กๆของแฟนสาวเขาลูบมือนุ่มนิ่มเล่นไปมาก่อนจะถามต่อ
"ทำไมมีเพียงแค่นิจิมุระซังที่ต้องเข้าร่วมโปรแกรมกับพวกเรา"
"ในทีมของเราตอนนี้จากตำแหน่งและผู้เล่นจุดเด่นที่แข็งแกร่งของเราคือตำแหน่งสมอล์ฟอร์เวิร์ดจะคิเสะคุงหรือนิจิมุระซังทั้งคู่ต่างเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมถ้าตัวจริงและตัวสำรองแข็งแกร่งเราก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล" สึบากิเหลือบมองคนข้างๆก่อนจะกลับมาสนใจความวุ่นวายของเพื่อนคนอื่นๆต่อเมื่ออาคาชิหันมามองเธอ
"ได้ฉันเห็นด้วยในแง่ของการวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมแต่ละแม็ทซ์การมีผู้เล่นสองแบบที่แข็งแกร่งถือเป็นเรื่องที่ดี" อาคาชิประสานมือที่เขากุมไว้ตอนแรกก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูอีกฝ่าย
"แล้วก็..เรื่องของเธอคนนั้นอย่าให้รู้นะคะว่าคุณวางแผนอะไรไว้ไม่งั้นได้เพิ่มอีกรอยแน่" สึบากิหันหน้าไปทางอาคาชิที่ยังก้มหน้าลงมาจนจมูกทั้งคู่สัมผัสกัน ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายวาววับอย่างคาดโทษ
"กำลังอยากได้เพิ่มพอดีเลย"
อาคาชิเอ่ยพร้อมก้มหน้าลงไปอีกอย่างรวดเร็วไม่ทันให้สึบากิได้ตั้งตัวริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะผละออก ส่วนร่างบางยืนแข็งค้างที่แฟนหนุ่มตัวร้ายกล้าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆถึงตอนนี้จะไม่มีใครสนใจก็เถอะ!
นับวันเจ้าสิงโตตัวร้ายจะใจกล้ามากเกินไปแล้ว!
"เซย์จูโร่!" สึบากิเค้นเสียงในลำคอใบหูแดงระเรื่อ อาคาชิที่จัดการยั่วโมโหแฟนสาวได้สำเร็จเขาเพียงหัวเราะเบาๆแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือร่างบางให้เดินหนีก่อนจะพาสึบากิเดินออกจากโรงยิมไปด้วยกันทิ้งความวุ่นวายของเพื่อนร่วมทีมให้มิโดริมะเป็นคนจัดการต่อ
''เอ๋!!?สึบากิจจิจะไม่ได้ไปเข้าค่ายกับพวกเราหรอฮ้ะ?'' คิเสะเอ่ยเมื่อทราบว่าผู้ช่วยโค้ชสาวจะไม่ได้ร่วมการเข้าค่ายในครั้งนี้ด้วย
''น่าเสียดายนะครับ''
''ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะพอดีว่าฉันมีธุระด่วนต้องไปจัดการ'' ร่างบางเอ่ยขอโทษที่จู่ๆดันมีธุระกะทันหันและเป็นธุระที่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้เพราะเป็นคำขอจากบุคคลทั้งสองที่เธอเคารพรักมากๆ
''แล้วแบบนี้โปรแกรมฝึกในค่ายใครจะมาดูแล'' มิโดริมะเดินมากหยุดตรงหน้าทั้งสามคนเขาเหลือบตามมองร่างบางที่แต่งตัวค่อนข้างจะเรียยบร้อยกว่าปกติ
''โมโมอิจังจะมารับหน้าที่แทนฉันส่วนอาคิโมโตะซังจะดูแลส่วนของผู้เล่นคนอื่นๆค่ะ''
''แบบนี้อาคาชิไม่โกรธเธอไปแล้วเรอะที่จู่ๆเบี้ยวไม่ยอมไป'' อาโอมิเนะเดินผ่านกำลังจะขึ้นรถหลังเอาสัมภาระไปเก็บที่ท้ายรถเรียบร้อยแล้วพูดขึ้น
''เขาอาจจะชอบก็ได้นะคะ'' สึบากิพึมพำกับตัวเอง
''หืม?เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?''
''เปล่าค่ะ'' ร่างบางยิ้มน้อยกลบเกลื่อนส่วนอาโอมิเนะที่ซื่อบื้ออยู่แล้วก็ไม่ได้จะเซ้าซี่ต่อ
''เน้ๆสึบาจินไม่ใช่ว่าแอบหลอกพวกเราแล้วสุดท้ายไปเจอกันที่ค่ายนะ?'' แต่เหมือนจะมีคนบางคนจะขี้เซ้าซี้และอยากจะให้เธอไปด้วยละมั้งอยู่หนึ่งคน
''คราวนี้ไม่มีหลอกเหมือนเมื่อปีที่แล้วแน่นอนค่ะ''
''ง่ะ'' คิเสะเศร้าหมองลงไปทันทีที่ได้คำยืนยันอีกครั้งท่าทางเหมือนหมาน้อยที่โดนเจ้าของงดให้ขนมทำให้เธอนึกถึงใบหน้าของเจ้าของหมาโกเด้นตัวโตนี้ไม่ได้เพราะเธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสาวที่ชอบคอยเย้าแหย่เจ้าหมาตัวนี้บ้างแล้ว
''ถึงชิรายูกิไม่ได้ไปด้วยแต่ไม่ได้หมายความว่านายจะแอบอู้ได้หรอกนะมุราซากิบาระ'' มิโดริมะเอ่ยดักคอไททั่นท่วงที่แอบทำตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าผู้ช่วยโค้ชสาวสุดโหดจะไม่ได้มาร่วมการเข้าค่ายครั้งนี้
''อะไรกับมิโดจินฉันยังไม่ได้บอกว่าจะแอบอู้เลยซะหน่อย'' มุราซากิบาระเอ่ยแย้ง
''แหมเอาหน่างั้นไว้พวกเราจะซื้อของฝากมาเผื่อนะสึบากิจจิ'' คิเสะที่เห็นว่าจะเกิดสงครามน้ำลายระหว่างรองกัปตันทีมและไททั่นม่วงจึงรีบเข้ามาแก้สถานการณ์
''ยังไงก็เดินทางปลอดภัยและมีชีวิตรอดจากการฝึกในค่ายนะคะ''
''เดี้ยวนะนี้เธออวยพรรึกำลังแช่งพวกเรากันแน่ยัยบ้า!!'' อาโอมิเนะทำสีหน้าสยองเมื่อได้ยินคำอวยพรแบบแปลกๆของสึบากิเขายังจำได้ดีว่าโปรแกรมฝึกในค่ายของร่างบางนั้นเรียกได้ว่าคนละขั้นกับการฝึกในโรงเรียนชนิดเทียบกันไม่ได้เลย
''พวกนายจะยืนคุยกันอีกนานไหมไปกันได้แล้ว'' นิจิมุระเอ่ยเสียงดังไล่บรรดารุ่นน้องหัวหลากที่มาคอยรุมล้อมร่างบางให้รีบขึ้นรถไปก็พอจะรู้ว่าทุกคนคงเป็นห่วงไม่สิต้องบอกว่าหงอยเหงาซะมากกว่าละมั้ง
''มันน่าแปลกเนอะว่าไหมที่จู่ๆทางนั้นเรียกไปพบด่วน'' นิจิมุระหันมามองสึบากิหลังจากที่ไล่คนอื่นไปขึ้นแล้วแม้จะมีสายตาไม่พอใจของส่งมาแต่อดีตกัปตันก็ไม่สนใจ
''มันอาจจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้นะคะนิจิมุระซัง'' สึบากิเอ่ยอย่างมีนัยยะแต่เธอก็ไม่ยอมอธิบายอะไรอีก
ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงนะนิจิมุระซัง สึบากิคิดในใจ
''พักนี้เธอพูดจากแปลกๆนะมีเรื่องอะไรกวนใจกันแน่'' ตาคมหรี่มองอย่างจับผิดกับท่าทางแปลกๆตั้งแต่ที่เด็กที่ชื่อ อาคิโมโต ซากุนะโผ่ลหัวมาแถมยังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชมรมบาสอีก
''จะว่ามีมันก็มีจะว่าไม่มีมันก็ใช่''
''หยุดพูดจากำกวมแบบนี้สิคนเขาเป็นห่วงนะ'' นิจิมุระเอื้อมมือมาตบหัวร่างบางเบาๆเขาไม่ค่อยชอบท่าทีแบบนี้ของสึบากิเท่าไหร่รุ่นนน้องสาวมากวนประสาทซะยังดีกว่าทำตัวเงียบๆแบบนี้
''ที่น่าเป็นห่วงคือพวกคุณต่างหาก'' ร่างบางเงยหน้ามองนิจิมุระด้วยสีหน้าปลาตาย
พวกคุณไม่คนใดคนหนึ่งไม่ก็ทุกคนอาจจะไม่รอดจากเธอคนนั้นก็ได้นะคะ...
''หา?'' ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยมือที่วางบนหัวเปลี่ยนเป้ามาตั้งท่าจะมาบีบขมับอีกฝ่ายแทน
''ฉันหมายถึงการฝึกโหดหน่ะค่ะรอบนี้โปรแกรมฝึกจะแตกต่างกว่าที่ผ่านมา''
''อย่าบอกนะว่าจะใช้ไอ้นั้น?'' นิจิมุระมีสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาทันทีเมื่อพูกถึงโปรแกรมฝึกแบบพิเศษของพิเศษอีกที
''ไปลุ้นเอาเองนะคะ'' สึบากิกระตุกยิ้มมุมปากที่ได้แกล้งรุ่นพี่หนุ่มแม้ครั้งนี้เธจะไม่ได้ไปยืนคุมการฝึกด้วยตัวเองก็ตาม
''นิจิมุระซังได้เวลาแล้วนะครับ'' น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขัดบรรยากาศของทั้งคู่ นิจิมุระเดาะลิ้นก่อนจะขอตัวแยกไปขึ้นรถเหลือเพียงอาคาชิและสึบากิที่ยืนจ้องหน้ากันไปมา
''มีอะไรจะพูดรึเปล่าสึบากิ''
''ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ'' สึบากิคว้ามือเรียวมากุมเอาไว้ อาคาชิกระชับมือนุ่มนิ่มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า''เรื่องนั้นมันย่อมแน่นอนอยู่แล้ว"
''แล้วก็เดินทางปลอดภัยรักษาสุขภาพด้วยนะคะ'' ร่างบางอวยพรแต่เหมือนจะยังไม่เป็นที่พอใจของอาคาชิเท่าไหร่นักเท่าที่เธอสังเกตจากสีหน้าของแฟนหนุ่ม
''แค่นี้เองหรอ''
นั้นยังไงหล่ะเธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดจริงๆ
''จะมากกว่านี้ต้องรอมารับตอนขากลับค่ะ''
''แล้วฉันจะกลับมาเก็บทั้งต้นทั้งดอกแล้วกัน'' รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของอาคาชิเขาปัดปอยผมมมาทัดใบหูเล็กๆก่อนจะม้วนปลายผมดำยาวเล่นเหมือนทุกครั้งแต่บรรยากาศแห่งความสุขก็มลายหายไปทันทีเมื่อมีเสียงใครบางคนเอ่ยขึ้นมา
''เอ่อ…ขอโทษนะคะอาคาชิคุงทุกคนเรียบร้อยแล้ว'' อาคาชิขานรับโดยยังคงจ้องมองสึบากิที่เมื่อครู่แววตาไหววูบเมื่อซากุระเดินเข้ามา แต่เขาไม่ได้พูดอะไรและสึบากิเองก็เพียงคลี่ยิ้มน้อยๆมาให้ อาคาชิจึงขอตัวเดินไปขึ้นรถโดยมีซากุระกำลังจะเดินตามหลังไป
แต่ไม่ทันที่ร่างบอกบางจะก้าวขาไปจู่ๆสึบากิก็ถามคำถามขึ้นมาว่า
''อาคิโมโตะซังคุณเชื่อในเรื่องโชตชะตารึเปล่า''
''แน่นอนสิค่ะอะไรที่ควรจะอยู่คู่กันมันยอมต้องอยู่คู่กันเสมอส่วน…อะไรที่ไม่ใช่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี'' ซากุระหันมาตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆเธอมองมายังร่างบางด้วยความไม่เข้าใจนักที่ทำไมอีกฝ่ายมาถามถึงเรื่องพวกนี้
''งั้นหรอ…''
''ชะตาชีวิตของคนเรามันก็เป็นแบบนั้นนี้ค่ะถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน'' ซากุระตัดบทสนทนาแล้วรีบเดินขึ้นรถมินิบัสไปอย่างไม่ใส่ใจอาการแปลกไปของสึบากิที่ได้ยินคำตอบของตัวเอง
''ถ้าอย่างงั้นทำไมฉันถึงถูกพาตัวมาที่นี้กันนะ…''ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบพลางมองไปยังรถมินิบัสที่เคลื่อนตัวห่างไกลออกไปด้วยสายตาเหม่อลอยแฝงความเจ็บปวดเอาไว้
เวลาของฉันก็ใกล้จะหมดลงแล้วนะเซย์...
ฉับพลันหยดน้ำใสร่วงไหลออกมาก่อนจะหยดลงที่พื้นฟุตบาท สึบากิหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติเดินไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดรอเธออยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงเรียน
ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองท้องฟ้าที่วันนี้อากาศแจ่งใสกว่าทุกๆวันแต่ในใจของสึบากิกลับเศร้าหมองลงเรื่อยๆเหมือนมีม่านหมอกคอยบดบังเอาไว้ตลอดเวลา
มันเป็นทั้งความรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกไปได้แม้ข้างในจะอยากพูดออกไปมากแค่ไหนก็ตามเธออยากระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรับรู้ให้ใครซักคนได้รับฟังแต่ว่า
เรื่องราวนี้เธอไม่สามารถพูดกับใครได้เลยนอกจากตัวของเธอเองเท่านั้น
นี้สินะคือความทรมานของคนที่รับรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เรื่องราวที่แท้จริงที่ตัวเธอนั้นจะต้องเป็นเพียงแต่ผู้ที่เฝ้ามองเท่านั้น....
ไม่มีสิทธิจะคิดใฝ่ฝันถึงหรือครอบครอง
เพราะเขาไม่ใช่ของเธอมาตั้งแต่แรก
เธอผู้ไม่ใช่คู่โชคชะตาที่ถูกกำหนดมาให้รักเขา......และเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะต้องมารักเธอ
ความคิดเห็น