ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 65


     

     

    Chapter 12 : O-nii-chan

    น้อยเขยของพวกเราคือชูคุงเท่านั้น!

     

     

    "ตัวเล็กกินแอปเปิ้ลหน่อยเดี้ยวพี่ชายป้อนให้'' สึบากิละสายจากจอโทรทัศน์มองไปยังฮิคารุพี่ชายคนที่สามยืนชิ้นแอปเปิ้ลที่ปอกเรียบร้อยแล้วมาจ่อที่ปากเธอ

     

    สึบากิกินจนหมดชิ้นก่อนจะหันไปสนใจรายการตลกต่อโดยมีฮิคารุคอยป้อนผลไม้และคาโอรุป้อนน้ำให้เป็นระยะ ช่างสุขสบายซะจริงเวลาที่เธอป่วยเนี้ย วันนี้สองแฝดมาเฝ้าไข้หลังจากที่เธอสลบและถูกคาโอรุพามาโรงพยาบาลด้วยอาการมีไข้และตัวร้อนสูงมาก

     

    ด้วยพิษไข้ทำให้สึบากินอนหลับยาวไปหนึ่งวันเต็มๆจึงฟื้นมาวันที่สองหลังจากเข้าโรงพยาบาลท่ามกลางพี่ชายสามคนที่เฝ้าอยู่รอบเตียงนอนส่วนพี่ฮิซาชิติดประชุมที่บริษัทไม่สามารถมาได้และคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้ดันติดงานที่ต่างประเทศคาดว่าจะรีบกลับมาในอีกสองวัน ส่วนตอนนี้เป็นวันที่สามแล้วอาการของร่างบางดีขึ้นมากอีกไม่กี่วันน่าจะได้กลับบ้าน

     

    แต่ที่สึบากิสนใจอยู่ตอนนี้คือทำไมอาคาชิไม่มาเยี่ยมเธอเลยนี้สิ้!

     

    ''ชูคุงบอกวันนี้ตอนเย็นจะแวะมาหานะตัวเล็ก'' คาโอรุบอกเมื่อเห็นน้องสาวที่ปกติมีหน้าปลาตายทำหน้ามุ่ยพองแก้ม เขาลูบหัวปลอบใจเวลาน้องสาวคนนี้ป่วยมักจะชอบน้อยใจและงอแงหนักมากอย่างเมื่อปีก่อนสึบากิป่วยนอนอยู่บ้านอยู่ดีๆก็ร้องไห้ขึ้นมากลางดึกเพราะอยากกินขนมปังเมล่อนเขาจึงต้องขับรถออกไปร้านสะดวกซื้อ แต่ก็นะด้วยความรักของพี่ชายไม่ว่าน้องสาวอยากได้อะไรพวกเขาก็เต็มใจหามาให้

     

    ''อือ'' สึบากิขานรับสีหน้าดูสดใสขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะกลับมาซึม

     

    คาโอรุคิ้วกระตุกเขาส่งสายตาไปยังฮิคารุที่นั่งอยู่อีกฝั่งดูเหมือนว่านอกจากอดีตว่าที่น้องเขยแล้วตัวเล็กของพวกเขาคิดถึงเจ้าเด็กบ้านอาคาชิที่มันช่างกล้าแอบคบกับน้องสาวของพวกเขาแล้วยังมีหน้ามาประกาศตัวอีก คิดแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด

     

    ''ตัวเล็กอยากกินชามะนาวไหมเดี้ยวพี่ชายลงไปซื้อให้นะคะ'' ฮิคารุรีบเบี่ยงความสนใจของน้องสาวหมายจะลบล้างสมองไม่ให้เจ้าตัวคิดถึงเจ้าเด็กหน้าเหม็นนั้น สึบากิเงยหน้ามองฮิคารุแล้วพยักหน้าหนึ่งทีเป็นอันตกลงร่างสูงจึงรีบออกจากห้องพักไปเพื่อไปหาชามะนาวของโปรดมาให้น้องสาวสุดที่รักของคนทั้งบ้าน

     

    ''นีจังเมื่อวานเจออาคาชิคุงแล้วใช่ไหมคะ'' เมื่อคนที่มีปัญหามากสุดออกไปสึบากิเปิดประเด็นใส่พี่ชายอีกคนทันที คาโอรุกำลังจะหยิบจานใส่ผลไม้ไปล้างชะงักก่อนจะพยักหน้า

     

    ''รู้แล้วใช่ไหมว่าเราคบกันอยู่'' คาโอรุหน้ามืดครึ้มทันทีมือที่ถือวางกระแทกโต๊ะเสียงดัง เขาหันไปมองน้องสาวด้วยใบหน้าเจ็บปวดเหมือนโดนคนรักทิ้งหนีไปกับชู้

     

    สึบากิพ่นลมหายใจเธอกอดอกดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งไปยังพี่ชายอย่าคาดโทษ

     

    ''นีจังพูดอะไรกับอาคาชิคุงแฟนฉันกันแน่ทำไมเขาไม่มาเยี่ยมทั้งที่รู้ว่าฉันป่วย''

     

    "เอ่อ…ตัวเล็กพี่ไม่ได้พูดอะไรนะ…'' คาโอรุหลบสายตาน้องสาวที่จ้องจับผิดเขา

     

    ''โอนีจัง''

     

    ''โอเคยอมแล้วๆ…พี่แค่บอกให้เขาเลิกกับตัวเล็กเพราะตัวเล็กมีคู่หมั้นแล้วแค่นั้นครับ'' คาโอรุสารภาพเขารู้สึกว่าวันนี้ตัวเขาจะหดลงเรื่อยๆยังไงไม่รู้

     

    เวลาตัวเล็กโมโหเหมือนคุณตอนโมโหคุณพ่อเปี๊ยบเลยคาโอรุคิดในใจ

     

    ''อ้อ'' สึบากิตาวาววับเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ชาย ไม่แปลกถ้าแฟนหนุ่มของเธอจะหายหน้าหายตาแบบนี้ ดวงตาสีฟ้าหรี่มองร่างสูงที่ขยับถอยห่างจากเธอเล็กน้อยราวกับยังมีอะไรปิดบังอยู่อีก มือเล็กจับแขนพี่ชายไว้แน่นส่วนคนโดนจับได้สะดุ้ง

     

    ''หะหิวอะไรไหมคะเดี้ยวพี่ชายไปเอาของกินมาให้อีก'' คาโอรุใช้ของกินมาอ้างเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็น

     

    ''นีจังเอาโทรศัพท์ของฉันมาเดี้ยวนี้'' สึบากิยิ้มหวานหยดพร้อมแบมือให้พี่ชายคนที่สองของบ้าน ส่วนคาโอรุขมวดคิ้วเม้มปากแน่นไม่ยินยอมจะส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของเด็ดขาด

     

    ''ตัวเล็กควรพักผ่อนให้มากอย่าเล่นโทรศัพท์เยอะเลยนะ'' คาโอรุใช้น้ำเย็นเข้าลูบหวังบรรเทาความผิดที่แอบทำลับหลังขณะที่น้องสาวนอนสลบอยู่

     

    ''ฉันแค่จะเช็คเมล์ลเรื่องงานที่ทำค้างไว้'' สึบากิยู่ปากใส่พี่ชาย คาโอรุแอบถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าส่งให้น้องสาวแล้วขอตัวเอาจานไปล้างที่เคาเตอร์ครัวที่อยู่ติดกันกับห้องพัก ร่างบางขานรับแล้วหันมาสนใจมือถือตัวเองเธอกดโทรหาใครบางคนที่ป่านี้งอนไปถึงไหนแล้วแน่ๆ

     

    ตรู้ดดตรู้ดดตรู้ดด

     

    ''จิ้'' สึบากิปิดโทรศัพท์หลังกดโทรไปหาปลายสายที่ไม่ยอมรับสายเธอแม้เธอจะพยายามโทรไปหาเป็นสิบๆรอบแล้วก็ตาม ร่างบางล้มตัวลงนอนกอดตุ๊กตาเจี๊ยบสีแดงไว้แน่น ดวงตาสีฟ้ามีน้ำใสๆปริ่มตามขอบตาความน้อยใจเข้าจู่โจม ไม่นานสึบากิก็นอนหลับไป

     

    เชย์คนบ้า

     

     

     

    ''อาคาจินไม่รับสายหน่อยหรอ'' มุราซิบาระเหลือบมองอาคาชิที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างเขาสังเกตว่ามีสายเข้าอยู่หลายครั้งแต่เพื่อนผมแดงคนนี้ก็ไม่สนใจเขาเพียงยกขึ้นมาดูว่าใครโทรมาแล้ววางมันไว้บนโต๊ะจนสุดท้ายโทรศัพท์หยุดสั่นและไม่มีสายเรียกเข้ามาอีก

     

    ''ไม่หล่ะ'' อาคาชิตอบและเขาไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

    ''อาคาชิจจิไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอฮ้ะ'' คิเสะส่งสายตาให้คนอื่นๆช่วยพูด

     

    ''เย็นนี้พวกเราจะไปเยี่ยมชิรายูกินายจะไปด้วยกันไหมอาคาชิ''มิโดริมะเอ่ยชวน แต่อาคาชิยังคงนิ่งเงียบ

     

    ''ว่าแต่เราจะซื้ออะไรเป็นของเยี่ยมดี'' อาโอมิเนะเท้าคางใช้ความคิดเขาเลิกสนใจกัปตันทีมที่ยังเงียบจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

     

    ''ชิรายูกิซังชอบกินแอปเปิ้ลแดงครับเท่าที่ผมทราบ'' คุโรโกะหยิบกล่องนมขึ้นมาดูดเขาเหล่มองท่าทีของอาคาชิชะงักค้างไปชั่วขณะเมื่อเขาเอ่ยถึงผลไม้ที่ผู้ช่วยโค้ชสาวชอบกิน

     

    ''คุโรกจจิรู้ได้ยังไงฮ้ะ'' คนนั่งข้างๆขมวดคิ้วสงสัยว่าเพื่อนจืดจางของเขาไปรู้ของชอบอีกฝ่ายได้ยังไง

     

    ''นิจิมุระซังบอกผมมาหน่ะครับ''

     

    ''แล้วสรุปอาคาจินจะไม่ไปเยี่ยมสึบาจินสินะฉันจะได้โทรบอกให้สึบาจินไม่ต้องรอ'' มุราซากิบาระเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ของตัวเอง ดวงตาสีม่วงมีประกายวิบวับ อาคาชิเห็นแล้วมันทำให้เขาไม่สบอารมณ์กับเพื่อนตัวใหญ่คนนี้

     

    ''วันนี้ฉันมีงานของสภานักเรียนต้องจัดการคงไปไม่ได้'' อาคาชิถอนหายใจแล้วจึงลุกยกถาดอาหารไปวางที่ชั้นก่อนจะขอแยกตัวไป ท่ามกลางสายตาของเพื่อนคนอื่นๆที่เหล่มองกันไปมาด้วยความกระสับกระส่าย

     

    ''เป็นอันว่าตามนั้น'' มิโดริมะถอนหายใจเขามองไปที่เพื่อนที่เหลือมีสีหน้าหน่ายใจ

     

    ''แบบนี้สึบากิจจิไม่น้อยใจแย่หรอฮ้ะนอนป่วยมาสามวันแฟนไม่ไปเยี่ยมเลย'' คิเสะกัดเล็บสีหน้ากลัดกลุ้มใจแทนเพื่อนสาวที่นอนป่วย

     

    ''แล้วจะทำยังไงไปลากคออาคาชิให้ไปเยี่ยมรึไงเหอะ!'' อาโอมิเนะเอนพิงเก้าอี้ไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

     

    ''จริงอย่างที่อาโอมิเนะคุงพูดต่อให้บังคับอาคาชิคุงคงไม่ไปหรอกนะครับ'' คุโรโกะถอนหายใจก่อนจะสบตาเข้ากับมุราซากิบาระที่ดูจะอารมณ์ดีแปลกๆ

     

    ''คุโรจินทำมองฉันแบบนั้นหล่ะ~'' มุราซากิบาระเอ่ยเมื่อเห็นคนจืดจางช่างสังเกตมองตนเองอยู่นาน

     

    ''ชิรายูกิซังส่งข้อความาสินะครับมุราซากิบาระคุง''

     

    ''อาก็นะ~แค่บอกว่าถ้าอาคาจินไม่มาก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแค่นั้น''

     

    ''เอ๋ะ!!มุราซากิบารัจจินี้พูดจริงหรอ!?'' คิเสะลุกพรวดขึ้นมาเขย่าคอเสื้อไททั่นม่วง

     

    ''อาก็ใช่ตะแต่คิเสะจินนายเลิกเขย่าฉันกอนได้ไหมเวียนหัวแล้ว'' ไททั่นม่วงเริ่มมีอาการหน้าซีดจากที่โดนเพื่อนหัวเหลืองเขย่าอย่างแรง จนอาโอมิเนะจับแยกทั้งคู่ออกทุกอย่างจึงสงบลง

     

    ''อะไรกันสองคนนี้ทำสงครามเย็นรึยังไงเนี้ยฮ้ะ''

     

    ''นั้นไม่ใช่เรื่องที่เราจะเข้าไปยุ่งหรอกนะคิเสะ'' มิโดรเมะดันกรอบแว่นสห้เข้าที่และลุกแยกตัวไปไม่สนใจคิเสะที่ยังนั่งปวดหัวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนในชมรมและผู้ช่วยโค้ช

     

    ส่วนคนอื่นๆก็ทะยอยลุกไปเช่นกันเหลือแค่มุราซากิบาระที่เหลือบมองคิเสะมาเป็นระยะก่อนจะตัดสินใจกระซิบบอกอะไรบางย่างให้คิเสะฟัง ส่วนคนฟังเมื่อรู้อะไรมากขึ้นท่าทีก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?

     

     

     

    "ไม่คิดว่าเธอจะป่วยง่ายแบบนี้เลยนะสึบากิ'' ร่างบางมองหนุ่มหล่อเดินเข้ามาในห้องมือเขาถือช่อดอกไม้และแอปเปิ้ล รอยยิ้มทรงเสน่ห์ส่งมาให้ก่อนเขาจะย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้ด้านข้างซ้ายของเธอ

     

    ''ไม่คิดว่าคุณจะมาเยี่ยมนะคะ'' สึบากิรับช่อดอกไม้ก่อนจะยื่นให้สึบาสะที่มาเปลี่ยนเวรเฝ้าไข้สองแฝดที่กลับไปได้ซักพัก คนเป็นพี่ชายรับช่อดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน

     

    ''สึบากิคุณคงยังไม่ลืมว่าพวกเรายังเป็นคู่หมั้นกันอยู่นะ''ร่างสูงหยิบมีดปลอกแอบเปิ้ลที่เขานำมาเยี่ยมไข้คนป่วยด้วยความชำนาญ

     

    สึบากิไม่ได้พูดตอบโต้อะไรดวงตาสีฟ้าสำรวจร่างสูงทักษะการปลอกผลไม้ของเขามันน่าสนใจทุกครั้งโดยเฉพาะการใช้มีดที่คล่องแคล่วแม่นยำขนาดเธอที่พยายามฝึดฝนยังมีฝีมือไม่เท่าคู่หมั้นคนนี้ได้เลย

     

    ''ตัวเล็กพี่ขอตัวไปธุระก่อนนะและนายดูแลน้องสาวฉันให้ดี'' สึบาสะลูบหัวน้องสาวแล้วหันไปสั่งคู่หมั้นที่เขาไม่ได้ชอบขี้หน้านักแต่ก็ยังดีกว่าเจ้าคนของอาคาชิ ร่างสูงพงกหัวยิ้มรับ สึบากิก็ขานรับในลำคอ

     

    คนเป็นพี่ชายถอนหายใจแม้จะไม่อยากทิ้งสองคนนี้ไว้ตามลำพังแต่ธุระด่วนที่เข้ามาเมื่อครู่เองก็สำคัญโดยเฉพาะคนบางคนที่กล้าใช้อำนาจ…… สึบาสะที่สีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อคิดถึงตัวต้นเหตุเขาเดินออกห้องพักไปเพื่อจัดการคนที่กล้ายื่นมือเข้ามายุ่งวุ่นวาย

     

    ''ได้ข่าวว่าสึบากิกำลังคบหากับทายาทของอาคาชิสินะ'' ร่างสูงวางจานที่มีแอบเปิ้ลหั่นเป็นชิ้นเรียบสวยงามไว้ที่โต๊ะสำหรับผู้ป่วยก่อนจะรินน้ำใส่แก้วยื่นให้ร่างบาง สึบากิรับน้ำใจดื่มน้ำเล็กน้อยแล้วจึงวางแก้ว

     

    ''ใช่ค่ะ'' ดวงตาสีฟ้าหม่นหมองลงเมื่อคู่หมั้นของเธอเปิดประเด็นขึ้นมา ร่างสูงเลิกคิ้วแปลกใจกับท่าทีของคนป่วยเขาเปิดลิ้นชักค้นหาบางอย่างเมื่อเจอเขาก็เริ่มใช้มันหวีผมสีดำยาวสลวยด้วยความอ่อนโยน สึบากิชะงักแต่ไม่ได้ขัดขืนเธอปล่อยให้อีกฝ่ายหวีผมตัวเอง

     

    ''เขารู้แล้วใช่ไหมเรื่องของพวกเรา''

     

    สึบากิขานรับเสียงอ่อย เธอพ่นลมหายใจแล้วหันหลังให้อีกฝ่ายหวีผมได้ถนัด ร่างสูงมองท่าทางแมวซึมเขาหัวเราะเบาๆแต่ไม่ได้หยุดมือหวีผมร่างบางเขายังคงง่วนกับการหวีผมที่พันกันเล็กน้อยดูท่าก่อนที่เขาจะมาถึงเจ้าตัวคงเอามือขยี้หัวตัวเองจนมีผมสวยๆพันกันไปหมด

     

    ''แต่เขายังไม่รู้ว่าคู่หมั้นของฉันคือคุณละมั้ง'' สึบากิเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปซักพัก แต่ตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจจะรู้แล้ว

     

    ''คิดจะใช้ฉันแกล้งแฟนตัวเองรึไงสาวน้อย'' ร่างสูงแหย่เสียงเข้มก่อนจะหลุดหัวเราะ

     

    ''ไม่ใช่ฉันหรอกค่ะแต่เป็นพวกพี่ชายต่างหาก'' สึบากิหันกลับมามองคู่หมั้นที่เก็บหวีใส่ลิ้นชั้นเดิมเรียบร้อยแล้ว เขาหยิบแอ็บเปิ้ลในจานมานั่งกิน

     

    ''อะไรกันทั้งที่พี่ชายคุณไม่ชอบฉันเหมือนเขาเพียงแต่พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้ละนะเลยเอาทุกอย่างไปลงกับอาคาชิแทน?'' เขานั่งเท้าคางมองคนป่วยที่ใบหน้ายังซีดแต่โดยรวมอาการดีขึ้นมากแล้ว

     

    ''มันก็มีส่วนแต่ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ'' สึบากิหยิบแอ็บเปิ้ลมาเคี้ยวหน้ามุ้ย ในตอนนี้ที่เธอกลุ้มใจคือแฟนหนุ่มที่หายเงียบไปแม้เธอจะโทรหาก็ไม่ยอมรับสายทำได้เพียงส่งข้อความให้มุราซากิบาระรายงานสถานการณ์เท่านั้น

     

    ''เทียบกับชูแล้วสึบากิชอบใครมากกว่ากันหล่ะ?''

     

    ''มันเทียบกันไม่ได้เพราะไม่มีใครแทนที่ใครได้ค่ะคุณก็เหมือนกันนะแล้วก็มายุสุมิซังอีกคนด้วย'' มือเล็กปัดไรผมของคู่หมั้น ดวงตาสีฟ้ามองอีกฝ่ายมุมปากยิ้มน้อยๆ

     

    ใช่แล้วผู้ชายสี่คนนี้มีความสำคัญกับเธอมากไม่มีใครจะแทนที่ใครได้เพราะทั้งสี่คนมีความทรงจำที่มีค่ากับเธอมากมายมันไม่ใช่เพียงแค่ความรักระหว่างชายหญิงโดยเฉพาะคุณคู่หมั้น มายุซุมิซังและนิจิมุระซังที่เติบโตใกล้ชิดกันมาตั้งแต่เด็กๆด้วยแล้ว

     

    ส่วนอาคาชิคุงสถานะของเขามันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นคนรักของเธอเพียงคนเดียวเธอไม่ได้รักเขามากกว่านิจิมุระซังและไม่ได้รักนิจิมุระซังมากกว่าอาคาชิแม้เธอจะเคยคบกับนิจิมุระซังมาก่อนแล้วถ้าถามเธอตอนนี้คนที่เธอรักเพียงคนเดียวคือ อาคาชิ เซย์จูโร่ เท่านั้น ส่วนเรื่องราวในอดีตมันจบลงไปแล้วเพียงแค่เธอยังมีความรู้สึกดีๆในสถานะพี่ชายที่สนิทสนมให้พวกเขาเท่านั้น

     

    ''ก็นะ'' ร่างสูงนั่งมองร่างบางที่ตอนนี้เติบโตมาได้อย่างงดงามตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ที่รู้จักและสนิทสนมกันมาหลายปี จนถึงขั้นที่ทั้งคู่ต้องมาหมั้นหมายกันแต่เป็นการหมั้นแบบไม่ทางการมีเพียงคนภายในเท่านั้นที่รู้เรื่อง

     

    เดิมทีเขาและสึบากิต่างได้ทำความเข้าใจและตกลงกันดีแล้วรวมทั้งคนที่รับรู้เรื่องการหมั้นหมายครั้งนี้ด้วยแต่ดันมาเสียเพียงเพราะพี่ชายที่ขี้หวงน้องสาวไม่เข้าเรื่องทำให้ตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายตามมาให้ทำความสะอาดทุกๆวัน โดยเฉพาะเหมือนจะมีมือที่มีอำนาจพยายามสืบสาวเรื่องการหมั้นหมายของพวกเขาอยู่ ให้เดาคงเป็นแฟนหนุ่มของคนแถวนี้แต่ดูเหมือนสงความเย็นครั้งนี้บรรดาพี่ชายสามคนของคู่หมั้นไม่ยอมแพ้ข้อมูลของเขาจึงยังไม่ถูกอีกฝ่ายล้วงรู้แม้แต่ชื่อ แต่ก้แค่ในตอนนี้เท่านั้น

     

    ''แล้วคุณจะอยู่ที่โตเกียวอีกกี่วัน'' สึบากิถามเมื่อเห็นร่างสูงนั่งนิ่งเงียบไปนาน

     

    ''เย็นนี้คงต้องกลับแล้ว'' ร่างบางขมวดคิ้วเธอจำได้ว่าเขาเพิ่งจะมาที่นี้ได้ไม่กี่วันเองทำไมถึงรีบกลับไป ร่างสูงลูบหัวสึบากิไปมาที่จริงเขาก็อยากจะอยู่นานกว่านี้แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างคงไม่สะดวกนักในตอนละนะ คู่หมั้นหนุ่มเพียงส่งยิ้มพิมพ์ใจกลับไปให้คนที่ทำท่าจะงอแงเพราะไม่ได้เจอกันมานานพอเจอกันไม่กี่นาทีก็รีบกลับแล้ว

     

    ''คราวหน้าต้องอยู่ให้นานกว่านี้'' สึบากิกอดอกเธอจ้องมองวางท่าออกคำสั่งคู่หมั้นตัวเองที่ลุกขึ้นยืนมองนาฬืกาข้อมือของเขาบอกเวลาที่จะต้องกลับแล้ว

     

    ''ได้สิคราวหน้าจะอยู่ให้นานๆเลยดีไหม?'' ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญาเหมือนทุกครั้งที่เวลาเจอร่างบาง

     

    ''ดีมาก'' สึบากิยิ้มกว้างถึงดวงตาถึงจะรู้อยู่แล้วว่าคู่หมั้นคนนี้จะต้องมาอยู่นานเป็นปีแน่ๆในอนาคตละนะแต่มันก็อดดีใจกับการที่เขาไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้เสมอไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

     

    ''ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะฉันไปละ'' ร่างสูงปล่อยมือแล้วสวมกอดก่อนจะผละออกและเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป สึบากิมองแผ่นหลังที่หายไปแล้วจึงเปิดลิ้นชักออกมามีสมุดเล่มเล็กๆสีดำที่คู่หมั้นแอบใส่ไว้ก่อนจะปิดโดยหมุนกุญแจล็อคไว้ส่วนลูกกุญแจเธอสอดไว้ใต้หมอนเพื่อกันไม่ให้บรรดาพี่ชายมาเปิดเจอสมุดดังกล่าว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยร่างบางจึงล้มตัวนอนพักผ่อนเอาแรงสำหรับรับแขกช่วงเย็นที่จะมาถึงในวันนี้

     

     

     

    ''เซย์จะพาฉันไปไหน?'' สบากิยกมือปิดปากหาวหลังจากช่วงเย็นที่เพื่อนๆมาเยี่ยมและพูดคุยอยู่นานเธอก็หลับไปฤทธิ์ยาแก้ไข้ที่คุณพยาบาลเอามาให้กินหลังมื้อเย็นทุกวัน พอตื่นมาอีกทีเธอถูกแฟนหนุ่มที่หายหน้าไปสามวันอุ้มพาออกมาจากโรงพยาบาลโดยไม่ยอมพูดคุยอะไรนอกจากพาเธอมานั่งในรถ

     

    สึบากิยังสลืมสลือจากฤทธิ์ยาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรเธอจึงล้มตัวนอนหนุนตักอาคาชิที่นั่งเท้าคางมองวิวตามข้างทาง ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงมากด้วยร่างกายที่ยังอ่อนเพลียและยาที่กินทำให้สึบากิหลับสนิทไปอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าร่างบางหลับแล้วอาคาชิจึงเอาผ้าห่มที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะมาห่มให้มือเรียวม้วนเส้นผมแฟนสาวเล่นไปมา ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกไปตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

     

    บรรยากาศในรถเงียบเชียบดวงตาสีแดงมองข้างทางที่รถเคลื่อนผ่านในหัวคิดถึงแผนการณ์ในขั้นตอนถัดไป รอยยิ้มผุดที่มุมปากช่วงเวลาที่เขารอคอยมาถึงสามวันนับว่าคุ้มค่าไม่น้อยจัดการทั้งพี่ชายและได้ตัวน้องสาวมาดูแล อาคาชิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไม่ทันโทรออกมีสายเรียกเข้าขึ้นชื่อของคนที่เขาติดต่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าเขากดสายรับ

     

    ''อาคาชิคุงทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมจ้ะ?'' เสียงปลายสายสอบถามด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่มีอะไรต้องหัวแต่คนร่วมแผนการณ์อดจะโทรมาสอบถามไม่ได้เพราะคงไม่มีแม่คนไหนไม่ห่วงลูกสาวตัวเอง…

     

    ''ครับคุณน้า''

     

    ''น้าขอคุยกับสึบากิหน่อยได้ไหม''

     

    ''สึบากิตอนนี้หลับไปแล้วถ้าเจ้าตัวตื่นผมจะให้โทรกลับไปครับ''

     

    ''ไม่เป็นไรยังไงน้าฝากดูแลตัวแสบของน้าด้วยนะเดี้ยวพรุ่งนี้ประชุมเสร็จน้ากับคุณลุงจะรีบเข้าไปเยี่ยมนะจ้ะ'' อาคาชิขมวดคิ้วเมื่อรถเบรคกระทันหันแม้ไม่แรงมากแต่ทำให้คนที่หลับไปแล้วตื่นขึ้นมา สึบากิหรี่ตาขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหลับตาลงใหม่เมื่อมือเรียวมาปิดตาเธอบังคังนอนต่อ ร่างบางจึงหลับไปอีกครั้ง

     

    ''ครับ'' อาคาชิกดวางสายแล้วหันมาจ้องคาดโทษคนขับรถที่ทำงานพลาด ส่วนคนขับรถทำได้เพียงกล่าวขออภัยด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวจะไปทำให้คนที่หลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งและคราวนี้เขาคงได้ตกงานแน่ๆ

     

    ''อย่าให้มีครั้งหน้าอีก'' อาคาชิสั่งเฉียบขาด

     

    คนขับรถขานรับและระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อครู่อีกเป็นครั้งที่สองจนถึงจุดหมายปลายทางตามคำสั่งของทายาทเพียงหนึ่งเดียวของอาคาชิ เขาถึงได้โล่งใจที่วันนี้รอดตัวไป

     

    ส่วนอีกด้านที่บ้านของชิรายูกินั้น

     

    ''เอาหล่ะใครจะเป็นคนออกมารับโทษก่อนดีจ้ะ'' หลังจากวางสายแล้ว ชิรายูกิ คาโอริกวาดตามองลูกชายทั้งสามที่กำลังคุกเข่าตรงหน้า ในมือเธอถือดาบไม้แกว่งไปมาโดยมีลูกชายคนโตอย่างชิรายูกิ ฮิซาชิ ยืนคุมอยู่ด้านหลังไม่ให้คนก่อเรื่องทั้งสามได้มีทางหนีออกไปจากโรงฝึกแห่งนี้ได้

     

    ''คุณแม่ผมโดนสองคนนี้บังคับนะทำไมต้องรับโทษด้วย'' สึบาสะชิ่งหาทางเอาตัวรอดก่อน จนพี่ชายอีกสองคนจ้องเขม้งที่น้องชายทรยศกันซึ่งหน้าแบบนี้

     

    ''สึบาสะจ้ะถ้าเป็นแบบนั้นลูกนั่งเก้าอี้ลมไปแล้วกันนะ'' คุณนายชิรายูกิยิ้มพิมพ์ใจให้ลูกชายคนเล็กใบหน้าซีดขาวเมื่อได้ยินบทลงโทษ สึบาสะลุกขึ้นก่อนจะเริ่มทำท่าเก้าอี้ลมตามคำสั่งโดยในครั้งนี้ไม่ได้กำหนดเวลานั้นก็หมายความว่าเขาต้องทำท่าแบบนี้จนกว่าม่าม๊าจะพอใจ ทางด้านฝาแฝดที่เห็นน้องชายโดนลงโทษก็ยิ้มด้วยความสะใจโดยหารู้ไม่ว่าพวกเขาเป็นรายต่อไปที่จะโดนไม่ใช่น้อย

     

    ''ถ้าเป็นเรื่องที่พวกลูกไปก่อเรื่องกับลูกชายบ้านอื่นแม่คงไม่ต้องทำแบบนี้แต่นี่ไปก่อเรื่องกับบ้านอาคาชิแถมยังเป็นลูกชายของอาซาโอมิคุงอีกเฮ้อฮิคารุ คาโอรุ ลูกเป็นพี่ชายควรจะไตร่ตรองผลดีผลเสียทั้งกับสึบากิเองและชิรายูกิด้วยเช่นกัน''

     

    ''แม่ครับแต่ว่าเจ้าเด็กนั้นมันไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด'' ฮิคารุเอ่ยขัดในสายตาเขาอาคาชิ เซย์จูโร่ตัวอันตรายชัดๆไม่รู้ถ้าน้องสาวของเขาคบหาอีกฝ่ายจะต้องร้องไห้เสียใจกับการที่มีผู้หญิงมากมายพยายามเข้าหาเด็กนั้นกี่คนต่อกี่คน แถมยังทำให้สึบากิต้องมาตกอยู่วงล้อมของพวกผู้หญิงงูพิษอีกด้วยมองยังไงก็มีแต่ผลเสียไปหมด

     

    ''อย่าได้ดูถูกอาคาชิคุงแบบนั้นเพราะลูกกำลังดูถูกชิโอริลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่ออยู่และเท่าที่เห็นชีวิตหลังแต่งงานของชิโอริและมาซาโอมิคุงก็ราบรื่นดีไม่มีแมลงน่ารำคาญให้มากวนใจเลยด้วยซ้ำถึงแม้ว่าคุณน้าชิโอริจะไม่อยู่แล้วก็ตาม…'' คุณนายชิรายูกิเตือนสติลูกชายที่มีอาการซิสค่อนและขี้กังวลเกี่ยวกับน้องสาวคนเล็กของบ้านมากเกินไป

     

    ''และที่สำคัญการที่ไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับอาคาชิมันไม่เป็นผลดีกับทางเราถึงแม้ทั้งสองตระกูลจะมีอิทธิพลและคบค้ากันมานานแต่อาคาชิก็ยังเหนือกว่าเรามากพวกนายคิดว่าจะพาน้องสาวหนีเงื้อมือคนของอาคาชิไปได้ซักกี่วันดี''

     

    ฮิซาชิถอดแว่นสายตาออกมาเช็ดทำความสะอาดอย่างเอื้อยเฉื่อยในฐานะพี่ชายคนโตและผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปของขิรายูกิการเรียนรู้เกี่ยวกับอำนาจของตระกูลใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่เขาต้องจับตามองและจดจำให้ขึ้นใจโดยเฉพาะกับอาคาชิที่เป็นทั้งคู่ค้าและมิตรที่ดีมาตลอด

     

    ''แต่ว่าขนาดรู้เรื่องที่น้องสาวมีคู่หมั้นแล้วเจ้าเด็กนั้นยังกล้าลักพาตัวน้องสาวไปทางนั้นเองก็ไม่ให้เกียรติทางเราเหมือนกันนะครับ'' คาโอรุยังไม่ยอมแพ้

     

    ''เพราะเขารู้ทุกอย่างทั้งหมดแล้วต่างหากถึงได้ติดต่อมาหาพ่อและแม่ก่อนจะพาตัวสึบากิไป''

     

    ชิรายูกิ ฮิซายะ เดินเข้ามาในโรงฝึกหลังจากที่บินมาถึงญี่ปุ่นไม่นานเขาก็ได้รับสายสำคัญจากทางอาคาชิ เซย์จูโร่ เกี่ยวเรื่องที่ลูกชายทั้งสามก่อเรื่องส่วนต้นเหตุมาจากอาการซิสค่อนกำเริบเมื่อรู้ว่าน้องสาวแอบคบหากับทายาทเพียงคนเดียวของอาคาชิ

     

    ''การที่อาคาชิคุงติดต่อมาก่อนที่จะพาสึบากิไปนับได้ว่าเขายังไว้หน้าเราบ้างแล้วนะจ้ะทั้งที่จะพาสึบากิไปเลยก็ยังได้ไม่ต้องมาติดต่อให้วุ่นวายแบบนี้''คุณนายชิรายูกิกล่าวสื่อนัยบางอย่างแต่ดูเหมือนลูกชายทั้งสามยังคงไม่เข้าใจแต่เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เพราะนี้ก็เริ่มดึกมากแล้วต้องจัดการลงโทษให้เสร็จ

     

    ''เอาหล่ะเสียเวลามามากแล้วฮิคารุ คาโอรุ ก้าวออกมา'' คุณแม่ท่าทางใจดีเมื่อครู่เปลี่ยนมาโหมดเสียงเข้มก่อนจะเริ่มบทลงโทษฝาแฝดที่ทำให้พวกเขาคงไม่มีแรงไปอีกหลายวันเพื่อจะไปก่อเรื่องวุ่นวายอีกรวมถึงไปก่อกวนทางอาคาชิอีกด้วย

     

     

     

    ผ่านไปอีกสี่วันหลังจากสึบากิถูกพาออกมาจากโรงพยาบาลมาอีกที่หนึ่งไม่สิเธอต้องบอกว่าย้ายมานอนพักที่บ้านอาคาชิถึงจะถูกไม่รู้จะหัวเราะรึร้องไห้ดี ที่สำคัญเรื่องที่เธอย้ายมานอนคุณแม่เป็นตัวตั้งตัวตีร่วมขบวนการ อาแค่คิดเธอก็อยากจะล้มลงตัวนอนอีกรอบไม่ติดว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะต้องไปโรงเรียนหลังจากหายป่วยแล้วซึ่งอันที่จริงเธอหายป่วยตั้งแต่เมื่อวานแล้วหลังจากที่หมอประจำตระกูลอาคาชิมาตรวจแต่ว่าเธอไม่สามารถกลับบ้านตัวเองได้เนื่องจากพ่อลูกอาคาชิไม่ยินยอมและต้องการให้เธอมาอาศัยร่วมชายคาด้วยอย่างไม่มีกำหนดกลับ

     

    แน่นอนว่าเธอไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะถามหาเหตุผลทำเพียงรับทราบเท่านั้นช่างเป็นพ่อลูกที่เหมือนกันเกินไปแล้ว

     

    ความสัมพันธ์ของเธอและอาคาชิยังคงไม่ยอมพูดคุยอะไรมากกว่าเขาจะมาดูอาการป่วยตอนที่คุณหมอเข้ามาตรวจและคอยกำกับให้เธอกินยาตรงตามเวลานอกนั้นเจ้าตัวจะหายตัวไปทำงานทั้งส่วนของตัวเองและบางส่วนของเธอที่แบ่งกับอายะซัง เธอเคยของานส่วนตัวเองมาทำแล้วแต่แฟนหนุ่มไม่ตอบรับคำขอนั้นช่วงสามวันที่อาศัยในบ้านของอาคาชิ เธอรู้สึกว่าเหมือนหมูที่โดนขุนด้วยอาหารและยารักษาโรค

     

    มันช่างน่าเบื่อจะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็จะมีคนใช้คอยประกบหน้าหลังมันค่อนข้างจะอึดอัดเมื่อเทียบกับที่บ้านเธอถึงจะมีคนใช้เหมือนกันแต่พวกเขานะรักษาระยะห่างให้มีความเป็นส่วนตัว

     

    ทางอาคาชิคนพ่อ ในเช้าวันแรกที่เธอตื่นมาหลักจากถูกคนลูกพามาในคืนนั้นอาคาชิ มาซาโอมิ ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรจนกระทั่งเธอหายดีเมื่อวานจึงมีคำสั่งลงมาให้เธอเข้าไปพบที่ห้องทำงาน เธอแนะนำตัวเองทักทายตามมารยาทในห้องทำงานที่มีบรรยากาศกดดันมีคำถามมากมายถูกถามก่อนเจ้าของห้องจะอนุญาตให้เธอมานั่งร่วมดื่มชาพร้อมกับเล่นหมากล้อม และยังไม่วายพูดคุยถามข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและลูกชายไปด้วย

     

    จนกระทั่งจบตาเดินและเธอเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หมดรูปเขาจึงปล่อยตัวเธอให้กลับไปพักผ่อน หลักจากนั้นจึงมีคำสั่งให้เธอมาเข้าร่วมมื้อเย็นและเช้าของทุกวันลามไปถึงการที่เธอต้องมาอาศัยอยู่ชายคาอย่างไม่มีกำหนดจนถึงทุกวันนี้

     

    ไม่รู้เพราะต้องการลงโทษที่เธอดันเผลอตอบคำถามบางอย่างที่คิดในใจออกไปรึเปล่าอย่างเช่นตอนที่ถูกถามถึงความสัมพันธ์กับคนลูกและเธอดันเผลอไปตอบว่า

     

    ''ไม่ใช่ว่าคุณลุงทราบทุกอย่างหมดแล้วหรือคะ…อ้ะ!'' นั้นแหละเธอกันหลุดปล่อยไก่ไปแล้วยิ่งต่อหน้าสิงโตตัวใหญ่ด้วยแล้วไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากห้องทำงานนี้รึเปล่า

     

    ส่วนคุณลุงมาซาโอมิที่ในตอนหลังเธอรู้มาว่าแม่ของอาคาชิคุงเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่อตัวของเธอด้วย เมื่อได้ยินคำตอบเขาทำเพียงจ้องมองเธอแต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันไปวางหมากสีขาวในจุดที่เธอไม่คาดคิด สึบากิจึงหันมาจดจ่อกับเกมส์ในกระดานในหัวคำนวณหาลู่ทางหนีโดยไม่สนสายตาอีกฝ่ายที่มองประเมิน แต่ทางด้านพ่อบ้านที่ยืนไม่ไกลกลับมีอมยิ้มที่มุมปากเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวที่เขาเคยได้ยินมานานมากแล้ว

     

    ''วันหลังมาเล่นกับลุงอีก'' หมากสีขาววางอย่างรวดเร็วทันทีที่สึบากิวางหมากสีดำลงไปเมื่อมองไปทั่วทั้งกระดานจะเห็นได้ว่าหมดหนทางเยียวยาแล้ว เธอมุ้ยหน้าแต่ทำเพียงแค่ถอนหายใจจึงขอตัวออกจากห้องทำงานเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องลุกและเดินไปนั่งตำแหน่งโต๊ะทำงานแล้ว

     

    ตัดมาที่ปัจจุบันสึบากินั่งทานข้าวเช้าพร้อมกับสองพ่อลูกอาคาชิที่คนพ่อจะถามเธอและลูกชายตัวเองเรื่องการเรียนเล็กหน่อยและทุกอย่างก็กลับมาเงียบอีกครั้งจนได้เวลาที่เธอและอาคาชิจะต้องไปโรงเรียนเทย์โคว ร่างบางรับกระเป๋านักเรียนจากแม่บ้านก่อนจะเดินขึ้นรถที่อาคาชินั่งรออยู่ข้างในก่อนแล้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากตัวบ้านไป

     

    สึบากิเหลือบมองคนที่นั่งทางซ้ายมือเธอเป็นระยะ จนถึงตอนนี้นอกจากเรื่องงานแล้วอาคาชิไม่ค่อยพูดคุยกับเธอเท่าไหร่นักถ้าจะโกรธเรื่องคู่หมั้นอะไรนั้นคงไม่น่าจะใช่เพราะเท่าที่ดูเขาคงรู้ต้นสายปลายเหตุที่เธอมีคู่หมั้นรวมถึงทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคู่หมั้นของเธอเป็นใครแต่มาทำตัวเป็นจอมเผด็จการกักขังเธอไว้ที่บ้านโดยมีพ่อแม่เธอและคุณลุงร่วมมือด้วย

     

    นี้มันร้ายกาจเกินไปแล้ว!

     

    ''นับจากนี้ไปคุณต้องกลับบ้านพร้อมผมทุกวัน'' ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่นี้คือคำสั่ง สึบากิขมวดคิ้วแม้ไม่ได้ปฏิเสธแต่ท่าทีไม่ยินยอมทำให้จอมเผด็จการจ้องมองคาดโทษที่กล้าขัดคำสั่งเขา ส่วนคนที่โดนจ้องมองตอนนี้ขยับตัวถอยห่างจนชิดกับฝั่งประตูรถ

     

    ''แต่ว่าบางวันฉันต้องไปเดินเล่นกับพวกฮารุจังบ้างนะคะอีกอย่างยังไงช่วงนี้ฉันก็ต้องมาอาศัยอยู่บ้านเซย์อยู่แล้วด้วย…แต่รับรองว่าจะไม่กลับมืดค่ำจนมาไม่ทันมื้อเย็นดีไหมคะ'' ในเมื่อขัดขืนไม่ได้สึบากิจึงเปลี่ยนยื่นข้อเสนอเจรจาแทนอย่างน้อยให้เธอมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างก็ยังดี

     

    ''ไม่ได้'' อาคาชิปัดตกข้อเสนออย่างไร้เยื่อใย

     

    คนบ้าอำนาจ!

     

    ส่วนสึบากิที่การเจรจาล้มเหลวเธอพองแก้มกอดอกมองไปนอกหน้าต่างไม่พูดจาอะไรบรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้งพร้อมความเย็นยะเยือกแต่ทำให้คนขับรถมีเหงื่อซึมออกตามไรผมทั้งที่ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ให้เย็นกำลังดี

     

    ร่างบางพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบสมุดคำศัพท์เปิดไล่อ่านไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลาระหว่างอยู่บนรถและบรรยากาศที่น่าอึดอัดระหว่างเธอกับอาคาชิ มือเล็กเขียนโน๊ตลงไปก่อนจะหมุนควงปากกาเล่นไปมาเป็นนิสัยเคยตัว ดวงตาสีฟ้ากวาดตามองคำศัพท์ที่ต้องจดจำแต่ในหัวตอนนี้กำลังไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ในมังงะที่จะเกิดเยอะแยะเต็มไปหมดโดยไม่รู้ว่าคนบ้าอกนาจลอบมองเสี้ยวหน้าเธออยู่ มุมปากผุดยิ้มขึ้นมาก่อนจะกลับมาราบเรียบดังเดิม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×