ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket,knb] Love is the honey (Akashixoc)

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 65


     

     

    Chapter 11 : Kiss mark

     

     

     

    ''ยอดขายทล่มถลายดีเกินขาดแฮะ'' นานะมองข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินเข้าบัญชีในมือถือที่เด้งทุกๆหนึ่งวินาทีด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย วันนี้เธอโดนเพื่อนสาวทั้งสองให้ช่วยตรวจเช็คออเดอร์โฟโต้บุ้คที่วันนี้เปิดให้มีการพรีออเดอร์เป็นวันแรก

     

    ''สำหรับฉันแล้วมันคือยอดขั้นต่ำที่ควรจะได้อยู่แล้ว'' สึบากิมองจอคอมพิวเตอร์ที่แจ้งยอดสั่งซื้อรวมเข้าหลักพันแล้วหลังเปิดระบบให้ลงทะเบียนและชำระเงินไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

     

    ''ก็นะนายแบบของเราทั้งสองเป็นเหมือนสมบัติของเทย์โควยอดน้อยสิแปลก'' ฮารุที่นั่งเท้าคางอยุ่ตรงข้ามไล่มองไปยังนายแบบทั้งสองที่ตอนนี้ก้มหน้าทำงานเอกสารอยู่

     

    ''แต่ว่านักเรียนโรงเรียนของเราไม่น่าจะทำยอดถึงเร็วขนาดนี้นี่หน่า'' รุ่นพี่อายะเดินผ่านมาหยุดดูยอดรวมการสั่งจองโฟโต้บุ้คด้วยความสงสัย ถึงนายแบบจะเป็นหนุ่มฮอตก็จริงแต่มันไม่น่าจะถึงขนาดนี้ได้

     

    ''มันไม่ได้มีแค่คนในโรงเรียนที่จะซื้อได้นะคะรุ่นพี่อายะ'' ร่างบางอธิบายดวงตาสีฟ้ากวาดตามมองสามสาวที่เอียงคอสงสัยก่อนจะส่งสัญญาณมือให้ทุกคนเข้ามาสุ่มหัวกัน

     

    ''ฉันติดต่อกับพันธมิตรโรงเรียนอื่นให้กระจายข่าวออกไปทั่วเขตนี้แล้วก่อนวันเปิดจอง'' สึบากิพูดเสียงเบาเธอหยิบขวดเครื่องดื่มาดื่มแก้กระหาย คนที่ได้ฟังตาลุกวาวแล้วยิ้มให้กันอย่างรู้นัยยะ

     

    ''แบบนี้เรื่องเงินใช้จัดพื้นที่ส่วนกลางคงมีจนล้น?''นานะเลิกคิ้วมองเหรัญญิกของสภา สึบากิส่ายหน้าทำเอาอีกสองคนที่เหลือมีสีหน้าปั้นยากยอดขายขนาดนี้ยังไปพอมาถมงบประมาณอีกเรอะ?

     

    ''หักต้นทุนแล้วกำไรที่เหลือต้องแบ่งให้ทางโรงเรียนหนึ่งส่วน'' สึบากิมุ่ยหน้าไม่สบอารมณ์ทั้งที่สภานักเรียนเป็นคนหามาแต่ต้องเอากำไรส่วนหนึ่งจ่ายคืนให้โรงเรียนเพื่อเป็นค่าสถานที่ตามที่ ผอ จอมโลภต้องการ

     

    ''แบบนี้ก็แย่สิส่วนที่หายไปจะทำยังไงต่อ'' ฮารุนวดขมับเริ่มปวดตุบกับความหิวเงินของผอโรงเรียน

     

    ''ฉันจะขออนุมัติใช้ไอ้นั้น''

     

    ''สึบากิจังไอ้นั้นที่ว่า…'' อายะจับบ่ารุ่นน้องเพื่อขอความแน่ใจ สึบากิพยักหน้ามาถึงขั้นนี้เธอคงต้องใช้มัน

     

    เงินสำรองของสภานักเรียนเทย์โคว

     

    โรงเรียนเทย์โควมีประวัติการก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปีมีชื่อเสียงทั้งด้านกีฬาและวิชาการมากตลอดเป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกหลานเข้ามาศึกษาในสถาบันแห่งนี้อย่างล้นหลามทุกปี ด้วยมีอาจารย์และบุคลากรที่มีคุณภาพสูงและสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมเทย์โควจึงจัดอยู่ในลิสอันดับต้นที่มีนักเรียนต้องการเข้าศึกษา

     

    สภานักเรียนโรงเรียนเทย์โควตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีการทำระบบเงินทุนสำรองขึ้นมาเพื่อใช้ในสภาวะฉุกเฉินโดนระบบนี้จะส่งผ่านมาทางเหรัญญิกจากรุ่นสู่รุ่นบัญชีและรหัสจะถูกแยกออกโดยบัญชีเลขานุการจะเป็นคนเก็บเอาไว้ส่วนรหัสเหรัญญิกจะเป็นผู้ถือ

     

    ระบบนี้เกิดขึ้นมาเพื่อใช้คานอำนาจของประธานนักเรียนไม่ให้มีมากเกินไปถึงจะรู้ว่าสภานักเรียนมีเงินสำรองแต่ประธานนักเรียนไม่มีสิทธิบังคับหรือแตะต้องใช้เงินในส่วนนี้เด็ดขาดมีเพียงแค่เหรัญญิกเท่านั้นที่จะใช้ได้ซึ่งการจะนำออกมาใช้เองก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน แต่หน้าที่ของเหรัญญิกไม่ได้มีเพียงถือเงินสำรองแต่สึบากิจะต้องทำหน้าที่หาเงินเข้ามาเติมในบัญชีด้วยเช่นกัน

     

    เนื่องจากสภานักเรียนรุ่นก่อนบริหารการเงินได้ล้มเหลวจนน่าใจหายเงินในบัญชีสำรองที่ควรจะมีเยอะกลับเหลือไม่กี่แสนเยนภาระจึงตกมาที่สภานักเรียนภายใต้การน้ำของปรธานทาคุมิที่ตอนนั้นอยู่ชั้นปีที่สอง ด้วยเหตุนี้สึบากิที่เข้ารับตำแหน่งเหรัญญิกจึงหาทุกวิธีการหาเงินเข้าทุนสำรองเพื่อเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

     

    เรื่องการเอารูปของแฟนหนุ่มไปขายเองก็เป็นช่องทางการหาเงินเข้ามาเติมในบัญชีสำรองดังกล่าว นอกจากนี้สึบากิยังเอาเงินไปลงทุนในด้านอื่นๆจนตอนนี้เงินทุนสำรองกลับมาสู่สภาพที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แม้ประธานทาคุมิที่รู้ยอดเงินล่าสุดในตอนนี้จะอ้อนวอนขอใช้เงินส่วนนี้ตอนที่โดนตัดงบประมาณสำหรับจัดงานเทศกาลแต่สึบากิไม่ใจอ่อนเธอจึงเสนอการขายโฟโต้บุ้คขึ้นมาทาคุมิจึงยอมเลิกลาไป

     

    ส่วนสมาชิกสภาคนอื่นๆไม่ได้รู้ถึงเรื่องเงินทุนสำรองของสภารวมทั้งแฟนหนุ่มของเธอแม้จะมีตำแหน่งเป็นรองประธานก็ตามคนที่รู้เรื่องถึงมีแค่สามคนเท่านั้นแต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกสองละนะ

     

    ''แต่ปัญหาคือเราจะเอาเงินส่วนนี้เข้ามาระบบโดยไม่ให้มีใครสงสัยได้ยังไง'' นานะเปิดประเด็นเธอพอรู้มาบ้างว่าเงินส่วนนี้ทางโรงเรียนเองก็ไม่ได้รู้ถึงการมีอยู่ของมันเพื่อป้องกันผออย่างคนปัจจุบันที่หน้าเงินและไร้ยางอาย

     

    ''ฉันถึงได้มีการจัดการประมูลขึ้นมา''

     

    ''อาถ้าเป็นการประมูลผอนั้นได้แต่น้ำลายหกกับยอดเงินที่เข้ามาโดยตรงของสภานักเรียนเพราะเป็นการใช้สินค้าลิมิตเต็ดส่วนตัวของสภานักเรียนออกมาต่อหน้าคนที่เข้าร่วมงานถ้ายังคิดจะหุบเงินส่วนนี้ไปคงได้มีการสอบประวัติกันยาว'' อายะเลียริมฝีปากไปมาพร้อมกับยิ้มเย็นด้วยความสะใจ

     

    ''แต่ตอนนี้ฉันยังหาคนที่จะไปยืนประมูลของให้ไม่ได้เลยนี้สิ''

     

    ''ทำไมสึจังไม่ให้พวกเราประมูลให้หล่ะ?'' ฮารุเสนอตัวแต่สึบากิปฏิเสธ

     

    ''ลืมไปแล้วหรอคะว่าแฟนของนายแบบห้ามประมูล'' มือเล็กชูใบประกาศที่ตอนนี้ถูกเผยแพร่ไปตามเว็ปบอร์ดเรียบร้อยแล้วมีตัวหนังสือสีแดงเขียนว่าแฟนของนายแบบจะไม่เข้าร่วมปรมูลในครั้งนี้

     

    ''อาถ้าพวกฮารุจังลงไปประมูลเท่ากับว่าคนก็จะรู้สินะคะ'' อายะครุ่นคิดเธอเหลือบมองนายแบบทั้งสองที่ตอนนี้เริ่มเงยมาสงสัยว่าพวกเธอสี่คนสุมหัวคุยเรื่องอะไรกันก่อนจะละสายตามามองสึบากิที่กรอกตาบนเป็นอันจบการสนทนาไว้ก่อนสามสาวจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    อาคาชิมองด้วยความสงสัยก่อนจะสบตาเข้ากับสึบากิที่หันมาเขาเพียงยิ้มแล้วก้มหน้าไปจดจ่อกับเอกสารต่อส่วนสึบากิเลิกคิ้วแล้วจึงหันมาสนใจยอดจองโฟโต้บุ้คในโน้คบุ้คต่อ ด้านทาคุมิที่อาการร้อนรนอยากรู้เรื่องเม้ามอยของสาวๆเขาหันไปส่งสายตาออดอ้อนอายะที่มาส่งเอกสาร เลขานุการสาวเพียงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจะกลับไปโต๊ะทำงานตัวเองทิ้งความสงสัยให้ประธานหนุ่มที่อยากรู้

     

     

     

    ห้องล็อคเกอร์

     

    "ไม่คิดว่าสึบากิจจิจะอารมณ์รุนแรงนะฮ้ะเนี้ย'' คิเสะมองรอยกัดที่เป็นรอยฟันสีแดงเข้มชัดเจนตัดกับพื้นสีขาวและรอบๆมีรอบเล็บขวนจิก

     

    ''ยัยนั้นเป็นหมารึไงกัดจะจมเขี้ยวแล้วนายไม่ปวดแผลเรอะอาคาชิ'' อาโอมิเนะยืนมาจ้องรอยกัดด้วความสยองคงปวดน่าดูขนาดเขาที่โดนหมากัดเบาๆยังปวดไปหลายวัน

     

    ''อาคาจินเจ็บมากไหมเอ้านี้ขนมจะได้หายปวด'' ไททั่นม่วงยื่นขนมอุไมโบให้เพื่อนที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นกัปตันทีมบาสแล้วดวงตาสีม่วงเหลือบมองด้วยความเป็นห่วง อาคาชิเพียงยิ้มและรับขนมมา

     

    สึบาจินเห็นว่าใจดีตลอดแต่เวลาโมโหก็ดุกว่าอาคาจินอีกแฮะ

     

    ''อาคาชิรับนี้ไป'' นิจิมุระหยิบกระปุกยาสีฟ้าโยนให้อีกฝ่ายรับ อาคาชิรับมามองกระปุกที่รุ่นพี่โยนมาให้ด้วยความสงสัย

     

    ''สึบากิฝากมาให้เอาไว้ทาแผลแก้ปวดส่วนอันนี้พาสเตอร์แบบน้ำเหงื่อออกจะได้ไม่แสบ''รุ่นพี่หนุ่มยื่นขวดพาสเตอร์แบบน้ำมาให้อีกก่อนจะขอตัวไปโรงยิมก่อนตามด้วยคนอื่นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหลือเพียงมิโดริมะที่กำลังจะเดินตามออกไป เขาทำทีจะพูดอะไรแต่เปลี่ยนใจเดินตามคนอื่นๆไปด้วย

     

    อาคาชิมองยาแก้ปวดและพาสเตอร์น้ำในมือ เขาหันไปหยิบโทรศัพท์กดโทรหาใครบางคน''มาหาหน่อยมีเรื่องให้ช่วย'' ปลายสายตอบรับเขาจึงวางมือถือลงก่อนจะนั่งรออยู่บนม้านั่งอย่างอารมณ์ดี

     

     

     

    ''อาคาชิคุงมีอะไรรึเปล่า'' สึบากิเปิดประตูเดินเข้ามาหาแฟนหนุ่มที่นั่งรอยู่เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยที่จู่ๆอีกฝ่ายเรียกให้มาหา

     

    ''ทายาให้หน่อยสิ'' อาคาชิพูดเสียงอ่อนแล้วยื่นกระปุกยากับพาสเตอร์น้ำมาตรงหน้าเธอ

     

    สึบากิมองแฟนหนุ่มที่โตจนทายาเองได้แล้วออดอ้อนให้เธอมานั่งทาให้ด้วยความอ่อนใจ เธอไม่คิดว่าอาคาชิที่ภายนอกดูแข็งแกร่งและมีความเป็นผู้นำสูงจะมาออดอ้อนเสียงอ่อนให้เธอทายาให้ เธออมยิ้มก่อนจะรับของมาแล้วเริ่มทายาที่จำได้ว่าฝากนิจิมุระเอามาให้อาคาชิ

     

    ''โตขนาดนี้แล้วทายาเองไม่ได้หรอคะ'' นิ้วเรียวเล็กป้ายยาในกระปุกก่อนจะทาวนให้ยาซึมความเย็นของเนื้อยาบรรเทาอาการปวดร้อนได้ดี

     

    ''คนทำต้องรับผิดชอบสิ''

     

    อาคาชิตอบเขามองคนที่จดจ่อกับการทายาอ สึบากิไม่ได้เถียงต่อเธอนวดยาไปเรื่อยจนซึมหมดแล้วหยิบเอาพาสเตอร์แบบน้ำหมุนฝาขวดขึ้นมาจะพบแท่งพลาสติกเล็กๆมีปายเหมือนพู่กันติดอยู่กับฝา เธอปาดน้ำใสที่ปลายพู่กันออกเล็กน้อยก่อนจะมาทาทับรอยแผลต่างๆน้ำใสๆจะแห้งเป็นชั้นฟิลม์บางๆเคลือบแผลเอาไว้ป้องกันเหงื่อหรือสิ่งสกปรกเข้ามา

     

    ''เอ้า!เรียบร้อยใส่เสื้อผ้าได้ค่ะนายน้อย'' สึบากิเก็บอุปกรณ์เดินไปใส่ในเป้ของแฟนหนุ่มก่อนจะหันกลับมามองอาคาชิที่สวมเสื้อยืดสีขาวเรียบร้อยแล้ว เธอแปลกใจวันนี้เจ้าตัวใส่เสื้อที่คอค่อนข้างกว้างจนเห็นรอยกัดรำไรใต้เสื้อสีขาวตัวบางกว่าปกติ

     

    แหมกะจะอวดรอยให้คนทั้งชมรมรู้รึไงเนี่ยพ่อคุณ!

     

    อาคาชิยืนขึ้นก่อนจะคว้าเอวบางดึงเขามาหาตัวแล้วก้มลงมาจูบเบาๆ เขาหัวเราะกับอาการเขินอายเวลาที่สึบากิโดนเขาจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ใบหูจะแดงเข้มจนเขารู้สึกว่ามันน่ากัด มือเรียวคลึงใบหูเล็กที่เป็นจุดอ่อนของร่างบางเล่นไปมาด้วยความสนใจ เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งค้นพบว่าสึบากิเป็นพวกความรู้สึกไวมากโดยเฉพาะตรงใบหู

     

    ''อื้อ~เซย์อย่าเล่นหูสิ้อ้ะ!'' สึบากิที่โดนแฟนหนุ่มสัมผัสใบหูตรงส่วนที่เธอไวต่อความรู้สึก แข้งขาเหมือนจะอ่อนยวบลงไปกับพื้นแต่ดีว่าอาคาชิโอบพยุงตัวเธอไว้

     

    ''กัดได้ไหม'' อาคาชิยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ใบหูเขาจงใจพ่นลมหายใจเบาๆเพื่อแกล้ง และได้ผลเกินคาดร่างบางสั่นระริก สึบากิส่ายหน้าปฏิเสธถึงจะรู้ว่าเป็นคำถามที่ไม่ให้ปฏิเสธก็ตาม

     

    ''อ้า~อึกเซย์~'' สึบากิร้องประท้วงแต่อาคาชิไม่สนใจเขาขบกัดไปทั่วใบหู แดงเข้มด้วยสัญชาตญาณมือสองข้างโอบเอวและหลังให้ร่างบางแนบชิดเข้ามาอีกโดยที่ริมฝีปากยังคงขบกัดก่อนจะอ้าปากเพื่อจะชิมรสชาติ สึบากิทีได้ยินเสียงเหมือนมีความเปียกชื้นใกล้เข้ามาสัมผัสใบหูตัวเองเธอรีบร้องห้ามแต่อาคาชิที่หลุดการควบคุมตัวเองไปบางส่วนไม่สนใจลิ้นที่เปียกชื้นสัมผัสเบาๆที่บริเวณกระดูอ่อน

     

    ''อ้าย~อุ้บ!'' สึบากิส่งเสียงร้องก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองที่หลุดเสียงน่าอายออกมา ในหัวตอนนี้ขาวโพลนไปหมดอาคาชิยังคงสัมผัสใบหูเธอไม่หยุด ผ่านไปนานอาคาชิหยุดและเปลี่ยนมานั่งที่ม้านั่งแล้วดึงเธอให้มานั่งตักเขาไว้ ร่างบางซุกหน้าหอบหายใจที่หัวไหล่แฟนหนุ่ม

     

    ในที่สุดก็หยุดซะที สึบากิโล่งอกตอนนี้เธอไม่มีแรงจะยืนแล้ว

     

    ''ยังไม่อิ่มเลยสึบากิ'' สึบากิเบิกตากว้างเธอเงยหน้ามามองคนพูดและไม่ทันรู้ตัวว่ามันคือกับดักของท่านชายอาคาชิเขาล็อคท้ายทอยให้ก้มลงมาแล้วจึงเริ่มตักตวงวิญญาณเธอผ่านริมฝีปากที่เผลออ้าปากให้อีกฝ่ายลุกล้ำพื้นที่เข้ามากวาดต้อนภายในไปจนหมดมันทั้งดุดันและร้อนแรง

     

    เสียงกลืนน้ำลายดังเอือกโดยที่ปากยังคงประกบกันอยู่ มุมปากทั้งคู่ที่คราบน้ำเปราะเปื่อนออกมาก่อนที่อาคาชิจะผละออกเมื่อร่างบางเริ่มทุบที่อกเป็นสัญญาณว่าไม่ไหวแล้ว เส้นลายน้ำสะท้อนแสงไฟเมื่อริมฝีปากแยกจากกัน สึบากิอ้าปากหายใจเพื่อรับออกซิเจนใบหน้าแดงจัดดวงตาสีฟ้าหวานเชื่อม อาคาชิจ้องภาพยั่วยวนไม่วางตา

     

    ''มะ ไม่เอาแล้ว'' สึบากิพูดเสียงสั่นจากหูมาจูบนี้กะจะไม่ให้เธอยืนได้เลยใช่ไหมเนี้ย!

     

    ''งั้นไม่ยกโทษรื่องเมื่อคราวก่อนให้หรอกนะสึบากิ'' อาคาชิข่มขู่แฟนสาวก่อนจะหอมแก้มคนดื้อดึงหนึ่งที

     

    ''ขี้โกง'' สึบากิเบอะปากขัดใจที่เขาเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับเธอ

     

    ''งั้นคราวนี้สึบากิเริ่มก่อนแล้วกัน'' อาคาชิยกยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    !!!

     

    ''เซย์จูโร่!'' สึบากิคำราม อาคาชิหัวเราะในลำคอดูเหมือนกระต่ายดำตัวน้อยจะโมโหแล้ว แต่เขาก็ยังคงจ้องนิ่งไม่พูดอะไรอีกสึบากิจ้องกลับไม่ยอมแพ้ ผ่านไปซักพักสึบากิหลบตายอมแพ้เธอถอนหายใจ อาคาชิจึงเงยหน้าไปจุ้บปากเบาๆดวงตาสีแดงมองมายังร่างบางอย่างรอคอย

     

    ''คนบ้า''

     

    สึบากิพึมพำก่อนจะใช้มือขวาสอดนิ้วเขาไปตามกลุ่มผมที่เหนือท้ายทอยของแฟนหนุ่มจับให้อาคาชิเงยหน้าขึ้นและประกบริมฝีปากด้วยความโมโห เธอบดขยี้ทั้งบนและล่างอย่างไม่ปรานีราวกับต้องการระบายอารมณ์ที่อาคาชิชอบบังคับให้เธอทำอะไรตามที่เขาต้องการเสมอคราวนี้เธอเป็นฝ่ายรุกล้ำด้วยความเกรี้ยวกราดไล่ไปตามเพดานและไรฟันจบด้วยการพัวพันกันไปมา

     

    ส่วนอาคาชิเขาครางด้วยความพอใจแต่ไม่ได้โต้ตอบรุนแรงกลับไปเขาเพียงรอรับอารมณ์เกรี้ยวกราดร่างบางเท่านั้นมือเรียวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังบอกบางแล้วกระชับให้ร่างกายเบียดชิดเข้ามาอีก สึบากิที่โดนอารมณ์โมโหครองงำไม่สนใจอะไรแล้วเธอยังคงแนบชิดมือเรียวขยุมเรือนผมสีแดง เสียงดูดดึงดังกว่าเมื่อตอนแรกและช่วงสุดท้ายเกิดเสียงดังอีกครั้งก่อนที่สึบากิจะถอนริมฝีปากออก

     

    สึบากิมองหน้าคนที่ชอบบังคับเธอด้วยความขุ่นเคืองเธอยกมือมาปาดคราบน้ำลายไม่ไหลออกมาตามมุมปากอย่างแรง ส่วนอาคาชิยังนั่งจ้องตาใสแป๋วเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์ ตั้งแต่คบกันมาตอนนี้เธอเพิ่งรู้ซึ้งแล้วว่าอาคาชิไม่ว่าจะร่างโบคุชิรึร่างโอเรชิที่สุภาพเขาก็คือ อาคาชิ เซย์จูโร่ ที่ไส้ในจริงๆ เขาทั้งร้ายกาจ มากแผนการ เจ้าเล่ห์ และเผด็จการที่สุด!

     

    ''เวลาสึบากิโมโหเนี่ยร้อนแรงจังเลยนะ'' อาคาชิเลียริมฝีปากก่อนจะยิ้มมุมปากดวงตาสีแดงวาววับ

     

    ส่วนกลยุทธ์ที่อาคาชิ ถนัดมากที่สุดคงจะเป็นการยั่วโมโหแฟนตัวเองนี้แหละ!!

     

    ''เซย์จูโร่!!''

     

    อาคาชิยิ้มไม่สะทกสะท้านใดๆ

     

    ''เลิกเล่นได้แล้วมาเอาจริงกันดีกว่า'' สึบากิตกใจอ้าปากค้างเอาจริงคืออะไรเมื่อกี้คือล้อเล้น? ใบหน้าแดงจัดด้วยจินตนาการไปไกลเสียแล้ว คนที่พูดจากำกวมชวนคิดลึกหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่สองของร่างบางแล้วแหวกให้เห็นไหปลาร้า

     

    ''เซย์ดะเดี้ยวทำอะไรเนี้ย?!'' สึบากิรวบเสื้อตัวเองแน่นตอนนี้เธออายุยังไม่ถึง15เลยนะ!

     

    ''เอาจริงไง''
     

    ''เอาจริงบ้าอะไรอายุยังไม่ถึง15เลยนะ!'' สึบากิขึ้นเสียงหน้าเธอเห่อร้อนไปหมด

     

    ''สึบากิฉันแค่จะทำคิสมาร์ก'' อาคาชิเลิกคิ้วก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ

     

    ''……''

     

    ''เลือกมาจะให้ทำตรงไหนก่อนดี'' อาคาชิจับมือที่กุมเสื้อแน่นให้คลายออกตอนที่ร่างบางกำลังเผลอ สึบากิประมวลผลในสมองถึงคำว่าคิสมาร์กคืออะไร เธอตีสีหน้าปลาตายใส่ก่อนจะเกาข้างแก้มแก้บรรยากาศแปลกๆที่ฟุ้งขึ้นมา โดยไม่ทันได้ตั้งตัวอาคาชิเข้าประชิดที่ไหปลาร้าแล้วทำรอยมาร์กสีแดงเข้มไว้แล้ว

     

    ''……''มันเร็วมากจนสึบากิไม่ทันได้ร้องออกมาแต่ตัวแข็งทื่อช็อคไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาหน้าแดงจัดอีกครั้ง เธอหาเสียงไม่เจอแล้วสมองตอนนี้ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป

     

    ''ลงโทษที่คุณกล้าพาผู้ชายคนอื่นเข้าบ้านตัวเอง'' อาคาชิเงยหน้าพูดด้วยเสียงเข้ม ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่กลับมาเรียบเฉย ดวงตาสีแดงจ้องมองคาดโทษแฟนสาวที่กล้าชวนผู้ชายคนอื่นเข้าบ้าน

     

    ''แต่อันนั้นพี่ชายฉันชวนนิจิมุระซังเองนะ!'' ร่างบางแย้ง สึบากิไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะกลายร่างเป็นสโตกเกอร์ตามติดทุกการเคลื่อนไหวในชีวิตเธอไปแล้ว

     

    ''หึ'' อาคาชิหันหน้าหนีไม่สนใจแต่แขนยังรัดเอวบางแน่น สึบากิถอนหายใจกับอาการคนขี้งอนที่เธอก็ไม่คิดว่าคนอย่าง อาคาชิ เซย์จูโร่จะมีนิสัยเด็กน้อยแบบนี้ซุกซ่อนอยู่ในตัว

     

    ''เซย์หันหน้ามาคุยกันก่อนสิ'' สึบากิกลับมามีสีหน้าปลาตายอีกครั้งมือเล็กประคองหน้าแฟนหนุ่มให้หันหน้าตรงมายังเธอ อาคาชิไม่ได้ขัดขืนแต่ไม่พูดอะไรอีกเขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ร่างบางเห็นดังนั้นจึงก้มลงไปจูบเบาๆหนึ่งที

     

    ''ถึงจะไม่ใช่แฟนคนแรกแต่เป็นจูบแรกของฉันเชียวนะ'' สึบากิมองไปที่ดวงตาสีแดงที่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยกับความจริงที่ได้รู้ สึบากิจึงก้มลงไปจูบใหม่อีกครั้งคราวนี้มันนุ่มนวลค่อยละเลียดชิมรสชาติหอมหวานอย่างช้าๆดวงตาสีฟ้าสบเข้ากับดวงตาสีแดงนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามกลุ่มผมสีแดง อาคาชิเผลอครางไปกับสัมผัสนั้นสึบากิหัวเราะในใจเสร็จฉันละเจ้าสิงโตตัวร้าย

     

    ความเปียกชื้นกวัดพันเกี่ยวไปมาในโพร่งปากบางครั้งหยอกล้อเบาๆไปมาให้อีกฝ่ายต้องคอยไล่ตามไปพัวพันอีกครั้งวนเวียนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อหายใจก่อนจะกลับเข้าไปแนบชิดใหม่อยู่หลายครั้งแล้วจึงค่อยๆถอยออกมา

     

    ''ใครแนะนำมาให้ทำแบบนี้?'' อาคาชิปัดป่ายเส้นผมที่ปกหน้าอีกฝ่ายดวงแววตาอ่อนโยนผิดจากตอนแรก เขาจูบที่กระหม่อมร่างบาง

     

    ''คิดเองทำเอง'' สึบากิพูดได้อย่างไม่อายปากกันเลยทีเดียวทั้งที่เธอเอาความคิดนี้มาจากเพื่อนสาว แต่ช่างเถอะตอนนี้นับว่าท่านชายอารมณ์ดีขึ้นมาแล้วเดี้ยวค่อยกลับไปให้รางวัลเพื่อนที่หลังแล้วกัน

     

    อาคาชิหลุดขำคนหน้าตายที่กล้าโกหกต่อหน้าเขาตั้งแต่คบกันมาทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามีเพื่อนคอยแนะนำให้เจ้าตัวทำสารพัดวิธีมาเอาใจเขาไม่รู้หวังดีสนองให้ใครกันแน่แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์ร่วมด้วยเลยไม่ได้ตามเอาเรื่องหรือว่าอะไรออกจะชอบด้วยซ้ำ

     

    ''อาคาชิคุงจะได้เวลาซ้อมแล้วนะคะ'' สึบากิลงจากตักแฟนหนุ่มเธอกลับเข้ามาสู่โหมดปกติและจริงจังก่อนจะติดกระดุมและจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยรวมทั้งผมที่ยุ่งให้มาเป็นเหมือนเดิม ส่วนอาคาชิเองก็เดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนจะรับผ้าขนหนูที่แฟนสาวยื่นมาให้ซับหน้า

     

    ''ไปกันเถอะสึบากิซัง'' อาคาชิเดินนำสึบากิไปยังโรงยิมเพื่อเริ่มหน้าที่การเป็นกัปตันของเขาในวันนี้ สึบากิมองแผ่นหลังที่ตั้งตรงสง่างามน่าเกรงขามช่างแตกต่างกับเวอร์ชั่นเมื่อครู่จนเธอขยี้ตาดูอีกรอบนี้ใช่อาคาชิคนเดียวกันจริงรึเปล่า? คนที่ออดอ้อนให้เธอทายาแถมยังยังชอบฉวยโอกาสตอนเผลอ บางทียังชอบให้เธอทำร้ายร่างกายอีกด้วย ชีวิตจริงทำไมมันช่างตาลปัดแบบนี้ไปได้ มังงะทีอ่านคงเชื่อไม่ได้แล้วสินะ

     

     

     

    ''ตามข้อมูลในตอนนี้ทีมของเราจัดได้ว่าเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบและแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา'' โค้ชซานาดะกล่าวระหว่างที่ยืนดูการฝึกซ้อมกับเฮ้ดโค้ช

     

    ''อืมสมบูรณ์แบบสินะ…สึบากิคิดว่ายังไง?'' ชิโรงาเนะถามความเห็นของหลานสาวที่ดูทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้านขวา

     

    ''พวกเขายังพัฒนาได้อีกเรื่อยๆดูเหมือนว่าจะไม่มีขีดกำจัดแต่ข้อจำกัดเดียวคือร่างกายที่เติบโตตามความสามารถของพวกเขาไม่ทันเท่านั้น'' ร่างบางมองไปยังผู้เล่นในสนามดวงตาสีฟ้าเหม่อลอยและหม่นแสงลงเล็กน้อย

     

    ''เป็นเด็กที่น่ากลัวแต่สมกับชื่อรุ่นปฏิหาริย์ละนะ…สมาชิกตัวจริงที่มีศักยาภาพไร้ขีดจำกัดคนที่อยู่ม้านั่งก็เป็นปีสามที่ผ่านศึกมามากผู้จัดการทีมที่เก่งกว่าหน่วยสอดแนม…สิ่งผิดปกติในฐานะคนที่หก'' และก็…ผู้ช่วยโค้ชที่วางกลยุทธ์และรีดเร้นความสามารถของนักกีฬาได้ไม่มีที่สิ้นสุด ชิโรงาเนะเหลือบมองหลานสาวที่เขาฝึกฝนทุกสิ่งทุกอย่างให้มากับมือตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ

     

    ''เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นพวกเขาพ่ายแพ้''

     

    ''ค่ะหนูก็คิดว่าเป็นแบบนั้น'' สึบากิก้มหน้าลงถ้าตามเนื้อเรื่องมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วความสามารถที่เหนือกว่าระดับ ม.ต้นของพวกเขาไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ใคร

     

    หลังจากพูดคุยกับโค้ชและเฮ้ดโค้ชสึบากิรู้สึกเพลียๆจึงขอตัวมานั่งพักที่ม้านั่งในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโมโมอิเดินเข้ามาทักทายและขอคำแนะนำบ้างเป็นครั้งคราวก่อนจะหายไปหาข้อมูลอื่นๆตามที่อาคาชิคุงสั่ง ความสามารถหาข้อมูลของโมโมอินับได้ว่าค่อนข้างน่ากลัวมากยังไม่รวมถึงการที่เจ้าตัวสามารถวิเคราะห์ศักยภาพผู้เล่นได้เหมือนกับเธอและโค้ชชิโรงาเนะอีกด้วย

     

    ในอนาคตผู้จัดการทีมและเพื่อนสาวคนนี้ของเธอต้องมีซักวันที่จะต้องยืนกันอยู่คนละฝั่งของสนามบาสเฮ้อแค่คิดก็เรื่องขี้เกียจแล้ว บางครั้งสึบากิก็มานับคิดว่าที่เธอเข้ามาใกล้ชิดพวกเขาแบบนี้มันดีแน่แล้วรึเปล่าถ้าแค่อยากจะเฝ้าดูมันมีอีกหลายวิธีที่จะจับตามองเรื่องราวต่างๆของพวกเขาจากที่ไกลๆได้เช่นกัน มือเล็กควงปากกาในมือท่วงท่าต่างๆด้วยความคล่องแคล่ว ดวงตาสีฟ้ามีละลอกคลื่นพัดผ่าน สึบากิมักจะมีท่าทีแบบนี้ทุกครั้งเวลาจมลึกไปกับความคิดบางอย่างมากเกินไปราวกับตัดขาดกับโลกภายนอก

     

    ไม่นานมานี้เธอรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ทำอยู่ทั้งทีนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาอยู่ในโลกที่ตัวเองเคยใฝ่ฝันจะได้เข้ามาแล้วแท้ๆ เธอเบื่อหน่ายที่จะสวมบทบาทสาวน้อยวัย14ทั้งที่ข้างในจริงๆเป็นพี่สาววัย28แล้วที่เห็นอะไรมาพอตัวช่องว่างระหว่างวัยทำให้เธอไม่มีอิสระเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับชีวิตก่อนที่อยู่ตัวคนเดียวอยากจะทำอะไรไม่มีใครคอยจับตามอง เมาหัวราน้ำที่ไหนก็ได้กับเพื่อนสาวเทียบกับตัวเองตอนนี้ที่อยู่ในวัยรุ่นยังต้องมาโรงเรียนทำกิจกรรมต่างๆบ่อยครั้งที่มันอึดอัดแม้จะโชคดีที่บ้านไม่ได้เคร่งครัดระเบียบอะไรมากก็ตาม

     

    ไหนจะมีแฟนหนุ่มที่เอาแต่ใจขี้หวงสุดพลังและในอนาคตอันใกล้จะกลายร่างเป็นจอมเผด็จการที่ร้ายกาจเท่าตัว…

     

    สึบากินวดขมับที่เริ่มตึงเครียดกับเรื่องพวกนี้บ่อยครั้งนิสัยเสียที่แก้ไม่หายคืออาการคิดมากเกินไปนี้แหละถึงรู้ตัวเองแต่เมื่อมีเวลาว่างก็จะเผลอคิดมากจนต้องทำตัวไม่ว่างมานั่งคิดอะไรแบบนี้และมันเป็นสาเหตุที่เธอต้องหาชมรมรวมทั้งสมัครเป็นเหรัญญิกของสภานักเรียน

     

    ''สึบากิจังน้ำจ้ะ'' โมโมอิยื่นขวดน้ำเปล่าให้ร่างบางที่ทำหน้าเคร่งเครียดมาซักพักจนเธออดเป็นห่วงไม่ได้

     

    ''ขอบคุณนะคะโมโมอิจัง'' สึบากิรับน้ำมาดื่ม โมโมอินั่งลงด้านข้างเธอสังเกตสีหน้าที่ถึงจะเป็นปลาตายแต่แววตาสีฟ้าที่เคยสดใสมันหม่นมองลงมาหน่อย

     

    ''มีเรื่องให้คิดมาอยู่หรอคะ?''

     

    ''เป็นเรื่องที่หนักใจมากเลยค่ะ'' สึบากิก้มมองขวดน้ำในมือนิ้วโป้งขยับขึ้นลงตามแนวขวดน้ำก่อนเธอจะยกขึ้นมาดื่มอีกครั้งเพื่อเรียกกำลังใจ มือเล็กหยิบโทรศัพท์แบบทัสกรีนมาโชว์ให้เห็นรูปถ่ายที่มียอดตัวเลขจองโฟโต้บุ้คครั้งนี้ถึง3,000ชุดไปแล้ว

     

    ''ยังขาดสตาฟช่วยแพ็คของอีกหลายตำแหน่งเลยนะคะสนใจมารวมงานกันไหมโมโมอิจัง''

     

    ''โถ่วสึบากิจังอย่าทำสีหน้าเคร่งเครียดกับเรื่องไร้สาระแบบนี้สิคะคนเขาอุตส่าเป็นห่วงนะ!'' โมโมอิลุกขึ้นเท้าเอวบ่นใส่เป็นชุด สึบากิยกมือมาปิดหูตัวเองเพื่อปกป้องจากเสียงบ่นของผู้จัดการสาว

     

    ''ก็มันขาดคนจริงๆนิ้หน่า'' ร่างบางพูดเสียงอ่อย

     

    ''เดี้ยวฉันช่วยหาคนมาเพิ่มให้มาเองเพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าอมทุกข์ได้แล้วนะคะ!!'' โมโมอิหยิกแก้มสึบากิด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

    ''โอ้ย…โอ้ย…โอ้ย……'' สึบากิส่งเสียงร้องแบบขอไปที ท่าทางที่ไม่สำนึกทำเอาโมโมอิเหนื่อยใจกับเพื่อนสาวจนต้องยกไพ่เด็ดมาข่มขู่

     

    ''ถ้ายังทำหน้าเครียดอีกฉันจะไปบอกให้อาคาชิคุงมาช่วยให้หายเครียดแทน'' สึบากิกรอกตาไปมาชั่งใจว่าจะตอบกลับไปยังไงดีเธอเพิ่งผ่านพ้นมาได้แปปเดียวเพื่อนสาวจะลากเธอให้โดนแฟนหนุ่มเอาเปรียบอีกแล้วหรอเนี้ย

     

    ''อา…ขอโทษค่ะ…จะไม่ทำอีกแล้ว'' สุดท้ายสึบากิเลือกจะสงบศึกเพราะวันนี้เธอยังอยากพักผ่อนละนะไม่ได้กลัวอาคาชิเลยซักนิด…

     

    โมโมอิหัวเราะกับใบหน้าปลาตายของเพื่อนสาวที่เพิ่มมาคือเบะปากเมื่อเธอเอาแฟนหนุ่มของเจ้าตัวมาขู่ ก่อนจะขอตัวไปทำหน้าที่ผู้จัดการต่อทิ้งสึบากิที่งุนงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปไวมากของเพื่อนสาวคนนี้

     

    สึบากิมองตามหลังไปก่อนจะส่ายหัววันนี้เหมือนเธอจะไม่ค่อยสบายรึคนรอบตัวไม่สบายกันแน่ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาพวกหัวหลากสีมองเธอด้วยความเกรงๆยังไงไม่รู้คิเสะและอาโอมิเนะที่แสดงอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัดแต่ที่ตลกสุดคงเป็นมุราซากิบาระที่ขนขนมอุไมโบใส่ถุงเอามาให้เธอแล้วบอกว่ากินของหวานเยอะจะได้อารมณ์ดีแล้วเวลาโมโหให้ไปกัดแค่อาคาชิคุงพออย่าวิ่งมากัดคอเขา

     

    ส่วนมิโดริมะและคุโรโกะเป็นพวกไม่ค่อยพูดอะไรอยู่แล้วแต่เธอแอบเห็นสีหน้าหวาดระแวงของมิโดริมะอยู่ถึงจะแค่แว้ปเดี้ยวก็เถอะ ดูท่าเจ้าแฟนหนุ่มจอมเผด็จการคงไปอวดรอบกัดเธอให้ผองเพื่อนเป็นขวัญตาแล้ว

     

    อ้าปวดหัวชะมัดเลยคงไม่ใช่ว่าเธอกำลังจะเป็นหวัดเข้าแล้วนะ?

     

    ''ไงสึบากิวันนี้สีหน้าไม่ดีเลยนะไม่สบายรึเปล่า?'' นิจิมุระเดินเข้ามาถามหลังจากที่เพิ่มฝึกซ้อมเสร็จเขาเห็นอาการแปลกของร่างบางตั้งแต่เข้าโรงยิมมาแล้วคล้ายว่าจะป่วยยิ่งเมื่อวานได้ข่าวว่าตกสระว่ายน้ำมาด้วยอีก มือใหญ่อังหน้าผากที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นมาหน่อย

     

    นิจิมุระขมวดคิ้วแย่ละสิเหมือนจะป่วยจริงๆด้วย

     

    ''ปวดหัวนิดหน่อยหน่ะแต่เดี้ยวคงขอตัวกลับก่อนแล้ว'' สึบากิเริ่มมีอาการปวดหัวที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยกล่าวก่อนจะขอตัวไปบอกโค้ชซานาดะที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้วจึงเดินกลับมาหยิบกระเป๋านักเรียนที่ม้านั่งเธอโบกมือลารุ่นพี่ก่อนจะหันไปมองหาอาคาชิที่กำลังเดินมาทางนี้แต่ไม่ทันได้พูดอะไรร่างบางหน้ามืดและล้มวูบลงไปกระทันหันโชคดีนิจิมุระคว้าไว้ได้ทันเขาอุ้มร่างคนที่หมดสติด้วยท่าเจ้าหญิงเขาตะโกนบอกโค้ชจะพาร่างบางไปห้องพยาบาลก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังทางออก

     

    ''นิจิมุระซังส่งสึบากิมาให้ผม'' นิจิมุระชะงักเขาหันกลับไปมองอาคาชิที่ยืนจ้องมองดวงสายตาน่ากลัวแต่ไม่ได้ทำให้นิจิมุระรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย

     

    ''อย่าลืมว่านายเป็นกัปตันแล้วอาคาชิหน้าที่ของกัปตันต้องดูแลและควบคุมการฝึกซ้อมส่วนสึบากิฉันจะพาไปห้องพยาบาลเอง'' นิจิมุระกล่าวเตือนรุ่นน้องถึงสถานะของตัวเองกัปตันจะออกมากลางคันระหว่างฝึกซ้อมไม่ได้ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย ก่อนเขาจะหันหลังกลับไปเดินต่อ

     

    ''ผมไม่อนุญาตคุณไม่มีสิทธิไปทั้งนั้น!''อาคาชิเอ่ยเสียงเข้มเขามายืนขวางไว้

     

    ''หน้าที่กับความรักบางครั้งนายต้องเลือกอาคาชิฉันเข้าใจว่านายเป็นห่วงแฟนแต่ว่าถ้ายังขวางอีกยัยนี้ได้นอนโรงบาลแน่ถอยไป'' นิจิมุระจ้องมาไปยังรุ่นน้อยเขาตอนนี้เริ่มจะไม่สบอารมณ์กับความขี้หวงของอาคาชิแล้วและอีกใจหนึ่งคือเริ่มเป็นห่วงสึบากิที่ตัวเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว

     

    ''ไม่ต้องเถียงอะไรทั้งนั้นส่งตัวเล็กมาให้ฉันเดี้ยวนี้'' คาโอรึเดินเข้ามายุติเรื่องราวบังเอิญวันนี้เลิกเรียนไวกว่าที่คิดเขาจึงแวะมารับน้องสาวแต่ไม่คิดว่าจะน้องสาวสุดที่รักจะป่วยจนสลบไปแล้วเขาเห็นนิจิมุระอุ้มและน่าจะพาร่างบางไปห้องพยาบาลแต่เหมือนจะมีปัญหากับผู้ชายผมแดงที่น่าจะเป็นรุ่นน้องมาขวางไว้

     

    คาโอรุไม่สนใจใครจะมีปัญหากันตอนนี้ที่เขาห่วงคืออาการของน้องสาวมากกว่า

     

    ''ชูส่งตัวเล็กมาให้ฉัน'' นิจิมุระรีบส่งร่างบางในอ้อมแขนให้คาโอรุแล้วโค้งขอโทษอีกฝ่าย พี่ชายคนที่สองของบ้านเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วหันมามองคนที่ยืนข้างๆอดีตว่าที่น้องเขยด้วยสายตาไม่ชอบใจนักแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบอีกฝ่ายแต่เขาแค่สงสัยว่าทายาทเพียงคนเดียวอาคาชิ มาสนิทสนมกับน้องสาวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่

     

    ''สวัสดีตอนเย็นครับชิรายูกิซัง''อาคาชิเขามาทักทายแต่สายตาเหลือบมองร่างบางที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยพิษไข้ไปแล้วด้วยความเป็นห่วง

     

    ''อาคาชิคุงสินะนายเป็นอะไรกับน้องสาวฉัน''ดวงตาสีฟ้าที่เหมือนสึบากิจ้องมองมายังอาคาชิเขาไม่สบอารมณ์นักเวลาเห็นเด็กคนนี้มองด้วยความเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวของเขา

     

    ''ผมเป็นคนรักของสึบากิครับ"

     

    "งั้นหรอถ้าเป็นแบบนั้นก็เลิกกันซะตัวเล็กมีคู่หมั้นแล้ว'' คาโอรุตัดบทก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นรถและขับออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าของคนที่เขาสั่งให้เลิกคบกับน้องสาวตัวเองที่เป็นถึงทายาทคนเดียวของตระกูลอาคาชิ ส่วนนิจิมุระเกาคางด้วยความอ่อนใจเขาเหลือบมองรุ่นน้องที่สีหน้าอ่านยากเมื่อเจออิทธิฤทธิ์หนึ่งในพี่ชายทั้งสี่ของสึบากิเข้าให้แล้ว

     

    แต่ในใจตอนนี้กู่ร้องว่า

     

    สมน้ำหน้า!

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×