คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ARS GOETIA [Ch.0 Begin]
บทที่ 0 สิ้นสุดสู่เริ่มต้น
'ทำไม...'
ทั้งที่มันควรจะเป็นความทรงจำที่ดีแท้ ๆ การที่ใครสักคนจะถูกรางวัลใหญ่ ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
หญิงสาวเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงทริปท่องเที่ยวต่างประเทศแค่ 1 สัปดาห์
แต่สำหรับเธอผู้แทบไม่เคยย่างเท้าออกจากเมืองบ้านเกิด
จึงถือได้ว่าเป็นรางวัลที่ตนอยากได้มากที่สุด และเป็นโอกาสอันดีในการออกไปเผชิญโลกกว้างตามที่ใฝ่ฝันไว้เมื่อวัยเยาว์
'ทั้งที่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ทำไม...'
หญิงสาวผมสีเงินได้แต่ถามถึงโชคชะตา โดยหวังว่าจะมีใครสักคนตอบคำถามนี้ได้
การท่องเที่ยวในช่วงแรกนั้นเป็นไปอย่างปกติ คณะผู้จัดทัวร์ได้พาชมสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ
บ้านเมือง วิถีชีวิตและอะไรหลาย ๆ อย่างช่วยเติมเต็มชีวิตที่เธอใฝ่ฝันมานาน
จนตัวเองนั้นอดคิดไม่ได้ว่าดีจริง ๆ ที่ได้มา เธอตั้งใจเก็บภาพแห่งความทรงจำเหล่านี้เพื่อนำไปเล่าต่อกับเพื่อนร่วมงาน
แต่ทว่า... ความฝันช่างแสนสั้น ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกว่าที่เราคิด
ขณะที่กำลังเดินข้ามถนน กลับถูกใครบางคนจับตัวไว้พร้อมกับผ้าผืนเล็กที่เปียกชุ่มทาบลงบนจมูกและปาก
จากนั้นภาพรอบตัวพลันดับวูบลง...
“ยิน~~~ ดี~~~ ต้อนรับ เหล่าผู้ทรงเกียรติทุกท่าน สู่การทดลองแห่งประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ...”
เสียงแหลมและยืดยาวนั้นดังขึ้น เหมือนกับรู้ว่าเธอจะตื่นในช่วงเวลานี้พอดี
ทันทีที่สายตาปรับสภาพจนชินกับแสง หญิงสาวก็ได้พบกับชายในชุดกาวน์แบบนักวิทยาศาสตร์เจ้าของเสียงแหลมเล็ก
และเมื่อมองไปรอบ ๆ ทั้งซ้ายและขวาก็เจอกับร่างของผู้ร่วมชะตากรรมถูกมัดด้วยโซ่เหล็กเช่นเดียวกับเธอ
นอกจากนั้นในห้องสีขุ่นนี้ยังมีกลิ่นของคาวเลือด ซากศพและสารเคมีปะปนกันอยู่จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา
“ท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายคงจะสงสัย ว่ากระผมนั้นเชิญพวกท่านมาทำไม...
...ก็อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นว่า เพื่อการทดลองแห่งประวัติศาสตร์ ฉีกกระชากทุกกฎข้อห้าม...
...นั่นก็คือพลังแห่งพระเจ้า [การคืนชีพและสร้างมนุษย์] นั่นเอง”
สิ้นเสียงเขาก็โค้งตัวลงเหมือนกับว่าตนเป็นสุดยอดพ่อบ้านแห่งตระกูลมีชื่อ
แน่นอนว่าด้วยภาพของซากศพซึ่งถูกทิ้งไว้อยู่ไม่ไกลนักก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้โชคดี(?) ได้หวาดกลัวกันถ้วนหน้า
ราวกับหยั่งรู้ชะตากรรมของพวกตนว่าในอีกไม่นาน หากไม่มีใครหยุดนักวิทยาศาสตร์คลั่งผู้นี้
สถานที่ต่อไปที่พวกเขาจะได้ไปอยู่คือกองซากศพนั้นไม่ผิดแน่
“และผู้โชคดีรายแรกของวิวัฒนาการนี้ก็คือ...คุณผู้หญิงผมสีแดงตรงนั้น!!!”
สิ้นเสียงประกาศแห่งความตาย ซาวด์และเอฟเฟกต์สุดอลังการก็ได้ถูกเปิดขึ้น
และคุณผู้หญิงที่อีกฝ่ายประกาศมานั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเธอมากนัก
หญิงสาววัยเดียวกับชาร์ลผมสีแดงเงางามเหมือนใบเมเปิ้ล มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ ไม่ได้มีแค่เธอคนนั้นหรอกที่หวาดกลัว หลายคนที่ถูกจับมาในที่นี้ต่างก็มีอาการเดียวกัน
แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่แสดงสีหน้าแห่งความสิ้นหวังออกมา เพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่มีทางรอด
เมื่อชายคนนั้นกดสวิตซ์ใกล้ตัว เตียงของผู้โชคร้ายหมายเลขหนึ่งถูกเลื่อนเข้าไปหา
จากนั้นฉากการทดลองสุดสยองจึงได้เปิดฉากขึ้น
จวบจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็มิอาจทราบ ในตอนนี้เหล่าผู้เหลือรอดมีเพียงแค่สองคน
แววตาของตัวเธอนั้นเจือไปด้วยความสิ้นหวังจนไร้ประกาย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นอีกต่อไป
ชาร์ลได้แต่คิดไปคิดมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าทำไมตนถึงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
“ต่อให้ความตายจะอยู่ตรงหน้า ก็อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ สิสาวน้อย”
เสียงของใครสักคนปลุกเธอให้ออกมาจากห้วงความคิดอันสิ้นหวัง
หญิงสาวผมซอยสั้นสีดำแต่งตัวทะมัดทะแมงเหมือนสาวห้าวทั่ว ๆ ไป ยังคงส่งรอยยิ้มและกำลังใจมาให้
ในขณะที่มีดผ่าตัดกำลังจะกรีดเข้าไปยังส่วนหัวใจของเจ้าตัว
เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ชวนคนอื่นคุยอยู่ตลอด แม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์สุดสิ้นหวังแบบนี้ก็ตาม
เสียงของเธอช่วยบรรเทาอาการหวาดกลัวและสับสนของใครหลาย ๆ คน
มันอาจจะช่วยได้เล็กน้อย แต่เธอก็ยังช่วยให้กำลังใจอยู่เสมอ
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพยามทุกข์ยาก เพื่อนแท้ที่หลายคนถามหามาตลอดชีวิต
ผู้ที่อยู่เคียงข้างคุณจวบจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกัน
และในช่วงลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเธอก็ยังคงคลี่ยิ้มให้กำลังใจชาร์ลแทนที่จะทำสีหน้าสิ้นหวังอยู่ดี
“โอ้ไม่ นี่ก็ล้มเหลวอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ขนาดเอดิสันยังต้องล้มเหลวนับร้อยนับพันครั้งกว่าจะสร้างหลอดไฟได้ กระผมก็คงต้องไม่ท้อเช่นกัน ต่อไปก็เธอแล้วสินะแม่สาวผมเงิน”
ในที่สุดก็ถึงเวลาของตัวเธอเองจนได้ ทำไมกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังอยู่แท้ ๆ
แต่ดูตอนนี้สิ ฉันสามารถยิ้มออกมาได้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มแห่งการหยามเหยียดอีกฝ่ายก็เถอะ
“โอ้ ต้องแบบนี้สิ รอยยิ้มแบบนี้แหละ ถ้าอย่างนั้นกระผมจะสมนาคุณพิเศษ ด้วยการทดลองแบบเอ็กซ์ตรีม ยัดความรู้และชิ้นส่วนสุดพิเศษทั้งหมดลงไปในการทดลองครั้งนี้ ขอให้คุณโชคดี คุณผู้หญิง...เคี้ยก ๆ ๆ”
สิ้นเสียงหัวเราะสุดวิปลาส คมมีดผ่าตัดที่ช่วงชิงชีวิตผู้โชคร้ายมาหลายคนก็ได้ทิ่มแทงมายังส่วนหัวใจของเธอทันที
ดูท่าการทดลองรอบสุดท้ายนี้จะพิเศษจริง ๆ รายอื่นเขาผ่าหัวใจเป็นอันดับสุดท้าย แต่ของเธอนี่โดนตรงนี้ก่อนเลย
และสติของหญิงสาวก็ได้ดับวูบลงอีกครั้ง ตลอดกาล...
สายฝนโปรยปรายกระหน่ำซัด ปลุกร่างเล็กให้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“ยังมีชีวิตอยู่...”
เธอค่อย ๆ คลานออกมาจากแคปซูลที่แตกร้าว มองไปยังรอบ ๆ ตัว
ห้องสีขุ่นที่ผุพังไปตามกาลเวลา รูหลังคาที่เปิดโล่ง รอยเขม่าดินปืนเหมือนกับว่าที่นี่เคยเกิดการปะทะ
และใต้ฐานแคปซูลนั้นมีเพียงตัวอักษรอัลฟาเบทที่ถูกสลักไว้ว่า “Lapis”
“ชื่อ...ของฉัน”
มือเรียวเล็กลูบไปที่ตัวอักษรนั้นอย่างทะนุถนอม พลันภาพของชายผู้คลั่งไคล้การทดลองก็ปรากฏขึ้น
แม้จะไม่รู้ว่าในอดีตตนนั้นคือใคร มีเพียงการทดลองอันโหดร้าย ใบหน้าของชายคนนั้นและชื่อใต้แคปซูลนี้เท่านั้นที่เป็นเบาะแส
แต่ความรู้สึกเคียดแค้น อยากจับอีกฝ่ายมาทรมานกลับเต็มเปี่ยมในจิตใจ
‘ฉันจะต้องตามล่า จะทรมานมันเพื่อให้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดและความแค้นของเหล่าซากศพที่ถูกแกจับมา...’
เธอปฏิญาณกับตนเองโดยใช้สายฝนนี้เป็นพยาน จากนั้นก็ล้มตัวลงพิงแคปซูลด้วยความอ่อนแรง
“อากาศเย็นเช่นนี้ท่านมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ขอรับ”
สายฝนที่ค่อย ๆ หายไป ไม่ใช่เพราะว่าหยุดตกหรอก แต่ร่มของชายแปลกหน้านั้นมาบังไว้นั่นเอง
เบื้องหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงผู้มีรอยยิ้ม อบอุ่น .. อบอุ่นจนน่ากลัว
หากแต่มีบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ...
มือนั้นที่ยื่นมาด้วยไมตรีทำให้เกิดความลังเลว่าควรจะจับไหม
แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมนั่นก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
ทันทีที่สัมผัสเข้ากับมือของเขาราวกับมีกระแสความรู้สึกบางอย่างแล่นไหลเข้ามาในร่างกายอย่างรุนแรง
“ท่านคงจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากสินะครับ...ผู้ฟื้นจากความตาย”
ทันใดนั้นเหตุการณ์เลวร้ายของตน ทั้งการทดลอง ซากศพหรือรอยยิ้มของเธอคนนั้นก่อนตายไปก็ย้อนกลับมา
มือนั้นเกร็งเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในมือจนเลือดซิบ
“อยากฆ่าใช่ไหมล่ะ...คนที่ฆ่าท่านน่ะ...”
“เคียดแค้นใช่ไหมล่ะ กับความทรมานที่ได้รับ”
“มากับผมสิ...ผมจะช่วยท่านแก้แค้นให้เอง”
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ อาร์สโกเอเทีย”
“องค์กรเพชฌฆาตล่าอาชญากร”
เธอพยักหน้าเบา ๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นตามเขาไป ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว
ความคิดเห็น