ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lichaviar's storage

    ลำดับตอนที่ #3 : ARS GOETIA [Ch.0 Begin]

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 57


    บทที่ 0 สิ้นสุดสู่เริ่มต้น


     

    'ทำไม...'

     

    ทั้งที่มันควรจะเป็นความทรงจำที่ดีแท้ ๆ การที่ใครสักคนจะถูกรางวัลใหญ่ ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

    หญิงสาวเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงทริปท่องเที่ยวต่างประเทศแค่ 1 สัปดาห์

    แต่สำหรับเธอผู้แทบไม่เคยย่างเท้าออกจากเมืองบ้านเกิด

    จึงถือได้ว่าเป็นรางวัลที่ตนอยากได้มากที่สุด และเป็นโอกาสอันดีในการออกไปเผชิญโลกกว้างตามที่ใฝ่ฝันไว้เมื่อวัยเยาว์

     

    'ทั้งที่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ทำไม...'

     

    หญิงสาวผมสีเงินได้แต่ถามถึงโชคชะตา โดยหวังว่าจะมีใครสักคนตอบคำถามนี้ได้

    การท่องเที่ยวในช่วงแรกนั้นเป็นไปอย่างปกติ คณะผู้จัดทัวร์ได้พาชมสถานที่ชื่อดังต่าง ๆ

    บ้านเมือง วิถีชีวิตและอะไรหลาย ๆ อย่างช่วยเติมเต็มชีวิตที่เธอใฝ่ฝันมานาน

    จนตัวเองนั้นอดคิดไม่ได้ว่าดีจริง ๆ ที่ได้มา เธอตั้งใจเก็บภาพแห่งความทรงจำเหล่านี้เพื่อนำไปเล่าต่อกับเพื่อนร่วมงาน

    แต่ทว่า... ความฝันช่างแสนสั้น ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกว่าที่เราคิด

    ขณะที่กำลังเดินข้ามถนน กลับถูกใครบางคนจับตัวไว้พร้อมกับผ้าผืนเล็กที่เปียกชุ่มทาบลงบนจมูกและปาก

    จากนั้นภาพรอบตัวพลันดับวูบลง...

     

    “ยิน~~~ ดี~~~ ต้อนรับ เหล่าผู้ทรงเกียรติทุกท่าน สู่การทดลองแห่งประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ...”

     

    เสียงแหลมและยืดยาวนั้นดังขึ้น เหมือนกับรู้ว่าเธอจะตื่นในช่วงเวลานี้พอดี

    ทันทีที่สายตาปรับสภาพจนชินกับแสง หญิงสาวก็ได้พบกับชายในชุดกาวน์แบบนักวิทยาศาสตร์เจ้าของเสียงแหลมเล็ก

    และเมื่อมองไปรอบ ๆ ทั้งซ้ายและขวาก็เจอกับร่างของผู้ร่วมชะตากรรมถูกมัดด้วยโซ่เหล็กเช่นเดียวกับเธอ

    นอกจากนั้นในห้องสีขุ่นนี้ยังมีกลิ่นของคาวเลือด ซากศพและสารเคมีปะปนกันอยู่จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา

     

    “ท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลายคงจะสงสัย ว่ากระผมนั้นเชิญพวกท่านมาทำไม...

    ...ก็อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นว่า เพื่อการทดลองแห่งประวัติศาสตร์ ฉีกกระชากทุกกฎข้อห้าม...

    ...นั่นก็คือพลังแห่งพระเจ้า [การคืนชีพและสร้างมนุษย์] นั่นเอง”

     

    สิ้นเสียงเขาก็โค้งตัวลงเหมือนกับว่าตนเป็นสุดยอดพ่อบ้านแห่งตระกูลมีชื่อ

    แน่นอนว่าด้วยภาพของซากศพซึ่งถูกทิ้งไว้อยู่ไม่ไกลนักก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้โชคดี(?) ได้หวาดกลัวกันถ้วนหน้า

    ราวกับหยั่งรู้ชะตากรรมของพวกตนว่าในอีกไม่นาน หากไม่มีใครหยุดนักวิทยาศาสตร์คลั่งผู้นี้

    สถานที่ต่อไปที่พวกเขาจะได้ไปอยู่คือกองซากศพนั้นไม่ผิดแน่

     

    “และผู้โชคดีรายแรกของวิวัฒนาการนี้ก็คือ...คุณผู้หญิงผมสีแดงตรงนั้น!!!

     

    สิ้นเสียงประกาศแห่งความตาย ซาวด์และเอฟเฟกต์สุดอลังการก็ได้ถูกเปิดขึ้น

    และคุณผู้หญิงที่อีกฝ่ายประกาศมานั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเธอมากนัก

    หญิงสาววัยเดียวกับชาร์ลผมสีแดงเงางามเหมือนใบเมเปิ้ล มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

    ถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ ไม่ได้มีแค่เธอคนนั้นหรอกที่หวาดกลัว หลายคนที่ถูกจับมาในที่นี้ต่างก็มีอาการเดียวกัน

    แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่แสดงสีหน้าแห่งความสิ้นหวังออกมา เพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่มีทางรอด

    เมื่อชายคนนั้นกดสวิตซ์ใกล้ตัว เตียงของผู้โชคร้ายหมายเลขหนึ่งถูกเลื่อนเข้าไปหา

    จากนั้นฉากการทดลองสุดสยองจึงได้เปิดฉากขึ้น

    จวบจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็มิอาจทราบ ในตอนนี้เหล่าผู้เหลือรอดมีเพียงแค่สองคน

    แววตาของตัวเธอนั้นเจือไปด้วยความสิ้นหวังจนไร้ประกาย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นอีกต่อไป

    ชาร์ลได้แต่คิดไปคิดมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าทำไมตนถึงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้

     

    “ต่อให้ความตายจะอยู่ตรงหน้า ก็อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ สิสาวน้อย”

     

    เสียงของใครสักคนปลุกเธอให้ออกมาจากห้วงความคิดอันสิ้นหวัง

    หญิงสาวผมซอยสั้นสีดำแต่งตัวทะมัดทะแมงเหมือนสาวห้าวทั่ว ๆ ไป ยังคงส่งรอยยิ้มและกำลังใจมาให้

    ในขณะที่มีดผ่าตัดกำลังจะกรีดเข้าไปยังส่วนหัวใจของเจ้าตัว

    เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ชวนคนอื่นคุยอยู่ตลอด แม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์สุดสิ้นหวังแบบนี้ก็ตาม

    เสียงของเธอช่วยบรรเทาอาการหวาดกลัวและสับสนของใครหลาย ๆ คน

    มันอาจจะช่วยได้เล็กน้อย แต่เธอก็ยังช่วยให้กำลังใจอยู่เสมอ

    นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพยามทุกข์ยาก เพื่อนแท้ที่หลายคนถามหามาตลอดชีวิต

    ผู้ที่อยู่เคียงข้างคุณจวบจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายจากกัน

    และในช่วงลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเธอก็ยังคงคลี่ยิ้มให้กำลังใจชาร์ลแทนที่จะทำสีหน้าสิ้นหวังอยู่ดี

     

    “โอ้ไม่ นี่ก็ล้มเหลวอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ ขนาดเอดิสันยังต้องล้มเหลวนับร้อยนับพันครั้งกว่าจะสร้างหลอดไฟได้ กระผมก็คงต้องไม่ท้อเช่นกัน ต่อไปก็เธอแล้วสินะแม่สาวผมเงิน”

     

    ในที่สุดก็ถึงเวลาของตัวเธอเองจนได้ ทำไมกันนะทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังอยู่แท้ ๆ

    แต่ดูตอนนี้สิ ฉันสามารถยิ้มออกมาได้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มแห่งการหยามเหยียดอีกฝ่ายก็เถอะ

     

    “โอ้ ต้องแบบนี้สิ รอยยิ้มแบบนี้แหละ ถ้าอย่างนั้นกระผมจะสมนาคุณพิเศษ ด้วยการทดลองแบบเอ็กซ์ตรีม ยัดความรู้และชิ้นส่วนสุดพิเศษทั้งหมดลงไปในการทดลองครั้งนี้ ขอให้คุณโชคดี คุณผู้หญิง...เคี้ยก ๆ ๆ”

     

    สิ้นเสียงหัวเราะสุดวิปลาส คมมีดผ่าตัดที่ช่วงชิงชีวิตผู้โชคร้ายมาหลายคนก็ได้ทิ่มแทงมายังส่วนหัวใจของเธอทันที

    ดูท่าการทดลองรอบสุดท้ายนี้จะพิเศษจริง ๆ รายอื่นเขาผ่าหัวใจเป็นอันดับสุดท้าย แต่ของเธอนี่โดนตรงนี้ก่อนเลย

    และสติของหญิงสาวก็ได้ดับวูบลงอีกครั้ง ตลอดกาล...

    สายฝนโปรยปรายกระหน่ำซัด ปลุกร่างเล็กให้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

     

    “ยังมีชีวิตอยู่...”

     

    เธอค่อย ๆ คลานออกมาจากแคปซูลที่แตกร้าว มองไปยังรอบ ๆ ตัว

    ห้องสีขุ่นที่ผุพังไปตามกาลเวลา รูหลังคาที่เปิดโล่ง รอยเขม่าดินปืนเหมือนกับว่าที่นี่เคยเกิดการปะทะ

    และใต้ฐานแคปซูลนั้นมีเพียงตัวอักษรอัลฟาเบทที่ถูกสลักไว้ว่า “Lapis

     

    “ชื่อ...ของฉัน”

     

    มือเรียวเล็กลูบไปที่ตัวอักษรนั้นอย่างทะนุถนอม พลันภาพของชายผู้คลั่งไคล้การทดลองก็ปรากฏขึ้น

    แม้จะไม่รู้ว่าในอดีตตนนั้นคือใคร มีเพียงการทดลองอันโหดร้าย ใบหน้าของชายคนนั้นและชื่อใต้แคปซูลนี้เท่านั้นที่เป็นเบาะแส

    แต่ความรู้สึกเคียดแค้น อยากจับอีกฝ่ายมาทรมานกลับเต็มเปี่ยมในจิตใจ

     

    ฉันจะต้องตามล่า จะทรมานมันเพื่อให้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดและความแค้นของเหล่าซากศพที่ถูกแกจับมา...

     

    เธอปฏิญาณกับตนเองโดยใช้สายฝนนี้เป็นพยาน จากนั้นก็ล้มตัวลงพิงแคปซูลด้วยความอ่อนแรง

     

    “อากาศเย็นเช่นนี้ท่านมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ขอรับ”

     

    สายฝนที่ค่อย ๆ หายไป ไม่ใช่เพราะว่าหยุดตกหรอก แต่ร่มของชายแปลกหน้านั้นมาบังไว้นั่นเอง

    เบื้องหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงผู้มีรอยยิ้ม อบอุ่น .. อบอุ่นจนน่ากลัว

    หากแต่มีบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้รู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด ...

    มือนั้นที่ยื่นมาด้วยไมตรีทำให้เกิดความลังเลว่าควรจะจับไหม

    แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมนั่นก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป

    ทันทีที่สัมผัสเข้ากับมือของเขาราวกับมีกระแสความรู้สึกบางอย่างแล่นไหลเข้ามาในร่างกายอย่างรุนแรง

     

    “ท่านคงจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากสินะครับ...ผู้ฟื้นจากความตาย”

     

    ทันใดนั้นเหตุการณ์เลวร้ายของตน ทั้งการทดลอง ซากศพหรือรอยยิ้มของเธอคนนั้นก่อนตายไปก็ย้อนกลับมา

    มือนั้นเกร็งเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในมือจนเลือดซิบ

     

    “อยากฆ่าใช่ไหมล่ะ...คนที่ฆ่าท่านน่ะ...”

    “เคียดแค้นใช่ไหมล่ะ กับความทรมานที่ได้รับ”

    “มากับผมสิ...ผมจะช่วยท่านแก้แค้นให้เอง”

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ อาร์สโกเอเทีย”

    “องค์กรเพชฌฆาตล่าอาชญากร”

     

    เธอพยักหน้าเบา ๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นตามเขาไป ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว

    และบางทีหนทางแห่งการแก้แค้นจะของเธออาจจะต้องเริ่มเดินจากจุดนี้ก็เป็นได้...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×