สิงโตจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี เพราะสัปดาห์นั้นคลาสในวันพฤหัสฯถูกงด เขาซึ่งมีตารางว่างตั้งแต่วันพุธจึงเลือกกลับไปอยู่ไร่ไกรสรเพื่อช่วยงาน และยังมีเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้นั้นแฝงอยู่ภายใน เป็นความหวั่นไหวที่ไม่อาจแบ่งปันความคิดนี้แก่ผู้ใดได้
ช่วงนั้นแม่มักใส่เสื้อสีชมพู หรือสีเหลืองสลับกันไป และทุกเช้าจะรอตักบาตรไม่เคยขาด แม่เคยบ่นว่าใจหนึ่งอยากเข้ากรุงเทพฯสักครั้ง แต่หากเมื่อไตร่ตรองแล้วการดำเนินชีวิตต่อไปก็เป็นวิถีที่ทำได้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเช่นกัน
ในวันพุธนั้น ระหว่างที่นั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของแม่ เหลือบไปเห็นแม่หยิบโทรศัพท์มือถือเปิดอ่านข้อความ เขาไม่รู้ว่าเป็นข้อความใด แต่สีหน้าของแม่นั้นซีดเผือด มือนั้นสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด จนเขาอดห่วงไม่ได้
“มีอะไรหรือแม่” สิงโตไม่อาจเพิกเฉยต่ออาการตรงหน้าได้
“อืม… ไม่มีอะไรหรอกสิง” เสียงของแม่นั้นถูกปรับให้นิ่งเท่าที่จะทำได้ แต่เขารู้ว่าภายในใจนั้นมีมรสุมบางอย่างพัดวนอยู่ เขาเลือกจะไม่ซักไซร้เพราะรู้ดี แม่จะพูดเมื่อถึงเวลา และเขายังเลือกเก็บงำความคิดบางอย่างอยู่ภายในเช่นกัน
และ คืนนั้นสิงโตมองเห็นแสงไฟจากห้องพระตลอดคืน
เวลา 1 ทุ่มในวันที่ 13 ตุลาคม
ทุกคนนั่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เปิดทีวีแช่รอไว้กว่าชั่วโมง เพราะข่าวสารบางอย่างที่ลอยมาทำให้มื้อเย็นนั้นฝืดคอยิ่งนัก หากแม่ยังคงทำสีหน้าปกติ และเป็นพี่เสือที่ดูย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ
หลังการฟังแถลงการณ์จบลง ความเงียบเข้าปกคลุม แม่ลุกเดินกลับไปยังห้องพระทันที พี่เสือนั้นนั่งกอดกับพี่ภาร้องไห้อย่างหนัก และไม่มีท่าทางจะสงบลงอย่างง่ายดาย ส่วนเขาเดินกลับไปยังห้องของพ่อ เป็นคืนที่เงียบสงัด ไร้เสียงพูดคุย ไร้เสียงนกขัน ราวกับบนโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือแล้ว
สำหรับสิงโตนั้นเขาอยู่ในช่วงวัยที่ได้รับข่าวสารพระราชกรณียกิจไม่มากนัก แม้จะเติบโตในโลกที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว แต่อย่างไรครอบครัวเขาได้หล่อหลอมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อบุคคลผู้เปรียบเสมือนชีวิตของประชาชนบนผืนแผ่นดินนี้
ตั้งแต่ยังเด็ก ในทุกคืนพ่อและแม่จะเปิดรอฟังข่าวพระราชกรณียกิจ เขาและพี่เสือที่เด็กเกินกว่าจะเข้าใจทำเพียงนั่งเล่นในห้องนั้นปล่อยให้ข่าวสารลอยผ่านไปอย่างไม่ใคร่สนใจนัก หากในบางครั้งเวลาที่ไปยังไร่ พ่อมักชวนคุยถึงเรื่องราวของบุคคลที่ใช้เวลาทำงานเพื่อดูแลคนกว่าล้านคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยย่อท้อ ซึ่งนั่นเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้พ่อรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ทำงาน
ในห้องทำงานของแม่ จะมีรูปเก่าขนาดเล็กใส่กรอบตั้งอยู่บนโต๊ะ แม่มักนั่งมองเสมอในทุกวันที่จะเริ่มงาน เป็นรูปรับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ ความภาคภูมิใจของแม่ที่ได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักต์ แม้แม่ไม่เอ่ยเล่าถึงเรื่องราวนั้น แต่แววตาของความสุขจะปรากฎขึ้นทุกครั้งเมื่อแม่มองดูรูปนี้
เขาไม่แปลกใจเลยที่พี่เสือโศกเศร้าฟูมฟายขนาดนั้น พี่เสือเทิดทูนท่านดั่งชีวิต เป็นดั่งพ่อ เป็นดั่งอาจารย์ผู้มอบแบบแผนการทำงานด้านการเกษตรให้พี่เสือได้ดำเนินรอยตาม ชีวิตในการเรียนและการทำงานของพี่เสือผูกโยงเข้ากับแนวทางและทฤษฎีของท่านเสมอมา
กรอบความทรงจำของเขา รูปครอบครัวในวัยเยาว์ เป็นรูปที่ถ่ายกันในบ้านเรือนไม้ พ่อและแม่นั่งเคียงข้างอยู่บนโซฟา พี่เสือนั่งบนตักพ่อ ส่วนเขานั่งบนตักแม่ มองเลยไปยังด้านหลัง รูปพระบรมฉายาลักษณ์ถูกประดับไว้บนผนังในตำแหน่งที่สูงเหนือสิ่งอื่นใด มองไปยังกรอบความทรงจำของพี่เสือ รูปเดียวกันนี้ได้ถูกติดไว้เช่นเดียวกัน นี่คือรูปแรกและรูปเดียวที่พ่อเป็นคนมอบให้ เป็นความทรงจำแรกของเขาและพี่เสือ
แม้ครอบครัวจะหลากหลายกันไป หรือถิ่นกำเนิดที่ไม่เหมือนกันก็ตาม ที่บ้านจะมีสิ่งที่เหมือนกัน รูปที่แม้แตกต่างกัน แต่คือรูปบุคคลเดียวกัน บุคคลผู้เป็นเหมือนดั่งลมหายใจของทุกคน
เวลานี้ภาพตรงหน้ามันช่างพร่ามัวนัก น้ำตาของเขามันเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย สิงโตตอบเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด และทำไม ความเศร้าโศกภายในจิตใจถึงมากมายเพียงนี้ รู้เพียงว่ารักเช่นเดียวกับที่พ่อแม่รัก เทิดทูนเช่นเดียวกับที่พี่เสือเทิดทูน และนี่คือความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของคนกว่าล้านคน ความรู้สึกร่วมเดียวกันที่ไม่มีมาเนิ่นนาน
หากชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้สิงโตได้ตระหนักอย่างหนึ่งว่า ชีวิตที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นนั้นทรงคุณค่านัก และสิ่งที่ได้ทำจะยังคงดำรงอยู่แม้ชีวิตจะวางวาย
งานไร่นาสวนผสมจึงเป็นสิ่งที่เขาตั้งมั่นทำ งานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ แม่และพี่เสือเต็มใจช่วยเหลือและยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของงานในไร่ของเขาชิ้นนี้ สิงโตวางแผนในใจว่าจะเก็บพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อให้ใครก็ตามที่สนใจและต้องการฝึกฝนได้เริ่มต้นจากที่นี่
เพื่อให้แสดงว่า บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง ได้ฝากสิ่งล้ำค่าให้อีกหลายชีวิต และแผ้วถางทางไกลให้เดินตาม เหมือนดั่งที่ท่านเคยเดิน และเขาจะเดินไปบนเส้นทางนี้อย่างมั่นคง
ก้าวตามรอยเท้าพ่อ...
............................................................
นี่เป็นบันทึกความทรงจำของเราผ่านตัวละครไร่ไกรสรค่ะ
เราเลยโพสท์แบบไม่แจ้งเตือน เผื่อใครไม่ต้องการเศร้า ก็ข้ามผ่านได้
การที่เรามีเรื่องไร่นาสวนผสม นั่นคือความตั้งใจของเราที่คิดไว้ว่า
อยากแทรกงานในพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 เผื่อมีผู้สนใจไปค้นคว้าจะรู้ว่า
ทฤษฎีเกษตรแบบพอเพียงนี้ล้ำค่าเพียงใด และมันถูกวางไว้ไปยังคนรุ่นต่อรุ่นได้อย่างแท้จริง
พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ไม่ว่าใครคงไม่อาจกลั้นน้ำตาได้
ปล่อยให้มันไหลไปนะคะ แล้วเรามาจับมือกัน ทำสิ่งดีๆ พัฒนาชาติ สร้างสังคม
เพื่อให้แนวทางของพ่อหลวงได้คงอยู่สืบไป
ขอร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยไปกับบทประพันธ์บทนี้พร้อมกับนักเขียนด้วยคนนะคะ