ตอนที่ 38 : พีรณัฐ
พีรณัฐ
หญิงสาวแขกเพิ่งมาใหม่ของไร่ไกรสรรู้สึกผิดเสียเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าค่ำคืนที่ผ่านมาหลับไปเมื่อไหร่ แต่ตื่นขึ้นมาอีกทีนาฬิกาก็เคลื่อนไปเลข 9 เสียแล้ว ไม่เคยตื่นสายเช่นนี้แม้กระทั่งที่บ้าน ยิ่งเป็นแขกยิ่งไม่ควร เธอรีบปฏิบัติกิจแล้วลงไปยังด้านล่าง ที่เดิมที่ต้อนรับเธอเมื่อบ่ายวานนี้
“ตื่นแล้วรึ เมื่อวานคงเดินทางเหนื่อยสินะ” เจ้าของไร่ไกรสรและแม่ครัวยามเช้าทักทายกลับมา
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ที่ตื่นสายแบบนี้” ณัฐอ่ยขอโทษที่เสียมารยาทแบบนี้
“ไม่เป็นไร เธอเป็นแขก มาทานมื้อเช้าได้แล้วมา” รอยยิ้มอบอุ่นนั้นส่งกลับมา นางเดินเข้าไปในครัวเพียงครู่จึงถือถาดพร้อมอาหารออกมา
ข้าวต้มปลา เมนูที่เธอชอบ เป็นอาหารที่เธอทำบ่อยที่สุดจนบัดนี้ กลิ่นอาหารลอยฟุ้ง เรียกน้ำย่อยเธอให้ทำงานอย่างรวดเร็ว
เพียงคำแรกเธอก็รู้สึกคุ้นเคยในรสชาดทันที เงยหน้าไปเห็นคนตรงหน้ายิ้มกริ่ม
“คริสน่ะ ตื่นแต่เช้าขอไปตลาดกับป้าไปหาซื้อปลามาทำข้าวต้ม บอกว่าเป็นจานโปรดของพี่สาว” ข้าวต้มฝีมือลูกชายคนเล็กแห่งไร่ไกรสร
หญิงสาวไม่พูดหรือตอบสิ่งใด ได้แต่ก้มหน้าทานข้าวต้มฝีมือน้องชาย น้องชายที่คอยดูแลเธอเมื่อครั้งที่อยู่ด้วยกันสองคนในกรุงเทพฯ อาหารมื้อเช้าแสนอร่อย มื้อเย็นที่จะถูกวางรอเผื่อไว้ยามเธอกลับดึกดื่น ห้องมีระเบียบสะอาดสะอ้านเสมอ เธอแทบไม่ต้องเหนื่อยในงานบ้าน ด้วยน้องชายดูให้ทั้งหมด
เมื่อไหร่กันนะที่เธอหลงลืมจนคิดเสียฝ่ายเดียวว่าเป็นคนทำ เป็นคนให้ ลืมไปเสียแล้วว่าตนเองนั้นเป็นฝ่ายได้รับมามากมายเพียงใด น้ำในตานั้นเอ่อคลอ ใจเธออ่อนยวบนัก
“วันนี้มีลงแขกดำนา อยากไปดูไหม? คริสก็อยู่ที่นั่นนะ” เจ้าของไร่ชักชวน รอเพียงคำตอบของแขกตรงหน้าเท่านั้น
ตึง ตึง ตึง เครื่องเสียงตรงคันนาดังเรียกอารมณ์สนุกสนาน ผู้คนมากมายบ้างมาดู บ้างก็เตรียมชุดมาพร้อมเปื้อนดินโคลน นาข้าว 2 แปลงนั้นเริ่มมีสีเขียวของต้นกล้าที่ถูกปักดำ ด้านนอกมีเต๊นท์ที่ถูกจัดโดยเจ้าของไร่เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านรวมถึงคนงานในไร่
เพราะเป็นนาแรกของไร่ไกรสร จึงเกิดกิจกรรมลงแขกดำนาเพื่อเรียกความสนุกสนานที่นานครั้งจะทำ ผู้คนต่างมากันด้วยรอยยิ้ม รำเต้นสนุกสนาน พี่เสือคอยช่วยดูแลอยู่รอบๆ คริสและสิงโตกำลังก้มตัวปักดำอยู่กลางแปลง ใบหน้าขาวนั้นเปื้อนโคลนแต่ไร้การใส่ใจของเจ้าตัว หากแต่รอยยิ้มยังคงประดับค้างอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะ เพราะมีคนรอบๆ ต่างแวะเวียนมาชักชวนเต้นรำ สิงโตที่ยืนเคียงข้างแม้จะยังหน้าดูนิ่งเช่นเคย แต่สายตานั้นมองมายังคริสด้วยความเอ็นดู
สิ่งที่เธอเฝ้าดูตอนนี้ไม่ใช่กิจกรรมครึกครื้นสนุกสนาน แต่เป็นชายหนุ่มสองคนที่ต่างมองตากัน ยิ้มให้กัน ดูแลซึ่งกันและกัน นี่คือคู่รักที่รักกัน
ณัฐยืนดูเพียงครู่จึงเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางซึ่งตรงไปยังสวนประจำไร่
พีรณัฐ… เธอเติบโตในครอบครัวของคนสวน แต่หากตัวเธอตั้งปณิธานในใจตลอดมาว่าเธอจะทำงานในเมืองเท่านั้น ไม่ปรารถนาจะกลับไปเป็นชาวไร่ชาวสวนเช่นนั้นเด็ดขาด พ่อแม่ส่งเธอไปเรียนในกรุงเทพฯเพื่อโอกาสในการเรียนที่ดี เธอยิ่งยินดีที่จะหนีจากสิ่งที่เธอไม่เคยรัก
น้องชายของเธออ่อนกว่าเธอเกือบ 6 ปี เกิดมาในวัยที่เธอดูแลตัวเองได้แล้ว ภาระของน้องชายก็ถูกผ่องถ่ายมายังเธอในขณะที่คนอื่นๆยุ่งกับการทำสวนเพื่อเลี้ยงครอบครัว เธอจึงเหมือนกับแม่อีกคนของเขา คริสต่างกับเธอนัก เขารักในอาชีพของครอบครัว ชอบการทำสวนมาก ตอนที่คริสถูกส่งมาเพื่อเรียนในกรุงเทพฯเขาเศร้าเสียใจนัก
จนเมื่อคริสขึ้นม. 5 เธอทำงานได้ไม่กี่ปี ชีวิตก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อุบัติเหตุทางรถยนต์พรากชีวิตบิดามารดา เหลือเพียงสองพี่น้องดูแลกันและกัน หลายอย่างประดังประเดไม่ขาดสาย ในวัยของเธอตอนนั้นมันหนักหนา หนี้สินในการทำสวน ภาระในการดูแลน้องชาย สิ่งที่เธอตัดสินใจทำคือการขายบ้านและสวนที่อยุธยาทิ้งซะ เพื่อให้ทั้งสองอยู่รอดได้จวบจนคริสจบการศึกษา
น้องของเธอโศกเศร้าจากการเสียพ่อแม่ กลับต้องมาเสียใจที่ต้องเสียบ้านที่รักนั้นอีกครั้ง หากแต่ไม่มีคำบริภาษใดมายังเธอแม้แต่น้อย เขาพยายามเข้าใจ พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเก็บกักสิ่งเหล่านั้นไว้ภายในคนเดียว
เธอซึ่งควรเป็นหลักยึดเกาะนั้นผุเปราะเกินจะโอบอุ้มอีกหนึ่งชีวิตได้ เมื่อใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ขอดูแลน้องชายเธออย่างเต็มใจ เธอผลักดันเขาไปอย่างไม่คิดรั้งไว้ให้เสียเวลา ความอ้างว้างและโดดเดี่ยวจะไม่ให้น้องของเธอผูกมัดเด็กหนุ่มคนนั้นดั่งเถาวัลย์ที่จำเป็นต้องหาต้นยึดเหนี่ยวได้อย่างไร แท้จริงแล้วคงเป็นเธอเองที่ทำให้น้องชายต้องเจ็บเจียนตายขนาดนั้น
เห็นแก่ตัวนัก คำที่เก็บงำไว้ในใจมานานแสนนาน คำก่นด่าซ้ำเติมตัวเธอด้วยสำนึกของเธอเอง ความรู้สึกผิดที่แฝงอยู่ในใจนับแต่วันที่เธอตัดสินใจขายสวนที่อยุธยา หากตลอดมาเธอใช้เหตุผลอ้างอิงไปยังน้องชายเพื่อกดทับความรู้สึกนั้น นั่นคือระบบการป้องกันตนเองของเธอ
พอยิ่งรู้สึกผิด ก็ยิ่งทุ่มเทความใส่ใจไปผิดที่ผิดทางมากยิ่งขึ้น วางกรอบขีดเส้นชีวิตเขาโดยปราศจากการขอความเห็นจากเจ้าตัว ริดรอนขนบนปีกให้เจ็บจนไม่อาจกระพือบิน ทำผิดซ้ำซ้อนร่ำไป จนมาพยายามแยกสิ่งที่น้องชายรักนักหนา ทั้งเรื่องไร่และคงรวมถึงคนในไร่แห่งนี้
ทำไมกันนะ อารมณ์หล่อนเวลานี้ความเสียใจมันท้วมท้น เพราะภาวะครรภ์ที่เธอมี หรือเพราะอารมณ์ที่เธอกักเก็บมันไว้มาช้านาน ต้นจามจุรีแผ่กิ่งใบราวกับปลอบโยนเธออยู่ ไพล่นึกถึงต้นจามจุรีในวัยเยาว์ วัยที่เธอไม่ต้องคิดสิ่งใด มีเพียงความรักของพ่อ แม่ และน้องชายของเธอ
พ่อคะ แม่คะ ณัฐขอโทษจริงๆค่ะ น้ำตาเธอไหลริน ปลดปล่อยเรื่องราวมากมายไปกับน้ำจากตานั้น
“พี่ครับ!!” คริสที่กลับจากงาน มายังสวนตามคำบอกกล่าวของแม่รัตน์ ตกใจยิ่งที่เห็นพี่สาวยืนร้องไห้เงียบๆคนเดียวเช่นนี้ น้องชายเดินมาโอบกอดพี่สาวแน่น
“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้พี่ณัฐต้องเสียใจ ขอโทษครับที่ผมดื้อ พรุ่งนี้ผมจะกลับกับพี่นะครับ” คำพูดขอโทษยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกผิด น้องของเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็รักเธอ ยอมเธอมาตลอดด้วยความรัก และเป็นเธอเองที่เหนี่ยวรั้งมันไว้ด้วยคำว่ารักของเธอเอง
ในอ้อมกอดนี้ เธอได้ตระหนักแล้วว่า น้องชายของเธอเติบโตแล้ว ร่างกายสูงใหญ่กว่าเธอมากนัก แผ่นอกที่เธอซบช่างดูแข็งแกร่งกว่าที่เธอเคยจำได้ คงต้องปลดปล่อยน้องให้เป็นอิสระจากการกักขังของเธอแล้วสินะ
น้องรักของพี่
...............................................................................
ตอนนี้เขียนจบเร็วเพราะถ้าต่อก็แลว่าจะยาวไป
พี่ณัฐชื่อพีรณัฐ น้องคริสชื่อพีรวัส ค่ะ
ตอนนี้จริงๆอยากให้รู้จักคริสมากกว่า น้องค่อนข้างน่าสงสาร
โตมาแบบขาดๆ พ่อแม่ไม่ค่อยดูแล พี่ณัฐเองจริงๆก็ยังเด็กเกินจะสั่งสอนอะไรได้มากไปกว่าดูแล
ตอนที่พ่อแม่เสียนั่นคือต้องเข้าใจณัฐมากๆเลยค่ะ เพราะเธอจำเป็นต้องคิดต้องทำทุกอย่างคนเดียว
คริสที่ปกติขาดอยู่แล้ว ก็ยิ่งโดดเดี่ยวใหญ่ นั่นล่ะค่ะ ใครเข้ามาให้เกาะได้ ยิ่งผูกมัดแน่นหนา
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมสำหรับคริส ก๊อตถึงเป็นดั่งพระอาทิตย์ สิ่งจำเป็นของชีวิต
น้องน่าสงสารมากจริงๆ ตั้งแต่อ่านมาจนถึงตอนนี้เรารู้สึกถึงความบีบคั้นมาตลอด เรารู้สึกถึงหน้าเศร้าๆของคริสทั้งๆที่ตัวเองมีรักครั้งใหม่ที่ดี แต่กลับไม่สัมผัสถึงความสึขเลย รู้เศร้าจับใจเลยค่ะ อ่านไล่มาจนจบตอนน้ำตาก็ซึมออกมาเลยค่ะ
การที่คริสเป็นแบบนี้ก็เพราะต้องเผชิญความเศร้าเสียใจมากมายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
แต่ในความโชคร้ายก็ย่อมมีความโชคดี. นั่นคือครอบครัวไกรสร พี่สิง แม่รัตน์ และคนรอบข้างนี่ล่ะค่ะ
หยดน้ำที่ใกล้เหือดแห้งจะค่อยๆกลับมาชุ่มชื้นแล้วค่ะ...
และความที่น้องก็เป็นน้องที่ดี ในความรู้สึกของเรา เราว่าน้องเป็นเด็กเก็บกดเลยนะนี่
หากไม่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี กลไกการป้องกันตัวเองที่เรียกแล้วดูสวยหรู แต่ที่จริงก็คือ ความเห็นแก่ตัวของคนพี่ คงไม่ล้นทะลักออกมาจากความรู้สึกสินะ พี่ณัฐ คิดนานมาก คิดนานเหลือเกิน ข้ามวันข้ามคืน นอกจากเคยคิดเรื่องที่ตัวเองจะแต่งงานแล้ว ที่คิดนานอีกรอบ ก็คงจะเป็นที่น้องชายจะออกเรือนนี่ล่ะมั้ง
ณ นาทีนี้ หากไม่มีครอบครัวจากไร่ไกรสร ถามว่า น้องปี 2 คนนี้ จะมีความสุขในชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ บ้างหรือไม่
โชคดีตรงที่พื้นดีทั้งคู่ ความผูกพันพี่น้องยังแนบแน่น เลยผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ
วันนี้น้ำตาฟ้าคงมาด้วยความยินดี อากาศหนาวน่าจะได้รับการเชื้อเชิญโดยพีรณัฐ ให้มาเยือนแบบเป็นทางการ
ไม่อยากจะจุดพลุรอ กลัวโดนสลายมโน