ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :Shadow Fantasy:

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 เสียงเรียกปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 49






    ตอนที่ 4 เสียงเรียกปริศนา





    ….กาลเวลา



             จะคอยช่วยรักษาแผลใจ….





            ใครกันนะที่บอก  ไม่จริงสักนิด  ….ไม่ว่าจะเนิ่นนานเท่าไหร่  แผลนั้นก็ยังคงกรีดลึกกลางใจ  กลายเป็นแผลเป็นที่ไร้ทางสมาน







              มือเรียวบางยื่นมาตรงหน้า  ดวงตามรกตเหม่อมองมือข้างนั้นอย่างชั่งใจ  เสียงร้องครวญครางรอบ ๆ เงียบสงัดลงไปแล้วพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในยามรัตติกาล  เจ้าของมือที่ยื่นหาแค่นยิ้มมองมือตัวเองด้วยดวงตาที่สมเพช…..ในตัวเอง



              “สินะ….มือคู่นี้คงฉุดดึงใครขึ้นมาไม่ได้หรอก”



              น้ำเสียงนั้นแฝงความเศร้า  เหงา  เปล่าเปลี่ยว  เหมือนตัวเองตกอยู่ในโลกแห่งความมืดมิดเพียงลำพัง ….เดียวดาย



              ……มันคงเป็นมือที่พาสู่ห้วงแห่งความมืดมิดเสียมากกว่า……



              “พวกมันอยากแส่หาเรื่องเอง …ช่วยไม่ได้”



                        ………..



                      ขณะที่พวกเขาเดินเล่นอยู่ในงานนั้น  กลับมีเด็กหนุ่มท่าทางผอมโซโกรกผมสีทองทั้งหัวเดินมาสะกิด



                      “รถ ARโซนิค สีดำ  ที่จอดอยู่ใต้สะพานเป็นรถของนายใช่ไหม?”



                      ว่านพยักหน้ารับ  แล้วเอ่ยถาม   “ใช่    มีอะไรเหรอ?”



                      เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ตอบว่าอะไร  แต่กลับชูนิ้วโป้งให้พวกเขาไปทางหนึ่ง  ว่านเผลอยิ้มหยัน สองมือซุกกระเป๋ากางเกงยีนสีซีด  หลังจากที่เดินขบวนเสร็จแล้วพวกเขาก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้ามาเที่ยวงานอีกครั้งหนึ่ง  ก่อนเดินตามเจ้าหนุ่มผมทองไป  พร้อมกับแอ๊ดที่เดินตามมาด้วย  ทิ้งให้ริน  น้ำ  โต๋ และนา  เดินนำไปก่อน  ไม่รู้เรื่องอะไร



              พอมาถึงที่ลับตา  ว่านกดมือถือต่อสายหาริน  แล้วบอกเพียงว่า  มีธุระนิดหน่อยให้รอแถวนั้นก่อน  พอปิดมือถือก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นสิบกว่าคน ถือโซ่  มีดยาว  ฯลฯ  เข้ามาล้อมพวกเขาสองคนเอาไว้



              “ตอนเช้า  น้องกูไปหาพวกมึง  แล้วกลับมามีสภาพไม่ต่างจากคนตายมา  งานนี้พวกมึงต้องชดใช้”



              ชายท่าทางใหญ่ที่สุดในกลุ่มเอ่ย  พลางชี้หน้าพวกเขาสลับกันไปมาอย่างเหี้ยมเกรียม   แล้วไม่ฟังทั้งสองคนอธิบายอะไรทั้งนั้น  ส่งสัญญาณให้พวกเข้ารุม  ทั้งสองที่เพิ่งรู้ว่าเจ้าของรังสีอำมหิตนั้นเป็นใคร ….



                        ………………



              แอ๊ดลุกขึ้นยืนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก  เหลียวดูรอบกายที่มีแต่ร่างนอนสลบไสลไม่ได้สติกองเต็มไปหมด ก่อนหันไปมองร่างสูงโปร่งที่ซ่อนอยู่ใต้เงามืดของเงาไม้



              เขาเดินไปยังแสงไฟและเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสะพาน  แอ๊ดปัดฝุ่นที่เปื้อนกางเกงออกแล้วเดินตามหลัง



              ร่างหนึ่งที่นอนกองตรงนั้นขยับไหว  เสียงหอบหายใจแผ่วเบาพยายามยันตัวจนลุกขึ้นยืนมองแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปด้วยความอาฆาต  แขนที่สั่นเพราะถูกจับหักเล็งปืนในมือเข่นเขี้ยว



              “พวกมึง…ตาย”



                        เปรี้ยง!!!



              เพชรฆาตสีดำมะเมื่อมในมือแผดเสียงดังสนั่น  พร้อมแสงสว่างวาบที่ปลายกระบอก



              แอ๊ดสะดุ้งเฮือก  กัดฟันกรอด ดวงตามรกตโชนแสงหันหลังกลับไปมองที่มาของกระสุนนัดนั้น  ร็อคเก็ตที่ห้อยคอเปล่งแสงสีทองสว่างจ้าไปทั่ว  นัยน์ตาดำสนิทสะบัดบางอย่างสะท้อนแสงกับแสงสีทอง  เข้าแขนขวาปืนหลุดจากมือพร้อมเลือดที่พุ่งกระฉูดจากแขน



              มันกำมือแน่น  ร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา  ก่อนเสียงนั้นจะโหยหวนขึ้นขาข้างหนึ่งเหยียบมือข้างนั้นให้ยึดอยู่กับพื้นดิน



              “ไว้ชีวิตฉันด้วย….ได้โปรด”



              ว่านแสยะยิ้ม  บี้แขนข้างนั้นแรงขึ้น  “ไอ้พวกลอบกัด  มึงยังจะกล้าขอชีวิตกับกูอีกเหรอ”



              “อ๊ากก….ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว  ไว้ชีวิตผมด้วย”



                        แคร้ง!!



              แอ๊ดโยนกระสุนลงพื้นส่งเสียงกระทบกับก้อนกรวด  ดวงตามรกตมองคนลอบกัดด้วยสายตาว่างเปล่า  ทั้งที่ดวงตาอีกคู่หนึ่งมองมาอย่างเว้าวอน   หันไปเอ่ยกับว่าน



              “ปล่อยมันไปเถอะ  ฆ่ามันไปเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง”



              ว่านหันไปหาแอ๊ด  ถามให้แน่ใจอีกครั้งก็ได้รับคำตอบกลับเช่นเดิม  ก้มดึงบางอย่างจากรอยแผลที่แขนเช็ดเลือดที่ขอบรองเท้า  ก่อนถีบร่างที่ร้องโอดโอยไปกองกับพื้นแล้วเดินจากไป



              ….ขอบใจ…อีกครั้ง…



              แอ๊ดยังคงกำร็อคเก็ตเส้นนั้นแน่น  เดินกลับไปที่งาน……คงไม่มีใครสนใจเสียงปืนเมื่อกี้เพราะอาจคิดว่าเป็นประทัดที่พวกเด็ก ๆ ปากันเล่นในงานลอยกระทง



              ว่านมองสนับมือสีเงินที่พันด้วยผ้าแน่นมีรอยเลือดสดใหม่เปื้อนเป็นหย่อม ๆ ก่อนโยนมันทิ้งลงแม่น้ำก่อนจมหายลึกลงก้นบึ้งสายน้ำ



              “มันจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหม?”



              แอ๊ดเปรยจับแผ่นหลังที่ตอนนี้คงจะเป็นรอยช้ำจากกระสุนนัดนั้นทั้ง ๆ ที่มันควรจะปลิดชีวิตของเด็กหนุ่มได้ในพริบตาแล้วแท้ ๆ  ว่านหันไปมองเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตผ่านแสงเทียนของกระทงที่ลอยตามสายน้ำ  แล้วแค่นยิ้ม



              “ตราบใดที่แกและฉันยังหายใจอยู่มั้ง??”



                        “…บางที  การตายไปในคราวนั้นมันอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้นะ…”



              ว่านหันกลับมามองคนพูด  หน้าของเด็กหนุ่มช่างครุ่นคิดไม่แตกต่างจากในห้องเรียนซักเท่าไหร่  



              …ใช่  บางทีนะ  มันอาจจะดีก็ได้  ถ้าหากพวกเขาตายไปในครั้งนั้น  ทุกอย่างอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้  ไม่ต้องมาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจอย่างนี้อีก



              “ทั้งฉันและนายอาจเป็นคนที่  สวรรค์สาปส่ง  นรกไม่ต้องการ  ก็ได้”



              พูดจบเขาก็เดินตรงไปยังงาน  แสงไฟมากมายทำให้พวกเขาต้องปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ  ว่านส่งยิ้มให้รินที่ยืนรอใต้ซุ้มใหญ่  ที่มีโต๋ น้ำ และ นา  ยืนรออยู่ด้วย



              “ว่านไปทำธุระอะไรนานจัง”



              รินถาม  ว่านเกาหัวแกรก ๆ ส่งยิ้มกว้างที่แตกต่างจากมุมมืด  แอ๊ดมองรอยยิ้มนั้นด้วยสายตาที่อ่านยาก



              “รถมันมีปัญหา    เผอิญมันมีไอ้พวกมือบอนที่ไหนไม่รู้เล่นพิเรน  ว่านก็เลยต้องซ่อมนานหน่อย  เท่านั้นเอง”



              รินพยักหน้าอย่างเข้าใจ  แต่ไม่วายยังส่งสายตาระแวงให้ว่าน  เสียงประกาศจากเวทีขนาดใหญ่กลางงาน  เรียกให้พวกเขารีบเดินไปยังเวทีใหญ่อย่างรวดเร็ว





                    “ช่วย….ด้วย”



                        หืม??





              เด็กหนุ่มหันกลับไปมองทางข้างหลัง  แต่ก็พบเพียงผู้คนที่เดินขวักไขว่ไม่สนใจใคร    อีกแล้วเสียงนั้นดังขึ้นอีกแล้ว  มันคล้ายดังแผ่ว  มันเหมือนเดินทางมาไกลทะลุผ่านมิติ  ผ่านเวลานานแสนนาน  กว่าจะมาถึงเขา



              คิ้วขมวดเล็กน้อย  เสียงนี้เขาจะได้ยินเพียงตอนนั้นเท่านั้น    แต่ทำไมในคืนนี้ถึงได้ยินสองครั้งติด ๆ กันอย่างนี้นะ….



              “แกมองหาอะไรวะ ไอ้นา”



              ว่านเดินมาถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มไม่ได้เดินตามไปด้วย  เขายิ้มบางก่อนส่ายหน้า  



              “เปล่า  ไม่มีอะไร  เราไปกันเถอะ”





                       “ช่วย….ด้วย”





                                   “ช่วยเราด้วย”





              …………………………..

              ……………………………………..



              แอ๊ดเดินมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง  รูดการ์ดเปิดล็อกประตู  เสียงติ๊งอย่างคุ้นเคยของสัญญาณผ่านหน้าห้อง



                           “พ่อ  ขอเงินซัก 70,000 สิ  ผมมีความจำเป็นต้องใช้จริง ๆ”



              น้ำเสียงกรรโชกแว่วเข้าโสตประสาทการรับรู้  มือที่กำลังจะผลักประตูหยุดชะงัก  ………อีกแล้ว



                           “ให้แกเอาไปผลาญเล่นกับไอ้ยานรกนั่นนะเหรอ  เมื่อไหร่แกจะเลิกได้ซักทีหา  เจ้าอัฐ  ดูอย่างน้องแกมั่งสิ มันเคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ปวดหัวบ้าง”



                           “เหอะน่า  เร็ว ๆ เข้า  หรือว่าพ่ออยากให้ผมตาย  ไอ้พวกนั้นมันกำลังจะตามฆ่าผมนะถ้าผมไม่เอาเงินไปใช้มัน”



              แอ๊ดฝืนหลับตาลง  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ  เสียงนั้นยังแว่วให้ได้ยิน  เสียงมาจากภายในห้องนั้น   …คงเป็นความเคยชิน  เสียจนไม่อยากจะรับรู้อีกแล้ว



                           “ฉันไม่ให้  แกจะไปตายที่ไหนก็ไป๊!!”



                           “พ่อไล่ผมเหรอ  ก็ได้ผมจะไป แต่พ่อต้องเอาเงินมาให้ผมก่อน  เร็ว ๆ เข้า”



                           “ฉันไม่ให้!!  แกออกไปจากห้องนี้เลยนะ”



              มือที่จับลูกบิดประตูสั่น   …ใช่!!  เขาต้องเข้าไปห้ามสิ  เร็วเข้าไอ้แอ๊ด



                        เพล้ง!!



              บานประตูถูกผลักออก  เขาแทรกเข้าไปข้างในห้องอย่างรวดเร็ว  ดวงตามรกตเบิกกว้างตกใจ  ริมฝีปากบางสั่นระริก ก่อนตะโกนเรียกเสียงหลง



              “พ่อ!!!”



              เลือดที่เจิ่งนองเต็มพื้นกับแจกันใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทับร่างหนึ่งที่นอนกองบนพื้นท่ามกลางเลือดสีแดงฉาน  แอ๊ดเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เศษแจกัน  ทำตาขวางตัวสั่นเทิ้ม  อาการของคนที่กำลังเมายา  อัฐวิ่งกระแทกร่างของเด็กหนุ่มให้กระเด็นห่างจากประตูก่อนที่วิ่งหนีออกไปนอกระเบียงอย่างคลุ้มคลั่ง





              เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งพิงกับบานประตูที่ปิดสนิท  หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า  ภาพต่าง ๆ พร่ามัวไปหมดเพียงแต่ทุกอย่างมันยังเป็นปกติ  ไม่มีรอยเลือดไม่มีบุรุษที่เขาเชิดชูอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว



              ……มันสายไปเสียแล้ว…



                        มันสาย





              ภาพอดีตที่ฝังใจยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ร่ำไป  วันนั้น  คืนนั้น  ที่เขาสูญเสียสิ่งที่รักไปพร้อม ๆ กัน  พ่อถูกพี่ชายพลั้งมือฆ่าเพราะฤทธิ์ของยาบ้า   พี่ถูกวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากอาการคลุ้มคลั่งยากเกินจะเยียวยา  แม่ก็ตรอมใจตายหลังจากนั้น…



                        …..เพราะไอ้ยานรกนั่นตัวเดียว  ที่พรากทุกสิ่งในชีวิตของเขาไป  เพราะมัน!!



              ดวงตาของเด็กหนุ่มกร้าวขึ้น  ก่อนสลัดความคิดนั้นให้หลุดจากสมอง  ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย  ….แต่ต้องทำยังไงถึงจะชำระล้างจิตใจได้



              ครึ่งชั่วโมง  แอ๊ดก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันกายผืนเดียวน้ำยังพราวเกาะเต็มร่างที่ค่อนข้างผอมแห้ง   ผิวขาวจนเกือบซีดเดินไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์





              กระทู้ข่าวต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม  ไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากไปกว่าข่าวฆาตกรรม  จนสายตาไปสะดุดกับหัวข้อข่าวหนึ่งที่ทำเอาดวงตามรกตพราวระยับ



              ..การกลับมาอีกครั้งของ เกมส์ออนไลน์สายพันธุ์ไทยยุคใหม่  



                        ………RamaYanA OnlinE










              “เฮ้ย!! ….กลับมาแล้วโว้ย ๆ”



              โต๋วิ่งกระหืดกระหอบมาทางโต๊ะหินอ่อนที่นั่งประจำของพวกเขา  แอ๊ดหันไปมองอาการของโต๋ก็พอจะเข้าใจความหมายนี้ดี  ว่านที่นอนบนโต๊ะหินอ่อนเหลือบมองคนที่วิ่งมาพร้อมเสียงตะโกนดังลั่นอย่างไม่ชอบใจ



              “อะไรของแกวะ  ใครจะมา?…พูดให้เคลียร์หน่อยซิไอ้โต๋”



              โต๋หยุดวิ่ง  นั่งหอบสูดลมหายใจอัดเข้าปอดลึก ๆ จนลมหายไปกลับเป็นปกติ  หยิบโทรศัพท์จอแบนของตัวเองกดคลิก  หน้าจอสามมิติขนาด 21 นิ้ว  โผล่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงประกาศข่าว ๆ หนึ่ง



              “เป็นที่ทราบกันแน่ชัดแล้วว่า   มหากาพย์เกมส์ออนไลน์อันยิ่งใหญ่  ที่กระทรวง ICT  จับมือกับบริษัทเกมส์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย  หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันดีในนาม RamaYanA OnlinE  ด้วยกระแสการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเหล่าแฟน ๆ รามเกียรติ์  ทำให้มีผู้เล่นเข้าเล่นอย่างล้นหลามจนตัว sever  รับไม่ไหวและได้เกิดเหตุขัดข้องจนต้องปิดตัวไปนานหลายเดือน  



              …บัดนี้กำลังจะกลับมาท้าทายเหล่าผู้กล้าอีกครั้งหนึ่ง  ด้วยรูปแบบเทคนิคที่สุดยอดตระการตากว่าที่ผ่านมาและการอัพเกรดประสิทธิภาพของเครื่อง Sever  ให้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว  เกมเมอร์ชาวไทยที่ตั้งตาคอยการกลับมาคงจะได้สัมผัสเกมส์นี้อยู่ก็จงอย่ากระพริบตา  เพราะประวัติศาสตร์กำลังจะเปลี่ยนด้วยมือท่าน  ร่วมท้าทายได้ในวันที่ 26  พฤศจิกายน…!!”






              ว่านผุดลุกขึ้นนั่ง  ดวงตาดำสนิทกรอกตามองแอ๊ดที่นั่งเอกเขนกพิงเก้าอี้อย่างสบายใจคล้ายรับรู้ข่าวนี้มาก่อนแล้ว  ก่อนหันไปมอง ไอ้นา  นั่งฟังอย่างสงบในแบบฉบับของเขา  ว่านยังเคยสงสัยว่าถ้าหากเจอคนถือมีดเข้ามาทำร้าย มันจะยังคงนิ่งสงบอย่างนี้อีกได้ไหม



              “วันที่ 26  เอ… ก็อาทิตย์หน้านะสิ”     น้ำโพล่งออกมาอย่างครุ่นคิด  



              “ไม่รู้ว่าไอดีเก่าจะใช้ได้ไหมเนี่ย  เฮ้อ…น่าเสียดาย  อีกเพียงนิดเดียวแท้ ๆ จะได้รับไอเทมพิเศษแล้ว  แต่ดันซวย  ฟ้าห่าเหวที่ไหนดันผ่าเครื่อง sever ให้ล่มจนต้องมานั่งแหงกรอจนถึงเดี๋ยวนี้หรอก”



              โต๋ว่า  พลางหันไปมองว่าน  แอ๊ด  และนา  ผู้ที่โดนผลกระทบจากครั้งนั้นอย่างเต็ม ๆ



              “อันเก่าใช้ไม่ได้ก็ขอใหม่สิวะ  จะไปยากอะไร….  เฮ้ย!!  ไอ้ว่านดูนั่น”



              น้ำเอ่ย   พลันสายตาดันไปสะดุดกับสิ่งที่อยู่นอกประตูโรงเรียน  ชี้มือให้ทุกคนมองไปจุดเดียวกัน



              “ใครวะ?? ….หล่อโคตรว่ะ”



              รถสปอร์ตคันสีขาวใหม่เอี่ยมที่เพิ่งถอดแบบมาจากแม็กกาซีนประจำสัปดาห์จอดเทียบท่าอยู่หน้าประตูโรงเรียน  หญิงสาวร่างเล็กก้าวลงจากประตูโดยมีชายหนุ่ม ใบหน้าคมคายราวเทพบุตร  ร่างสูงกำยำในแบบของผู้ที่ออกกำลังกายประจำ  เปิดประตูให้ราวเธอนั้นเป็นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์



              ใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวมองคอแทบเคล็ด  ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย  กับหญิงสาวที่สวยงามราวนางฟ้า  ช่างเหมาะสมปานเทวดาเสกสรรค์ปั้นแต่ง



              “ขอบคุณที่อุตส่าห์มาส่งค่ะพี่กริน”



              รินเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มสดใสที่ดึงดูดสายตาของใครต่อใครให้ต้องเหลียวมอง  ความน่ารัก  สดใส  แกมซุกซนเหมือนเด็กยิ่งทำให้เธอดูเป็นที่หมายปองของใครหลายคน  





                        …..ถึงกับมีบางคนบอกว่า  เธอเปรียบเหมือนเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์  ที่ไม่มีวันเอื้อมถึง





              “ไม่เป็นไรครับ  เพื่อน้องรินพี่เต็มใจเสมอ”



              น้ำเสียงและท่าทางของชายหนุ่ม  แทบทำเอาสาว ๆ แถวนั้นอยากจะกรี๊ดให้สลบ  แล้วส่งสายตาที่ร้อนผ่าวให้กับรินด้วยความอิจฉาเป็นที่สุด



              ว่านยืนมองดูกิริยาของคนทั้งคู่จากบนโต๊ะหินอ่อน  ทำตาขวางไม่พอใจฮึดฮัดอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นออกไปไกล  แล้วรินเดินเข้ามาทักทายที่โต๊ะหินอ่อน



              ว่านสะบัดหน้าหันไปทางอื่น  รินสงสัยท่าทีของว่านหันไปถามโต๋ที่ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่รู้คำตอบ  ถามน้ำ….ก็หันไปมองทางอื่นเสียอย่างนั้น    รินจึงได้แต่ถอนใจเดินเข้าไปสะกิดว่านเบา ๆ



              “ว่านเป็นอะไรเหรอ?”



              “ปล๊าว!!  ว่านก็แค่คนไม่สำคัญ  รินสนใจด้วยเหรอ”



              รินมุ่นหน้า  ปกติไม่เคยเห็นว่านงอนอย่างนี้มาก่อน  จะถามสาเหตุเพื่อนแต่ละคนก็ทำท่าราวกับไม่รู้ไม่ชี้ซะนี่



              “งอนอะไรรินเหรอว่าน??”



              ว่านหันกลับมา  ยิ้มยิงฟันจนเห็นลักยิ้มที่ซ่อนอยู่บนใบหน้า  ที่ใครยากจะได้เห็นนัก  นอกจาก….เธอคนนี้



              “ล้อเล่นน่า  …อ๊ะ  ตีว่านทำไมอ่ะ  เจ็บนะ”



              “นี่  หลอกรินเหรอ  หยุดนะมาให้รินตีซะดี ๆ”



              ว่านวิ่งหนีรินรอบโต๊ะพร้อมเสียงหัวเราะสดใส  แอ๊ด โต๋ น้ำ และนา  มองดูคู่นี้อย่างระอา และเข้าใจดีถึงจิตใจของคนอีกคน







              เสียงออดเข้าเรียนคาบแรกดังขึ้น  รินขอตัวแยกออกไปเข้าห้องเรียนอีกห้องหนึ่ง  ว่านเดินเข้าห้องเรียนด้วยสีหน้าหงุดหงิด  ก้มหัวหลบเครื่องบินเล็กที่บินว่อนภายในห้องแล้วเดินไปที่โต๊ะตัวหลังสุดริมหน้าต่างบานใหญ่อย่างเคยชิน



              ไม่นานอาจารย์กิ่งแก้ว  อาจารย์ที่ปรึกษาห้องพวกเขาก็เดินเข้ามา   เธอยิ้มให้กับนักเรียนทุกคนที่นั่งที่เรียบร้อยแล้วผ่านแว่นตาหนาเตอะ



              “สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน  เมื่อคืนนี้ครูดีใจอย่างมากเลยนะที่พวกเธอสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน  ด้วยการชนะเลิศการประกวดขบวนแห่กระทงระดับโรงเรียนได้  ถึงแม้พวกเธอจะอยู่แค่ชั้นมัธยมต้นปี 3  แต่ความสามารถของพวกเราก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าชั้นปีที่ใหญ่กว่าเลย  แล้วอีกข่าวหนึ่งครูเห็นพวกเธอพูดถึงเกมส์ออนไลน์  ถึงแม้เกมส์นี้จะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษา และ ICT  จนเกือบจะถูกบรรจุให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนของปีการศึกษานี้  แต่ยังไงเกมส์ก็คือเกมส์เล่นมากไปมันก็มีโทษได้เหมือนกัน  ฉะนั้นถ้าพวกเธอจะเล่นครูก็ขอให้พวกเธอแบ่งเวลาให้กับการเรียนด้วย  อย่าให้การเรียนต้องตกเพราะอีกเทอมเดียวเท่านั้นพวกเธอก็ต้องขึ้นสู่ชั้นปีที่สูงกว่านี้….”





                         …….“ช่วยด้วย”



              นาสะดุ้ง  หันไปมองรอบกาย  แต่ทุกคนยังจดจ่อกับเสียงพูดเนิบ ๆ ของอาจารย์กิ่งแก้ว   เสียงเรียกนั้นดังช้า ๆ  แผ่ว ๆ   คล้ายลอยมาตามสายลมที่ยาวนาน  ผ่านกาลเวลาหลายปี  แต่มันกลับก้องภายในหัวของเขายิ่งขึ้น



              เด็กหนุ่มกุมขมับ  ตกเก้าอี้เสียงดังโครม!!



              “เฮ้ย! ….ไอ้นา  แกเป็นอะไรวะ”



              เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของว่านที่ปราดเข้าหาเขาเป็นคนแรก  และชัดเจนในความรู้สึกเขายิ่งกว่าเสียงของใคร ๆ  



              “….ช่วย …อะไร!??”



              นาร่ำร้องเสียงดังก้อง  แต่มันกลับดังแค่ภายในหัวของเขาเท่านั้น  เหงื่อไหลย้อยเต็มใบหน้า  ทนกับความทรมานไม่ไหว  สติดับลงอย่างทันใด



              “เฮ้ย!!  …..ไอ้นา”



                        ว่าน  โต๋  แอ๊ด  และน้ำ  ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน  ปราดเข้าดูเพื่อนที่หมดสติไปแล้วด้วยความห่วงใย











                             ……“ช่วยเราด้วย”







    ++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++==++



    *จบตอนที่ 4 จนได้  ทำไมถึงไม่มีใครมาทักทายบ้างหว่า??



    O_o;





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×