ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 งานเทศกาลและไฟไหม้
ตอนที่ 3  งานเทศกาลและไฟไหม้
            โอ๊ก!!!
            ของเก่าถูกเทออกจากท้องเกือบหมด  กับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ไม่เหลือสภาพนั่งโก่งคออยู่บนริมทางฟุตบาทข้าง ๆ รถ ARโซนิค 145  โดยมีเจ้าของรถยื่นน้ำเย็นแล้วลูบหลังให้  ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หยุดดูแล้วชี้มาที่พวกเขาเหมือนเป็นตัวประหลาดกลางกรุง 
            “โห มาแบบหมดสภาพเลยนะแก  ไอ้แอ๊ด”
            นัยน์ตามรกตสะบัดหางตามองคนทักที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะสดใส  ก่อนส่งสายตาอย่างเอาเรื่องให้คนต้นเหตุที่ยังคอยลูบหลังให้
            “ไอ้อาการอย่างนี้มันยังไม่หายไปอีกเหรอวะ  เห็นเป็นตั้งนานละ”
            เด็กหนุ่มในชุดผ้าพื้นเมืองคาดหัวด้วยผ้าแดง  ริมฝีปากแดงแป๊ดกำลังอ้าปากหัวเราะงอหายก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเข้มจากอีกฟากหนึ่งของประตูบานกระจก
            “ไอ้โต๋  แกจะหัวเราะจนตายเลยไหม??ข้างในนี้ยุ่งมากนะเฟ้ย  เออพวกแกสองคนรีบ ๆ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วเดี๋ยวไม่ทันหรอก”
            เขาประคองเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินสะโหลสะเหลให้มานั่งพักโซฟานุ่มตัวใหญ่ข้างในร้าน  หมู่วัยรุ่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาหลายสิบคนกำลังง่วนกับการแต่งหน้าทำผม  กับกองเสื้อผ้ามากมาย
            “นี่จ๊ะว่าน”
            หญิงสาวร่างเล็กยื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้เขา  รอยยิ้มแย้มพร้อมคำขอบคุณก่อนรับเสื้อผ้าชุดนั้นไปเปลี่ยนที่ห้องแต่งตัว
.
            สองข้างทางจากสวนสาธารณะที่ถูกจัดแต่งด้วยโคมไฟประดับหลากหลายสี  ร้านค้าที่เรียงรายข้างทางช่างทำให้สภาพการจราจรดูแออัดยิ่งขึ้น  ป้ายสัญญาณจราจร 4-5 แห่งถูกปิดเพื่อสร้างเป็นถนนคนเดินในงานเทศกาลที่สำคัญในค่ำคืนนี้
            รถกระทงที่สวยงามหลายสิบคันจอดชิดขอบทาง  ผู้คนเริ่มทยอยกันออกจากบ้านและมารวมกันที่ถนนสายนี้มากยิ่งขึ้น
            ว่านในชุดเสื้อแขนกุดสีแดง  กางเกงสีแดงพร้อมผ้าโพกหัวสีแดงยืนพิจารณารถกระทงที่อุตส่าห์ร่วมใจทำข้ามวันข้ามคืนจนในที่สุดมันก็สัมฤทธิ์ผลอย่างที่เห็น
            “ ทั้งหมดตกลงตามนี้  มีใครจะค้านอีกไหม??”
            น้ำสรุปงานอีกครั้ง  หลังจากเรียกรวมพลหัวหน้างานทั้งหลายประชุมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนงานจะเริ่ม 
            อาจารย์ที่มาคุมก็เพียงแต่ยืนมองดูการทำงานของนักเรียนเฉย ๆ และเป็นที่ปรึกษาในเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจ  แล้วปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง  ทั้งนี้เพื่อปลูกฝังความรับผิดชอบในการทำงานและสร้างความสามัคคีในหมู่คณะอีกด้วย  ซึ่งก็ได้ผลดีในระดับหนึ่ง
            ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนสีก่อนจะถูกระบายด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาวและดวงจันทร์ในคืนเต็มดวง  เป็นสัญญาณเริ่มของงานเทศกาลที่ปีหนึ่งมีหน
            ขบวนหลายขบวนออกเดินตามเส้นทางที่กำกับไว้  ขณะที่กรรมการต้องวิ่งวุ่นดูแลฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ไม่มีเวลาหยุดพักให้หายใจหายคอกันเลย
            เสียงกลองสะบัดชัยดังกระหึ่ม  พร้อมเสียงฆ้อง  เสียงฉาบ  ดังเป็นจังหวะ  ลีลาการตีกลองที่พริ้วไหวและหนักแน่น  ของศิลปะไทยอีกรูปแบบหนึ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้  เพราะ ณ เวลานี้เหลือผู้สืบทอดน้อยเต็มทีแล้ว  ถูกถ่ายทอดผ่านว่าน  ที่มีความสามารถไม่แพ้ใคร
            จนกระทั่งขบวนมาหยุดที่หน้าลานอนุสาวรีย์ ร.5  ภาระทั้งหมดจึงถูกปล่อยวางแล้วก็ออกตระเวนงานอย่างสบายใจ
            ว่านและเพื่อน ๆ เดินดูงานเพื่อรอเวลาประกาศผลรางวัลของขบวนแห่  ซึ่งคงจะหลังสี่ทุ่มเป็นอย่างต่ำ  ร้านรวงที่เปิดติดกันส่งเสียงเรียกลูกค้าอย่างคึกคัก  ผู้คนเริ่มเบียดเสียดกันแน่นยิ่งกว่าเดิมจนแทบหายใจหายคอกันไม่ออก
            “เฮ้ย! ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ดูงานกันเถอะ  น่าสนุกออก” 
            โต๋ร้องเรียกหมู่เพื่อนที่กำลังเดินดูดอกกล้วยไม้ในร้านต้นไม้
            “คิดว่าตัวเองอายุ 10 ขวบอยู่หรือไง  ไอ้ปัญญาอ่อน”
            น้ำที่พูดจาผ่าซากหรือจะผ่าหัวคนเป็น ๆ ก็ได้  พูดโดยไม่ค่อยได้คิดถึงจะถนอมน้ำใจคนฟัง ว่าจะเป็นยังไงบ้าง    โต๋ทำหน้างอนก่อนสะบัดหน้าพรืดเมินหน้าหนี
            “ทำอย่างกับน่ารักนักนี่  ไอ้กระเทยแก่”
            หลายคนที่ได้ยินหลุดเสียงหัวเราะจนท้องแข็ง  มองคู่แค้นคู่รักที่ยังไงก็ทำใจให้เข้ากันได้ยาก  แต่ก็เป็นคู่หูที่รู้ใจกันมากคู่หนึ่งจนถึงขนาดที่กล้าลามปามถึงบุพการีโดยที่อีกคนไม่โกรธเท่าที่ควรจะเป็น
            “เออ ฉันมันก็แค่ไอ้หมาหัวเน่านี่  ใครมันจะไปดีไปเด่น  หล่อเท่ห์เก๋มีสไตส์เหมือนพี่เจ้ของแกล่ะ ไอ้น้ำ”
            โต๋ หลุดเสียงตัดพ้อที่มองยังไงก็ยังน่าถีบอยู่ดีในสายตาของคนถูกตัดพ้อ  จน วิชณา  หรือ  ไอ้นา ของเพื่อนต้องรีบห้ามทัพน้ำลายด่วน  ก่อนที่จะลามปามไปมากกว่านี้
            หญิงสาวร่างบึกยืนใต้มุมมืดของต้นไม้ใหญ่ไม่มีใครมองเห็นถ้าไม่เพ่งมองดูจริง ๆ  เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากรถ    เดินเข้าหาหญิงสาวก่อนยื่นซองขาวเล็ก ๆ  เธอตาพราววับรับไว้อย่างระมัดระวังราวกับเป็นของมีค่าที่สุด
            “ชกคู่ต่อไป ..ยกแรกปิดบัญชีได้เลย  ฉันลงฝ่ายแกไว้เยอะ”
            “ดะ ได้สินาย  ฉันเป็นใคร ฉายา เพชรฆาตหมัดเหล็ก  เชียวนา”
            หญิงสาวร่างบึกทำท่าเบ่งกล้ามให้เขาดู  ก่อนแกะซองขาวเทใส่มือเป็นเม็ดยาเล็ก ๆ 4-5  เม็ด  แล้วหยิบเข้าปากอย่างกระหาย  เด็กหนุ่มมองการกระทำเหล่านั้นก่อนยิ้มเย็น
            “แกรับปากอย่างนั้นก็ดี  แล้วหวังว่าคืนนี้แกคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
            เด็กหนุ่มย้ำอีกรอบ  ก่อนเดินไปอีกทางหนึ่งของงานพลางมองหาใครบางคนผ่านฝูงชนที่แออัดนี้  จนกระทั่งเห็นหญิงสาวร่างเล็กยืนกอดแขนคนร่างสูงโปร่ง  อ้อนเซ้าซี้ขอตุ๊กตาตัวใหญ่ของรางวัลสำหรับผู้ที่ยิงปืนแม่นที่สุด
            ..เป้าหมาย  มาแล้ว
            เด็กหนุ่มยิ้มอย่างหมายมาด  ดวงตาดำสนิทแฝงรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ดังเช่นหมาป่ากำลังจ้องจับเจ้าแกะน้อยที่แสนซื่อใสไร้เดียงสา  เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้นจนได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจน
            “ฉันจะเอาตัวนั้น  ว่านยิงให้หน่อยสิ”
            “ตัวนั้นเหรอ???”
            ว่านถามคำยืนยันอีกครั้ง  ปืนจุกน้ำปลาถูกเล็งอย่างประณีตก่อนเข้าเป้าไปราวกับจับวาง  จนเขาได้ยินเสียงร้องเย้ลั่นจากคนข้างตัว
            “พี่ครับ  ขอหนึ่งชุดครับ”
            เสียงที่ไม่คุ้นหูแต่รู้สึกคุ้นเคยในความรู้สึก  รินหันไปมองด้วยความสงสัยก่อนยิ้มกว้างอย่างดีใจ  เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาคมดำสนิท  ค้อมหัวเป็นเชิงทักทาย  ทุก ๆ อย่างดูมีเสน่ห์ในสายตาของรินยิ่งนัก
            “อ้าวน้องรินเหรอครับ  พี่ก็นึกว่าเสียงของใครซะอีก  แล้วนี่มากับใครเหรอครับ”
            “รินมากับเพื่อนค่ะ  ว่านนี่พี่กริน  คนที่เราพูดให้ว่านฟังเมื่อวันนั้นไง  พี่กรินคะ  นี่ว่านค่ะ”
            รินทำหน้าที่แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน  กรินทักทายว่านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  ว่านมองเด็กหนุ่มสีหน้าเฉยชาแต่ก็ค้อมหัวรับคำทักทายอย่างว่าง่าย
            “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน  พี่กริน”
            “แล้วนี่น้องรินมาเที่ยวกันแค่สองคนเหรอครับ  พี่ได้ยินพวกเพื่อน ๆ มันบอกว่า  โรงเรียนของน้องรินส่งรถกระทงเข้าประกวดด้วยนี่?”
            เขาถามพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า  ว่านหันไปสนใจตัวตุ๊กตาที่ตั้งวางเรียงรายบนชั้นวางก่อนประทับปืนเล็งอีกตัวหนึ่ง
            “ค่ะ  ตอนนี้รินก็เดินเล่นฆ่าเวลา  รอประกาศผลตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ ค่ะ”
            “ถ้างั้นพี่ขออาสาพาเดินเที่ยวได้ไหมละครับ  หรือว่าน้องรินรังเกียจพี่??”
            “ปะ เปล่าค่ะ  ใครจะกล้ารังเกียจคนที่เคยช่วยรินไว้ละคะ  แหม ก็ได้ค่ะให้พี่กรินพาเที่ยวก็ได้”
            รินรีบปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อได้เห็นสีหน้าตัดพ้อจากคนขออาสา  รอยยิ้มกว้างจึงปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง  ว่านมองกิริยานั้นอย่างไม่สบอารมณ์กระแทกปืนลงโต๊ะเสียงดังโครม!  จนหลายคนที่ยืนใกล้ ๆ พากันสะดุ้งโหยง
            “ว่าน  พี่กรินเขาจะพาเที่ยว  ว่านจะว่าอะไรไหม?”
            รินหันไปถามเพื่อน  ว่านยักไหล่เอาไงเอากัน  กรินผายมือเชิญรินให้เดินนำไปก่อน  เขาเดินตามรั้งท้ายมองตามประกายในดวงตาแปลกเปลี่ยนไป
            กรินเดินมาตีคู่กับริน  เอาอกเอาใจหญิงสาวทุกอย่าง  ว่านเดินตามตาขวางอยากจะเตะรุ่นพี่คนนี้ทิ้งไปไกล ๆ ตงิด ๆ แต่ติดที่สถานการณ์มันไม่อำนวย  จึงได้แต่แยกเขี้ยวให้
            “ทำอย่างกับหมาหวงก้าง”
            คำพูดที่ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นของใคร  ว่านตวัดสายตาไม่พอใจส่งให้ก่อนพยายามเดินแทรกกลางระหว่างริน  และรุ่นพี่กริน  แต่เหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่  เสียงหัวเราะสดใสจากรินเมื่อรุ่นพี่คนนี้เล่าเรื่องตลกให้ฟังพลาง ๆ ยิ่งทำให้ว่านฮึดฮัดมากยิ่งขึ้น  ผลักคนเดินชนเขาให้เซไปอีกทางหนึ่ง
            “ดูท่ารินเขาจะชอบรุ่นพี่กรินคนนี้เข้าซะแล้วสิ”
            แอ๊ดเกาคางพลางสันนิษฐานความเป็นไปได้ให้คนฮึดฮัดฟัง  ว่านกระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มเข้าใกล้ก่อนเอ่ยเสียงเหี้ยม
            “เก็บปากของแกไว้กินข้าวอย่างเดียวเถอะ”
                                [‘พี่สุดหล่อค้าบ .ช่วยรับโทรศัพท์หน่อยค้าบ’]
            “สวัสดีครับ  ผมกรินพูดอยู่ครับ”
            เด็กหนุ่มกรอกเสียงลงโทรศัพท์บางเฉียบรุ่นใหม่ล่าสุด 
            “อืม .จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”  เขาหันมามองรินส่งยิ้มละไม  “พอดีพี่มีธุระด่วน  สงสัยคงต้องขอตัวก่อน  น้องรินคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
            รินส่ายหน้า  “ไม่เป็นไรค่ะ  พี่กรินไปทำธุระเถอะค่ะ”
            “งั้นพี่ไปก่อนนะครับ  เอ่อ .”  เขาทำท่านึกขึ้นได้  “ถ้าน้องรินไม่ว่าอะไรพี่ขออนุญาตโทรฯคุยกับน้องรินได้ไหมครับ”
            “ไม่ได้!!!”
            คนปฏิเสธเสียงเข้มไม่ได้มาจากคนถูกขอ  แต่เป็นคนที่ยืนตาขวางให้  รินหันไปมองว่านก่อนหันไปตอบเด็กหนุ่ม
            “ได้ค่ะ  พี่กริน”
            เขาโบกมือลาก่อนเดินหายลับไปกับฝูงชน  รินมองว่านอย่างไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินไปอีกทาง  ว่านรีบวิ่งไปดักหน้า
            “เอ่อ ริน  คือ แบบว่านไม่ได้ตั้งใจ    แหม ไอ้นั่นมันท่าทางขี้หลีจะตาย  ว่านมองปราดเดียวก็รู้มันไม่ได้มาดีหรอก”
            “แก้ตัวชัด ๆ ”
            เสียงขัดจากแอ๊ดพร้อมแย้มรอยยิ้มที่เป็นต่อ  ว่านถลึงตามองราวจะกินเลือดกินเนื้อ  รินมองว่านอย่างไม่พอใจ
            “ว่านไปพูดอย่างนั้นกับพี่เขาได้ยังไง  พี่เขาดีกับเราจะตายว่านก็น่าจะให้เกียรติพี่เขาบ้าง”
            “ก็ว่านไม่ชอบมันนี่”
            รินถอนหายใจอย่างระอาดูท่าทางไม่ยอมแพ้ของว่านแล้ว  คงทำให้สองคนนี้เข้ากันได้ยากเสียแล้วสิ
            “เพราะพี่เขากำลังจะจีบริน  แกเลยไม่ชอบ”  แอ๊ดแอบกระซิบข้างหูให้รู้กันเพียงสองคน
            “มึงไปเห่าไกล ๆ  เลยไป  เดี๋ยวจะหาเศษกระดูกให้แทะ  ไป๊!!”
            รินผละจากไป  แอ๊ดยักคิ้วให้ก่อนเดินหนีไปอีกทางเพราะจะกลัวโดนลูกหลงของไอ้นี่เสียก่อน  ว่านรีบเดินตามต้อย ๆ  เหมือนหมาตามเจ้าของ
            “รินฟังว่านก่อนสิ”
            แต่รินไม่หยุด เดินต่อไปเรื่อย ๆ  ว่านก็เดินตามต้อย ๆ ส่งตาละห้อยให้แก่คนที่เดินนำข้างหน้าแม้เธอจะมองไม่เห็นก็ตาม
            “อ๊ะ ๆ ก็ได้  ต่อไปว่านจะไม่ทำกิริยาอย่างนั้น  และไม่พูดพล่อย ๆ ต่อหน้าไอ้ เฮ้ย  พี่กรินเขาอีกแล้ว”
            รินหันกลับมามองอย่างค้นหา  แต่ก็พบเพียงสายตาดำ ๆ ซื่อ ๆ จริงใจ  เหมือนหมาน้อยที่มองเจ้าของด้วยความซื่อสัตย์
            “แน่นะ??” 
            รินถามย้ำอีกครั้ง  ว่านพยักหน้ารับเร็วปรื๋อ  จึงได้เห็นรอยยิ้มสดใสจากเด็กสาวร่างเล็กอีกครั้งหนึ่ง  เขาถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก  แขนเล็ก ๆ ตวัดเข้าเกี่ยวแขนของว่านก่อนเดินจูงไปดูโน่นดูนี่ตามประสา
            จู่ ๆ รังสีอำมหิตแผ่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว  ขนในกายเขาลุกชันอย่างพร้อมเพรียง  หันกลับไปมองข้างหลังก็เห็นเพียงแต่ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไม่มีใครสนใจใคร  คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย  ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปรกติเมื่อได้ยินเสียงใส ๆ ร้องถาม
            “มีอะไรเหรอว่าน?”
            “ปะ เปล่า  ไม่มีอะไรหรอก  เดินเที่ยวกันต่อเถอะ”
            ว่านหันกลับไปมองอีกครั้ง  ครุ่นคิดสับสนในใจก่อนปัดความคิดนั้นออกจากหัวอย่างรวดเร็ว  หัวเราะอย่างร่าเริง  ทั้งที่ในใจร้อนระอุด้วยเปลวเพลิงแห่งคาวเลือด
            กรินเดินออกจากงานไปยังรถซีมูลีนรุ่นใหม่ล่าสุด  มันขับทะยานจากพื้นถนนก่อนพุ่งละลิ่วขึ้นสูงเสียงเครื่องยนต์ขับฝ่าอากาศส่งเสียงหวีดหวิวให้ได้ยินเป็นระยะ
            รอยยิ้มแฝงประกายบางอย่างคล้ายสุขสมหวังผุดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่จัดว่าหน้าตาดี  ขนาดพระเอกหนังยังต้องชิดซ้าย  ขาไขว่ห้างร้องเพลงฮึมฮัมอย่างอารมณ์ดี
            รถคันนั้นลงจอดหน้าบ้านใหญ่หลังหนึ่ง  เขาเดินลงจากรถมีหญิงสาวในชุดคลุมท้องเข้าโอบกอดชายหนุ่มด้วยความคิดถึง
            “มาแล้วเหรอคะ วุฒิ  นึกคุณว่าจะปล่อยให้ หญิง รอทั้งคืนแล้วเสียอีก”
                        วุฒิ??? .  เขาชื่อ กริน ไม่ใช่???
            “ผมจะปล่อยให้แม่ของลูกนั่งรอทั้งคืนได้ไงล่ะครับ นี่ผมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จก็มาหาคุณปุ๊บ  เข้าไปในบ้านดีกว่าอากาศเย็นเดี๋ยวคุณจะไม่สบาย”
            กรินโอบกอดหญิงสาวก่อนปิดประตูตามหลัง  ทิ้งทุกสรรพเสียงภายนอกให้ว่างเปล่า
            ชายหนุ่มโอบหญิงสาวให้เอนตัวนอนบนเตียง  ห่มผ้าคลุมให้แล้วจุมพิตบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา
            “หลับฝันดีนะครับ”
            หญิงสาวยิ้มตอบแล้วหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข  ไม่ทันได้เห็นประกายบางอย่างจากดวงตาของเขา  ถ้าหากเธอเห็นเธอคงจะไม่มีวันอยากจะรู้จักกับเขาแน่นอน
            ใบมีดคมวาวตวัดวาบเข้ามาในมือราวกับนักมายากล  แสงสะท้อนจากโคมไฟที่ห้อยระย้าบนฝ้าเพดานทำเอาหญิงสาวเคืองตาลืมตามองก่อนเบิกตากว้างถดถอยหนีอย่างหวาดกลัว
            “วุฒิ  คุณจะทำอะไร???”
            ใบหน้าอันหล่อเหลาราวเทพบุตรที่เธอเห็นในยามนี้มันไม่ต่างจากปีศาจที่สิงสู่ในร่างมนุษย์ .. 
            เขาก้าวเข้าหาเธอแช่มช้าหากแต่กลับมีไอเย็นทะมึนล้อมรอบตัวเขาไว้  จนหญิงสาวสั่นด้วยความกลัวอย่างระงับไม่อยู่ขณะที่ถดถอยหนีลงจากเตียง  แต่เขากลับมาดักหน้าราวกับจะรู้ใจเธอดี
            “ผมขอโทษ  หากแต่เป้าหมายบางอย่างทำให้ผมต้องยอมเสียสละ ลูก  และ  คุณ”
            ฉวัะ!!!
            กรี๊ดดดด!!!
            เลือดแดงสดทะลักไหลจากปากแผลตรงท้องกระเด็นจนเปื้อนร่างเขา  รอยยิ้มแห่งความสุขราวปีศาจฉายบนใบหน้า  เขายืนหลับตาพึมพำบางอย่างสักพัก  ควันสีขาวก็พวยพุ่งจากร่างของหญิงสาวท้องกลม  มันรวมกันจนเป็นรูปร่างหน้าตาคล้ายหญิงสาวที่นอนตาเบิกกว้างบนเตียงที่แดงฉานไปด้วยเลือด  อีกมือหนึ่งเธอจูงเด็กเล็ก ๆ มองดูเขาสายตาว่างเปล่า
            ปีศาจในร่างมนุษย์ยื่นมือเข้าหาร่างทั้งสอง  มือทั้งสามผสานกันแน่น
            “ .พาผมไปหน่อย .”
            ทั้งสองทำตามอย่างว่าง่าย  จูงชายหนุ่มให้เดินเข้าลำแสงสีทอง  แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าลำแสงเส้นนั้นกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างดีดเขาให้ออกมา  ลำแสงหดวูบหายลับไปจากสายตา
            ไม่พอ  .พลังยังไม่พอ .
            เขาพึมพำพลางโคลงหัว  เดินออกจากบ้านหลังนั้นอย่างหมกมุ่นในห้วงความคิด
            ประตูรถเปิดออกให้ชายหนุ่มเดินขึ้นรถ  โลหิตแดงฉานส่งกลิ่นคาวอันไม่สบอารมณ์พลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว  เขายกมือขึ้นดีดดังเป๊าะ!!
            พรึ่บ!!
            บ้านทั้งหลังจมอยู่ภายใต้กองเพลิงอันร้อนแรงที่ลุกโชนอย่างฉับพลันไม่มีที่มา  ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้วายวอดไปต่อหน้าภายในพริบตา
            “ไฟไหม้!!”
            เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก ของบ้านที่อยู่ข้าง ๆ เรียกให้แสงไฟบริเวณนั้นติดพรึ่บขึ้นมาดูสถานการณ์  แล้วเหตุการณ์แสนโกลาหลก็เกิดขึ้น
              จนไม่มีใครสนใจรถซีมูลีนคันงามที่แล่นจากจุดเกิดเหตุไปอย่างลอยนวล ..
++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++__++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น