ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ปีศาจ
ตอนที่ 2  ปีศาจ
                เหมือนร่างจะแหลกเละเป็นชิ้นดี  หุบเหวสูงชันมองไม่เป็นปลายตั้งตระหง่านลับแสงอาทิตย์ยามอัสดง  ร่างบางร้องตะโกนลั่น  สองมือไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว  แต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ
                “ม่ายยย!!!”
                พื้นหินแข็งกระแทกกับร่างเข้าเต็ม ๆ  สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักหอบเอาความชาด้านและความขลาดกลัวกระเทาะจิตใจกัดกิน .เหงา วังเวง ไม่มีที่สิ้นสุด 
                เลือดที่นองบนพื้นกลับไหลเข้าร่างอย่างเดิม  ลุกขึ้นเหลียวมองหาที่พึ่ง แต่ไร้ทาง  เหมือนเจอทางตัน
                แล้วความมืดก็เข้าคลอบงำทุกสรรพสิ่ง  เสียงฝีเท้าย่ำเดินรอบตัวพร้อมเสียงตะโกนเฮลั่น  ฉุดให้ร่างนั้นวิ่ง วิ่ง ทั้งที่ไม่รู้จุดหมาย  รู้แต่ต้องหนีไปให้ไกล
                .แต่ .จะไปทางไหน
                ดวงตาวาวโรจน์จากทุกทิศเริ่มเข้าใกล้ตัวมากขึ้น  ไร้ทางหนีแล้ว!!!  .ยกมือขึ้นป้องหน้าร้องเสียงหลง 
                        อ๊าาาาา!!!
                ผืนดินที่ยืนอยู่กลับทรุดแยกจากกันเป็นทางยาว  ให้ร่างบางลอยละลิ่วสู่ใต้ธรณี  สู่ที่มืดมิด ไร้แสงสว่าง
                โซ่เหล็กเลื้อยเข้ารัดพันแขนสองข้างแล้วดึงเป็นสองทาง  ร่างบางเหมือนจะปริแยกจากกัน  ทรมาน ..แสนสาหัส
                “ไม่ .อย่าาาาา!!!!”
                ต้องไม่เป็นแบบนี้  ไม่ มันต้อง ไม่!!!
                อ๊ากกก!!!
                เสียงตะโกนครั้งสุดท้ายดังโหยหวน  พร้อมกันกับที่เหมือนวิญญาณกำลังจะถูกกระชากหลุดจากร่าง!!
                เฮือก!!!  เสียงกรีดร้องยังแว่วดังเหมือนอยู่ข้างหู  เด็กหนุ่มลุกพรวดสะดุ้งตื่นจากฝัน  เหงื่อไหลย้อยเต็มใบหน้า  หอบหายใจถี่ราวกับวิ่งมาเป็นสิบกิโลทั้งที่ตัวเองนอนหลับอยู่บนที่นอนแท้ ๆ
                เสียงลมหายใจถี่เริ่มช้าลงและกลับเป็นปกติ  สม่ำเสมออย่างเดิม  เขาเก็บผ้าห่มที่ถูกเหวี่ยงมากองบนพื้นให้กลับไว้บนเตียง  ลุกขึ้นออกไปสูดอากาศนอกชานบ้าน 
                ดวงดาวยังพราวแสงเต็มท้องฟ้าดวงดาวกลุ่มหนึ่งยังคงเด่นจรัสแสงบดบังรัศมีของดาวดวงอื่นไปเสียสิ้น  ผิดแต่ใจกลางของกลุ่มดาวนั้นกลับกระพริบอ่อนแสงลงทุกขณะ  แสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวโผล่พ้นจากกลุ่มเมฆก้อนใหญ่  ทำหน้าที่เป็นดวงตะวันยามค่ำคืน  แสงของมันส่องให้เห็นร่างสูง  กำยำของเด็กหนุ่ม  ผิวคล้ำอย่างคนที่กรำแดดตลอดเวลา  นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย
                ฝัน?  .ความฝันอันประหลาด  น่ากลัวและน่าสงสารภายในเวลาเดียวกัน  คน ๆ นั้นจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ??
                .แต่ยังไง  ความฝันก็ยังคงเป็นความฝันวันยังค่ำ  ต่อให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกฝันนี้ก็จะเป็นเพียงภาพฝัน 
                                  .จะหลับซักกี่ตื่นก็ตามที
                “ดึกแล้วทำไมถึงยังไม่นอน  ออกมาทำไม??”
                เสียงทักเจือความห่วงใยดังจากข้างหลังเด็กหนุ่ม  ชายสูงวัยกว่ายืนกอดอกมองเด็กหนุ่มอย่างพิจารณา  เค้าหน้าที่คล้ายกันบ่งบอกความผูกพันธ์ทางสายเลือด  ความองอาจผึ่งผายที่ฉายชัดทางกายภาพยิ่งพินิจให้พวกเขาสง่าสมชายชาตรี
                “ผมก็แค่ นอนไม่หลับครับ”
                เด็กหนุ่มเลี่ยงตอบไปอีกทาง  เสหน้ามองฝ่าความมืดไปยังชายป่าด้านหนึ่งติดกับตัวบ้าน  แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้เดินเข้าไปตบบ่า  สองมือเกาะราวระเบียงก่อนเปรยเสียงอ่อน
                “ฝันก็คือฝัน .จิตใจของคนไม่มีวันที่จะเข้มแข็งได้ตลอดเวลา  ยามอ่อนแออย่ามัวแต่พะวงห่วงแต่สิ่งที่ผิดพลาดต้องมองเผื่อวันข้างหน้า  อนาคตไม่มีใครรู้ แต่เรากำหนดมันด้วยสองมือและปณิธานแห่งความตั้งใจจริงได้”
                เด็กหนุ่มมองคนเปรย  ยิ้มละไมบนใบหน้ายังกรุ่นด้วยความห่วงใย  คน ๆ นี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อ่านใจเขาออกได้เสมอ  ไม่มีทางโกหกเขาได้เลย
                “ครับ  ผมจะจำคำของพ่อไว้”     
                คำสอนที่ต้องจดจำไว้  เด็กหนุ่มยิ้มรับละทิ้งความกลัวในความฝันนั้นชั่วขณะ
                “น้ำค้างลงหนักแล้ว  เข้าไปนอนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางอีกไกล”
                เขาไล่ให้เด็กหนุ่มเข้าไปนอน  ผู้เป็นพ่อมองจนประตูไม้ปิดสนิทแล้วแหงนมองดูดวงดาวที่ประดับบนท้องฟ้า
                .บางที  นกน้อยตัวนี้อาจจะพร้อมโผบินเผชิญโลกกว้างแล้วก็ได้
                จงเป็น ..
                        นกน้อยที่ผงาดเหนืออินทรีให้ได้   
                                                  ไม้ .ลูกพ่อ
.
                ใต้ซอกหลืบตึกห่างไกลเขตชุมชนจึงไม่ค่อยมีผู้คนพลุ่งพล่านเหมือนย่านการค้าศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยี  ร่างสูงโปร่งภายใต้ผ้าคลุมสีมัวปกปิดทั่วกาย  พร้อมผ้าคาดหัวสีน้ำเงินมีเส้นสายฟ้าเป็นสีขาวตัดกันเป็นสัญลักษณ์  สาวเท้ายาว ๆ เพื่อออกจากซอกตึกแห่งนี้โดยเร็วที่สุด  โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
                “เฮ้!  ไอ้หนูเดินดูตาม้าตาเรือบ้างเซ่  ไม่มีตาหรือไงวะ”  ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนด่าตามหลัง
                ร่างนั้นยังคงไม่สนใจเดินดุ่ม ๆ เข้าซอกแคบ ๆ มืด ๆ  หยุดมองขอทานที่ยกมือไหว้ปะหลก ๆ ท่าทีที่อนาถเกินทน  ดวงตาดำสนิทคู่นั้นเบือนหนีไปอีกทาง  ดีดเหรียญเงินในมือลงกระป๋องกระทบเหรียญอื่นส่งเสียงดังกริ๊ง!!
                ย่ำเดินผ่านกลิ่นเน่าของแควน้ำ  กลิ่นของขยะเน่าที่ยังลอยวนเวียนซ้ำซากจำเจ  แม้เทคโนโลยีจะมีการพัฒนาที่ดีมากขึ้นเท่าไหร่  แต่จิตใจที่มักง่ายก็ยังคงติดเป็นสันดานแก้ยาก  รักษาไม่หาย .
                สถานที่เรียกว่า สลัม   ยังไงก็ยังคงถูกมองข้ามจากทุกสิ่งทุกอย่าง  ไม่มีเงิน  ไร้อำนาจ  ก็ถูกมองเป็นแค่อากาศไร้การสนใจอยู่ชั่วนิจที่อำนาจของเงินจะยิ่งใหญ่  บ้านแต่ละหลังแทบจะพังไม่เป็นท่าหากโดนลมแรงพัดมาวูบเดียว
                สะพานยกระดับเส้นเล็กที่มีแค่ไม้เก่า ๆ ผุ ๆ วางเรียงรายพอที่จะเดินข้ามได้เท่านั้น  ความแข็งแรงของมันทำเอาคนที่ใช้สะพานอยู่หนาว ๆ ร้อน ๆ กลัวจะต้องตกไปในน้ำเน่าที่ส่งกลิ่นเหม็นชวนให้หันหน้าหนี
                                  “ชีวิตเจ้าไม่มีสิ่งใดที่ต้องการบ้างงั้นหรือ?”    น้ำเสียงที่คุ้นหูดังแว่วผ่านสายลมร่างโปร่งหยุดชะงักหันมองข้าง ๆ แต่กลับเห็นเพียงอากาศที่ว่างเปล่า
                .ไม่มี มั้ง!
                เสียงตอบภายในใจเหนื่อยหน่ายเกินจะทานทน
                              “ไปกับข้าไหมล่ะ  อิสระภาพแห่งชีวิตที่เจ้าใฝ่ฝัน  เจ้าจะพบมัน”
                คราวนี้หันไปอีกรอบเห็นบุรุษร่างสูง  สูงกว่าเธอที่เทียบได้แค่ระดับไหล่ของเขา  มือข้างหนึ่งยื่นมาให้เธอจับ  ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองเธอภายในดวงตายังมีประกายบางอย่างซ่อนไว้
                              . .ไป .
                คำตอบที่มาพร้อมมือยื่นคว้าแขนข้างนั้น  แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่าร่างนั้นจางลงแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับอากาศแล้วสลายหายไปในพริบตา
                พลันตื่นจากภวังค์ ..  มือที่กำลังยื่นออกไปหยุดชะงักก่อนกลับไว้ที่ข้างลำตัวเช่นเดิม  ดวงตาดำสนิทเหล่มองผู้คนที่หยุดมองดูเธอด้วยสายตาแปลก ๆ  บ้างก็หันไปซุบซิบกัน  แต่พอเห็นแววเย็นชาภายในดวงตาคู่นั้นกลับรีบหลบหน้ากันเป็นแถวแล้วรีบเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                คำตอบที่สายเกิน กับความคำนึงที่ไม่มีทางจะเป็นจริงได้อีก
                พอพ้นจากสลัม  โรงแรมโทรม ๆ ที่ปลูกสร้างหลังถนนสายกลางคืน  สถานบันเทิงที่ตั้งแข่งกันระนาวต่างเงียบเชียบภายในเวลากลางวัน  ร่างโปร่งตรงไปยังรถจักรยานยนต์คันหนึ่งที่จอดไว้ข้างทาง  สตาร์ทแล้วขับมันออกไปสู่ถนนใหญ่  ยานน้อยใหญ่ยังบินว่อนเหนือหัว  การจราจรติดขัดพอ ๆ กับรถบนถนน  ไฟแดงยังแดงแจ่มนานหลายนาที
                                  [‘ตอนนี้ผมกำลังอกหัก ..ไม่ว่างรับสายค้าบบบ’]
                “เออ มีอะไร”
                เสียงนุ่มกรอกตามสาย  โทรศัพท์พับรุ่นใหม่บางเฉียบวางแนบหูในขณะที่มืออีกข้างบังคับรถให้เคลื่อนไปข้างหน้าเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยน
                “ไม่เห็นนี่ ฉันมาคนเดียว”
                น้ำเสียงร้อนรนของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องเปลี่ยนทิศทางการเดินรถ  จากถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่ซอยเล็กแคบ!!
                “ได้ ๆ เดี๋ยวจะแวะไปดูมันให้    แล้วงานไปถึงไหนแล้วละ .เออ ๆ  แค่นี้ก่อนละกัน”
                โทรศัพท์ถูกปิดพร้อมการสนทนาที่จบลง  คันบิดถูกเร่งพร้อมควันของก๊าซธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมพ่นจากท่อไอเสีย  ARโซนิค 145  คันดำสนิทพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
.
.
                ภาพผู้คนที่เดินกันขวักไขว่หยุดเดิน  แล้วแหงนหน้าชี้ไม้ชี้มือขึ้นข้างบนเบนความสนใจของเขาเสียก่อน  ดวงตาดำสนิทเงยขึ้นมองบ้าง  ยอดตึกดาดฟ้าของอาคารสูงสิบกว่าชั้น  แสงตะวันกระทบเข้ากับเงาตะคุ่ม ๆ บนยอดตึก  คิ้วคมได้รูปขมวดเข้าหากันพร้อมลางสังหรณ์บางประการ 
                เสียงเซ็งแซ่ของผู้มองดูเหตุการณ์ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ  เงาบนยอดตึกค่อย ๆ ฉายชัดในดวงตาดำสนิท  เสียงหวีดร้องก็ดังตามมาเป็นระยะ
                “ว้าย! .คนกำลังจะโดดตึก”
                ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปเมื่อความจริงมันปรากฏอยู่เต็มสองตาแล้ว  ล้อหลัง ARโซนิค  ปัดจนเป็นรอยดำทาบติดพื้นถนน  หน้าปัดบอกความเร็วกระดิกพุ่งไปจนสุดตัวเลขอย่างน่ากลัว  เสียงเครื่องคำรามดังกระหึ่มจนล้อหน้ายกตัวขึ้นก่อนพุ่งขึ้นกลางอากาศผ่ากลางเหล่าคนมุงไปอย่างเฉียดฉิว
                กรี๊ดดดด!!!
                ฟุ่บ!!!
                เสียงกรี๊ดจากเหล่าไทยมุงดังผสมปนเปกันไปหมดไม่รู้ว่าชายหรือหญิงกันแน่ที่ร้องกรี๊ด  ผ้าคลุมสีมัวถูกสลัดจากตัวเข้ารับร่างที่หล่นจากยอดตึกได้อย่างเฉียดฉิว  ตกอยู่ใต้อ้อมแขนเจ้าของรถ ARโซนิค คันดำสนิท  สองมือประคองร่างนิรนามไว้แน่น
                ทั้งคนและรถลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย  ก็ได้รับเสียงปรบมือหลังจากอาการตกตะลึงของคนเหล่านั้นหายไปจากใบหน้า  เขารีบจับชีพจรของหญิงสาวนิรนามที่นอนคอพับคออ่อนใต้อ้อมแขนของเขา  ก่อนพ่นหายใจอย่างโล่งอก
                แค่สลบไปเท่านั้น..
                เขารีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด  พอหญิงสาวคนนั้นถึงมือหมอแล้วเขาก็รีบออกรถไปอย่างทันที  ไม่ได้รอดูอาการหรือถามไถ่ว่าทำไมถึงได้นึกอุตริเล่นบันจี้จัมพ์โดยไม่มีเชือกกลางเขตชุมชนอย่างนี้
                แต่เขาคงไม่รู้  โชคชะตา จะทำให้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้ง
                                .แล้วโศกนาฎกรรมก็ถูกพัดพามาราวคลื่นพายุโหมกระหน่ำในคืนลมแรง
                [ก๊อก  ก๊อก]
                “ค้าบ ..จะไปเดี๋ยวนี้แหละค้าบ”
                เจ้าของห้องเช่าขนาดกลางมีเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการครบครันเต็มห้องพักตะโกนรับ  เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีที่กำลังวุ่นวายอยู่หน้ากระจกกดรีโมตที่ริมเตียงฉายภาพหน้าประตู  พลันรอยยิ้มพร้อมดวงตาเหยียดมองคนข้างนอก
                “คุยอะไรด้วยกันสักแป๊บก่อนสิ”
                เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูรับ  คนข้างนอกชายวัยรุ่นอายุไม่ห่างจากเจ้าของห้องเท่าใดนักดีดมีดสปริงจี้ไปที่เอว  ขณะที่อีกคนกอดคอตีสนิทอย่างหน้าตาเฉย  แถมพูดเสียงเข้มแกมบังคับจนเด็กหนุ่มต้องเลิกคิ้วทั้งที่ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใน
                “ผมว่าห้องนี้คงไม่สะดวกหรอกนะครับ มันแคบเกิน”
                เจ้าของห้องพยักเพยิดหน้าไปทางดาดฟ้า  วัยรุ่นสองคนสบตากันอย่างรู้นัย  เดินประกบเด็กหนุ่มให้เดินไปทางดาดฟ้าของตึกมีดคมวาวถูกซ่อนไว้ข้างหลังอีกคนเดินกอดคอเด็กหนุ่ม  เหมือนกับเป็นเพื่อนที่สนิทกันเสียเต็มประดา
                แต่รู้นัยกันเพียงสามคนว่าความจริงมันเป็นยังไง
                ปึง!
                ประตูบนดาดฟ้าเปิดผางด้วยฝ่าเท้าของชายหนุ่มร่างกำยำ  แรงถีบทำให้บานประตูดีดออกอย่างรวดเร็ว  กลุ่มวัยรุ่นฉกรรจ์อีกนับสิบคนเดินตามหลังคนชายหนุ่มร่างกำยำที่ดูคงเป็นหัวหน้าของพวกนี้
                สามคนที่ยืนรออยู่บนดาดฟ้าหันไปมองกลุ่มวัยรุ่นฉกรรจ์  วัยรุ่นสองคนที่ยืนคุมเด็กหนุ่มผละมายืนข้างหลังหัวหน้าอย่างทันที
                “มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ  พูดเร็วหน่อยก็ดีนะครับ  เพราะผมมีนัดที่อื่นอีกเดี๋ยวสาย”
                เด็กหนุ่มยิ้มในสีหน้า  ดวงตาสีมรกตจ้องมองคนเป็นหัวหน้าวาววับซ่อนแววเจ้าเล่ห์ไว้ภายในใบหน้าที่ใสซื่อ  ชายหนุ่มกำยำหัวเราะก้องราวขบขันคำพูดของเด็กหนุ่มร่างผอมบาง  ใครบ้างจะไม่รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้กำลังท้าทายเขาอยู่
                “เมื่อวานแฟนกู น้องหลิน มาหามึงที่นี่ใช่ไหม  คนของกูเห็น”
                น้ำเสียงคุกคาม  บวกกับท่าทีที่ดุร้ายคงทำให้หลายคนขวัญผวาได้ไม่ยากเย็น  .แต่ต้องไม่ใช่กับคน ๆ นี้
                เด็กหนุ่มตาโต  ยกมือทาบอกทำท่าตกใจอย่างสุดขีด  “อ้าว น้องคนเมื่อวานเป็นแฟนพี่เองหรอกเหรอครับ  ผมไม่ยักรู้  เผอิญน้องเขาไม่ได้แขวนป้ายบอก”
                คำพูดสุดท้ายมาพร้อมกับรอยยิ้มแต้มบนหน้า  ที่ดูยังไงก็เป็นยิ้มเยาะชัด ๆ 
                ใบหน้าคนร่างกำยำแดงก่ำโดยไม่ต้องพึ่งการออกกำลังกาย  พร้อมรี่เข้าหาเด็กหนุ่มร่างผอม  แค่ลักษณะทางกายภาพก็แตกต่างกันถึงขนาด  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันมวยคนละรุ่นอยู่แล้ว  แถมพวกที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างหลังอีกเป็นสิบ  บอกได้อยู่แล้ว .เด็กหนุ่มคนนี้เละแน่ ๆ
                พลั่ก!!
                เพียงพริบตาเดียวที่หัวหน้าของพวกมันประเคนหมัดขวาอันทรงพลังเข้าใบหน้าของเด็กหนุ่ม  พริบตานั้นก็เห็นหัวหน้าล้มไปกองบนพื้นเสียแล้ว 
                    ไม่ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นและ .ทำไม เร็วอย่างนี้!!!
                เฮ้ย!  นี่ตัวคาราเต้ระดับจังหวัดเชียวนะ ..
                ทั้งหมดได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก  เสียงราบเรียบก็ดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
                “มีใครจะเข้ามาอีกไหมครับ”
                “รุมมันเว้ย!!”
                [แอ๊ด]
                เสียงประตูบนดาดฟ้าเปิดอ้าออก  หันความสนใจของทั้งหมดมาที่คนไม่รู้กาลเทศะ  ดวงตาดำสนิทลอบมองเด็กหนุ่มนัยน์ตามรกตที่ส่องสายตาเบื่อหน่ายให้  แล้วกลับไปมองคนทั้งหมดที่หยุดชะงัก
                “อ่า ขอโทษที่มารบกวน”
                บานประตูนั้นปิดลงอีกรอบ  เด็กหนุ่มวัยรุ่นท่าทางซ่าส์ไม่หยอก  และคงมีอำนาจพอสมควรหันมาชูไม้หน้าสามก่อนตะโกนสั่งอีกครั้งหนึ่ง
                “เฮ้ย!! .รุมมันเว้ย!!”
                ร่างสูงโปร่งดึงประตูปิดอย่างคนรู้มารยาท  ก่อนนึกถึงเสียงแหกปากที่ดังผ่านสายโทรศัพท์ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบขับรถมาเด็กหนุ่มคนนั้นที่นี่  แขนที่กำลังจะผละจากลูกบิดก็เปิดประตูออกไปอย่างคนนึกขึ้นได้
                “อ่า ธุระของแกเสร็จ ”
                คำพูดที่จะเอ่ยหลุดหายเข้าลำคอเสียหมด  ภาพกลุ่มวัยรุ่นล้มสลบเป็นแถวเหลือเพียงเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตยืนเฉยกลางกลุ่มพวกนั้น  เงยหน้าส่งคำถามผ่านสีหน้ามาทางคนยืนหน้าประตู
                “ เร็วหน่อยก็จะดี”
                “เสร็จแล้ว”
                เขาตอบกลับมาแล้วเดินข้ามร่างพวกนั้นอย่างไม่ใยดี  มือข้างหนึ่งกำร็อคเก็ตที่ห้อยคอส่องแสงเป็นประกายไว้มั่น  ดวงตามรกตหันไปมองข้างหลังเผยรอยยิ้มเยาะ
                .ขอบใจ .มาก..
                เงาดำตะคุ่มขนาดใหญ่ค้อมรับคำขอบคุณ    ก่อนถูกสายลมบนดาดฟ้าพัดสลายหายไปกับสายลม  ขณะที่เจ้าของคำขอบคุณเดินลงบันไดหายลับไปแล้ว
                วัยรุ่นคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น  สีหน้าหวาดกลัวเหลือขนาดต่อสิ่งที่ได้พบเห็นมา  มือโชกเลือดกำลังไขว่คว้าบางสิ่งกลางอากาศ
                “ป .ปีศาจ”
                น้ำเสียงเริ่มขาดห้วง  เบิกตากว้างไร้สุ้มเสียงร้องใด ๆ ต่อไป .
                “ใช้ไอ้นั่นละสิ” 
                เขาถามขึ้นอย่างรู้ทันขณะที่เดินเข้าลิฟต์แก้ว  เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูงมองเขาอย่างประหลาดแต่เหมือนการเสแสร้งเสียมากกว่า
                “ฉันมันพวกใช้สมอง  ไม่ได้บ้ากำลังเหมือนแกนี่”
                สายตาเย็นชาตวัดมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างขุ่นเคือง  ก่อนเดินนำออกไปจากลิฟต์ที่เปิดอ้าออกเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ  ใต้ถุนอาคารที่มืดสลัวมีรถคันดำสนิทเกือบเป็นเนื้อเดียวกันจอดขวางทางอยู่บนทางเดิน  หยิบหมวกกันน็อคอีกอันใต้เบาะรถโยนให้เด็กหนุ่ม
                “ใส่ซะ  .เดี๋ยวความฉลาดในสมองของแกจะกระจายบนถนน”
                เด็กหนุ่มรับมาใส่อย่างว่าง่าย  เพราะรู้ฝีมือการขับรถของเจ้าของรถดีว่าอยู่ในระดับไหน  ขึ้นซ้อนท้าย เสียงกระหึ่มของรถยังดังก้องหู  แต่เสียงของเขาที่พูดขึ้นนั้นทำเอาเด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก!
                “อยากจะไปถึงในเวลาครึ่งชั่วโมง  หรือ .ครึ่งนาที???”
                “เอ่อ ขอครึ่งชั่วโมง”
                เด็กหนุ่มตอบ  นึกเสียวสันหลังวาบ ๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่แฝงด้วยอันตรายเต็มเปี่ยม
                “แต่ว่า ฉันชอบครึ่งนาทีนะ”
                                  . แล้วมันจะถามทำแป๊ะไรวะ?? .
                เข็มชี้ความเร็วบนหน้าปัดรถพุ่งกระดิกจนติดตัวเลขหลังสุด  แล้วพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง!!  คนไม่ชอบความเร็วหลับตาปี๋เกาะชายเสื้อของคนขับแน่น
                เหวอ!!
                ว๊าก .ใครก็ได้ช่วยด้วย  ผมไม่อยากต๊ายยยยยย .
++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++ ++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น