ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของหายนะ
ตอนที่ 1  จุดเริ่มต้นของหายนะ
            .เนิ่นนานมาแล้ว  ที่แห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์  ถึงแม้จะเป็นที่ ๆ ไม่เคยมีดวงตะวันส่องให้เห็นความสว่าง  จะมีเพียงคบใต้ที่ส่องแสงให้ความสว่างไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า  ตอนกลางวัน  หรือกลางคืน
            กองเศษซากปรักหักพัง  เศษอิฐก้อนน้อยใหญ่ไม่เคยถูกขนย้ายเคลื่อนหายไปไหนเคยกองอยู่อย่างใด  ก็อยู่อย่างนั้น
            มีเพียงแผ่นศิลาแผ่นหนึ่งที่ตั้งตรงท่ามกลางเศษซากปรักหักพังเหล่านั้น  รอบด้านมีอักขระโบราณสลักเป็นแถวยาวเรียงกัน  ตัวแผ่นศิลามีแต่รอยร้าวที่ยากเกินจะเยียวยา
            ร่างในชุดคลุมสีดำ หมวกคลุมปิดใบหน้าทำให้มองไม่เห็นถึงดวงตาแฝงความเ-หิ้-ยมโหดเกินมนุษย์บนใบหน้าเรียบสงบ    เดินข้ามก้อนอิฐที่ระเกะระกะเข้าหาแผ่นศิลา
            มือสองข้างวางราบสัมผัสกับแผ่นศิลารับรู้ได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่ส่งผ่านมาได้ดี  ริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำบังเกิดเป็นแสงสีทะมึนรอบรอยนิ้วที่แตะแผ่นหินเย็น!!!
            คำทำนายดังแว่วก้องเข้าโสตประสาทยิ่งเร่งเร้าแสงทะมึนให้ยิ่งขยายวงออกเรื่อย ๆ
            “เจ้าผู้เกิดมาพร้อมพลังที่อสูรไม่มี  พลังวัตราอันยิ่งใหญ่จะปลดพันธนาการจ้าวอสูรให้ยิ่งใหญ่ผงาดเหนือตรีภพ  ทั่วธุลีดินจะยอมสยบแทบเท้าแห่งองค์รักษ์  จอมอสูร .”
            แผ่นดินใต้เท้าสั่นไหวอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยพบพานมา  เสียงฟ้าคำรามเบื้องบนเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มผมดำถูกซอยสั้นรับใบหน้าเรียว  แว่นใสไร้กรอบขยับให้เข้าที่แหงนมองท้องฟ้า เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีครีมถูกพับแขนถึงศอก  ทิ้งความสนใจต้นไม้เล็กออกดอกสีชมพูเป็นพวง  พร้อมกับที่พุ่มไม้ใหญ่สั่นอย่างประหลาดใบหน้าเข้มพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันโผล่มาก่อน
            “เฮ้ย!  ไอ้วาทีแผ่นดินไหว ฟ้าร้อง  อย่างนี้สึนามิถล่มเมืองรอบสอง หรือแม่เจ้าคุณทูนหัวของแกเอาระเบิดมาลงวะ”
            น้ำเสียงห้าวแทบจับความเป็นหญิงไม่ได้ร้องถามก่อนพาร่างออกจากพุ่มไม้อย่างยากลำบาก  นัยน์ตาสีน้ำเงินแหงนมองท้องฟ้าตามเด็กหนุ่ม
            “สึนามิถล่มแม่น้ำโขงบ้านแม่แกมั้งไอ้เบียร์  พูดมาได้  รีบไปดูเร็วทางนั้นฟ้าผ่าผิดปกติตรงแถวตึกเก่า”
            เขาว่าแล้วรีบเดินไปยังสถานที่น่าสงสัย!  คนถามโคลงหัวเล็กน้อยก่อนเร่งฝีเท้าตาม
            สองฝีเท้าหยุดชะงัก  ชักได้กลิ่นแปลกประหลาดลอยอบอวลตามอากาศ  ลางสังหรณ์ภายในใจเริ่มปะทุเป็นคำพูดจากคนใส่แว่นเหล่มองคนข้างกายส่งสายตาแปลกอย่างจับผิด
            “ไอ้เบียร์  แกคงไม่แอบเอาตัวประหลาดมาซ่อนไว้แถวนี้อีกนะ”
            คิ้วคนถูกจับผิดเลิกขึ้นสูง  ปฏิเสธเสียงลั่น        “ไม่มี๊!!!  เออคราวที่แล้วแกเอาน้องหมาของฉันไปปล่อยฉันยังไม่ได้ชำระความเลยนะเฟ้ย”
            “หมาบ้านป้าแกตัวเท่าตึก  ไปไหนมีแต่คนกลัวมันไม่ใช่หมาแล้วไอ้ ..  เฮ้อ!..ช่างเถอะแต่อย่าให้จับได้อีกนะแก  ไม่งั้น ต า ย.”
            คำขู่หยุดชะงัก  นัยน์ตาดำสนิทจ้องผ่านแว่นใสก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  หันไปคุยกับคนถูกขู่เสียงราบเรียบ
            “แกบอกว่าแกอยากได้น้องหมาตัวใหม่ใช่ไหมวะ  ตามสบายเลือกเอาได้เลยหลายพันธุ์”
            “ไม่ละขอบายก่อนละกัน  ขี้เกียจหาอาหารให้มันกิน”
            คำตอบที่มากับเสียงหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ    เสียงขู่คำรามจากเจ้าร่างสี่ขาน้ำลายไหลยืดแยกเขี้ยวสีขาวคมวาวล้อสายตาคนมองให้นึกเสียวใส้  ท้องฟ้าแปรปรวนก็ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่าย ๆ
            “เฮ้ย!  ไอ้วาทีแข่งกันนับไหมว่าไอ้สี่ขาพวกนี้มันมีกี่ตัว” 
            เสียงท้าอย่างนึกสนุกจากคนนัยน์ตาน้ำเงินชวน เรียกรอยยิ้มอีกฝ่าย
            “แต่แกตกเลขนี่หว่า?? เดี๋ยวจะหาว่าฉันได้เปรียบแกเกิน”
            “ไม่มีใครว่าร็อก!!  มีกันแค่นี้ฉันกับแก  ว่าไง โอเค..หรือ..โนเค..”    รอยยิ้มพรายเต็มใบหน้าคนว่า  วาทีขยับแว่นใสให้เข้าที่
            “มันก็ โอเค..อยู่แล้ว ดาบคลื่นฟ้าวายุเวทย์ .”
            ดาบเรียวยาวสีเขียวอ่อน  รอยหยักเป็นแฉกพร้อมใบมีดสองด้านอาบด้วยกลิ่นแห่งวายุเต็มเปี่ยม  ด้ามของดาบถูกสลักเป็นอักขระโบราณชนิดเดียวกับที่มีในแผ่นหิน  ส่วนแหลมที่ยื่นออกตรงด้ามโค้งมนล้อมรอบประกายอัญมณีที่ฝังอยู่ปลายด้าม
            “ศรศิลป์กัมปนาท”    อีกคนไม่ยอมแพ้เรียกศาสตราประจำตัวมาบ้าง  คันศรเล่มยาวส่องประกายสีเงินวาววับ  ขนาดใหญ่เกือบจะเท่าเจ้าของ  ปลายแฉกทั้งสองด้านกลับคมเหมือนใบมีดหยักงอเหมือนกริช 
            แสงของมันล่อดวงตาวาวจากเจ้าสี่ขาน้ำลายยืดที่ยืนล้อมให้วิ่งกระโจนเข้าหาอย่างไม่ต้องรอคำสั่ง
            ฟึ่บ!! ..ฉัวะ ๆ ๆ ๆ
            “1 2 3 4 5 ..8 9 .10”
                          “11 15 .19 .”
            เสียงนับเลขจากทั้งคู่เพิ่มขึ้นตามจำนวนสี่ขาเขี้ยวยาวที่สลายหายกลายเป็นธาตุอากาศ  ตวัดอาวุธเพียงครั้งศัตรูล้มตายนับสิบ
            สายสายลมพัดอื้ออึงแรงขึ้นราวกับว่ากำลังจะเกิดพายุใหญ่  ผสมกับสายฟ้าฟาดจนธรณีสั่นสะเทือน    รอยเลือดดำยังฝังลึกในศาสตราส่งกลิ่นคาวลอยอบอวลไปทั่ว
            “สองร้อยสามสิบ”  คนชวนเรียนเลขนอกโรงเรียนว่า  กังวลลึก ๆ กับคำบอกของอีกฝ่าย
            “สองร้อยห้าสิบ”  เด็กหนุ่มพูดอย่างมีชัยเหนือกว่า  พลางเตะเศษซากของขาข้างหนึ่งไปอีกทาง  “ห้องน้ำสองอาทิตย์ฉันยกให้แก ..ล้าง”
            ว่าแล้วถ้ามันทำสีหน้าอย่างนี้ มันชนะอีกแล้ว  เฮ้อ!  เซ็ง!!
            “หนึ่งอาทิตย์เถ้อ”  คนแพ้ต่อรอง
                          ครึนนนน!!!
            ก่อนจะได้พูดอะไรมากกว่านั้นผืนดินที่ยืนก็สั่นสะเทือนใหญ่กว่าทุกครั้ง  สองร่างซวนเซไปมาก่อนตั้งสติได้แหงนมองเมฆดำก้อนใหญ่ที่ลอยต่ำรวมตัวโดยมีตึกร้างเก่าเป็นศูนย์กลาง
            “มันเกิดอะไรขึ้นวะ??”  เบียร์มองเหตุการณ์รอบ ๆ อย่างงุนงง
            จู่ ๆ เศษซากร่างเจ้าอสูรสี่ขากลับกลายเป็นละอองสีดำพวยพุ่งขึ้นรวมเป็นกลุ่มก้อนบนอากาศแล้วลอยหายเข้าไปในชั้นใต้ดินที่ถูกกลบฝังไว้ใต้ซากอาคาร
            “ตามไปดูก็คงจะรู้..เร็ว”
            เด็กหนุ่มวิ่งนำไปก่อน  กระโดดข้ามเสาเหล็กที่หักกลางคั่นทางเดินไว้  จนกระทั่งเห็นประตูที่พาเข้าชั้นใต้ดิน  บานพับประตูเสียห้อยรุ่งริ่งส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อต้องลม 
            เสียงสวดมนต์พึมพำแปลกหูเขาหยุดชะงักเงี่ยฟังอย่างตั้งใจ  คนข้างเขาทำหน้าตะหงิด ๆ แปลภาษานี้ไม่ออก  เวลาผ่านไปซักพักสำนึกหนึ่งวาบเข้าในหัว  ร้องตะโกนออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
            “แท่นศิลา”
            ไม่ต้องมีคำปรึกษากันอีกต่อไป  สองหนุ่มสาวกระโจนลงห้องมืดที่เหลือเพียงแสงไฟจากดวงไฟเล็ก ๆ ลอยไปมารอบห้องโถงใหญ่  ร่างปริศนาภายใต้ชุดคลุมสีดำยังยืนจับแท่นศิลาสวมมนต์รอบ ๆ ตัวมีไอดำทะมึนคล้ายเป็นเกราะป้องกัน  ไม่คิดจะสนใจผู้มาใหม่
            “หยุดนะ”   
            วาทีตะโกนสั่ง  คนถูกสั่งกลับไม่หยุดริมฝีปากยังคงพึมพำจับใจความไม่ได้เหมือนเดิม  ผิดแต่แขนข้างหนึ่งสะบัดบางสิ่งพุ่งเข้าหาผู้มาใหม่
            ฟ้าวววว!!! .
            สองผู้คิดขัดขวางกระโดดหลบว่องไว  แล้วสะบัดอาวุธเข้าต้าน  ละอองไอกลับรวมตัวกันกลายเป็นเป็นอสูรขนาดใหญ่  เท้าทั้งสี่ลอยแตะอากาศ  เขี้ยวแหลมยาวส่งเสียงโหยหวนก้องไปทั่วห้อง
                          โฮกกกกกก!!!
            “โฮ้ว! .นี่มันตัวแม่ของไอ้สี่ขาข้างนอกหรือไงฟะ!!  ตัวใหญ่ชิบ .”
            เบียร์เผลออุทาน  กำศรศิลป์กัมปนาทแน่นในมือตั้งท่าพร้อมสู้
            “ .”
            ไม่มีคำใด ๆ หลุดจากปากของเด็กหนุ่ม  ที่วิ่งเข้าจัดการเจ้าตัวประหลาดใหญ่ยักษ์นั่นก่อนแล้ว 
            ดาบสีเขียวอ่อนในมือตวัดฟาดผ่าร่างออกเป็นสองซีกกลายเป็นเพียงละอองควันแล้วรวมเป็นรูปร่างขึ้นใหม่  ร้องคำรามเป็นไอดำลอยวนเข้าหาคนตัดผ่าร่าง
            ฟุ่บ!!
            วิ้วววว~~~ ..
            ลายลมหมุนวนรอบตัวคนเรียก  ดาบแกร่งในมือปัดไอดำให้พ้นตัวพร้อมกันนั้นสร้างพายุเป็นม่านป้องกัน  เบียร์มองดูอยู่นานก็เข้าร่วมวง  เรียกพลังศรแห่งสายฟ้าลูกดอกหลุดจากแหล่งพร้อมกันกับที่เสียงคำรนจากเบื้องบนนภาดังแว่วเข้ามาเป็นระยะ ๆ
            เปรี้ยง!! ๆ ๆ ๆ
            ศรสายฟ้าพุ่งวาบเข้ากลางลำตัวสัตว์อสูรแล้วหยุดนิ่งอยู่ในกายก่อนระเบิดเป็นแสงจ้าพร้อมพลังที่อัดแน่นในศรสายฟ้า
            วาบ!! บรึ้ม!!!
                      “วายุคำราม  นภากาศเปลี่ยนแปร”
            ลมพายุระดับเฮอริเคนหมุนวนรอบไอดำที่กำลังจะสลายรวมตัวกับอากาศถูกกักขังให้อยู่กับที่  ศรอีกชุดใหญ่จากแหล่งในมือหญิงสาวพุ่งวาบเข้าหาลมเฮอริเคนสร้างเกราะม่านกันอีกชั้น  ไพ่ขอบเงินในมือชูวับล่อสายวัชระ
            “แปรผันแห่งกาลเวลา  คมกล้าแห่งจอมเวทย์เรืองนาม  สมิงแห่งวารี  จงปรากฏนาม”
            ฉันพลันไพ่เงินลอยขึ้นสูง  หมุนติ้วไม่หยุดสายน้ำที่ไม่รู้ที่มาไหลทะลักเข้ากลางห้องพร้อมการปรากฏตัวของสัตว์อสูรตัวสีฟ้าคราม  เดินบนน้ำหยุดยืนหน้าผู้เรียก
            “จัดการแช่แข็งเจ้านั่นซะ”
            สั่งเสียงเข้ม  มือเรียวชี้ไปยังจุดเกิดพายุเฮอริเคนมีร่างละอองถูกขังภายในนั้น  สมิงแห่งวารี  รับคำสั่งหันมองยังเบื้องบน  น้ำแข็งใสแผ่นบางขนาดเท่ามีดสั้นพุ่งจากปากเข้าเกาะเป้าหมายกลางอากาศจนกระทั่งมันถูกห่อหุ้มไร้ทางหนี  ไอเย็นแห่งสายน้ำยังรับรู้ได้จากตรงนี้
                      “เวทย์ศิลป์เพลิงพระกาฬ”
            ศรศิลป์กัมปนาทลุกโพลงด้วยเปลวไฟ  ตั้งจิตมั่นลูกศรแห่งอัคคีพุ่งจากแหล่งปะทะเข้ากับก้อนน้ำแข็งกลางอากาศ  ก่อนแตกปริสูญสลายพร้อมอากาศธาตุ
            ดวงตาหกข้าง สองคนหนึ่งสัตว์อสูร เพ่งมองร่างปริศนาที่ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด  ไม่แม้แต่สายฟ้า  สายน้ำหลากกระหน่ำ  หรือแม้แต่สายลมที่พัดแรง
            สองหนุ่มสาวบุกเข้าประชิดพุ่งศาสตราเข้าหา  มือข้างหนึ่งยังคงแตะแผ่นศิลาไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างก็ตวัดลมปราณซัดเข้าใส่สองร่างที่พุ่งมา 
            ตวัดเพียงครั้งสองมนุษย์หนึ่งสัตว์อสูรก็ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า  ชัยชนะอันห่างไกลลิบเกินเอื้อมถึงก็ถามหาทางตัน
            สายลมเบื้องบนแปรปรวนเมฆดำก้อนใหญ่หลั่งสายฝนชะล้างรอยเลือดบนร่างให้ไหลลงสู่พื้นพสุธา  เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันลับหาย  สัตว์อสูรที่แกร่งกาจจ้าวแห่งวารีสูญสลายไปในพริบตา
            “ไอ้บ้าเอ๊ย!! มันเป็นตัวอะไรวะซัดจนหมดเแม็กมันไม่ขยับซักนิด”    เสียงโวยจากร่างหญิงใจห้าว  ผมดำเปียกลู่ติดกับร่าง 
            ฝนเทกระหน่ำพร้อมลมพัดอื้ออึงทำเอาตาพร่ามองเหตุการณ์ข้างหน้าเกิน 4 เมตรแทบไม่ได้  มือซ้ายจับแผลใหญ่กลางอกทรุดนั่งจ้องมองเด็กหนุ่มซัดพลังดาบเข้าหาร่างในชุดคลุมสีดำ  สายฝนไม่อาจแม้แต่จะแตะต้องชายผ้าคลุม  ม่านป้องกันแสนแข็งแกร่ง  ดูปั๊บรู้ว่าไม่มีทาง .ชนะ .ผู้นี้
                      “วายุเรืองเดช  เวทย์แห่งคำสัตย์  พลังอันแกร่งกล้าจงบังเกิดแก่ข้าผู้นี้ด้วยเถิด โอม ”
            พริบตาม่านปราการของเด็กหนุ่มรวมตัวกันเป็นก้อนพลังยิ่งใหญ่ปลายดาบ  เขารวบพลังเฮือกสุดท้ายสะบัดเวทย์ครั้งสุดท้าย
            ได้ผล ..!!!
            ร่างปริศนาถูกกระแทกปลิวจากศิลาศักดิ์สิทธิ์  นอนแน่นิ่งไม่ขยับ  วาทีเข้าไปเปิดผ้าคลุมหน้าออกเพื่อดูว่าเจ้าคนนี้เป็นใคร
            ปึก!!!
            ผ้าคลุมหน้าหลุดจากใบหน้า  ดวงตาดำสนิทหลังแว่นตาใสเบิกกว้างก่อนถูกซัดด้วยฝ่ามือปลิวละลิ่วตกกระแทกแผ่นหินใหญ่ที่กองไม่เป็นระเบียบกระอักเลือดลิ่มโต
            ร่างปริศนาลุกขึ้นยืน  นัยน์ตาดำสนิทไร้แววแห่งความปราณีแสดงความเรียบเฉยเสียจนคนมองเสียววาบลึกเข้ากลางใจ  ใบหน้าเรียวมนดังไข่เรียบเฉยผมดำขลับยาวสยายปลิวตามแรงลม  ร่างกายเธอหยุดชะงักกลางคันศรที่ถืออยู่ทำท่าจะหลุดจากมือ  นึกกลัวดวงตาคู่นี้ขึ้นมาซะเฉย ๆ 
            ลูกไฟดำทมิฬกลางฝ่ามืออัดแน่นด้วยเสียงร้องโหยหวนข้างใน  ซัดเข้าใส่ร่างเด็กสาวใกล้ตัวถูกกระแทกปลิวไปไกลหลายเมตร  โสตประสาทได้ยินแต่เสียงร้องอันแสนน่าชังทนฝืนไม่ไหว  สติสุดท้ายดับวูบ!!
                          .เป็นไป    ไม่ได้ .
            เสียงร่ำร้องภายในจิตของเด็กหนุ่ม  พยุงร่างลุกขึ้นยืนซวนเซไปมา  มองร่างในชุดคลุมสีดำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา  รอยเลือดยังติดที่มุมปาก  ไม่สนใจลูกไฟทมิฬอีกลูกที่ตามมา
                          ..น้องของพี่ ..
                                    ‘อยากปกป้อง .ปลอบโยน’
                                              .เคยอ่อนโยน
ตูม!!
  ‘อยากจะดูแล  ..มอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้’
                                      ไม่ใช่!!! .
+  +  +  +  +  +  +  +  +  +
            ร่างปริศนาเดินเข้าหาแท่นศิลา  ค้อมศีรษะลงต่ำทำความเคารพแสงวูบวามที่ขึ้นแทนที่ศิลา  ก่อนปรากฏร่างบุรุษนิรนาม  ร่างกายสูงใหญ่ภายใต้ท้องฟ้าทะมึน  ดวงตาน้ำเงินอมม่วงตัดกับผิว  ผมดำหยักโศกรับกับใบหน้าอันหล่อเหลา
            ความมืดจากทุกแห่งรวมกันยังไม่เทียบเท่ากับการได้อยู่ใกล้คนผู้นี้เพียงวินาทีเดียว
                        ดวงตาคู่นั้น ..น่ากลัว
                                                                                    รอยยิ้ม ที่แสนชิงชัง   
                                                คล้ายจะเหยียดหยันทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
            ร่างที่ก้มทำความเคารพเอ่ยเสียงเรียบ  ทำนองเสียงก้องกังวาล
            “ขอต้อนรับการกลับคืนสู่อิสรภาพ   ท่านจ้าวอสูร”
            “ถ้างั้นข้าก็คงต้องฉลองด้วยเสียงหัวเราะที่ข้าชื่นชอบสินะ  หึ หึ หึ”
            เสียงหัวเราะก้องทั่วนภา  ใบไม้สีเขียวกลับเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว  ทุกที่ที่เสียงหัวเราะดังไปถึงลางหายนะก็แผ่ผ่านตลบอบอวลไปด้วย
            มือซ้ายลูบไล้ใบหน้า  ไอทะมึนที่ใหญ่กว่าคนก้มเคารพ  ยิ่งใหญ่กว่าเกินจะพร่ำพรรณาได้แผ่พุ่งเกือบจะคลอบคลุม  ดวงตาม่วงแกมน้ำเงินยิ้มแฝงประกายแห่งการแก้แค้นไว้เต็มเปี่ยม
            .เทพฤทธิ์เอ๋ย!!  ข้ากลับมาแล้ว   
                                  .องค์มหาเทพเอ๋ย!!  เตรียมใจพ่ายแพ้เสียเถิด  ฮ่า ฮ่า ฮ่า
            วูม!!!  บรึ้ม!!!!
            ราวกับขีปนาวุธลงทีเดียวหลายร้อยลูกพร้อมกัน  ผืนแผ่นดินห่างไปไกลสิบกว่าโยชน์ระเบิดเป็นรูบุ๋มวงกว้าง  ความเสียหายมากเกินจะพรรณนา  เพียงเสียงหัวเราะของคนยืนอยู่ใจกลาง แค่เสียงหัวเราะ
            ยังกรีดลึกบาดใจ
            สองร่างลอยคว้างกลางอากาศพร้อมเสียงหัวเราะก้องนภา  มองดูความวายวอดเบื้องหน้าอย่างสะใจ  เสียงร่ำให้ดังแผ่วแว่วยิ่งให้เสียงหัวเราะดังก้องยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ  ร่างในชุดคลุมเพียงก้มหน้าสงบนิ่งเหมือนเคย  แม้ดวงตาจะฉายประกายที่แปลกไป
            ที่ .
                                  ..ไม่ใช่ มนุษย์!!!
+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น