ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Something Only we know : แค่อยากให้รู้....ว่า [YAOI] Boylove

    ลำดับตอนที่ #7 : EP 07 : The Question is………?

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 56


     

    EP 07 :The Question is………??

     

     

                “เออมึง เดี๋ยวกูกลับก่อน ไม่ค่อยสบายหว่ะ” ผมบอกโบ้ทที่แสตนข้างสนามบอล ระหว่างที่พวกมันกำลังตัดสินใจกันว่าจะไปสยามหรือจะแย่งเด็กเตะบอล “พวกมึง 2 คนมีไรกันว้ะ” โบ้ทถามผมแล้วเสือกถามขึ้นมากลางวง งานเข้าไปไม่ถูกเลยกรู

     

    “เออ พอไอ้พีทมามึงกลับ มึงอยู่มันก็หาย ถ้าอยู่พร้อมกัน 2 ตัวก็ทำหน้าเหมือนแดกขี้มา” ไอ้บ้ารีบเข้ามาร่วมวง “จะมีเชี่ยไร แม่งงอนกันตั้งแต่วันไปแดกเนื้อย่าง” ไอ้ปากหมาเดียร์เข้ามาเสริม “เพราะมึงไอ้เชี่ยโบ้ท แดกเสร็จแทนที่จะปล่อยเค้าไปสวีทกันต่อ เสือกลากมัน Gateway พีทมันก็หึงดิว้ะ ฮิ้ว!!!!!” ไอ้เดีรย์ ไอ้เชี่ยนี่ ถ้ามึงไม่หล่อนะ กูเชื่อว่ามึงจะต้องไม่ได้แต่งงาน

     

    แต่สมน้ำหน้าไอ้โบ้ทครับ ติดร่างแหไปด้วย หลังจากที่พวกมันโห่กันตามประสาคนเถื่อน ไอ้โบ้ทได้แต่ยกนิ้วกลางแจกสมาชิกชมรมถ่ายภาพ

     

    “กูไม่สบายจริงๆ ไปละ” ผมรีบชิ่งออกมาก่อนที่คู่กรณีผมจะปรากฏตัว

    “มีไรกันว้ะ!? เสียงดังสาดด นั่นไงเสียงคุ้นๆ ผมชิ่งไม่ทันหรอกครับ กว่าพวกมันจะปากหมาเสร็จ แม่งก็มาพอดี พีทถามขึ้นพร้อมโยนกระเป๋าลงทับบนกระเป๋าผม

     

    ผมรีบดึง Jacob ใบบางของผมออก เลยทำให้เป้มันหล่นจากแสตน แม่ม!!! มึงเสือกมาวางทับของกูทามมายย ทั้งกลุ่มเงียบและสังเกตอาการของเราทั้ง 2 คน “ขอโทษ!!” ผมพูดแบบไม่มองหน้ามันพร้อมก้มลงเก็บเป้โรงเรียนแล้ววางไว้แทนที่ๆ กระเป๋าผมเคยอยู่

     

     

    ผมไม่ได้สังเกตหน้าพีทเลยสักวินาที แต่ก็รู้สึกได้ ว่ามันกำลังใช้สายตาเชี่ยๆ เหมือนตอนที่ไอ้โบ้ทชวนมันไปดูหนังเมื่อวันก่อน มองผมอยู่ นี่ก็อาทิตย์กว่าๆ แล้วครับที่ผม 2 คนเริ่มแง่งๆ ใส่กัน จริงมันก็ไม่ได้แง่งใส่ผมเท่าไหร่ จะเป็นผมซะมากกว่าที่เวลาเจอมันแล้วผมจะหนีไปทางอื่น

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

     

     

    คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมก็มาโผล่อยู่ที่สถานีสยาม ก็มันเพิ่งจะ 4 โมงเองครับ ยังไม่อยากกลับบ้านอ่า.......แวะไปดูรองเท้าที่ Carnival Company ดีกว่า แต่ก็ได้แต่ดูแหละครับ ผมยังต้องเก็บเงินไว้กินข้าว หลังจากที่บูชายันพวกมันไป จนเรยกรู

     

    “เฮียเปา!!!!!!” เสียงแสบหูดังลั่นขณะที่ผมกำลังเดินลงจากบันไดไม้สีเขียว Siam Vintage ไอ้น้องสาวตัวดี ยืนทำตาเขียวในชุดนักเรียนเสื้อสีขาวตัดกับกระโปรงสีดำ น้องปอครับ

     

    “มาสยามไม่โทรหาอ่ะ?” ตะโกนทำมายยย คนแถวนั้นมองที่ผมเป็นตาเดียว ใครไม่รู้คงนึกว่าผมโดนแฟนดุอยู่ (T-T!!) “ก็ไม่ได้ตั้งใจมา” ผมตอบกลับไป “เออนี่ After You ไว้เดือนหน้านะ ไม่มีตังค์แล้วหว่ะ” ผมเดินเข้าไปพร้อมกับแกล้งบีบจมูกไอ้น้องสาวหน้าตากวนไปหนึ่งที แต่ โอ้ย!!!! น้องปอตีผมกลับที่ต้นแขน หู้ย!! ตัวนิดเนียวทำไมมือหนักฉิบ

     

     

    ผมยืนถูแขน(อู้ยส์...แสบ) พร้อมกับฟังคำเทศน์ “เฮียเปาอย่างงี้ทุกที รับปากแล้วชิ่งตลอดทุกทีไรว้ะ เจ้าพ่อแห่งการชิ่งนั่นมันเฮียปูนเว่ย “เฮ้ย...... (เสียงอ่อย) คราวนี้ไม่มีจริงๆ นะ..น้า.... *ลากเสียง* ไม่เบี้ยวแน่ไว้เดือนหน้า นะนะนะ!!!!” ผมทำตาอ้อนกลับไป แล้วเหลือบไปเห็น เด็กหญิงอีกคนยืนยิ้มเขินหน้าแดงอยู่ในชุดนักเรียนเครื่องแบบเดียวกับน้องปอ

     

    น้องครับจ้องขนาดนี้ผมเขินนะ “นี่พิ้งค์ เพื่อนปอ” น้องปอแนะนำพร้อมกับลากน้องเค้ามายืนข้างๆ“หวัดดีครับ” ผมทักทายกลับไป พร้อมกับยกมือขึ้นโบก (เจอสาวแล้วพูดเพราะเลยนะไอ้ห่า) “สะ สวัสดีค่ะ พี่เปา” พูดจบน้องเค้าก็ส่งยิ้มกลับมา (รู้ชื่อกูได้ไงว้ะ แฮะๆ ถ้าจะดังจริงๆ)

     

    “ปอเล่าให้ฟังบ่อยๆ ค่ะ เลยจำพี่ได้” น้องพิ้งค์รีบเครีย์ความสงสัยของผม (ผมเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ครับ) “อ่อ ครับ ฮึๆ”

     

    ไอ้น้องปอหันมาผมพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ “พิ้งค์ไปกินเค้กด้วยกันป่าว พี่เราเลี้ยง” เจ้าปอปล่อยท่าไม้ตายครับ เจ้านี่มันรู้ว่าผมไม่กล้าเบี้ยวแน่ๆ ถ้ามีสาวๆ คนอื่นอยู่ (-___-!!) ผมได้แต่ยืนเกาหัว พร้อมกับส่งสายตาอำมหิตกลับไป เอาไงดีว้ะกูขืนชิ่งตอนนี้เสียชื่อพี่ชายสุดหล่อแน่ๆ

     

    เปา!!!?? เสียงคุ้นดังขึ้นอีก ทุกคนจะต้องไม่เชื่อถึงความซวยของผม ไอ้พีทเดินหน้านิ่ง ตรงมาที่ผม (O_O!!!!) “ไหนว่าไม่สบาย!?” มาถึงก็ทำเสียงกวนตีนเชียวนะมึง “อือ...” ผมไม่รู้จะตอบมันไปว่าอะไรเลยได้แต่อือใส่ เห็นมันชอบ อือ ใส่ผมเวลาแม่งกวนตี...

     

    แหมๆ เจ้าปอตะกี้ยังโวยวายผมอยู่เลยนะ พอเจอไอ้พีทยิ้มเคลิ้มเชียวนะเห้ย!! “นี่เพื่อนพี่ ชื่อพีท” ผมหันไปแนะนำพีทกับน้องปอน้องพิ้งค์ “นี่น้องกู ปอแล้วก็น้องพิ้งค์ เพื่อนน้องกู” ผมรีบแนะนำต่อ ก่อนที่ไอ้เจ้าปอมันจะทำหน้าเคลิ้มไปกว่านี้

     

    “หวัดดีครับ” ไอ้พีททำทักทาย ไอ้เจ้าปอนี่ก็ไม่เก็บอาการเลย (สงสัยมันส่งต่อทางสายเลือด) ปอยังคงส่งสายพริ้มไปให้ไอ้พีทอยู่ (นี่มันไม่ใช่ดาราเกาหลีที่แกแอบกรี้ดอยู่นะเว่ย) ผมเลยแอบกระตุกผมจุกเพื่อเรียกสติ

     

    “โอ้ย!!!! เฮียเปาอ่ะ เจ็บนะเว่ย” 555  เจ้าปอร้องเสียงหลง “โอ้ย!!!!”  คราวนี้ไม่ตีครับ มันหยิก อู้ยส์ๆๆ ไอ้เชี่ยพีทกับน้องพิ้งค์หัวเราะผมใหญ่ “ทำไรกันครับ น่าสนุกเชียว?” พีทถามขึ้น

     

    “เฮียเปาจะพา ปอกับพิ้งค์ไปกินเค้กค่ะ พี่พีทไปด้วยกันสิ เฮียเปาเลี้ยง” โหไอ้นี่ถ้าไม่ใช่น้องนะ ฮึ้มมมม!!!

     

    ผมรีบหันกลับไปที่ไอ้ตัวดีเพื่อสกัดมันไว้ มันจะได้ไปๆ ซะที เบื่อขี้หน้ามันจะตายอยู่แล้ว “มึงมีเรียนนี่หว่า รีบไปเรียนดิ เดี๋ยวไม่ทัน” เอ!!!! แต่ยิ้มไรว้ะ ทุกทีเวลามึงเจอกูมึงต้องทำหน้าปวดขี้ไม่ใช่เหรอว้ะ

     

    “ไม่มี ไม่ได้ตั้งใจมา” แล้วมันก็ไม่สนใจผมหันกลับไปคุยกับเจ้าปอต่อ “โห... เฮีย*เน้นเสียง* เปาเลี้ยงซะด้วยน่าสนใจแฮะ” พูดจบมันหันมาทำยิ้มมุมปากกับผมก่อนจะหันกลับไปคุยต่อ “ไปกินที่ไหนกันครับ?”

     

    “อืม.... ตอนแรกจะไป After you ค่ะ แต่มันไกล ไป Vanilla ดีกว่า เนอะพิ้งค์เนอะ” (งึกๆ) น้องพิ้งค์ได้แต่ยิ้มๆ กับพยักหน้า หลังจากสาวๆ ตกลงกันเสร็จ ไอ้พีทมึงเลิกทำหน้ากวนตีนเหอะ มึงจะหันมายิ้มให้กูเพื่อ!?

     

    กระผม นายปณิธิ ...(นามสกุล).... ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า ให้ผมหายซวยซะที่เถอะค้าบบบบบบบบ!!!! ซวยเสียตังค์แล้วยังจะมาซวยเจอไอ้พีทอีก

     

     “100 200 400!!” เงินในกระเป๋ามีไม่พอจ่ายแน่ๆ ถ้าลองเจ้าปอจะถล่มผม มันไม่อั้นแน่นอน “งั้นปอไปรอที่ร้าน เฮียไปกดตังค์ก่อนแต่ “อืมไปกันก่อน เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน.......เฮียเปา*เน้นเสียง* เอง” ไอ้พีทยิ้มโบกมือให้น้องๆ

     

    ไอ้พีทมึงผีเข้ารึไงว้ะ เมื่อเช้าเดินสวนกันยังทำหน้ากวนส้นตีนอยู่เลย ตอนนี้เสือกยิ้มร่า หน้าตบฉิบหาย มึงไม่มีตังค์ ยืมกูก่อนก็ได้นะเว้ย กูคิดดอกไม่แพง” มันยื่นบัตรธนาคารสีเขียวธนาคารเดียวกับผมมาให้ “ไม่เป็นไร กูมี” ผมตอบกลับไปอยากห้วนๆ

     

    หลังจากกดเสร็จ เกลี้ยงเลยครับ ผมว่าผมงี้ซีดไปอีกนาน เย้ย!!! มึงมายืนยืนยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยืนซะติดเลยสาดด นี่แอบดูรหัสกูรึเปล่าว้ะ มีเปาเป็นพี่นี่ดีเนอะ”

    อารมณ์ไหนของมันว้ะ “อือ...” ผมอือใส่มันอีกครั้ง

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

     

     

    ที่บันไดร้าน Vanila ระหว่างที่ผมเดินนำมันขึ้นไป ก็รู้สึกถึงแรงดึงที่กระเป๋าในมือ ผมหันกลับไป “อะไรว้ะ?” คราวนี้จากรอยยิ้มที่เห็นเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นสายตาหม่นๆ เชี่ยนี่ถ้าจะโดนผีสิงจริงๆ วันนึงๆ มึงมีกี่อารมณ์เนี่ย “ป่าว” มันตอบกับมาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนกลับมา “ไปเร็ว น้องมึงเหมาร้านแล้วมั้ง” พีทโบกมือให้ผมรีบเดินขึ้นไป

     

    พอไปถึงที่โต๊ะ ผมแทบทรุดครับ จำนวนขนมที่อยู่บนโต๊ะเท่าซุ้มขนมในงานแต่งงาน ไอ้เจ้าปอจัดเต็มแบบไม่เกรงใจ “พี่พีทนั่งเร็ว” ผมพึ่งจะเข้าใจคำว่าหมดความหมายวันนี้แหละครับ เจ้าปอจัดแจงที่นั่งอย่างดีให้ไอ้พีท ส่วนผมก็ได้แค่ที่นั่งเซียวๆ ข้างๆ ทางเดิน

     

    “นี่กินกันหมดเหรอครับ!?” ไอ้พีทพูดขึ้น เป็นประโยคแรกในหลายๆ วันที่มันกับผมเห็นตรงกัน “เออ นั่นดิ กินหมดนี่อ้วนตาย” ผมรีบเสริม “แหม!! เฮีย ถ้าสั่งมาน้อยไม่เหลือถึงชาวบ้านหรอก” หู้ยส์ แทงใจดำ ผมทำปากจู๋ส่งไปให้เจ้าปอ พีทกับน้องพิ้งค์หัวเราะกันใหญ่

     

    “แต่เฮียกินเยอะๆ นะดีแล้วรู้ป่าว จะได้สูงๆ ดูดิเตี้ยจะตาย พี่พีทเฮียเปาเตี้ยสุดในกลุ่มเลยป่ะคะ?” ตกลงนี่แกเป็นน้องเฮียจริงๆ ใช่ป้ะ

     

    “ไม่หรอกครับ” เออมันต้องอย่างงี้สิว้ะเพื่อน “แค่มีคน เตี้ยยย.....กว่ามัน” นั่นไงกูว่าแล้วมึงเนี่ยนะจะเป็นเพื่อนแท้ น้องพิ้งค์กับไอ้ปอหัวเราะลั่น (ตลกตงไหนว้ะ!?) พูดจบไม่พอยังเสือกหันมาขยี้หัวกูอีก แหมแค่กูเตี้ยกว่า เล่นหัวกูเลย

     

    งืดๆ เสียงโทรศัพท์ไอโฟน 5 ของพีทที่ถูกปิดเสียงสั่นขูดกับโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม ผมพยักหน้าส่งสัญญานให้มันจัดการรับสาย แต่มันก็ไม่สนใจครับ คุยสนุกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เออเรื่องของมึง

     

    ระหว่างที่คุยกันไป เรื่องส่วนมากก็ไม่พ้นเรื่องผมหรอกครับ เจ้าปอมันเล่นขุดมาขายอย่างสนุกปาก ส่วนไอ้พีทเนี่ยก็ตัวดี ได้ช่องเนี่ยเป็นกัดผมตลอด มีแต่น้องพิ้งค์แฟนคลับผมที่ค่อยช่วยผม ระหว่างนั้นด้วยความเสียดายของผมซัดเรียบจริงๆ อย่างที่ไอ้เจ้าปอมันว่า ก็ของเค้าอร่อยจริงอะไรจริง

     

    เรานั่งคุยเล่นกันพักใหญ่ จนท้องฟ้าภายนอกเริ่มจะมืดแล้ว

     

    “ปอ กลับบ้านเหอะ เดี๋ยวม๊าว่า” ผมเตือนน้องสาวเพราะม๊าเคยบ่นให้ผมฟังว่าเจ้าปอเนี่ย ชอบกลับบ้านดึก “งืดๆ” โทรศัพท์ไอ้พีทยังคงสั่นอยู่ แต่คราวนี้ย้ายที่เข้าไปสั่นในกระเป๋าเสื้อ ผมสังเกตหน้ามัน ตอนนี้ดู Fail กว่าที่บันไดร้านอีก

     

    มันมีปัญหากับแพรมันแน่นอน อะไรว้ะแค่มันไม่รับโทรศัทพ์วันเดียวนี่โกรธกันข้ามชาติขนาดนี้ เออ...กูก็เข้าใจนะว่ามึงเครียดเลยทำหน้าเชี่ยๆ แต่ก็ต้องทำใส่ทุกคนจริงไหมครับ นี่มันเล่นทำใส่ผมคนเดียว ถ้าจะพูดถึงวันนั้น มันก็ไม่ใช่ความผิดผมคนเดียวป่าวว้ะ

     

    “อือๆ กลับก็ได้ แต่เดี๋ยวปอแวะไปศูนย์หนังสือฯ เฮียเปากลับไปเลยไม่ต้องรอ” แหนะๆๆ แวะไถลตามเคย “ไม่เอาเดี๋ยวเฮียไปส่ง ดึกแล้ว” จริงก็ไม่ได้จะส่งไหนไกลหรอกครับก็แค่ส่งขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปทางสายสุขุมวิท ฮิๆ

     

    “ไม่ต้องหรอก สยามอ่ะ ถิ่นเค้า เฮียรีบๆ กลับไปเหอะ เดี๋ยวก็โดนไล่เตะ เหนื่อยพี่พีทต้องมาคอยช่วยอีก” เหว๋อครับ ผมรีบหันไปมองหน้าพีทที่ก็ตกใจพอกันแต่มันอาการดีกว่า

     

    หลังจากตั้งสติได้ มีคนเดียวครับ ไอ้เชี่ยโบ้ทปากหมา 1000% มีมันคนเดียวที่จะมีเบอร์ไอ้เจ้าปอ

     

    “แกรู้ได้ไงว้ะ ไอ้โบ้ทใช่ป่ะ” ผมถามกลับไป “อือ” ปอตอบกลับมาขณะที่หยิบกระดานฉนวนมาถ่ายรูปกับพิ้งค์ “แล้วแกไปคุยกับมันทำไม!?” ผมถามกลับไป “ก็ม๊าให้ถาม เรื่องโรงเรียนเฮียนั่นแหละ”

     

    ผมนั่งอึ้งไป คงเพราะรู้นิสัยผมถ้ามีปัญหา ผมไม่มีทางเล่าให้ม๊าฟังแน่นอนถ้ามีปัญหาอะไร “แต่ไม่ต้องห่วง ปอบอกม๊าไปแล้วว่าไม่ต้องกังวล  แล้วอีกอย่างปอไม่เล่าเรื่องโดนไล่เตะหรอก เอาไว้เป็น Ok Shabu มื้อหน้าละกันนะ ไปแระเฮีย” พูดจบน้องสาวสุดแสบก็ลุกขึ้นแล้วจูงมือน้องพิ้งค์ที่ยังคงหน้าแดงตั้งแต่เจอเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อนออกไป

     

    ผมหันกลับมาที่พีท ที่กำลังก้มหน้าจดจ่ออยู่ที่โทรศัทพ์ จากที่สังเกตดูดวงตาสวยๆ คู่นั้น ดูกังวลเหมือนคิดอะไรอยู่มากมาย “มึงไปไหนต่อ” ผมถามขึ้น พีทเงยหน้าขึ้นมาแล้วแค่นยิ้ม “ไม่รู้หว่ะ เปาล่ะ” เชี่ยเอ้ย!! จะไปไหนได้ล่ะครับ “กลับบ้านดิครับ หมดตูดแล้ว” ผมตอบกลับไปในขณะที่กำลังนับเงิน

     

    “มากูช่วยจ่าย” พีทยื่นมือมาแย่งเอาบิลไป “เห้ย!!! ไม่ต้อง กูสัญญากับน้องไว้ คราวหน้ามึงค่อยเลี้ยงกู” ผมดึงเอาบิลกลับมา “อืม น้องเปาน่ารักดีเนอะ” ผมรีบหันไปมองตาเขียว ก็ไม่ให้หวงได้ไงครับ ผมรู้นิสัยเด็กโรงเรียนผมดี

     

    ไอ้พีทมันก็รู้ทันผม “เห้ย!!!! ไม่ใช่งั้น เราหมายความว่าน้องมึงตลกดี”

     

    “เออ แล้วไป ไอ้เชี่ยโบ้ทนี่ต้องเครียร์กันหน่อย” พูดจบเหมือนผีหลอกครับ “ไอ้เชี่ย” ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ผมทันที

     

    “ไอ้เชี่ยนี่” ผมพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะ ไอ้พีทมองที่โทรศัพท์แล้วก็มองมาที่ผมแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร จากนั้นมันก็พยักหน้าให้ผมรับสาย “มึงหยุดเลย เอาเรื่องกูก่อน” ผมเปิดประเด็นก่อนที่มันจะได้เรื่องพูด “มึงไม่ต้องสาระแนเอาเรื่องกูไปเล่าให้ไอ้ปอฟังเลยนะ แล้วอีกอย่างถ้าไม่คุยกันเลยจะดีมาก สัส!!!!”

     

    แทนที่มันจะสำนึกครับเสือกหัวเราะ “ 555 เออ กูขอโทษ ก็มึงแม่งโง่ดี เออ วันไหน Ok Shabu น่ะบอกกันด้วย กูดิวกับปอไว้” มึงเลวได้ใจจริงๆ แต่ไม่ทันที่ผมจะด่ามันกลับไป “มึงอยู่กับไอ้พีทป่ะว้ะ” ถามงี้หมายความว่าไงว้ะ

     

    “ไม่อยู่ กูจะไปอยู่กับแม่งได้ไง” พอได้ยินผมพูดงั้น พีทมันคงรู้ว่าไอ้โบ้ทถามถึงมันแน่นอน

    “เออ กูก็ว่างั้นแหละ มันหายไปไหนของมันว้ะ กิ้ฟท์บอกกูช่วงนี้แพรก็แปลกๆ ชอบหายตัว” ขี้เสือกจริงๆ เพื่อนผม

    “มึงก็อย่าไปเคืองเวลามันทำหน้าส้นตีน เห็นใจมันหน่อย ช่วงนี้มันคงฟุ้ง”

    “เออๆ” (นี่ผมแสดงออกว่าเคืองไอ้พีทมากจนคนอื่นสังเกตได้ หรือว่าตัวเสือกขั้นเทพเท่านั้นว้ะที่รู้)

     “แค่นี้ เออแล้วกูไม่ลืมนะ Ok shabu น่ะ แม่มึงมีเบอร์กู Ok!?….ติ้ด” สัส!!!! ไม่ทันมันหรอกครับ ไอ้ห่านี่ คือมันเป็นพวกแบบว่าไม่สนใจผู้คนน่ะครับ ถ้าแม่งพูดเรื่องมันจบแล้วมันจะวางเลย ถ้ามีอะไรจริงๆ ต้องเสียเวลาโทรกลับไปหามันใหม่

     

    หลังจากทะเลาะกับไอ้เชี่ยเสร็จ อ้าวเห้ย!!! บิลหาย

     

    ผมรีบวิ่งลงมา เจอไอ้พีทยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่ประตู “กูบอกแล้วไม่ต้อง อ่ะนี่อ่ะ” ผมยื่นเอาเงินไปใส่กระเป๋าเสื้อมัน แต่ไม่ทันครับ มันหนีออกไปก่อน

     

    เดือดร้อนผมต้องรีบวิ่งตามออกไป แล้วพยายามจะเอาเงินยัดใส่กระเป๋าเสื้อมันอีกครั้ง คราวนี้เกือบทัน แต่เห้ย!!!!

     

    แคว้ก!!!! เสียงฉีกขาดดังขึ้น พร้อมกับเสียง แกร้ก!!!!

     

    ผมรู้ได้ทันทีว่าของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของมันที่ขาดออกคือ... ผมเงยขึ้นมองหน้าพีท ที่ตอนนี้บอกได้ว่าตัวมันเองก็ตกใจไม่แพ้ผม

     

    ที่พื้นถนน Iphone5 สีดำที่มันเฝ้าทะนุถนอม แยกร่างออกจาก Case พลาสติกอย่างสวยงามด้วยคะแนน 8.6 9.4 และ 7.5

     

    โอ้ย!!!! ถ้าทำของมันพัง ไอ้เปา!!! มึงเนี่ยหมดตัวไปอีก 3 เดือนแน่ๆ

     

    ผมรีบกระโดดจากฟุตบาทไปที่พื้นถนน แล้วคว้าโทรศัทพ์มันขึ้นมา “เห้ย!!! อย่าเป็นไรนะเว่ย!!” ผมร้องลั่นพร้อมกับรีบดึงเอาชายเสื้อออกจากกางเกงแล้วรีบเช็ดให้มัน พร้อมกับเช็คร่องรอยต่างๆ

     

     

    เย้ย!!! ทำไมวันนี้มันมีเรื่องให้ตกใจเยอะนักว้ะ อยู่ดีๆ โทรศัพท์มันเสือกมีคนโทรเข้า แต่ด้วยความที่ผมถูไปถูมามันเลยกลายเป็นว่าผมรับสายไปแล้ว แต่ด้วยความตกใจเลยกดวางไปในทันที ผมได้แต่ยืนเกาหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้มัน

     

    ฮาๆๆๆ มึงหัวเราะอะไรว้ะ ไอ้พีทมันยืนขำผมอยู่แบบอีกนิดเดียวเรียกว่าบ้าครับ แต่พอเห็นมันขำ ตัวผมเองก็เผลออมยิ้มตามไปด้วย

     

    “อ่ะ ปลอดภัย 100%” ผมยื่นโทรศัพท์กลับไปให้พีท มันรับไปอย่างไม่ได้ใส่ใจจะดูว่าใครโทรหามันแล้วยื่นก้อนเงินที่ผมพยายามจะยัดคืนมันจนเกิดเรื่องคืนมา  “วันนี้เอาเท่านี้ ไว้ไปซื้อ Case ใหม่ ส่วนที่เหลือไว้เปามีแล้วค่อยมาให้เรา

     

    ถึงตอนนี้มันว่าไงก็ต้องว่าตามมันแล้วหล่ะครับ ทำของเค้าพัง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน ถ้ามันสั่งผม วิดพื้น ผมก็จะทำ “เออ ขอบใจหว่ะ” ผมยิ้มให้มัน พีทมันก็ส่งยิ้มกลับมา

     

    ผมเลยตัดสินใจทำลายความเงียบ “เอ่อ.... มึงจะซื้อ case เลยป่ะเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”

    “อือ” พีทพยักหน้ารับ

     

    เรา 2 คนเดินข้างกันไปอย่างเงียบๆ ก็มันไม่รู้จะคุยอะไรนี่หว่า แต่อึดอัดฉิบหาย ใจจริงอยากถามว่ามีเรื่องอะไรกับแพร แต่ผมเองไม่ได้สนิทกับมันขนาดนั้น

    “เออ ขอบคุณนะที่โกหกโบ้ทให้” พีทชิงพูดขึ้นมาก่อน เออดีค่อยยังชั่ว

    “แต่มึงจะไม่โทรกลับไปหน่อยเหรอว้ะ”

    “เดี๋ยวค่อยโทร ท่าจะยาว” พีทพูดพลางถอนใจ

     

    เรา 2 คนเดินมาถึงร้านประจำมันพอดี “เอาอันนี้ครับ” พีทหยิบเคสโลหะสีดำมันส่งให้พี่คนขาย “อันนี้ปกติมันอันละ 850 แต่ตอนนี้ 2 อัน 1,500” พี่คนขายถามกลับมา “งั้นเอา สีดำ 2 อัน” มันควักเงินเพิ่มเฉย ไมใจง่ายจังว้ะ

     

    “เห้ย!!!! มึงจะซื้อทำไม 2 อันว้ะ” ผมรีบเสือก “เออน่า.... ได้ลดตั้งเยอะ” มึงบ้าและไอ้พีททะเลาะกับแฟนแค่นี้เซลล์ประสาทมึงตายเลยไงว้ะ “มึงโง่ หรือมึงโง่ว้ะ แล้วเสือกเอาสีเหมือนกันทำไม” ผมดุมันพร้อมกับเอาเคสมาตรวจ ถ้า Made in China แล้วแพงขนาดนี้โดนโกงชัวๆ

     

    “เออน่า.... เปาชอบสีไหน ขาวหรือดำ” พีทหยิบสีขาวแบบเดียวกันมาให้ผมดู “สีขาวก็สวยดี แต่ใส่กับไอสีดำไม่ขึ้นหว่ะ มึงเอาสีดำดีกว่า”

     

    “แล้วถ้ามึงซื้อ 5 มึงจะซื้อสีไร” เออหว่ะ แต่เค้าว่ากันว่าสีดำมันเป็นรอยง่าย “สีขาวมั้ง!?” ผมตอบกลับไป “พี่ครับ งั้นโทษที เอาสีขาวอันนึง สีดำอันนึง

    ผมยังคงโวยวายต่อ “แล้วมึงจะซื้อทำไม 2 อันว้ะ ก็กูบอกว่าเครื่องมึงใส่กับสีขาวไม่สวย”

    พีทไม่พูดอะไร มันแค่ยิ้มกว้างแล้วจ่ายเงิน

     

     

    เรา 2 เดินออกมาที่ทางเชื่อม หลังจากที่วางกระเป๋าตังค์ลงบนประตูทางเข้า จนเสียงปี้ปดังและไฟสีแดงสว่างขึ้น เรา 2 คนก็เข้ามาอยู่ที่ชานชลา

     

    “บ้านเปาไปทางไหนนะ” พีทถามผมขณะที่เรากำลังขึ้นบันไดเลื่อนอันยาว “ช่องนนทรี

    “ทางเดียวกัน” (เหรอว้ะ ไม่เห็นเคยรู้) “เอ้ย!!! บ้านมึงอยู่ตรงไหนว้ะ” ผมแอบงงนิดๆ เพราะถ้าบ้านอยู่ใกล้กันขนาดนี้ผมน่าจะรู้ “เออน่า แถวนั้นแหละจะอยากรู้ไปทำไม จะมาดักรอเราไง”

    แหนะไอ้นี่ กวนตีนนะมึง “อือ....ดักตีนะ กวนตีนนัก

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

     

     

    ผมงี้โครตเบื่อรถไฟฟ้าตอนช่วงเย็นๆ คือถ้าคนจะเยอะขนาดนี้ ก็ทำขบวนให้มันยาวขึ้นดีไหมครับหลังจากที่เราผ่าฟันเขามายืนอยู่ในขบวนได้ก็แทบจะขยับตัวไม่ได้ ผมยืนชิดหันหน้าเข้าประตู ส่วนพีทอยู่อีกฝั่ง เรา 2 คนถูกขั้นกลางด้วยกลุ่มสาวๆ โรงเรียนหญิงล้วนแถวนั้น

     

    แก้งค์สาวๆ เม้าท์กันซะนึกว่าเหมาโบกี้นี้มากันเอง ผมสังเกตเห็นว่าหลายๆ คนในกลุ่มนั้นแอบมองไอ้พีทแล้วเขินกันยกใหญ่ โห้!!! ไอ้หล่อ อิจฉาหว่ะ

     

    แต่ไอ้หน้าหล่อๆ ที่สาวๆ แอบเขินอยู่นั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ มันคงคิดอะไรไม่ตกจริง ขนาดแก้งค์สาวๆ เสียงดังขนาดนั้น มันยังเหม่อตาลอยออกไปนอกรถได้

     

    ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วหาชื่อพีทในไลน์ “The Peat of Leon” นี่ไงเจอแล้ว

    Sa la Pao “มึงเลิกเก้กได้แล้วสัส แก้งค์หญิงมองมึงคนเดียวเลย แบ่งกูมั้ง”

     

    ไอ้หน้าหล่อฝั่งตรงข้าม หยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วอมยิ้ม จากนั้น “ขอโทษครับ” เสียงหล่อคุ้นหูดังขึ้น ไอ้พีทพูดกับกลุ่มสาวๆ ตรงหน้า แล้วแทรกตัวเดินตัดมายืนเบียดข้างๆ ผม ผมแอบเห็น 1 ในกลุ่มนั้นแอบยิ้มตาหยีกับเพื่อนๆ

     

    นี่มึงเบียดไปนะพีท ผมเลยบิดตัวออกเพื่อไม่ให้ไปเบียดคนอื่น ตืด.... ใครส่งอะไรมาตอนนี้ว้ะ แต่ความแน่นของรถไฟฟ้าหรือจะสู้ต่อมเสือกของผมได้ ในที่สุดผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมาได้ เย้!!!!

     

    The Peat of Leon  “อย่าน้อยใจไปไอ้น้อง พี่แอบได้ยิน เค้าว่าอีกคนก็น่ารัก แต่เตี้ยไปหน่อย”

     

    ด่ากูเตี้ยอีกละ มึงเศร้าไปเหมือนเดิมดีกว่า ผมยกมือเอาขึ้นทาบกับกระจกแล้วถ่ายรูปนิ้วกลางแล้วกดส่งกลับไป ความที่เรายืนใกล้กันมันเลยเห็นได้จากมือถือผมว่าส่งอะไรกลับไปให้มัน เสียงหัวเราะในคอของสุดหล่อเทพบุตรตัวสูงสัสดังขึ้น

     

    ผมแอบดีใจที่ทำให้มันยิ้มได้

     

     

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 

     

     

    สถานีต่อไปช่องนนทรี Next station…….

    พอถึงช่องนนทรี มันได้แต่เดินตามผมต้อยๆ จนผมใกล้ถึงบ้านแล้ว มันก็ยังเดินตามผมมา นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกูขนลุกแล้วนะ

     

    “บ้านมึงอยู่ไหนเอาดีๆ” ผมถามขึ้นที่หน้าทางเข้าตึกสูงบ้านผม “อืม........ซอย 11” มันตอบกลับมา อะไรว้ะบ้านตัวเองมึงจะลังเลทำไม “เนี่ยบ้านกู มึงกลับดีๆ แล้วกัน” ผมยกมือขึ้นบอกลามัน

     

    พีทยกมือขึ้นรับแล้วหันหลังเดินคอตกกลับไป

     

    ไม่รู้ตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ แต่เห็นมันเป็นอย่างนี้แล้วผมไม่สบายใจ ผมเดินตามกลับไปหามัน “มึงไหวป่าวว้ะ” ผมถามขึ้น พีทหันกลับมาแล้วแค่นยิ้ม “ไหวดิ ไม่ได้เป็นอะไรมึงต้องหัดเรียนวิชาโกหกจากไอ้โบ้ทอีกเยอะพ่อหนุ่ม หน้ามึงเนี่ยโครตจะแย่เลย

     

    ผมคิดว่าถ้าเป็นผมอยู่ในอาการแบบมัน ผมคงอยากอยู่กับ เพื่อน !! “เห้ย.... มึงมาเล่นบ้านกูก่อนก็ได้ สบายใจแล้วค่อยกลับ” ผมตัดสินใจถาม

     

    พีทยืนมองหน้าผมเหมือนมันคิดอะไรอยู่ จากนั้นมันพยักหน้าตอบรับแล้วเดินล้วงกระเป๋านำผมเข้าตึกไป

     

    มึงรู้เหรอว่าบ้านกูขึ้นยังไง ไอ้เวน

     

     

     

     

     

    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×