ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Something Only we know : แค่อยากให้รู้....ว่า [YAOI] Boylove

    ลำดับตอนที่ #2 : EP 02 : The way ahead and the end

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 56


    EP 2 : The way ahead and the end.

    CHECK in : Somewhere in Siam Paragon car park.

     

    “เห้ย!! ทางนี้!!!!”

     

    ร่างสูงที่วิ่งนำผมอยู่ข้างหน้า พาผมวิ่งเลี้ยวไปเลี้ยวมา ยังกับว่าไอ้นายคนนี้มันรู้พิมพ์เขียวที่นี่ ผมหันหลังกลับไปดูฝูงสิงโตที่ไล่ตามผมมา แต่ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววว่าจะตามมาถูก

     

    ผมเลยสะบัดมือออกจากมือแกร่งของร่างสูงที่วิ่งนำผมอยู่ด้านหน้า

     

    “นะ นะ.... นายแยกไปเหอะ ขอบคุณมาก ขอโทษด้วย!!” ผมพูดพร้อมกับทำมือไล่คนที่อยู่ตรงหน้า เพื่อนร่วมทางสุดซวยของผม

     

    ในระหว่างที่ทำตัวพระเอกอยู่นั้น เสียงโวยวายก็ดังไล่ขึ้นมาอีก (ไอ้ห่.....พวกนี้แม่งเป็นทีมชาติรึไงว้ะ อึดชิบหาย!?) ผมกับร่างสูงมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ มาดพระเอกของผมหายไปในทันที มืออุ่นๆ ฉวยคว้ามาที่ข้อแขนขวาของผมแล้วเริ่มลากให้ออกวิ่งอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยอมแต่โดยดี (ไม่ใช้เพราะมันหล่อนะคับทุกคน ผมกลัวตีน (ToT))

     

    ร่างสูงออกวิ่งจากนั้นก็เลี้ยวกะทันหัน หักหลบซ้ายโยกเข้าขวา เบี่ยงออกไปทางซ้ายอีก (ไม่ใช้แระ ไอ้เปา) รู้สึกว่าจะเป็นโซน North ที่คนมันน้อยๆ อ่ะครับ แล้วจู่ๆ มันก็เลี้ยวกระทันหันดันผมเข้าไปในซอกเล็กๆ เล็กมากระหว่าง รถ CRV ใหม่รุ่นใหม่สีดำที่จอดอยู่กับกำแพงทึบ เราสองคนยืนเบียดกันอยู่ในซอกแคบดังกล่าว

     

    “หลบตรงนี้ดีกว่า พวกแม่งไม่เห็นหรอก

    ผมได้ยินดังนั้นเลยเหลือบไปมองคนที่อยู่ข้างๆ เจ้าของใบหน้าหล่อซึ่งสูงกว่าผมอยู่สักหน่อย ตอนนี้หายใจหอบตัวโยน เส้นผมตรงๆ ลงมาปรกหน้าเพราะความเปียกจากเหงื่อที่เกาะอยู่ตามหน้าผากและขมับ มือแกร่งอุ่นๆ นิ่มๆ ที่ยังกระชับอยู่ที่ข้อมือผมอย่างแน่นจน.... จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึง (ถึง ถึง ...... นิ้วกรูไม่รู้สึกแล้วโว้ย)

     

    “เห้ยนาย ปล่อยมือเหอะ มันชาแล้วหว่ะ” (บีบแน่นไปนะ กลัวอ่ะดิ้)

     

    มือนั้นคลายออกทันทีที่ได้ยินผมร้องเสียงหลงแถมมันยังเอามือมาอุดปากผมอีก “เห้ย!!! เออขอโทษอี้..... หน้าตาก็ดีแต่เหงื่อมึงเยอะไปนะ เยิ้มเข้าปากกูหมด แหวะๆ เค็มชิบหาย

     

    เรายืนอยู่นานพอสมควรจน คนที่อยู่ข้างๆ สะกิดแล้วทำท่าให้ออกไปได้แล้ว ผมตะแคงตัวเดินตามร่างนั้นไปก่อนที่จะรู้สึกเย็นๆ และเจ็บแปลบๆ ที่ข้อศอก อ้าวเห้ย!!! แผลเหวอะนี่หว่า สงสัยจะเป็นตอนที่ผมทำลังกาหน้าล้อเกวียนหลังจากชนกับผู้มีพระคุณด้านหน้าผม แต่ด้วยความเป็นชายใจ 3 ศอกกับอีก 2 หลาแผลแค่นี้ ไกลหัวใจ

     

    ด้วยความที่ซอกเนี่ยมันแคบมาก ผมเลยไม่สามารถเอามือมาอุดเลือดที่ข้อศอกได้ (ใช้คำว่าอุดเลยเหรอว้ะ ไอ้เปา แผลแกเนี่ยนิดเดียวเองนะ (เลือดมันไหลออกมาเยอะนะเว่ย ถ้าเทียบกับขนาดแผลเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 cm.)) หลังจากที่หลุดออกมาจากตรงนั้นได้ ผมก็เดินตามร่างสูงไปอย่างเงียบๆ พลางเอาชายเสื้อยืดสีขาวกดซับไปที่แผลที่ข้อศอก

     

    หน้าหล่อหันกลับมาที่ผมเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทำไมหน้ามันเหว๋อเหมือนเจอผีอย่างงั้นว้ะ ผมงี้ตกใจพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หันกลับไปด้านหลัง นึกว่าไอ้พวกนั้นมันตามมาอีก

     

    “เลือด....!?หน้าหล่อหลุดคำพูดเบาๆ เหมือนแทบจะมีแต่ลมออกมาจากริมฝีปากแดงๆ อันนั้น

     

    ผมก้มมองสภาพของตัวเอง เลือดที่ไหลออกมาจากข้อศอกชุ่มเสื้อยืดสีขาว มองผ่านๆ คงเหมือนโดนแทงมา ไอ้หล่อยังคงเหว๋ออยู่แล้วชี้มาทีปากผมสลับมองที่มือของตัวเอง อ่อมันจับแขนผมแล้วก็เอามือมาอุดปาก คือไอ้ที่เค็มๆ ตะกี้ไม่ใช่เหงื่อมันนี้หว่า อ๋อเลือดกรูเอง (ไม่หน้าหวานเชี่ยวหึๆ (ตะกี้มึงยังบอกว่าเค็มอยู่เลย))

     

    ตอนนี้ผมคงเหมือนซอมบี้จากซีรี่ย์เรื่อง The walking dead (ติดซีรี่ย์จริงด้วยกรู แต่เรื่องนี้แนะนำนะครับ สนุกสาดดดดด) เพราะทั้งเลือดที่เสื้อที่แขนแล้วยังลามมาถึงปากอีก

     

    เห้ย!!! ร่างสูงทรุดตัวลงขุกเข่า ผมรีบพรุ่งเข้าไปดู แต่ก็โดนผลักให้ออกไปอย่างรังเกียจ

     

    “เห้ย!!! นายเป็นไร” ผมยังไม่ลดความพยายาม พอผมได้สบตาคู่สวย (55555) และได้เห็นหน้าเต็มๆ (55555) ก็พบว่า ปากบางๆ สีแดงนั้นได้กลายเป็นสีชมพูซีดๆ จนเกือบเขียว จากพื้นฐานวิชาสุขศึกษา 1.1 ผมรับรู้ได้ในทันที ไอ้หน้าหล่อ มัน กลัว เลือด ค้าบบบบ 55555

     

    ผมและบุคคลนิรนามต้องเดินทิ้งระยะห่างกันเกือบเมตร เพราะผมก็ไม่ไหวที่จะแบกมันเหมือนกัน แต่เรานัดจุดหมายปลายทางคือทางเข้าแผนก Department Store ของชั้นนี้ เพราะว่ามันมีที่นั่งและก็มีพี่ๆ รปภ. เพื่อความปลอดภัย 

     

    ผมจำต้องทำหน้าที่ดูแล หน้าหล่อที่ตอนนี้ดูซีดใกล้จะเป็นลมเข้าไปทุกทีก็จะให้ทิ้งไปได้ยังไงล่ะครับ ผมเนี่ยวิ่งไปชนเค้า พาเค้าซวยโดนไล่กระทืบ แล้วยังทำให้เค้าเป็นลมอีก

     

    ผมรีบเข้าห้องน้ำแล้วล้างเอาเลือดออก จากนั้นก็จัดแจงเอากระเป๋า Nike สีน้ำเงินมาสะพายปิดรอยเลือดที่เลอะเสื้อ ผมออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินกลับไปหาหน้าหล่อ ตอนนี้ดูเหมือนจะกลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว เพราะสภาพผมไม่เหมือนซอมบี้เหมือนตะกี้

     

    “นายรอตรงนี้แล้วกันนะ เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำมาให้

    “เราชื่อ พีท จะได้ไม่ต้องเรียกเราว่านาย

    “อ่อเออ เราชื่อเปา นาย...เอ้ย พีท นายรอนี่นะ เดี๋ยวมา” ผมยิ้มแหยๆ ตอบกลับไป

     

    พอแนะนำตัวกันเสร็จ ผมก็รีบออกเดินทางตามเก็บ RC ครับ คือไปซื้อเสื้อยืดที่ Zara ดีนะมันไม่แพงมาก (ม๊าครับ ผมยืมบัตรม๊ารูดไปก่อนแล้วกันนะ ม๊าบอกให้ใช้เวลาฉุกเฉินแฮะๆ อันนี้ฉุกเฉินจริงนะครับ แค่ไปเอาตัวที่แอบเล็งไว้คราวก่อนเท่านั้นเอง ฮึๆ  โอ้ย!!!!! ม๊าอย่าหยิกสิ)

     

    หลังจากรูดบัตรเสริมสีดำของธนาคารสีเหลืองของแม่ไปเรียบร้อย ผมก็ได้เสื้อตัวใหม่ไร้คราบเลือดมาใส่ จากนั้นก็ลงไป Super ที่ชั้น G เพื่อพลาสเตอร์ของผม และน้ำเกลือแร่ให้นายพีท ระหว่างที่ผมกำลังเดินจาก Zara ลงไปที่ชั้น G ด้วยบันไดเลื่อนอันยาว

     

    ระหว่างที่ยืนอยู่ตรงบันไดเลื่อน สายตาก็ต้องส่องไปมองหาเฝ้าระวังคู่อริไปด้วย (ถ้าเจอนะฮื้ม..... จะเข้าไปขอโทษ พร้อมกับไหว้สวยๆ ซักหนึ่งที) ในระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีเงาดำพาดผ่านตัวผมไป บันไดก็ตั้งว่างทำไมมันต้องมายืนซะติดขนาดนี้ว้ะ ผมงี้ตกใจเสียวต้นคอเท่าเจอผี พร้อมกับภาวนาว่าอย่าให้เป็นพวกนั้นเลย

     

    “อืม.... หล่อเลยนะ ไหนล่ะน้ำเกลือแร่

     

    ผมหันกลับไปพบไอ้พีทยืนยิ้มตาหยีอยู่ที่บันไดขั้นถัดจากผม

    “เออ..... ก็กำลังจะไปซื้ออยู่นี่ไง” ผมหันไปตอบอย่างรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่ขอแกล้งมันหน่อยแล้วกัน กวนตีนกรู โทษฐานทำให้น้องเปาตกใจ

     

    ผมพูดพลางยกแผลขึ้นไปใกล้ๆ หน้ามัน “อ่ะนี่ หายแล้วเหรอ สงสัยไม่ต้องแล้วน้ำเกลือแร่เนี่ย” 5555 ได้ผลคับพีททำท่าพะอืดอมแล้วเบี่ยงหน้าไปทางอื่น

     

     

    CHECK in : Paragon Gourmet market ชั้น G

     

     

                ผมส่งเกทเตอเรดสีเหลืองให้พีท ส่วนผมดูดสีม่วงของตัวเองไปพลางๆ พีทอมยิ้มพร้อมกับรับน้ำไว้แล้วบิดฝาขวด

     

                “เปาเรียนโรงเรียนอะไร? หน้าคุ้นๆ” พีทถามผมขณะที่เรากำลังเดินไปทาง McDonalds แต่เปาเตือนผมให้เลี่ยงตรงนั้นเพราะว่าเด็กแก้งค์มันเยอะ เราเลยขึ้นไปชั้น 1 ด้วยบันไดเลื่อนใน Department store

     

     

                ผมลืมไปสนิทว่าผมยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับพีทสักหน่อย แต่จะให้กูบอกชื่อโรงเรียนไปก็ไม่กล้า เพราะพึ่งไปทำเรื่องแย่ๆ เอาไว้ เอาไงดีว้ะ ในระหว่างที่ผมอึ้งๆ กำลังคิดหาคำอธิบาย

     

                “เรียนอินเตอร์ใช่ป่ะ ผมยาวเชี่ยว” ใช่ครับถึงจะตัดผมแล้วแต่ก็ยังยาว ก็มันเสียดายอ่ะ ผมหันไปหาพีททั้งๆ ที่ตัดสินใจว่าจะบอกว่าจะบอกความจริง ยังไงก็คงเลี่ยงไม่ แต่เลยตามเลยก็ได้นี่หว่า ผมยังคงอมน้ำไว้เต็มแก้ม ก่อนจะพยักหน้างึกๆ แบบเลยตามเลย

     

     

                “แล้วเปามาทำไร สยาม นัดใครไว้ป่าว” แล้วมึงหล่ะ? แต่เย้ยเมื่อได้ยินดังนั้นผมรีบยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตายห่า....

     

                “คือจริงๆ แล้วมาดูหนัง แต่ไม่ดูแล้ว”

     

                “อ้าวไมอ่ะ” พีทถามแบบงงๆ ผมตอบกลับไปอย่างมีอารมณ์ เพราะหน้าไอ้เชี่ย(โบ้ท) มันแว้บเข้ามา “ก็เพื่อนเรามันชิ่งไปแล้ว

     

                “แล้วซื้อตั๋วยัง” ผมตอบกลับไป “ซื้อแล้วดิ” พีทถามต่อในระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินอยู่ในแผนกเครื่องสำอางค์เพื่อจะออกไปยังลานน้ำพุด้านนอก “ที่ไหนอ่ะ เรื่องไร

     

                “เออช่างเหอะ ไม่อยากดูแล้ว” ผมตอบไปเพราะว่าอยากกลับบ้านวันซวยของผมจะได้จบๆ พีทยังไม่ลดความพยายามถามกลับมาอีก (นี่มึงเสือกจังว้ะ) “ที่ไหน เรื่องไร กี่โมง

     

                ผมตอบกลับไปเพื่อตัดรำคาญ “ลิโด้ Argo ตอนนี้

     

                พีทดึงเสื้อผมให้ใช้ทางข้ามไปฝั่งสยามสแควร์ “ซื้อตั๋วแล้วก็ต้องดู เดี๋ยวพี่เบนเค้าเสียใจนะ” (เออไอ้นี่ถ้าจะชอบดูหนัง รู้ไปถึง ผู้กำกับโน่น)

     

    ผมยอมเดินตามไปโดยดี จนตอนนี้เราอยู่หน้าลิโด้โรงสอง ลุงเก็บตั๋วยืนรอรับตั๋วจากผมไปด้วยตาเขียวปัด (โกรธอะไรกูว้ะ)

     

                “อ่ะถึงแล้ว โชคดีนะนาย วันหลังระวังตัวด้วย”

     

     

                เอาแล้วไงครับ มึงจะแมนไปไหน นี่ถึงขนาดเดินมาส่งกูเลย แต่จะว่าไปผมก็ใจหายนิดๆ กับมิตรภาพดีๆ ที่พีทมอบให้ผมในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงที่คนแปลกหน้า 2 คนหยิบยื่นให้แก่กันมันกำลังจะสิ้นสุด ถ้าผมไม่พูดคำนั้นออกไป

     

     

                “ดูด้วยกันป่าว เราเลี้ยงขอบคุณ”

     

                พีท คิดนิดหน่อยจากนั้นก็เดินนำผมเข้าโรงหนังไป

     

                เวลา 120 กว่านาทีของหนังพี่เบน เนี่ยแทบไม่ได้หายใจ สนุกโครต

     

     

                เราออกมายืนที่หน้าลิโด้อีกครั้ง ตอนนี้ก็ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ที่บ้านพีทโทรศัพท์เข้า IPhone5 เครื่องใหม่เอี่ยม (ชิ อิจฉาหว่ะ) เพื่อถามว่าจะกินข้าวที่บ้านหรือป่าว ผมไม่รู้หรอกครับว่าพีทตอบที่บ้านไปว่าอะไร (เห็นไหมคับ ผมไม่ได้เป็นคนขี้เสือกเหมือนมัน) แต่พอมันวางโทรศัพท์พีทหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์แสนกลกับผม

     

     

                “ถ้าจะขอบคุณจริงๆ อ่ะนะ เลี้ยงข้าวด้วยเดะ ใช้บัตรเครดิตของแม่ก็ได้หนิ” โห้.... รู้ว่ากรูมีบัตรเครดิต นี่มึงสะกดรอยตามตั้งแต่กูไปซื้อเสื้อแล้วเหรอว้ะ

     

                เออก็ได้ว้ะ ข้าวเนี่ยยังไงก็ต้องกินอยู่แล้วเลี้ยงมันอีกท้องนึงจะเป็นไรไป มันทั้งช่วยชีวิตแถมยังเป็นบอดี้การ์ดให้อีก “เออก็ได้ อยากกินอะไรอ่ะ

     

                มันทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีกแล้ว นี่มึงจะเอาให้กูหมดตัวเลยใช่ป่ะ โอเคๆ พีทเดินนำหน้าผมไปที่สุดทางฝั่งถนนอังรีดูนัง (คือที่ต้องบอกพิกัดแบบนี้เพราะว่า ให้ตายก็ยังไงก็จำเลขซอยของสยามสแควร์ไม่ได้ซักที) ในใจผมนึกไปต่างๆ นาๆ ว่าแจ๊คพอทจะไปลงร้านไหน ไม่ได้มาแค่ 1 ปีเดียว อะไรว้ะเต็มไปหมด

     

    แต่สุดท้ายก็จบที่ร้านข้าวข้างถนน ตรงเยื้องๆ หน้า 7-11 ผมแทบไม่เชื่อสายตาว่า เด็กผู้ชายหน้าตาขาวสะอาด ดูก็รู้ว่าบ้านแม่งรวยมาก (ผมแอบเห็นนาฬิกากับกระเป๋าตังค์ LV ของมัน) จะชอบกินข้าวร้านแบบนี้ ผมที่หล่อน้อยกว่ามันนิดนึง (หรา......) ยังไม่เคยชิมเลย

     

                มันคงเห็นผมทำหน้างงเป็นเปาตาแตก “ร้านนี้กระเพราเนื้ออร่อยโคดๆ” พีทพูดขึ้นมาลอยๆ พูดจบยังไม่ทันที่ผมจะดูเมนูเลยครับ มันดึงเมนูออกไปจากมือผมไปวางไว้โต๊ะอื่นเฉย “ป้าครับ ของผมเอาเหมือนเดิม 3 ไข่ดาว 4 ครับ” อ้าวไอ้ห่า....ไม่ให้กูเลือกเลย ว่างี้!?

     

                แล้วมากัน 2 คนมึงสั่งมาทำไม่ตั้ง 3 จานว้ะ แต่พอ 2 จานแรกมาถึง (น่ากินจริงหว่ะ) ผมซึ่งกินข้าวกับไข่ดาวไปแค่ครึ่งเดียว ไอ้พีทมันกวาดทิ้งหรือมันทำหกว้ะ มันตั้งท่ารอจะซัดจานที่ 2 กับไข่ดาวฟองที่ 3

     

                คือป้ารู้ใจพีทครับ ถ้าจะกินกันบ่อยจริงๆ เพราะว่าไข่ดาว 2 ฟองแรกมันเป็นแบบประกบกันมา ผมเร่งสปีดกินอีกครึ่งนึงให้ทันพีทซึ่งพอดี พีทหยิบขวดน้ำเปล่ามาดูดตามเข้ากระเพราะไปอีกฟอดใหญ่ กินไม่คุมภาพลักษณ์มึงเล้ยยยย (ว่าแต่ข้าวราดกระเพราะเนื้อเค้าอร่อยจริงๆ ครับ)

     

                หลังจากคิดค่าเสียหายไปประมาณ 180 กว่าบาท เรา ถึงเวลาต้องแยกย้ายจริงๆและครับ มันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก คือความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ทั้งงง ทั้งสนุก สบายใจ คือผมอธิบายไม่ได้เลยอ่ะครับ แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา คราวนี้ผมเป็นฝ่ายพูดก่อน

     

                “เอ่อ......ทำไม ถึงช่วยเรา

     

                พีทเงียบไปก่อนจะตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ก็ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะช่วยหรอก แต่ไหนๆ มันต้องหนีอยู่แล้ว ไอ้พวกนั้นมันคงไม่ฟังหรอก แล้วจะให้บอกว่าไง เอ้ย กูไม่เกี่ยวนะ..... โหทุเรศตาย” อ้าวไอ้ห่านึกว่ามึงพระเอก งี้สรุปมึงตกกะไดพลอยโจรแล้วยังได้ดูหนังกับแดกข้าวฟรีอีก

     

                ผมแค่นหัวเราะหึๆ ไปกับมัน “เออ ยังไงก็ขอบใจนะเว่ย ไม่ได้ มึง กู คงแย่” ไม่ทันไรสันดานถ่อยก็หลุดออกมาใส่คุณหนูตรงหน้า ผมหน้าเหว๋อรีบขอโทษขอโพยมันยกใหญ่ พีทหัวเราะลั่นในความเปิ่นของผม “เออไม่เป็นไร” มันบอก

     

                ผมยกมือขึ้นกำลังจะโบกมือลามัน พีทมองหน้าผมเหมือนพยายามที่จะนึกอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกำลังคิดอะไร  พีทยกมือเพื่อโบกตอบ “ยังไงถ้าเจอกันแถวนี้ก็ทักได้นะเว่ย” ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

     

    แป้ดๆๆ แป้ดๆ รถสามล้อแถวนั้นบีบแตรเสียงดังลั่นใส่พี่วินเล่นเอาผมสะดุ้ง พอหันกลับไปอีกทีหลังและท้ายทอยของร่างสูงๆ ที่ชื่อพีท หายเค้าไปในกลุ่มคนเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

    TBC >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

    สองหนุ่มรอดมาได้ แต่ไม่รู้จะได้เจอกันอีกรึป่าววว

    ตอนนี้ยาวหน่อยนะค้าบ แล้วลองใช้วิธีนี้ดู อ่านๆ ไปอาจจะมีช่วงเบื่อบ้าง

    ผมตั้งใจให้เป็นอย่างงั้น เพราะ สองหนุ่มเค้ายังเกร็งๆ กันอยู่เลยอยากให้ รีดเดอร์ รู้สึกบ้างงง

    เอาเป็นว่าใครที่รอให้ เปา กะ พีท สนิทกัน รอกันหน่อย

    ไม่นานครับ ผู้ชายเค้าสนิทกันเร็ว จริงไหม?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×