ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Differential Of Love ***รักหลากสไตล์***

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    ทางด้านเอมิกานั้นหลังจากที่เธอจบมาจากคณะบริหารศาสตร์เอกการจัดการและการตลาดด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอก็ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของตระกูล อัครไพศาล ที่เป็นบริษัทของเพื่อนสนิทของคุณหญิงแม่ ตระกูลนี้เป็นกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงินที่ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศไปกว่า 2 ใน 3 ส่วน รวมทั้งยังมีอิทธิพลในฐานะตระกูลที่ร่ำรวยติดอันดับโลกอีกด้วย เอมิกาได้เข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งของพนักฝ่ายการตลาดและวางแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่ที่เอมิกาไม่รู้คือ คุณหญิงของทั้งสองตระกูลกำลังวางแผนให้ลูกสาวและลูกชายของตนได้ตกหลุมรักซึ่งกันและกันนั่นเอง

    "วันนี้ไม่ต้องมารับชั้นนะเอม" สุทธาสินีบอกก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป แต่ยังไม่ทันได้ลงเอมิกาก็ถามสิ่งที่เธอสงสัยออกมาซะก่อน

    "ทำไมล่ะ จะไปกินเลี้ยงที่ไหนเหรอ" เอมิกาถามออกมาพร้อมบอกสิ่งที่เธอเดาไว้ในใจของเธอออกมา

    "ใช่แล้วล่ะ พวกรุ่นพี่ที่บริษัทเค้าจะเลี้ยง ต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ที่เพิ่งมาเมื่อสองสามวันก่อนน่ะ  ชั้นไปก่อนนะ" เอ่ยจบสุทธาสินีก็ลงจากรถไป เอมิกามองเพื่อนเธอเดินเข้าสำนักงานดีไซน์แปลกตาร่วมสมัยแล้วจึงขับรถไปยังตึกสูงระฟ้าซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอที่อยู่ไม่ไกลกันนัก

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ผู้จัดการ" เอมิกากล่าวทักทายหัวหน้าของเธอดังเช่นทุกวัน แต่วันนี้น่าแปลกก็ตรงที่หัวหน้าผู้แสนจะใจดีของเธอไม่เอ่ยทักตอบออกมา เธอจึงถามต่อไปอีก "มีเรื่องอะไรเหรอคะหัวหน้า?"

    "เอ่อเปล่าไม่มีอะไรหรอก เหม่อนิดหน่อยน่ะ" หัวหน้าของเธอตอบออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้มตามปกติ

    "หึน่าแปลกนะคะที่หัวหน้านั่งเหม่อแบบนี้  หรือจะมีความรักกันแน่เอ่ย" เอมิกาหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วลองตั้งข้อสงสัยดูเล่นๆ แต่ผู้เป็นหัวหน้ากลับหน้าแดงจัดขึ้นมาทันที

    "อะช่างเถอะอ้อใช่เมื่อกี้คุณมณฑินีลงมาหาเธอแน่ะ" ผู้จัดการพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วบอกเรื่องที่คุณเลขาแสนสวยสุดเฮี้ยบของท่านประธานหนุ่มของบริษัทลงมาหาตนด้วยตนเอง

    "…หาฉันหรือคะ?"

    "ใช่  รีบขึ้นไปพบท่านเถอะ คุณมณบอกไว้ว่าถ้าคุณมาแล้วให้ขึ้นไปพบท่านประธานโดยด่วน"

    "ค่ะ" เอมิการับคำอย่างงงๆก่อนจะเดินขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่ 68 ที่เป็นชั้นสูงสุดที่ท่านประธานใช้เป็นห้องทำงาน  อันที่จริงตึกนี้มีด้วยกัน 70 ชั้น แต่ทั้งสองชั้นบนสุดนั้น ท่านประธานได้ทำไปเป็นเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัว เมื่อต้องอยู่ที่ทำงานจนดึก

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    เมื่อมาถึงที่หน้าห้อง คุณเลขาฯสาวแสนสวยก็รายงานให้ท่านประธานทราบถึงการมาของเอมิกา แล้วจึงเดินไปเปิดประตูไม้สักสีโอ๊คแดงที่แสนสวยให้กับเอมิกา

    "หัวหน้าบอกว่าท่านประธานอยากพบฉัน  มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" เอมิกาถามออกไปเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนหันหน้าไปอีกทางกับเธอไม่มีท่าทางจะหันมาสนใจเธอซึ่งยืนหัวโด่อยู่ในห้องแม้สักเพียงเล็กน้อย

    "…ฮึ่มพี่พีคะ…" เอมิกาทำเสียงหวานเรียกคนตรงหน้า ในเมื่อเธอเห็นว่าเขาคนนั้นไม่สนใจฟัง เธอจึงเปลี่ยนวิธีเรียกเสียใหม่ อันที่จริงแล้วนั้น  เอมิกา กับคุณรพีภัทร  ท่านประธานหนุ่มของอัครไพศาลกรุ๊ปนั้น  สนิทกันมาตั้งแต่เล็ก นับถือกันอย่างพี่และน้อง ด้วยเหตุที่ เอมิกาเป็นลูกคนเดียวจึงเห็นรพีภัทรซึ่งตามคุณแม่มาที่บ้านบ่อยๆเป็นพี่ชาย

    ในที่สุดเขาก็ยอมหันมา เอมิกาจึงเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกอีกมุมหนึ่งของห้อง

    "พี่พีเรียกเอมมามีธุระอะไรเหรอคะ" เอมิกาถามเสียงใสออดอ้อนพี่ชายรูปงามตามเคย

    "ไม่มีอะไรมากหรอก คุณแม่พี่เขาจะชวนเราไปทานข้าวเย็นน่ะ" รพีภัทรเอ่ยออกมาแล้วยิ้มให้กับหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าที่อายุอ่อนกว่าเขา 2 ปี

    "ถ้างั้นก็โทรบอกก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องให้คุณเลขาลงไปเรียกเอมขึ้นมาบนนี้เลย" เอมิกาทำหน้างงๆกับการเรียกตัวเธอมาเพื่อเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว เอมขอตัวก่อนนะคะพี่พี"

    "เดี๋ยวก่อน…" อยู่ๆรพีภัทรก็เรียกเธอให้หยุด เอมิกาหันมาหาอย่างงงเล็กน้อย

    "หืม…"

    "เอ่อเรื่องแผนการตลาดคราวนี้น่ะ วันนี้ต้องนำเสนอในที่ประชุมแล้วนี่ เรียบร้อยหรือยังล่ะ" รพีภัทรถามเรื่องงานออกมาดื้อๆ ทำให้เอมิกายิ่งงงเข้าไปใหญ่

    "ค่ะเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวช่วงบ่ายเอมจะเสนอในที่ประชุมแล้วจะแจงรายละเอียดให้ทราบในตอนนั้นก็แล้วกันนะคะพี่พี" เธอกล่าวออกมาแบบงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้นึกท้วงใดๆ

    "งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไปเถอะ เย็นนี้ก็กลับกับพี่ก็แล้วกัน" รพีภัทรบอกก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่อีกครั้ง

    "อะจริงสิเอมพาเพื่อนไปด้วยได้หรือเปล่าล่ะคะ"เอมิกาถามออกมาเมื่อนึกได้ว่าวันนี้สัญญาว่าจะไปรับบูมไปกินข้าว "คือสัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไปรับที่มหา'ลัยน่ะค่ะ ถ้าไม่พาไปด้วยจะน่าเกลียดเอาเปล่าๆ"

    "เอ่อได้สิ งั้นเอมก็ไปรับเพื่อนแล้วไปเจอกันที่ร้านเดิมก็แล้วกันนะ" รพีภัทรเอ่ยตอบออกไป หันหน้ามาเล็กน้อย

    "ค่ะ แล้วเจอกัน" เอมิกาเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ ส่วนตัวรพีภัทรเองนั้นทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานอันแสนจะนุ่มสบาย  -ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าเอม เรามักจะแสดงท่าทีแบบนั้นออกไปทุกทีเลยนะ รู้ทั้งรู้ว่าเขาคิดกับเราแค่ พี่ชาย ก็เท่านั้นแท้ๆ - เมื่อคิดไปได้เช่นนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลงมือทำงานต่อให้เสร็จ

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    ทางด้านของอาริสาที่แทบจะไม่ถูกกล่าวถึงเลยตั้งแต่เปิดเรื่องมา (เพิ่งพูดถึงไปแค่ 2 ครั้ง) เธอรีบร้อนออกจากบ้าน

    ไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทันทีที่ตื่นมาตอน6โมงครึ่ง อาริสานั้นเรียนอยู่คณะวารสารศาสตร์เพราะเป็นที่ที่เธอใฝ่ฝันมานานมากจะด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้

    -เฮ่อ วันนี้จะได้พบกับเขาอีกรึเปล่าน้า~ อยากเจออีกจังเลย- ตลอดทางที่อาริสาเดินเข้ามหาวิทยาลัยไปก็ได้แต่เดินไปอมยิ้มไปคิดแต่เรื่องนี้ตลอดทาง จนมีการขัดจังหวะจากเพื่อนคนหนึ่ง

    "เฮ้! เป็นไรมากปะเนี่ยบูม  เดินยิ้มมาตลอดทางเลยนี่" เสียงใสๆของสาวน้อยหน้าตาน่ารักเหมือนอายุ16ทั้งๆที่อายุจะ21แล้วแท้ๆ ของชลธิชา หรือที่เพื่อนๆมักจะเรียกว่า

    "โธ่น้ำตกใจหมดเลย จู่ๆก็เข้ามาแบบนี้อะ" อาริสาทำท่าตกใจเล็กน้อยแล้วก็เดินต่อไปพร้อมกับเพื่อนสาวคนนั้น

    "น้ำเรียกบูมอยู่นานแล้วต่างหากล่ะ ไม่เห็นหันมาซะที เลยต้องวิ่งไล่ตามมาไงล่ะ" ชลธิชาพูดเสียงอ่อยๆ ทำท่างอนเพื่อนตัวเล็ก(เตี้ย)ของเธอ

    "อะไรเนี่ยงอนอีกแล้ว โอ๋ๆๆ" อาริสา ทำท่าจะเอามือไปลูบหัวชลธิชาแต่ก็พูดปัดออก

    "อย่าทำเหมือนน้ำเป็นเด็กๆสิ แล้วเค้าก็ไม่ใช่เจ้าพัฟฟี่ที่บูมเคยเลี้ยงไว้ด้วย เชอะ ไม่สนใจเพื่อน คิดถึงแต่ ตากล้องขี้เก๊กคนเมื่อวานอยู่ละสิท่า" ชลธิชาพูดออกมายิ้มๆทำสายตาเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อาริสา เจ้าตัวก็ได้แต่ทำสายตาปรามๆเอาไว้แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในตึกของคณะด้วยกัน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    เมื่อวานนี้ทั้งคู่ได้ออกไปทำรายงานเรื่องการจัดนิทรรศการภาพถ่ายแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่นั่นเป็นที่แสดงผลงานของช่างภาพมืออาชีพหลากหลายคนและสไตล์รูปที่ออกมานั้นย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แต่มีอยู่ภาพหนึ่งที่สะกดสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ เธอที่เป็นคนกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องอะไรเป็นต้องรู้ให้ได้สมกับที่อนาคตอยากจะเป็นนักข่าวหรือทำงานที่เกี่ยวกับตัวหนังสือในอนาคต  ในที่สุดหลังจากไปสอบถามมาจากพวกผู้จัดงาน เธอก็ได้คำตอบมาว่า ภาพนั้นเป็นของช่างภาพอิสระคนหนึ่งที่รู้จักกับอาจารย์ของหอศิลป์แห่งนี้ก็เลยได้นำมาโชว์ ไม่นานนักหลังจากที่เธอเข้าไปคุยกับผู้ดูแล ช่างภาพคนที่เธอกำลังพูดถึงอยู่นั้นนั้นก็ได้เดินเข้ามา ทั้งคู่ตกตะลึงในความหล่อนั้นทันที ชายร่างสูงที่ดูแล้วยังไงก็สมส่วน ทั้งโครงหน้า แขน ขา ร่างกาย ยิ่งดวงตาที่แสนจะเย็นชาและไม่แคร์ใครหน้าไหนนั้นด้วยแล้ว ตรึงสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ไม่แพ้ภาพของเจ้าตัวเลยทีเดียว  ด้วยความหน้าด้านหน้าทนที่สั่งสมมาจากเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกัน(คุณสุทธาสินีนั่นเอง) ทำให้อาริสาเดินเข้าไปทักทายด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันมาตามคำเรียก เธอก็เกิดอาการพูดไม่ออกกระทันหันได้แต่พูดตะกุกตะกักออกไปเรื่องภาพนั้น จนได้ชลธิชาเข้ามาช่วยไว้โดยการชวนคุยถามถึงเรื่องส่วนตัวพอเป็นมารยาท จนได้รู้มาว่า เขาชื่อ จินตภพ รัตนพงศ์ ชอบการถ่ายภาพและเป็นช่างภาพอิสระอยู่ ส่วนมากมักจะอยู่ที่เวดดิ้งสตูดิโอที่เพื่อนของเขาขอให้ไปช่วยทำงานเนื่องจากยังหาช่างภาพไม่ได้และยังเคยเรียนอยู่คณะวิศวกรรมสาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แห่งนี้อีกด้วย เพิ่งจบมาเมื่อปีที่แล้ว(ไฮโซนะยะนังจิน)  ทั้งสามคนคุยกันอย่างถูกคอลงท้ายแล้ว     อาริสาจึงเอ่ยปากขอซื้อผลงานของเขาเอาไว้เพราะรู้สึกถูกชะตาอย่างมากกับชื่อของภาพและฟีลลิ่งของมัน 'ส่วนที่ขาดหาย เป็นชื่อที่คนๆหนึ่งเคยตั้งไว้ให้กับภาพนี้น่ะครับ ผมถ่ายภาพนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ปี 2แล้ว' ช่วงที่พูดคุยนั้นจินตภพก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  เมื่อทั้งสองคนขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกว่าจะเย็นมากไปแล้ว แต่เขาก็ได้ชวนพวกเธอสองคนไว้ว่าถ้าหากสนใจภาพอื่นๆอีกล่ะก็ให้ติดต่อมาพร้อมทั้งทิ้งนามบัตรไว้ให้ แล้วก็แยกกันกลับบ้านของตน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    จนถึงป่านนี้คาบเรียนก็ได้จบลงไปแล้ว แต่อาริสาก็ยังคงเอาแต่นั่งเหม่อและถอนหายใจออกมาเป็นระยะทำให้   ชลธิชาอดรำคาญไม่ได้ จึงต้องปลุกเพื่อนให้ออกจากความฝันลมๆแล้งๆซะ "นี่ยัยบูม ชั้นว่านะเธอเลิกคิดถึงคุณจินตภพสุดหล่ออะไรนั่นซะเหอะ แน่ะที่น้ำก็บอกเพราะเป็นห่วงนะอย่าทำหน้าไปสนใจใส่น้ำสิ"

    "ชั้นรู้แล้วน่า เอาเป็นว่าซักพักชั้นก็หายเองแหละ" อาริสาพยายามบอกปัดๆเพื่อนไป

    "เอาเถอะๆอ้อใช่! วันนี้น้ำกะจะไปซื้อของหน่อยน่ะ ตอนเย็นไปด้วยกันนะ" ชลธิชาชวนออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือว่าอะไรกันแน่แต่อาริสาก็เห็นเหมือนประกายตาลุกวาวอยู่ในตาของชลธิชา

    "ซื้อให้พี่มิกซ์เหรอไงจ้ะ" ชลธิชาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแต่อาริสาก็ได้แต่บอกปัดเพื่อนไปเพราะติดธุระแล้ว "ไม่ได้จริงๆอะขอโทษนะ วันนี้เอมจะมารับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน โทษทีนะน้ำ" อาริสาบอกปฏิเสธเพื่อนของตนน้ำเสียงเป็นเชิงขอโทษ

    "ถ้าติดธุระกับพี่เอมก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นไปชวนพวกเอลฟ์ก็ได้" น้ำเอ่ยถึงเพื่อนสาวอีกคน

    "อืม รีบไปเข้าเรียนเหอะ เข้าสายล่ะโดนอาจารย์ดุแน่ๆ" อาริสาบอกแล้วรีบเร่งฝีเท้าตัวเองให้มากขึ้นเพื่อทำการย้ายห้องเรียนซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง


    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    ทางด้านของอาริสาที่แทบจะไม่ถูกกล่าวถึงเลยตั้งแต่เปิดเรื่องมา (เพิ่งพูดถึงไปแค่ 2 ครั้ง) เธอรีบร้อนออกจากบ้าน

    ไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทันทีที่ตื่นมาตอน6โมงครึ่ง อาริสานั้นเรียนอยู่คณะวารสารศาสตร์เพราะเป็นที่ที่เธอใฝ่ฝันมานานมากจะด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้

    -เฮ่อ วันนี้จะได้พบกับเขาอีกรึเปล่าน้า~ อยากเจออีกจังเลย- ตลอดทางที่อาริสาเดินเข้ามหาวิทยาลัยไปก็ได้แต่เดินไปอมยิ้มไปคิดแต่เรื่องนี้ตลอดทาง จนมีการขัดจังหวะจากเพื่อนคนหนึ่ง

    "เฮ้! เป็นไรมากปะเนี่ยบูม  เดินยิ้มมาตลอดทางเลยนี่" เสียงใสๆของสาวน้อยหน้าตาน่ารักเหมือนอายุ16ทั้งๆที่อายุจะ21แล้วแท้ๆ ของชลธิชา หรือที่เพื่อนๆมักจะเรียกว่า

    "โธ่น้ำตกใจหมดเลย จู่ๆก็เข้ามาแบบนี้อะ" อาริสาทำท่าตกใจเล็กน้อยแล้วก็เดินต่อไปพร้อมกับเพื่อนสาวคนนั้น

    "น้ำเรียกบูมอยู่นานแล้วต่างหากล่ะ ไม่เห็นหันมาซะที เลยต้องวิ่งไล่ตามมาไงล่ะ" ชลธิชาพูดเสียงอ่อยๆ ทำท่างอนเพื่อนตัวเล็ก(เตี้ย)ของเธอ

    "อะไรเนี่ยงอนอีกแล้ว โอ๋ๆๆ" อาริสา ทำท่าจะเอามือไปลูบหัวชลธิชาแต่ก็พูดปัดออก

    "อย่าทำเหมือนน้ำเป็นเด็กๆสิ แล้วเค้าก็ไม่ใช่เจ้าพัฟฟี่ที่บูมเคยเลี้ยงไว้ด้วย เชอะ ไม่สนใจเพื่อน คิดถึงแต่ ตากล้องขี้เก๊กคนเมื่อวานอยู่ละสิท่า" ชลธิชาพูดออกมายิ้มๆทำสายตาเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อาริสา เจ้าตัวก็ได้แต่ทำสายตาปรามๆเอาไว้แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในตึกของคณะด้วยกัน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    เมื่อวานนี้ทั้งคู่ได้ออกไปทำรายงานเรื่องการจัดนิทรรศการภาพถ่ายแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่นั่นเป็นที่แสดงผลงานของช่างภาพมืออาชีพหลากหลายคนและสไตล์รูปที่ออกมานั้นย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แต่มีอยู่ภาพหนึ่งที่สะกดสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ เธอที่เป็นคนกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องอะไรเป็นต้องรู้ให้ได้สมกับที่อนาคตอยากจะเป็นนักข่าวหรือทำงานที่เกี่ยวกับตัวหนังสือในอนาคต  ในที่สุดหลังจากไปสอบถามมาจากพวกผู้จัดงาน เธอก็ได้คำตอบมาว่า ภาพนั้นเป็นของช่างภาพอิสระคนหนึ่งที่รู้จักกับอาจารย์ของหอศิลป์แห่งนี้ก็เลยได้นำมาโชว์ ไม่นานนักหลังจากที่เธอเข้าไปคุยกับผู้ดูแล ช่างภาพคนที่เธอกำลังพูดถึงอยู่นั้นนั้นก็ได้เดินเข้ามา ทั้งคู่ตกตะลึงในความหล่อนั้นทันที ชายร่างสูงที่ดูแล้วยังไงก็สมส่วน ทั้งโครงหน้า แขน ขา ร่างกาย ยิ่งดวงตาที่แสนจะเย็นชาและไม่แคร์ใครหน้าไหนนั้นด้วยแล้ว ตรึงสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ไม่แพ้ภาพของเจ้าตัวเลยทีเดียว  ด้วยความหน้าด้านหน้าทนที่สั่งสมมาจากเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกัน(คุณสุทธาสินีนั่นเอง) ทำให้อาริสาเดินเข้าไปทักทายด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันมาตามคำเรียก เธอก็เกิดอาการพูดไม่ออกกระทันหันได้แต่พูดตะกุกตะกักออกไปเรื่องภาพนั้น จนได้ชลธิชาเข้ามาช่วยไว้โดยการชวนคุยถามถึงเรื่องส่วนตัวพอเป็นมารยาท จนได้รู้มาว่า เขาชื่อ จินตภพ รัตนพงศ์ ชอบการถ่ายภาพและเป็นช่างภาพอิสระอยู่ ส่วนมากมักจะอยู่ที่เวดดิ้งสตูดิโอที่เพื่อนของเขาขอให้ไปช่วยทำงานเนื่องจากยังหาช่างภาพไม่ได้และยังเคยเรียนอยู่คณะวิศวกรรมสาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แห่งนี้อีกด้วย เพิ่งจบมาเมื่อปีที่แล้ว(ไฮโซนะยะนังจิน)  ทั้งสามคนคุยกันอย่างถูกคอลงท้ายแล้ว     อาริสาจึงเอ่ยปากขอซื้อผลงานของเขาเอาไว้เพราะรู้สึกถูกชะตาอย่างมากกับชื่อของภาพและฟีลลิ่งของมัน 'ส่วนที่ขาดหาย เป็นชื่อที่คนๆหนึ่งเคยตั้งไว้ให้กับภาพนี้น่ะครับ ผมถ่ายภาพนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ปี 2แล้ว' ช่วงที่พูดคุยนั้นจินตภพก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  เมื่อทั้งสองคนขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกว่าจะเย็นมากไปแล้ว แต่เขาก็ได้ชวนพวกเธอสองคนไว้ว่าถ้าหากสนใจภาพอื่นๆอีกล่ะก็ให้ติดต่อมาพร้อมทั้งทิ้งนามบัตรไว้ให้ แล้วก็แยกกันกลับบ้านของตน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    จนถึงป่านนี้คาบเรียนก็ได้จบลงไปแล้ว แต่อาริสาก็ยังคงเอาแต่นั่งเหม่อและถอนหายใจออกมาเป็นระยะทำให้   ชลธิชาอดรำคาญไม่ได้ จึงต้องปลุกเพื่อนให้ออกจากความฝันลมๆแล้งๆซะ "นี่ยัยบูม ชั้นว่านะเธอเลิกคิดถึงคุณจินตภพสุดหล่ออะไรนั่นซะเหอะ แน่ะที่น้ำก็บอกเพราะเป็นห่วงนะอย่าทำหน้าไปสนใจใส่น้ำสิ"

    "ชั้นรู้แล้วน่า เอาเป็นว่าซักพักชั้นก็หายเองแหละ" อาริสาพยายามบอกปัดๆเพื่อนไป

    "เอาเถอะๆอ้อใช่! วันนี้น้ำกะจะไปซื้อของหน่อยน่ะ ตอนเย็นไปด้วยกันนะ" ชลธิชาชวนออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือว่าอะไรกันแน่แต่อาริสาก็เห็นเหมือนประกายตาลุกวาวอยู่ในตาของชลธิชา

    "ซื้อให้พี่มิกซ์เหรอไงจ้ะ" ชลธิชาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแต่อาริสาก็ได้แต่บอกปัดเพื่อนไปเพราะติดธุระแล้ว "ไม่ได้จริงๆอะขอโทษนะ วันนี้เอมจะมารับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน โทษทีนะน้ำ" อาริสาบอกปฏิเสธเพื่อนของตนน้ำเสียงเป็นเชิงขอโทษ

    "ถ้าติดธุระกับพี่เอมก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นไปชวนพวกเอลฟ์ก็ได้" น้ำเอ่ยถึงเพื่อนสาวอีกคน

    "อืม รีบไปเข้าเรียนเหอะ เข้าสายล่ะโดนอาจารย์ดุแน่ๆ" อาริสาบอกแล้วรีบเร่งฝีเท้าตัวเองให้มากขึ้นเพื่อทำการย้ายห้องเรียนซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง


    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    ทางด้านของอาริสาที่แทบจะไม่ถูกกล่าวถึงเลยตั้งแต่เปิดเรื่องมา (เพิ่งพูดถึงไปแค่ 2 ครั้ง) เธอรีบร้อนออกจากบ้าน

    ไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทันทีที่ตื่นมาตอน6โมงครึ่ง อาริสานั้นเรียนอยู่คณะวารสารศาสตร์เพราะเป็นที่ที่เธอใฝ่ฝันมานานมากจะด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้

    -เฮ่อ วันนี้จะได้พบกับเขาอีกรึเปล่าน้า~ อยากเจออีกจังเลย- ตลอดทางที่อาริสาเดินเข้ามหาวิทยาลัยไปก็ได้แต่เดินไปอมยิ้มไปคิดแต่เรื่องนี้ตลอดทาง จนมีการขัดจังหวะจากเพื่อนคนหนึ่ง

    "เฮ้! เป็นไรมากปะเนี่ยบูม  เดินยิ้มมาตลอดทางเลยนี่" เสียงใสๆของสาวน้อยหน้าตาน่ารักเหมือนอายุ16ทั้งๆที่อายุจะ21แล้วแท้ๆ ของชลธิชา หรือที่เพื่อนๆมักจะเรียกว่า

    "โธ่น้ำตกใจหมดเลย จู่ๆก็เข้ามาแบบนี้อะ" อาริสาทำท่าตกใจเล็กน้อยแล้วก็เดินต่อไปพร้อมกับเพื่อนสาวคนนั้น

    "น้ำเรียกบูมอยู่นานแล้วต่างหากล่ะ ไม่เห็นหันมาซะที เลยต้องวิ่งไล่ตามมาไงล่ะ" ชลธิชาพูดเสียงอ่อยๆ ทำท่างอนเพื่อนตัวเล็ก(เตี้ย)ของเธอ

    "อะไรเนี่ยงอนอีกแล้ว โอ๋ๆๆ" อาริสา ทำท่าจะเอามือไปลูบหัวชลธิชาแต่ก็พูดปัดออก

    "อย่าทำเหมือนน้ำเป็นเด็กๆสิ แล้วเค้าก็ไม่ใช่เจ้าพัฟฟี่ที่บูมเคยเลี้ยงไว้ด้วย เชอะ ไม่สนใจเพื่อน คิดถึงแต่ ตากล้องขี้เก๊กคนเมื่อวานอยู่ละสิท่า" ชลธิชาพูดออกมายิ้มๆทำสายตาเจ้าเล่ห์ส่งไปให้อาริสา เจ้าตัวก็ได้แต่ทำสายตาปรามๆเอาไว้แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในตึกของคณะด้วยกัน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    เมื่อวานนี้ทั้งคู่ได้ออกไปทำรายงานเรื่องการจัดนิทรรศการภาพถ่ายแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่นั่นเป็นที่แสดงผลงานของช่างภาพมืออาชีพหลากหลายคนและสไตล์รูปที่ออกมานั้นย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย แต่มีอยู่ภาพหนึ่งที่สะกดสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ เธอที่เป็นคนกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องอะไรเป็นต้องรู้ให้ได้สมกับที่อนาคตอยากจะเป็นนักข่าวหรือทำงานที่เกี่ยวกับตัวหนังสือในอนาคต  ในที่สุดหลังจากไปสอบถามมาจากพวกผู้จัดงาน เธอก็ได้คำตอบมาว่า ภาพนั้นเป็นของช่างภาพอิสระคนหนึ่งที่รู้จักกับอาจารย์ของหอศิลป์แห่งนี้ก็เลยได้นำมาโชว์ ไม่นานนักหลังจากที่เธอเข้าไปคุยกับผู้ดูแล ช่างภาพคนที่เธอกำลังพูดถึงอยู่นั้นนั้นก็ได้เดินเข้ามา ทั้งคู่ตกตะลึงในความหล่อนั้นทันที ชายร่างสูงที่ดูแล้วยังไงก็สมส่วน ทั้งโครงหน้า แขน ขา ร่างกาย ยิ่งดวงตาที่แสนจะเย็นชาและไม่แคร์ใครหน้าไหนนั้นด้วยแล้ว ตรึงสายตาของอาริสาเอาไว้ได้ไม่แพ้ภาพของเจ้าตัวเลยทีเดียว  ด้วยความหน้าด้านหน้าทนที่สั่งสมมาจากเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกัน(คุณสุทธาสินีนั่นเอง) ทำให้อาริสาเดินเข้าไปทักทายด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันมาตามคำเรียก เธอก็เกิดอาการพูดไม่ออกกระทันหันได้แต่พูดตะกุกตะกักออกไปเรื่องภาพนั้น จนได้ชลธิชาเข้ามาช่วยไว้โดยการชวนคุยถามถึงเรื่องส่วนตัวพอเป็นมารยาท จนได้รู้มาว่า เขาชื่อ จินตภพ รัตนพงศ์ ชอบการถ่ายภาพและเป็นช่างภาพอิสระอยู่ ส่วนมากมักจะอยู่ที่เวดดิ้งสตูดิโอที่เพื่อนของเขาขอให้ไปช่วยทำงานเนื่องจากยังหาช่างภาพไม่ได้และยังเคยเรียนอยู่คณะวิศวกรรมสาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แห่งนี้อีกด้วย เพิ่งจบมาเมื่อปีที่แล้ว(ไฮโซนะยะนังจิน)  ทั้งสามคนคุยกันอย่างถูกคอลงท้ายแล้ว     อาริสาจึงเอ่ยปากขอซื้อผลงานของเขาเอาไว้เพราะรู้สึกถูกชะตาอย่างมากกับชื่อของภาพและฟีลลิ่งของมัน 'ส่วนที่ขาดหาย เป็นชื่อที่คนๆหนึ่งเคยตั้งไว้ให้กับภาพนี้น่ะครับ ผมถ่ายภาพนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ปี 2แล้ว' ช่วงที่พูดคุยนั้นจินตภพก็ทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  เมื่อทั้งสองคนขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกว่าจะเย็นมากไปแล้ว แต่เขาก็ได้ชวนพวกเธอสองคนไว้ว่าถ้าหากสนใจภาพอื่นๆอีกล่ะก็ให้ติดต่อมาพร้อมทั้งทิ้งนามบัตรไว้ให้ แล้วก็แยกกันกลับบ้านของตน

    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*D*ifferent_Lov*e*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    จนถึงป่านนี้คาบเรียนก็ได้จบลงไปแล้ว แต่อาริสาก็ยังคงเอาแต่นั่งเหม่อและถอนหายใจออกมาเป็นระยะทำให้   ชลธิชาอดรำคาญไม่ได้ จึงต้องปลุกเพื่อนให้ออกจากความฝันลมๆแล้งๆซะ "นี่ยัยบูม ชั้นว่านะเธอเลิกคิดถึงคุณจินตภพสุดหล่ออะไรนั่นซะเหอะ แน่ะที่น้ำก็บอกเพราะเป็นห่วงนะอย่าทำหน้าไปสนใจใส่น้ำสิ"

    "ชั้นรู้แล้วน่า เอาเป็นว่าซักพักชั้นก็หายเองแหละ" อาริสาพยายามบอกปัดๆเพื่อนไป

    "เอาเถอะๆอ้อใช่! วันนี้น้ำกะจะไปซื้อของหน่อยน่ะ ตอนเย็นไปด้วยกันนะ" ชลธิชาชวนออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดหรือว่าอะไรกันแน่แต่อาริสาก็เห็นเหมือนประกายตาลุกวาวอยู่ในตาของชลธิชา

    "ซื้อให้พี่มิกซ์เหรอไงจ้ะ" ชลธิชาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแต่อาริสาก็ได้แต่บอกปัดเพื่อนไปเพราะติดธุระแล้ว "ไม่ได้จริงๆอะขอโทษนะ วันนี้เอมจะมารับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน โทษทีนะน้ำ" อาริสาบอกปฏิเสธเพื่อนของตนน้ำเสียงเป็นเชิงขอโทษ

    "ถ้าติดธุระกับพี่เอมก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นไปชวนพวกเอลฟ์ก็ได้" น้ำเอ่ยถึงเพื่อนสาวอีกคน

    "อืม รีบไปเข้าเรียนเหอะ เข้าสายล่ะโดนอาจารย์ดุแน่ๆ" อาริสาบอกแล้วรีบเร่งฝีเท้าตัวเองให้มากขึ้นเพื่อทำการย้ายห้องเรียนซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×