Beach Dance ครั้งแรกของมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนนับสิบ - Beach Dance ครั้งแรกของมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนนับสิบ นิยาย Beach Dance ครั้งแรกของมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนนับสิบ : Dek-D.com - Writer

    Beach Dance ครั้งแรกของมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนนับสิบ

    บันทึกเหตุการณ์พิเศษของนักเรียนไทยในต่างแดน เรื่องราวธรรมดาสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    704

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    704

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ม.ค. 51 / 12:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      Beach Dance ครั้งแรกของมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนนับสิบ

      วันนี้ฉันจะเล่าเรื่องพิเศษ ที่ดูเหมือนจะธรรมดาสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนหลายๆ คน แต่สำหรับฉันนั้นไม่เลย มันเป็นเรื่องที่พิเศษที่สุด และเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าคนอย่างฉันจะทำ และได้สอนให้ฉันได้รู้จักบทเรียนชีวิตอันสำคัญยิ่ง

      วันนี้ วันที่ยี่สิบมกราคม พุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบเอ็ด เวลายี่สิบสองนาฬิกา สี่สิบนาที ณ โรงเรียนเซนต์โจเซฟ เซ็นทรัล คาทอลิก ไฮสคูล ฟรีมอนต์ โอไฮโอ เสียงเพลงอึกทึกครึกโครม ด้วยเหตุที่ว่ามีการจัดกิจกรรมในหมู่นักเรียนที่เรียกว่าบีชแดนซ์ มันดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมทั่วๆ ไป แทบทุกโรงเรียนในกลุ่มเมืองแซนดัสกี้จะมี หรืออาจจะแทบทุกโรงเรียนในอเมริกาเลยก็ว่าได้

      ท่ามกลางเสียงเพลงแร็บ หรืออะไรก็แล้วแต่ เหล่านักเรียนของโรงเรียนนี้ และนักเรียนโรงเรียนอื่นๆ กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนาน และฉัน นักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการ วาย เอฟ ยู จากประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น

      เรื่องทั้งหมดคงต้องย้อนไปตั้งแต่ต้น นับตั้งแต่โฮมคัมมิ่ง ฉันมีเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ที่เต้นด้วยกันแทบทั้งตลอดงาน หลัก เป็นเพื่อนผู้หญิงสองคน คือ แคนดิส เดิร์นวอร์ด และ บริแอนน่า ฟิชเชอร์ และในงานบิชแดนซ์ครั้งนี้ พวกเธอก็ชวนฉันเช่นกัน แต่เหตุการณ์ที่ฉันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อแคนดิส ป่วย ทำให้บริแอนน่าทีเป็นเพื่อนสนิทของเธอไม่มา โชคดีของฉัน ที่ในครั้งนี้แบรนดอน อิงค์ เพื่อนผู้ชายของฉันมา

      พวกเราคุยกันตั้งแต่งานเริ่มต้นๆ คือช่วงสองทุ่ม จนถึงสี่ทุ่ม แบรนดอนเบื่อมาก และฉันก็เบื่อเข่นกัน เพราะฉันชอบเพลงป็อป แบบของวิทนีย์ ฮูสตัน หรือไม่ก็มาไร แครี่ แต่ในงานนี้เป็นเพลงแร็บแบบที่วัยรุ่นอเมริกันชอบกัน ด้วยเหตุนี้เอง แบรนดอนก็โทรให้แม่เลี้ยงของเขามารับกลับไป ในตอนแรกฉันก็จะกลับด้วย แต่เนื่องจากฉันไม่แม่นทาง และแม่ของเขาก็ไม่แม่นทางเช่นกัน ฉันจึงรอพี่สาวกลับพร้อมกัน

      ในตอนแรกฉันก็ไม่รู้จะทำอะไร โชคดีที่พอมีเพื่อนอย่างแฮนน่า และแมดดี้ และอื่นๆ อีกหลายคนที่พอจะเต้นเป็นเพื่อนได้ ซึ่งอันที่จริงฉันก็เต้นไม่เก่งหรอก และก็ไม่ใช่คนที่ชอบเต้นอะไรมากมาย พอเริ่มเบื่อก็เดินไปกินขนม แล้วก็กลับมาเต้นใหม่เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

      ทุกอย่างที่ทำให้วันนี้พิเศษ พิเศษสุดๆ ฉันคิดว่าแม้จะเป็นการไปเที่ยวไนแองการ่า หรือแม้แต่ไปเที่ยวแกรนด์แคนยอน มันก็ยังไม่สำคัญเช่นนี้ เพราะแม้จะได้เที่ยว ได้มองเห็นสิ่งใหม่ๆ มันไม่ได้สำคัญเท่าคำสั้นๆ ว่า "มิตรภาพ"

      ก่อนอื่นต้องบอกว่าฉันเป็นคนที่หาเพื่อนได้ยาก เพราะเป็นคนเงียบๆ หากไม่มีคนพูดด้วยก็ไม่ค่อยพูดกับใครเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับเพื่อน แม้ฉันจะเป็นนักแต่งนิยาย แต่ฉันกลับคิดว่าการแต่งนิยายยังง่ายเสียกว่าการหาเรื่องคุยกับชาวบ้านเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาเรื่องคุยกับคนต่างชาติ ที่บางครั้งแม้คิดเรื่องออกแต่ก็หาประโยคขวนคุยไม่ได้

      ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบๆ ฉันเต้นไปมา มีคนตบมือทักทาย หรือกอดคอบ้างก็เออออไป จนกระทั่งมาถึงเพลงแร็บอีกเพลง คราวนี้เพื่อนชั้นซีเนียร์ หรือมัธยมหก ก็มาเต้นตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็นการท้าเต้นหรืออะไรสักอย่าง ฉันก็ทำตาม และด้วยนิสัยที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ของฉัน... ไม่ชอบแพ้ใคร... ฉันก็เต้นอย่างเต็มที่ บิดสะโพกหรือเหวี่ยงก็ทำได้หมด จนกระทั่งถึงตอนที่ต้องย่อตัว และบิดไป ฉันทำได้ดีกว่าเธอเสียอีก ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

      "Go Sea! Go Sea!" เสียงโห่ร้องชื่อของฉันดังมาจากรอบทิศ คนอย่างฉันซึ่งไม่ได้ดังอะไร และไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะการเต้น ใครจะคิดว่าเด็กนักเรียนไทยคนหนึ่ง จะได้รับการยอมรับในเรื่องบางอย่างเช่นนี้ และแม้มันจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร แต่มันก็ทำให้หัวใจของฉันที่รู้สึกโดดเดี่ยวถูกเติมเต็มอย่างประหลาด

      ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณแคนเดส และอีกหลายๆ คนที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขอบคุณการขับรถไปส่งของอานท์ซูซาน เวอเซิล และที่ขาดไม่ได้เลย คือพ่อและแม่ ของฉันที่ส่งเงินมาให้ และส่งเสียให้ได้ไปอเมริกา ขอบคุณทุกคน และสุดท้าย ขอบคุณโชคชะตา และหัวใจที่ทำให้ฉันตัดสินใจไปงานในครั้งนี้ สุดท้าย ขอขอบคุณแคนดิสและบริแอนน่าที่เป็นแรงจูงใจในการไปงานของฉัน

      ฉันไม่อาจให้คำสัญญา หรือป่าวประกาศว่าจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ฉันขอพูดเพียงว่า ฉันจะจดจำมันไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคงต้องขอยืมประโยคจากลำนำแห่งห้วงธารา นิยายรักแฟนตาซีโดยพี่น้ำตาล หรือจตุรดา ที่นางเอกได้กล่าวเอาไว้ว่า "จารจำมิพรากไปจากใจ" ด้วยเหตุนี้เอง บันทึกในหน้านิจึงเกิดขึ้น

      หากใครที่จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ขอให้เข้าใจไว้ด้วยว่า หนทางแห่งการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนนั้นไม่ยาก แต่หนทางของนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบ แม้จะเต็มไปด้วยก้อนหินก้อนกรวด หรือเศษแก้ว แต่มันก็เป็นเรื่องสนุกที่ได้เหยียบย่ำในบนสิ่งเหล่านั้น

      กระโดดลงกองใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วง นอนลงกลางหิมะแห่งฤดูหนาว และเดินเข้าสู่การจบการศึกษาในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลผ่านไป กับจิตใจที่แกร่งขึ้น และการเติบโตของช่วงอายุ ประสบการณ์ดีๆ และแย่ๆ ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต หากไม่มีใครรู้ว่าหนทางเบื้องหน้าจะเป็นเช่นไร ไม่มีใครรู้ว่าการตัดสินใจของเราจะนำไปสู่เรื่องดี หรือร้าย ขอเพียงแค่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง อย่างน้อยๆ เรื่องดีๆ ก็ต้องเกิดขึ้นสักวัน

      สุดท้ายนี้ ขอปิดท้ายด้วยเนื้อเพลงและเพลงที่ขับร้องโดยวิทนีย์ ฮูสตัน เกี่ยวกับความทรงจำดีๆ One moment in time - Whitney Houston


       

      Each day I live
      I want to be a day to give the best of me
      I'm only one, but not alone
      My finest day is yet unknown
      I broke my heart for every gain
      To taste the sweet, I faced the pain
      I rise and fall,
      Yet through it all this much remains

      I want one moment in time
      When I'm more than I thought I could be
      When all of my dreams
      Are a heart beat away
      And the answers are all up to me
      Give me one moment in time
      When I'm racing with destiny
      Then in that one moment of time
      I will feel, I will feel eternity

      I've lived to be the very best
      I want it all, no time for less
      I've laid the plans
      Now lay the chance here in my hands

      Give me one moment in time
      When I'm more than I thought I could be
      When all of my dreams
      Are a heart beat away
      And the answers are all up to me
      Give me one moment in time
      When I'm racing with destiny
      Then in that one moment of time
      I will feel, I will feel eternity

      You're a winner for a lifetime
      If you seize that one moment in time
      Make it shine

      Give me one moment in time
      When I'm more than I thought I could be
      When all of my dreams
      Are a heart beat away
      And the answers are all up to me
      Give me one moment in time
      When I'm racing with destiny
      Then in that one moment of time
      I will be, I will be, I will be free, I will be,
      I will be free

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×