ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุงตู่ ร้านขายปลาในดวงใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ร้านขายปลารถเข็น

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 48


    ลุงตู่ ร้านขายปลาในดวงใจ

    อันโตนิโอ





    ร้านขายปลารถเข็น



    ต้นกระถินณรงค์สูงใหญ่ ยืนหยัดท้ากาลเวลามากว่าครึ่งศตวรรษ ริมคลองเล็ก ๆในหมู่บ้านหนึ่งของจังหวัดที่ไม่ไกลเมืองหลวงฟ้าอมร  คลองสายนี้เป็นคลองขุดชลประทาน ความกว้างสักสิบวาเห็นจะได้  น้ำในคลองแม้เป็นสีขุ่นด้วยเลนตมเบื้องก้นของมัน แต่ก็สะอาดดี  สายลมโชยพัดผิวน้ำกระเพื่อมเอื่อยไหลพาเอากอผักตบชวาที่มีดอกสวยไปทางหมู่บ้านปลายน้ำ



    บ้านคนอยู่ห่างกันแค่ไม่เกินร้อยก้าว บางแห่งก็คับคั่งด้วยปลูกเป็นห้องแถวให้คนจรอัฐน้อยมาเช่าอาศัย  ใครมีบ้านติดคลองก็มักทำกระดานขนาดสองสามฝ่ามือมาวางพาดยื่นล้ำเข้าไปในคลอง ตรงปลายมีเสาใหญ่ตั้งติดยอเล็กบ้างใหญ่บ้างไว้ดักปลา  ตอนเย็นก็เอาไว้ให้ลูกหลานกระโดดน้ำกันตูมตาม



    ลุงตู่ ลูกทุ่งคนกร้านแดด อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต หากินกับการช้อนลูกน้ำและฟักปลากัดขาย  เมื่อก่อนยังเป็นเจ้าตู่วิ่งแก้ผ้าไล่ช้อนลูกน้ำเหยงๆแลกค่าขนมสลึงสองสลึง กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี มีรางวัลชีวิตคือร้านขายปลาเล็กๆอันทรงเกียรติไว้ให้แกเป็นที่ทำมาหากินและเป็นแหล่งพักใจของคนชอบปลาสวยงามหลายๆคน มีเจ้ายอด เจ้ากบ เจ้าช้างและเจ้าชิด  ทุกบ่าย หลังข้าวเรียงเม็ด พวกมันราวกับนัดกันไว้ มาเจอกันที่ร้านลุงตู่ บางวันเจ้ายอดเหน็บขลุ่ยคู่ใจ ป่ายปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งกระถินณรงค์กิ่งใหญ่ที่ยื่นล้ำไปในคลอง ผิวเพลงหวานของมันไปเรื่อย ได้บรรยากาศพอควร



    ร้านลุงตู่ จะว่าเป็นร้านก็ไม่เชิงนัก เพราะเล็กและคล่องตัว พับเก็บหายเข้ากลีบเมฆไปได้ในชั่วไม่กี่อึดใจ  ประกอบไปด้วยรถเข็นหนึ่งคัน กับม้านั่งเล็กๆทำเองสี่ห้าตัว  ทุกเช้า ลุงตู่จะเข็นรถมาจอดที่ใต้ต้นกระถินต้นนี้  รถวิเศษพอกางออกมาก็จะทำให้มีความยาวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว  ตู้ปลากรอบสแตนเลสใบเล็กสี่ห้าใบเก่าคร่ำ มีรอยขูดขีดเต็มไปหมด  ชายชราจะบรรจงยกวางบนชั้นที่สูงประมาณเอวผู้ใหญ่ จากนั้นก็หิ้วกระป๋องน้ำไปตักน้ำในคลองมาเติมให้เกือบเต็มทุกตู้ ขั้นสุดท้ายก็เอาปลาออกจากถุงพลาสติกใส่ลงไปเป็นประเภทๆ พับถุงเก็บเรียบร้อยเพราะตอนเย็นจะต้องใช้ใส่ปลากลับบ้านด้วย



    ปลาลุงตู่งามนัก  มีปลาสอด ปลาหางนกยูง ปลาเทวดา ส่วนปลากัดนั้นก็สวยและเก่งแท้  ลุงว่าเคล็ดลับคือการพานปลาและสับพ่อแม่  เจ้าลูกทุ่งทั้งหลายมันหวังฝากตัวเป็นศิษย์เอกพากันนั่งฟังอ้าปากหวอ  ปลาที่เอามาขายนี้ ลุงตู่เพาะไว้เองโดยใช้พ่อแม่ที่ไปซื้อมาเมื่อครั้งไปบางกอกปีกลาย ได้ลูกปลาสวยๆเต็มบ้าน  เจ้าหนุ่มๆยามไปหาแกที่บ้านก็ได้แต่มองอย่างอิจฉา ด้วยว่ามันเพาะได้ไม่สวยเท่าของลุง



    บ่ายโมงกว่า ตะวันเยื้องหัวไปหน่อยเดียว  ร้านลุงตู่ มีสมาชิกมากันเกือบครบครันขาดแต่เจ้ายอดที่เมื่อวานซืนต้องลงไปบางกอกกับพ่อเรื่องบวชพี่ชายมัน  ในจังหวะที่ลุงตู่กำลังอวดปลากัดครอกใหม่ของแกอยู่อย่างสนุก เจ้าช้างก็ถามโพล่งขึ้นว่า



    “ลุง อ้ายปลาหางนกยูงที่ข้าซื้อไปตั้งปีมะโว้ มันไม่เคยให้ลูกงามอย่างของลุงนี่เลย”



    “เอ๊! อ้ายนี่  ก็ข้าบอกแล้ว ไงว่าอ้ายปลาพวกนั้นมันใช้ทำพันธุ์ไม่ดี ก็ยังตะบันทำอยู่นั่น  มันกลายหมดแล้วโว้ย” ลุงตู่ฉุนเพราะโดนขัดจังหวะการอภิปรายความเก่งกาจของปลากัดครอกใหม่



    “แต่ลุง”มันยังไม่ยอมแพ้ “ข้าดูแล้วว่าหางมันก็โตดี ลายก็สวยใช้ได้ เห็นลุงขายได้ตังค์ข้าก็ต้องลองดูบ้างสิ เผื่อปะเหมาะเคราะห์ดีขายได้จะได้ทุ่นตังค์มาซื้อปลาลุงเลี้ยงอีกไงเล่า” เจ้าช้างตอบเอาใจลุง แต่ไม่วายทำตัวเป็นคู่แข่งนิด ๆ



    “เออ เพาะเข้า ๆ  พอดีข้าหมดอาชีพกัน  ป้าดโธ่เว้ย เอาแค่เลี้ยงเล่นดูเล่นก็ดีถมไปแล้วพวกเอ็ง” ลุงตู่ค้อนขวับท่ามกลางเสียงฮาของเจ้าหนุ่มลูกทุ่งทั้งสาม



    “ลุง ถามหน่อยเหอะ ปลาที่ลุงเอามาขายเนี่ยมันมาจากเมืองไหนรึ ข้านี่ตั้งกะเกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นในน้ำบ้านเราซักตัว นอกจากหางนกยูง สีก็เจื่อนเต็มที” เจ้าชิดถาม เจ้ากบกับเจ้าช้างพยักหน้าอยากรู้เหมือนกัน ทำเอาลุงตู่คิดอยู่นาน



    “อืมม์” ลุงตู่ยกมือกอดอกเอามือข้างหนึ่งยันปลายคางไว้ ทำท่าราวกับนักปราชญ์เอกผู้คงแก่เรียน “ที่เอ็งถามมาก็ทำเอาสะกิดใจข้าอยู่” พูดพลางเดินวนไปรอบๆรถเข็นคันเอก



    “อ้ายปลาพวกนี้ข้าเองก็ไปเอามาจากบางกอก ไม่เคยเห็นในแม่น้ำลำคลอง แม้แต่ในแม่เจ้าพระยาเองก็คงหาทำยายาก เคยถามพ่อค้าเขาว่ามันมาจากนอกประเทศเรา แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะว่าประเทศอะไร ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นทางเขมร เพราะแถวนั้นปลายังชุกชุมอยู่”



    “ญาติข้ามาจากทางเมืองเหนือวันก่อน เห็นปลาที่ข้าเลี้ยงถึงกับปล่อยของหลุดมือกรากเข้ามาดู ถามข้าเสียใหญ่โตว่าได้แต่ใด ข้าเองก็จนปัญญาเพราะในประดาพวกบ้านเราก็ลุงนี่ล่ะรู้มากที่สุด” เจ้าชิดเล่าให้ลุงตู่และเพื่อนๆฟังถึงปัญหาคาใจที่มันอยากรู้มาพักใหญ่  



    เจ้ากบเลยออกความเห็นมาบ้าง เสียงดังฟังชัด



    “เอ็งฟังข้า ข้าว่าปลาพวกนี้มันน่าจะอยู่ในประเทศไทยนี่ล่ะ เพราะชื่อมันก็ออกไทย ถ้าให้ข้าพิเคราะห์ดู ปลาสอดก็น่าจะมาจากแม่สอด เอ็งว่างั้นมั้ย  ส่วนปลาหางนกยูงนี่ก็คงเป็นปลาพวกที่ว่ายฟ่องในน้ำคลองนู่น” เจ้ากบชี้น้ำให้ดูปลาหางนกยูงรุ่นไม่มีสีที่ว่ายในคลองกันเป็นฝูงๆ



    “จากนั้น คนอย่างลุงตู่เรานี่ล่ะ ที่จับมาฟักรุ่นต่อรุ่นอย่างปลากัดนั่นปะไร” เจ้ากบพูดทำท่าภาคภูมิ



    “แล้วปลาเทวดาล่ะเอ็ง” เจ้าช้างถาม เริ่มเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของเจ้ากบ



    “ปลาเทวดาก้อมาจากนครสวรรค์”



    “ทำไมวะ?” ลุงตู่ถามห้วน ๆ  เพราะรู้ว่ามันมั่วเต็มที



    “แหมลุง ก็นครสวรรค์ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเมืองสวรรค์  ก็ต้องมีเทวดาอยู่ พอเทวดาเลี้ยงปลา ๆ ก็ต้องชื่อปลาเทวดา เลี้ยงไปเลี้ยงมาก็เบื่อโยนทิ้งลงมาโลกเรา”



    “เดี๋ยวปั๊ด! ถ่อว้อย พวกเอ็งนี่มันมะกอกสามตะกร้าสิ้นดี” ลุงตู่ยกมือทำท่าจะเขกกะโหลกเจ้ากบ มันรีบเอามือป้องหลับตาปี๋ เจ้าหนุ่มอีกสองหน่อหัวร่อร่าชอบใจ



    “อ้าวนั่น เจ้ายอดมานู่นแล้ว” เจ้าช้างชี้มือ ทุกคนชะเง้อมองตาม เห็นเจ้ายอดแต่งตัวเฟี้ยวด้วยเพิ่งกลับมาจากบางกอก เดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล มือหิ้วถุงมาสองสามใบ พอมาถึงใต้ร่มกระถินก็กรากเข้ามาหาลุงตู่



    “หวัดดีลุง”เจ้าหนุ่มลูกทุ่งหัวหยิกยกมือขึ้นไหว้ชายชรา



    “เออ ไหว้พ่อมืง ไปไงมาไงกันวะ แต่งตัวยังกะพระเอกยี่เก”



    “แหม” เจ้ายอดทำเสียงยานคาง “ลุงก้อ คนเขาเข้าไปบ้านเมืองเจริญก็ต้องแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ ผ้าขาวม้าคาดพุงอย่างลุงหรือขาก๊วยอย่างพวกอ้ายเหล่านี้ เขาเป็นได้หัวเราะเยาะใส่ปะไร” เจ้ายอดคุยข่ม



    เจ้ากบสะกิดเอวเจ้ายอดเบา ๆ



    “เฮ้ย เอ็งหิ้วตัวอะไรมาวะ เอามาดูกันหน่อยสิ”



    เจ้ายอดทำตาโต



    “เกือบลืม ลุง พอดีข้าผ่านร้านขายปลาในบางกอก โอ้โฮ ใหญ่เบ้อเริ่มเฮิ่ม ใหญ่กว่าร้านลุงตั้งไม่รู้กี่สิบเท่า” เจ้ายอดกางไม่กางมือ บรรยายความเลิศหรูของร้านขายปลาในเมืองใหญ่ให้พรรคพวกฟัง ลุงตู่กัดฟันกรอด ๆ



    “ตู้เป็นกระจกใส๊ใส ปลานะ..เพียบ  เรียกว่านับกันไม่ถูกเลย อย่างของลุงนี่นะ” มันหันไปทางตู้ของลุงตู่บนชั้นรถเข็นแล้วทำท่าชี้นิ้วนับ



    “หนึ่ง สอง สาม สี่..แล้วก็..ห้าใบ  แต่ที่นู่น เป็นร้อย โอ้ย!..” เจ้ายอดร้องเสียงหลง ทันทีที่เกิดเสียงป้าบอันมาจากฝ่าเท้าลุงตู่กระทบเข้ากับก้นของมันเต็มรัก



    “อูยย..อะไรกันลุง!” เจ้ายอดโวยวาย มือเช็ดน้ำตาป้อย



    “เอ็งไม่ต้องมาเทียบร้านข้ากับร้านในบางกอก ข้ามันคนจนทำได้ก็เท่านี้ มันดีนักเอ็งก็ไม่ต้องมาร้านข้าซีวะ” ลุงตู่ฉุน เอ็ดเจ้ายอดจนคอย่น  เจ้ายอดรู้ตัวว่าผิดไปเลยยกมือไหว้ขมาท่วมหัว



    “โทษทีลุง ข้ามัวทึ่งร้านในเมืองนั่นอยู่น่ะ เออแน่ะ..” มันเปลี่ยนหน้ามายิ้มเผล่ ยกนิ้วชี้กระดกขึ้นลง



    “ข้ามีของมาฝากลุงด้วยล่ะ เหะ ๆ”



    “อะไรวะ หลานรัก”



    “ฮั่นแน่!” สี่เสียงร้องขึ้นมาพร้อมกัน ตามด้วยเสียงฮา



    “ทีงี้เรียกหลานเลยนะลุง” เจ้าช้างแซว ลุงตู่ไม่สนใจ ตาจับจ้องของในถุงที่เจ้ายอดค่อยๆดึงออกมา



    มันเป็นถุงพลาสติกใส ภายในใส่น้ำไว้เกือบครึ่งมีปลาสีสวยว่ายในน้ำนั่นสี่ห้าตัว ถุงโป่งตึงด้วยออกซิเจนที่ร้านในกรุงเทพฯอัดไว้เต็มสำหรับการเดินทางที่ยาวนานหลาย ๆ ชั่วโมง  ถ้าเป็นร้านลุงตู่ ใครมาซื้อปลา แกก็ให้เอาใส่ขันไป



    “โอ้โห แม่เจ้าโว้ย!  ปลาอะไรวะนั่น” ทุกคนฮือฮานั่งไม่ติดเก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ  ลุกมามุงดูปลาที่อยู่ในถุง เจ้ายอดง่วนกับการหยิบถุงใบอื่น ๆ ออกมาอีกสองถุง เอามาวางบนชั้นให้ลุงตู่กับเพื่อน ๆ ดูกัน



    “นี่เขาเรียกว่าปลาหมอ” เจ้ายอดพูดยิ้ม ๆ



    “อ้ายโกหก! ปลาหมอมันอย่างนี้ที่ไหน ใครก็รู้” เจ้าช้างเจ้าชิดแย้งขึ้นพร้อมกัน เจ้ายอดรีบโบกมือ



    “ฟังก่อน สหายรัก ปลาหมอที่เราเห็นมาตั้งแต่พวกเราเกิดจนลุงตู่ใกล้จะตายเนี่ยน่ะ มันคนละตัวกัน”



    “อ้อ” ทุกคนลากเสียงยาวพร้อมกัน เจ้ายอดอธิบายต่อ



    “พวกนี้คือปลาหมอสี เป็นปลาที่พวกกรุงเทพฯบางกอกเขาเล่นกัน เอาพันธุ์มาจากต่างประเทศทางอัฟริกาโน่น บางชนิดก็มาจากอเมริกาใต้ เห็นเขาว่าปลาเทวดาก็เป็นปลาหมอสีที่ในอเมริกาใต้ด้วยล่ะ”



    “อือม์ อย่างงั้นเองเรอะ ข้าหลงคิดว่ามันเป็นปลาเขมรมาตั้งนานนม” ลุงตู่พยักหน้า พอใจที่ได้ความรู้ใหม่ ๆ  ส่วนเจ้าช้าง เจ้าชิด เจ้ากบไม่ค่อยได้สนใจฟังมากนัก เอาแต่รุมจ้องปลาในถุงกันอย่างตื่นเต้นตามประสาคนไม่เคยเห็น



    ลุงตู่ยกถุงขึ้นพิจารณาดูปลา แล้วถามโดยไม่หันมามอง



    “มันชื่อปลาอะไรรึวะ ยอด?”



    “ข้าก็จำไม่ได้ ลุง” เจ้ายอดเกาหัวแล้วทำท่านึกได้ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบเอาเศษกระดาษยับ ๆ ขึ้นมาคลี่ดู



    “นี่..ทางร้านเขาจดมา ถุงนี้...” เจ้ายอดชี้ไปที่ถุงมีปลาสีส้มๆแดงๆ “พวกนี้ชื่อซีบร้าเรด” เจ้ายอดอ่านช้าๆกลัวผิด



    “อ๊ะ ซีบ้าก็บ้าละซีเอ็ง” ลุงตู่ทำท่างงกับชื่อแปลก ๆ ที่เพิ่งเคยได้ยิน อากัปกิริยาเดียวกันกับเจ้าหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังตั้งใจฟัง



    “ม่ายช่ายลุง มันเป็นภาษาปะกิต” มันอธิบาย “ส่วนถุงนี้ชื่อมาลาวีแดง ถุงนี้มาลาวีเหลือง”



    “มารวี..ชื่อยังกะลิเกเลยฮิ” เจ้าชิดครางเบา ๆ



    “เออว่ะ ข้าก็ว่างั้น” เจ้ายอดยอมรับ “บางทีเขาก็จะเรียกกันว่าพีค็อก”



    “มืงน่ะสิ ไอ้ค่อก!” ลุงตู่หันขวับ นึกว่าโดนเจ้ายอดเล่นแปะเจี๊ยะฟรี ๆ



    เจ้ายอดคอย่น “ลุง! พีค็อก ไม่ใช่ไอ้ค่อก บ๊ะแล้ว !  พีค็อกเป็นภาษาปะกิต แปลว่านกแร้ง”



    เจ้าชิดเอามือตบไหล่ “เล่าต่อเหอะ อย่าพยายามแปลเลย ข้าว่ามันมั่ว ๆ ชอบกล ปลาสีออกสวยดันตั้งชื่อเป็นแร้งเป็นกา”



    เจ้ายอดทำหน้าแหย ไม่กล้าพูดต่อ



    ลุงตู่จ้องปลาตาไม่กระพริบ“แพงมั๊ยวะ ยอดเอ้ย”



    “ก็ไม่แพงหรอกลุง ซีบร้าเรดตัวละสิบห้าบาท มาลาวีแดงแพงหน่อย ห้าสิบบาท ส่วนเหลืองสี่สิบห้าบาท” ยอดยิ้มอย่างภูมิใจ



    “เนี่ยนะมืงว่าใม่แพง” ลุงตู่ค้อนขวับ “ปลาลุงอย่างเก่งก็ตัวละสิบบาท ตังเหลือกินก๋วยเตี๋ยวอิ่มแปล้”



    “แหมลุง ปลาแปลก ๆ ราคางี้ก็ปกติอยู่หรอก” เจ้าช้างออกความเห็น “หรือไงวะยอด?”



    เจ้ายอดอึกอัก ๆ



    “ก็ ก็แพงเอาการอยู่ แต่ด้วยความที่อยากได้ถึงยอมจ่าย ก็เพราะคิดถึงลุงนี่แหละ”



    “ให้ได้อย่างนี้สิหลานรัก” ลุงตู่ยิ้มแป้นชื่นอกชื่นใจ



    “ลุงเอาไปเลี้ยง ถ้าเพาะได้ข้าขอไปเลี้ยงบ้าง แบ่งอ้ายพวกนี้มันบ้างนะลุง” มันทำใจป้ำ ให้ปลาลุงตู่ด้วยใจไม่คิดอะไร คิดเป็นลุงหลานกันไปแล้ว เกิดมาก็เห็นลุงตู่ยืนขายปลาอยู่ตรงนี้ เป็นภาพประทับใจในหัว



    “ขอบใจหลานเอ้ย..” ลุงตู่เสียงเครือ ซึ้งใจเจ้ายอดมันนัก หลานแท้ก็ไม่ใช่ มาทีไรก็อุดหนุนแกบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งไป แล้วนี่มันยังมีกะใจให้ปลาแพง ปลาที่แกเกิดมาก็เพิ่งได้เห็น



    “ข้าจะเร่งวันเพาะมันให้ได้โดยเร็ว จะได้เอาไปแบ่งกันเลี้ยงให้สนุก ขอให้จำเริญ ๆ เถิดพ่อคุณ”



    “สา..ธุ” เสียงเจ้าช้าง เจ้าชิดและเจ้ากบร้องพร้อมกัน ลุงตู่ค้อนเสียสองขวับ



    “ไม่ต้องเลยพวกเอ็ง ไปไหนมาไหนไม่เคยหาของมาฝากข้า สู้หลานรักของข้าไม่ได้เลย เชอะ!” ว่าเสร็จก็หันไปยิ้มหวานแล้วโอบไหล่เจ้ายอด ทำเอาเจ้าสามหนุ่มหน้าเบ้ไปตามกัน



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×