ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกการศึกษาและตามหาพลัง kinesis

    ลำดับตอนที่ #7 : องค์ความรู้ที่สอง:ระบบประสาท intro

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 57


    หลังจากที่รู้ว่า ร่างกายกำเนิดไฟฟ้ามาจากสมอง และหัวใจ แต่จากที่พิจารณาดูแล้ว ไฟฟ้าที่เกิดจากหัวใจ เราไม่ควรจะไปยุ่งจะดีกว่า เพราะถ้าไฟฟ้าหัวใจเกิดผิดปกติ จะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ดังนั้น ผมจึงศึกษาคลื่นไฟฟ้าสมอง น่าจะดีกว่า
    ระบบประสาท ทั้งหมดจะแบ่งออกได้ไหญ่ๆ เป็น 
    1 ระบบประสาทกลาง หรือ ซีเอ็นเอส (central nervous system) ประกอบด้วยสมอง (brain) และไขสันหลัง(spinal cord) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมพฤติกรรม 
     
    2 ระบบประสาทนอกส่วนกลาง หรือ พีเอ็นเอส (peripheral nervous system) ประกอบด้วยเซลล์ประสาททั้งหมดที่อยู่นอกระบบประสาทกลาง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 
    2.1ระบบประสาทกาย (somatic nervous system) ประกอบด้วยเซลล์ประสาทนำเข้า (afferent neuron) ที่ส่งข้อมูลการรับความรู้สึกจากอวัยวะรับความรู้สึกมายังสมองและไขสันหลัง และเซลล์ประสาทนำออกที่ขนส่งข้อมูลสั่งการออกไปยังกล้ามเนื้อหรืออวัยวะที่ตอบสนองอื่นๆ 
    2.2ระบบประสาทอิสระ หรือ เอเอ็นเอส (autonomic nervous system) แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ระบบประสาทซิมพาเทติก (sympathetic nervous system) ซึ่งเป็นชุดของเส้นประสาทที่กระตุ้นการตอบสนองแบบ สู้หรือหนี ("fight-or-flight" response) ส่วนระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasympathetic nervous system) ตรงกันข้ามกันคือเตรียมความพร้อมร่างกายให้พักผ่อนและเก็บพลังงานเอาไว้
     
    แต่ก่อนที่จะศึกษาระบบประสาท เราต้องรู้จักเซลล์ประสาทก่อน ชื่อว่านิวรอนและแต่ละเซลจะเชื่อมกันด้วย Axon โดย Axon จะเป็นตัวนำ กระแสประสาท ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด  และจะมี dendrite ทำหน้าที่รับกระแสประสาทหนึ่งเซลล์จะมีได้ 1 Axon แต่มี dendrite ได้หลายอัน   ทั้งสองอันนี้เรียกว่าใยประสาทเซลประสาทแบบออกโดยใช้ขั้วเป็นเกนฑ์ได้ เป็นเซลล์ประสาทขั้วเดียว สองขัว และหลายขั้วแบบออกโดยใช้หน้าที่ ได้ sensory neuron(รับความรู้สึก), motor neuron(สั่งการ) และinter neuron(ประสานงาน)
     
    การทำงานของเซลประสาท
    กระแสประสาทจะเคลื่อนได้ด้วยไฟฟ้าเคมีไปตามใยประสาท
    เซลล์ประสาทในภาวะปกติ
    Na+ อยู่ภายนอกมากกว่าภายใน
    K+ อยู่ภายในมากกว่าภายนอก
    Cl- เข้าออกได้อิสระ
    Protein, Nucleic มีขนาดโมเลกุลใหญ่อยู่ภายใน cell
    ใยประสาทได้รับการกระตุ้น
    ผนังเซลล์ประสาทเสียคุณสมบัติชั่วคราว คือ ยอมให้ Na+ เข้าภายในเซลล์ ผลที่ตามมาคือ K+ออกนอกเซลล์ ทำ ให้มีการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทส่งต่อไปยังสมองเพื่อให้เซลล์ประสาทกลับคืนสภาพเดิม จึงต้องมี Sodium potassium (-K pump) ซึ่งใช้พลังงานจากการสลายโมเลกุลของ ATPภายในผิวของเซลล์ประสาท
     
    การถ่ายทอดกระแสประสาท
    ในการส่งกระแสประสาทจาก Axon ของเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งต้องผ่าน Synapse โดยปลาย axon จะหลั่งสารเคมีพวก Neurohormone (สารสื่อประสาท) เพื่อพากระแสประสาทให้ข้ามไปได้Neurohormone เช่น acetylcholine สลายตัวเร็วมาก เพื่อไม่ให้ซึมเข้าเซลล์หรือเส้นเลือด โดยEnzyme ชื่อ acetylcholinesterase
     
    การเคลื่อนที่ของกระแสประสาท
    กระแสประสาทจะไม่เกิดขึ้นถ้ากระตุ้นด้วยความแรงน้อยเกินกว่าระดับหนึ่ง ถ้ากระตุ้นด้วยความแรงมากก็ไม่ทำ ให้กระแสประสาทเคลื่อนที่เร็วขึ้น กระแสประสาทเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม เพราะว่าการเคลื่อนที่ของกระแสประสาทใช้พลังงานภายในเซลล์ความเร็วของกระแสประสาทในใยประสาทขึ้นอยู่กับ
    1. เยื่อไมอีลิน ถ้ามีจะเคลื่อนที่เร็วกว่าเซลล์ประสาทที่ไม่มีเยื่อไมอีลิน
    2. Node of Ranvier ถ้าห่างมากกระแสประสาทจะเคลื่อนที่เร็ว
    3. เส้นผ่านศูนย์กลาง ถ้ามีขนาดใหญ่จะเคลื่อนที่เร็ว
     
    ศูนย์กลางของระบบประสาท
    Neural tube เป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นหลอดยาวไปตามแนวสันหลังในระยะ embryo ส่วนหน้าเจริญไปเป็นสมอง ส่วนหลังเจริญไปเป็นไขสันหลัง ทั้งสมองและไขสันหลังมีเยื่อหุ้ม 3 ชั้น คือ
    ชั้นนอก เป็นเยื่อหนา เหนียว และแข็งแรง
    ชั้นกลาง เป็นเยื่อบาง ๆ
    ชั้นใน เป็นชั้นที่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง เพื่อนำ อาหารและออกซิเจนมาให้สมองและไขสันหลังระหว่างเยื่อหุ้มสมองชั้นกลางและชั้นในมีช่องค่อนข้างใหญ่เป็นที่อยู่ของนํ้าไขสันหลังซึ่งมีหน้าที่ดังนี้
    1. หล่อเลี้ยงสมอง และไขสันหลังให้ชื่นอยู่เสมอ
    2. นำ ออกซิเจนและอาหารมาเลี้ยงเซลล์ประสาท
    3. นำ ของเสียออกจากเซลล์
    สมอง (brain) เป็นอวัยวะที่สำ คัญและซับซ้อนที่สุดของระบบประสาท และมีขนาดใหญ่กว่าส่วนอื่น ๆ มีคลื่นหรือรอยหยัก (convolution) มาก เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการคิดและการจำ สมองแบ่งเป็น 2 ชั้น คือ
    ชั้นนอก มีเนื้อสีเทา เป็นที่รวมของตัวเซลล์ประสาทและ axon ชนิด non-myelin sheath
    ชั้นใน มีสีขาวเป็นสารพวกไขมัน ตัวเซลล์ประสาทมี myelin sheathe หุ้ม
    สมองของคนแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
    สมองส่วนหน้า (forebrain)
    สมองส่วนกลาง (midbrain)
    สมองส่วนท้าย (hindbrain)
     
    สมองส่วนหน้า (froebrain) ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
    1. เซรีบรัม (cerebrum) เป็นสมองส่วนหน้าสุด ใหญ่ที่สุด และเจริญมากที่สุด มีหน้าที่เก็บข้อมูลสิ่งต่าง ๆ มีความจำ ความคิด เป็นศูนย์รับความรู้สึก มองเห็น ได้ยิน กลิ่น รส สัมผัส เจ็บ-ปวด ร้อน-เย็นและควบคุมการทำ งานของกล้ามเนื้อ
    2. ทาลามัส (thalamus) ทำ หน้าที่เป็นศูนย์รวมกระแสประสาทที่ผ่านเข้ามา แล้วแยกกระแสประสาทส่งไปยังสมองที่เกี่ยวข้องกับกระแสประสาทนั้น ๆ เป็นสถานีถ่ายทอดกระแสประสาทจากหู ตา ไปยังเซรีบรัม และรับข้อมูลจากเซรีบรัมส่งไปยังเซรีเบลลัมและเมดัลลาออบลองกาตา
    3. ไฮโพทาลามัส (hypothalamus) เป็นส่วนล่างสุด เป็นรูปกรวยยื่นไปข้างล่าง ปลายสุดเป็นต่อมใต้สมอง เซลล์ประสาทสมองบริเวณนี้สร้างฮอร์โมนประสาทหลายชนิดไปควบคุมการสร้างฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง มีหน้าที่ควบคุมกระบวนการพฤติกรรมของร่างกาย เช่น อุณหภูมิ ความดันเลือดอารมณ์ ความรู้สึกทางเพศ ความสมดุลของนํ้าในร่างกาย ความกลัว ควบคุม metabolism การเต้นของหัวใจ ความโศกเศร้า ดีใจ ไฮโพทาลามัส เป็นส่วนที่เชื่อมระหว่างระบบประสาทกับระบบต่อมไร้ท่อ
     
    สมองส่วนกลาง (midbrain) มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของนัยน์ตา ทำ ให้ลูกตากลอกไปมาได้ ควบคุมการปิดเปิดของม่านตาในเวลาที่มีแสงสว่างเข้ามามากหรือน้อย
     
    สมองส่วนท้าย (hindbrain) อยู่ถัดจากสมองส่วนกลางและติดต่อกับไขสันหลัง แบ่งเป็นสองส่วน
    1. เซรีเบลลัม (cerebellum) เป็นสมองส่วนที่ควบคุมการทรงตัวและควบคุมการเคลื่อนไหวของ
    กล้ามเนื้อลายสัตว์ที่เคลื่อนที่ 3 มิติ มีสมองส่วนนี้เจริญดี
    2. เมดัลลาออบลองกาตา (medulla oblongata) เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลังมีรูปร่างคล้ายไขสันหลัง เป็นทางผ่านของกระแสประสาทระหว่างสมองกับไขสันหลัง มีหน้าที่ควบคุมอวัยวะภายในและควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ สัตว์ชนิดใดมีอัตราระหว่างนํ้าหนักสมองต่อนํ้าหนักตัวมากจะฉลาดเรียนรู้ได้ดี
    ก้านสมอง (brain stem) ประกอบด้วย
    1. Midbrain
    2. Pons ในคนอยู่ด้านหน้าของเซรีเบลลัมติดต่อกับสมองส่วนกลาง ส่วนทางด้านท้องของเซรีเบลลัมมีหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับการเคี้ยวอาหาร การหลั่งนํ้าลาย การเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า และควบคุมการหายใน
    3. Medulla oblongata
     
    ไขสันหลัง (spinal cord) เป็นเนื้อเยื่อประสาทที่มี synapse มากที่สุด
    หน้าที่ของไขสันหลัง
    - ศูนย์เชื่อมระหว่าง receptor (หน่วยรับความรู้สึก) และ effector (หน่วยปฏิบัติงาน)
    - ทางผ่านระหว่าง nerve impulse ระหว่างไขสันหลังกับสมอง
    - ศูนย์กลางการเคลื่อนไหว (simple reflex) ที่ตอบสนองการสัมผัสทางผิวหนัง
     
    เส้นประสาทสมอง
    สัตว์ต่างชนิดกันมีเส้นประสาทสมองไม่เท่ากัน เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านม นก และสัตว์เลื้อยคลานมี 12 คู่ ปลาและสัตว์ครึ่งนํ้าครึ่งบกมี 10 คู่
     
    ระบบประสาทโซมาติก เป็นระบบประสาทที่ควบคุมการทำ งานของกล้ามเนื้อลาย โดยเซลล์ประสาทรับความรู้สึกจะรับกระแสประสามจากหน่วยรับความรู้สึกผ่านเส้นประสาทไขสันหลังหรือเส้นประสาทสมองเข้าสู่ไขสันหลังหรือสมอง และกระแสประสาทนำ คำ สั่งจากสมองจะถูกส่งผ่านเส้นประสาทสมองหรือเส้นประสาทไขสันหลังไปยังหน่วยปฏิบัติงานซึ่งเป็นกล้ามเนื้อลายซึ่งบางครั้งอาจทำ งานได้โดยรับคำ สั่งจากไขสันหลังเท่านั้น เช่น การกระตุกขาเมื่อถูกเคาะที่หัวเข่า
     
    Reflex action หมายถึง การทำ งานของหน่วยปฏิบัติงานของระบบประสาทส่วนกลางที่เกิดทันทีโดยมิได้มีการเตรียมล่วงหน้า
    Reflex arc เป็นวงการทำ งานของระบบประสาท ซึ่งจะทำ หน้าที่อย่างสมบูรณ์ได้ต้องประกอบด้วยประสาท 5 ส่วน คือ Receptor->Sensory->nerve->association nerve->motor nerve effector หรืออย่างน้อยที่สุดต้องประกอบด้วยประสาท 2 ส่วน คือ sensory nerve กับ motor nerve
     
    Voluntary nervous system เป็นระบบประสาทที่ทำ งานภายใต้อำ นาจของจิตใจ
    Involuntary nervous system เป็นระบบประสาทที่ทำ งานนอกอำ นาจจิตใจ
     
    ระบบประสาทอัตโนมัติ เป็นระบบประสาทที่ควบคุมการทำ งานของกล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อ
    หัวใจ และต่อมต่าง ๆ เพื่อปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายใน ประกอบด้วย
    1. Sympathetic nervous system เป็นประสาทที่อยู่บริเวณไขสันหลัง จนถึงกระเบนเหน็บ
    2. Parasympathetic nervous system เป็นประสาทที่อยู่เหนือไขสันหลังและตํ่ากว่ากระเบนเหน็บ
     
    จากที่ศึกษามาทั้งหมด พบว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สามารถต่อยอดนำไปสู่พลัง kinesis ได้ น่าจะมาจาก ไฟฟ้าเคมีในการส่งกระแสประสาท และ เราต้องทำให้มีการส่ง ประแสประสาทที่ใว และมากพอที่จะทำให้สามารถเหนี่ยวนำวัตถุให้เกิดประจุได้ และ เส้นประสาทที่เราควรจะใช้งาน ควรจะเป็น ประสาทรับความรู้สึกผิวหนัง และรับสัมผัส เพราะมีมากที่สุด อยู่ทั่วร่างกาย และอยู่ไกล้ผิวหนังที่สุด ผมพอจะสรุปได้ว่า สิ่งที่ควรจะศึกษาต่อ ต้องเป็นเรื่อง ไฟฟ้าเคมี การทำงานของกระแสประสาทอย่างละเอียด และการเพิ่มความสามารถของเซลล์ประสาทดังนี้
    1. หาวิธีสร้างสร้างเยื่อไมอีลินให้เซลล์ประสาท 
    2. หาวิธีทำให้ Node of Ranvier ถ้าห่างกันมากขึ้น
    3. หาวิธีเพิ่มเส้นผ่านศูนย์กลางของ ใยประสาท
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×