ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Executioner

    ลำดับตอนที่ #1 : หัตถ์แห่งมัจจุราช

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 57


    เพื่อที่จะ งงกับเนื้อเรื่อง น้อยที่สุด กรุณา ทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ก่อนนะครับ 
    1 แผนที่ทหารครับ เค้าจะแบ่งพิกัดเป็นตารางครับ  ส่วนไหญ่ เค้าจะทำแต่ละช่อง ให้มีพื้นที่ กว่างยาว 100 เมตรครับ ตัวอย่างแผนที่นะครับ วิธีอ่าน จะอ่านตัวเลขต่อกันเลยนะครับ โดยจะอ่าน พิกัดแนวตั้งก่อนแล้วต่อด้วยแนวนอน



    2 ปืน M40A3  และ กระสุนครับ 


    -------------------------------------------------------------------------------------------------


    คุณเชื่อในพระเจ้ารึปล่าว..........คุณเชื่อในสิ่งศักสิทธิ์ที่คอยคุ้มครองเรารึปล่าว
    ............คุณเชื่อว่าคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้รึปล่าว 

     
              ผมไม่เชื่อในพระเจ้า ผมไม่เชื่อในสิ่งศักสิทธิ์ ถ้าพระเจ้าหรือสิ่งศักสิทธิ์มีจริง ในตอนนี้ต้องเกิดเรื่องบางอย่างเพื่อ ไม่ให้ผมทำงานของผมให้เสร็จลุล่วงแน่นอน
     
                     ตอนนี้ผมอยู่บนภูเขาที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 300 เมตรและจากภูเขาห่างจากตัวเมืองประมาณ 300 เมตร เมืองนั้นเป็นเมืองเล็กๆ ในชนบท

                    ผังเมืองมีรูปแบบคล้ายๆสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่หันด้านยาวเข้าหาตัวภูเขา จากที่ผมไปเดินสำรวจและวัดความยาวและความกว้างของตัวเมือง และสถานที่สำคัญที่จะใช้สำหรับเป็นจุดสังเกตุต่างๆ และวาดแผนผังลงบทกระดาษขนาดไหญ่สำหรับใช้วาดแผนที่อย่างละเอียด ได้ว่า ตัวเมืองยาวประมาณ หนึ่ง กิโลเมตร กว้าง 600 เมตร  

                        ทำเป็นพิกัดกริด กริดละ 100 เมตร ได้ช่องแนวนอนของตัวเมืองสิบช่องจากซ้ายไปขวา 01 ถึง 10 และแนวตั้งได้ สิบเอ็ดช่อง เพราะต้องเขียนแผนที่รวมถึงที่ที่ผมอยู่ ณ ปัจจุบันด้วยเพิ่มอีก 500 เมตร  จากบนลงล่าง 01 ถึง 11  ต่อไปก็ กำหนดจุดของสถานที่สำคัญเพื่อใช้เป็นจุดสังเกตุ มีโบถ อยู่ที่พิกัด 0305 โรงเรียน พิกัด 0404 สถานีตำรวจ พิกัด 0505 ส่วนตัวผมอยู่ที่พิกัด 0510 เขียนแผนที่เสร็จแล้ว

        (แผนที่ตารางพอคร่าวๆ เผื่อใครนึกภาพไม่ออกนะครับ)



                       ต่อจากนี้ ก็แค่รอ จนกว่า คนที่ผมรอจะมาถึงที่นี่ จากข้อมูลที่ได้มา เค้าจะมาถึง ในวันพรุ่งนี้ เพื่อมาเที่ยวกับครอบครัว และทำธุระอะไรซักอย่างที่สถานีตำรวจ ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว เพื่อให้มีแสงสว่างและเพื่อกันยุง ผมจึงต้องก่อกองไฟ พอก่อกองไฟเสร็จแล้ว ผมมุดเข้าไปในเต้น หยิบ แฟ้มเอกสาร ออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับเก้าอี้พับออกมากางข้างๆกองไฟพร้อม เปิดเอกสารประวัติ ขึ้นมาอ่าน ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าเค้าคนนี้จะเป็นใคร ชื่ออะไรมาจากที่ไหน

            ที่ผมตั้งใจจะดูคือ รูปถ่าย และส่วนสูงเท่านั้น สูง 175 เซนติเมตร จากประวัติอ่านพอผ่านๆ ได้ความระมาณว่า เป็นนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งสำคัญซักอย่าง รายละเอียดอื่นๆ อ่านไปก็ปวดหัว คิดได้ดังนนี้แล้ว ผมจึงโยน แฟ้มเอกสารนั้นเข้ากองไฟ ใช้เป็นเชื่อไฟซะเลย พร้อมกับเป็นการทำลายหลักฐานไปในตัวด้วย 

     
             ผมนั่งดูดาวอยู่นาน จำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ก็คิดได้ว่า คงต้องนอนแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพรุ่งนี้.....
     
                  รุ่งเช้า หลังจากตื้นขึ้นมาก่อนฟ้าสางเอาน้ำเทไส่กองไฟ และขุดหลุมเพื่อเอาเศษฟืนเศษขี้เถ้าฝังกลบ แล้วเอาเศษใบไม้ปิดอำพรางใว้ เก็บเต้นที่นอน เข้ากระเป๋า แล้ว เอาอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานออกมา มีตาข่ายสำหรับพรางตัวที่ผมแต่งเติมด้วยใบไม้เศษหญ้าในท้องถิ่น

          ....เอ๊ะ เหมือนผมจะลืมอะไรไป !!! โถ่เอ้ย เมื่อคืนดันลืมขุดหลุมเพื่อใช้นอน โชคดีที่ตื่นมาแต่เช้า ผมรีบขุดหลุมไม่ลึกนัก สำหรับให้ตัวผมนอนลงได้พอดี และ แผนหลังของผมเรียบเสมอกับริมขอบหลุม และอีกหลุม ที่ลึกพอจะเก็บสัมภาระทั้งหมดของผมลงไป จากนั้น ผมก็เตรียมการกับอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานต่อ

       ผมทำการประกอบ ปืน M40A3 คู่ใจของผม ไส่แมกกาซีน กระสุนขนาด 7.62x51 mm NATO จำนวนห้านัด และเก็บแมกสำรองใว้กับตัวอีกสามแมกเผื่อกรณีฉุกเฉินกับอาหารพร้อมรับประทาน สำหรับสามวันใว้กับตัว จัดการวางขาทราย ตัววัดลม และเตรียมปืนเรียบร้อยแล้ว
                     ก็เอาสัมภาระที่เหลือ ทิ้งลงหลุม ใช้ตาข่ายพรางที่ผมแต่งเติมคลุมลงไป แล้วก็พาตัวเองลงมานอนเอาปืนประทับบ่าคลุมตาข่ายพราง ส่องผ่านสโคปปืนของผมไปที่ สถานีตำรวจ เพื่อรอเป้าหมาย จากแผนที่ ที่ที่ผมอยู่ตอนนี้ กับสถานีตำรวจ ห่างกัน ประมาณ 400 เมตร แต่ตอนนี้ ผมอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 300 เมตร และเมืองนี้อยู่ติดทะเล ดังนั้นผมจึงสามารถสรุปให้ระดับความสูงของตัวเมืองเท่ากับระดับน้ำทะเล ระยะจริงๆจากที่ผมอยู่ ไปถึงสถานีตำรวจ จากทฤษฏีบทสามเหลียมมุมฉากของพิทาโกรัส สมมุติให้ระยะจริง เป็น X จะได้ Xกำลังสอง เท่ากับ (300 x 300)+(400 x 400) เท่ากับ 250,000 หาสแควรูด แล้วได้ 500 
    ดังนั้น ระยะจริงๆ จากที่ผมอยู่ปัจจุบัน กับสถานีตำรวจ คือ 500 เมตร ก็ต้อง ปรับศูนย์เล็งปืนไปที่ 500 เมตร เตรียมการพื้นฐานเสร็จแล้ว ก็เหลือแค่รอ จนกว่า เป้าหมายจะมาที่สถานีตำรวจ
     
    ......................ห้าชัวโมงต่อมา......................
     
               ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผมเห็นรถหรูคันหนึ่ง มาจอดไกล้ๆสถานีตำรวจ น่าจะใช่แน่ๆ ประตูฝั่งคนขับเปิดออก ผมรีบตรวจดูใบหน้าว่าตรงกับในรูปหรือไม่ และก็ใช่จริงๆด้วย ตรงกับในรูป ยืนยันเป้าหมายแล้ว ผมเชคค่าจากอุปกรณ์วัดความเร็วลม เนื่องจากอยู่ติดทะเล ลมจึงค่อนข้างแรง ผมวัดได้ว่า ลมพัดจากซ้ายไปขวา ความเร็ว 15 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าความเร็วระดับนี้ กับกระสุน  7.62x51 mm NATO น้ำหนัก 11 กรัม จะทำให้ กระสุน เบนออกจากจุดตกกระทบไปทางขวา ประมาณ 33.3 นิ้ว และ กระสุน 7.62x51 mm NATO น้ำหนัก 11 กรัม จะมีความเร็ว 790 เมตรต่อวินาที คำนวนแล้ว กระสุนจะใช้เวลาประมาณ 0.625 วินาทีเพื่อเดินทางสู่เป้าหมาย ตอนนี้ เป้าหมายกำลังเดินไปทางซ้าย ผมต้องเล็งเป้าไปทางซ้ายของเป้าหมายเผื่อใว้สำหรับ 33.3 นิว และเผื่อใว้สำหรับ เป้าหมายที่เคลื่อนที่ไปทางซ้ายด้วย 

     
          คุณเชื่อในพระเจ้ารึปล่าว..........คุณเชื่อในสิ่งศักสิทธิ์ที่คอยคุ้มครองเรารึปล่าว...........
     
         ผมไม่เชื่อในพระเจ้า ผมไม่เชื่อในสิ่งศักสิทธิ์ ถ้าพระเจ้าหรือสิ่งศักสิทธิ์มีจริง ผมคิดว่า พระเจ้าต้องโหดร้ายแน่นอน เพราะตอนนี้ผมกำลังจะจบชีวิตมนุษย์คนนึง ณ ตอนนี้
     
    ...............ปัง!!!.......................เสียงปืนดังก้องภูเขาที่ผมอยู่
     
    หลังจากผมยิงประมาณครึ่งวินาที มีควันพุ่งจากกำแพงอาคารเกิดจากกระสุนกระทบกับอิฐที่ตัวอาคาร ผมยิงพลาด ในใจผมมีความคิดแว๊บนึงขึ้นมา ว่า บางทีพระเจ้าที่คอยปกป้องคนดีอาจจะมีจริงก็เป็นได้
     
                    แต่เป้าหมาย ยังไม่รู้ตัวว่าควันนั้น เกิดจากกระสุนปืน และยังเดินต่อไป เพราะ เสียงยังเดินทางไปไม่ถึง เสียง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 300 เมตรต่อวินาที น่าจะใช้เวลาประมาณ 1.5 วินาที ถึงจะเดินทางไปถึงที่นั่น จากตอนนี้ กระสุนเดินทางไปถึงแล้ว แสดงว่าผมเหลือเวลาอีก 0.875 วินาที เพื่อยิงซ้ำอีกนัดก่อนที่เป้าหมายจะรู้ตัว ผมรีบดึงคันรั้ง ......กริก..แครก.. กระสุนลูกไหม่เข้ารังเพลิง ผมเหนียวไกอีกครัง
     
    ...............ปัง!!!.......................เสียงปืนคำรามก้องภูเข้าอีกไปเป็นครั้งที่สอง 
     
                เมื่อกระสุนเข้ากระทบเป้าหมาย จึงก่อให้เกิด เป็นละอองสีแดง เหมือนกับฝุ่นสีแดงที่กระจายออกมา แต่มันไม่ใช่ฝุ่น มันคือเลือด สาดกระเซ็นไปติดกำแพงของตัวอาคาร ร่างของชายที่เป็นเป้าหมาย ล้มลงกับพื้นและไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนอีกเลย แล้วซักพัก ก็มีเด็กชายคนนึง วิ่งมาที่ศพ พร้อมผู้หญิง น่าจะประมาณ 30 ต้นๆ ฟุบนั่งลงกับพื้นร้องให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สองคนนี้เป็นลูกและภรรยาของชายคนนี้แน่นอน ผมรู้ว่าความเศร้าเป็นยังไง เสียใจเป็นยังไง แต่ผมไม่ใช่คนดีถึงขนาด รู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ ผมไม่เชื่อในพระเจ้า ไม่เชื่อนรก สวรรค์ ผมเชื่อเพียงสิ่งเดียว คือ มือสองข้างของผมเท่านั้น มันมีพลังที่กำหนดอนาคตของเราได้และสามารถกำหนดชีวิตคนอื่นได้ จะบอกว่า...........
                      มือของผมคือ หัตถ์แห่งมัจจุราช ก็ไม่ผิดซะทีเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×