ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    A Tranquilizer for your Christmas Eve : ยากล่อมใจในคืนฝัน

    ลำดับตอนที่ #4 : จิตติกับเหล่าหญิงสาวรอบตัว -1-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 832
      3
      23 ก.ค. 53

    ในชีวิตการทำงานกว่า 10 ปีของจิตติ ทัตตวาเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุด เธอไม่ได้หูหนวก สมรรถภาพของโสตประสาทอยู่ในระดับปกติ หากวัดจากผลการเรียนซึ่งเธออยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดในประเทศ  คำตอบของแบบทดสอบครั้งแรกพิสูจน์ให้เห็นว่าว่าเธออ่านเขียนได้คล่องถึงขนาด เธอได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานต่างจากเด็กบ้านแตกสาแหรกขาดคนอื่นๆ ไม่มีร่องรอยการทารุณกรรมบนร่างกาย ก็แค่ไม่ยอมปริปากเอ่ยคำใดๆออกมาเท่านั้น และถ้าอาการดังกล่าวไม่ได้มาจากภาวะทางกายภาพ ความผิดปกติทางการพูดนี้ต้องมาจากภาวะจิตเภทเท่านั้น

                    จิตติอ่านทบทวนรายงานสรุปของเขาอีกครั้ง คำถามมากมายแล่นพล่านอยู่ในหัวของเขาและทำให้ความต้องการคาเฟอีนมาเติมในกระแสเลือดพุ่งสูงขึ้น ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนกรณีศึกษานี้ให้เป็นสมการก็จะพบตัวแปรที่หาค่าไม่ได้ตัวใหญ่ยักษ์ติดค้างอยู่ ทัตตวาปฏิเสธที่จะพูด เธอนั้นปฏิเสธการพูดเพราะกลัวอะไรบางอย่าง หรือว่าเพราะพยายามเลียบแบบใครหรืออะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งก็ทำให้ย้อนกลับมาสู่กับดักของปัญหาว่า ใคร หรืออะไร และ... ทำไม

                    เขาควรรักษาผู้ป่วยที่ไม่ยอมบอกเล่าเรื่องราวใดๆ อย่างไร คนบ้าที่คิดว่าตัวเองเป็นปกติจะแสดงอาการด้วยการหลงผิดและพฤติกรรมแปลกแยก คนหูหนวกเป็นใบ้ยังพอบอกว่าตัวเองไม่สบายผ่านภาษามือได้ สัตว์จะแสดงออกว่าเจ็บโดยการร้องครวญครางหรือเห่าหอน แต่เด็กสาวคนนี้กลับไม่ยอมเอ่ยปากออกมาแม้สักคำ และถึงแม้ว่าเธอจะยอมเขียนคำตอบลงแบบทดสอบ จิตติก็ไม่แน่ใจว่าเธอจงใจจะสื่ออะไรจริงๆในใจจากคำตอบนั้น สีหน้า, แววตา, ท่าทาง ต่างก็ไร้จุดหมายและว่างเปล่าเหมือนเป็นเพียงร่างกายเลือดเนื้อที่ไร้วิญญาณสถิตอยู่ เขาประมวลความคิดรวบยอดเกี่ยวกับทัตตวาในตอนนี้ได้เพียงว่า เธอคือเด็กสาวที่จมอยู่กลางท้องทะเลแห่งภาวะผิดปกติทางจิตรุนแรง ปัจจัยพื้นฐานของโรคจิตเวชคือ การที่บุคคลไม่สามารถจับคู่ความปรารถนาที่แท้จริงของตนเข้ากับการกระทำได้ แต่กระนั้น ทัตตวาเธอปรารถนาสิ่งใดกัน หรือแม้แต่ว่า เธอมี “ความปรารถนา” หรือไม่?

    “แหม เวลาแบบนี้ยังมีกะใจจะทำงานอยู่นะคะ”

    หญิงสาวที่ทอดร่างเปลือยอยู่ข้างกายเขากระเซ้า ก็นางพยาบาลคนที่เอาของฝากจากบ้านเกิดมาให้จิตตินั่นเองเมื่อคืนจิตติขึ้นเวรค่ำพร้อมกับหญิงสาวเพียงสองคน เมื่อลงเวรแล้ว พวกเขาก็ออกไปหาอะไรทานก่อนที่จะดื่มเบียร์กันนิดหน่อย ขณะที่จิตติดวดเบียร์สิงห์ไปห้ากระป๋องและยังพูดจาได้เป็นปกติ พยาบาลสาวก็คอพับลงเพียงแค่ไม่หมดเบียร์กระป๋องที่สองดี เธอได้แต่พล่ามถึงชีวิตเปลี่ยวเหงาเดียวดายกลางเมืองหลวง หวังจะหาคู่ใจสักคนที่พร้อมจะร่วมหอลงโรงได้ก็ไม่พบเจอสักที จิตติคิดว่าควรจะขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน แต่เมื่อถามที่อยู่ก็ได้เพียงเสียงงึมงำของคนเมา ระหว่างทางกลับบ้าน เธอเริ่มลูบไล้กอดก่ายตัวเขาผ่านเสื้อเชิ้ต เธอพร่ำพูดถึงความหลงใหลที่เธอมีต่อเขาตั้งแต่แรกพบ “ชั้นไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนมีเสน่ห์ขนาดคุณมาก่อนเลยน้า ทั้งขาวและดูเป็นผู้ใหญ่น่าพึ่งพาได้ วิธีคิดของคุณก็เหมือนกับว่าคุณน่ะเป็นฝรั่งปลอมตัวมาเป็นคนไทยมากกว่า และนั่นก็เท่สุดๆไปเลยล่ะ คุณมีแฟนแล้วรึเปล่า ชั้นว่าต้องมีแล้วแน่ๆ” เธอพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ชั้นน่ะรู้ว่าคุณเป็นหมอ รวย ยังหนุ่ม แถมจบนอกมาอีกตะหาก เทียบกันแล้วชั้นก็แค่นางพยาบาลตัวน้อยต้อยต่ำคนนึง แต่ชั้นก็ชอบคุณน้า และหวังว่าคุณจะชอบชั้นบ้าง” วิธีพูดของเธอเริ่มจัดจ้านขึ้นทุกถ้อยคำ หากเธอไม่เมาคงไม่มีทางหลุดปากพูดประโยคพวกนี้ออกมาได้แน่นอน สุดท้ายแล้วเขากับเธอก็จบลงบนเตียง เธอมีลีลาไม่ใช่ย่อยแต่จิตติทำได้แค่เพียงแสร้งสนุกไปกับมันเท่านั้น บางทีมันก็เป็นการฆ่าเวลาแบบนี้ที่เมื่อทำกับคนอื่นแล้วรู้สึกดีกว่าทำด้วยตัวเอง

    “ชั้นไม่ทำงานตอนเพิ่งตื่นหรอกนะคะ”

    เธอฉวยเอากระดาษรายงานออกจากมือของเขา ดึงแว่นตาออกแล้วเอียงหน้าโน้มมาจูบ เธออยากจะเริ่มอีกครั้ง แต่เขาเกลียดมัน เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ เขาทำลงไปเพียงพอแล้ว ได้แต่ปล่อยให้เธอพรมจูบทั่วใบหน้า ลมหายใจของเธอมีแต่กลิ่นเบียร์ฟุ้งกระจาย

    “บนเตียงนี่ คุณเหมือนผู้หญิงมากเลยนะ”

    เขาไม่แน่ใจว่านั่นถือเป็นคำชมหรือคำดูหมิ่น เมื่อเหลือบตามองนาฬิกา ก็ได้เวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว พวกเขาต้องเข้าทำงานก่อนแปดโมงครึ่ง แต่ทั้งคู่ยังนอนเขลงอยู่บนเตียง หากเขารีบขับรถขึ้นทางด่วนก็อาจใช้เวลาสักสามสิบนาทีและจะทันเวลาเข้างาน เขาผลุดลุกขึ้นโดนไม่เหลียวกลับหลังไปมองแล้วบอกกับพยาบาลสาวว่า “ผมจะไม่ขับรถไปส่งคุณหรอกนะ” เขาจินตนาการถึงสีหน้าของหญิงสาวได้ เธอคงนั่งกอดเข่า เปล่าเปลือยปราศจากอาภรณ์ใดๆบนเตียง หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเกรี้ยวโกรธกึ่งฉงนใจ เมื่อผู้ชายคนที่เธอพยายามอย่างสุดฝีมือที่จะล่อลวงอย่างหนักหน่วง เพิ่งบอกเธอให้รีบขึ้นรถเมล์ไปทำงานหลักจากมีสัมพันธ์ที่แสนเร่าร้อน ทั้งๆที่เขาสามารถขับ BMW สุดหรูไปทำงานพร้อมกับเธอ และจะทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งโรงพยาบาลได้ในทันตา จิตติเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดตัว “คุณคงไม่คิดหรอกนะว่า การที่คนที่โรงพยาบาลเห็นเราสองคนไปด้วยกันนั้นจะเป็นการดี” เขาเน้น ถ้าเธอต้องการเรียกร้องหาอะไรจากเขาล่ะก็ คงจะไม่มีใครหรือผู้ใดที่จะให้แม้แต่เศษเสี้ยวของความเห็นใจ สงสาร หรือแม้แต่จะเชื่อเรื่องของเธอ พวกเขาจะพูดเพียงว่า หมอจิตติเป็นผู้ชายแสนดีที่ไม่มีวันทำเรื่องพรรค์นี้เด็ดขาด ทุกคนรู้ว่าเธอพยายามทอดสะพานให้เขาตั้งแต่แรก แล้วทำไมเขาต้องไปใส่ใจรับผิดชอบ

    เขาย่างเข้าห้องน้ำไป เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาก็พบว่าหญิงสาวอันตรธานไปพร้อมกับเสื้อผ้าทั้งหมดเสียแล้ว เขารู้ทันทีว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาเห็นหญิงสาวในที่ทำงาน เธออาจจะยื่นเรื่องขอย้ายแผนกโดยอ้างว่าหมดวาระฝึกงานหรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เธออาจลาออก

    จิตติถอยรถออกจากที่จอด เปิดซีดีเพลงของโมเดิร์น ด็อก คลอขณะขับรถ เขาไม่สนใจสิ่งรอบตัวอื่นใด ความคิดของเขามุ่งตรงไปที่กรณีของทัตตวาเท่านั้น เขาอยากเห็นหน้าเด็กสาวอีกครั้ง พูดคุยกับเธอ สำรวจตัวเธอ ความคิดนี้น่าดึงดูดมากกว่านวลเนื้อของหญิงสาวที่เพิ่งเคล้าเคลียอยู่กับเขาเมื่อคืนวาน คงเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกหากเขาจะเอ่ยปากเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังโดยเฉพาะกับสามารถ และบรรดาญาติโกโหติกาทางพ่อที่รบเร้าจะให้เขารีบแต่งงานมีทายาทสืบตระกูลสักที ถ้าเขาลองเล่าออกไป พวกนั้นคงจะยัดเขาส่งเข้าศรีธัญญาแน่นอน เขารู้ดีว่าผู้ชายอายุปูนนี้สมควรจะลงหลักปักฐานเป็นงานเป็นการ หรืออย่างน้อยก็ควรสำนึกตัวว่า เวลาเถลไถลเล่นกับงานอดิเรกที่ตนเองสนใจเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่น ที่หลงใหลการซิ่งรถแต่งหรือฟุตบอลนั้นหมดลงแล้ว ซึ่งมันก็จริง เขาไม่อาจนึกถึงเรื่องที่ดึงดูดใจตัวเองได้อีก คนอาจจะคิดว่าเขาโชคดีที่มีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับหญิงสาวได้โดยไม่ต้องผูกพันใดๆ แต่เขาไม่เห็นว่ามันน่าสนุกตรงไหน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×