ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ชื่อ....ปริศนา?(2)
....๒....
ผมยืนอยู่หน้าร้านขายยาปริศนาเภสัชอีกครั้ง ทำไมผมต้องมาที่นี่อีกงั้นเรอะ!
ทั้งๆที่เมื่อวานถูกขับไล่ไสส่งไป แถมคิดว่าจะไม่ต้องถ่อสังขารมาแถบมลพิษนรกอย่างแถวนี้อีกแล้วแท้ๆ
ก็คุณนายแม่ผู้แสนดีน่ะสิ บอกว่าผมต้องมาขอบคุณคนที่อุตส่าห์ช่วยชีวิตลูกชายหน้าโง่ไว้ไม่ให้ไปเป็นบริวารเจ้าแม่กวนอิมก่อนวัยอันควร ก่อนจะลากผมไปตรวจร่างกายกับคุณลุงหมอหน้าปากซอยที่ทำท่างงๆว่า ทำไมไม่เคยเห็นยาพ่นแบบที่คุณพี่สุดสวยให้ผมใช้ในสาระบบมาก่อน แถมอาการของผมก็ดันหายเป็นปลิดทิ้งไปทั้งวัน ผิดปกติธรรมดาที่เวลาผมหายใจเอาอากาศเน่าๆกรุงเทพเข้าไปตอนออกจากรั้วมหา’ลัย ต้องพ่นยาแทบจะชั่วโมงละครั้งด้วย ผมก็อยากรู้ล่ะน่าว่าไอ้ยาวิเศษนี่มันเป็นยาอะไรกันแน่ เผื่อเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเป็นสเตียรอยด์ระงับอาการชั่วคราวแต่ลงท้ายตายอนาถ จะได้บอกคุณนายแม่มาเรียกร้องค่าเสียหายได้ถูกที่
มองเข้าไปในร้านเห็นคุณพี่หน้าสวยผมสลวยแต่ปากเสียยืนยิ้มหวานอยู่กับผู้ชายหัวเกรียนตัวยังกะยักษ์ สวมแว่นตาดำ ใส่แจ็คเก็ตดำ กางเกงยีนส์ก็ยังสีดำ ทำท่าทางเหมือนพวกนักเลง รึว่าเป็นลูกค้าของร้านที่คุณพี่ว่าไว้เมื่อวาน
สงสัยร้านขายยาร้านนี้จะมีอะไรพิกลๆซะแล้ว ที่ขายอยู่ในซอกถนนแบบนี้ คงเพราะมีอะไรผิดกฎหมายแน่ๆ
ผมคิดพลางหิ้วกระเช้าผลไม้ที่คุณนายแม่จัดใบสั่งให้ไปซื้อจากตรงข้ามวัดจีนแถวๆนี้ ย่องเข้าไปในร้านแบบตัวลีบๆ กลัวตานักเลงตัวยักษ์นั่นจะขบหัวเอา
“อุตส่าห์เอาของมาตอบแทนให้ถึงที่เชียวเหรอครับ วางไว้ตรงโต๊ะซินแสข้างเก๊ะยาเลยนะครับ คุณตรี”
หวา! ขนาดผมว่าผมเดินเงียบแล้วนะเนี่ย คุณพี่หน้าสวยเล่นพูดออกมาซะดังทั้งๆที่ไม่ได้เหลือบสายตามาทางผมสักกะหน่อย
ผมค่อยๆก้มหน้างุดๆเอากระเช้าไปวางบนโต๊ะซินแสหมอแมะที่ยังโล่ง ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเพราะมีมือหนาๆหนักๆ ตะปบเข้าที่ตรงหัวไหล่เป๊ะ
“ไอ้เด็กคนนี้เองรึที่นายว่าเกือบตายหน้าร้านนายเมื่อวานน่ะ ปริศนา หน้าตาท่าทางก็ดูแข็งแรงดีนิ”
โธ่ พี่คร้าบ ผมไม่ได้เป็นโรคลูคีเมียนะครับ จะได้ซีดๆเหมือนผีตายซากตลอดศก
แต่หน้าผมก็ได้ซีดเอาซะจริงๆ เมื่อคุณพี่แว่นดำพูดประโยคต่อมา พร้อมบีบไหล่ผมจนเริ่มรู้สึกเจ็บ
“นึกว่านายจะให้ชั้นเก็บศพไปจัดการอีกแบบที่แล้วๆมา รับประกันเลยว่าไอ้หนูนี่จะหายสาบสูญไปแบบไร้ร่องรอยชนิดดีเอสไอตามสืบไม่ได้แน่นอน รับประกันเลย”
เฮ้ยๆ ตาคนนี้เป็นใครกันเนี่ย บรื๋อ.....
“เล้ง! นายก็เลิกแกล้งเด็กมันได้แล้ว ดูสิน้องเขาซีดแถมสั่นไปทั้งตัวแล้วน่ะ”
เง็กเซียนทรงโปรด! อย่างน้อยคุณพี่คนสวยก็ไม่ได้ใจร้ายนักหรอกนะ ผมหน้าบานได้แป๊บเดียวก่อนจะต้องหุบยิ้มเพราะเสียงหวานๆแต่แสนเสียดแทงของเขา
“ขืนมาตายเอาจริงๆในร้านฉัน ต้องลำบากเก็บกวาดทั้งเลือดทั้งน้ำเหลือง ไหนจะฉี่กับเศษอาหารอีกล่ะ คนทำมาหากินแค่นี้ก็วุ่นวายเกินพอ”
ผมกลั้นใจแค่นยิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่จะตอบกลับไปเบาๆ
“ผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับ คุณพี่ปริศนา ขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อวานนะครับ คุณแม่ให้ผมเอาของฝากเล็กๆน้อยๆมาแทนคำขอบคุณครับ”
ผมปล่อยมือจากกระเช้าผลไม้ เตรียมแจ้นหนีเต็มที่ แต่ทำไมมือใหญ่ๆของคนแว่นดำชื่อเล้งอะไรนี่ยังไม่ยอมปล่อยผมสักทีกันเนี่ย...
“เฮ้ ไอ้หนู คิดว่าของแค่นี้จะชดใช้ค่ายาของร้านนี้ได้พอแล้วเรอะ คิดผิดคิดใหม่ได้นะน้องชาย”
นายเล้งมาดนักเลงขู่ฟ่อ บิดไหล่ของผมจนเจ็บแล้วกระชากคอเสื้อผมเข้ามาจ้องตาแบบ... หาเรื่องละมั้ง
ซวยแล้วตรู กะแล้วว่าร้านขายยาร้านนี้ต้องมีอะไรผิดกฎหมาย สงสัยยาพ่นแก้หอบหืดเมื่อวานจะเป็นยาใหม่จากจีนแดงที่เพิ่งทดลองยังไม่ผ่าน อย. ราคาแพงลิ่วแบบที่เขาบังคับซื้อกันตามลัทธิขายตรง หรือไม่ก็เป็นแผนหลอกลวงอะไรสักอย่างของแก๊งอั้งยี่แหงๆเลย โธ่ เจ้าแม่กวนอิมช่วยลูกด้วย
“ยาพ่นเมื่อวานใช้ได้ดีหรือเปล่าครับ?”
เสียงคุณพี่สุดสวยลอดผ่านริมฝีปากสีชมพูที่ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นแผง
ก็ใช้ได้ดีอยู่หรอกคร้าบ พี่คร้าบ แต่ขนาดลุงหมอเจ้าเก่าที่ผูกปีรักษามาตั้งแต่ตอนที่ผมรู้ว่าเป็นหอบหืดสมัยหกขวบยังไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร จะให้สงสัยมันก็ธรรมดานี่หว่า
“งั้นก็ดีแล้วครับ ทีแรกผมคิดว่าจะช่วยคุณเอาบุญเฉยๆ แต่ในเมื่อคุณแสดงเจตจำนงจะตอบแทนแล้วก็ไม่เป็นไร ผมขอคิดค่ายาเลยก็แล้วกัน”
เอาแล้วมั้ยล่ะ คุณนายแม่นะคุณนายแม่ ขนาดผมเถียงว่าพี่เภสัชกรเค้าไม่ติดใจเอาค่าตอบแทนแล้วยังเค้นคอให้เรามา บอกว่าเกิดเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณคนอื่น ใครว่าคนกตัญญูย่อมได้รับผลดีกันฟะ
“เท่าไรครับ คุณพี่?”
“ยาพ่นนั้นเป็นตัวยาสังเคราะห์พิเศษนอกกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ สกัดโครงสร้างจากสมุนไพรจีนสูตรลับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผมเพิ่งจะได้ตัวอย่างมาจาก [เพื่อน] ในกองทัพแดงเพื่อเอาไปให้ลูกคุณหนูตระกูลดังระงับอาการหอบหืดรุนแรงในเด็กด้วยสิ คงจะคิดเป็นตัวเงินยากหน่อยกระมัง”
คุณพี่ปริศนายิ้มเย็นๆ ที่มุมปาก แบบเดียวกับตอนที่คุณนายแม่ของผมชอบทำเวลาจะใช้ให้ผมพิมพ์ผลงานวิชาการส่งเลื่อนระดับเปี๊ยบเลย ทำเอาผมหนาวเข้าไขสันหลังเยือก
“นายจะเอายังไงกะไอ้เด็กนี่ล่ะปริศนา? ไตซักข้าง? หรือเยื่อแก้วตาซักดวง? ชั้นรู้แหล่งคลินิกเถื่อนดีๆแถวนี้อยู่”
ยิ่งฟังเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมงคลของนายเล้งนี่ ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ทั้งๆที่ตอนลงจากรถเมล์มาร้อนจนเหงื่อตกไปหลายลิตรแล้วก็เหอะ จะพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็คงไม่เหมาะแหงๆ ยิ่งกว่าตอนรอฟังตุลาการรัฐธรรมนูญประกาศคำพิพากษายุบพรรคเลย ให้ตายสิ
นั่น แมวตัวนั้น ไอ้แมวบ้าเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมต้องมาตกที่นั่งลำบากอยู่ตอนนี้ เดินเข้ามาจากหน้าร้านทำเต๊ะท่ายิ่งกว่านางแบบเดินบนแคตวอล์กอีก ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมคงไม่ตามไอ้แมวบ้านี่มาหรอก
“อะไรกัน เหมียว ไปไหนมาเอ่ย อะไรนะ ถูกใจพ่อหนุ่มคนนี้งั้นเรอะ ถึงเดินนำเค้ามาให้เจอร้านของผม”
แมวยมทูตชัดๆ ผมน่าจะรู้ได้สักทีแล้วนะว่าแมวดำตาเขียวใสแบบนี้ไม่น่าจะเป็นแมวปกติ
“เอาเป็นว่า ให้คุณมาฝึกงานเป็นลูกมือผมที่นี่ชดใช้ค่ายาก็แล้วกัน ไหนๆคุณก็เป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์อยู่แล้ว ถึงจะแค่นักศึกษาปีหนึ่งก็เถอะ นี่ฐานกรุณานะ ถือเสียว่าเป็นการฝึกงานล่วงหน้าสี่ปีก่อนลงพื้นที่จริงตามหลักสูตรเภสัชกรรมชุมชนด้วย ถ้ายังไงผมจะเซ็นรับรองให้เวลาต้องการใบรับรองการฝึกงาน”
“เอ่อ คือว่า ผมเรียนหนักนะครับ เวลาว่างก็ไม่ค่อยมี ไม่รู้จะมาช่วยได้สักเท่าไร เอาเป็นว่าให้ผมผ่อนค่ายาแทนไม่ได้เหรอครับ” ผมตอบด้วยเสียงแผ่วๆ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงตอบ พ่อนักเลงแว่นดำก็กำปกเสื้อผมอีกครั้ง ก่อนจะตะคอกใส่หน้าผมเข้าจังๆ
“ไอ้น้อง แกจะมาช่วยดีๆ หรือจะให้พี่ชายใจดีคนนี้พาไปเลาะซี่โครงออกสักท่อนก่อน หือ?”
แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับให้ผมเลือกจะเดินเข้าไปในเธคที่มีควันบุหรี่เต็ม หรือวิ่งฝ่าควันพิษแถวอนุสาวรีย์ชัยฯตอนบ่ายสี่เลยนี่หว่า โธ่ แค่นี้ก็แทบจะไม่มีเวลาชวนน้องเหมียวออกไปหาอะไรกินด้วยกันที่สยามตอนว่างแล้ว
ข้าแต่พระถังซัมจั๋ง!
“คงจะเลือกได้แล้วสินะครับ” คุณพี่เภสัชกรนามว่าปริศนาผู้สุดสวย(แต่ดันเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงผมอาจจะยินดีที่ได้มาทำงานที่นี่มากกว่านี้ก็ได้) เผยยิ้มกว้างจนตาโตๆดูเล็กลงไปถนัดใจ
“งั้นคุณตรีมาที่นี่ทุกวันพฤหัสถึงอาทิตย์ ตั้งแต่บ่ายสองถึงสี่ทุ่มนะครับ อย่าลืมบอกคุณแม่ที่บ้านว่าทำงานพิเศษร้านขายยาล่ะ”
เหอะ ถ้าแลกกับการที่ไม่ต้องหอบ แล้วพ่นยาทุกชั่วโมงก็....อาจจะคุ้มมั้ง ถือว่าได้ประสบการณ์ด้วย
กริ๊งๆๆ....
เสียงกระดิ่งผูกคอของเจ้าแมวยมทูตที่หายออกไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ค่อยๆใกล้เข้ามาจากหน้าร้าน
“งั้นวันนี้ก็ช่วยอยู่เฝ้าร้านให้ผมเลยนะครับ ลูกค้ารายแรกของวันนี้มาพอดี”
ผมยืนอยู่หน้าร้านขายยาปริศนาเภสัชอีกครั้ง ทำไมผมต้องมาที่นี่อีกงั้นเรอะ!
ทั้งๆที่เมื่อวานถูกขับไล่ไสส่งไป แถมคิดว่าจะไม่ต้องถ่อสังขารมาแถบมลพิษนรกอย่างแถวนี้อีกแล้วแท้ๆ
ก็คุณนายแม่ผู้แสนดีน่ะสิ บอกว่าผมต้องมาขอบคุณคนที่อุตส่าห์ช่วยชีวิตลูกชายหน้าโง่ไว้ไม่ให้ไปเป็นบริวารเจ้าแม่กวนอิมก่อนวัยอันควร ก่อนจะลากผมไปตรวจร่างกายกับคุณลุงหมอหน้าปากซอยที่ทำท่างงๆว่า ทำไมไม่เคยเห็นยาพ่นแบบที่คุณพี่สุดสวยให้ผมใช้ในสาระบบมาก่อน แถมอาการของผมก็ดันหายเป็นปลิดทิ้งไปทั้งวัน ผิดปกติธรรมดาที่เวลาผมหายใจเอาอากาศเน่าๆกรุงเทพเข้าไปตอนออกจากรั้วมหา’ลัย ต้องพ่นยาแทบจะชั่วโมงละครั้งด้วย ผมก็อยากรู้ล่ะน่าว่าไอ้ยาวิเศษนี่มันเป็นยาอะไรกันแน่ เผื่อเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเป็นสเตียรอยด์ระงับอาการชั่วคราวแต่ลงท้ายตายอนาถ จะได้บอกคุณนายแม่มาเรียกร้องค่าเสียหายได้ถูกที่
มองเข้าไปในร้านเห็นคุณพี่หน้าสวยผมสลวยแต่ปากเสียยืนยิ้มหวานอยู่กับผู้ชายหัวเกรียนตัวยังกะยักษ์ สวมแว่นตาดำ ใส่แจ็คเก็ตดำ กางเกงยีนส์ก็ยังสีดำ ทำท่าทางเหมือนพวกนักเลง รึว่าเป็นลูกค้าของร้านที่คุณพี่ว่าไว้เมื่อวาน
สงสัยร้านขายยาร้านนี้จะมีอะไรพิกลๆซะแล้ว ที่ขายอยู่ในซอกถนนแบบนี้ คงเพราะมีอะไรผิดกฎหมายแน่ๆ
ผมคิดพลางหิ้วกระเช้าผลไม้ที่คุณนายแม่จัดใบสั่งให้ไปซื้อจากตรงข้ามวัดจีนแถวๆนี้ ย่องเข้าไปในร้านแบบตัวลีบๆ กลัวตานักเลงตัวยักษ์นั่นจะขบหัวเอา
“อุตส่าห์เอาของมาตอบแทนให้ถึงที่เชียวเหรอครับ วางไว้ตรงโต๊ะซินแสข้างเก๊ะยาเลยนะครับ คุณตรี”
หวา! ขนาดผมว่าผมเดินเงียบแล้วนะเนี่ย คุณพี่หน้าสวยเล่นพูดออกมาซะดังทั้งๆที่ไม่ได้เหลือบสายตามาทางผมสักกะหน่อย
ผมค่อยๆก้มหน้างุดๆเอากระเช้าไปวางบนโต๊ะซินแสหมอแมะที่ยังโล่ง ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเพราะมีมือหนาๆหนักๆ ตะปบเข้าที่ตรงหัวไหล่เป๊ะ
“ไอ้เด็กคนนี้เองรึที่นายว่าเกือบตายหน้าร้านนายเมื่อวานน่ะ ปริศนา หน้าตาท่าทางก็ดูแข็งแรงดีนิ”
โธ่ พี่คร้าบ ผมไม่ได้เป็นโรคลูคีเมียนะครับ จะได้ซีดๆเหมือนผีตายซากตลอดศก
แต่หน้าผมก็ได้ซีดเอาซะจริงๆ เมื่อคุณพี่แว่นดำพูดประโยคต่อมา พร้อมบีบไหล่ผมจนเริ่มรู้สึกเจ็บ
“นึกว่านายจะให้ชั้นเก็บศพไปจัดการอีกแบบที่แล้วๆมา รับประกันเลยว่าไอ้หนูนี่จะหายสาบสูญไปแบบไร้ร่องรอยชนิดดีเอสไอตามสืบไม่ได้แน่นอน รับประกันเลย”
เฮ้ยๆ ตาคนนี้เป็นใครกันเนี่ย บรื๋อ.....
“เล้ง! นายก็เลิกแกล้งเด็กมันได้แล้ว ดูสิน้องเขาซีดแถมสั่นไปทั้งตัวแล้วน่ะ”
เง็กเซียนทรงโปรด! อย่างน้อยคุณพี่คนสวยก็ไม่ได้ใจร้ายนักหรอกนะ ผมหน้าบานได้แป๊บเดียวก่อนจะต้องหุบยิ้มเพราะเสียงหวานๆแต่แสนเสียดแทงของเขา
“ขืนมาตายเอาจริงๆในร้านฉัน ต้องลำบากเก็บกวาดทั้งเลือดทั้งน้ำเหลือง ไหนจะฉี่กับเศษอาหารอีกล่ะ คนทำมาหากินแค่นี้ก็วุ่นวายเกินพอ”
ผมกลั้นใจแค่นยิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่จะตอบกลับไปเบาๆ
“ผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับ คุณพี่ปริศนา ขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อวานนะครับ คุณแม่ให้ผมเอาของฝากเล็กๆน้อยๆมาแทนคำขอบคุณครับ”
ผมปล่อยมือจากกระเช้าผลไม้ เตรียมแจ้นหนีเต็มที่ แต่ทำไมมือใหญ่ๆของคนแว่นดำชื่อเล้งอะไรนี่ยังไม่ยอมปล่อยผมสักทีกันเนี่ย...
“เฮ้ ไอ้หนู คิดว่าของแค่นี้จะชดใช้ค่ายาของร้านนี้ได้พอแล้วเรอะ คิดผิดคิดใหม่ได้นะน้องชาย”
นายเล้งมาดนักเลงขู่ฟ่อ บิดไหล่ของผมจนเจ็บแล้วกระชากคอเสื้อผมเข้ามาจ้องตาแบบ... หาเรื่องละมั้ง
ซวยแล้วตรู กะแล้วว่าร้านขายยาร้านนี้ต้องมีอะไรผิดกฎหมาย สงสัยยาพ่นแก้หอบหืดเมื่อวานจะเป็นยาใหม่จากจีนแดงที่เพิ่งทดลองยังไม่ผ่าน อย. ราคาแพงลิ่วแบบที่เขาบังคับซื้อกันตามลัทธิขายตรง หรือไม่ก็เป็นแผนหลอกลวงอะไรสักอย่างของแก๊งอั้งยี่แหงๆเลย โธ่ เจ้าแม่กวนอิมช่วยลูกด้วย
“ยาพ่นเมื่อวานใช้ได้ดีหรือเปล่าครับ?”
เสียงคุณพี่สุดสวยลอดผ่านริมฝีปากสีชมพูที่ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นแผง
ก็ใช้ได้ดีอยู่หรอกคร้าบ พี่คร้าบ แต่ขนาดลุงหมอเจ้าเก่าที่ผูกปีรักษามาตั้งแต่ตอนที่ผมรู้ว่าเป็นหอบหืดสมัยหกขวบยังไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร จะให้สงสัยมันก็ธรรมดานี่หว่า
“งั้นก็ดีแล้วครับ ทีแรกผมคิดว่าจะช่วยคุณเอาบุญเฉยๆ แต่ในเมื่อคุณแสดงเจตจำนงจะตอบแทนแล้วก็ไม่เป็นไร ผมขอคิดค่ายาเลยก็แล้วกัน”
เอาแล้วมั้ยล่ะ คุณนายแม่นะคุณนายแม่ ขนาดผมเถียงว่าพี่เภสัชกรเค้าไม่ติดใจเอาค่าตอบแทนแล้วยังเค้นคอให้เรามา บอกว่าเกิดเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณคนอื่น ใครว่าคนกตัญญูย่อมได้รับผลดีกันฟะ
“เท่าไรครับ คุณพี่?”
“ยาพ่นนั้นเป็นตัวยาสังเคราะห์พิเศษนอกกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ สกัดโครงสร้างจากสมุนไพรจีนสูตรลับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผมเพิ่งจะได้ตัวอย่างมาจาก [เพื่อน] ในกองทัพแดงเพื่อเอาไปให้ลูกคุณหนูตระกูลดังระงับอาการหอบหืดรุนแรงในเด็กด้วยสิ คงจะคิดเป็นตัวเงินยากหน่อยกระมัง”
คุณพี่ปริศนายิ้มเย็นๆ ที่มุมปาก แบบเดียวกับตอนที่คุณนายแม่ของผมชอบทำเวลาจะใช้ให้ผมพิมพ์ผลงานวิชาการส่งเลื่อนระดับเปี๊ยบเลย ทำเอาผมหนาวเข้าไขสันหลังเยือก
“นายจะเอายังไงกะไอ้เด็กนี่ล่ะปริศนา? ไตซักข้าง? หรือเยื่อแก้วตาซักดวง? ชั้นรู้แหล่งคลินิกเถื่อนดีๆแถวนี้อยู่”
ยิ่งฟังเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมงคลของนายเล้งนี่ ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ ทั้งๆที่ตอนลงจากรถเมล์มาร้อนจนเหงื่อตกไปหลายลิตรแล้วก็เหอะ จะพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็คงไม่เหมาะแหงๆ ยิ่งกว่าตอนรอฟังตุลาการรัฐธรรมนูญประกาศคำพิพากษายุบพรรคเลย ให้ตายสิ
นั่น แมวตัวนั้น ไอ้แมวบ้าเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมต้องมาตกที่นั่งลำบากอยู่ตอนนี้ เดินเข้ามาจากหน้าร้านทำเต๊ะท่ายิ่งกว่านางแบบเดินบนแคตวอล์กอีก ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมคงไม่ตามไอ้แมวบ้านี่มาหรอก
“อะไรกัน เหมียว ไปไหนมาเอ่ย อะไรนะ ถูกใจพ่อหนุ่มคนนี้งั้นเรอะ ถึงเดินนำเค้ามาให้เจอร้านของผม”
แมวยมทูตชัดๆ ผมน่าจะรู้ได้สักทีแล้วนะว่าแมวดำตาเขียวใสแบบนี้ไม่น่าจะเป็นแมวปกติ
“เอาเป็นว่า ให้คุณมาฝึกงานเป็นลูกมือผมที่นี่ชดใช้ค่ายาก็แล้วกัน ไหนๆคุณก็เป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์อยู่แล้ว ถึงจะแค่นักศึกษาปีหนึ่งก็เถอะ นี่ฐานกรุณานะ ถือเสียว่าเป็นการฝึกงานล่วงหน้าสี่ปีก่อนลงพื้นที่จริงตามหลักสูตรเภสัชกรรมชุมชนด้วย ถ้ายังไงผมจะเซ็นรับรองให้เวลาต้องการใบรับรองการฝึกงาน”
“เอ่อ คือว่า ผมเรียนหนักนะครับ เวลาว่างก็ไม่ค่อยมี ไม่รู้จะมาช่วยได้สักเท่าไร เอาเป็นว่าให้ผมผ่อนค่ายาแทนไม่ได้เหรอครับ” ผมตอบด้วยเสียงแผ่วๆ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงตอบ พ่อนักเลงแว่นดำก็กำปกเสื้อผมอีกครั้ง ก่อนจะตะคอกใส่หน้าผมเข้าจังๆ
“ไอ้น้อง แกจะมาช่วยดีๆ หรือจะให้พี่ชายใจดีคนนี้พาไปเลาะซี่โครงออกสักท่อนก่อน หือ?”
แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับให้ผมเลือกจะเดินเข้าไปในเธคที่มีควันบุหรี่เต็ม หรือวิ่งฝ่าควันพิษแถวอนุสาวรีย์ชัยฯตอนบ่ายสี่เลยนี่หว่า โธ่ แค่นี้ก็แทบจะไม่มีเวลาชวนน้องเหมียวออกไปหาอะไรกินด้วยกันที่สยามตอนว่างแล้ว
ข้าแต่พระถังซัมจั๋ง!
“คงจะเลือกได้แล้วสินะครับ” คุณพี่เภสัชกรนามว่าปริศนาผู้สุดสวย(แต่ดันเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงผมอาจจะยินดีที่ได้มาทำงานที่นี่มากกว่านี้ก็ได้) เผยยิ้มกว้างจนตาโตๆดูเล็กลงไปถนัดใจ
“งั้นคุณตรีมาที่นี่ทุกวันพฤหัสถึงอาทิตย์ ตั้งแต่บ่ายสองถึงสี่ทุ่มนะครับ อย่าลืมบอกคุณแม่ที่บ้านว่าทำงานพิเศษร้านขายยาล่ะ”
เหอะ ถ้าแลกกับการที่ไม่ต้องหอบ แล้วพ่นยาทุกชั่วโมงก็....อาจจะคุ้มมั้ง ถือว่าได้ประสบการณ์ด้วย
กริ๊งๆๆ....
เสียงกระดิ่งผูกคอของเจ้าแมวยมทูตที่หายออกไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ค่อยๆใกล้เข้ามาจากหน้าร้าน
“งั้นวันนี้ก็ช่วยอยู่เฝ้าร้านให้ผมเลยนะครับ ลูกค้ารายแรกของวันนี้มาพอดี”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น