ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จิตติกับการวิเคราะห์ตนเอง
1.....
นี่มันเรื่องพิลึกน่าตลกสิ้นดี…….
จิตติขยับแว่นให้เข้าที่ ก่อนจะคลิกรีเฟรช ตอนนี้มีคนเข้ามาตอบกระทู้กว่า 300 ความคิดเห็นเข้าให้แล้ว เขายิ้มจางๆ ก็ใครล่ะจะไม่อินกับเรื่องโศกพรรค์นี้
นางสาว ก. (นามสมมติ) ผู้ตั้งกระทู้ เป็นเด็กสาวอนาคตไกล ทำงานเป็นนักบัญชีอยู่ในธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เธอตกหลุมรักกับเจ้านายที่ทำงานด้วยกัน และผูกสัมพันธ์ต่อเนื่องทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าเขามีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว ฝ่ายชายก็ปรนเปรอทุกอย่างทั้งบ้าน รถ เงินสด แถมยังสัญญิงสัญญาว่าจะหย่าภรรยามาแต่งงานกับเธอด้วย สาวน้อยผู้น่าสงสารคนนั้นเชื่ออย่างสุดหัวจิตหัวใจเพราะว่าเธอหลงรักเขาเข้า เต็มประตู จนใครๆก็ตำหนิเธอได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลับๆอยู่ 2 ปี จนกระทั่งเธอตั้งท้อง ฝ่ายชายจึงตัดรอนเธอด้วยเหตุผลว่าภรรยาของเขารู้เรื่องทั้งหมดและขู่จะฟ้อง หย่า แล้วเอาลูกไปเลี้ยงเองคนเดียว เขาคนนั้นลาออกจากธนาคารแล้วย้ายบ้านหนีไปไหนสักที่ เธอจึงติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย
เธอได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญที่เขาไม่ยอมเจอหน้าจนถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้เธอต้องการทำแท้งแต่ก็ลังเลใจอยู่ จึงเข้ามาโพสถามในเว็บบอร์ดว่าควรจะทำอย่างไรดี
กระทู้ของเธอเขียนด้วยภาษาง่ายๆ สะกดผิดบ้าง ใช้คำผิดความหมายบ้าง แถมยังไม่ปะติดปะต่อ คนอ่านคนไหนก็คงเชื่อว่าเธอเขียนกระทู้โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนและต้องการ ความช่วยเหลืออย่างด่วนจริงๆ
ถ้อยคำแสดงน้ำใจไหลท่วมกระทู้ หลายคนบอกให้เธอตัดใจทำแท้งเสียเพราะเด็กอาจคลอดออกมาพิการเพราะการพยายาม ฆ่าตัวตายแบะความเครียดของแม่ อีกหลายคนบอกให้เธออดทนคลอดออกมาและเลี้ยงดูเด็ก บางคนด่ากราดถึงผู้ชายทุกคนบนโลก แต่ไม่มีใครสักคนที่จำย้อนถามว่า “นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า” ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คงดูน่าประทับใจที่ทุกคนอยากช่วยเหลือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แต่หากมองในแง่ร้ายหน่อยล่ะก็ คนตอบก็คงแค่อยากมีส่วนร่วมแสดงละครน้ำเน่าในฉากชีวิตจริงก็เท่านั้น
จิตตินึกขันกับ “ความเมตตาแบบไทยๆ” เสียเหลือเกิน เขากดรีเฟรชอีกครั้งแล้วพบว่าความคิดเห็นทะลุไปถึง 350 แล้ว เขาหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะเขารู้ดีว่า นางสาว ก. ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงเลย เธอเป็นแค่ตัวละครที่เขาแต่งขึ้นมาเอง เขาวางแผนเขียนเรื่องนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้โน้ตบุ๊คต่ออินเตอร์เน็ตผ่านไวร์เลสของที่ทำงาน เท่านี้คนกว่า 300 คนก็ไม่มีใครเฉลียวใจเลยว่า ชะตากรรมแสนเศร้าเคล้าน้ำตาของนางสาว ก. นั้นเป็นเพียงเรื่องสมมติ เขารู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ตอบกระทู้ก็เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ใช้ชีวิตธรรมดาหนากิเลสอยู่โลกภายนอก แต่พอเข้ามาอยู่ในไซเบอร์สเปซก็จำแลงองค์ลงเป็นเทวดานางฟ้าผู้พิทักษ์ปกป้อง ความดี ความ งาม ความจริง หรืออะไรพรรค์นั้นที่พร้อมจะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ นางสาว ก. คงเป็นได้แค่นังเมียน้อยหน้าด้านที่ไม่มีใครคิดจะเห็นใจในโลกแห่งความเป็น จริง เรื่องของเธอก็เป็นเรื่องอื้อฉาวผิดศีลธรรม ถ้าเธอคิดจะไปทำแท้งจริงๆก็จะมีแต่เสียงด่าไล่หลังว่ามันเป็นความผิดที่ไป ยุ่งกับสามีชาวบ้านเอง
แต่ไม่มีความคิดเห็นสักความคิดเห็นเดียวที่กล้าเอ่ยคำแบบนั้นออกมา หรือแม้แต่จะถามว่านี่มันเรื่องจริงเรอะ ทุกคนล้วนไม่อยากกลายเป็นคนขวางโลก จระเข้ขวางคลองที่จะขัดคอเหล่านางฟ้าเทวดาที่คอยโปรยความเห็นใจลงมา เพราะถ้าเอ่ยเรื่องพวกนั้นออกมาสักนิดก็เตรียมถูกประณามหยามเหยียดว่าไร้ น้ำใจ หรือมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ นี่คือผลสรุปพฤติกรรมของสังคมมนุษย์ในอินเตอร์เน็ตแบบไม่ต้องหาผลทดลองทาง วิทยาศาสตร์ใดๆมาอ้างอิง จิตติพบว่าเรื่องแบบนี้สนุกดีไม่น้อยเลย
นพ. จิตติ ศิวกรตระกูล จิตแพทย์หนุ่มมีชีวิตซึ่งชายหนุ่มแทบทุกคนในประเทศไทยถวิลหา พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลอัครมหาเศรษฐีเชื้อสายจีนที่เป็นเจ้าของอสังหาริม ทรัพย์มูลค่ามหาศาลกลางกรุง รวมถึงคอนโดมิเนียมทั้งหลังที่เขาพักอยู่แถวสีลม จบการศึกษาเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจากสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญพิเศษด้านจิตเภท มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์นานาชาติชื่อดังหลายฉบับ แถมด้วยตำแหน่งเกียรติคุณอีกมากมายชนิดที่ชายวัย 35 ปีทั่วไปไม่อาจมีได้
แต่มีอะไรบางอย่างขาดหายไปในมนุษย์สมบูรณ์แบบคนนี้ –ความรัก- ไม่ใช่แบบที่นิยายปกสวยเล่มละสองร้อยบาทโดยประมาณพรรณนาโวหารไว้อย่างหยด ย้อย เขาไม่เคยพบรักกับใครสักคน ทั้งยังไม่เคยเห็นความจำเป็นที่จะต้องไปตามหารักแท้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาเคยควงสาวๆ คบกันชั่วครั้งชั่วคราว ก็แค่ไม่รู้สึกชื่นชมเรื่องรักๆใคร่ๆเท่านั้นเอง รสนิยมทางเพศของเขาออกไปในทางไร้เพศ ถึงจะยิ้มร่ารับข่าวลือในที่ทำงานที่หาว่าเขาเป็นพวกไบเซ็กชวล เพราะเขาคิดว่าจะปฏิเสธหรือไม่ก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกสาวๆที่ชอบซุบซิบให้เขาได้ยินว่าเขาอาจมีอะไรกับหมอหนุ่มๆที่ ร่วมงานกัน และเขาก็พบว่าบางส่วนของเขาก็พึงใจเพศชายอยู่บ้างในระหว่างการวิเคราะห์ตน เอง(ซึ่งจะอธิบายความหมายของคำนี้ต่อไปภายหลัง) อย่างไรก็ตาม ความพึงใจนั้นมีแค่เล็กน้อยแฝงไว้ด้วยความริษยา เขาคิดว่ามันเป็นแค่ผลข้างเคียงของการวิเคราะห์ตนเอง เขาไม่เคยหลงรักเพศชายจริงๆจังๆ
แล้วการวิเคราะห์ตนเองคืออะไร?
อธิบายสั้นๆคือชื่อที่จิตติใช้เรียกงานอดิเรกในการสังเกตวิธีการแสดงออก รู้สึก และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของผู้คนรอบตัว
เขาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสที่สถาบันจิตวิทยาการแพทย์(เขาเกลียด ชื่อตำแหน่งนี้มาก เพราะเขาไม่ได้ “อาวุโส” อย่างที่ชื่อตำแหน่งใช้ และพาลให้คนอื่นเข้าใจว่าคนที่ดำรงตำแหน่งนี้ต้อง “อาวุโส”) อุปสรรคสำคัญที่สุดในอาชีพของเขาคืออคติของคนไทยต่อจิตแพทย์และวิชาจิตเวช เขาพบผู้ป่วยอาการหนักถึงขั้นฟื้นฟูไม่ไหวบ่อยครั้งเพราะทางครอบครัวทนรับ ว่ามี “คนบ้า” อยู่ในบ้านไม่ได้จึงไม่ยอมพามาตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้อาการเพียบหนักจนไร้หนทางเยียวยา พูดอีกทีงานของเขาก็เหมือนกับสัปเหร่อ ไม่มีใครอยากถ่อสังขารไปหาสัปเหร่อจนถึงเวลาถูกคนอื่นหามสังขารลงโลงไปหาเอง
แล้วเขาจะดำเนินงานวิจัยต่อได้อย่างไรในเมื่อไม่มีกรณีศึกษาดีๆมาให้ตรวจ เหมือนสมัยอยู่อเมริกา นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาคิดค้นกระบวนการ “การวิเคราะห์ตนเอง” โดยเล่มสวมบทเป็นบุคคลสมมติ แต่งเรื่องขึ้นมาพร้อมปัญหาทางจิต แล้วสังเกตปฏิกิริยาโต้ตอบ แน่นอนว่าเขาไม่ทำมันจริงๆในชีวิตประจำวัน ที่ๆความลวงผสานกับความจริงอย่างแนบเนียนเป็นโลกจำลองสมบูรณ์แบบสำหรับการ สร้างเหตุการณ์จำลองเพื่อ “วิเคราะห์ตนเอง” ที่ๆเขาสามารถปกปิดตัวตนไว้ไม่ให้ใครรู้ “อินเตอร์เน็ต”
ปีที่แล้ว เพื่อนชาวอเมริกาขอร้องให้เขาเขียนบทความลงวารสารวิชาการเกี่ยวกับสภาพจิต ของวัยรุ่นไทย ตอนแรกจิตติคิดจะเขียนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก แต่เขาพบว่ามันใช้เวลาและความพยายามมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มท่องไปในไซเบอร์สเปซ ซึ่งทำให้เขาหวนระลึกถึงโลกวัยรุ่นที่เขาหลงลืมมันไปนานแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้พบกับห้องแช็ตลามก และปลอมตัวเป็นเด็กสาว ม.ปลายเพราะคิดว่าการเป็นเหยื่อนั้นน่าสนใจและง่ายกว่า เขาแนะนำตัวและบอกพวกเด็กๆในห้องแช็ตที่อายุไม่น่าจะถึง 20 กันเลยสักคนว่า เธอกำลังมองหาคนที่จะเพลิดเพลินแก้เหงากับเธอได้ในค่ำคืนนั้น ไม่นานนัก ผู้ชายคนหนึ่ง(เท่าที่เขาเปิดเผยไว้ในโลกออนไลน์) เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะในหน้าต่างส่วนตัวสักครู่แล้วบอกให้เธอถอดเสื้อผ้าออก พร้อมกับเปิดกล้องเว็บแคม
เขาชาดิกไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะว่าตกใจแบบพวกข้าราชการหัวเก่าตามกระทรวงวัฒนธรรมจะตกใจ แค่เขางุนงงว่า เพียงเขาพิมพ์คำพูดแบบหญิงๆที่ลักจำมาจากแม่กับแฟนเก่านิดๆหน่อยๆ ชายคนที่เพิ่งเจอในอินเตอร์เน็ตก็เชื่อเอาจริงๆจังๆว่าเขาเป็นสาวน้อยที่ พร้อมจะเปลื้องเสื้อผ้าของตัวออกมาได้
เขาไม่ได้ออฟไลน์ทันที ยังล่อหลอกให้ชายคนนั้นรอเรื่อง “พิเศษๆ” ขณะที่คนๆนั้นคิดฟุ้งซ่านว่า สาวน้อยกำลังจะออกมาพบเพื่อจะหลับนอนด้วยกัน จิตติปิดหน้าต่างห้องแช็ต วันนี้คงพอแค่นี้เพราะนี่ก็เป็นเวลานอนของเด็กดีแล้ว เขาคิดว่ามันเป็นเกมที่น่าสนุกดีและเขาก็ได้ชัยชนะ ทิ้งให้ชายคนนั้นนั่งหัวใจสลาย... จิตติหลงใหลความรู้สึกนี้เข้าให้แล้ว
เรื่องราวของการ “วิเคราะห์ตนเอง” ก็เริ่มขึ้น เขาเขียนบทความวิชาการเสร็จเรียบร้อย แต่ไม่ได้เลิกเล่นละครบนเวทีไซเบอร์ เริ่มเสพติดมันและหัวใจของเขาพองฟูทุกครั้งเมื่อกระทู้มีผู้ตอบถึง 300 ความคิดเห็น เขาคงแค่อยากสวมรอยเป็นใครสักคน ไม่ใช่จิตแพทย์หนุ่มคนสำคัญ แต่เป็นวัยรุ่นอกหัก, แม่บ้านที่มองหาฝรั่งสักคนมาอุปถัมภ์เพื่อแบ่งเบาภาระการเงินของครอบครัว หรืออาจารย์ผู้สิ้นหวังที่หลงรักนักเรียนตัวเอง ตอนแรกการโกหกก็เป็นเรื่องยาก ไปๆมาๆเรื่องแต่งก็สมจริงเข้าทุกที เขาทำทุกอย่างเพื่อสร้างเรื่องให้เหมือนจริง อ่านนิยายรักหวานแหววหาวิธีพูดคุยแบบวัยรุ่น อ่านนิตยสารคู่สร้างคู่สมเพื่อหาประสบการณ์แบบแม่บ้านๆ แม้กระทั่งใช้กรณีศึกษาจากผู้ป่วยในดูแลของตัวเองแล้วเปลี่ยนเรื่องนิดๆ หน่อยๆ เท่าที่จะไม่ละเมิดชีวิตจริงของพวกเขา ทุกกระทู้ฮิตติดอันดับกระทู้แนะนำทุกครั้งที่โพสต์ เขาชอบและหลงใหลการล้อเล่นกับความสงสารของผู้คน ถ้าใครจับได้ก็แค่ยักไหล่แล้วโพสต์ลงไปว่า “ผมทำไปเพื่อการศึกษาวิจัย” จิตติกดรีเฟรชอีกครั้งแล้วกดเซฟเพจไฟล์กระทู้ เขียนสรุปเรื่องราวสำหรับวันนี้
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ ฉันไม่ยอมแพ้แล้วค่ะ ฉันจะอดทนเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยนี้ด้วยตัวเอง ขอบคุณความช่วยเหลือ ความคิดเห็นของพวกพี่ๆทุกคนนะคะ ฉันรู้สึกดีจริงๆ”
แล้วเรื่องก็ดำเนินต่อไป นางสาว ก. ต้องตอบขอบคุณสินะ จิตติปิดคอมพิวเตอร์แล้วหันกลับไปทำงาน...
นี่มันเรื่องพิลึกน่าตลกสิ้นดี…….
จิตติขยับแว่นให้เข้าที่ ก่อนจะคลิกรีเฟรช ตอนนี้มีคนเข้ามาตอบกระทู้กว่า 300 ความคิดเห็นเข้าให้แล้ว เขายิ้มจางๆ ก็ใครล่ะจะไม่อินกับเรื่องโศกพรรค์นี้
นางสาว ก. (นามสมมติ) ผู้ตั้งกระทู้ เป็นเด็กสาวอนาคตไกล ทำงานเป็นนักบัญชีอยู่ในธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เธอตกหลุมรักกับเจ้านายที่ทำงานด้วยกัน และผูกสัมพันธ์ต่อเนื่องทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าเขามีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว ฝ่ายชายก็ปรนเปรอทุกอย่างทั้งบ้าน รถ เงินสด แถมยังสัญญิงสัญญาว่าจะหย่าภรรยามาแต่งงานกับเธอด้วย สาวน้อยผู้น่าสงสารคนนั้นเชื่ออย่างสุดหัวจิตหัวใจเพราะว่าเธอหลงรักเขาเข้า เต็มประตู จนใครๆก็ตำหนิเธอได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลับๆอยู่ 2 ปี จนกระทั่งเธอตั้งท้อง ฝ่ายชายจึงตัดรอนเธอด้วยเหตุผลว่าภรรยาของเขารู้เรื่องทั้งหมดและขู่จะฟ้อง หย่า แล้วเอาลูกไปเลี้ยงเองคนเดียว เขาคนนั้นลาออกจากธนาคารแล้วย้ายบ้านหนีไปไหนสักที่ เธอจึงติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย
เธอได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญที่เขาไม่ยอมเจอหน้าจนถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้เธอต้องการทำแท้งแต่ก็ลังเลใจอยู่ จึงเข้ามาโพสถามในเว็บบอร์ดว่าควรจะทำอย่างไรดี
กระทู้ของเธอเขียนด้วยภาษาง่ายๆ สะกดผิดบ้าง ใช้คำผิดความหมายบ้าง แถมยังไม่ปะติดปะต่อ คนอ่านคนไหนก็คงเชื่อว่าเธอเขียนกระทู้โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนและต้องการ ความช่วยเหลืออย่างด่วนจริงๆ
ถ้อยคำแสดงน้ำใจไหลท่วมกระทู้ หลายคนบอกให้เธอตัดใจทำแท้งเสียเพราะเด็กอาจคลอดออกมาพิการเพราะการพยายาม ฆ่าตัวตายแบะความเครียดของแม่ อีกหลายคนบอกให้เธออดทนคลอดออกมาและเลี้ยงดูเด็ก บางคนด่ากราดถึงผู้ชายทุกคนบนโลก แต่ไม่มีใครสักคนที่จำย้อนถามว่า “นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า” ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คงดูน่าประทับใจที่ทุกคนอยากช่วยเหลือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แต่หากมองในแง่ร้ายหน่อยล่ะก็ คนตอบก็คงแค่อยากมีส่วนร่วมแสดงละครน้ำเน่าในฉากชีวิตจริงก็เท่านั้น
จิตตินึกขันกับ “ความเมตตาแบบไทยๆ” เสียเหลือเกิน เขากดรีเฟรชอีกครั้งแล้วพบว่าความคิดเห็นทะลุไปถึง 350 แล้ว เขาหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะเขารู้ดีว่า นางสาว ก. ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงเลย เธอเป็นแค่ตัวละครที่เขาแต่งขึ้นมาเอง เขาวางแผนเขียนเรื่องนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้โน้ตบุ๊คต่ออินเตอร์เน็ตผ่านไวร์เลสของที่ทำงาน เท่านี้คนกว่า 300 คนก็ไม่มีใครเฉลียวใจเลยว่า ชะตากรรมแสนเศร้าเคล้าน้ำตาของนางสาว ก. นั้นเป็นเพียงเรื่องสมมติ เขารู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ตอบกระทู้ก็เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก ใช้ชีวิตธรรมดาหนากิเลสอยู่โลกภายนอก แต่พอเข้ามาอยู่ในไซเบอร์สเปซก็จำแลงองค์ลงเป็นเทวดานางฟ้าผู้พิทักษ์ปกป้อง ความดี ความ งาม ความจริง หรืออะไรพรรค์นั้นที่พร้อมจะช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากทุกเมื่อ นางสาว ก. คงเป็นได้แค่นังเมียน้อยหน้าด้านที่ไม่มีใครคิดจะเห็นใจในโลกแห่งความเป็น จริง เรื่องของเธอก็เป็นเรื่องอื้อฉาวผิดศีลธรรม ถ้าเธอคิดจะไปทำแท้งจริงๆก็จะมีแต่เสียงด่าไล่หลังว่ามันเป็นความผิดที่ไป ยุ่งกับสามีชาวบ้านเอง
แต่ไม่มีความคิดเห็นสักความคิดเห็นเดียวที่กล้าเอ่ยคำแบบนั้นออกมา หรือแม้แต่จะถามว่านี่มันเรื่องจริงเรอะ ทุกคนล้วนไม่อยากกลายเป็นคนขวางโลก จระเข้ขวางคลองที่จะขัดคอเหล่านางฟ้าเทวดาที่คอยโปรยความเห็นใจลงมา เพราะถ้าเอ่ยเรื่องพวกนั้นออกมาสักนิดก็เตรียมถูกประณามหยามเหยียดว่าไร้ น้ำใจ หรือมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ นี่คือผลสรุปพฤติกรรมของสังคมมนุษย์ในอินเตอร์เน็ตแบบไม่ต้องหาผลทดลองทาง วิทยาศาสตร์ใดๆมาอ้างอิง จิตติพบว่าเรื่องแบบนี้สนุกดีไม่น้อยเลย
นพ. จิตติ ศิวกรตระกูล จิตแพทย์หนุ่มมีชีวิตซึ่งชายหนุ่มแทบทุกคนในประเทศไทยถวิลหา พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ และคุณสมบัติ เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลอัครมหาเศรษฐีเชื้อสายจีนที่เป็นเจ้าของอสังหาริม ทรัพย์มูลค่ามหาศาลกลางกรุง รวมถึงคอนโดมิเนียมทั้งหลังที่เขาพักอยู่แถวสีลม จบการศึกษาเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจากสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญพิเศษด้านจิตเภท มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์นานาชาติชื่อดังหลายฉบับ แถมด้วยตำแหน่งเกียรติคุณอีกมากมายชนิดที่ชายวัย 35 ปีทั่วไปไม่อาจมีได้
แต่มีอะไรบางอย่างขาดหายไปในมนุษย์สมบูรณ์แบบคนนี้ –ความรัก- ไม่ใช่แบบที่นิยายปกสวยเล่มละสองร้อยบาทโดยประมาณพรรณนาโวหารไว้อย่างหยด ย้อย เขาไม่เคยพบรักกับใครสักคน ทั้งยังไม่เคยเห็นความจำเป็นที่จะต้องไปตามหารักแท้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาเคยควงสาวๆ คบกันชั่วครั้งชั่วคราว ก็แค่ไม่รู้สึกชื่นชมเรื่องรักๆใคร่ๆเท่านั้นเอง รสนิยมทางเพศของเขาออกไปในทางไร้เพศ ถึงจะยิ้มร่ารับข่าวลือในที่ทำงานที่หาว่าเขาเป็นพวกไบเซ็กชวล เพราะเขาคิดว่าจะปฏิเสธหรือไม่ก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกสาวๆที่ชอบซุบซิบให้เขาได้ยินว่าเขาอาจมีอะไรกับหมอหนุ่มๆที่ ร่วมงานกัน และเขาก็พบว่าบางส่วนของเขาก็พึงใจเพศชายอยู่บ้างในระหว่างการวิเคราะห์ตน เอง(ซึ่งจะอธิบายความหมายของคำนี้ต่อไปภายหลัง) อย่างไรก็ตาม ความพึงใจนั้นมีแค่เล็กน้อยแฝงไว้ด้วยความริษยา เขาคิดว่ามันเป็นแค่ผลข้างเคียงของการวิเคราะห์ตนเอง เขาไม่เคยหลงรักเพศชายจริงๆจังๆ
แล้วการวิเคราะห์ตนเองคืออะไร?
อธิบายสั้นๆคือชื่อที่จิตติใช้เรียกงานอดิเรกในการสังเกตวิธีการแสดงออก รู้สึก และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของผู้คนรอบตัว
เขาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุโสที่สถาบันจิตวิทยาการแพทย์(เขาเกลียด ชื่อตำแหน่งนี้มาก เพราะเขาไม่ได้ “อาวุโส” อย่างที่ชื่อตำแหน่งใช้ และพาลให้คนอื่นเข้าใจว่าคนที่ดำรงตำแหน่งนี้ต้อง “อาวุโส”) อุปสรรคสำคัญที่สุดในอาชีพของเขาคืออคติของคนไทยต่อจิตแพทย์และวิชาจิตเวช เขาพบผู้ป่วยอาการหนักถึงขั้นฟื้นฟูไม่ไหวบ่อยครั้งเพราะทางครอบครัวทนรับ ว่ามี “คนบ้า” อยู่ในบ้านไม่ได้จึงไม่ยอมพามาตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้อาการเพียบหนักจนไร้หนทางเยียวยา พูดอีกทีงานของเขาก็เหมือนกับสัปเหร่อ ไม่มีใครอยากถ่อสังขารไปหาสัปเหร่อจนถึงเวลาถูกคนอื่นหามสังขารลงโลงไปหาเอง
แล้วเขาจะดำเนินงานวิจัยต่อได้อย่างไรในเมื่อไม่มีกรณีศึกษาดีๆมาให้ตรวจ เหมือนสมัยอยู่อเมริกา นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาคิดค้นกระบวนการ “การวิเคราะห์ตนเอง” โดยเล่มสวมบทเป็นบุคคลสมมติ แต่งเรื่องขึ้นมาพร้อมปัญหาทางจิต แล้วสังเกตปฏิกิริยาโต้ตอบ แน่นอนว่าเขาไม่ทำมันจริงๆในชีวิตประจำวัน ที่ๆความลวงผสานกับความจริงอย่างแนบเนียนเป็นโลกจำลองสมบูรณ์แบบสำหรับการ สร้างเหตุการณ์จำลองเพื่อ “วิเคราะห์ตนเอง” ที่ๆเขาสามารถปกปิดตัวตนไว้ไม่ให้ใครรู้ “อินเตอร์เน็ต”
ปีที่แล้ว เพื่อนชาวอเมริกาขอร้องให้เขาเขียนบทความลงวารสารวิชาการเกี่ยวกับสภาพจิต ของวัยรุ่นไทย ตอนแรกจิตติคิดจะเขียนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก แต่เขาพบว่ามันใช้เวลาและความพยายามมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มท่องไปในไซเบอร์สเปซ ซึ่งทำให้เขาหวนระลึกถึงโลกวัยรุ่นที่เขาหลงลืมมันไปนานแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้พบกับห้องแช็ตลามก และปลอมตัวเป็นเด็กสาว ม.ปลายเพราะคิดว่าการเป็นเหยื่อนั้นน่าสนใจและง่ายกว่า เขาแนะนำตัวและบอกพวกเด็กๆในห้องแช็ตที่อายุไม่น่าจะถึง 20 กันเลยสักคนว่า เธอกำลังมองหาคนที่จะเพลิดเพลินแก้เหงากับเธอได้ในค่ำคืนนั้น ไม่นานนัก ผู้ชายคนหนึ่ง(เท่าที่เขาเปิดเผยไว้ในโลกออนไลน์) เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะในหน้าต่างส่วนตัวสักครู่แล้วบอกให้เธอถอดเสื้อผ้าออก พร้อมกับเปิดกล้องเว็บแคม
เขาชาดิกไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะว่าตกใจแบบพวกข้าราชการหัวเก่าตามกระทรวงวัฒนธรรมจะตกใจ แค่เขางุนงงว่า เพียงเขาพิมพ์คำพูดแบบหญิงๆที่ลักจำมาจากแม่กับแฟนเก่านิดๆหน่อยๆ ชายคนที่เพิ่งเจอในอินเตอร์เน็ตก็เชื่อเอาจริงๆจังๆว่าเขาเป็นสาวน้อยที่ พร้อมจะเปลื้องเสื้อผ้าของตัวออกมาได้
เขาไม่ได้ออฟไลน์ทันที ยังล่อหลอกให้ชายคนนั้นรอเรื่อง “พิเศษๆ” ขณะที่คนๆนั้นคิดฟุ้งซ่านว่า สาวน้อยกำลังจะออกมาพบเพื่อจะหลับนอนด้วยกัน จิตติปิดหน้าต่างห้องแช็ต วันนี้คงพอแค่นี้เพราะนี่ก็เป็นเวลานอนของเด็กดีแล้ว เขาคิดว่ามันเป็นเกมที่น่าสนุกดีและเขาก็ได้ชัยชนะ ทิ้งให้ชายคนนั้นนั่งหัวใจสลาย... จิตติหลงใหลความรู้สึกนี้เข้าให้แล้ว
เรื่องราวของการ “วิเคราะห์ตนเอง” ก็เริ่มขึ้น เขาเขียนบทความวิชาการเสร็จเรียบร้อย แต่ไม่ได้เลิกเล่นละครบนเวทีไซเบอร์ เริ่มเสพติดมันและหัวใจของเขาพองฟูทุกครั้งเมื่อกระทู้มีผู้ตอบถึง 300 ความคิดเห็น เขาคงแค่อยากสวมรอยเป็นใครสักคน ไม่ใช่จิตแพทย์หนุ่มคนสำคัญ แต่เป็นวัยรุ่นอกหัก, แม่บ้านที่มองหาฝรั่งสักคนมาอุปถัมภ์เพื่อแบ่งเบาภาระการเงินของครอบครัว หรืออาจารย์ผู้สิ้นหวังที่หลงรักนักเรียนตัวเอง ตอนแรกการโกหกก็เป็นเรื่องยาก ไปๆมาๆเรื่องแต่งก็สมจริงเข้าทุกที เขาทำทุกอย่างเพื่อสร้างเรื่องให้เหมือนจริง อ่านนิยายรักหวานแหววหาวิธีพูดคุยแบบวัยรุ่น อ่านนิตยสารคู่สร้างคู่สมเพื่อหาประสบการณ์แบบแม่บ้านๆ แม้กระทั่งใช้กรณีศึกษาจากผู้ป่วยในดูแลของตัวเองแล้วเปลี่ยนเรื่องนิดๆ หน่อยๆ เท่าที่จะไม่ละเมิดชีวิตจริงของพวกเขา ทุกกระทู้ฮิตติดอันดับกระทู้แนะนำทุกครั้งที่โพสต์ เขาชอบและหลงใหลการล้อเล่นกับความสงสารของผู้คน ถ้าใครจับได้ก็แค่ยักไหล่แล้วโพสต์ลงไปว่า “ผมทำไปเพื่อการศึกษาวิจัย” จิตติกดรีเฟรชอีกครั้งแล้วกดเซฟเพจไฟล์กระทู้ เขียนสรุปเรื่องราวสำหรับวันนี้
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ ฉันไม่ยอมแพ้แล้วค่ะ ฉันจะอดทนเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยนี้ด้วยตัวเอง ขอบคุณความช่วยเหลือ ความคิดเห็นของพวกพี่ๆทุกคนนะคะ ฉันรู้สึกดีจริงๆ”
แล้วเรื่องก็ดำเนินต่อไป นางสาว ก. ต้องตอบขอบคุณสินะ จิตติปิดคอมพิวเตอร์แล้วหันกลับไปทำงาน...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น