คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งสงคราม
บึ้มๆๆ...เสียงแรงระเบิดที่รุนแรงดังติดต่อกันเป็นจำนวนมากติดตามมาด้วยเสียงของเหล็กปะทะกันดังเป็นระนาว ในสงครามที่เรียกได้ว่าเป็นมหาสงครามอันยิ่งใหญ่ไม่มีสงครามใดเทียบได้ ณ ทุ่งหญ้าแห่งพีแนนซ์ ซึ่งในขณะนี้กลายเป็นพื้นที่โล่งเติมไปด้วยหลุมบ่อที่เกิดจากแรงระเบิดมากมายและยังมีศพของผู้คนมากมายกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่สงครามก็ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงแต่อย่างใด
ตูม!!!การระเบิดทีรุนแรงที่มาจากลูกบอลไฟขนาดใหญ่ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีของแรงระเบิดนั้นกลายเป็นจุลไม่มีเหลือสิ่งใดเลยนอกจากหลุมขนาดใหญ่
"ท่านแม่ทัพดันเคลครับทัพหน้าหน่วยที่1ของเราตอนนี้ถูกทำลายแล้วครับ" ทหารหน่วยสอดแนมคนหนึ่งวิ่งมารายงานข่าวให้แก่แม่ทัพ ดันเคล ออร์ทาเรียส ผู้ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพแห่งแกรนเดียร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมา
นัยตาสีฟ้าดูสงบนิ่งมองดูสมรภูมิรบในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความเสียเปรียบอย่างมากที่สูญเสียทัพหน้าหน่วยที่1ไปแต่กับทำให้บุรุษที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะสีเงินมันวาวได้เผยรอยยิ้มที่มุมปาก
"ได้เวลาลุยแล้วเซรอสจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่"ดัลเคลหันไปพูดกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆตนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำ
"เจ้าพูดอย่างนี้ทั้งทีเห็นทีข้าต้องแสดงฝีมือซักน้อยแล้ว"
หลังจากที่เซรอสพูดจบตัวก็หายไปจากเนินเขาด้านหลังสมรภูมิที่ดันเคลตั้งกองทัพใหญ่คอยสังเกตการณ์อยู่บนเนินเขา ไปอยู่บนท้องฟ้ากลางสนามรบ เซรอสชูมือขึ้นชี้ฟ้าเผยให้เห็นไม้เท้าสีเทาบนยอดของไม้เท้ามีลูกแก้วสีมรกตอยู่ตรงกลางแปล่งแสงออกมาจากนั้นเซรอสก็วาดมือออกเป็นรูปครึ่งวงกรมแล้วพูดว่า
"อันเทม่า"
ตูม!!! เกิดแรงระเบิดมหาศาลเป็นวงกว้างทำให้เกิดหมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณและเมื่อหมอกควันจางลง เผยให้เห็นแต่พื้นดินที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใดแม้แต่ซากของทหารก็ไม่เหลือ ทหารแกรนเดียร์ทุกคนต่างโห่ร้องดีใจ เป้าหมายต่อไปของพวกเขาก็คือเนินเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสมรภูมิซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายของศัตรู
"ท่านดันเดลครับจะให้ยกกำลังทั้งหมดไปลุยกับพวกมันเลยไหมครับ"นายพลคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากดูสถานการณ์ในสนามรบว่ากำลังได้เปรียบอย่างมากถึงขนาดที่สามารถปิดฉากกองทัพศัตรูทั้งหมดได้เลย
"ท่านใจร้อนเกินไปท่านนายพล"ดันเคลตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ขณะกำลังมองดูค่ายของศัตรูที่ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
"แต่ท่านดันเคลเราสามารถเผด็จได้เลยนะครับ"นายพลอีกคนหนึ่งพูดขึ้นสนับสนุนให้มีการยกกำลังทั้งหมดเข้าตีค่ายของศัตรู
ดันเคลส่ายหน้าอย่างระอา"ถ้าพวกเจ้าอยากบุกก็เชิญ แต่ข้าให้กำลังพลแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ"
นายพลทั้ง 2 ต่างทำความเคารพแก่ผู้นำสูงสุดโดยชิดเท้าเอามือขวาทุบที่หน้าซ้ายแล้วก้มหัวจากก็พูดพร้อมกันว่า
"ข้าจะไม่ทำให้ท่านดัลเคลผิดหวังเป็นอันขาด"
ดันเคลโบกมือเป็นสัญญาณว่าไปได้หลังจากที่นายพลทั้ง 2 ออกไปแล้ว ดัลเคลก็เอ่ยขึ้นลอยๆว่า
"พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังแต่แรกแล้ว"
"ผิดหวังเรื่องอะไรกันรึท่านดันเคลผู้ยิ่งใหญ่ หรือท่านผิดหลัวในตัวจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่คนนี้"เซรอสที่ลอยอยู่กลางสรมรภูมิหายตัวกลับมาอยู่ข้างๆดันเคลอีกครั้งเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
"ไม่ใช่เจ้าเซรอสเพื่อนข้า จอมเวทอัจฉริยะในตำนาน"ดันเคลตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
"เจ้าก็พูดเกินไปอีกแล้วคราวนี้ถึงระดับตำนานเลยนะเนี่ย เอ...เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่าผิดหวังเรื่องอะไรกัน"เซรอสก็ยังทำหน้าสงสัยไม่หาย
ดันเคลละสายตาออกจากสมรภูมิมามองยังเซรอส
"หึๆ...จะอะไรอีกเล่านอกจากพวกลูกน้องปัญญาทึบๆ ที่เสนอให้ข้ายกทัพใหญ่ลงสู่สมรภูมิเพื่อเผด็จศึกษาละสิ"
เซรอสฟังแล้วก็ยังคงไม่มีท่าทีจะเข้าใจว่าทำไมดันเคลถึงไม่ยกทัพไปบดขยี้พวกที่เหลือ
เมื่อดันเคลเห็นท่าทีสงสัยของเพื่อนรักดังนั้นจึงไขข้อสงสัยให้ว่า
"ที่ข้ายังไม่อยากบุกก็เพราะข้าว่ามันง่ายเกินไปหน่อย เจ้าลองคิดดูสิว่า ฝ่ายตรงข้ามมีจอมเวทที่พลังสูงขนาดร่ายลูกบอลไฟขนาดใหญ่ที่เจ้าบอกว่าเป็นเวทระดับ3ได้อย่างรวดเร็วแม้แต่เจ้าก็ไม่รู้ถึงพลังเวทนั่นลวงหน้าเลยซึ่งผิดจากทุกครั้งที่เจ้าจะรู้ตัวก่อนเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศึกครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้งที่เราเผชิญมา แค่นั้นยังไม่พอตอนนี้ข้าก็ยังสังเกตได้อีกว่าแม้ว่ามันจะเสียกองทัพหน้าไปหมดแล้วก็ยังไม่มีความเคลื่อไหวใดๆไม่แสดงท่าทีจะหวาดหวั่นแต่อย่างใดกลับนิ่งเฉยแสดงให้เห็นว่ามันมีแผนการรองรับและท่าทางจะมั่นใจมากซะด้วย"
'ท่านทำให้ข้าแปลกใจในการสังเกตของท่านได้เสมอจริงๆเลยดันเคล'เซรอสชื่นชมในความสามารถของดันเดลอยู่ในใจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ในใจอีก
"แล้วทำไมยังให้พวกนั้นออกไปสู้อีกละ"
ดันเคลส่ายหน้าเล็กน้อย"ข้าก็ห้ามมันแล้วนี่นาแต่พวกมันยังดึงดันจะไปให้ได้ก็เลยต้องปล่อยไป"
เซรอสในตอนนี้เริ่มจะมีอารมณ์โกธรขึ้นมา"และท่านไม่คิดบ้างหรือไงว่าจะเกิดความเสียหายต่อกองทัพเราแค่ไหน ที่ต้องโดนตัดกำลังไปโดยใช่เหตุอย่างนี้"
ดันเคลผู้สงบนิ่งไม่ได้ใส่ใจกับอารมณ์ของคนตรงหน้าแต่กลับยิ้มเล็กน้อย
"ใจเย็นๆก่อนสิเซรอสเพื่อนข้าที่ข้าให้พวกมันออกไปก็เพราะมีเหตุผลอย่างหนึ่ง"
"แล้วเหตุผลของท่านมันคืออะไรกัน"เซรอสถามอย่างสงสัยขณะที่ตอนนี้เริ่มใจเย็นลงแล้ว
"เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองเซรอส เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้"ดันเคลตอบอย่างสบายใจแล้วหันกลับไปดูเหตุการณ์ในสนามรบต่อ
ณ อีกฟากหนึ่งของสมรภูมิอันเป็นที่ตั้งของกองทัพไกรเซอร์ซึ่งเป็นกองทัพที่เพิ่งตั้งขึ้นได้ไม่นานแต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจนได้รับการขนานนามว่าเป็นกองทัพที่เคลื่อนที่ดังสายลม รุกฆาตดังสายฟ้า จึงเป็นที่หวาดกลัวของอาณาจักรต่างๆจำนวนมากก็เห็นจะมีแต่กองทัพแกรนเดียร์เท่านั้นที่กล้าต่อกรกับกองทัพไกนเซอร์ได้
ตึงๆๆ...เสียงของทหารไกรเซอร์คนหนึ่งวิ่งมาคุกเข่าอยู่หลังบุรุษที่เป็นแม่ทัพหรือผู้นำแห่งกองทัพไกรเซอร์
"ท่านคาร์ด โซเรียส ครับ บัดนี้ทัพหน้าของเราถูกทำลายหมดแล้วครับ และกองทัพของแกรนเดียกำลังมุ่งมาทางนี้แล้วครับ "
บุรุษผู้ชื่อ คาร์ด โซเรียส ผู้นำแห่งกองทัพไกรเซอร์ที่อยู่ในชุดเกราะสีดำที่ลงลวดลายด้วยสีแดงยืนสังเกตุการณ์จากเนินเขากำลังมองศัตรูที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางค่ายของตนอย่างไม่สนใจ
"เจ้าว่าจอมเวทย์ฝั่งโน้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ คลัสโตร" น้ำเสียงอันทรงอำนาจของคาร์คดังขึ้น พร้อมกับหันหน้ามาสบตากับคลัสโตรผู้เป็นจอมเวทย์อันดับ1และเป็นจอมเวทย์เพียงคนเดียวของกองทัพไกรเซอร์
สาเหตุที่มีคนเดียวก็เพราะ วิธีการคัดเลือกของคาร์ค ที่จะให้จอมเวททั้งหมดสู้กันจนเหลือเพียงผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งจอมเวทที่ได้รับการคัดเลือกนั้นทุกคนล้วนเป็นจอมเวทย์ระดับสูงทั้งนั้น จึงทำให้เหลือจอมเวทผู้เก่งที่สุดเพียงคนเดียวเท่านั้นคือครัสโตร บุรุษซึ่งเป็นเหมือนแขนขวาของคาร์ค ผู้ที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีเลือด และกำลังมองดูสมรภูมิโดยมิได้สนใจคาร์คที่หันมาจ้องอยู่
"อันเทม่า ไม่ใช่สิถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่า มหาเวทอันเทม่า ถือเป็นมหาเวทระดับ 5 ระดับสูงสุด มีจอมเวทไม่กี่คนที่ข้ารู้จักที่สามารถร่ายมหาเวทนี้ได้"คลัสโตรตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
พอดาร์คได้ฟังคลัสโตรก็เกิดรอยยิ้มที่มุมปาก"ท่าทางศัตรูคราวนี้คงไม่กระจอกอย่าที่ผ่านๆมา"
"ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านให้ข้าใช้แค่เวทบอลไฟธรรมดาทำไมไม่ให้ข้าใช้มหาเวททำลายมันไปให้หมดเลยในคราวเดียวละท่าน"คลัสโตรเอ่ยถามอย่างสงสัย
"คลัสโตรเอ๋ย คลัสโตรเจ่าอย่าประมาทให้มากน่ะ เพราะถ้าเจ้ารีบร้อนเจ้าก็จะพลาดและพ่ายแพ้ในที่สุด
เข้าใจไหม"
คลัสโตรพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงว่า'ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านต้องการประเมินความสามารถของศัตรูก่อน'
ดาร์คเห็นว่าลูกน้องคนสนิทของเขาเข้าใจแล้วจึงหันกลับไปมองกองทัพที่กำลังมุ่งหน้ามาทางค่ายของเขา
"คลัสโตรข้าว่าได้เวลาที่เจ้าจะเปิดเผยพลังเวทที่แท้จริงของเจ้าให้ศัตรูได้ประจักษ์แล้วนะ"
แล้วดาร์คก็เลือบมองผ่านไหล่ขวาของตนซึ่งเป็นจุดที่คลัสโตรยืนอยู่ แต่บัดนี้เขาหายไปแล้ว
วาบ...คลัสโตรไปปรากฏกายในสนามรบบริเวณหน้าของกองทัพศัตรูที่มุ่งหน้ามา
"ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของจอมเวทอันดับหนึ่งของไกรเซอร์ รับไปเจ้าพวกสวะ มหาเวทเมเทโอ!!!
สิ้นเสียงร่ายมนตร์คลัสโตรก็ยืนอยู่ในท่าที่กางแขนออกทั้ง2ข้าง เผยให้เห็นไม้เทาในมือซ้ายสีดำสนิทบนยอดมีลักษณะคล้ายกรงเล็บของปีศาจในกรงเล็บนั้นมีลูกแก้วสีแดงเพลิงที่กำลังแปร่งแสงสาดส่องไปทั่ว
กองทัพแกรนเดียที่อยู่ในสนามรบล้วนหยุดนิ่งตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นภาพของจอมเวทคนหนึ่งชี้ไม้เท้าขึ้นไปบนฟ้าและเกิดลำแสงสีแดงขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านหมู่เมฆ
เมื่อลำแสงนี้หายไปกลับปรากฏช่องงว่างวงกลมขนาดใหญ่หลายแห่งติดตามมาด้วยเสียงของวัตถุขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านอากาศมาด้วยความเร็ว สิ่งนั้นก็คืออุกาบาตขนาดใหญ่หลายสิบลูกที่พุ่งออกจากช่องเหล่านั้นด้วยความเร็วและเสียดสีกับอากาศจนกลายเป็นลูกไฟขนาดมหึมาตกใส่สนามรบ กองทหารที่ในสนามรบตอนนี้แตกกระจายหนี้ตายอย่างไม่คิดชีวิตแต่ก็สายเกินไป
ในสนามรบตอนนี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อและเศษซากศพกระจายไปทั่ว
"ฮ่าฮ่าฮ่าๆ... มาดูกันสิว่าเจ้าจะแน่สักแค่ไหนนะจอมเวทแห่งแกรนเดียร์"คลัสโตรหัวเราะอย่างสะใจว่า
แล้วก็บังคับให้อุกาบาตทุกลูกพุ่งตรงไปยังที่ตั้งค่ายของกองทัพแกรนเดียร์
"แย่ละสิมหาเวทเมเทโอ จอมเวทฝ่ายตรงข้ามร้ายกาจกว่าที่คิดไว้เยอะ"เซรอสร้องขึ้นด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้าง
"มันคือเวทมนตร์อะไรกันน่ะเซรอสถึงได้น่ากลัวขนาดนี้"เสียงของดันเคลดังขึ้นเป็นเหมือนเรียกสติของเซรอสที่ตะลึงกับภาพการทำลายตรงหน้า
"มันคือมหาเวทเมเทโอ เป็นเวทมนตร์ระดับ 5 หรือเรียกอีกอย่างว่า อัสนีบาตต่างมิติ"เซรอสตอบดันเคลด้วยอาการที่ยังช็อกไม่หาย
"มันกำลังมาทางนี้แล้ว!!!!...."นายทหารคนหนึ่งชี้ไปทางอุกาบาตแล้วร้องขึ้นอย่างตกใจทำให้ทหารในกองทัพต่างพากันตื่นตระหนก
"จงปกป้องพวกพ้องแห่งข้า ม่านปฐพี!!!"เซรอสได้ตะโกนร่ายเวทมนตร์ปกป้องกัน
ทำให้แผ่นดินที่อยู่รอบๆกองทัพม้วนตัวขึ้นสู่อากาศเปรียบเสมือนกำแพงและสมานรวมตัวด้วยกันกับส่วนต่างๆจนกลายเป็นโดมขนาดใหญ่คลุมกองทัพเอาไว้
บึ้มๆๆๆ...เสียงที่เกิดจากการกระแทกของอุกาบาตหลายลูกที่ถล่มใส่โดมอย่างหนักแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจาะผ่านการป้องกันของโดมไปได้
"เชอะเวทม่านปฐพี นับว่าฉลาดไม่เบาที่ใช้เวทที่ดึงพลังจากพื้นดินได้เรื่อยๆ แต่มันยังจะทนอยู่ไหวไหมนะ เมื่อเจอกับเวทนี้"
มือที่ถือไม้เท้าของคลัสโตรชี้ไปยังโดม"จงหาไปซะ อินเฟอร์โนเฟลม!!!"เกิดลำแสงขนาดใหญ่สีเพลิงพุ่งตรงไปยังโดม
"เสร็จกัน ทุกคนหลบจากตรงนั้นเร็วเข้า"เซรอสร้องเตือนอย่างตกใจ
แต่ก็สายไปเสียแล้วลำแสงนั่นพุ่งทะลุโดมทางด้านขวาไปบริเวณซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหน่วยทหารจำนวนมากกลับกลายว่าเหลือเพียงแต่ซากดำสนิทยังกับโดนเผาด้วยความร้อนนับพันองศา
"ข้าไม่น่าพลาดเลย"เซรอสเอ่ยอย่างเศร้าสลดเมื่อหันมามองภาพความเสียหาที่อยู่ตรงหน้า
"เราสูญเสียไปมากจริงๆเซรอส แต่สงครามยังคงดำเนินต่อและเราจะต้องทำให้มันสิ้นสุดลงวันนี้"ดันเคลพูดขึ้นเพื่อเรียกสติของเซรอสกลับมา
"ใช่มันจะต้องจบลงวันนี้และเราต้องชนะ"เซรอสหันมาสบตากับดันเคลด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
"เซรอสเจ้าช่วยจัดการกับจอมเวทนั่นที ข้าจะนำทัพที่เหลือไปถล่มพวกมันให้สิ้นซาก"ดันเคลบอกเซรอสก่อนจะหันไปสั่งกองทัพที่เหลือให้จัดเตรียมทัพให้พร้อมโจมตี
"ได้ข้าจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน"เซรอสหันกลับไปมองคลัสโตรที่หัวเราะสะใจอยู่ก่อนจะหายตัวไปจากตรงนั้น
"ข้าก็เช่นกัน"ดันเคลเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองดูเพื่อนรักของตนไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของศัตรู
ความคิดเห็น