ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] พี่ว๊ากตัวร้าย กับยัยน้องปีหนึ่ง

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 56


     
    เช้าวันต่อมา...

    เสียงมือถือหน้าตาโบราณสุดกู่ทั้งร้องทั้งสั่นเมื่อถึงเวลาที่ผู้เป็นเจ้าของตั้งปลุกเอาไว้

    ลูเคียโงหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกวาดมือควานหาเจ้าตัวต้นเสียงไปทั่วทั้งที่ยังงัวเงีย

    ไอ้โทรศัพท์บ้า อยู่ไหนล่ะเนี่ย?!

    เธอมักจะวางมันไว้ข้างหมอนตอนก่อนนอนเสมอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงไม่อยู่ข้างหมอนเหมือนอย่างเคย? แม้จะกางแขนทั้งสองข้างออกกวาดไปมา ก็ยังหาเจ้าโทรศัพท์นั่นไม่เจอ

    ...หรือมันจะตกพื้น?

    เธอคิดแล้วเริ่มกลิ้งตัวเบาๆ กะแค่ให้ไปหยุดแค่ขอบเตียง

    กลิ้งหนึ่งรอบ...

    ..?!..

    ขอบเตียงหาย!?

    ลูเคียตาสว่าง รีบลุกพรวดขึ้นมานั่ง...ขอบเตียงไม่ได้หาย แต่เตียงเธอหายไปทั้งเตียงเลยต่างหาก!!

    แต่แล้วร่างเล็กก็เอามือปิดหน้า ทิ้งตัวลงกับเตียงดังตุ้บ

    ใช่ที่ไหนกันเล่า ยัยบ๊อง!!

    นี่มันเตียงของ "เขา" ต่างหาก!

    ตาสีม่วงปรือเหม่อลอย เหยียดแขนไปหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมที่มาปิดเสียง ขณะที่ในใจคิดถึงแต่เรื่องเมื่อวาน

    แต่ถามว่าเธอเสียใจไหมที่ทำสิ่งนั้นลงไป? ไม่เลย...ไม่เสียใจเลยสักนิด

    อย่างน้อยเธอก็ได้ให้สิ่งสำคัญไปกับคนที่เธอรัก...แม้เขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็เถอะ

    "ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของเบียคุยะถามขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องหลังจากได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือของลูเคีย

    "ค่ะ" ลูเคียทำหน้าสะลึมสะลือตอบแล้วดึงร่างตัวเองขึ้นนั่ง

    "หลับสบายหรือเปล่า?" เขาถามอีกขณะเดินเข้ามาหา

    ลูเคียพยักหน้าไปพลาง ขยี้ตาไปพลาง "เตียงนุ่มมาก ดูดวิญญาณสุดๆไปเลยล่ะค่ะ"

    ได้ยินเสียงฝีเท้าเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ลูเคียก็รีบก้มมองตัวเองก่อนจะรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าตนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อชุดเดียวกับที่ใส่มาเมื่อวานหรืออยู่ในสภาพตัวเปล่าเล่าเปลือยแต่อย่างใด แต่เธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตอยู่

    ราวกับเบียคุยะจะรู้ว่าลูเคียคิดอะไร เขาชิงพูดถึงก่อน "กลัวคุณจะเป็นหวัด ผมก็เลยปลุกขึ้นมาใส่เสื้อให้"

    แต่ลูเคียกลับทำหน้าเหมือนจำไม่ได้ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นแหยเก ดวงตากวาดไปมาเลิ่กลั่กอย่างพยายามนึกให้ออก

    "จำไม่ได้เลยเหรอ?" 

    "เอ่อ...ก็..." ลูเคียอึกอัก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้สึกตัวอยู่เหมือนกันแต่ไม่ค่อยแน่ใจนัก "จำได้นิดหน่อย"

    ชายหนุ่มเห็นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆและพูดเปลี่ยนเรื่องไป

    "อาบน้ำก่อนไหม?" เขาถาม ร่างสูงหมุนตัวไปหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดที่ลูเคียใส่มาเมื่อคืนซึ่งเขาเก็บมาใส่ไม้แขวนไว้อย่างดีออกมาจากตู้พร้อมกับผ้าเช็ดตัว

    ทีแรกลูเคียก็นึกจะตอบปฏิเสธเพราะอยากกลับไปอาบน้ำที่หอตัวเองมากกว่าแต่พอคิดว่า เธอไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น แล้วถ้าจะซ้อนรถมอไซค์เขากลับไปในสภาพตัวเหม็นแบบนี้...ยอมตายดีกว่า!

    "รบกวนด้วยนะคะ" เด็กสาวลุกขึ้นมารับผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าของตัวเองไป แต่ระหว่างที่ลุกขึ้นยืนนั้น เธอก็รู้สึกว่าร่างกายช่วงล่างมันเจ็บแปลบขึ้นมา...โดยเฉพาะตรงส่วนนั้น

    ร่างเล็กเซและทรุดลงทันใด เบียคุยะรีบโอบแขนคว้าร่างนั้นไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงถึงพื้น

    "เจ็บเหรอ?" เขากระซิบถาม มือก็พยุงเธอขึ้นยืน น้ำเสียงนั้นบอกเธอว่าเขาเป็นห่วงเธอไม่น้อย

    ลูเคียพยักหน้าด้วยความอาย แก้มใสที่ถูกแอร์เย็นเป่าใส่จนซีดดูมีสีแดงเรื่อขึ้นมา 

    "อีกครั้งสองครั้งก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ" 

    เด็กสาวหันขวับมองหน้าเขาอย่างแทบไม่เชื่อหู แต่อีกฝ่ายกลับส่งสายตาใสซื่อกลับมาจนลูเคียต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้หลบสายตาไปก่อน

    "คนบ้า..." ลูเคียบ่นอุบแล้วรีบดึงตัวเองออกห่างเขาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

    ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับแผ่นหลังของร่างเล็กทิ้งตัวยืนพิง เธอถอนใจออกมาอีกก่อนจะมองไปรอบๆห้องน้ำ

    กลิ่นครีมอาบน้ำหอมละมุนกรุ่นไปทั่วห้อง ลูเคียจำกลิ่นนั้นได้ทันทีที่กลิ่นนั้นเตะจมูกเพราะมันคือกลิ่นเดียวกับที่เธอได้กลิ่นจากร่างกายเขาเมื่อคืนนี้...หอมเหลือเกิน

    ไออุ่นจากน้ำร้อนที่เขาเพิ่งอาบไปยังอบอวลและชวนให้รู้สึกอบอุ่นนัก เธอแขวนเสื้อกับผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่ราวสแตนเลส ถอดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งออกจากร่างและหย่อนมันใส่ตะกร้าไม้ข้างอ่างล้างหน้า มองไปรอบๆก็สังเกตเห็นว่า แค่ห้องน้ำของเขาก็ใหญ่พอๆกับห้องนอนในหอของเธอแล้ว ด้านในฝั่งซ้ายเป็นตู้อาบน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นอ่างอาบน้ำที่น่าลงไปนอนแช่สุดๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาจะทำอะไรแบบนั้นหรอก

    เธอเดินเข้าตู้อาบน้ำ สังเกตเห็นว่าชุดอุปกรณ์อาบน้ำอย่างครีมอาบน้ำ หรือยาสระผมที่เขามี มันบรรจุอยู่ในขวดที่ดูหรูหราอย่างมาก และไม่ใช่ยี่ห้ออย่างที่มีขายทั่วไป เธอนึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอหันไปปรับเครื่องทำน้ำร้อนกะให้อุ่นพอดีและปล่อยให้สายน้ำชะล้างร่างกาย สายน้ำอุ่นที่ไหลผ่านร่างจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง สู่เส้นทางลับของร่างเด็กสาวทำเอาเธอร้องซี้ดออกมา

    แม้จะเจ็บจนไม่อยากจับ แต่เธอก็ต้องทำความสะอาดมันอยู่ดี เธอกดสบู่เหลวใส่มือแล้วกลั้นใจแตะมือลงที่ส่วนบอบบางของตัวเองช้าๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อรู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของเธอมันบวมฉึ่ง...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ็บตอนลุกขึ้นเดิน

    ลงด้วยเป็นแบบนี้ แล้วเธอจะเดินไปเรียนไหวไหมล่ะเนี่ย?! เธอนึกฉงนก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ

    ไม่ได้! จะให้เรื่องพวกนี้มาทำให้เสียการเรียนไม่ได้! 

    เธอกลั้นใจล้างจุดซ่อนเร้นอันอ่อนไหวของตัวเองอย่างเบามือจนเสร็จแล้วค่อยหันมาจัดการกับร่างตัวเอง และพอใกล้จะเสร็จก็ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ลูเคียสะดุ้งเฮือกรีบหันหลังให้ประตูทันที ความตกใจทำเอาลืมคิดไปเลยว่าเขาน่ะ เห็นร่างกายเธอหมดทุกส่วนไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

    "ผมเอาแปรงสีฟันมาให้ วางอยู่ข้างอ่างล้างหน้านะ" เสียงเขาบอกเพียงแค่นั้นและประตูก็ปิดลงโดยที่ลูเคียยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
    เธอปิดน้ำแล้วเดินมาแปรงฟัน ใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย หันไปมองนาฬิกาก็ยังแค่หกโมงห้าสิบ...ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ

    (ไรท์เตอร์: ปรกติที่ญี่ปุ่นเค้าแปรงฟันกันหลังกินข้าว แต่โลเกชันในเรื่องมันไม่ใช่ญี่ปุ่นนี่นะ...) 

    ลูเคียเดินออกมาก็เห็นว่าเบียคุยะนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์รอเธออยู่ที่โต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว เธอชะงักไปนิดหนึ่ง ภาพพจน์ของผู้ชายตรงหน้ามันจะดูห่างไกลกับสถานะนักศึกษาเกินไปแล้ว!!

    เบียคุยะหันมาเห็นว่าลูเคียออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ลงหนังสือพิมพ์ลงเล็กน้อย "นั่งสิ ผมทำอาหารเช้าไว้ให้" เขาบอก ทำหน้าพยักเพยิดไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา ตรงนั้นมีจานอาหารเช้าแบบฝรั่งวางอยู่

    ออมเล็ตพร้อมไส้กรอกอันเล็กๆสองอันกับเบคอนกริลล์กรอบๆอีกสองเส้น แซนวิชหนึ่งคู่...และน้ำส้มอีกหนึ่งแก้ว

    "เอาซีเรียลกับนมด้วยไหม?" เขาถามเมื่อเห็นลูเคียยืนมองนิ่งๆ

    ลูเคียรีบสั่นหัวรัวแล้วนั่งลง "แค่นี้หนูก็ไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือเปล่าแล้วค่ะ" เธอรู้สึกตัวเกร็งนิดๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะลงทุนทำอาหารเช้าให้ด้วยแบบนี้ แถมหน้าตาก็น่ากินสุดๆ อย่างกับอาหารเช้าตามโรงแรมในทีวีเลย 

    "ผมไม่ค่อยได้ทำมื้อเช้าเท่าไหร่ คงจะพอกินได้นะ" เบียคุยะบอกแล้วหันไปจิบกาแฟ

    ลูเคียแอบชำเลืองมองเขาตอนที่เริ่มจัดการกับอาหารเช้า...ท่าทางแบบนั้น มันเหมือนนักธุรกิจชะมัด

    "ขนาดไม่ค่อยได้ทำ หนูยังว่าอร่อยมากเลยค่ะ" เธอพยายามชวนคุยไปด้วย ตาก็มองหนังสือพิมพ์หน้าที่เขาอ่านอยู่ไปด้วย อย่างน้อยก็อยากจะรู้จักเขาให้มากขึ้นกว่านี้

    "ไว้วันหลังจะทำให้กินอีก" เบียคุยะว่า แต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ

    "ค่ะ" ถึงจะรู้สึกเกรงใจ แต่ก็ดีใจไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น "เอ่อ รุ่นพี่ชอบเรื่องเศรษฐกิจเหรอคะ?"

    "เปล่า ไม่ได้ชอบ แต่ต้องอ่านไว้เพราะบ้านผมทำธุรกิจน่ะ"

    ลูเคียหูผึ่ง ชักไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมทุกอย่างของเขา ทั้งห้องหับหรือกระทั่งท่าทางถึงได้ดูเหมือนนักธุรกิจนัก

    "แล้วทำไมถึงมาเรียนฟี่ (ฟี่ = ฟิสิกส์) ล่ะคะ?"

    "ผมไม่อยากทำอะไรที่มันซ้ำซากจำเจ บริหารน่ะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้" 

    เด็กสาวรุ่นน้องก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ...ท่าทางหนุ่มที่เธอปลื้มหนักหนาจะหัวดื้อน่าดู

    "ทางบ้านยอมหรือคะนั่น?"

    "จะยอมหรือไม่ยอม ผมก็ไม่สนหรอก" เขาว่าเสียงเฉยชาจนลูเคียแอบกลืนน้ำลายเอื้อกแล้วหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตากินออมเล็ตนั้นต่อทั้งที่ใจก็ไม่อยากจะเร่งอะไรนัก แต่ว่าเธอยังต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอก่อนไปเรียนอีก ขืนมัวโอ้เอ้จะเข้าเรียนคาบแรกไม่ทันเอา

    มือเช้าแสนอร่อยหมดลงในเวลาไม่นาน เธอทำท่าจะเก็บจานไปไว้ในอ่างล้างจานแต่เขาห้ามไว้ก่อน

    "ไม่ต้องเก็บหรอก ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หออีกไม่ใช่เหรอ มัวมาล้างจานเดี๋ยวก็สายพอดี" เขาว่าแล้วพับหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะ ทิ้งถ้วยกาแฟของตัวเองไว้เหมือนเธอ "เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเก็บเองนั่นแหละ"

    "แม่บ้าน?"

    "ที่บ้านผมส่งมาไว้ช่วยเก็บกวาดห้องกับเอาเสื้อผ้าไปซักให้น่ะ แค่มาแล้วก็ไป ไม่ได้อยู่ทั้งวันหรอก" เบียคุยะบอกแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถ เดินนำไปทางประตู ส่วนลูเคียเดินตามหลังไปอย่างนึกขนลุก

    แบบนี้ที่บ้านเขาก็รู้น่ะสิ ว่าเขาพาผู้หญิงมานอนด้วยน่ะ?!

    "เรื่องเมื่อคืน...จะดีเหรอคะ?" เธอพึมพำ "เอ่อ...หนูหมายถึงว่า ถ้าที่บ้านรุ่นพี่รู้เข้า..."

    "ช่างสิ" เขาตอบแบบไม่แคร์ "รู้ก็รู้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"

    ลูเคียทำหน้าแหยแบบไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ได้แต่เดินตามเขาลงมาที่รถเพื่อให้เขามาส่งที่หอและต่างคนต่างแยกย้ายกันไป...


    ********************


    ลูเคียยืดคอ ชะเง้อดูกระดานไวท์บอร์ดว่ามีใครฝากอะไรถึงเธอบ้างไหมเมื่อเรียนเสร็จและกลับมาถึงหอในตอนเย็น เธออมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นชื่อกับเบอร์ห้องของเธอปรากฏอยู่บนนั้น เธอเดินไปยังเคาท์เตอร์ของคุณป้าเฝ้าหอแล้วถาม คุณป้ายิ้มหวานและก้มลงไปหยิบถุงกระดาษสองถุงขึ้นมาให้

    ลูเคียรีบรับมาและกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองไป วางสัมภาระลงและนั่งบนเตียง เธอหยิบถุงกระดาษถุงแรกมาดู ภายในนั้นมีถุงกระดาษอีกหลายถุงรวมกันอยู่ ระหว่างถุงเหล่านั้นมีกระดาษโน้ตใบเล็กๆเสียบแทรกอยู่ ลูเคียหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่าน

    //ฝากให้โมโมะด้วย ขอบคุณมาก...ไอเซ็น โซซึเกะ// 

    ตัวหนังสือของข้อความนั้นประณีตบรรจงบอกถึงนิสัยความมีระเบียบของคนเขียนได้เป็นอย่างดี

    ส่วนอีกถุง...เป็นลายมือหวัดๆอย่างยุ่งเหยิง แตกต่างกันกับของไอเซ็นราวฟ้ากับเหว

    //ของเทคแคร์จ้า ขอโทษด้วยที่วันก่อนไม่ได้เอาของเทคไปให้หลังห้องเชียร์ ทานให้อร่อยนะ!!...โคเท็ตสึ คิโยเนะ// 

    ลูเคียหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงท่าทางห้าวๆของหญิงสาวที่ตัวเล็กพอๆกับเธอ...ผู้เป็นพี่รหัสของเธอเอง

    ส่วนมากแล้วคิโยเนะมักจะเอาของเทคมาให้หลังเลิกห้องเชียร์ แต่วันก่อนไม่ได้มาก็เลยเอามาฝากไว้ที่หอให้วันนี้แทนซึ่งลูเคียก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก 

    หยิบออกมาจากถุงก็พบว่า ของที่พี่รหัสเธอมาฝากไว้ให้นั้นเป็นส้มลูกสวยหกลูก เธอหยิบขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วปอกเปลือกส้มออกเป็นกลีบๆอย่างสวยงามและส่งเข้าปาก 

    ส้มหวานกรอบที่ซ่านอยู่ในปากทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากทีเดียวในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ แว่บหนึ่งเธอนึกถึงเบียคุยะขึ้นมา

    เขาจะทำอะไรอยู่นะ?...

    คิดแล้วก็ถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อดี

    อยากจะไปหาเขาอยู่หรอก แต่ก็กลัว กลัวเขาจะหาว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย 

    ผ่านมายังไม่ถึงวัน ก็คิดถึงเขาแทบบ้า เธอเขกหัวตัวเองเบาๆ...ทำไมต้องไปรักคนที่ไม่ควรจะรักด้วยนะ?

    เมื่อคืนก็ยังหาเหตุไปหาเขาได้โดยอ้างว่าเป็นห่วง...แต่หลังจากวันนี้ไปล่ะ? เขาอาจจะไม่อยากเจอเธออีกแล้วก็เป็นได้

    นอกจากเขาจะไม่รักเธอแล้ว เธอยังบอกไปอีกว่าไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบ...แค่นี้มันก็ทำให้เขาตีตัวออกห่างได้ง่ายๆเลยไม่ใช่เหรอ?

    ถ้าเขาจะหายหน้าไป เธอก็ไม่แปลกใจหรอกนะ

    ลูเคียคิดแล้วพ่นลมหายใจออกมาอีก แล้วก็เอาแต่นั่งมองโทรศัพท์จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอจ้องมันราวกับกำลังเพ่งกระแสจิตให้เขาโทรหาเธอสักนิดก็ยังดี...แต่ก็มีแค่ความเงียบที่เปล่งประกายออกมาจากโทรศัพท์รุ่นเก่ากึ๊ก 

    หนำซ้ำ ฟ้าด้านนอกก็มืดลงเรื่อยๆ ขณะที่ท้องเธอเริ่มคร่ำครวญหาอาหารมื้อเย็น ลูเคียมองไปยังบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่วางข้างกระติกน้ำร้อนอันเล็ก ก่อนจะเมินหนีด้วยความรู้สึกไม่อยากกิน

    อยากกินอะไรหวานๆ...จริงสิ!

    จู่ๆ ลูเคียก็นึกอะไรแผนการดีๆออก เธอรีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าสะพายกับมือถือออกไปจากห้องอย่างเร็ว...


    ***********


    สิบนาทีต่อมา ร่างเล็กของเธอก็มายืนหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับคุณป้ามาซาคิที่ร้านขนมปังใกล้ๆกับหอพักของเขา

    แม้ปากจะยังสนทนาฉอเลาะอยู่กับมาซาคิแต่สายตากลับลุกลนคอยแต่จะชะเง้อมองหาเงาของร่างสูงที่คุ้นตาไปด้วย

    "ดีจังเลยนะคะ เคยไปเรียนทำขนมที่ฝรั่งเศสด้วย" เด็กสาวว่าปนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    "จ้ะ ช่วงนั้นคุณลุงเค้าไปทำงานที่โน่นช่วงสั้นๆพอดีก็เลยได้เจอกันน่ะจ้ะ" มาซาคิเล่าไปก็ยิ้มไปเมื่อนึกถึงความหลังครั้งเจอสามีของตน

    "โรแมนติกจังนะคะ"

    "จ้ะ ไว้ลูเคียจังหาโอกาสไปสิ ฝรั่งเศสน่ะมีแต่เมืองสวยๆทั้งนั้นเลยล่ะจ้ะ"

    "หนูก็หวังว่าสักวันจะมีโอกาสแบบคุณป้าบ้าง" ลูเคียยิ้มจริงใจ

    "ต้องมีแน่ๆจ้ะ!" มาซาคิให้กำลังใจลูเคียอย่างกระตือรือล้น 

    "แม่ฮะ! เห็นกระเป๋าผมหรือเปล่า?!" 

    จู่ๆก็มีเสียงห้าวของเด็กหนุ่มดังแทรกการสนทนามาจากหลังร้าน พร้อมกับร่างสูงผมสีส้มชะโงกออกมาถามมาซาคิผู้เป็นแม่

    มาซาคิยังคงหัวเราะคิกคัก เรือนร่างงามนั้นก้มหยิบกระเป๋าหนังสีน้ำตาลจากใต้เคาท์เตอร์มายื่นให้ลูกชายคนโต

    เด็กวัยรุ่นคนนั้น...ถ้าเธอจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่ออิจิโกะ ที่มาซาคิเล่าว่าอายุไล่ๆกับเธอ

    ลูเคียมองสองแม่ลูกคุยกันอย่างไม่คิดจะเข้าขัดจังหวะ  แต่เธอมองอะไรผิดไปเสียแล้วเมื่อมาซาคิหันมาทำตาลุกวาวใส่ลูเคียจนเธอสังหรณ์ใจแปลกๆทันทีกับสายตาแบบนั้น

    เด็กหนุ่มยื่นมือมา ทำท่าจะคว้ากระเป๋าไปจากมาซาคิ แต่ผู้เป็นแม่กลับดึงกระเป๋านั้นกลับมาที่ตัวเองอย่างไม่ยอมให้ไปง่ายๆ

    "อิจิโกะ มารู้จักกับลูเคียจังก่อนสิจ๊ะ" มาซาคิบอกแล้วหันมาขยิบตาให้ลูเคีย

    คิ้วลูเคียกระตุก...ไม่นะ ไม่นะ อย่านะ!!

    "ลูกค้าไม่ใช่เหรอ?" อิจิโกะเองก็ทำท่าไม่สบายใจเหมือนกันที่ถูกดึงมาร่วมวงสนทนา

    เขายื่นมือมาขอกระเป๋าอีก แต่มาซาคิยังอุ้มกระเป๋าของลูกชายไว้กับตัว

    "ลูเคียจัง นี่อิจิโกะ ลูกชายป้าจ้ะ เรียนปีสามแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ อยู่มหาวิทยาลัยอื่นน่ะจ้ะ ช่วงนี้กลับมาเที่ยวบ้านเฉยๆ" มาซาคิอธิบายฉอดๆอย่างไม่สนสีหน้าลำบากใจของคนทั้งสองเลยสักนิด

    "อือ สวัสดี" อิจิโกะหันมาทำเป็นยิ้มกว้างแบบเสแสร้งสุดๆใส่ลูเคียแล้วฉวยจังหวะนั้นแย่งกระเป๋าตัวเองกลับคืนมา

    "อิจิโกะ!" มาซาคิบุ้ยปากใส่ลูกชายอย่างงอนๆเมื่อเห็นอิจิโกะทำท่าไม่แยแสขนาดนี้ ทั้งยังรีบเดินไปทางประตูอีก

    "ไปแล้วๆ เร็นจิมารับแล้ว ไปถึงแล้วจะโทรหา!" อิจิโกะว่าตัดบทพลางเอามือหยิบครัวซองค์บนชั้นใส่ปากแล้วเดินออกไปทันที

    มาซาคิได้แต่ส่ายหน้าเมื่อลูกชายตัวดีไม่ยอมฟังอะไรเลย เธอหันมาขอโทษลูเคียที่ทำเสียมารยาทแบบนั้น

    "ขอโทษด้วยนะจ๊ะ นิสัยใช้ไม่ได้เลย เจ้าลูกคนนี้"

    ลูเคียหัวเราะแหะๆ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ไม่ใช่แค่เธอจะดีใจที่อิจิโกะไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอเท่านั้น แต่ยังรู้สึกโล่งอกมากๆทีเดียว

    ...ก็สายตาของมาซาคิน่ะ เหมือนกำลังจะเชียร์ให้เธอคบกับลูกชายตัวเองยังไงยังงั้นแหละ!

    เสียใจด้วยนะ หัวใจกับร่างกายเธอน่ะ...ให้ใครอีกคนไปหมดแล้วล่ะ ไม่เหลือไว้มองใครอีกแล้ว...

    ว่าแล้วก็อดมองออกไปนอกร้านอีกไม่ได้ แต่ก็ยังคงไม่เห็นเขาเดินผ่านมาอยู่ดี

    มีแต่แผ่นหลังของอิจิโกะที่ยืนอยู่หน้าร้าน ก่อนที่จะมีมอเตอร์ดไซค์คันใหญ่ที่ขับโดยผู้ชายตัวใหญ่ๆผมสีแดง มีรอยสักเตะตาที่หน้าจอดตรงหน้าของอิจิโกะ และรับอิจิโกะซ้อนท้ายออกไปด้วยกัน

    ลูเคียพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างหมดหวัง วันนี้แผนการเธอแป้กไม่เป็นท่าซะแล้ว คิดว่าจะมาแอบซุ่มเจอเขาแล้วแกล้งทำเป็นบังเอิญเจอกันสักหน่อย สงสัยต้องกลับไปซดน้ำแห้วที่หอตามเดิมซะล่ะมั้ง

    "งั้น...หนูขอตัวก่อนนะคะ มืดซะแล้วน่ะค่ะ" ลูเคียรีบบอกข้ออ้างของตัวเองกับมาซาคิ ก่อนที่มาซาคิจะร่ายยาวชีวประวัติของอิจิโกะให้เธอฟัง

    มาซาคิทำหน้าผิดหวัง "จ้ะ กลับดีๆนะจ๊ะ"

    เด็กสาวยิ้มแกนๆแล้วรีบออกมาจากร้าน


    **************
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×