"งานยุ่งรึ?"
เบียคุยะก้าวเข้ามาในห้องอ่านหนังสือที่ภรรยาของตนกำลังนั่งขะมักเขม้นเขียน รายงานส่งหลังจากกลับจากการทำภารกิจที่โลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน ในมือนั้นประคองถาดที่มีชุดน้ำชากับขนมสีหวานมาด้วย
เพราะเป็นยามสายของฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงกำลังอุ่นสบายและสดใสนัก หากทว่า บรรยากาศในห้องหนังสือเบื้องหน้าเขากลับไม่ได้สดใสตามไปด้วย
"ค่ะ งานยุ่ง" นางตอบห้วนผิดวิสัย "แล้วก็ ท่านพี่คะ เขยิบไปหน่อยค่ะ ท่านยืนบังแสง ข้าเขียนไม่เห็น"
ร่างสูงขมวดคิ้วและรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดในน้ำเสียงนั้นทันที เขาค่อยๆขยับหลบมาอีกทางแล้วนั่งลงเคียงข้างอย่างสุดรัก
"อย่าเขยิบมาใกล้สิคะ ร้อนจะตาย" นางบ่นพลางกระเถิบตัวออกห่าง
คราวนี้เขาชะงัก...
ไม่เพียงแต่น้ำเสียง แม้แต่ท่าทางก็---
"งั้นข้ารินน้ำชาให้นะ" เขาพยายามเอาใจ โดยไม่ใส่กับน้ำเสียงและท่าทีของนาง
"ไม่เอาค่ะ" นางตอบโดยไม่มองหน้าเขา "แล้วท่านยกชาร้อนมาเหรอ ช่วงเช้าฝนตก อากาศอ้าวจะตาย ข้ากินชาร้อนๆไม่ได้หรอกค่ะ ยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่เลย"
มือใหญ่ที่กำลังจะส่งถ้วยชานั้นให้ถึงกับหยุดค้างกลางอากาศด้วยความผิดหวัง
แต่ไม่เป็นไรหรอก...นางอาจจะกังวลเรื่องงาน เขาคิดอย่างเข้าข้างและปลอบใจตัวเอง
"ถ้าอย่างนั้นลองไดฟูกุนี่หน่อยสิ ร้านโปรดของเจ้าเลยนะ" เขาไม่ละความพยายามง่ายๆ เพราะพักนี้นางดูเครียดๆ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว บางทีก็บ่นให้เขาฟังว่าเพราะหัวหน้านางป่วยบ่อย งานก็เลยมากองตรงหน้านางไปเสียทุกอย่าง
บางทีการได้ทานขนมที่ชอบ อาจทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นบ้างก็ได้
"วางไว้ก่อนค่ะ ข้ายังไม่อยากกิน"
"งั้นข้าไปยกชาเย็นมาให้" เขาเสนอแนะ
หากแทนที่ลูเคียจะตอบ นางกลับกระแทกพู่กันลงวางกับโต๊ะพร้อมกับเสียงหายใจแรงๆ
"ข้าไม่เอาอะไรทั้งนั้น"
"ลูเคีย"
"แล้วท่านก็ของพวกนี้ออกไปด้วย! ข้าต้องการสมาธิ!" นางตอบเสียงห้วนโดยไม่แม้แต่จะหันมาแล
"งั้น..." เบียคุยะไม่เถียง ได้แต่ทำท่าหงอยๆดึงถาดขนมน้ำชาออกจากโต๊ะ "...ข้านั่งอ่านหนังสืออยู่มุมโน้น อยากได้อะไรก็บอกนะ"
นางไม่ตอบ แต่หันกลับไปทำงานต่อ ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง ขณะที่เบียคุยะได้แต่มองตาละห้อยจากอีกมุมห้องอย่างเงียบๆด้วยความรู้สึกที่ ว่าไม่อยากไปขัดใจนาง
เมื่องานเสร็จ...เดี๋ยวก็คงอารมณ์ดีขึ้นเอง
เขาคิดเช่นนั้น จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงถัดมา....
"ท่านพี่คะ ท่านช่วยออกไปได้ไหมคะ?" นางโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิด
เบียคุยะค้างมือที่ถือหนังสือไว้นิ่งงัน
"ข้า...แค่นั่งอ่านหนังสือ..." เขาว่าหลังจากทบทวนจนแน่ใจว่าเขานั้นนั่งอ่านหนังสือเงียบๆโดยไม่ส่งเสียง ใดๆสักแอะมาโดยตลอด และมั่นใจว่าไม่ได้กระแทกอะไรจนเป็นเหตุให้เกิดเสียงรบกวนนาง
"ขอโทษนะคะ คือว่าพอหันไปเห็นท่านตอนทำงานแล้วมัน..." นางทำหน้ายุ่ง "...หงุดหงิด...บอกไม่ถูก"
พูดจบก็หันกลับไปทำตัวยุ่งวุ่นวายกับเอกสารของตัวเอง หูก็คอยเงี่ยฟังเสียงเปิดประตูกับเสียงฝีเท้าเขา
เบียคุยะค่อยๆปิดหนังสือลง ลุกขึ้น แต่ไม่ได้เดินออกไปจากห้อง เขากลับเดินมายังนาง "เจ้าหยุดพักสักหน่อยดีไหม?"
"ข้าไม่เป็นไรค่ะ" นางหันมามองเขา "นี่ท่านยังไม่ไปอีกเหรอคะ?"
คำพูดตัดรอนน้ำใจนั้นแม้จะทำให้เขากระอักกระอ่วน แต่เขาก็ยังเก็บมันไว้ใต้หน้ากากเย็นชาแนบเนียน "ไม่สบายหรือเปล่า?" เขาฝืนถามต่อ หลังมือยกแตะหน้าผากนางอย่างนึกห่วง
"อื๊อ...บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิคะ" นางสะบัดหลบ "ท่านนี่เล้าหลือจัง"
ยิ่งเห็นท่าทางนาง เขากลับยิ่งรู้สึกไม่ดี ไม่ว่านางจะโมโหหรือหงุดหงิดอะไรมา หน้าที่ของผู้เป็นสามีเช่นเขาคือต้องหาทางบรรเทามันลงจากบ่านางให้ได้
เขาคว้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงดึง "ไปเดินเล่นกัน"
"ไม่เอา ท่านพี่ ปล่อยข้านะคะ!"นางโวยวายเสียงดัง
"ลูเคีย!"
คราวนี้นางเป็นฝ่ายชะงักบ้างเมื่อเขาเรียกชื่อนางด้วยเสียงเย็นชาอย่างปรามๆการกระทำของนาง
"เดี๋ยวค่อยกลับมาทำ" เขาพูดต่อด้วยเสียงที่อ่อนลงเมื่อเห็นเธอสงบปากลงได้หน่อย
"ท่านก็เป็นแบบนี้ เอะอะก็บังคับ" นางน้ำตาคลอเริ่มก่อดราม่า "ใช่สิ ท่านเป็นเจ้าบ้าน จะทำยังไงกับข้าก็ได้"
"เจ้าเป็นอะไรเนี่ย?" ชายหนุ่มขมวดคิ้วชัดด้วยความกังวลที่เริ่มก่อตัว "อารมณ์เสียใส่ข้าตั้งแต่เช้าแล้วนะ"
"ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" นางปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง "ใครจะไปกล้าโกรธท่านเจ้าบ้านเล่า"
เขาถอนใจยาว "ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปเดินเล่นกับเจ้าบ้านอย่างข้า"
...ในเมื่อพูดดีๆก็ประชดใส่ เห็นทีคงต้องบังคับกันแล้ว
"....เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว" นางว่า น้ำเสียงแฝงประชดประชัน
เบียคุยะพยักหน้า
...ออกไปเจอบรรยากาศดีๆหน่อย คงจะทำให้นางสบายใจขึ้น
.........
ผิดคาด การพานางไปเดินเล่นกลับทำนางอารมณ์เสียหนักกว่าเก่า นางบ่นตั้งแต่ สภาพอากาศ อาหาร ผู้คน แม้กระทั่งตัวเขาเอง อะไรๆก็ดูเหมือนขวางหูขวางตานางไปเสียหมด
แต่เขาก็ยังพยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงบ่นของนางราวกับมันเพียงเข้าหูซ้ายออกหูขวาไปเท่านั้น
...สิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตคู่คือ ความอดทน
และเขาก็เดินท่องคำๆนี้มาตลอดทางราวกับสะกดจิตตัวเอง
"ท่านพี่คะ ท่านจะเดินต่อรึเปล่า?" จู่ๆนางก็ถามขึ้นมาทำลายความคิดของเขา "ถ้าไม่ ข้าจะกลับบ้านแล้ว"
"ยังไม่กลับ และยังไม่ให้เจ้ากลับด้วย" เขาตอบเสียงนิ่ง ดวงตานั้นจ้องไปยังร้านค้าข้างทางราวกับคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่
"เราเดินมาตั้งนานแล้วนะคะ แล้วงานของข้าก็ยังไม่เสร็จด้วย นางบ่นอุบอิบ "ท่านทำข้าเสียเวลาจริงๆ"
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงโอดครวญปนแดกดันของนางก่อนจะหยุดเท้าหน้าร้าน...ขายตุ๊กตา
"เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้จั๊ปปี้จะออกตัวใหม่มาวางขายน่ะ?" เขาถาม แม้จะไม่เหลียวหน้ามามองนางที่ยืนทำแก้มป่องอย่างอารมณ์เสีย
"รู้ค่ะ" นางตอบ "แต่งานต้องมาก่อนสิคะ ขืนให้ข้าเสียงานเพราะต้องมามัวแต่ตามจั๊ปปี้ก็แย่สิ"
เบียคุยะเลิกคิ้วน้อยๆอย่างแปลกใจ...ลูเคียน่ะรึ ปฏิเสธจั๊ปปี้?!
"ไม่รู้ล่ะ ข้าจะกลับบ้าน ทำงานให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาซื้อทีหลัง"
เบียคุยะมองภรรยาที่ดึงดันเอาแต่ใจก็เปลี่ยนเป็นเสียงดุกว่าเดิม
"ข้าเพิ่งบอกไปว่า ยังไม่ให้เจ้ากลับ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ" แม้จะไม่อยากบังคับหรือทำเสียงดุใส่นาง แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ นางก็คงจะดื้อดึงไม่ยอมฟังท่าเดียว
"...ขอโทษค่ะ" นางทำเสียงขุ่นคล้ายถูกขัดใจ
ร่างสูงแอบยิ้มมุมปากให้ตัวเองเมื่อนางทำตาม มือเอื้อมไปจับประตูและเปิดมันออกเพื่อเดินเข้าไปในร้าน โดยมีลูเคียเดินตามเข้าไปอย่างเสียไม่ได้
"นี่ออกแบบใหม่ล่าสุดแล้วรึเนี่ย" นางว่า พลางหยิบจั๊ปปี้รุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมอง "ไม่เห็นสวยเลย รุ่นก่อนยังสวยกว่านี้อีก"
"มา แล้วก็ซื้อไปก่อน" เขาตัดบทแล้วคว้าจั๊ปปี้ตัวนั้นไปจากมือนางส่งให้คนขายที่แทบจะก้มตัวติด พื้นเมื่อเห็นขุนนางเช่นเขามาที่ร้านด้วยตัวเอง
"ท่าน พี่ซื้อไปแล้ว ไม่ต้องให้ข้านะคะ ข้าไม่เอา" นางว่า รู้ว่ามันเป็นคำพูดที่นางไม่ควรพูด แต่ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมวันนี้เบียคุยะถึงได้ทำเรื่องขัดใจขวางหูขวางตานางทั้งวัน...ครั้งนี้ก็ อีก นางไม่อยากได้จั๊ปปี้ตัวนี้ เขาก็ยังซื้อยัดเยียดให้นาง...เผด็จการ!!
หญิงร่างท้วมผู้เป็นเจ้าของร้านมองขาประจำอย่างลูเคียสะบัดหน้าไปยืนเกาะ ประตู ร่ำๆจะออกไปจากร้านเสียให้ได้ก็นึกแปลกใจนัก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคุจิกิ เบียคุยะ ก็ไม่กล้าจะถามอะไรด้วยเกรงจะละลาบละล้วง ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนไปให้เจ้าบ้านคุจิกิ
"ถ้ายังไง ข้าน้อยจะให้คนนำตุ๊กตาตัวนี้ไปส่งให้ที่คฤหาสน์นะเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง" เขาตอบ แล้วคว้าตุ๊กตายัดใส่แขนเล็กอย่างหงุดหงิด "ข้าซื้อให้นาง นางก็ต้องถือไปเอง"
ลูเคียหันขวับ มองหน้าสามีกับตุ๊กตา(ที่เคยโปรด)สลับไปมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่ครั้นจะไม่รับไว้...ก็ยังรู้สึกเกรงๆเขาอยู่บ้าง
ใจหนึ่งอยากจะโยนทิ้งให้เหมือนเผือกร้อนแล้วสะบัดหน้าเดินไปอย่างไม่ไยดี...
อีกใจหนึ่งก็...รู้สึกกลัวเกรงสายตาของเขาอยู่...
สุดท้ายนางเลือกรักษาชีวิต...ยอมอุ้มมันไว้แต่โดยดี
เมื่อเห็นนางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ไม่มีแววว่าจะเหวี่ยงตุ๊กตาลงพื้น เขาก็ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง...เล็กน้อย
เบียคุยะเปิดประตู ขณะลูเคียเข่นเขี้ยวนึกดีใจว่าจะได้กลับบ้านเสียที!
"เราไปกินน้ำแข็งไสกันไหม?" เบียคุยะเอ่ยชวน เผื่อเผือกร้อนก้อนน้อยๆตรงหน้าเขาจะได้เย็นลงบ้าง
ฉับพลันที่ได้ยิน ลูเคียกลับทำหน้าบูดหนักกว่าเดิมเมื่อความหวังจะได้กลับบ้านเมื่อโดนน้ำแข็งใสดับหวังนั้นไป
แค่น้ำแข็งใสถ้วยเล็กๆ มีหรือจะดับไฟอารมณ์ของนางลงได้...ไม่เพียงจะดับมันไม่ได้ ยังกลับกลายเป็นน้ำมันที่โหมไฟจนแรงไปเสียอีก
"ไม่เอา ข้าไม่กิน ข้าจะกลับบ้าน!" ในที่สุดต่อมดราม่าของลูเคียก็แตกดังโพละ เผลอตะโกนใส่เบียคุยะดังลั่น "ท่านมันชอบบังคับคนอื่น คนใจร้าย เผด็จการ!"
สิ้นคำก็มิอาจอยู่รอให้เขาทำร้ายจิตใจที่อยากกลับบ้านของนางได้อีก ตุ๊กตาตัวป้อมโดนยัดกลับคืนอ้อมอกร่างสูงก่อนที่นางจะหมุนตัวเองวิ่งจากไป
ทิ้งให้หัวหน้าหน่วยหกพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าบ้านคุจิก ต่อท้ายด้วยตำแหน่งสามียืนนิ่งอึ้งกับท่าทีของภรรยาอย่างทำอะไรไม่ถูก...
ข้าทำอะไรผิด(ฟะ)???
ไม่สิ ต้องถามตัวเองมากกว่า...
จริงอยู่ที่เขาเองก็รู้ตัวว่า ใจร้ายและเผด็จการอย่างที่นางว่าไม่มีผิด...แต่ที่เขาทำไป...
มันผิดด้วยหรือ???
ในเมื่อสิ่งที่ทำให้นางทั้งหมด เขาทำไปเพราะรักนาง...และหวังดีต่อนาง
เพราะอยากเห็นรอยยิ้มหวานๆของนางอย่างเคย...ก็เท่านั้นเอง
"ไง เจ้าหนูเบียคุยะ" เสียงแจ๋วๆกวนประสาทของคนที่คุ้นเคยดังขึ้นมา "ทำมาไม่เสบยเหมือนโดนเมียทิ้งเลยนะ"
"ชิโฮอิน โยรุอิจิ" เขาเอ่ยนามนั้นโดยที่มือจิกลงที่จั๊ปปี้อย่างไม่รู้ตัว
"เอ เมื่อกี๊ก็ได้ยินเสียงลูเคียจังแว่วๆอยู่เลยนา..." อีกฝ่ายยังทำเสียงยียวนพร้อมกับยกศอกขึ้นกระทุ้งเขา "ทะเลาะกันรึไง? ดูดิ๊ ชาวบ้านร้านตลาดมองมาเป็นตาเดียวกันแล้ว"
"ช่างปะไร" เขาปรายตามองชาวบ้านร้านตลาดที่จ้ิงมองเขา ก่อนส่งรังสีสังหารใส่จนหนีกระเจิงกันหมด "แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าด้วย ชิโฮอิน โยรุอิจิ" ว่าพลางก็เริ่มก้าวเท้าหนีตัดรังควานไปพลาง
"พูดจาใจร้ายจริงนะ" เจ้าตระกูลชิโฮอินรีบกระดืบตามไปติดๆ
"ข้าใจร้ายตรงไหน เจ้ามิใช่คนตระกูลคุจิกิเสียหน่อย เรื่องของตระกูลข้าเจ้าอย่าสอดสักเรื่องได้ไหม?"
"ชิ" หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งสวยสบถออกมาแล้วยืนเชิดหน้ากอดอก "ว่าจะมาบอกซะหน่อยว่ายัยหนูลูเคียเค้าเป็นอะไร มาหาว่าข้าสอดแบบนี้ก็อย่ารู้เลยแล้วกัน!"
"เจ้ารู้รึ ว่าลูเคียเป็นอะไร?" เขาชะงักเท้ากึกหันมามอง จนใบหน้างามห่างจากเขาไม่เท่าไหร่
"เป็น สามีประสาอะไรถึงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้?" แทนที่จะตอบ อดีตผู้บัญชาการหน่วยลับกลับเล่นลิ้น "สมควรแล้วที่ยัยหนูจะไปมี "มือที่สาม" น่ะ"
"มือที่สาม?" คิ้วสั้นขมวดมุ่น "เจ้าพูดบ้าอะไรน่ะ อย่างลูเคียน่ะเหรอจะทำเรื่องแบบนั้น?"
"เฮอะ!" โยรุอิจิแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วทำปรายสายตามองอย่างเย้ยหยัน "คนอย่างข้า ชิโฮอิน โยรุอิจิ ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร และข้าไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพูดจาใส่ร้ายยัยหนูนั่นด้วย!"
"ถ้างั้นเจ้ารู้รึไง ว่าใครเป็นมือที่สาม" เขาถาม ถ้าเป็นจริง รับรองว่า 'มือที่สาม' คนนั้นจะไม่มีวันเหลือมือไปสอดเรื่องของครอบครัวเขาได้อีกแม้แต่มือเดียว!
ชิโฮอินที่สาดน้ำมันใส่กองเพลิงได้สำเร็จแสร้งทำบ่ายเบี่ยงไม่ตอบด้วยการ เป็น ฝ่ายเดินหนี "เจ้าอยากหาว่าข้าสอด ข้าไม่บอกเจ้าหรอก เจ้าหนูเบียคุยะ"
"ตกลงว่าจะบอกหรือไม่บอก" เขากำตุ๊กตาในมือแน่น จนลูกกะตาเริ่มปลิ้นหลุดห้อยน่าเวทนานัก
"ข้าไม่บอกหรอกว่าใคร" นางหันมายื่นหน้าเข้าหาเขาแล้วแสยะยิ้มกว้าง "แต่รู้ไว้เถอะว่านางรักคนๆนั้นมากกว่าเจ้ามากกกกกกกกกกกกกก"
"รักมากกว่าข้าอีกงั้นรึ?" คราวนี้จั๊ปปี้รุ่นล่าสุดถูกนิ้วใหญ่จิกลึกจนนุ่นทะลัก ท่าทีของนาง บวกกับคำพูดของนังแมวผีนั่น มันทำให้เขามั่นใจว่า นางปันใจให้คนอื่นเสียแล้ว
และคงเป็นใครไม่ได้นอกจาก...
"ใช่ นางรักเสียจนยอมให้คนๆนั้นได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิต..." โยรุอิจจ้องท่าทีคับแค้นของเบียคุยะไม่วาง ทั้งที่อยากหัวเราะใส่ให้สะใจแต่นางต้องทนเก็บไว้ก่อน "อ้อ...ไม่ใช่แค่นั้นนะ ทั้งร่างกายและจิตใจนาง ล้วนกลายเป็นของๆคนๆนั้นหมดแล้วด้วย..."
"เจ้า...รู้เรื่องนี้มานานรึยัง" ยิ่งนางพูด เขาก็ยิ่งคั่งแค้น มันเหมือนเขาเป็นไอ้หน้าโง่ที่ไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขาทำร้ายจิตใจเขาอย่าง ร้ายแรงถึงเพียงนี้
"ก็เพิ่งรู้ แต่..." หญิงสาวตอบด้วยท่าทีเหมือนไม่อยากจะพูดถึงเท่าไรเป็นการยั่วให้ชายหนุ่มสติ แตกขึ้นอีก "แต่เรื่องนี้เกิดมาได้ซักราวๆ 3 เดือนแล้วล่ะ"
"3 เดือนงั้นรึ?" เรื่องเพิ่งเกิดไม่นานนัก ทำไมเขาถึงไม่ระแคะระคายสักนิดนะ "มิน่าช่วงนี้นางถึง..."
"ตัดใจเถอะเจ้าหนู อย่างเจ้าน่ะ เทียบกับคนๆนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย" โยรุอิจิทำเสียงอ่อนแล้วตบที่บ่าเขาเบาๆอย่างเห็นอกเห็นใจ
"ไม่มีทาง" เขาว่าเสียงแข็ง "ข้าจะไปถามลูเคียให้รู้เรื่อง"
"เดี๋ยว!" มือบางกลับยื่นมารั้งข้อมือเขาไว้ได้ก่อน "อย่าโมโหหรือลงไม้ลงมือใส่ยัยหนูนะ" นางรีบว่าราวกับจะขอร้อง
"เจ้าพูดถึงขนาดนี้ข้าคงจะไม่โมโหนางอยู่หรอกนะ" เขาว่าราวกับประชด
"แหม๋" ชิโฮอินลากเสียงยาน "ถึงยังไงก็เป็นผัวเมียกัน จะโมโหก็โมโหไป แต่ข้าขอไม่ให้ใช้กำลังน่ะ เข้าใจไหม?"
"เข้าใจแล้ว..."เบียคุยะว่า ก่อนหันหลังเดินจากไป "ขอตัว"
ร่างสูงหายวับไปด้วยก้าวพริบตาที่เร็วกว่าปกติอีกหลายเท่าตัวด้วยความร้อนใจ
ชิโฮอิน โยรุอิจิ ได้แต่ปล่อยก๊ากหัวเราะลั่นอยู่ตรงนั้นแล้วเอ่ยเบาๆกับไล่หลังนั้นไป
"คนๆนั้นน่ะทรงอำนาจนัก ต่อให้เป็นเจ้า ยังต้องคุกเข่ายอมสิโรราบเลยล่ะ เจ้าหนู ฮ่ะๆๆๆๆๆ!!!"
********
ก่อนที่จะถึงคฤหาสนฺคุจิกิ เบียคุยะหยุดยืนที่ตรอกมืดพร้อมจั๊ปปี้ในมือ...
ห้ามใช้กำลังรึ ในเมื่อเขาโมโหหน้ามืดขนาดนี้จะให้ทำอย่างไรล่ะ?
"ถ้างั้น..."
เขามองจั๊ปปี้ในมือก่อนกำเอาไว้แน่น
กดตัวให้ติดกำแพง...!
แล้วจึง...
บึ้ก!!!
ปล่อยฮุคขวากลางลำตัวอันเต็มไปด้วยนุ่นเหมือนกับตัวละครในเรื่อง ชินจัง ไม่มีผิด
"เอาล่ะ" เขาถอนใจยาวอย่างควบคุมอารมณ์ได้เย็นพอจะคุยกับภรรยาได้ จากนั้นจึงเดินเข้าคฤหาสน์ต่อไป
....
...
...
...
เพียงอึดใจก็มาถึงห้องนั่งเล่นที่ติดกับสระน้ำ ลูเคียนั่งพิงพนักเก้าอี้ท่าทางเหนื่อยอ่อนอยู่ตรงนั้นโดยมีสาวใช้คอยพัดให้ จนมือเป็นระวิง
เขาข่มใจ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเรียกสติเดินเข้าไปใกล้จนสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่ง ของนางนั้นถือ...แครอทแท่งยาวเอาไว้ พร้อมกับแทะเบาๆราวกับกระต่าย
"กลับมาแล้วเหรอคะ? นึกว่าจะหายไปทั้งวันเสียอีก" นางตัดพ้อแล้วจัดการแทะแครอทในมือต่อ
คิ้วสั้นของเขากระตุกฉึบ ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ใต้หน้ากากเย็นชา "หึ" เขาแค่นเสียง "เจ้าผิดหวังที่จะได้จะได้มีเวลาแอบทำอะไรลับหลังข้ารึ?"
"น...นี่ท่านรู้แล้วเหรอคะ" นางลุกพรวด ทำหน้าตื่นตกใจนัก
เบียคุยะกัดฟัน พยายามไม่มองหน้านางด้วยการมองไปที่สระน้ำที่ปลาโค่ยโดดไปมา "ชิโฮอิน โยรุอิจิ เพิ่งบอกเมื่อครู่"
"ท่านโยรุอิจิเหรอ?" นางพึมพำ ก่อนหันไปมองเขา "ข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจปิดบังท่านนะคะ"
"ไม่ ตั้งใจรึ?" เขาอดไม่ได้ที่จะตวัดสายตาเคืองขุ่นมองนาง "เราแต่งงานกันมาสิบกว่าปี ข้าเปิดอกกับเจ้าทุกเรื่อง แบ่งปันกับเจ้าทุกอย่าง...แต่เจ้าทำแบบนี้กับข้าได้ลงคอ?!"
"ข้าทำอะไรผิดคะ!" นางขึ้นเสียงใส่
"เจ้ายังกล้าถามข้าเช่นนี้อีกรึ? ทั้งที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจ?!" เขาถามเสียงดังไม่แพ้กัน แต่ในน้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความเสียใจ
"ข...ข้า..." นางใจหายวาบที่ได้ยินเช่นนั้น "ข้าคิดว่ามันยังไม่ถัึงเวลาที่จะบอกท่าน ไม่นัึกว่า ท่านจะรู้จากคนอื่นก่อน"
"ต...แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ดีนี่คะ ท่านควรจะดีใจถึงจะถูก" นางรีบเสริมเผื่อเขาจะหายโกรธบ้าง
"เจ้ามีคนอื่น แล้วจะให้ข้าดีใจอย่างนั้นรึ?!" เขาเริ่มระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ความเสียใจ น้อยใจ ปวดใจมันโถมใส่จนไม่อาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้เช่นเคย
ลูเคียอ้าปากค้างที่โดนว่าใส่เช่นนั้น นางนิ่วหน้าตามแล้วกลอกตาไปมาก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนจะให้เขาหยุดพูด "เดี๋ยวนะคะ..."
นางชักเริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง "ท่านว่า ท่านโยรุอิจิเป็นคนบอกใช่ไหม?"
"ใช่" เขาตอบ "แล้วยังไง?"
"นางบอกท่าน ว่าอะไร?" นางถามให้แน่ใจเพราะรู้ดีว่าโยรุอิจิกับเบียคุยะนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มาชั่วชีวิต หากโยรุอิจิบอกอะไรเบียคุยะมาล่ะก็ ย่อมต้องสงสัยไว้ก่อนว่าคำพูดพวกนั้นแฝงความต้องการแหย่เบียคุยะไว้เต็มที่
"นางบอกว่าเจ้ามือที่สาม แล้วเจ้าก็รักมันมากกว่าข้า" เขาสรุปเอาใจความสำคัญที่ชวนให้ช้ำใจสุดๆ
"หืม??" ลูเคียทำท่าเอียงหูราวกับมันจะทำให้นางได้ยินคำพูดเขาได้ชัดขึ้น นางเหลือบตามองเขาก่อนจะหัวเราะออกมา
"ค่ะ ข้ามีมือที่สาม" นางยอมรับก่อนทำตาเล็กตาน้อยใส่เขา
นั่นไงล่ะ! เขาเหลือกตามองภรรยา
"แล้วเจ้ารักมันมากรัึเปล่า" เขาฝืนถามต่อด้วยหัวใจเจ็บช้ำ
"ข้ากล้าพูดอย่างไม่อายว่าใช่ ข้ารักคนผู้นั้นมากเท่าที่ข้าจะรักได้ ข้ารักเขามาก รักมากกว่าชีวิตของตัวเอง" นางยิ้มอ่อนเมื่อนึกเขาคนนั้น "เขาอยากกินอะไร อยากได้อะไรข้าก็จะหามาให้ แม้เขาจะทำร้ายข้าให้เจ็บเพียงใด ข้าก็จะไม่โกรธเขา"
ดวงตาเป็นประกายของนางยิ่งทำให้หัวใจเขารวดร้าวมากขึ้นไปอีกที่นางยอมรับหน้าชื่นตาบานอย่างนั้น
"ข้า...คงไม่สำคัญกับเจ้าอีกแล้ว...ใช่ไหม?" เขาตัดพ้อ
"สำคัญสิคะ" นางกอดแขนเขาอย่างออดอ้อน "เขาอาจจะสำคัญมากกว่า...นิดหน่อย" นางยกมือขึ้นเล็กน้อยบอกปริมาณความสำคัญ...
หัวใจชายหนุ่มแหลกยับ ร่างกายแทบจะไร้แรงยืน เขาค่อยแกะมือบางที่เกาะกุมเขาอยู่ออกจากร่างตน "เช่นนั้นแล้ว ข้าคงต้องยอมหลีกทางให้เจ้า..." เสียงเขาแหบแห้งด้วยคอที่ตีบจนแทบไม่อาจเปล่งเสียง
ลูเคียกลั้นยิ้มเต็มที่ ทำหน้าจริงจังใส่เขา "ไม่ต้องหรอกค่ะ มันไม่จำเป็นสักนิด เพราะถ้าข้ารักเขา ท่านก็ต้องรักด้วย"
เขา ส่ายหน้าช้าๆ หมดแรงจะพูดอะไรต่อ "ข้าไม่ใช่คนไร้หัวใจที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร โดยเฉพาะกับคนที่เหยียบย่ำหัวใจข้า ข้าไม่มีวันรักหรือยอมรับมันเพื่อเจ้าได้หรอกนะ"
"แม้กระทั่งว่าเขาจะเป็น..." นางมองหน้าท้องราบเรียบของตนเอง แล้วเงยหน้ามองเขา "เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเหรอคะ?"
คำๆนั้นสะดุดหูเขาในทันที ท่าทางที่กำลังจะเดินจากไปกลับหยุดชะงักถูกตรึงไว้กับที่ด้วยคำพูดของนางที่เฉลยเรื่องราวทั้งหมด
เขาก้มมองมือตัวเองที่ถูกนางคว้าไปด้วยรอยยิ้มอายๆ ก่อนที่มันจะแตะลงบนหน้าท้องของนาง
"นี่ล่ะค่ะ มือที่สาม ของเรา" นางยิ้มหวาน "เขาอยู่ที่นี่ ฟังพ่อของเขาตัดพ้อต่อว่าเขาอยู่"
เขาอับจนด้วยคำพูดอื่นใด ในใจนั้นนึกออกเพียงอย่างเดียว...
ชิโฮอิน โยรุอิจิ...นังแมวผีจอมเจ้าเล่ห์!!!!
"แล้วแบบนี้..." เสียงลูเคียเอ่ยเรื่อยๆ "...ท่านจะยังทิ้งลูกกับข้าไปหรือเปล่า?"
"ใครจะไปทิ้งกันเล่า" เขาว่า ใบหน้าจืดเจื่อนไปเล็กน้อยที่หลงคำพูดคนอื่นจนระแวงภรรยา
ลูเคียหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีผิดกับก่อนหน้านี้ราวกับหน้ามือเป็นหลัง มือ นางยื่นมือมาหยิกแก้มเบาอย่างมันเขี้ยว "แต่ข้าดีใจนะ ที่ท่านยังหึงข้าอยู่"
"หึงสิ" เขายิ้มอ่อน "วันนี้ทั้งวันเจ้าทำโมโหใส่ข้าทั้งวัน ข้าก็นึกว่าเจ้าหมดรักข้าแล้วเสียอีก...ข้าทนไม่ได้หรอกนะ ที่เจ้าจะทิ้งข้าไปมีคนอื่น"
แขนแกร่งโอบกระชับพลางดึงร่างเล็กเข้ามากอด ใบหน้าซุกลงกับเส้นผมนุ่มอย่างหวงแหนที่สุด
ลูเคียยิ้มกว้างในอ้อมกอดนั้น "ข้าจะไปมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อตลอดมาข้าก็รักท่านเพียงคนเดียว..."
"ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน" เบียคุยะว่า "ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร จะว่าข้าว่างยังไง ข้าก็ไม่โกรธ"
"ข้า รู้ค่ะ" แขนเล็กยกกอดตอบผู้เป็นสามี ศีรษะเล็กพิงหน้าอกเขาจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น "แล้วก็ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี อารมณ์แปรปรวนไปหน่อย หัวหน้าอุโนะฮานะบอกว่าช่วงท้องอ่อนๆก็แบบนี้แหละ"
"ข้าเข้าใจแล้ว" เบียคุยะเอ่ยเรียบๆ "ข้าเองก็จะพยายามทำความเข้าใจกับเจ้า ไม่โกรธเจ้า เพื่อลูก...แล้วก็เพื่อตัวเจ้าด้วย"
"ดี มากค่ะ" ลูเคียว่าพลางหัวเราะจนแก้มแดง สองแขนเลื่อนขึ้นไปกอดคอของร่างสูง กดหน้าเขาลงมาขณะที่ตนเองเขย่งเท้านิดๆขึ้นไปจุมพิตเขาเบาๆ
"ว่าแต่ จั๊ปปี้ล่ะคะ? ไปไหนแล้ว" นางมองซ้ายขวาหาตุ๊กตาตัวโปรด
"เจ้าไม่อยากเห็นสภาพมันหรอก" เขาอมยิ้มอย่างกลั้นหัวเราะ "เอาไว้ข้าจะไปซื้อให้ใหม่"
"น่านะ ให้ข้าดูหน่อยสิคะ" ลูเคียเอ่ยเสียงอ้อน
"มาอยู่ในมือข้าตอนกำลังโมโห เจ้าคิดว่ามันจะรอดจากเซ็มบ้งซากุระไปได้รึไง?" เขาว่าหน้าตาย
"ข้าว่าไปต้องถึงกับเซ็มบ้งซากุระหรอกค่ะ" หญิงสาวหัวเราะเสียงใส "แค่มันอยู่ในมือท่านตอนนั้นคงศพไม่สวยเท่าไหร่แน่"
"ช่วยไม่ได้นี่นะ"
ลูเคียยิ้มอย่างพอจะนึกภาพเขาออก "จริงสิ ท่านโยรุอิจิบอกว่ายังไงหรือคะนั่น ท่านพี่ถึงได้เข้าใจผิดขนาดนี้?"
"นางบอกว่าเจ้ามีมือที่สาม แล้วก็เจ้าก็เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจแล้ว..."เขาอธิบาย "ส่วนคำพูดอื่นเจ้าก็ได้ยินมาแล้ว"
"นางก็...ไม่ได้พูดอะไรผิดเลยนี่คะ จริงไหม?"
"..." เขาใช้ความนิ่งเงียบแทนคำตอบ
เห็นหน้าเขาแล้วลูเคียก็พอจะเดาได้ว่าในใจเขานั้นกำลังสาปแช่งเจ้าบ้านชิโฮอินอยู่แน่ๆ
"เอาน่ะ อย่าไปโกรธท่านโยรุอิจิเลยนะคะ" นางวางมือบนแขนเขาเบาๆ "มาคิดกันดีกว่าว่าลูกเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"
"ทำให้ข้าหึงเจ้าจนแทบสติแตกแบบนี้ ข้าพนันว่าเป็นผู้ชาย" เขาฉีกยิ้มออกมา
"แต่ข้าชอบเด็กผู้หญิงนะคะ ไม่ชอบเหรอคะ เวลามีคนมาเรียกพวกเราว่า ท่านพ่อคะ ท่านแม่ขา"
ลูเคียว่าพลางควงแขนเขาแล้วลอยหน้าไปมา
"ก็ดีนะ..." เขาเห็นด้วย
"ว่าแต่ว่า...เจ้าอารมณ์ดีแบบนี้ มาชดใช้ความผิดที่เมื่อเช้างอแงกับข้าได้หรือยัง?"
"...ข้าผิดไปแล้วค่า ท่านพี่ยกโทษให้ข้านะคะ" นางซุกหน้าลงกับแขนเขา แล้วพูดเสียงอ่อย
"ไม่..." เขาแกล้งทำเป็นเล่นตัวบ้าง "...ข้าพาเจ้าไปเดินเล่น ตอนนี้หิวจะแย่แล้ว"
"...กินแครอทไหมคะ" นางแกล้งคว้าแท่งแครอทที่กัดๆแทะๆไปแล้วส่งให้เขา
"ไม่เอา" เขาทำเมินไปอีกทาง
"งอนมากแก่ไว ไม่หล่อนะคะ" นางกระเซ้า "ลูกเกิดมาจำหน้าพ่อไม่ได้อีก"
"..."
"งั้นข้าพัดให้นะ" นางเอี้ยวตัวหยิบพัดมาหมายจะพัดเอาใจเมื่อเห็นเขายังนิ่ง
"...ข้าไม่ได้ร้อน" เขาแกล้งเมิน
คราวนี้นางกระแทกพัดลงโครม ใบหน้าบูดสนิทผิดจากเมื่อครู่ที่ยังดีๆ
"เรื่องมากนักก็นั่งอยู่คนเดียวเถอะค่ะ!"
"โกรธทำไมล่ะ?" เบียคุยะรีบคว้าแขนเล็กก่อนที่นางจะลุกหนี "ทีเมื่อเช้า ชาร้อนไปก็ไม่ชอบ ข้านั่งอยู่เฉยๆเจ้าก็ไม่ชอบ ข้ายังไม่บ่นสักคำ"
ลูเคียเบะปากเข้าใส่ "แล้วจะมาเรื่องมากเอาตอนนี้น่ะหรือคะ?" นางผลักไสเขาออกแล้วฉวยโอกาสที่เขาผงะเล็กน้อยเดินลงส้นเท้าหนีไปทันที
เบียคุยะได้แต่ถอนใจยาว...
ดูท่ากว่าจะพ้นช่วงที่นางแพ้ท้อง เขาคงต้องเผชิญกับยัยตัวร้ายของเขาอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้ทุกวันเป็นแน่
.............
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น