ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♛DangerousCafe'♛คาเฟ่อันตรายของยัยแม่มด

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 : รับน้องใหม่ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 60



    Hibari's side 

          ในที่สุดเคียวยะก็รู้ตัวแล้ว ว่าชะตากรรมของตัวเองกำลังจะเป็นแบบไหน

          หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เธอเป็นแม่มดที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกเวทมนตร์ เธอเล่าว่าเบื่อหน่ายโลกฟากโน้นที่มีแต่คนเสแสร้งและต้องการผลประโยชน์จากเธอ เธอจึงหนีมาเที่ยวเล่นที่นี่ และหาอะไรทำแก้เบื่อ 

          ความจริงยิ่งฟังเธอเล่าเขายิ่งไม่เข้าใจ คนบ้าอะไรจะว่างได้ขนาดนั้น ว่างจนถึงขนาดสอบเข้ามหาวิทยาลัยของมนุษย์เพื่อนั่งเรียนฆ่าเวลาซะด้วย แถมยังเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองเพื่ออ้างว่าหายรายได้เป็นค่าเทอมอีก เป็นถึงแม่มดที่แสนเก่งกาจทำไมไม่เสกเงินเสกทองไว้ใช้เลยล่ะ เขาบ่นในใจ พลางคิดหาทางออกไปด้วย เขาจะไม่ยอมอยู่กับยัยผู้หญิงเพี้ยนนี่ไปตลอดแน่ๆ เขาจะกลับไปยังโลกของเขา

          ตอนนี้หญิงสาวเดินนำเขาอยู่ เธอบอกว่ากำลังพาเขาไปยัง "บ้าน" ของ "พวกเรา" 

          ตอนนี้เคียวยะหงุดหงิดเหลือเกิน คิ้วของเขาขมวดกันเป็นปมจนคิดว่ามันคงจะไม่คลายออกจากกันแล้ว เขาไม่อยากทำอะไรตามใจเธอคนนี้ เขาไม่ชอบเลย การที่ต้องมาเดินตามเธอแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเสียเปรียบ และรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากๆ แต่เขาไม่มีพลังพอจะต่อกรกับเธอ ตอนนี้เขายังหาวิธีเอาชนะคนตรงหน้าไม่ได้ รอเขาได้วิธีก่อนเถอะ มันต้องมีซักทาง ที่เธอจะต้องแพ้เขา!

           แอ๊ดด......

           จู่ๆคนตรงหน้าก็หยุดเดิน และเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูบานใหญ่ตรงหน้าเปิดอ้าออก 

           แสงสว่างส่องจ้าออกมาจากประตูจนเขาต้องเอามือบังตาเอาไว้ ซักพักก็มีมือเล็กๆคู่หนึ่งมาดันหลังเขาให้เดินไปข้างหน้า ให้ตายเหอะ ไม่เคยมีใครถึงเนื้อถึงตัวกับเขาแบบนี้มาก่อน แถมยัยนี่ยังเป็นคนที่เขาหมายหัวไว้แล้วว่าถึงตายก็จะไม่ไปเผาผีเด็ดขาด 

           " แหม ใจร้าย ถ้าเค้าตาย ที่รักก็จะไม่ไปดูใจเลยสินะ "

           " อย่ามาอ่านใจคนอื่นตามใจชอบ " เคียวยะตวาด "แล้วเลิกเรียกฉันด้วยคำนั้นซักที น่าขนลุก "

           ความสามารถพิเศษของยัยนี่ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นไปอีก ยัยเพี้ยนนี่สามารถอ่านใจคนได้ถ้าได้สัมผัสตัว แล้วตอนที่เขาขยับไม่ได้ตอนนั้น ตอนที่ถูกจูบ ..... ไม่สินั่นไม่เรียกว่าจูบ ควรจะเรียกว่าโดนลวนลามมากกว่า ยัยเพี้ยนยังใช้เวทมนตร์ของตัวเองเปลี่ยนแปลงอนาคตของเขาจากการสัมผัส ทำให้ฮิบาริ เคียวยะ ในตอนนี้ไม่สามารถทำร้ายอะไรเธอได้อีก! เขาโกรธจนแทบบ้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่คิดอาฆาตเธออยู่ในใจเท่านั้น

          แต่ก่อนที่เขาจะโมโหจนเส้นเลือดในสมองแตกตาย จู่ๆทิวทัศน์รอบด้านที่เคยเห็นว่าเป็นทางเดินมืดๆแคบๆ พอก้าวเท้าพ้นประตูบานเมื่อครู่ ก็กลับกลายเป็นห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรามากมาย ห้องนี้กว้างจนดูเหมือนห้องในปราสาท ด้านบนเพดานมีโคมไฟระย้าห้อยลงมา แสงระยิบระยับของมันเปล่งประกายเหมือนดวงดาว พื้นห้องทำจากหินอ่อนที่ถูกขัดจนวาววับ ปูทับตรงกลางห้องด้วยพรมขนสัตว์สีแดงเลือดหมู รอบๆมีโซฟาสีดำสนิทวางอยู่ล้อมกันเป็นวงกลม ...

          บนโซฟากลางห้องนั้นมีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ ซึ่งเขาไม่คุ้นหน้ามาก่อน เขามีผมสีเงิน ดวงตาสีแดงสด จ้องมาทางเขา สีหน้าของหมอนั่นนิ่งเรียบ ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ แต่มีรังสีฆ่าฟันแผ่ออกมารอบตัวอย่างเห็นได้ชัด 

          ...ยัยผู้หญิงเพี้ยนคนนี้ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่




    Viva's side 

          ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ !!!
           
           ให้ตายเถอะ ฮิบาริ เคียวยะ ตัวจริงหล่อร้ายเป็นบ้าเลย ตอนเจอกันครั้งแรกเธออยากจะกระโดดหอมแก้มเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าด้วยความที่อยากจะเก็บพลังเอาไว้แกล้งเขาตอนมาถึงมิติเวทมนตร์ วิว่าคนนี้ ก็เลยต้องเก็บอาการเอาไว้ก่อน

           หลังจากที่ฉันบังคับเขาทำพันธสัญญาด้วยกัน ฉันก็นึกได้ว่า นั่นมันจูบแรกของเขานี่นาาาา กรี้ดด เขินจัง ได้เป็นจูบแรกของ ฮิบาริ เคียวยะเลยนะ จะไม่ดีใจได้ยังไง หุหุหุ รู้สึกดีจริงๆที่ทำให้เขาหัวเสียได้ ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจสุดๆเลย แหงล่ะ ไม่เคยมีใครกล้าลองดีกับเขาแบบนี้มาก่อน แล้วผู้พิทักษ์แห่งเมฆาผู้โดดเดี่ยวคนนั้น เขาก็ไม่เคยคิดจะมีความรักเลยนี่นา ดังนั้นเรื่องจูบหรืออะไรที่มากกว่านั้น ต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เขาตกใจได้พอสมควรเลยล่ะ

           ขอโทษจริงๆนะเคียวยะ ฉันคนนี้จำเป็นต้องทำ~ 

           เพราะคาเฟ่ของฉันยังขาดพนักงานอยู่ ก็มีนายนี่แหละที่เข้าตากรรมการ ในบรรดาหนุ่มหล่อจากการ์ตูนที่ฉันอ่านมาเกือบทุกเรื่องแล้ว คนที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือนาย และฉันก็ยังรู้เรื่องราวของนายมากกว่าใคร แล้วตั้งแต่มาอยู่ที่โลกมนุษย์ ฉันคิดว่าถ้ามีผู้ชายแบบนายอยู่จริงๆก็คงจะดี ฉันจะได้ไปตามจีบแล้วลงหลักปักฐาน อยู่เป็นแม่บ้านธรรมดาๆ เลี้ยงลูกของพวกเราไปด้วยกัน จะได้หนีจากชีวิตเสแสร้งจากโลกเวทมนตร์ไปอย่างสมบูรณ์ แต่ว่านะ.... มันก็คงได้แค่ฝัน เพราะโลกมนุษย์น่ะไม่มีผู้ชายแบบ ฮิบาริ เคียวยะ อยู่ในโลกแห่งความจริงซักหน่อย !

           ฉันเลยต้องสร้างมิติที่เขาอยู่ขึ้นมา เพื่อให้เขามีตัวตน มิติของเมืองที่ชื่อว่านามิโมริ ที่ๆเกิดเรื่องทุกๆอย่างขึ้น และทำให้เขามีชีวิตอยู่จริงๆขึ้นมา 

           การสร้างมิติใหม่ขึ้นมาทำให้ฉันสูญเสียพลังไปเกือบครึ่ง ทุกๆอย่างไม่ได้มาฟรีๆ หลังจากฉันสร้างมิติของเขา ฉันต้องนอนพักฟื้นอยู่หลายวัน เพื่อฟื้นฟูพลังของฉัน 

           แต่ไม่เป็นไร เพราะฉันชอบเขามากๆหรอกนะ ฉันถึงลงทุนมากขนาดนี้น่ะ!
     
           เอาเถอะ ฉันมีเวลาอีกเยอะ ตอนนี้ฉันจะพาพนักงานคนใหม่ของฉันทัวร์บ้านใหม่ของเราาาา~

           แต่พอฉันพาเขาเดินเข้ามาในห้องโถง ก็มีใครบางคนนั่งรอฉันอยู่ก่อนแล้ว

          " อ้าว เซเว่น "
     
          นั่นคือชื่อของเขา เป็นหนึ่งในพนักงานที่ฉันคัดเลือกมาอย่างดี แน่นอนเขามาจากมิติที่ฉันสร้างขึ้น และฉันก็ได้ทำพันธสัญญา เปลี่ยนแปลงอนาคตของเขาไปเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้แล้ว แรกๆเขาน่ะร้ายกาจกว่าเคียวยะสิบเท่าเลยล่ะ ฉันเสียพลังไปมากเพื่อรับมือกับจอมโหดอย่างเขา

          " เคียวยะคุง นี่ เซเว่น เขาอยู่ที่นี่มา1ปีแล้ว เป็นพนักงานคนแรกของร้านฉันเลยล่ะ! " ฉันพูดแนะนำเขาให้เคียวยะฟัง ซึ่งตอนนี้หน้าของเคียวยะบูดมาก อารมณ์เสียสุดๆ

          พวกเขาสองคนดูท่าว่าจะไม่ลงรอยกัน เคียวยะและเซเว่นต่างแผ่รังสีอำมหิตใส่กันอย่างไม่ลดละ นี่มันเรื่องปกติ คนเก่งกับคนเก่งมาเจอกันมันจะเป็นแบบนี้ตลอด แต่ฉันว่านะ ลองอยู่ด้วยกันไปซักพักพวกเขาจะต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ!

         ... แต่ที่พูดน่ะฉันคิดเอาเองล้วนๆจ้ะ 

        " เอ่อ... ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็จะรู้จักกันเองนั่นล่ะ! เคียวยะคุงมาทางนี้ดีกว่า "

        ฉันรีบลากเขาออกมาก่อนที่จะปะทะกัน ยิ่งคนอย่างเคียวยะชอบท้าคนเก่งๆต่อสู้แล้วด้วย อยู่กับเซเว่นก็คงไม่ต้องสืบ สู้กันแน่ๆ บ้านพังแน่นอน แต่ตอนนี้ฉันไม่พร้อม ขอจัดการเรื่องของเคียวยะให้เรียบร้อยก่อน

         ฉันถือวิสาสะดึงมือฮิบาริให้ตามฉันขึ้นมาด้านบน ซึ่งเขาก็คงจะไม่พอใจหรอกที่ฉันค่อนข้างจะถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ แต่เขาคงรู้ดีว่าตอนนี้ยังหาทางต่อกรกับฉันไม่ได้ เลยคงอยากอยู่นิ่งๆไปซักพัก ตอนนี้เขาเงียบมาก และไม่ยอมพูดกับฉันเลยซักคำเดียว 

         ไม่เป็นไร ฉันมีเซอไพรส์!

         ฉันเดินนำเขามาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งที่ชั้นสอง ประตูเป็นประตูเลื่อนแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณ ฉันหันไปมองหน้าเขา เขาก็ยังคงหน้าตึงเหมือนเดิม แค่ดูแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น
      
         " เอาล่ะ ! เปิดประตูเลยจ้าา "

         ฉันพูดเองเปิดประตูเองเสร็จสรรพ ใช่สิ เขาเล่นยืนนิ่งไม่ยอมทำอะไร ฉันเลยต้องทำด้วยตัวเองงง

         ภายในห้องเป็นห้องแบบญี่ปุ่นโบราณ มีฟูกนอน มีทุกอย่างที่จำเป็น ทุกอย่างตกแต่งเหมือนกับบ้านของเขาตอนที่อยู่ในนามิโมริที่สุด ฉันรู้ว่าเขาชอบแบบนี้ และฉันก็หวังว่าเขาจะชอบจริงๆ

         ดวงตาสีฟ้าแกมน้ำเงินเข้มของเขาไหววูบเล็กน้อย แค่เล็กน้อยจริงๆ....

         " ฉันเตรียมการอยู่หลายวันกว่าจะสร้างมันเสร็จ ฉันไม่หวังให้นายชอบมันหรอก แค่อยากให้นายอยู่ที่นี่อย่างสะดวกสบายที่สุดก็เท่านั้น ขอโทษที่จู่ๆก็ทำตามใจชอบนะ แต่ฉันจำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อตัวฉัน แล้วก็นายด้วย " 

          ฉันพูด พยายามอธิบายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ ถึงฉันจะบอกรายละเอียดกับเขาได้ไม่ทั้งหมด แต่ขอแค่เขารับฟังมันก็พอแล้ว 

         " เพื่อตัวฉันงั้นเหรอ กล้าพูดนี่... " เขาเลิกคิ้ว มองมาที่ฉันด้วยสายตาเย็นชาจับขั้วหัวใจ " เธอมันก็แค่ยัยคนเห็นแก่ตัว อย่ามาพูดดีไปหน่อยเลย "

          ....โอโห ตายแล้ววว ร้ายได้อีก

          แต่ขอโทษค่ะ วิว่าคนนี้เจอมาเยอะแล้ว นิสัยรักผู้ชายแบดบอยมันอยู่ในสายเลือด กว่าฉันจะมาเจอเขา ฉันต้องรับมือกับจอมวายร้ายมากี่คนแล้วล่ะ เรื่องแค่นี้!! ยังไงคำพูดของเขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้แน่นอน

          " ไม่เป็นไร ตอนนี้นายจะว่าฉันยังไงก็ได้ เดี๋ยวนายก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง "

           ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขา คนสวยต้องยิ้มสู้ค่ะ โดนสิบล้อชนต้องไม่ตาย โดนจอมวายร้ายพูดจาด่าทอมาแค่ไหนต้องทนได้ ฉันเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดของเขา แล้วสาธายายสิ่งที่ต้องการพูดให้เขาฟังต่อ แม้คนตรงหน้าจะทำหน้าเบื่อเต็มทนแล้วก็ตาม

          " ที่นี่คือบ้านของฉัน รวมกันแล้วพวกเราอยู่รวมกันทั้งหมด 5 คน เป็นคนที่มาจากมิติอื่นเหมือนกับนายอีก 3 คน หนึ่งในนั้นนายเจอเขาแล้ว ส่วนอีกสองคน พวกเขาออกไปข้างนอก เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะ " ฉันพูด พลางไล่นิ้วของตัวเองไปยังห้องนอนของแต่ละคนให้เขาดู แม้เขาจะไม่ได้ดูมันจริงๆก็ตาม " ห้องของเคียวยะคือห้องนี้ แล้วห้องอีกสามห้องข้างๆกันก็เป็นห้องของพวกเขาที่เหลือ ส่วนห้องของฉันคือห้องใต้หลังคา ถ้ามีอะไรก็เดินไปเรียกได้เสมอ " 

           ...เคียวยะฟังไปหาวไป เขาเบื่อฉันมากกกก ฉันรับรู้ได้

          " งานของนายคือเป็นพนักงานที่ร้านของฉัน ในแต่ละวันจะมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป จะมีลูกค้าบางท่าน ที่จะเข้ามาใช้บริการพิเศษ นายจะต้องรับงานจากลูกค้านั้นและทำให้สิ่งที่เขาต้องการเป็นจริง แต่วันนี้และพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ร้านของฉันปิด ดังนั้นเราจะเริ่มงานกันวันมะรืน วันนี้ฉันจะให้เคียวยะพักผ่อนก่อน แล้วถ้าต้องการอะไร บอกฉันได้ " 

           " อยากได้อิสระ " เขาตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย

           .... นี่เขากำลังกวนประสาทฉันอยู่แน่ๆ

           " นายจะได้มันแน่ ถ้าทำตามที่ฉันบอก " ฉันเปรยขึ้นมา หวังว่าถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับเขา เขาจะยอมเล่นไปตามเกมของเธอบ้าง " ว่าไง อยากกลับไปอยู่ในมิติเดิมมั้ยล่ะ "

           แน่นอนว่าเขาต้องการ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเชิงไม่ไว้ใจอยู่หน่อยๆ " ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าเธอจะไม่โกง " 

           " สัจจะของแม่มด พูดแล้วไม่คืนคำ " 

           ไม่ว่าเปล่า ฉันเสกปากกาวาจาสิทธิ์ออกมา ปากกาด้ามสีทองลอยค้างอยู่ในอากาศเบื้องหน้าเราสองคน

          " นี่คือปากกาวาจาสิทธิ์ สิ่งใดที่แม่มดพูดแล้ว มันจะต้องเป็นไปตามนั้น สั่งลมได้ลม สั่งฝนได้ฝน สัญญาแล้วไม่คืนคำ หากละเมิดสัญญาผู้ฝ่าฝืนจะต้องได้รับบทลงโทษอย่างสาสม จะถูกสาปให้พูดไม่ได้ไปตลอดกาล " 

          พออธิบายความน่ากลัวของมันให้เขาฟังแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ้มที่มุมปากเหมือนเจอเรื่องสนุก... 
     
          " ฉันจะปล่อยให้ ฮิบาริ เคียวยะ เป็นอิสระ ถ้าภายในหนึ่งปีนี้ เขาสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าให้ฉันได้ครบ ยี่สิบคน " 

          เขาทำหน้าบึ้งตึงอีกแล้ว " อะไรของเธอ แก้ปัญหาอะไร? ทำไมฉันต้องทำด้วย ร้านของเธอเป็นแค่ร้านอาหารไม่ใช่เหรอไง " 

          ฉันหัวเราะ " ร้านของฉันเป็นคาเฟ่เล็กๆนั่นแหละ ก็มีทั้งคนมานั่งเฉยๆบ้าง หรือมาทานอาหารบ้าง แต่อย่างที่บอก จะมีลูกค้าบางคนเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน พวกเขามีปัญหาที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องใช้คนอย่างพวกเราช่วย และพวกเราก็มีหน้าที่ทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริง ขึ้นอยู่กับว่านายมีความสามารถนั้นมากน้อยแค่ไหน " 

        " เหอะ ไร้สาระ " เขาแค่นหัวเราะ " ฉันไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น เธอคิดเหรอว่าฉันจะยอมทำงานบ้าๆนั่น "

         ฉันถอนหายใจ แล้วพยายามอธิบาย " ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีของแลกเปลี่ยน ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ อิสระของนายก็เหมือนกัน ถ้านายไม่ทำ ฉันก็จะไม่ปล่อยนายกลับไปแน่นอน "

          ....เขาไม่รู้หรอกฉันเสียพลังไปมากมายแค่ไหนเพื่อดึงเขามาที่นี่ นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องจ่าย
       
          เคียวยะดูกังวลและเครียด สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าทั้งไม่พอใจและหงุดหงิดเต็มทน การถูกบังคับให้ทำอะไรที่เขาไม่ชอบโดยไม่มีทางเลือกทำให้เขาโมโหจนแทบระเบิด 

           แต่ในที่สุดดูเหมือนเขาจะคิดอะไรได้บางอย่าง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจ้องเขม็งมาที่ฉัน

          " แค่ 5 คน "

          " ไม่ได้ "

          " งั้นแค่ 10 "

          " ฉันให้นายได้ 20 ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น ถ้าไม่ดีลกับฉัน ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป "

          " เรื่องมากน่า! "

          " เอ๊ะ หรือนายอยากจะอยู่กับฉันก็บอก ดี งั้นฉันจะใช้งานนายเต็มที่เลย ถ้าไม่ทำฉันก็จะใช้พลังของฉันบังคับ แบบนั้นชอบใช่มะ "

          " เออ!!!! ตกลง!!!! 20 คนภายในปีนี้! "

           เขาตะโกนออกมาด้วยความเหลืออด ใบหน้านิ่งๆแปรเปลี่ยนเป็นแดงจัดด้วยความโกรธ แต่ฉันกลับยิ้มร่า สีหน้าโกรธๆของเขามันทำให้เขาดูน่ารักขึ้นมา 50% เลยแหละ

         " ดี ตกลงตามนี้ ปากกาวาจาสิทธิ์ของฉันได้ลงสัญญาไว้แล้ว นายทำได้ครบ 20 คนเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยนายเป็นอิสระทันที "

          ...พอฉันพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้อง ปิดบานประตูเลื่อนดังปึง! 

         เห้ออออ เมื่อไหร่เขาจะเข้าใจนะ ว่าฉันทำไปเพื่อเขาจริงๆ


    Hibari's side 

           พันธสัญญาบ้าบอ! 

           ยัยแม่มดนั่น ตั้งแต่จะป่วนเขาชัดๆ ตั้งแต่ที่ไปพาตัวเขามาที่นี่ บังคับให้เดินตามเกม แถมยังพล่ามถึงเรื่องมิติ เรื่องร้านของตัวเองอะไรนั่นอีก น่ารำคาญเป็นบ้า

          เขานั่งลงบนพื้น คิดหาทางออก ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาที่นี่ ดูเหมือนมันจะเป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่พอสมควร ประตูทางเข้าออกเขายังไม่เห็นว่ามันควรจะอยู่ทางไหน เพราะยังไม่ได้เดินสำรวจ.... ในห้องนี้มีหน้าต่างอยู่หนึ่งบาน ไม่สิ มันเป็นประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นที่เขาคุ้นเคย พื้นที่เหยียบอยู่ก็เป็นเสื่อทาทามิ 

          ทำเพื่อเขางั้นเหรอ....

          " เหอะ ทำเพื่อตัวเองล่ะสิไม่ว่า "

          คิดแล้วก็แค่นหัวเราะ ผู้หญิงอย่างยัยนั่นก็เหมือนโจรลักพาตัว คำพูดที่พูดออกมามันก็แค่สวยหรู จริงๆแล้วทำเพื่อสนองความต้องการตัวเองทั้งนั้น

          พอคิดอย่างนั้นก็ยิ่งหงุดหงิด วันนี้เขาหงุดหงิดทั้งวันจนสมองจะระเบิดแตกตายอยู่แล้ว เขาต้องหาทางออกไปจากที่นี่! 

           เขาเลื่อนประตูระเบียงออกไปและพบว่า ด้านล่างเป็นสนามหญ้า และถัดจากสนามไประยะหนึ่งก็จะเป็นป่าทึบ ล้อมไว้หมดทุกๆด้าน 

           ....บ้านกลางป่าเนี่ยนะ?

          เขาคิดว่าอาจจะกระโดดหนีออกไป แล้วหาทางออกจากป่า บางทีข้างนอกนั่นอาจจะดีกว่าการต้องมาอยู่เป็นทาสให้ยัยบ้าโรคจิตนี่

          ฟึ่บ 

          ร่างสูงกระโดดลงไปที่พื้นอย่างนิ่มนวล ไม่ได้รับการบาดเจ็บใดๆ แม้ชั้นสองจะอยู่สูงจากพื้นมากนัก

          ต้องหนีไปให้ได้....

         เขายืนขึ้นเต็มความสูง หันหลัง และกำลังจะก้าวเดินเข้าไปในป่า แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เขาหยุดชะงักไป

          " จะหนีสินะ "

           เขาหันกลับมา มองร่างตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา เบื้องหน้าเขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคุ้นหน้า ใบหน้าของหมอนี่เหมือนกับเจ้าคนตาสีแดงที่เขาเจอตอนแรกไม่มีผิด แต่ทว่าเจ้านี่กลับมีตาสีม่วง หมอนี่กำลังกอดอกยืนมองเขาอยู่ห่างๆ สีหน้านิ่งเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไร

          หมอนี่ก็คงเป็นทาสของยัยนั่นอีกคน ... 
          เหอะ... น่าเวทนาสิ้นดี

          เขาไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของหมอนั่นอยู่แล้ว เลยคิดจะเดินเข้าป่าไปแบบไม่สนใจใครทั้งนั้น

          " เจ้านั่นมันอวดดีนัก ก็ปล่อยให้มันตายอยู่ในนั้นแหละ " อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น คราวนี้เขารู้ว่าเป็นเสียงใคร เป็นเสียงของเจ้าคนที่ตาสีแดงนั่น ที่มาพร้อมกับรังสีฆ่าฟันมหาศาลพุ่งมาที่เขา 

          " ฉันไม่มีเวลามาเสวนากับคนอย่างพวกแก " 

          เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ อยากจะกดดันเขาด้วยบรรยากาศแบบนั้นน่ะเหรอ เหอะ ใช้ไม่ได้ผลหรอก

          " ในป่านั่นไม่มีทางออก ฮิบาริ เคียวยะ " 
      
           คนที่มีตาสีม่วงพูดกับเขาด้วยสีหน้านิ่งสนิท " พวกเราทุกคนลองมาหมดแล้ว อาคมของวิว่าแข็งแกร่งเกินไป ไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ " 

           .... วิว่า ชื่อของยัยผู้หญิงคนนั้นสินะ 

          " ก็แล้วไง พวกแกทำไม่ได้ ฉันอาจจะทำได้ก็ได้ " เขาพูดออกไป แม้ในใจก็รู้ดีว่าพลังของผู้หญิงคนนั้นเป็นของจริง สู้กับเขาได้โดยไม่ต้องขยับตัวเธอก็ทำมาแล้ว แต่ในเมื่อเห็นทางออกแล้วยังไม่ได้ลองด้วยตัวเอง จะให้เขาอยู่เฉยๆก็คงไม่ได้ 

          " พวกเรารู้ดีว่านายไม่พอใจ ทุกคนเคยเป็นแบบนายมาก่อน ถ้านายอยากจะลอง ฉันก็ไม่ห้าม " 

           หมอนั่นพูดจบก็เดินหันหลังให้เขา หายเข้าไปในบ้านซะอย่างนั้น ดูท่าว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็จับเจ้าพวกนั้นมาเป็นทาสเหมือนกัน แต่ทำไมตอนนี้พวกมันถึงไม่หนี เขาเองก็ยังไม่รู้ 

          " อย่าคิดโง่ๆ ที่ไม่หนีก็เพราะหนีไม่ได้ ที่นี่ไม่มีทางออก นอกจากประตูมิติของยัยนั่นเท่านั้น " 

          เจ้าคนตาสีแดงมองเขาเหมือนจะหาเรื่อง แต่สิ่งที่มันพูดก็คงจะเป็นความจริงที่มีน้ำหนักพอสมควร... หมอนี่มีพลังมากแต่แค่ไม่เอาออกมาใช้ เขาสัมผัสได้ถึงไอแห่งการเข่นฆ่าที่แผ่ออกมาอยู่ตลอด มันเป็นตัวอันตราย พอๆกับเขา.... ทั้งๆที่ถ้ามันสู้กับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งก็น่าจะชนะ แต่ท้ายที่สุดเจ้านี่ก็ยังแพ้ แล้วก็ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่ 
          
          ...เขาควรทำยังไงต่อ 
       
          ....กลับไปก็ต้องเจอยัยคนประหลาดคนนั้น แถมยังต้องทำงานให้ยัยนั่นอีก 

          นรกชัดๆ...

          พวกเขาสองคนยืนมองหน้ากันอยู่สักพัก บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะสู้กัน แต่ก็ไม่ หมอนั่นเหมือนกำลังหยั่งเชิงดูเขาว่าจะทำยังไงต่อไป จะอยู่ หรือจะเดินเข้าไปในป่า 

         " เจ้ามาเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าจะดีกว่า อยากรู้เหมือนกัน อวดเก่งแบบนี้ จะแน่จริงซักแค่ไหน " 

         ... ท้าสู้งั้นเหรอ

         " เอาสิ กำลังคันไม้คันมืออยากหาที่ระบายอยู่พอดี "

          มีเหรอฮิบาริ เคียวยะคนนี้ จะไม่ตอบรับคำท้า 

          สู้ให้รู้กันไปว่าใครแน่จริง!

    End's Hibari side


    .... จบตอนที่ 3 แล้วจ้ะ 

    ตอนนี้ฮิบาริได้เจอกับหนุ่มๆอีกสองคนของวิว่าแล้ว 
    จะเป็นยังไงกันนะ เคียวยะคุงจะแพ้หรือชนะ แล้วเขาจะทำยังไงต่อเมื่อไม่มีทางออกจากที่นี่ ❤️ ติดตามแล้วเม้นกันด้วยนะคะะ
          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×