ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD INFINITE]Change!!

    ลำดับตอนที่ #11 : CHANGE : CHAPTERS 9

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 57


        

    Chapters 9

     

                “ฝันดีนะ”

                “อื้ม นายก็เหมือนกัน”

                ฉันบอกลู่หาน โบกมือลาเขาก่อนจะกลับเข้ามาในบ้าน เมื่อกี้ฉันทำแผลให้เขา ดูเหมือนลู่หานจะไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก เขามีแผลแค่ที่คิ้ว แล้วก็รอยช้ำๆตามตัว แต่สภาพเสื้อนักเรียนนี่ดูไม่ได้จนฉันต้องเอาเสื้อยืดตัวโคร่งของซอฮยอนมาให้เขาใส่แทน ส่วนเสื้อของเขา ฉันก็อาสาซักให้

                ฉันล่ะแปลกใจกับโรงเรียนนี้จังเลยนะ ใครก็สามารถเข้ามาทำร้ายนักเรียนในโรงเรียนได้หรือไงกัน พวกอาจารย์นี่ทำอะไรกันไม่ได้สักอย่างเลยสินะ ใครบอกเกาหลีน่าอยู่ ฉันว่าไม่เห็นจะน่าอยู่เลย เริ่มอันตรายขึ้นทุกที

                Tru Tru Tru

                ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนโต๊ะ เมื่อหยิบมาดูเห็นว่าแม่โทรมาฉันก็รีบกดรับทันที ไม่ได้คุยมาสองวันช่วงอยู่โรงพยาบาล คิดถึงแม่ชะมัดเลย

                “ค่ะแม่”

                (ไม่โทรหาแม่เลยนะจูฮยอน)

                “ขอโทษค่า พอดีช่วงนี้เรียนยุ่งๆ”

                ขอโทษนะคะแม่ที่ต้องโกหก

                (ไม่เป็นไรจ้ะ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ)

                “สบายดีค่ะแม่ แล้วแม่ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”

                (ก็เรื่อยๆแหละจ้ะ คิดถึงลูกสาวคนกลางของแม่จะแย่อยู่แล้วเนี่ย)

                “หนูก็คิดถึงแม่ค่ะ แล้ว ซอฮยอนเป็นยังไงบ้างคะ”

                (เหมือนเดิม แต่ตอนนี้หน้าดูสดใสขึ้นแล้วนะ แม่ว่าอีกไม่นานพี่สาวหนูก็คงตื่นแล้วล่ะ)

                ฉันคุยกับแม่ต่ออีกพักใหญ่ ก่อนจะขอวางสายเพราะค่อนข้างดึกแล้ว ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินมานั่งที่โต๊ะหนังสือของซอฮยอน ก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้ม

                “รกสมกับนิสัยเธอจริงๆเลยซอฮยอนเอ๊ย”

                บ่นไปก็เท่านั้น ฉันลงมืดจัดของในลิ้นชักให้เข้าที่เข้าทาง­­­ “อ๊ะ”

                นี่มัน ไดอารี่ ไม่อยากเชื่อ คนอย่างซอฮยอนเนี่ยนะ เขียนไดอารี่ด้วย ฉันยักไหล่ หยิบไดอารี่มานอนอ่านบนเตียง

     

     

                “วันนี้มันช่างเป็นวันยอดแย่ของฉันจริงๆ คอยดูเถอะยัยอึนจอง ครั้งนี้ฉันแพ้ ครั้งหน้าฉันไม่แพ้เธอแน่ หน้าฉันยังแดงเถือกอยู่เลย ฉันจะจัดการเธอ หลังจากนั้นก็จะไปจัดการไอ้พวกคยองกิลให้หมดเลย ฮึ่ย”

     

     

                “คำว่าแพ้คืออะไรเหรอ ฉันซอฮยอนคนนี้ไม่รู้จักหรอกย่ะ คิดว่าเป็นผู้ชายแล้วจะล้มฉันได้เหรอ ฝันไปเถอะ โตแต่ตัว แต่หัวใจพวกแกมันเล็กนิดเดียว อ่อนว่ะ มินฮวา หึๆ”

     

     

                และอีกหลายๆหน้าที่เขียนไปในทางเดียวกันหมด ฉันเกือบจะเลิกอ่านแล้ว ถ้าไม่เจอหน้าต่อไปซะก่อน

     

     

                “วันนี้คือวันเกิดฉัน.. แล้วยังไง ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรเลย พ่อจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้คือวันอะไร ไอ้ครั้นจะโทรไปหาแม่ ตอนนี้แม่ก็คงฉลองวันเกิดให้จูฮยอนอยู่ ก็ดีแล้วที่ยัยนั่นคงมีความสุข อย่างน้อยก็คงมีความสุขกว่าฉัน ขนาดวันนี้วันเกิด ยังเจ็บตัวไม่เลิกรา นี่ถ้าเสี่ยวลู่รู้ว่าฉันไปมีเรื่องตบตีมาอีก คงโดนหมอนั่นบ่นยาว เช๊อะ

                ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันจะไม่มีอะไรดีเลย อย่างน้อยก็.. ขอบใจแล้วกันนะไอ้ประสาท ที่จำวันเกิดฉันได้ อุตส่าห์หาของขวัญมาให้ แม้ว่ามันจะเป็นตุ๊กตาหน่อมแน้มที่ฉันเกลียดก็ตาม แล้วก็มยองซู ขอบใจ อย่างน้อยแค่ข้อความสั้นๆ ฉันก็ดีใจแล้ว

                เฮ้อ เสียดายชะมัด ไอ้พี่คิงดันแย่งยุนอาออนนีไปจากฉันซะได้ อย่างน้อยถ้าออนนีอยู่คงไม่เหงาแบบนี้ เหงาจังเลย จะมีใครรู้บ้าง

                สุขสันต์วันเกิดแล้วกันนะจูฮยอน ฉันรู้ว่าฉันไม่ค่อยทำตัวเป็นพี่ที่ดีให้กับเธอเท่าไหร่ แต่ฉันก็รักเธอนะ อย่างน้อยเธอก็หน้าตาเหมือนฉัน แต่หน้าเธอคงใสกว่าน่ะนะ เพราะฉันมีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ดูแลตัวเองดีๆ มีความสุขกับทุกๆวันของเธอต่อไปแล้วกัน ฉันดีใจนะ ที่คนที่แม่เลือกเอาไปเลี้ยงเป็นเธอ เพราะฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเธอจะทนได้ดีแบบฉันไหม

                และสุดท้าย ฝันดีซอฮยอน ยัยเจ้าแม่..ที่เหงาที่สุดในโลกกกกกกกกกกกกกกกก”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ฉันตื่นมาในสภาพหน้าเกือบแย่อีกแล้ว ตาบวมจากการร้องไห้แทบไม่ได้นอนเล่นงานฉันแล้วไง ให้ตายเถอะ น่าเกลียดชะมัด.. ฉันหลับไปพร้อมกับไดอารี่ของซอฮยอน ยิ่งอ่านฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดในขณะที่ฉันมีความสุข ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวฝาแฝดฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง

                วันนี้ฉันมาเรียนพร้อมกับลู่หานเหมือนอย่างเคย ก็ดูเหมือนปกติทุกวัน พอเรียน มยองซูก็ฟุบหลับ ตื่นมาคุยกับฉันบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เขาหลับ ตอนกลางวันลู่หานก็มาที่ห้อง เราไปกินข้าวด้วยกันโดยวันนี้มีมยองซูไปด้วย ใช่ มันเป็นปกติ ปกติจริงๆนะ เว้นก็แต่

                ฉันไม่เจอนายโวยวายเลยในวันนี้

                จนถึงตอนเย็นก็ยังคงไม่เจอ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน วันนี้ห้องฉันอาจารย์ปล่อยเร็วอีกแล้ว ฉันเลยมานั่งรอลู่หานที่ห้องชมรม ส่วนมยองซูกลับไปก่อนแล้ว ก็ได้แต่หวังนะว่าเขาคงไม่ไปมีเรื่อง แผลที่หัวเขายังมีอยู่เลยนะ

                “ซอฮยอน!!!

                ฉันชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเจอกับยุนอาออนนีที่นั่งอยู่ก่อน “สะ สวัสดีค่ะ”

                “ไม่อยากเชื่อ ว่าคนอย่างซอฮยอนเข้าชมรมวารสาร”

                “อ่า..”

                ฉันเดินไปนั่งข้างเธอ พยายามทำตัวให้เป็นซอฮยอนมากที่สุด ยุนอาออนนีก็ชวนคุยนู่นนี่ และมันทำให้ฉันหัวเราะและยิ้มได้บ้างกับความสดใสของเธอ จนฉันเองก็เริ่มจะกลมกลืน สนิทกับเธอไปด้วยแล้ว

                “จูฮยอนอ่า เสร็จหรื.. คุยเสร็จแล้วโทรมาแล้วกันนะ”

                “-o-

                ฉันอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆลู่หานก็เปิดประตูเข้ามา เขาไม่ได้เข้ามาธรรมดาน่ะสิ แต่ดันเรียกชื่อจริงๆของฉัน แล้วก็หนีไปเฉยเลย อีตานี่ แล้วฉันจะตอบออนนีที่ทำหน้างงอยู่ข้างๆว่ายังไง

                “เมื่อกี้ลู่หานเขาเรียกซอฮยอนว่าอะไรนะ”

                “อะ เอ่อ ก็ ก็เรียกซอฮยอนไงคะ เขาจะเรียกว่าอะไรล่ะ”

                “แต่ ได้ยินว่าจูฮยอนนะ”

                “จูฮยอน อะไรกันคะออนนี ได้ยินผิดแล้วค่า ฉันชื่อซอฮยอน ลู่ เอ่อ เสี่ยวลู่จะมาเรียกจูฮยอนทำไม”

                เธอพยักหน้า ไม่ติดใจสงสัยอะไรนั่นทำให้ฉันค่อนข้างโล่งใจ “สงสัยออนนีจะได้ยินผิดจริงๆนั่นแหละ”

                “ค่ะ”

                “เอ้อ แล้วนี่จะไปเยี่ยมเซฮุนหรือเปล่า”

                “เยี่ยม? เซ.. ไอ้ประสาทนั่นเป็นอะไรล่ะคะ ทำไมต้องไปเยี่ยมด้วย”

                “อ้าว นี่ไม่รู้เหรอ เห็นจงอินบอกว่าเซฮุนป่วย”ฉันกัดริมฝีปากเบาๆ ถึงว่าสิ ไม่เห็นเขาเลย “แต่ถึงบอกไป ซอฮยอนก็คงไม่ไปเยี่ยมอยู่แล้ว เราเกลียดเขาจะตายนี่ ใช่ไหม”

                “..ก็ ..ไม่รู้สิคะ”

                ยุนออนนียิ้มหวาน เธอแตะไหล่ฉันเบาๆ “บางทีออนนีก็สงสารเซฮุนนะ เขาดูรักเราจะตาย ด่าก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่ไป ขนาดทำร้ายร่างกายยังไม่ไปไหนเลย เปิดใจให้เขาบ้างสิ”

                “...”

                “ยุน!!

                “อ้าว อี้ฟาน”

                ฉันเงยหน้ามองประตู ลุกขึ้นยืนก้มหัวให้กับคนมาใหม่

                “งั้นเดี๋ยวออนนีกลับบ้านก่อนนะ วันนี้ได้กลับมาคุยกัน หายคิดถึงไปได้เยอะเลย”

                “ค่ะ”

                “ไปกันเถอะ”

                “รู้แล้วน่า นายก็เร่งฉันจังเลยอี้ฟาน”

                ฉันมองยุนออนนีที่เดินไปหาคิง เขามองฉันนิ่งๆ ฉันเลยก้มหัวให้เขาอีกครั้ง เขาเองก็ผงกหัวเล็กน้อยก่อนจะถือกระเป๋าให้ยุนออนนีแล้วพากันเดินออกจากห้อง ฉันเลยหยิบกระเป๋าของตัวเองบ้าง ปิดไฟ แล้วเดินออกจากห้อง พอดีกับที่ลู่หานมาถึง

                “คุยเสร็จแล้วเหรอ”

                “อื้ม”

                “เมื่อกี้ฉันไม่รู้ว่ามีคนอยู่ด้วย เลยเผลอเรียกชื่อเธอ”

                “ก็ใช่น่ะสิ ฉันเกือบแย่”ฉันตีแขนเขาเบาๆ ก่อนจะเอียงคอมองเขา “รู้จักบ้านเซฮุนไหม”

                “-_- ไม่รู้หรอก ฉันจะไปรู้ได้ไง”เขาตอบ “ถามทำไม”

                “ยุนออนนีบอกว่าเขาป่วย”

                “คนอย่างมันน่ะนะป่วย”

                “นี่! เขาก็คนนะ จะไม่ให้เจ็บได้ ป่วยเป็นเลยหรือไงฮะ”

                ลู่หานหัวเราะในลำคอ “หรือว่ามันจะป่วยเพราะแผล”

                “แผล? แผลอะไร”

                “ก็เมื่อวานจู่ๆมันก็โผล่ไปช่วยฉัน ถ้าไม่ไดมัน ฉันก็คงแย่กว่านี้อ่ะ”

                “แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน!!!!

                “เธอจะเสียงดังทำไมเนี่ย”ลู่หานพูด ปิดปากฉันแน่น แต่ฉันก็แกะออก

                “เราไปเยี่ยมเซฮุนกันเถอะ”

                “ไม่อ่ะ”เขาส่ายหน้า “ทำไมฉันต้องไปเยี่ยมไอ้ลูกหมานั่นด้วย”

                “แต่เขาช่วยนายนะลู่หาน”

                “ไม่ได้ขอนี่”

                “-_-***

                “อะ เออ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”

                ฉันยิ้ม เมื่อเขาตกลง ลู่หานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน เขาหันมามองฉันเป็นระยะๆ ปากก็บ่นงึมงำไม่หยุด

                “ไอ้จงอิน ตอนนี้อยู่ไหนวะ..เออ งั้นแกรอหน้าโรงเรียนก่อนนะ..ฉันจะให้แกพาไปบ้านไอ้ปริ๊นหน่อยน่ะ..เออ ไม่ต้องถามมากหรอกน่า”

                ฉันมองเขาอย่างลุ้นคำตอบ เมื่อลู่หานวางสาย เขาก็ผลักหัวฉันจนเซไปด้านหลัง

                “มันคงดีใจตายที่เธอไปเยี่ยม”

                “^^

                “..ทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นด้วย ชอบมันหรือไง”

                “เปล่าซะหน่อย .///. เขาก็เป็นเพื่อนนะ!!

                “หึ”

                “แถมเขายังช่วยนายด้วย ไปเลย เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆ”











     

     

     

     

     

                -Sehun Part-

                “คุณเซฮุนคะ คุณจงอินกับเพื่อนๆมาหาค่ะ”

                “รู้แล้วๆ เดี๋ยวผมลงไป”

                ผมตะโกนตอบแม่บ้านที่มาเคาะประตู งัดร่างที่เสื่อมสภาพสุดๆขึ้นจากเตียง ผมป่วยนิดหน่อยเลยไม่ได้ไปเรียน ไอ้เรื่องป่วยไม่ใช่ปัญหาอะไรเท่าไหร่หรอก ที่เป็นปัญหาหลักคือหน้าเยินๆของผมต่างหาก ขืนโผล่ไปให้คนที่โรงเรียนเห็นมีเฮแน่

                จะว่าไปผมไม่น่าไปช่วยไอ้กวางหน้าแมวนั่นเลยนะ ตอนผมไปถึงเห็นว่ามันกำลังโดนเกือบสิบคนรุมอยู่ ดันเสร่อเข้าไป แต่คนเจ็บหนักกว่าใครดันกลายเป็นผม ในขณะที่มันมี่แผลแค่เล็กน้อย ลืมไปว่ามันมีเลือดนักสู้อยู่มากกว่าผมเกินครึ่ง ไม่น่าเล้ยไอ้เซฮุน

                อดเจอหน้าปริ๊นเซสเลย

                “ฮ้าว –o- ไงวะมึง O_O

                ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นปริ๊นเซสกับไอ้ลู่หานนั่งอยู่บนโซฟา “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

                ไอ้จงอิน ไอ้เพื่อนแวรรรรรรรรรรรรรรร

     

     

     

     

     

     

                “นี่ เลิกเอามืดปิดหน้าปิดตาได้แล้วน่า เห็นแล้วมันน่ารำคาญนะ”

                ผมดิ้นหนี ส่ายหน้าอย่างหนักเมื่อซอฮยอนพยายามจะดึงมือผมออก เมื่อกี้หลังจากว๊ากอย่างตกใจแล้ว ผมก็รีบวิ่งกลับขึ้นห้อง ไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และเซ็ทผมมาแบบลวกๆ ก็แม่บ้านบอกแค่ว่าไอ้จงอินกับเพื่อนมาหา ผมก็นึกว่าเพื่อนในห้อง เลยลงไปทั้งที่ยังไม่ได้ล้างหน้าด้วยซ้ำ อายชิบเลย ปริ๊นเซสเห็นผมโทรมอ่ะ T^T

                “ถ้าไม่เอามือออกงั้นฉันกลับนะ ไม่รู้จะอยู่ทำไม เจ้าของบ้านเขาไม่อยากให้เห็นนี่”

                หมับ

                ผมเอื้อมมือข้างขวาไปรั้งแขนเธอเอาไว้ ในขณะที่ข้างซ้ายยังคงปิดหน้าอยู่ “ไม่ให้กลับ”

                “งั้นก็เปิดหน้าสิ”

                “แล้วก็ปล่อยมือด้วย”

                ไอ้เสียงข้างหลังนี่ไม่ใช่เสียงซอฮยอนนะ เสียงของไอ้ลู่หาน “ไม่ปล่อย ไม่ให้กลับ”

                เพี๊ยะ

                และแน่นอนว่าไอ้มือหนักๆที่ฟาดแขนผมนี่ก็ไม่ใช่มือซอฮยอน แต่เป็นมือของไอ้ลู่หานเช่นเคย

                “ไอ้เวร อยากโดนเตะหรือไงวะ”

                “ก็ปล่อยมือสิโว๊ย”

                “ไม่ปล่อยโว๊ย”

                “เอ่อๆๆ พวกแกอย่าเพิ่งทะเลาะกันได้ปะวะ”จงอินที่นั่งข้างผมร้องห้าม เตะขาผมเบาๆ “มึงก็เปิดหน้าได้ละ เดี๋ยวปริ๊นเซสมึงก็หนีกลับบ้านจริงๆหรอก”

                “แต่กู..”

                “เขาเห็นสภาพหน้ามึงเมื่อกี้หมดแล้ว ไม่ต้องปิดแล้วแหละ”

                ผมเบ้ปาก ปล่อยมือที่ปิดหน้าตัวเองออก ก่อนจะหลบตาซอฮยอน

                “จงอิน บอกเพื่อนแกด้วยดิ๊ ว่ามือที่จับแขนอยู่น่ะ ปล่อยได้ละ”

                ผมแลบลิ้นใส่ให้ลู่หานอย่างเคืองๆ ค่อยๆปล่อยมือตัวเองออก ก่อนจะได้เปิดฉากทะเลาะอะไรกับมันอีก โทรศัพท์มันก็เข้าซะก่อน มันเลยขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก

                ไปนานๆเลยนะ เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด

                “ทำไมถึงไปสู้กับเขาแบบนั้น ไหนบอกไม่ถนัดเรื่องสู้ไง”

                ผมหันกลับมามองซอฮยอนที่ถามผม เสียงเธอหวานกว่าเดิมเยอะเลยนะ ไม่กระโชกเหมือนเมื่อก่อน แถมยังดูน่ารักกว่าเดิมตั้งเยอะแน่ะ >,< จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนเนี่ย ผู้หญิงคนนี้

                “ก็ ..เห็นปริ๊นเซสเป็นห่วงมัน เลยไปช่วย”

                “...”

                “อยากให้เป็นห่วงบ้าง”

                “ประสาทเอ๊ย”เธอด่าเหมือนเคย ส่ายหน้าไปมา “แล้วไงล่ะ มันคุ้มไหมฮะ หน้านายแทบจะไม่เห็นที่ว่างแล้วนะ”

                “โอ๊ย สบายมากอยู่แล้ว แผลฉันเป็นง่ายหายเร็ว ไม่เชื่อถามไอ้จงอินดู”

                “ใช่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงหน้ามันหรอก เดี๋ยววันสองวันก็หล่อเหมือนเดิมแล้ว”

                ดีมากเพื่อนเยิฟ

                “ซอฮยอน”

                ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหล่ตามองไอ้ก้างชิ้นใหญ่ที่เดินเข้ามาและแน่นอน มันเรียกความสนใจจากซอฮยอนไปหมดเลย

                “หืม? มีอะไรเหรอ”

                “เดี๋ยวฉันต้องไปรับของที่แม่ส่งมาจากจีนน่ะ เธออยู่นี่ก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันกลับมารับ”

                “ไม่ต้อง”ผมพูดแทรก คว้ากุญแจรถในมือขึ้นมา “เดี๋ยวฉันไปส่งให้เอง”

                “เห๊อะ รอจังหวะนี้เลยสินะ”

                ผมยักไหล่ แถมด้วยยักคิ้วให้มัน จนสุดท้ายมันก็ต้องยอมแพ้

                “เออๆ งั้นฝากด้วยแล้วกัน”

                ผมพยักหน้า และเมื่อลู่หานเดินออกไป ผมก็หันไปมองอีกคนที่นั่งกระดิกเท้าดูทีวีอย่างสบายใจอยู่ที่โซฟาตัวข้างๆ

                “จงอิน”

                “ฮะ? อะไรวะ”

                “มึงบอกกูว่ามึงมีธุระไม่ใช่เหรอวะ”

                “ธุระ? กูมีธุ อั่ก”

                ผมโยนหมอนอิงใส่มันพร้อมกับขยิบตา นั่นแหละ ไอ้เพื่อนเวรนี่ถึงเข้าใจ “เออ จริงด้วยว่ะ นี่ถ้าไม่ได้มึงนี่กูลืมเลยนะเนี่ย งั้นกูไปก่อนนะ ซอฮยอน ฝากดูมันด้วยนะ”

                เยส ในที่สุดก็หมดก้าง

                “ปริ๊นเซ เอ้อ.. เจ็บนะ เจ็บ”ผมร้องเสียงหลงเมื่อเธอหยิกเอวผมอย่างแรง

                “ไอ้คนเจ้าเล่ห์ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทันนะ”เธอชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “แล้วนี่ ทำแผลบ้างหรือยัง กินยาเข้าไปบ้างหรือเปล่า”

                “ยังเลย วันนี้นอนทั้งวัน”

                “จริงๆเลยนะนายน่ะ ก็รู้ว่าตัวเองป่วยอยู่ เดี๋ยวฉันจะไปบอกแม่บ้านให้หาอะไรให้นายกินแล้วกัน”พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน แต่ผมคว้ามือเธอเอาไว้ “มีอะไร”

                “แม่บ้านกลับหมดแล้ว”

                “อ้าว แล้ว..”

                “ตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอ”ผมพูด แกล้งทำตาหื่นๆใส่เธอ กะว่าเธอต้องด่าเหมือนอย่างเคย แต่เฮ้ย.. ทำไม

                “./////. อย่ามาพูดบ้าๆ ทำอะไรฉัน ฉันฟ้องลู่.. เสี่ยวลู่นะ!!!!

                ไหงหน้าแดงให้ผมใจสั่นแบบนี้เล่า ..น่ารักเกินไปแล้วนะ ปริ๊นเซส >,<

                “งั้น เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้นายกินแล้วกัน รู้สึกว่าตัวนายร้อนๆนะ”พูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน เดินไปทางห้องครัว ปากก็บ่นไปตลอดทาง แม้จะเบาๆ แต่ผมได้ยินนะ “..ร้อนมายันฉันเลยเนี่ย เฮ้อ”

                ผมยิ้มอย่างเอ็นดู ตั้งแต่เธอหายไป ผมเป็นห่วงเธอมากนะ ตามหาเธอทุกวันแต่ก็ไร้วี่แวว และผมก็ดีใจสุดๆที่เธอกลับมา แต่การกลับมาของเธอครั้งนี้มันดูแปลกไป หน้าตาเธอเหมือนเดิม โอเค ผมรู้ เธอก็คือซอฮยอนนั่นแหละ แต่นิสัยมันช่างแตกต่าง

                ไม่รู้สิ มันเหมือนว่าเธอจะพยายาม ขอย้ำว่าเธอดูจะพยายามกับการทำให้ตัวเองเป็นเหมือนตัวเอง นึกออกไหม มันเหมือนว่าบางทีการแสดงออกที่โหดๆ ดุๆของเธอมันดูไม่ธรรมชาติน่ะ กลับกัน ไอ้นิสัยน่ารักๆ หวานๆ แบบที่เธอเป็นอยู่บ่อยๆตอนนี้ มันดูธรรมชาติมากกว่าซะอีก และสิ่งที่ทำให้ผมดีใจที่สุดอีกเรื่องนั่นก็คือ เธอดูเหมือนว่าจะยอมให้ผมเข้าใกล้บ้างแล้ว

                เมื่อก่อนเธอทำท่ารังเกียจผมอย่างกับว่าผมเป็นสัตว์ประหลาด แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ผมเข้าใกล้เธอได้แบบเนียนๆ แล้วไอ้อาการเขินหน้าแดงของเธอน่ะ ช่วงนี้ผมเห็นบ่อยนะ และทุกครั้งที่เห็นผมก็หลงทุกครั้งเลย

                หรือว่าเธอจะมีฝาแฝด.. หึๆ บ้าน่า จะไปมีได้ไง ในประวัติเธอก็บอกแค่ว่าเธอมีน้องสาว และนั่นก็คือโดยอน บางทีมันอาจจะเป็นอีกมุมที่ผมไม่เคยสัมผัสก็ได้ แต่ต่อให้เธอจะเป็นยังไง

                ผมก็รักเธออยู่ดีนั่นแหละ ปริ๊นเซสของผม












     

    ฝากติดตามความรักของ คิงควีน กันด้วยนะ เป็นเรื่องราวที่เกิดก่อนหน้าของเรื่องนี้


     

    ใส่ลิ้งค์ไม่ได้ ใส่แล้วรูปหาย เพราะงั้นก็นี่เลย

    http://my.dek-d.com/soneseo/writer/view.php?id=1222398

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×