ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD INFINITE]Change!!

    ลำดับตอนที่ #10 : CHANGE : CHAPTERS 8

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 57



    Chapters 8

     

                เพราะอาการของฉันไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรมาก นอนโรงพยาบาลวันสองวันคุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว วันนี้ฉันไปเรียนตามปกติ ทุกอย่างปกติหมด ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือเขาที่มายืนรอฉันอยู่หน้าบ้าน

                “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลู่หาน”

                “-_-

                ก็รู้นะว่าปกติเป็นซังนัมจา ไม่ค่อยพูดมาก ไม่ค่อยยิ้ม แต่วันนี้มันจะดูหน้าบึ้งเกินไปสักหน่อยนะ

                “ปริ๊นเซส”

                ฉันหันไปมองด้านข้าง รู้เหตุผลในทันทีว่าทำไมลู่หานทำหน้าเหมือนโกรธใครอยู่ เมื่อเซฮุนยืนพิงรถของเขาพร้อมกับโบกมือให้ฉันอย่างร่าเริง

                “มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าน่ะ”ฉันเดินไปถามเขาอย่างสงสัย

                “มารับไง ไปโรงเรียนกันเถอะ”พูดจบเขาก็เปิดประตูรถ ดันฉันเข้าไปแต่ฉันกลับถูกลู่หานดึงไว้ “ปล่อยปริ๊นเซสนะเว้ยไอ้แมวน้อย”

                “แมวน้อย? เห๊อะ บอกว่าฉันไม่ใช่แมวน้อยไง”ลู่หานโวย ดึงฉันมายืนข้างเขาตามเดิม “ปกติฉันกับซอฮยอนไปเรียนพร้อมกันอยู่แล้ว ไม่ต้องสะเออะเลยแกน่ะ”

                “ไปเรียนพร้อมกัน แต่นั่งรถเมล์ไปอ่ะนะ แกไม่เห็นเหรอ ว่าปริ๊นเซสเจ็บอยู่”

                “เอ่อ ความจริงแล้วก็ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วนะ”ฉันพูดแก้ กลัวว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันจนเราไปโรงเรียนไม่ทันทั้งหมดจังเลย

                “ไปกับมันนั่นแหละดีแล้ว ฉันก็ลืมนึกไป ป่านนี้รถเมล์คงเบียดน่าดู”

                “ฮะ”ฉันมองลู่หานอย่างงงๆ บทจะให้ไปก็ง่ายขนาดนี้เชียว

                “ฮะ เฮ้ยๆๆๆๆ แกจะขึ้นไปนั่งทำไมวะ ลงมานะเว้ยไอ้ลู่หาน”

                “ยังไงก็ต้องไปโรงเรียนเดียวกันอยู่แล้วนี่ ซอฮยอน ขึ้นรถ”

                ฉันมองลู่หานที่สั่งเสียงเข้ม พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปนั่งข้างหลังทันที ในขณะที่นายโวยวายยังคงโวยไม่เลิก เขากระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ

                “เซฮุน ไปเถอะ ฉันไม่อยากไปสายนะ”

                “เฮ้อ ก็ได้ๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้หน้าแมว!!!!!

                “หึ”

                ฉันส่ายหน้าไปมาอย่างระอา พอกันทั้งคู่ให้ตายเถอะ เซฮุนเดินวนกลับมานั่งที่คนขับ แต่แล้วประตูด้านหลังอีกฝั่งก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

                “เฮ้ย มาไงวะ!!!”เจ้าของรถโวยวาย ก่อนจะหันมามองด้านหลัง

                “ไหนๆก็ต้องไปเรียนที่เดียวกันนี่ รีบไปเถอะ เร็วๆ เดี๋ยวสาย”

                “-o-

                ฉันอ้าปากค้าง มองมยองซูที่สั่งเซฮุนราวกับตัวเองเป็นเจ้าของรถ ก่อนที่เขาจะมองพวกเราทีละคน “มองอะไรกันอ่ะ อีกยี่สิบนาทีจะไม่ทันเรียนแล้วนะ”

                “เวรเอ๊ย รถฉันไม่ใช่แท็กซี่นะโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เซฮุนตะโกนดังลั่น

                “โผล่มาอย่างกับผี”ตามมาด้วยลู่หานที่บ่นพึมพำ และฉัน..

                “-o-

                เอ๋อ เอ๋อ และเอ๋อ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เซฮุนพาพวกเรามาถึงโรงเรียนได้ทันเวลาพอดี แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมากก็ต้องรีบแยกย้ายเพราะจะเริ่มเรียนคาบแรกแล้ว

                “ไว้เดี๋ยวไปรับที่ห้องนะ”

                “อื้ม”ฉันพยักหน้าให้ลู่หาน ก่อนจะหันไปหาเซฮุน “ขอบคุณมากนะเซฮุน”

                “ยินดีอยู่แล้ว ยินดีกับเธอคนเดียวนะ ไอ้สองตัวนี่มันส่วนเกิน เช๊อะ”

                “ไปละ ไว้เจอกัน”ฉันโบกมือลาพวกเขา เดินไปพร้อมกันกับมยองซูเพราะวันนี้คาบแรกเราต้องไปที่โรงยิม เนื่องจากอาจารย์ที่สอนพละติดงานช่วงบ่ายเลยแลกมาสอนช่วงเช้า

                แต่แหม เรียนพละตั้งแต่คาบแรกนี่มันก็เกินไปหน่อยนะ

                “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

                “หืม ไม่เจ็บแล้วล่ะ”ฉันตอบมยองซูที่ถามระหว่างที่เรากำลังเดิน จู่ๆเขาก็ดึงกระเป๋าจากมือฉันไปถือ “เดี๋ยวฉันถือเองก็ได้”

                “ไม่เป็นไร”

                “...”

                “เวลาเธออ่อนแอให้ต้องปกป้อง มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ”

                “-/////-

                “อีกเดือนเดียวก็ถึงวันมอบตำแหน่งแล้ว ช่วงนี้ระวังตัวเอาไว้จะดีกว่า”

                ฉันพยักหน้า เดินเข้าไปในโรงยิมพร้อมกับเขา แต่เอ๊ะ นั่น..

                “เฮ้อ ทำไมต้องเรียนห้องเดียวกันด้วยนะ”ฉันบ่นพึมพำเบาๆ เมื่อมองเห็นอึนจองอยู่ในโรงยิม เธอคือบุคคลที่ฉันอยากเลี่ยงมากที่สุดเลยนะ ให้ตาย

                “เจ้าแม่!!!!

                ฉันหันไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงร่าเริงที่ประสานกัน “แบคฮยอน ซองยอล”

                ทั้งสองคนวิ่งเข้ามาหาฉัน แต่เมื่อเห็นมยองซู พวกเขาก็เบรกกันหัวแทบทิ่มแถมยังทำหน้าหวาดกลัวสุดๆด้วย

                “-_- ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า”มยองซูพูด เดินไปทางล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อ

                ดีที่ฉันใส่ชุดพละมาจากที่บ้านแล้วเลยไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยน แบคฮยอนกับซอลยอลดึงให้ฉันไปนั่งที่อัฒจรรย์ก่อนจะขนาบข้างฉัน

                “ได้ยินว่าเจ้าแม่ถูกพวกคยอลกิลทำร้ายน่ะ พวกเราเป็นห่วงมากเลย”แบคฮยอนพูด

                “ใช่ๆๆ หัวหน้าแทของพวกเราก็ห่วงมากเลยนะ แต่ไม่ได้ไปเยี่ยม ขอโทษที”ซอลยอลเสริม

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”

                “ซวยจริงๆเลย แต่ก็อย่างว่า มันเป็นช่วงเก็บแต้ม ไอ้พวกคยองกิลเลยได้แต้มไปแล้ว หลังคนอื่นรู้ว่ามันทำให้เจ้าแม่นอนโรงพยาบาลได้น่ะ”

                “แต้ม?”

                “เอ้า ก็แต้มระหว่างวันมอบตำแหน่งไง ตอนนี้ใครๆก็หมายหัวเจ้าแม่ไว้ทั้งนั้นแหละ พวกผู้หญิงอยากขึ้นตำแหน่งนี้กันจะตาย”ซอลยอลที่เห็นฉันดูงงๆกับแต้มที่แบคฮยอนพูดอธิบาย

                “..แต่พวกคยองกิลอะไรนั่นมันคนละโรงเรียนนี่”

                “โห่ เจ้าแม่นี่อะไร เป็นโรคหลงลืมแล้วเหรอ”

                “ไอ้ซอลยอล อย่าว่าเจ้าแม่ เดี๋ยวโดน”

                “นี่ พวกนายจะโดนทั้งสองคนนั่นแหละถ้าไม่บอก ไม่อธิบายให้มันเคลียร์ๆ พะ พอดีฉันความจำสั้นน่ะ จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว”ฉันแถ ก็คนมันอยากรู้นี่ว่าตกลงยังไงกันแน่

                “ตำแหน่งแต่ละตำแหน่ง แต่ละโรงเรียนเขาก็มีของตัวเองคนละหนึ่งอยู่แล้ว ยกเว้นก็แต่ตำแหน่งไฟท์เตอร์กับตำแหน่งเจ้าแม่”

                “อย่างที่ไอ้แบคฮยอนมันบอกไง เพราะงั้นตอนนี้ ไฟท์เตอร์กับเจ้าแม่ก็เลยถูกหมายหัวจากแทบทุกโรงเรียนที่มีประเพณีนี้ คยองกิล มหาลัยมินฮวา แล้วก็แก๊งอึนจอง เจ้าแม่ต้องระวังเอาไว้ให้ดีเลยแหละ เราสองคนเพิ่งได้ยินพวกนั้นวางแผนกันว่าจะเล่นงานเจ้าแม่อยู่”

                ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพราะแบคฮยอนและซอลยอลอยู่ห้องเดียวกับอึนจองน่ะ ไม่แปลกที่พวกเขาจะแอบได้ยิน และเมื่อมองตรงไปข้างหน้าฉันก็รู้สึกได้จริงๆถึงสายตาที่ถูกส่งตรงมาจากอึนจอง ยัยนั่นแทบอยากจะขย้ำฉันให้แหลกคามืออยู่แล้วมั้ง ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาว่าฉันจะอยู่รอดปลอดภัยยันซอฮยอนตื่นขึ้นมานะ เรื่องเรียนฉันช่วยยัยนั่นได้ แต่เรื่องสู้นี่ฉันไม่ไหวจริงๆ

                “ทำไมมยองซูไปนานจัง”ก็ไม่ได้อยากไปยุ่งหรอก แต่เขาดันเอากระเป๋าฉันติดมือไปด้วยน่ะสิ ฉันจะเอาของในนั้นสักหน่อย “แบคฮยอน ซองยอล เดี๋ยวฉันมานะ”

                “อื้ม”

                ฉันเดินลงจากอัฒจรรย์ ตรงไปยังล็อคเกอร์ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องฝั่งผู้ชาย

                “มยองซู”

                ...

                “มยองซู นายอยู่ในนั้นหรือเปล่าอ่ะ ฉันขอกระเป๋า”

                ...

                “มยองซะ.. อ๊ะ”

                ฉันเซไปด้านหลังเมื่อมีผู้ชายสามคนวิ่งออกมา แถมยังชนฉันซะแรงเลย ให้ตายจะรีบไปไหนนักหนาเนี่ย

                “มยองซู มยองซู”ฉันตะโกนเรียกเขาอยู่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เลยยืนรออยู่ตรงนั้น เพราะเขายังไม่น่าออกจากห้องล็อคเกอร์หรอก เมื่อกี้นั่งอยู่ก็ไม่เห็นเลย “อ๊ะ”

                ฉันขมวดคิ้วมองเสื้อพละของตัวเองที่มีรอยสีแดงเหมือนคราบเลือด แน่นอนล่ะว่ามันไม่ใช่เลือดฉัน หรือว่าจะเป็นเลือดของหนึ่งในสามคนที่วิ่งชน หรือถ้าไม่ใช่เลือดของพวกนั้นก็น่าจะเป็น

                “มยองซู!!!!”ฉันวิ่งเข้าไปด้านในห้องล็อคเกอร์ทันที และเป็นไปตามคาดเมื่อฉันเห็นมยองซูนั่งกุมหัวอยู่กับพื้น ฉันเลยรีบไปนั่งข้างเขาอย่างเป็นห่วง “นายเป็นไงบ้าง”

                “บ้าชิบ กล้าบุกเข้ามาถึงในโรงเรียนเลย”เขาพูด ส่ายหน้าไปมาเบาๆ “ไม่เป็นไรมากหรอก”

                “แต่หัวนาย..”

                “แค่แตก”

                ฉันกัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อเขาพูดว่าหัวแตกด้วยใบหน้านิ่งสนิท ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก “ปะ ไปห้องพยาบาลกันดีกว่า”

                “อืม”

                ฉันพยุงเขาขึ้นมา แต่ก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อสัมผัสถึงความร้อนจากตัวเขา “เอ่อ สะ ใส่เสื้อก่อนดีกว่าไหม”

                “อืม”

                ฉันปล่อยเขา หันหน้าไปอีกทางเพื่อให้เขาใส่เสื้อ ดูเหมือนเขาจะถูกเล่นงานตอนกำลังเปลี่ยนเสื้อพอดี ตอนนี้เขาเลยยังไม่ได้ใส่เสื้อ แต่.. แต่ฉันไม่เห็นอะไรหรอกนะ สาบานได้ เมื่อกี้มองแค่หัวที่แตกของเขาอย่างเดียวเลย

                “เสร็จแล้ว”

                “อะ อื้ม”

                สาบานได้นะ จริงๆ >/////<












     

     

     

     

                ฉันนั่งรอลู่หานอยู่ในห้องเรียน ไม่นานนักเขาก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นๆ “เกิดอะไรขึ้น มีคนบอกว่าไอ้มยองซูถูกตี”

                “อื้อ หัวแตกน่ะ”ฉันตอบเขา

                หลังจากพามยองซูไปทำแผลที่ห้องพยาบาล ฉันก็กลับมาเรียนตามปกติ อาจารย์ห้องพยาบาลให้เขานอนพักไปก่อน ไหวเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเรียน แต่ฉันรู้หรอกนะว่าเขาไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก ทำเป็นไม่ไหวเพราะจะได้นอนน่ะสิ

                “แล้วเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

                “ไม่อ่ะ ฉันโอเค”

                “ดีแล้ว งั้นไปกันเถอะ”พูดจบลู่หานก็ดึงให้ฉันลุกขึ้นยืน เขาเดินมาอยู่ข้างหลังพร้อมกับดันไหล่ให้ฉันเดินไปข้างหน้า ฉันมองทางที่เขากำลังบังคับให้เดินอย่างแปลกใจ

                “ลู่หาน เอ่อ เสี่ยวลู่ นี่มันไม่ใช่ทางไปโรงอาหาร”

                เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ยังคงดันฉันไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องชมรมวารสาร เขาเปิดประตูเข้าไปก่อนจะดันให้ฉันนั่งลงบนโซฟาแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ปล่อยให้ฉันได้แต่มองอย่างงงๆ

                “เออ ฉันเอง..อย่าเพิ่งบ่นมากได้ปะ ไม่มีเวลาฟัง..ถ้าแกพูดให้ฉันเป็นสัตว์ตัวนู้นตัวนี้อีกฉันจะอัดปากแก ไอ้หมา..เออ..ตอนนี้ซอฮยอนอยู่ที่ห้องชมรม คงจะดีถ้าแกรีบมา..ไม่ต้องถามมาก เออ”

                “- -?”ฉันมองเขาที่ส่ายหน้าไปมาเหมือนหงุดหงิด “..เซฮุนเหรอ”

                “รู้ดีนี่”

                “ก็คงไม่มีใครขนสารพัดสัตว์มาพูดกับนายได้หรอกนอกจากเขา”

                “หึ”เขายักไหล่ ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเซฮุนก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เซฮุนเข้ามา ลู่หานก็ลุกขึ้นยืน เขาหันมามองฉันก่อนจะหันไปมองเซฮุน “เลิกเรียนแล้วก็ไปส่งซอฮยอนด้วย วันนี้ฉันมีธุระ”

                “ไม่บอกก็ทำอยู่แล้วเว้ย ไอ้กะ..”

                “ไอ้ลูกหมาเอ๊ย”ลู่หานพูดขัดขึ้นมาก่อนที่เซฮุนจะได้พูดจบประโยค เขามองฉันแวบเดียวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง

                “อ้าว ลู่..”

                เซฮุนทิ้งตัวนั่งลง เขามองฉันพร้อมกับยิ้มกว้าง “ปริ๊นเซสกินอะไรหรือยัง”

                “..ยังเลย”

                “พอดีเลย มีขนมปังเยอะแยะเลยอ่ะ”พูดจบเขาก็ควักเอาขนมปังมาจากกระเป๋าเยอะแยะอย่างที่พูดจริงๆ แต่ฉันไม่ได้สนใจหรอก

                “เขาไปไหน นายรู้หรือเปล่า”

                “ไม่รู้อ่ะ ก่อนหน้านี้มันพูดอะไรกับเธอปะล่ะ”

                “เขา.. ก็แค่ถามว่าวันนี้มยองซูถูกตีจริงหรือเปล่า แค่นั้น”

                “ไอ้ไฟท์เตอร์น่ะนะถูกตี”

                “อื้ม หัวแตกด้วย”

                “งั้นก็ไม่แปลกอะไรแล้วล่ะ”พูดจบเขาก็ยื่นขนมปังให้ฉัน “มันก็คงไปทำหน้าที่ไนต์ของมันล่ะมั้ง”

                “หืม? ชะ ช่วยขยายความที”

                เซฮุนหันมามองฉัน หยิกแก้มฉันเบาๆ “ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เธอก็รู้อยู่ว่าเวลาเกิดเรื่องในโรงเรียน อย่างเช่นนักเรียนในฮยอนอินถูกทำร้าย คนเป็นไนต์ก็ต้องจัดการอยู่เรื่อย เพราะตำแหน่งของมันคืออัศวินไง”

                “...”

                “อัศวินที่ปกป้องทุกคนในเครื่องแบบฮยอนอิน”

                “..งั้น นายจะบอกว่าเขา ..ออกไปสู้เหรอ”

                “ก็ประมาณนั้น”เซฮุนพยักหน้ารัวๆ “เฮ้อ โชคดีนะที่ฉันเป็นปริ๊น ไม่ต้องเอาหน้าหล่อๆไปรอรับหมัด”

                ฉันไม่ค่อยสนใจฟังเซฮุนหรอก ตอนนี้เป็นห่วงลู่หานมากกว่า เขาออกไปสู้แบบนั้นน่ะเหรอ แล้วพวกนั้นมีกี่คนก็ไม่รู้ ไปคนเดียวเนี่ยนะ จะสู้ได้เหรอ แล้วเขาจะเป็นอะไรไหม

                “ปริ๊นเซส ทำหน้าเป็นห่วงมันแบบนี้ฉันหึงนะเนี่ย”

                “..ละ แล้วนายไม่ห่วงหรือไง”

                “พูดเหมือนไม่รู้จักมันงั้นแหละ”เซฮุนพูด หยิกแก้มฉันอีกครั้ง เชื่อเถอะว่าถ้าคนที่หมอนี่หยิกแก้มอยู่คือซอฮยอน คงได้มีคนโดนต่อยคว่ำไปแล้ว “ไฟท์เตอร์ที่ว่าแน่ เจอไนต์เข้าไปมีจอดนะ”

                “..บะ บ้าเหรอ”

                “จริงๆ ไม่งั้นมันจะได้ชื่อว่าเป็นไนท์เหรอ ..ไนท์ที่ปกป้องทุกคน แม้แต่ไฟท์เตอร์”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เซฮุนมาส่งฉันที่บ้าน ก่อนมาส่งก็พาแวะไปกินข้าวเย็นก่อน เขามานั่งเล่นอยู่ที่บ้านฉันถึงประมาณห้าโมงแล้วก็กลับไป ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฉันเป็นห่วงทั้งมยองซูที่โดนตีหัวแตกแต่ตอนนี้กลับไปนอนพักที่บ้านแล้ว และลู่หานที่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเลย แต่เซฮุนก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา เพราะพวกเขาเก่ง ถึงจะเก่งยังไงก็พลาดได้อยู่ดี

                ดูอย่างซอฮยอนสิ ฉันรู้นะ พี่สาวฝาแฝดฉันเก่งจะตาย

                ฉันคว้าเสื้อแขนยาวมาใส่คลุมชุดนักเรียนที่ยังไม่ได้เปลี่ยน ก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน เพื่อไปที่บ้านของลู่หาน บางทีเขาอาจจะกลับมาแล้วก็ได้

                ...

                ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยแฮะ บ้านเขายังปิดไฟมืดขนาดนี้ คงไม่เข้านอนแต่วันล่ะมั้ง ไปไหนของเขานะคนบ้าเอ๊ย โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย นี่กะเอาคืนฉันอยู่หรือไง

                ฉันเดินกลับมาบ้าน เตะดิน เตะฝุ่นไปเรื่อยเปื่อย ถึงฉันจะค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของเขาก็เหอะนะ แต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ลู่หานอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงเรียกเขาดังอยู่ไม่ไกล เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพื้น ก็เห็นว่าเจ้าของเสียงโทรศัพท์ยืนอยู่หน้าบ้านของฉัน และคนๆนั้นก็คือ

                “ลู่หาน..”

                เขากดตัดสายทิ้ง ถอนหายใจยาวๆออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ฉันก้าวเข้าไปใกล้เขา มองอย่างตกใจที่เห็นเลือดยังไหลจากหางคิ้วของเขาอยู่เลย

                “นาย”

                หมับ

                ตาของฉันเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อลู่หานดึงตัวฉันเข้าไปใกล้ก่อนจะกอดฉันแน่น ฉันยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อสติกลับเข้าร่างก็ดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขาแต่ไม่เป็นผลเลยเมื่อเขายังคงกอดฉันแน่น

                “..ฉันตกใจที่เธอไม่อยู่บ้าน”เขาพูดอู้อี้เพราะหน้าของเขาซบอยู่บนไหล่ของฉัน

                “นาย..”

    “เป็นห่วงแทบแย่”


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

                ใบหน้าหล่อระบายรอยยิ้มออกมาจางๆก่อนจะเดินกลับไปจากที่ที่ตัวเองเพิ่งเดินมา แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงจุดหมาย เมื่อความเจ็บที่กลั้นเอาไว้ทำงานอีกครั้ง ร่างสูงปล่อยให้ตัวเองไหลลงไปกองกับพื้น ใบหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวด

                มือหนากุมที่หน้าอกของตัวเอง ถอนหายใจเฮือกใหญ่

                “หึๆ ตกลงเจ็บตรงไหนกันแน่วะ”

                แผล ..หรือหัวใจ

                ภาพที่เพิ่งเห็นยังตามหลอกหลอนอยู่เรื่อย ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากออกลวกๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง

                “อุตส่าห์พูดว่าหน้าหล่อๆไม่ต้องไปคอยรับหมัด ดันโดนกลับมาเต็มๆเลยนะไอ้ปริ๊นเอ๊ย”

                กะว่าจะมาอ้อนสักหน่อย ..สุดท้าย แห้วไปสิ

                “หล่อแล้วไงวะ”เซฮุนพูดกับตัวเอง แค่นหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเอง “หล่อให้ตาย เขาก็ไม่เอามึงอยู่ดีแหละ”












     

     

    แต่งมาจนถึงตอนนี้ สารภาพตามตรง เรื่องนี้แต่งแบบไร้พล็อตจริงๆ เพราะพล็อตนี่คิดได้แค่แรกๆแค่นั้น

    นึกอะไรออกก็เอามาแต่ง ดังนั้นเรื่องพระเอกของเรานี่ยังไม่ได้กำหนดตายตัวเลยนะ

    อย่าว่าแต่รีดเดอร์ไม่รู้เลยว่าใครเป็นพระเอก ตัวไรท์เตอร์เองยังไม่รู้เลย(แง่ว)

    ไปตามฟีลแล้วกัน ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ เชียร์ใครกันอยู่บ้างเอ่ย?

    อันนี้อยากรู้เฉยๆ ไม่มีผลต่อการแต่งตั้งตำแหน่งพระเอกให้หรอก เพราะแต่งไปตามฟีลจริงๆ

    ย้ำว่าจริงๆเลยแหละ บอกความเห็นกันหน่อยนะ อยากรู้ ><

     

    เชียร์ใคร? เพราะอะไร? เอาแบบไม่ลำเอียงอ่ะ นึกออกปะ เอาแบบไปตามบทบาท









    ใครสบตา 3 คนนี้แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยมั่ง ไม่น่ามี >//<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×