ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD INFINITE]Change!!

    ลำดับตอนที่ #8 : CHANGE : CHAPTERS 6

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 57



     

     

    Chapters 6

     

                ฉันเปิดประตูห้องชมรมวารสาร ที่ตอนนี้มีสมาชิกนั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว 6 คนนั่นก็คือ พี่แทยอนประธานชมรมวารสาร นายแบคฮยอนตัวเตี้ย นายซองยอลตัวสูง พ่วงด้วยสามหนุ่มหล่อ สามบุคลิกอย่างไนต์ ไฟท์เตอร์ และปริ๊น รวมยัยเจ้าแม่อย่างฉันเข้าไปอีกคนก็รวมเป็น 7 คน

                “เป็นไงบ้างคะพี่แทยอน”

                “หูย ขอบคุณมากนะซอฮยอน ตอนนี้สมาชิกในชมรมมีจนเต็ม เกินที่ผอ.กำหนดมาอีกอ่ะ”พี่แทยอนพูดอย่างตื่นเต้น “อันที่จริงมันเต็มตั้งแต่สามวันแรกแล้ว ขอบคุณจริงๆ”

                ฉันใช้เวลาในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาอยู่ในชมรมวารสารซะส่วนใหญ่ และเพราะฉันขู่แกมบังคับให้ทุกคนเลิกกลัว และกันเองกับฉัน ทำให้ตอนนี้เราสนิทกันในระดับนึงแล้ว

                “นี่เจ้าแม่ ตอนนี้ชมรมวารสารของเรามีแต่คนพูดว่าเป็นชมรมของผู้ทรงอิทธิพลเลยนะ”แบคฮยอนพูด

                “ช่ายๆๆ เดินไปทางไหนนี่ยืดอกผายไหล่ผึ่งได้เลยนะ อาศัยอำนาจมืดของไฟท์เตอร์น่ะ”ซองยอลเสริม

                “-_- ฉันไม่ได้มีอำนาจมืด”มยองซูพูดเสียงเรียบ

                “ขอโทษงับ”ซอลยอลรีบยกมือขอโทษทันที จ๋อยไปเลยแฮะ

                “ซอฮยอน”

                “หืม มีอะไรเหรอมยองซู”

                เขามองหน้าฉันนิ่ง ก่อนจะหันไปมองอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน “ไหนบอกว่ามีที่ให้นอนไง”

                “กะ ก็นอนสิ นายนอนได้เลย โซฟาว่างนี่นา”

                ฉันไม่อยากจะเชื่อกับผู้ชายคนนี้เลยจริงๆนะ เขาบอกว่าแค่มีที่นอนก็พอ ตอนแรกแค่คิดว่าเขาพูดเล่น แต่ที่ไหนได้ เขามาเพื่อนอนจริงๆ นอน นอน ไม่ว่าจะเข้ามาห้องชมรมกี่ครั้งฉันก็เห็นว่าเขานอนอยู่ตลอด

                “บรรยากาศไม่เห็นดีเลย โผล่หัวมาทำซากอะไรกันเยอะแยะ”เขาพูดเหมือนพูดลอยๆ แต่ฉันรู้นะว่าเขาพูดกระทบใคร

                จะว่าไปแล้วตั้งแต่ลู่หานโดนมยองซูต่อย นี่มันผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วนะ รอยช้ำที่มุมปากเขามันยังไม่หายขาดเลย ฉันยังเห็นเป็นรอยจางๆอยู่เลยอ่ะ น่ากลัวชะมัดเลย

                “นอนไปเลยไป”นายโวยวายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมยองซูโยนหมอนใบเล็กใส่ ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน “สอบซ่อมเป็นไงบ้างปริ๊นเซส”

                “ก็ ดีนะ ผ่านแล้ว”ฉันตอบ

                นี่ก็อีกเรื่อง ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าพ่อเลี้ยงยัยซอฮยอนมายังไง พี่สาวฝาแฝดฉันถึงได้สู้เก่งเพียงอย่างเดียว นี่ตั้งแต่มาที่นี่ฉันตามสอบซ่อมให้ยัยนั่นไม่รู้กี่รอบแล้วนะ ตกมันซะทุกวิชาเลย

                “ตามปกติไม่ได้ผ่านครั้งเดียวนี่นา”เซฮุนพูด มองฉันอย่างสงสัย

                “อย่าเยอะ”ลู่หานพูดสั้นๆ เหมือนเขาไม่ได้เจาะจงว่าจะพูดกับใคร แต่ก็อีกนั่นแหละ ทำไมจะไม่มีใครรู้ว่าเขาพูดกับเซฮุน

                พี่แทยอนมองหน้าพวกเราสลับกันไปมาก่อนจะรวบเก็บใส่กระเป๋า “งะ งั้นพวกเราสามคนขอตัวก่อนนะ จะไปส่งใบรายชื่อสมาชิกให้กับอาจารย์น่ะ”

                “อ่า ค่ะ”

                พี่แทยอนยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะมองหน้าฉัน “กุญแจก็เก็บไว้เลยชุดนึงแล้วกัน นอนได้ตามสบายนะ เอ่อ ท่าน..”

                “เรียกเขาเหมือนที่เรียกฉันนั่นแหละค่ะ”ฉันพูดขัดก่อนที่พี่แทยอนจะเรียกมยองซูว่าท่านไฟท์เตอร์อย่างที่เคยเรียกฉันว่าคุณเจ้าแม่

                “เอาเถอะ ปิดแอร์ ปิดไฟด้วยนะ ขอบคุณค่ะทุกคน”

                “ขอบคุณครับที่กอบกู้ชมรมของเราเอาไว้”แบคฮยอนกับซอลยอลพูดพร้อมกันก่อนที่ทั้งสองคนจะตามพี่แทยอนออกไป

                แล้วบรรยากาศในห้องนี้มันคืออะไรกัน ทำไมฉันถึงได้มานั่งอยู่ตรงท่ามกลางผู้ชายหน้าตาดีด้วย มยองซูยักไหล่ กระโดดข้ามไปยังโซฟาอีกฝั่งแล้วหลับตา ในขณะที่เซฮุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น และลู่หานที่กำลังมองหน้าฉัน

                “เอ่อ มะ มองอะไรเหรอ”

                “ไม่เห็นบอกก่อนว่ามีคนอื่นนอกจากฉันอยู่ในชมรม”

                อ่า เป็นเพราะว่าพวกเขาสามคนเพิ่งจะเคยเข้ามาในห้องชมรมแบบพร้อมกันอย่างนี้ล่ะมั้ง ต่างคนต่างเลยยังไม่รู้ว่าอยู่ชมรมเดียวกัน ฉันไม่ได้บอกด้วย เพราะกลัวว่าใครสักคนจะถอนตัวออกไปก่อนน่ะสิ

                “เอาน่า อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนไง”ฉันพูด มองหน้าเซฮุนที่เงยขึ้นมาพอดี “ใช่ไหม”

                “อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับไอ้หมอนี่หรอกนะ”เซฮุนพูด เบ้ปากเล็กน้อย “แต่ถ้าปริ๊นเซสต้องการ อะไรก็ได้ทั้งนั้น”

                “จะอ้วกว่ะ”ลู่หานพูด ส่ายหน้าไปมา “ถ้ายัยนี่สั่งให้ไปตายก็จะไปใช่ปะ ไปสิ ไปตายยยยยยยยยยย”

                “ขอโทษที ในที่นี้ฉันฟังแค่ปริ๊นเซส ไอ้กวางน้อยอย่างแก ฉันไม่ฟังหรอกเว้ย”

                “ฉันไม่ใช่กวางน้อยนะเว้ย”

                ฉันมองทั้งสองคนสลับกันไปมา บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริงๆ ที่จับทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ให้ตายเถอะ จะทะเลาะกันชมรมแตกไหม T^T

                “แกมาต่อยกับฉันไหม ไอ้เซฮุน”

                “ขอโทษที พอดีฉันใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาเว้ย”

                “หน็อย ทำอย่างกับว่าแกมีเหตุผลตายแหละ เหตุผลปัญญาอ่อนอ่ะดิ”

                “อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่พวกนิยมความรุนแรงแล้วกัน”

                “เอ่อ พวกนาย..”ฉันส่งเสียงที่เบาบางของตัวเองออกไปเพื่อหวังให้พวกเขาเลิกทะเลาะกัน แต่ผลสุดท้ายคือ

                ฟิ้ว

                คำพูดฉันลอยผ่านพวกเขาไป เพราะไม่มีใครฟังฉันเลยสักคน ให้ตายเถอะ ซออยอนจัดการกับพวกนี้ยังไงล่ะเนี่ย

                “แต่ถ้าพวกแกสองคนยังไม่เลิกเถียงกันรบกวนฉันนะ มาสู้กับฉันเลยดีกว่า ฉันต่อให้พวกแกรุมเลย ฉันจะต่อยพวกแกสองคนแบบมีเหตุผลสุดๆไปเลยล่ะ”

                “...”

                เงียบ.. ต้องขอบคุณมยองซูจริงๆที่ลุกขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ อย่างน้อยมันก็ทำให้เซฮุนกับลู่หานหยุดเถียงกันได้นะ ค่อยยังชั่ว

                “เห๊อะ”ลู่หานหัวเราะเล็กน้อย หันมาจ้องหน้าฉัน “กี่โมงแล้ว”

                “อ่า จะ สี่โมงแล้วแหละ”ฉันตอบ

                ลู่หานพยักหน้า เขาหยิบเสื้อสูทของตัวเองขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ เช่นเดียวกับเซฮุนที่หยิบกระเป๋ามาสะพายข้าง ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน

                “กลับบ้านกันเถอะ/กลับบ้านกันเถอะ/กลับบ้านกันเถอะ”

                อ่า.. ไม่ใช่แค่สองสินะ เพราะมยองซูเองก็จ้องและพูดออกมาเหมือนกัน

                “...”

                ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที ฉันมองพวกเขาสามคน ไม่รู้ว่าควรจะปั้นหน้ายังไงเลย เอาไงดี ฉันต้องเลือกกลับบ้านพร้อมใครคนใดคนหนึ่งเหรอ

                อันที่จริงควรเลือกลู่หานใช่ไหม เพราะบ้านเขาอยู่ใกล้ และเราก็มาเรียนพร้อมกันทุกวันอยู่แล้ว แต่ฉันกับเขายังคงอึดอัด อึมครึมกันอยู่เลย

                นายโวยวายเซฮุนเหรอ ฉันกับเขาไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหรอกนะ แต่ว่ามันก็แปลกถ้าต้องกลับกับเขา ถึงจะสบายหน่อยตรงที่เขาขับรถมาเรียนเอง แต่ฉันก็คงวางตัวไม่ถูก เพราะหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ก็มีข่าวลือออกมาเยอะมากว่าฉันกับเขาคบกัน ถ้ากลับกับเขา มันไม่ยิ่งตอกย้ำข่าวลือพวกนั้นเหรอ

                แล้ว.. ถ้าตัวเลือกสุดท้ายคือมยองซูล่ะ มันจะดีไหม เพราะนอกจากฉันกับเขาจะไม่มีบรรยากาศอึดอัดกันแล้ว เราก็ไม่ได้มีข่าวลืออะไรให้ต้องมากระอักกระอ่วนใส่กัน แต่มันติดตรงที่ ออกนอกโรงเรียนทีไร เขากลายเป็นไฟท์เตอร์นักสู้ทุกทีเลย ฉันไม่อยากเจ็บตัวเพราะโดนลูกหลงนะ

                ฮือ ซอฮยอน ถ้าเป็นเธอ เธอคงเลือกกลับเองคนเดียวใช่ไหม

                ถ้างั้นฉัน..






     








     

     

     

     

                “ซอฮยอนน้องรักกกกกกกกกกกกกก”

                ฉันหันไปทางประตูเมื่อมีเสียงหวานๆร้องเรียกดังมาแต่ไกล และคนๆนั้นก็คือ อิมยุนอา ควีนสุดสวยที่ลู่หานบอกว่าสนิทกับซอฮยอนสุดๆ

                และกำลังจะสนิทกับจูฮยอนคนนี้สุดๆไปด้วย

                “ออนนี”ฉันตอบกลับเสียงหวานไม่แพ้กัน พุ่งไปกอดแขนคนสวยแน่น ก่อนจะเขย่าเบาๆ “ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะค่ะ”

                “อื้ม”เธอพยักหน้ารับลูบหัวฉันเบาๆ “ไปสิ คิดถึงจัง”

                “ค่ะๆ”ฉันยิ้มตอบ สะพายกระเป๋าให้ดีๆก่อนจะมองที่ทั้งสามคน “พวกนาย ฉันไปก่อนนะ บายยยยยย”

                หลังจากนั้นก็ไม่รีรอลากแขนคนสวยออกมาจากห้องชมรมทันที ให้ตายเถอะ สถานการณ์อันน่าอึดอัดเมื่อกี้ทำฉันเกือบจะเป็นลมแน่ะดีนะที่ควีนเข้ามา ไม่งั้นฉันแย่แหงๆ

                “อะไรกันเนี่ย ทำไมรีบร้อนออกมาจัง”

                “เอ่อ..”

                ทันทีที่หลุดพ้นแล้ว ฉันก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าฉันกอดแขนคนแปลกหน้า(สำหรับฉัน)ซะแนบแน่น รู้สึกตัวเลยผละออก ก้มหัวให้เธออย่างสุภาพ

                “ขอโทษทีค่ะ”

                “ขอโทษอะไรกันล่ะ”เธอพูด ยกมือขึ้นบีบแก้มฉัน “ออนนีไปเที่ยวยุโรปกับครอบครัวมาตั้งสองอาทิตย์ ตอนได้ยินข่าวลือเรื่องเราตกใจแทบแย่แน่ะ พอกลับมาก็รีบมาหาเลย เห็นว่าเราไม่เป็นอะไรแล้วก็ค่อยโล่งใจหน่อย”

                “เอ่อ ค่ะ”

                อืม สงสัยจะจริงแฮะที่ซอฮยอนเป็นน้องรักของเธอ ดูเธอจริงใจและเป็นห่วงจากใจ ก็ดีแล้ว บางทีถ้าเธอเป็นอย่างนี้ ฉันเองก็อาจจะสนิทกับเธอเหมือนกันก็ได้

                น่ารักดีจัง >,<

                “ยุนอา”

                ทั้งฉันและยุนอาออนนีต่างก็หันไปมองทางต้นเสียง เจ้าของเสียงทุ้มต่ำแต่น่าฟังก้าวออกมา ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่มันทำให้เขาดูหล่อมาก ไม่ใช่ใครเลย

                คิงสุดหล่อนั่นเอง

                “อี้ฟาน”ยุนอาออนนีพูดร่าเริง ก่อนจะกอดแขนของคิงไว้แน่น “ฉันมาหาซอฮยอนอ่ะ เลยไม่ได้ไปหานาย”

                “-_-“เขาเงยหน้ามองฉันนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้า

                “นี่มันแปลกประหลาดชะมัดเลย พวกเธอสองคนไม่ทะเลาะกันแล้ว”

                “คะ”ฉันมองเธออย่างตกใจ

                “ก็ปกติเจอหน้ากันก็จะกระโจนเข้าหากันอยู่เรื่อย แต่นี่อะไร ฉันดีใจนะเนี่ย”

                “คือว่า..”จู่ๆจะให้ฉันหาเรื่องทะเลาะกับเขาได้ไง “มะ มันไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ”

                “อืม”คิงพยักหน้าเนือยๆ “ซอฮยอนไม่เหมือนเดิมแล้ว”

                ฉันกับเขาจ้องตากัน ราวกับว่าเรากำลังเล่นสงครามประสาทกันอยู่ จะว่าไปนอกจากลู่หานก็มีเขานี่แหละ ที่รู้ว่าฉันไม่ใช่ซอฮยอน และหวังว่าเขาจะไม่บอกใครจริงๆอย่างที่ลู่หานบอกนะ

                “ไปกันเถอะ ป๊ากับม๊ารอเจอเธออยู่”

                “อ่า โอเค”ยุนอาออนนีพยักหน้า ก่อนจะหันมาหาฉัน “ไว้เจอกันนะซอฮยอน วันนี้ออนนีมีนัดไปทานมื้อเย็นกับครอบครัวอี้ฟานน่ะ”

                “ค่ะ ไว้เจอกันค่ะ”

                ฉันก้มหัวบอกลาทั้งสองคน มองพวกเขาเดินควงคู่กันออกไป นี่ขนาดมองจากด้านหลังฉันรู้สึกว่าสองคนนี้เหมาะสมกันสุดๆเลย คนหน้าตาดีๆเขาก็จับคู่กับคนหน้าตาดีๆหมด แล้วแบบนี้พวกที่เหลือจะทำยังไง

                พอๆเลิกคิดอะไรเพ้อเจ้อดีกว่า ฉันเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ นึกถึงสามคนที่เหลือในห้องชมรม ไม่รู้ป่านนี้แยกย้ายกันหรือยัง ถ้ายังก็คงทะเลาะกันอยู่ในนั้นแหละมั้ง

                หมับ

                ฉันหันไปข้างหลังอย่างตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกกระชากแขนเอาไว้ ตอนแรกคิดว่าเป็นลู่หาน แต่เปล่าเลย พวกนี้คือคนแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จัก เครื่องแบบนักเรียนสีดำนี่ช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย

                “ปล่อยฉันนะ”

                พวกนั้นไม่ฟังคำขอฉันแต่ลากฉันขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไปทันที ฉันมองไปรอบๆ ในรถคันนี้มีผู้ชายสี่คน ทุกคนสวมยูนิฟอร์มเหมือนกัน ไม่ต้องเดาอะไรมันแล้วล่ะ ดูท่าทางคงเป็นศัตรูซอฮยอนชัวร์

                “ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า”

                “อย่าปากดีน่า”หนึ่งในนั้นพูด ก่อนจะบีบไหล่ฉันเพื่อให้ฉันนั่งนิ่งๆ

                “ปล่อย อย่ามาแตะตัวฉันนะเว้ย”

                “หึ ปากเก่งเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่รู้ว่าปากหวานเหมือนเดิมด้วยหรือเปล่า”

                “ไอ้..”

                “เฮ้ย โทรหาไอ้ไฟท์เตอร์ดิ๊”

                “ได้เลย รอเวลาสะสางบัญชีแค้นกับมันมานานแล้ว”

                “ส่วนเธอคนสวย หลับไปสักพักนะ ไว้ตื่นมา ค่อยทำเรื่องสนุกๆกัน”

                ฉันมองอย่างระแวง ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บต้นคอ สติค่อยๆเลือนรางจนสุดท้ายก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

                ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                โอเค ตั้งสติเอาไว้ ตอนนี้ถ้ามัวแต่กลัวไปก็ไม่ช่วยอะไร ฉันตื่นได้สักพักแล้ว แต่กลับไปไหนไม่ได้เลยเพราะถูกมัดตัวไว้ติดกับเก้าอี้ มัดแน่นชนิดที่เกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ท่ามกลางสายตาทุเรศๆที่มองมาหลายสิบคู่ อย่ากลัวนะจูฮยอน ห้ามกลัว พวกนั้นโทรหามยองซูแล้ว เขาต้องมา เขาต้องมาช่วยเธอแน่ๆ

                “เฮ้ย ทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะมาดีไหมวะ”

                “คิดเหมือนกันใช่ไหมวะ”

                ฉันไล่มองพวกมันทีละคนอย่างไม่ไว้ใจ และเมื่อพวกมันขยับเข้ามาใกล้ฉันก็เบี่ยงตัวเต็มที่ แต่อย่าลืม ถูกมัดติดกับเก้าอี้แบบนี้จะไปไหนได้

                “ยะ อย่านะ จะทำอะไร”

                “ไม่ทำอะไรหรอกน่า”หมอนี่พูด มองสำรวจทั่วร่างของฉันอย่างน่ารังเกียจ “จะว่าไปเจ้าแม่อย่างเธอไม่เคยพลาดท่าถูกจับตัวมาแบบนี้นะ ฉันก็คิดว่าไอ้พวกนั้นจะโดนอัดเละก่อนพาตัวเธอมาแบบครั้งที่แล้วซะอีก”

                “...”

                “แต่ไหงครั้งนี้ถึงได้ถูกจับตัวมาง่ายๆล่ะ”

                “...”ฉันเลือกที่จะไม่พูดอะไร ยิ่งพูดอาจทำให้มันยิ่งแย่ก็ได้

                ฝ่ามอหยาบกร้านแตะที่แก้มของฉันเบาๆ ไล้ลงมาเรื่อยๆจนถึงคอ ฉันหลับตาด้วยความกลัว ผสมกับรังเกียจสัมผัสสกปรกๆนี่ เนคไทของฉันถูกคลายออกช้าๆ ฉันลืมตาโพลงขึ้นมา

                “นี่! อย่านะ”

                “หึๆๆๆ กลัวเหรอ”

                “...”ฉันเม้มปากแน่น รู้สึกว่าน้ำตาคลอจนเกือบจะไหลลงมาอยู่แล้ว

                “เฮ้ย มาแกะมัดดิ๊”

                “จะดีเหรอวะ เดี๋ยวนังนี่ก็..”

                “มึงกลัวผู้หญิงคนเดียวหรือไงวะ”

                สิ้นคำสั่ง สองสามคนก็มาช่วยกันแก้มัดให้ฉัน เมื่อเป็นอิสระจากเชือก ฉันก็ถูกดึงตัวให้ลุกขึ้นยืน ถูกประคองหน้าเอาไว้ด้วยมือสกปรกๆ

                “ความจริงเธอก็สวยดีนะ สนใจมาเป็นผู้หญิงของฉันไหมล่ะ”

                “...”

                “ว่าไง”

                ฉันจ้องตาหมอนี่กลับ ยิ้มหวานก่อนจะจัดการเตะเข้าที่หว่างขาของมันอย่างแรง “ชาติหน้าเถอะ ไอ้สารเลว!!!

                ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้นแล้ว ที่ต้องทำคือวิ่ง วิ่งออกไปจากที่นี่ แต่แล้ว..

                ปั่ก

                ร่างของฉันทรุดลงไปกับพื้น รู้สึกจุกจนตัวงอหลังจากถูกไม้ฟาดลงมาที่หน้าท้อง น้ำตาไหลลงมาทันทีด้วยความเจ็บ รู้สึกว่าสติเริ่มเลือนรางอีกครั้ง

                “เฮ้ย มึงฟาดไม้ใส่มันเลยเหรอวะ นั่นผู้หญิงนะเว้ย”

                “แล้วไงวะ ยัยนี่ทำไว้แสบแค่ไหนจำไม่ได้หรือไง”

                “แต่..”

                ฉันกุมท้องตัวเอง ม่านตาเต็มไปด้วยน้ำจนมองอะไรแทบไม่เห็น แต่สุดท้ายฉันก็เห็นว่ามีใครคนนึงเดินเข้ามา

                “ชิบหายและ”

                ฉันได้ยินเสียงสบถพร้อมกับเสียงวุ่นวายจากทางด้านหลัง ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนประคองฉันเอาไว้ สุดท้ายสติของฉันก็ดับไปอีกครั้ง

                “ซอฮยอน!!!!<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×