คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
ตั้งแต่วันที่มันหายไปผมก็นอนหลับสนิทไม่ได้เลยซักวันรวมถึงวันนี้ด้วย คำพูดของซิ่วหมินก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผมตลอด
...เพราะแกตกหลุมรักคุณคู่หมั้นของแกแล้วไง...
ผมเนี่ยนะรักไอ้หน้าหล่อนั่น ไม่จริงอ่ะ ความรักเกิดขึ้นได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?? ทั้งๆที่เราเพิ่งได้เจอกันไม่นาน แล้วยิ่งพอผมรู้ว่ามันมาเป็นคู่หมั้นของผม ผมยิ่งไม่ชอบมันเข้าไปใหญ่ แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป จากไม่ชอบกลายเป็นเฉยๆแล้วก็กลายมาเป็นชอบ อาจเพราะมันหล่อ มันรวย แถมยังเป็นคนดีแทคแคร์เก่งอีก แค่นี้เองหรอที่ทำให้ผมรักมัน ความรักง่ายแค่นี้เองหรอ?? แล้วถ้าผมรักมันจริงอย่างที่ไอ้ซิ่วหมินมันว่า...แต่ถ้ามันไม่รักผมล่ะจะทำไง ถ้าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมทำลงไปทำให้มันคิดได้ว่ามันรักคุณอี้ชิงล่ะ ผมจะทนได้ยังไง??
.
.
แล้วสรุปว่าผมรักมันเปล่าวะเนี่ย??
และแล้วในที่สุดแสงแดดยามเช้าก็ปรากฏขึ้นและผมก็ยังไม่ได้นอน แถมวันนี้ยังมีนัดกับเซฮุนอีก เพราะว่าอยากขอโทษเรื่องวันนั้นก็เลยชวนเซฮุนไปร้านเค้กร้านที่เซฮุนชอบ แล้วก็คิดว่าผมควรจะอยู่กับเซฮุนให้มากๆเพื่อจะได้ลืมไอ้หน้าหล่อนั่นด้วย
ไหนๆก็ไม่ได้นอนแล้ว ก็ตื่นมันซะเลยล่ะกัน ผมล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็ลงมาข้างล่าง ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กมาจากในห้องครัว ทำไมวันนี้ม๊าตื่นเช้าจัง เพิ่งจะ7โมงกว่าเอง
ผมย่องเข้าไปข้างหลังม๊าเงียบๆ กะจะแกล้งให้ตกใจเล่นซะหน่อย ไม่บาปหรอกมั้งเนอะ
“ม๊า!!” พอผมเดินเข้าไปใกล้ ผมก็เรียกม๊าเสียงดังจนม๊าสะดุ้งเลยอ่ะ ฮ่าฮ่า แต่พอผมก้มไปเห็นว่าม๊าถืออะไรอยู่ผมก็เป็นฝ่ายตกใจมากกว่าซะเอง...เอามีดมาจ่อท้องผมทำไมอ่ะม๊า โหดอ่ะTT
“ฮึ้ย เสี่ยวลู่ ทำไมทำแบบนี้ม๊าตกใจหมด เกือบโดนแทงแล้วมั้ยล่ะ” ม๊าบอกแล้วจัดการเอามีดออกไปห่างจากตัวผมแล้วหันไปหั่นแอปเปิ้ลต่อ
“ขอชิ้นนึงนะ...โอ้ยม๊า ตีทำไม” ผมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบแอปเปิ้ลที่ม๊าหั่นเป็นรูปกระต่ายสวยงามใส่กล่องพลาสติกเรียบร้อยมากินซักชิ้นแต่ก็โดนม๊าตีมือจนแอปเปิ้ลกระต่ายตกลงไปในกล่องเหมือนเดิม
“ไว้กินทีหลัง อันนี้ม๊าจะเอาไปเยี่ยมคนป่วย”
“ใครอ่ะม๊า ผมรู้จักเปล่า”
“จะไม่รู้จักได้ไง ก็อู๋ฟานน่ะสิ อะไรกัน คู่หมั้นล้มป่วยทั้งคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยรึไง” ห๊ะ....?? ไอ้หน้าหล่อนั่นอ่ะนะ ตัวถึกขนาดนั้นป่วยเป็นกับเค้าด้วยหรอ??
“พี่เค้าเป็นอะไรหรอม๊า”
“เห็นว่าทำงานหนักไม่ยอมหยุดพัก ร่างกายเลยอ่อนเพลีย บวกกับความเครียดด้วยอยู่ดีๆก็เป็นลมล้มตึงไปเลย” ผมพูดไม่ออกเลย...ผมรู้ว่ามันทำงานหนักแต่มันก็น่าจะรู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองสิ ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ได้กัน
“เดี๋ยวเสี่ยวลู่ก็เอาไปให้พี่เค้าที่บ้านด้วยล่ะกัน เดี๋ยวม๊าจดที่อยู่ให้” แต่วันนี้ผมมีนัดกับเซฮุนแล้วนะ แล้วอีกอย่างผมไม่อยากเจอมันด้วย แม้ว่าผมจะห่วงมันนิดหน่อยก็เหอะ
“ไปอาบน้ำก่อนนะม๊า” ผมไม่รู้จะบอกม๊ายังไงเลยหนีปัญหาไปอาบน้ำซะเลย
พอใกล้ถึงเวลาที่นัดกับเซฮุนไว้ ผมก็เตรียมตัวจะออกจากบ้าน แอบย่องเงียบๆไม่ให้ม๊ารู้ไปนั่งใส่รองเท้าที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่รู้ม๊าเห็นได้ไง ถึงได้รีบเอาถุงกระดาษที่คงจะใส่กล่องแอปเปิ้ลไว้ให้นั่นแหละมายื่นให้ผมที่นั่งใส่รองเท้าอยู่
“ม๊าเขียนที่อยู่แปะไว้ให้บนกล่องแล้วนะ ฝากบอกด้วยว่าหายไวๆนะลูก” ม๊าสาธิตโดยการลูบหัวผมไปพูดไปด้วย ถ้าจะห่วงขนาดนี้ไม่เอาไปให้เองเลยล่ะม๊า ผมไม่ได้อยากไปซะหน่อย แต่สุดท้ายผมก็ออกมาจากบ้านโดยมีถุงใส่กล่องแอปเปิ้ลอยู่ในกระเป๋าเป้อยู่ดี
มันจะป่วยจริงรึเปล่านะ โทรไปถามมันดีมั้ยอ่ะ?? ไม่เอาๆ วันนั้นผมเป็นคนพูดตัดความสัมพันธ์เองแล้วจะให้โทรไปหาเนี่ยนะ ไม่ได้ๆ หรือนี่จะเป็นแค่แผนของม๊าที่จะให้ผมไปหามันที่บ้าน เอาไงดีอ่ะ ไม่ไปได้ป่ะ?? แต่ถ้าไม่ไปแล้วม๊ารู้ต้องโดนม๊าด่าเละแน่เลย แล้วถ้ามันป่วยจริงในฐานะคนรู้จักกันผมก็ควรไปเยี่ยมซะหน่อยรึเปล่า?? แล้วอีกอย่างจิตใต้สำนึกของผมมันบอกว่าผมอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันล้มป่วยก็ได้ เพราะดูๆแล้วถึงมันจะเครียดเรื่องงานแค่ไหนมันก็ไม่น่าถึงกับขนาดล้มป่วยหรอก แต่ถ้าเครียดทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องที่ผมทำกับมันล่ะก็ไม่แน่ สรุปแล้วควรจะไปหรือไม่ไปดีเนี่ย??
“พี่....พี่....พี่ลู่หาน” อยู่ดีๆเซฮุนก็เรียกผมเสียงดังจนผมตกใจ
“อยู่ใกล้แค่นี้เอง เรียกซะเสียงดัง”
“ผมเรียกพี่ตั้งนานแล้ว พี่น่ะคิดอะไรอยู่ ถึงไม่ได้ยินผม” เซฮุนยิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าว่าวันนี้เซฮุนดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่ใช่สีหน้าแบบคนป่วยหรอกนะแต่เหมือนคนกำลังคิดอะไรอย่างหนักอยู่ซักอย่าง
“เปล่านี่” ผมโกหกออกไป
“ไม่อร่อยหรอ เห็นไม่ค่อยกินเลย” บางทีผมอาจจะไม่สบายไปอีกคนล่ะมั้งกินอะไรมันถึงฝืดคอไปหมด แถมในร้านยังเปิดเพลงEndless loveนั่นอีกผมจะไปกินลงได้ยังไงกัน
“พี่ลืมเอาซีดีมาคืนเซฮุนเลย” พอได้ยินเพลงผมก็นึกถึงซีดีขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไร พี่เก็บไว้เถอะ ถ้าพี่ชอบ” ผมพยักหน้าเนือยตอบกลับไป
“พี่มีอะไรอยากบอกผมรึเปล่า??”
“ไม่นี่”
“อืม งั้นกินต่อเถอะ” เซฮุนยิ้มให้ผม แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นการฝืนยิ้มยังไงก็ไม่รู้สิ
“แล้วเซฮุนมีอะไรอยากบอกพี่รึเปล่า?” ผมถามกลับไปเพราะเซฮุนดูเหมือนมีอะไรบางอย่างจะบอกผม
“..คือ..พี่มีคนรู้จักเป็น...คนตัวสูง หน้าตาดี ผมสีทองบ้างรึเปล่า??” ผมคงแสดงออกว่าผมตกใจจนเห็นได้ชัดเซฮุนถึงได้หน้าเจื่อนไปมากกว่าเดิมอีก
“...อืม รู้จัก” ผมตอบกลับไปเบาๆ
“แล้วพี่มีอะไรจะบอกผมมั้ย เรื่องของคนๆนั้น”
“เซฮุน พี่ขอโทษ มัน...ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมเลื่อนมือไปจับมือเซฮุนที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ถ้ามันไม่มีอะไรแล้วพี่จะขอโทษผมทำไม” เซฮุนเลื่อนมือหนีผม แล้วถามด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“พี่...พี่....” ผมเห็นแบบนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก
“พี่รักเค้าใช่มั้ย...” ผมไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลย
“...ผมไม่โกรธหรอก แค่บอกความจริง อย่าโกหกผมอีกเลย”
“เซฮุน...” ยิ่งเซฮุนพูดแบบนี้ผมยิ่งพูดอะไรไม่ออก
“เราเลิกกันเถอะ”
“เซฮุน...” น้ำตาผมไหลออกมาทันทีที่ได้ยินคำนั้น คนที่เจ็บปวดมากที่สุดคือเซฮุนแต่เซฮุนก็ตัดสินใจที่จะพูดมันออกมา
“เรายังเป็นพี่น้องกันได้นะพี่ เหมือนก่อนหน้าที่เราจะคบกันไง อย่าร้องไห้เลย ผมชอบพี่ที่สดใสมากกว่า” เซฮุนพยายามฝืนยิ้มอีกครั้ง
“ทำไมถึงทำแบบนี้”
“ผมทำเพื่อพี่”
“.....” ผมส่ายหัวไม่เข้าใจที่เซฮุน ทำเพื่อผมเนี่ยนะ??
“ผมปล่อยให้พี่ได้ไปอยู่กับคนที่พี่รักไง”
ทำไมทุกคนถึงคิดว่าผมรักไอ้หน้าหล่อนั่น ทำไมเพื่อนอย่างซิ่วหมินที่รู้เรื่องราวระหว่างผมกับมันแค่ผ่านๆถึงรู้ หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จักไอ้หน้าหล่อเลยอย่างเซฮุนถึงรู้ มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง...ไม่รู้แม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง..ว่า
.
.
ผมรักมัน...
ก่อนหน้านี้ผมเอาแต่คิดว่าผมจะรักมันได้ยังไง?? ทำไมผมถึงรักมัน?? โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าที่ผมกังวลเรื่องมัน ที่ผมเป็นห่วงมัน ที่ผมมีความสุขและสนุกไปกับมัน ที่ผมเฝ้ารอที่จะเห็นหน้ามันในทุกๆวัน ทุกๆอย่างที่ผมเป็นมันเป็นสิ่งที่จะสรุปได้ง่ายดายว่าผมรักมัน ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...รู้แต่ว่าตอนนี้ผมรักมันไปซะแล้ว
ผมวิ่งมาจนถึงย่านที่มันอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่ม๊าเขียนให้ รู้ตัวอีกทีก็ยืนหอบแฮ่กอยู่หน้าบ้านมันแล้ว บ้านใหญ่โตสมฐานะจริงๆ ผมกดกริ่งอยู่ไม่นานก็มีคุณป้าคนนึงมาเปิดประตูให้
“คุณหนูลู่หาน ป้าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอคุณหนู เข้ามาค่ะเข้ามา คุณอี้ฟานจะต้องดีใจมากแน่ๆ” อี้ฟาน?? ใครว่ะ ผมเข้าบ้านผิดเปล่าเนี่ย? แต่คุณป้าคนนี้ก็เรียกชื่อผมถูกนี่
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณหนูตัวจริง ป้านะเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน บอกให้คุณอี้ฟานพาคุณหนูมาแกก็ไม่ยอม” คุณป้าแกพูดไปจูงมือผมไปเรื่อยๆจนถึงหน้าบานประตูสีโอ๊คบานใหญ่ คุณป้าเคาะประตูเสร็จได้ยินเสียงคนข้างในส่งเสียงอนุญาตคุณป้าก็เปิดประตูแล้วดันผมเข้าไปข้างในห้องแล้วปิดประตูลงโดยไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องแบ่งออกเป็นสองส่วน ตรงที่ผมยืนอยู่น่าจะเป็นส่วนที่ใช้ทำงานเพราะมีโต๊ะทำงานและเอกสารวางอยู่ค่อนข้างเยอะ มีตู้หนังสือด้วยซึ่งผมชอบมากๆเลย
“มีอะไรหรอครับป้าซู” ผมได้ยินเสียงมันแว่วๆมาจากอีกฟากนึงของผนังที่กั้นอยู่ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นส่วนของห้องนอน ก็เลยเดินเข้าไปหาต้นเสียง และผมก็คิดถูกผมเห็นไอ้หน้าหล่อหัวทองตัวซีดๆนอนมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่แต่ในมือก็ยังคงถือไอแพดทำงานไปด้วย ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะห่วงงานอยู่อีก ผมเดินลิ่วไปหามันคว้าไอแพดแล้วโยนทิ้งไปเลย(แต่โชคดีที่ตกลงบนพรมผมเลยไม่ต้องชดใช้)
“ทำอะไรเนี่ย” มันถามผมตาดุแบบที่มันชอบทำนั่นแหละ
“คนบ้างาน ทำงานจนประสาทเสื่อมรึไงถึงไม่รู้ว่าตัวเองป่วยอยู่ ยังจะมานั่งทำงานอีก ก็เพราะงานพวกนี้แหละที่ทำให้ตัวเองล้มป่วย หัดสนใจตัวเองซะบ้างไม่ใช่ว่าอะไรก็ทุ่มให้กับงานอย่างเดียว งานมันสำคัญมากนักรึไง” ผมใส่ชุดใหญ่
“สำคัญ” มันบอกแล้วทำท่าจะลุกไปหยิบไอแพดที่ผมโยนทิ้งไป
“ถ้าสำคัญงั้นก็ทำไปเลย ทำให้ตายไปเลย เสียแรงที่คนเป็นห่วง”
“เป็นห่วงก็บอกกันดีๆสิ โยนงานพี่ทิ้งทำไม” มันถอนหายใจแล้วก็พูดออกมาแต่หน้าก็ยังดุอยู่
“ไม่ได้เป็นห่วงซะหน่อย”
“ก็บอกเองไม่ใช่หรอว่า...เสียแรงที่คนเค้าเป็นห่วง”
“ผมหมายถึงม๊า”
“แล้วลู่หานมาหาพี่ทำไม ไหนบอกไม่อยากเห็นหน้าพี่ไม่ใช่หรอ”
“ไม่รู้”
“อือ ไม่ห่วงก็ไม่เป็นไร”
“ผมเลิกกับเซฮุนแล้ว...” มันทำหน้าตกใจที่อยู่ดีๆผมก็พูดขึ้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกมันทำไม รู้แค่ว่าอยากบอก “เค้าขอเลิกกับผม”
“เพราะพี่รึเปล่า?? ให้พี่ไปบอกเค้าก็ได้นะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่รักลู่หานฝ่ายเดียว” สีหน้ามันตกใจพยายามจะลุกขึ้นจากที่นอน แต่ผมก็ดันตัวมันไว้ไม่ให้ลุก แล้วก็นั่งลงข้างๆมันบนเตียงซะเลยจะได้ไม่ต้องก้มหน้าเงยหน้าคุยกันให้เมื่อยคอ
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่พี่ไม่อยากให้ลู่หานเสียใจ” มันบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นแบบนี้มันก็ถูกแล้ว”
“ลู่หาน....” มันทำหน้าไม่เข้าใจ
“ผมมีเรื่องอยากถามพี่...”
“..ไม่ว่าพี่จะรักใครมาก่อน แต่ตอนนี้คนที่พี่รักคือผมแน่ใช่มั้ย”
“พี่รักลู่หานมาตลอด ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน” มันดึงมือผมมากุมไว้
“แล้วคุณอี้ชิงล่ะ” ผมถามเองก็กลัวคำตอบซะเอง
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“แต่....”
“แม้ว่าเค้าจะคิดยังไงกับพี่ คนที่พี่รักก็มีแค่คนนี้คนเดียว”
“แล้วเพลงนั่นล่ะ คุณอี้ชิงเค้าบอกว่าพี่แต่งให้เค้า”
“อ่อ พออี้ชิงบอกว่าจะได้ทำอัลบั้ม วันเกิดปีนั้นเค้าก็เลยขอให้พี่แต่งเพลงให้ ตอนแรกพี่ก็ปฏิเสธไปนะเพราะมันยาก แต่พอคิดถึงลู่หาน...เนื้อเพลงมันก็ไหลออกมาเองเลย”
“ผม...ผมเนี่ยนะ!!” ผมถามด้วยความตกใจ ห๊ะ เพลงนั่นที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากใจที่ผ่านมา เป็นเพลงที่มันแต่งให้ผมอย่างนั้นหรอ??
“อืม มีเรื่องที่ลู่หานยังไม่รู้อีกเยอะ”
“งั้นก็เล่ามาให้หมดสิ”
“วันนี้พี่เหนื่อยแล้ว ไว้วันอื่นได้มั้ย”
“ทีทำงานล่ะไม่เหนื่อย” ผมบ่นแล้วดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของมันมากอดอกแทน
“เหนื่อยกายน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เหนื่อยใจเนี่ยไม่ไหว”
“ผมก็เหนื่อยใจเหมือนกัน” เหนื่อยมากด้วย!!
“ถ้าเหนื่อยใจ ก็กลับไปคืนดีกับเค้าสิ” มันพูดหน้าเศร้า
“คนไม่รักกันแล้วจะกลับไปคืนดีกันได้ยังไง”
“มันนอกใจลู่หานหรอ” มันถามเสียงเข้มเอาเรื่องน่าดู มาเฟียหรือนักธุรกิจกันแน่ว่ะเนี่ย
“เปล่า แต่เป็นผมเองต่างหาก”
“ห๊ะ??? หมายความว่าไง พี่ไม่เข้าใจ”
“ก็หมายความตามนั้นแหละ” ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง มันก็ยังทำหน้างงใส่ผมอยู่นั่นแหละ
“พี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” โอ้ยไอ้นี่มันโตขนาดนี้แล้วอย่าเข้าใจอะไรยากนักได้ป่ะ มันน่าอายออกถ้าจะพูดคำนั้นออกมาอ่ะ ใครเค้าจะไปกล้าพูดกันว่า...
.
.
.
“ผมรักพี่ พอใจรึยัง” ผมบอก จ้องหน้ามันกวนๆแก้เขิน มันอึ้งไปแปบนึงก็ยิ้มกว้างซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“จริงนะ”
“แล้วจะโกหกทำไม”
“ขอกอดได้มั้ย” โอ้ยยยยย จะมาขงมาขอให้เขินทำไม จะกอดก็กอดเลยยยยยย ผมเห็นสายตามันรอคอยคำตอบด้วยความหวังผมเลยพยักหน้าไปนิดนึงมันก็ดึงผมเข้าไปกอดเลย กอดแน่นจนผมจะสลายไปกับอกมันอยู่แล้ว
“พี่คิดว่าจะไม่มีวันนี้ซะแล้ว วันที่พี่จะได้กอดลู่หานอีก...”
“...พี่คิดถึงลู่หานมาก อยากจะไปหาแต่ก็กลัวลู่หานจะโกรธ ลู่หานไม่รู้หรอกว่าพี่ทรมาณขนาดไหนที่ไม่ได้เจอลู่หานเลย”
“ผมก็มาหาแล้วนี่ไง” พูดอู้อี้อยู่กับอกมันนั่นแหละ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองมันหรอกตอนนี้
“ขอบคุณนะที่มา ขอบคุณนะที่รักพี่เหมือนกัน”
“อื้อ”
มันปล่อยผมออกจากอ้อมกอดร่องรอยความสุขยังปรากฏชัดอยู่บนใบหน้ามัน หน้าซีดๆของมันก่อนหน้านี้เริ่มมีสีสันมากขึ้น มันยกสองมือขึ้นประคองหน้าผมแล้วบรรจงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผาก ผมรู้สึกอุ่นวาบเลยไปทั้งตัวเลยล่ะไม่ได้เวอร์นะ มันจุ๊บหน้าผากผมเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่เลื่อนหน้าออกไป แต่กลับเลื่อนลงมาให้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกันแทน ผมรู้ได้ในทันทีว่ามันจะทำอะไร
“เดี๋ยวผมติดหวัดนะ”
“พี่ไม่ได้เป็นหวัดซะหน่อย แค่ร่างกายอ่อนเพลียเฉยๆ” มันบอกยิ้มๆ ผมก็เผลอยิ้มตามไปนิดนึง เอาล่ะถ้ามันบอกว่าไม่ได้เป็นหวัดก็คงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ผมเลยหลับตาลงรอรับสัมผัสจากอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต้นระรัว...นี่จะเป็นจูบแรกของผมกับพี่อู๋ฟาน
TBC
-แหมพอจะจูบกันหน่อยถึงกับเป็นสรรพนามเรียกกันเลยทีเดียวนะน้องลู่หานนนนนน><
-มาต่อแล้วนะคะหลังจากหายไปนาน หายไปนานแล้วยังมาต่อสั้นอีก เอาน่าๆ อ่านแก้ขัดไปก่อนก็เค้ากลัวคนอ่านคิดถึงเค้าอ่ะ ฮ่าฮ่า(สำคัญตัวผิดไปแล้วแกXD) เลยรีบมาต่อเลยนะเนี่ยยยย แม้จะเศร้ากับเยอรมันที่ไม่ได้เข้ารอบชิงก็ตาม โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เฟลๆ ยังไงก็ดีใจกับสเปนด้วย บอลโลกว่ากันใหม่!!
-ตอนแต่งพาร์ทนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่แต่งโดยใช้ตัวละครเดียวเล่าเรื่อง เพราะเค้าอยากเขียนความรู้สึกของน้องเซฮุนเยอะๆเลยแต่ทำไม่ได้ ฮือออออออ TT
-สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นนะคะ ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าเลย มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นเลยค่ะ เป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มหวานนิดนึงแล้วไม่รู้ว่าจะชอบกันรึเปล่า ยังไงเม้นบอกกันได้นะคะ :)
ความคิดเห็น