คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
“ไม่สบายรึเปล่า วันนี้เงียบเชียว” วันนี้ผมก็ยังไปเรียนกับมันตามปกติ ก็มันมารับอ่ะจะให้ปฏิเสธไปตรงๆก็ดูจะใจร้ายไป แล้วที่มันบอกว่าวันนี้ผมเงียบมันก็จริงเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาผมยังไม่พูดอะไรซักคำ ปกติแล้วมีอะไรนิดอะไรหน่อยผมก็ทักไปหมดแหละตามสไตล์คนร่าเริง แต่วันนี้ร่าเริงไม่ออกอ่ะ
“เปล่า” ผมตอบมันไปสั้นๆ
“เป็นชัวร์ ไหนวัดไข้หน่อยซิ” มันบอกแล้วก็ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยรถข้างนึงมาวางทาบบนหน้าผากผม
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร” อย่ามาเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องได้มั้ย??
“ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร” และเราก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จากันไปจนถึงมหาวิทยาลัยผมนั่นแหละ ผมเหลือบไปเห็นมันขับรถคิ้วขมวดเชียวสงสัยจะคิดอยู่ว่าผมเป็นอะไร หรือคิดว่ามันทำอะไรให้ผมโกรธรึเปล่า ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะตัวผมเองเป็นการตัดสินใจของผมเอง มันไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก
“เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะ มีงานกลุ่มต้องทำ” พอมันจอดรถลงที่เดิมที่มาส่งผมอยู่ทุกวันผมก็พูดขึ้นทำเป็นวุ่นวายอยู่กับกระเป๋าไม่หันไปมองหน้ามัน
“เสร็จกี่โมงล่ะ พี่มารับได้”
“ไม่รู้”
“เสร็จแล้วโทรมาล่ะกัน”
“อือ” ผมตอบไปงั้นแหละ ไม่คิดจะโทรหามันหรอกแล้วก็กะว่าจะปิดโทรศัพท์หนีอยู่แล้วด้วย ผมกำลังจะเปิดประตูลงรถไปมันก็ดึงแขนผมไว้ ผมตกใจเลยหันไปสบตามันเต็มๆ เห็นแววกังวลฉายชัดอยู่ในดวงตาคมของมันเลย
“ขอเช็คอีกทีได้มั้ยว่าไม่ได้เป็นอะไร” มันยื่นหน้าเข้ามาผมคิดว่ามันคงจะหอมแก้มผมอีกนั่นแหละ ผมเลยสะบัดตัวให้หลุดออกมาแล้วเปิดประตูวิ่งเข้าตึกคณะไปโดยไม่หันกลับมามองมันอีกเลย
.
.
.
“วันก่อนก็ยิ้มจนนึกว่าเป็นบ้า พอมาวันนี้หน้าบูดอีก เป็นอะไร ทะเลาะกับคุณคู่หมั้นมาหรออออ” พอเลิกเรียนไอ้ซิ่วหมินมันก็ถามผมที่นั่งหน้าบูดมาตลอดคาบเรียน
“เปล่า แต่แบบ...”
“แบบอะไรวะ” เอาอีกแล้ว..อยากรู้อีกแล้วสินะ ไอ้เพื่อนบ้า
“แค่อยากรักษาระยะห่าง”
“หมายความว่าไงวะ”
“ก็ตามนั้นนั่นแหละ เลิกเรียนแล้วไปไหนเปล่า” ผมขี้เกียจอธิบายแล้ว ไหนๆก็โกหกไอ้หน้าหล่อไปแล้วว่าจะทำงานกับเพื่อนก็ถือโอกาสชวนซิ่วหมินมันไปไหนซักที่เลยล่ะกัน จะชวนเซฮุนผมก็ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าตอนนี้
“เปล่า ทำไม จะชวนไปไหน”
“ไปที่ไหนก็ได้” ผมบอกแล้วถอนหายใจนอนราบไปกับโต๊ะ ปกติทุกๆวันที่มันมารับผมจะคอยคิดไว้ตลอดว่าวันนี้ผมจะไปที่ไหนดี แต่พอวันนี้หัวผมดันตันคิดอะไรไม่ออกเลย
“เป็นอะไรของมันว่ะ” ผมได้ยินเสียงซิ่วหมินมันบ่นกับตัวเองผมเลยถอนหายใจดังๆไปอีกรอบ นั่นสิผมเป็นอะไรกันนะ...
.
.
.
“แกไม่สบายเปล่าวะ คนจนไอติมจะระเหยหมดแล้วเนี่ย” อ้าว...จริงหรอ ผมก้มลงมองถ้วยไอติมสตรอเบอรี่ที่ผมสั่งมา ของโปรดผมแท้ๆแต่ผมไม่มีอารมณ์อยากกินเลยอ่ะ
“เฮ้อ...”
“ไม่ได้ป่วยกาย สงสัยจะป่วยใจ” ซิ่วหมินเอาหลังมือมาแตะหน้าผากผมเสร็จแล้วก็พูดขึ้น ป่วยใจงั้นหรอ??
“ไม่ได้ป่วยอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมจับข้อมือมันแล้วดันออกไปจากหน้าผม
“ป่วยใจแน่นอน ทะเลาะกับคุณคู่หมั้นมาใช่มั้ย หรือว่าคุณคู่หมั้นรู้เรื่องเซฮุนแล้ว!!” มันทำหน้าตกใจจนตาเล็กๆโปนออกมา
“เปล่าทั้งนั้นแหละ” ผมส่ายหน้าปลงๆ
“โอ้ยยย แล้วตกลงแกเป็นบ้าอะไรว่ะ”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน” นั่นสิ ผมเป็นอะไร ผมคงแค่เบื่อแหละมั้ง ไม่มีอะไรหรอก
หลังจากแยกกับซิ่วหมิน ก่อนแยกกันมันยังไม่วายบ่นนู่นบ่นนี่ว่าผมนะชวนมันมาเที่ยวแต่ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้คราวหน้าไม่ต้องมาชวนมันอีก ว่าเสร็จก็ทำแก้มพองลมตาขวางใส่ผมแล้วก็เดินหนีไปเลย เฮ้อ...ทำเพื่อนงอนอีกผม ซิ่วหมิน..ขอโทษนะไว้ถ้าถึงเวลาแล้วจะบอกเอง
ผมขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านตอนเกือบๆสองทุ่มใจจริงอยากกลับดึกกว่านี้อีกแต่ซิ่วหมินมันงอนซะก่อนก็เลยต้องกลับอ่ะนะ พอถึงเวลากลับบ้านผมก็ดันเพิ่งคิดได้ว่าถ้าไอ้หน้าหล่อมันไปดักรอผมที่บ้านล่ะทำไง แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด..ซึ่งก็ดีแล้ว ผมเดินหงอยๆขึ้นห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงมาหาม๊าข้างล่าง
“ลูกชายม๊าเป็นอะไรไปเนี่ย” คนที่สามแล้วที่ถามผมอย่างนี้ สงสัยหน้าผมมันจะดูป่วยมากๆเลยสินะ ผมนั่งลงข้างๆม๊าแล้วเอนหัวซบลงบนไหล่ม๊า
“ไม่รู้ดิม๊า”
“อ้อนม๊าแบบนี้ไม่สบายแน่เลย กินยารึยัง หืม??”
“ไม่ได้ไม่สบายม๊า”
“คิดถึงป๊าล่ะสิ”
“ก็คิดถึง” ผมบอกแล้วสอดมือเข้าไปกอดเอวม๊าไว้หลวมๆ ซุกหน้ากับไหล่ม๊ามากขึ้นอีก
“เด็กน้อยจริงๆ ลูกใครเนี่ย มาหอมทีมา...” พูดจบก็จัดการฟัดแก้มผมซะเลย ม๊าเคยบอกว่าโชคดีที่ผมไม่เป็นแบบลูกชายบ้านอื่นที่พอโตแล้วจะไม่ยอมให้พ่อแม่หอมแก้มเพราะอาย ไม่งั้นม๊าคงจะเซ็งแย่เลย
“เหมือนได้กลิ่นอู๋ฟานแถวๆแก้มเสี่ยวลู่เลยแหะ” ผมตกใจตาเหลือกอ้าปากหวอเลย
“แหมแซวเล่น ตกใจแบบนี้สงสัยจะเรื่องจริง ยอมให้พี่เค้าหอมแก้มแบบนี้แสดงว่าความสัมพันธ์คืบหน้า” ยิ่งเห็นม๊าทำหน้าดีใจผมยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ สีหน้าตกใจของผมกลับมาซึมอีกครั้ง
“ม๊า...ม๊าว่าพี่อู๋ฟานเค้าคิดยังไงกับผมอ่ะ”
“ก็ต้องรักลูกชายม๊าสิจ๊ะ ไม่น่าถามเลย”
“ทำไมม๊ามั่นใจจัง”
“เชื่อม๊าเถอะหน่า”
“แล้วถ้าพี่เค้ารักคนอื่นอยู่แล้วล่ะ”
“ไม่มีทางๆ” ม๊าส่ายหน้าและยังยิ้มอย่างมั่นใจเหมือนเดิม ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเยอะแยะเนี่ยม๊า ถ้าได้รู้เรื่องที่มันแต่งเพลงให้คนอื่นเนี่ยจะมั่นใจได้แบบนี้อยู่อีกรึเปล่า??
“ขึ้นนอนก่อนนะม๊า ปวดหัวอ่ะ”
“อย่าลืมกินยาล่ะ ฝันดีจ้าลูกชาย”
ผมขึ้นมาบนห้องโดดขึ้นเตียงนอนแผ่อยู่แป๊บนึงก็ควานหาโทรศัพท์ที่ปิดไปทั้งวันมาเปิดดู มีข้อความเข้าว่ามีสายไม่ได้รับจากมันเป็นร้อยสายเลย แล้วก็มีข้อความจากมันด้วย
Wufan 17.04 เปิดมือถือแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ
Wufan 17.35 ยังทำงานไม่เสร็จอีกหรอ ยังไงโทรหาพี่ด้วยนะ
Wufan 18.10 พี่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินหน้าคณะลู่หานนะ
Wufan 19.12 ลู่หาน...ได้โปรดเปิดมือถือซักที
Wufan 20.01 พี่จะรอที่นี่จนกว่าลู่หานจะติดต่อมา
ผมหันไปมองนาฬิกาข้างเตียง...ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว มันคงไม่ได้รออยู่จริงๆหรอกนะ ทำไงดี โทรกลับไปหาดีมั้ย?? ไม่เอาอ่ะ ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับมัน ถ้าโทรไปมันต้องว่าผมแน่เลยที่ปล่อยให้มันรอตั้งนานแบบนี้ เอาไงดีอ่ะ ส่งข้อความล่ะกัน
ผมอยู่บ้านแล้ว ขอโทษทีมือถือแบทหมด ส่งไปไม่ทันไรก็มีข้อความตอบกลับมาอีก
อือ สงสัยมันจะโกรธผมมากแน่เลยถึงได้ตอบสั้นขนาดนี้ เฮ้อ...
.
.
.
จากเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้ผมนอยจนเพื่อนงอนและทำให้ม๊าเป็นห่วงแล้ว มันยังส่งผลทำให้ผมนอนไม่หลับอีกด้วย วันนี้ผมกะจะออกจากบ้านแต่เช้าก่อนเวลาซักชั่วโมงนึงเพราะไม่อยากเจอมัน ผมรู้ว่าต่อให้มันโกรธผมยังไงมันก็ต้องมารับผมอยู่ดี ผมเดินออกจากบ้านก้มหน้ามองแต่ถนนไปเรื่อยๆ ผมเดินเรื่อยเปื่อยมาจนกระทั่งชนเข้ากับใครซักคนนึง
“ขอโทษครับ” ผมโค้งและกล่าวขอโทษโดยไม่มองอีกฝ่าย
“รีบไปไหนแต่เช้า” อ้าวเฮ้ยเสียงคุ้นๆ ผมเงยหน้าแล้วก็เจอเข้ากับมัน ทำอะไรแถวนี้เนี่ย ผมมองหน้ามันแล้วเหลือบไปเห็นรถมันที่จอดก่อนถึงบ้านซัก5หลังได้ ที่ผมไม่ทันเห็นคงเป็นเพราะมีรถจอดซ้อนหน้ารถมันอยู่ ไม่รู้ตั้งใจหลบหรือบังเอิญกันแน่
“ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหลบหน้าพี่ได้น่ะ คิดผิดแล้ว” มันบอกแล้วจับแขนผมแต่ผมก็สะบัดออก
“ก็รู้นี่ว่าไม่อยากเจอ แล้วจะมาให้เห็นหน้าทำไม” เหมือนว่าผมจะพูดแรงไปนะ มันสะอึกไปแวบนึงก่อนจะตอบกลับมา
“พี่ทำอะไรให้ลู่หานไม่พอใจรึเปล่า บอกพี่มาสิ ถ้าพี่ทำอะไรผิดพี่พร้อมจะขอโทษลู่หานนะ” มันไม่ได้ทำอะไรหรอก ไม่ต้องขอโทษด้วย มันควรขอบคุณผมด้วยซ้ำ ผมกำลังจะทำให้มันได้รู้ถึงความรู้สึกของตัวเองไง ที่มาหมั้นกับผมมันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกัน มันไม่ควรเออออตามไปด้วยแบบนี้ ทั้งๆที่มันรักคุณอี้ชิง หลักฐานก็คือเพลงที่มันแต่ง เพลงที่อบอวลไปด้วยความรักขนาดนั้นถ้าไม่รักจะแต่งออกมาได้ยังไง
“พี่...ผมว่าเราหยุดเถอะ” ผมตัดสินใจพูดออกไป
“หยุด?? หยุดอะไร”
“เรื่องของเรา”
“ทำไม” มันถามผม ความไม่เข้าใจฉายชัดอยู่เต็มใบหน้า
“......”
“รักไอ้เด็กนั่นมากสินะ” พอผมเงียบมันก็เลยพูดขึ้น ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าปล่อยให้มันเข้าใจไปแบบนั้นก็ดีแล้ว เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น ผมเลยพยักหน้าตอบกลับไป
“โอเคพี่ยอมแล้ว แต่วันนี้..ขอให้พี่ได้ไปส่งลู่หานได้มั้ย” ผมเงียบอีกไม่รู้จะเอายังไงดี ผมไม่อยากให้มันไปส่ง ผมไม่อยากอยู่ใกล้มันอีกแล้ว...
“มันจะเป็นวันสุดท้าย พี่จะไม่มาให้ลู่หานเห็นหน้าอีก สัญญา”
.
.
.
หลังจากที่มันสัญญากับผม มันก็ไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกเลยจริงๆตามที่มันสัญญา มันหายไปเลยแต่ผมคิดว่ามันคงยังไม่ได้คุยเรื่องถอนหมั้นกับป๊าม๊ามันหรอกมั้งเพราะม๊าก็ดูปกติไม่เห็นมาว่าอะไรผม เพราะถ้ามันยอมถอนหมั้นแล้วจริง ม๊าผมคงจะมางาบหัวผมแล้วล่ะตอนนี้ อ่อ...ถึงตัวมันจะไม่มามันก็ยังส่งคุณลุงคนขับรถมารับส่งผมไปเรียนไม่ให้ขาด ตอนแรกผมก็ปฏิเสธคุณลุงไปแต่คุณลุงบอกว่าถ้าผมไม่ยอมไปจะถูกตัดเงินเดือน ผมก็สงสารคุณลุงเค้าก็เลยหยวนๆยอมให้คุณลุงไปส่งที่มหาวิทยาลัยและมารับกลับบ้างในบางวัน
“แก...ถ้าแกจะไม่บอกว่าสามสี่วันมานี่เกิดอะไรขึ้นนะ แกเลิกคบกับชั้นเลยดีกว่าหว่ะ” ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดดีๆไอ้ซิ่วหมินมันก็มาเท้าเอวเหวี่ยงใส่ผมซะงั้นอ่ะแถมเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเลยอ่ะ
“เป็นอะไรของแกว่ะ” ผมถามกลับไปเบาๆเตือนสติให้ซิ่วหมินมันรู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องสมุดนะ
“แกนั่นแหละเป็นอะไร ชั้นทนเห็นแกเป็นแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะเว้ย” มันตอบกลับมาเสียงดังอีก จนผมต้องลากมันมานั่งคุยกันดีๆ
“แกเบาๆหน่อยดิว่ะ ชั้นก็เป็นชั้นปกตินี่ ไม่ได้เป็นอะไร”
“นั่งหน้าหงอย ข้าวก็ไม่ค่อยจะกินเขี่ยอยู่นั่นแหละ แล้วนี่อยู่ดีๆมานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดอีก แบบนี้ยังจะเรียกว่าปกติอีกหรอ??...” ตกลงว่ามันห่วงหรือมันแอบด่าผมกันแน่เนี่ย
“เพื่อนน่ะ ไม่ได้มีไว้ให้คบไปวันๆเฉยๆหรอกนะ ถึงชั้นจะดูเป็นคนไม่ค่อยมีสาระ แต่ชั้นว่าชั้นก็เป็นที่ปรึกษาให้แกได้นะ” มันวางมือบนไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ หน้ามันเครียดมากจนผมรู้สึกไม่ดีเลย ปกติซิ่วหมินเป็นคนร่าเริงมาก(มากเกินไปด้วยแหละ)แต่วันนี้มันกลับมาเครียดใส่ผม ผมรู้สึกขอบคุณมันนะแต่ผมไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้มันฟังยังไง ผมเองยังไม่เข้าใจเลยว่าที่ผมทำอยู่เนี่ยคืออะไรกัน
“ขอบคุณนะซิ่วหมิน ชั้นเองก็ยังไม่เข้าใจตัวชั้นเลยว่าเป็นอะไร”
“ชั้นสังเกตนะว่าตั้งแต่วันที่แกบอกชั้นว่าจะรักษาระยะห่างกับคุณคู่หมั้นน่ะ แกเริ่มซึมตั้งแต่วันนั้นแหละ ถามจริงทะเลาะกันใช่มั้ย”
“เปล่า”
“อ้าว?? หรือว่าเรื่องเซฮุน”
“เรื่องพี่อู๋ฟานนั่นแหละ แต่ไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ยิ่งแกพูดชั้นยิ่งงงว่ะ เล่ามาเลยดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น ชั้นจะได้ช่วยคิด” ผมนิ่งเงียบอยู่ซักพักแล้วก็ตัดสินใจว่าผมควรจะเล่าให้ซิ่วหมินฟัง มันถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะต้องปรึกษาใครซักคน
“คือชั้นได้ไปพบกับเพื่อนของพี่อู๋ฟานมา แล้วเพื่อนคนนี้เค้าชอบพี่อู๋ฟานอยู่...”
“แกก็เลยคิดจะหลีกทางให้เค้า อย่ามาคนดีน่า มันไม่ใช่แกว่ะ” มันแอบด่าผมอีกแล้วใช่ป่ะเนี่ย-*-
“ไม่ใช่ๆ คือมันมีบางอย่างที่ทำให้ชั้นรู้สึกว่าพี่อู๋ฟานก็ชอบเพื่อนคนนั้นเหมือนกัน”
“อะไรทำให้แกคิดงั้นว่ะ เค้าดีกับแกออก เท่าที่ชั้นรู้นะ”
“อือ เค้าดีกับชั้นไง แต่ชั้นอยากให้เค้าได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนที่เค้ารักน่ะคือเพื่อนคนนั้น ไม่ใช่ชั้น แล้วก็อยากให้เค้ารักกัน ก็เลยตีตัวออกห่างเพื่อที่พี่เค้าจะได้กลับไปคิดว่าจริงๆแล้วเค้ารักใคร”
“อ่อ...เข้าใจแล้ว แบบนี้ก็ทำถูกแล้วนี่ แล้วแกจะมาเศร้าทำไม คุณคู่หมั้นแกลงเอยกับเพื่อนคนนั้น ส่วนแกกับเซฮุนก็ไม่ต้องคบกันหลบๆซ่อนๆ ก็ดีแล้วนี่ จบสวยงามไม่เห็นมีอะไรที่แกต้องมาทำหน้าเศร้าทุกวันเลย” นั่นสิก็ถูกของซิ่วหมินแล้วที่ผมซึมอยู่ทุกวันนี่เป็นเพราะอะไรกัน
“เนี่ยแหละคือสิ่งที่ชั้นก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง”
“หรือว่าแกจะชอบคุณคู่หมั้นจริงๆเข้าแล้วว่ะ”
“เฮ้ยบ้าเปล่า ชั้นคบกับเซฮุนอยู่นะ”
“คบแล้วไงอ่ะ แกคงไม่ได้คิดว่าคบกันแล้วจะรักกันไปตลอดหรอกนะ บางทีถ้าเราเจอคนที่ใช่มากกว่ามันก็เปลี่ยนใจกันได้”
“ชั้นก็ไม่รู้ว่ะ....”
“เฮ้อ...แล้วนี่ไม่เจอกันมาสามวันแล้ว คิดถึงพี่เค้ามั้ย??”
“มันอาจเป็นแค่ความเคยชิน เราเจอกันทุกวันพอไม่ได้เจอมันก็เลยรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมันหายไป”
“แกรู้มั้ย?? ตอนที่เซฮุนอยู่ในช่วงสอบแล้วไม่ได้มาหาแกอาทิตย์นึง แกไม่มีอาการเหงาหงอยเศร้าซึมอย่างที่เป็นแบบนี้เลย อยากรู้มั้ยว่าทำไม” ผมพยักหน้า อยากรู้สิ
“เพราะแกตกหลุมรักคุณคู่หมั้นของแกแล้วไง”
“เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว”
“ปฏิเสธชั้นน่ะได้ ปฏิเสธหัวใจตัวเองให้ได้ด้วยล่ะกัน”
TBC
-ขอตบมือให้ซิ่วหมินรัวๆ มาต่อสั้นๆก่อนบอลนัดหยุดโลกทั้งหลายกำลังจะมา หลังจากนี้คงหายไปซักพัก(หายไปดูบอล><)แต่สัญญาว่าจะไม่หายสาบสูญค่า
-ตอนนี้ก็ดราม่าอีกแล้วเนอะ ทั้งที่เรื่องจริงพี่คริสกับน้องลู่หานพาเราฟินกันตล๊อดดดดด >< ไอ้เราก็อยากจะแต่งหวานๆฟินๆสนองตัวเองบ้างแล้ว เมื่อไหร่น้องลู่หานจะรู้ความรู้สึกตัวเองซักที มัวแต่ไปสนใจความรู้สึกคนอื่นอยู่ได้ ขัดใจจริงๆ แต่ตอนหน้าก็คงจะรู้แล้วล่ะมั้ง(สปอยนิดนึงก่อนหายนาน ฮ่าฮ่า)
-มีคนมาแลกแบนเนอร์ด้วยอ่ะ แต่เราไม่มีแบนเนอร์ไปแลกกับเค้าเลยTT ลองไปงมทำดูบ้างล่ะกันเนอะ
-สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคอมเม้นในตอนที่แล้วมากๆค่า(น้องลู่หานโดนจัดหนักจากทุกคนเลย ><) เม้นเยอะเม้นน้อยตามสะดวกเลยค่า แค่รู้ว่าทุกคนตามอ่านอยู่ก็ดีใจแล้ว แถมยังได้รู้ด้วยว่าทุกคนอินมั้ย?? และคิดยังไงกับฟิคเรื่องนี้ สำหรับคนเขียนฟิคอย่างเราแล้วถือเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ต่อไปด้วยน้าาาา
ความคิดเห็น