ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] .....MAMA Plan.....Kris x Luhan

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 55


     จากวันนั้นที่ผมรู้ความรู้สึกของคุณอี้ชิงที่มีต่อไอ้หน้าหล่อ  ผมตัดสินใจแล้วว่า...ผมจะถอยห่างออกจากมัน  ที่จริงแล้วมันก็มีหลายๆเหตุผลไม่ใช่แค่ว่าแค่อยากให้คุณอี้ชิงกับไอ้หน้าหล่อได้รู้ความรู้สึกของแต่ละฝ่าย  แต่ผมรู้สึกว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเซฮุนมันไม่เหมือนเดิม  มันสั่นคลอนตั้งแต่วันที่ไอ้หน้าหล่อเข้ามา  ผมไม่ได้จะโทษมันหรอกนะ แต่ผมว่าการที่เราอยู่ด้วยกันบ่อยเกินอาจเป็นสาเหตุให้ผมไม่มั่นคงต่อเซฮุนก็เป็นได้  เพราะฉะนั้นแล้วอย่างที่ผมตัดสินใจไป...ผมควรถอยห่างออกจากมัน

     

    “ไม่สบายรึเปล่า  วันนี้เงียบเชียว”  วันนี้ผมก็ยังไปเรียนกับมันตามปกติ  ก็มันมารับอ่ะจะให้ปฏิเสธไปตรงๆก็ดูจะใจร้ายไป แล้วที่มันบอกว่าวันนี้ผมเงียบมันก็จริงเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาผมยังไม่พูดอะไรซักคำ  ปกติแล้วมีอะไรนิดอะไรหน่อยผมก็ทักไปหมดแหละตามสไตล์คนร่าเริง  แต่วันนี้ร่าเริงไม่ออกอ่ะ

     

    “เปล่า”  ผมตอบมันไปสั้นๆ

     

    “เป็นชัวร์  ไหนวัดไข้หน่อยซิ”  มันบอกแล้วก็ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยรถข้างนึงมาวางทาบบนหน้าผากผม

     

    “ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

     

    “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร”  อย่ามาเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องได้มั้ย??

     

    “ไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไร”  และเราก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จากันไปจนถึงมหาวิทยาลัยผมนั่นแหละ  ผมเหลือบไปเห็นมันขับรถคิ้วขมวดเชียวสงสัยจะคิดอยู่ว่าผมเป็นอะไร  หรือคิดว่ามันทำอะไรให้ผมโกรธรึเปล่า  ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะตัวผมเองเป็นการตัดสินใจของผมเอง  มันไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก 

     

    “เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะ  มีงานกลุ่มต้องทำ” พอมันจอดรถลงที่เดิมที่มาส่งผมอยู่ทุกวันผมก็พูดขึ้นทำเป็นวุ่นวายอยู่กับกระเป๋าไม่หันไปมองหน้ามัน

     

    “เสร็จกี่โมงล่ะ  พี่มารับได้”

     

    “ไม่รู้”

     

    “เสร็จแล้วโทรมาล่ะกัน”

     

    “อือ”  ผมตอบไปงั้นแหละ  ไม่คิดจะโทรหามันหรอกแล้วก็กะว่าจะปิดโทรศัพท์หนีอยู่แล้วด้วย  ผมกำลังจะเปิดประตูลงรถไปมันก็ดึงแขนผมไว้  ผมตกใจเลยหันไปสบตามันเต็มๆ  เห็นแววกังวลฉายชัดอยู่ในดวงตาคมของมันเลย

     

    “ขอเช็คอีกทีได้มั้ยว่าไม่ได้เป็นอะไร”  มันยื่นหน้าเข้ามาผมคิดว่ามันคงจะหอมแก้มผมอีกนั่นแหละ  ผมเลยสะบัดตัวให้หลุดออกมาแล้วเปิดประตูวิ่งเข้าตึกคณะไปโดยไม่หันกลับมามองมันอีกเลย 

    .

    .

    .

    “วันก่อนก็ยิ้มจนนึกว่าเป็นบ้า  พอมาวันนี้หน้าบูดอีก  เป็นอะไร  ทะเลาะกับคุณคู่หมั้นมาหรออออ”  พอเลิกเรียนไอ้ซิ่วหมินมันก็ถามผมที่นั่งหน้าบูดมาตลอดคาบเรียน

     

    “เปล่า  แต่แบบ...”

     

    “แบบอะไรวะ”  เอาอีกแล้ว..อยากรู้อีกแล้วสินะ  ไอ้เพื่อนบ้า

     

    “แค่อยากรักษาระยะห่าง”

     

    “หมายความว่าไงวะ”

     

    “ก็ตามนั้นนั่นแหละ  เลิกเรียนแล้วไปไหนเปล่า”  ผมขี้เกียจอธิบายแล้ว  ไหนๆก็โกหกไอ้หน้าหล่อไปแล้วว่าจะทำงานกับเพื่อนก็ถือโอกาสชวนซิ่วหมินมันไปไหนซักที่เลยล่ะกัน  จะชวนเซฮุนผมก็ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าตอนนี้

     

    “เปล่า  ทำไม  จะชวนไปไหน”

     

    “ไปที่ไหนก็ได้”  ผมบอกแล้วถอนหายใจนอนราบไปกับโต๊ะ  ปกติทุกๆวันที่มันมารับผมจะคอยคิดไว้ตลอดว่าวันนี้ผมจะไปที่ไหนดี  แต่พอวันนี้หัวผมดันตันคิดอะไรไม่ออกเลย

     

    “เป็นอะไรของมันว่ะ”  ผมได้ยินเสียงซิ่วหมินมันบ่นกับตัวเองผมเลยถอนหายใจดังๆไปอีกรอบ  นั่นสิผมเป็นอะไรกันนะ...

    .

    .

    .

    “แกไม่สบายเปล่าวะ  คนจนไอติมจะระเหยหมดแล้วเนี่ย”  อ้าว...จริงหรอ  ผมก้มลงมองถ้วยไอติมสตรอเบอรี่ที่ผมสั่งมา  ของโปรดผมแท้ๆแต่ผมไม่มีอารมณ์อยากกินเลยอ่ะ

     

    “เฮ้อ...”

     

    “ไม่ได้ป่วยกาย  สงสัยจะป่วยใจ”  ซิ่วหมินเอาหลังมือมาแตะหน้าผากผมเสร็จแล้วก็พูดขึ้น  ป่วยใจงั้นหรอ??

     

    “ไม่ได้ป่วยอะไรทั้งนั้นแหละ” ผมจับข้อมือมันแล้วดันออกไปจากหน้าผม

     

    “ป่วยใจแน่นอน  ทะเลาะกับคุณคู่หมั้นมาใช่มั้ย  หรือว่าคุณคู่หมั้นรู้เรื่องเซฮุนแล้ว!!  มันทำหน้าตกใจจนตาเล็กๆโปนออกมา

     

    “เปล่าทั้งนั้นแหละ” ผมส่ายหน้าปลงๆ

     

    “โอ้ยยย แล้วตกลงแกเป็นบ้าอะไรว่ะ”

     

    “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”  นั่นสิ  ผมเป็นอะไร  ผมคงแค่เบื่อแหละมั้ง  ไม่มีอะไรหรอก

     

    หลังจากแยกกับซิ่วหมิน  ก่อนแยกกันมันยังไม่วายบ่นนู่นบ่นนี่ว่าผมนะชวนมันมาเที่ยวแต่ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้คราวหน้าไม่ต้องมาชวนมันอีก  ว่าเสร็จก็ทำแก้มพองลมตาขวางใส่ผมแล้วก็เดินหนีไปเลย  เฮ้อ...ทำเพื่อนงอนอีกผม  ซิ่วหมิน..ขอโทษนะไว้ถ้าถึงเวลาแล้วจะบอกเอง

     

    ผมขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านตอนเกือบๆสองทุ่มใจจริงอยากกลับดึกกว่านี้อีกแต่ซิ่วหมินมันงอนซะก่อนก็เลยต้องกลับอ่ะนะ  พอถึงเวลากลับบ้านผมก็ดันเพิ่งคิดได้ว่าถ้าไอ้หน้าหล่อมันไปดักรอผมที่บ้านล่ะทำไง  แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด..ซึ่งก็ดีแล้ว  ผมเดินหงอยๆขึ้นห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงมาหาม๊าข้างล่าง

     

    “ลูกชายม๊าเป็นอะไรไปเนี่ย”  คนที่สามแล้วที่ถามผมอย่างนี้  สงสัยหน้าผมมันจะดูป่วยมากๆเลยสินะ  ผมนั่งลงข้างๆม๊าแล้วเอนหัวซบลงบนไหล่ม๊า

     

    “ไม่รู้ดิม๊า”

     

    “อ้อนม๊าแบบนี้ไม่สบายแน่เลย  กินยารึยัง หืม??”

     

    “ไม่ได้ไม่สบายม๊า”

     

    “คิดถึงป๊าล่ะสิ”

     

    “ก็คิดถึง”  ผมบอกแล้วสอดมือเข้าไปกอดเอวม๊าไว้หลวมๆ  ซุกหน้ากับไหล่ม๊ามากขึ้นอีก

     

    “เด็กน้อยจริงๆ  ลูกใครเนี่ย  มาหอมทีมา...”  พูดจบก็จัดการฟัดแก้มผมซะเลย  ม๊าเคยบอกว่าโชคดีที่ผมไม่เป็นแบบลูกชายบ้านอื่นที่พอโตแล้วจะไม่ยอมให้พ่อแม่หอมแก้มเพราะอาย  ไม่งั้นม๊าคงจะเซ็งแย่เลย

     

    “เหมือนได้กลิ่นอู๋ฟานแถวๆแก้มเสี่ยวลู่เลยแหะ”  ผมตกใจตาเหลือกอ้าปากหวอเลย 

     

    “แหมแซวเล่น  ตกใจแบบนี้สงสัยจะเรื่องจริง  ยอมให้พี่เค้าหอมแก้มแบบนี้แสดงว่าความสัมพันธ์คืบหน้า” ยิ่งเห็นม๊าทำหน้าดีใจผมยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ  สีหน้าตกใจของผมกลับมาซึมอีกครั้ง

     

    “ม๊า...ม๊าว่าพี่อู๋ฟานเค้าคิดยังไงกับผมอ่ะ”

     

    “ก็ต้องรักลูกชายม๊าสิจ๊ะ  ไม่น่าถามเลย”

     

    “ทำไมม๊ามั่นใจจัง”

     

    “เชื่อม๊าเถอะหน่า”

     

    “แล้วถ้าพี่เค้ารักคนอื่นอยู่แล้วล่ะ”

     

    “ไม่มีทางๆ”  ม๊าส่ายหน้าและยังยิ้มอย่างมั่นใจเหมือนเดิม  ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเยอะแยะเนี่ยม๊า  ถ้าได้รู้เรื่องที่มันแต่งเพลงให้คนอื่นเนี่ยจะมั่นใจได้แบบนี้อยู่อีกรึเปล่า??

     

    “ขึ้นนอนก่อนนะม๊า  ปวดหัวอ่ะ”

     

    “อย่าลืมกินยาล่ะ  ฝันดีจ้าลูกชาย”

     

     

    ผมขึ้นมาบนห้องโดดขึ้นเตียงนอนแผ่อยู่แป๊บนึงก็ควานหาโทรศัพท์ที่ปิดไปทั้งวันมาเปิดดู  มีข้อความเข้าว่ามีสายไม่ได้รับจากมันเป็นร้อยสายเลย  แล้วก็มีข้อความจากมันด้วย 

     

     

    Wufan 17.04  เปิดมือถือแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ 

    Wufan 17.35  ยังทำงานไม่เสร็จอีกหรอ  ยังไงโทรหาพี่ด้วยนะ 

    Wufan 18.10  พี่นั่งรออยู่ที่โต๊ะหินหน้าคณะลู่หานนะ 

    Wufan 19.12  ลู่หาน...ได้โปรดเปิดมือถือซักที 

    Wufan 20.01  พี่จะรอที่นี่จนกว่าลู่หานจะติดต่อมา

     

     

    ผมหันไปมองนาฬิกาข้างเตียง...ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว  มันคงไม่ได้รออยู่จริงๆหรอกนะ ทำไงดี  โทรกลับไปหาดีมั้ย??  ไม่เอาอ่ะ  ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับมัน  ถ้าโทรไปมันต้องว่าผมแน่เลยที่ปล่อยให้มันรอตั้งนานแบบนี้  เอาไงดีอ่ะ  ส่งข้อความล่ะกัน

     

    ผมอยู่บ้านแล้ว  ขอโทษทีมือถือแบทหมด  ส่งไปไม่ทันไรก็มีข้อความตอบกลับมาอีก

     

    อือ  สงสัยมันจะโกรธผมมากแน่เลยถึงได้ตอบสั้นขนาดนี้  เฮ้อ...

    .

    .

    .

    จากเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำให้ผมนอยจนเพื่อนงอนและทำให้ม๊าเป็นห่วงแล้ว  มันยังส่งผลทำให้ผมนอนไม่หลับอีกด้วย  วันนี้ผมกะจะออกจากบ้านแต่เช้าก่อนเวลาซักชั่วโมงนึงเพราะไม่อยากเจอมัน  ผมรู้ว่าต่อให้มันโกรธผมยังไงมันก็ต้องมารับผมอยู่ดี  ผมเดินออกจากบ้านก้มหน้ามองแต่ถนนไปเรื่อยๆ  ผมเดินเรื่อยเปื่อยมาจนกระทั่งชนเข้ากับใครซักคนนึง

     

    “ขอโทษครับ”  ผมโค้งและกล่าวขอโทษโดยไม่มองอีกฝ่าย

     

    “รีบไปไหนแต่เช้า”  อ้าวเฮ้ยเสียงคุ้นๆ  ผมเงยหน้าแล้วก็เจอเข้ากับมัน  ทำอะไรแถวนี้เนี่ย  ผมมองหน้ามันแล้วเหลือบไปเห็นรถมันที่จอดก่อนถึงบ้านซัก5หลังได้  ที่ผมไม่ทันเห็นคงเป็นเพราะมีรถจอดซ้อนหน้ารถมันอยู่   ไม่รู้ตั้งใจหลบหรือบังเอิญกันแน่

     

    “ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหลบหน้าพี่ได้น่ะ  คิดผิดแล้ว”  มันบอกแล้วจับแขนผมแต่ผมก็สะบัดออก

     

    “ก็รู้นี่ว่าไม่อยากเจอ  แล้วจะมาให้เห็นหน้าทำไม”  เหมือนว่าผมจะพูดแรงไปนะ  มันสะอึกไปแวบนึงก่อนจะตอบกลับมา

     

    “พี่ทำอะไรให้ลู่หานไม่พอใจรึเปล่า  บอกพี่มาสิ  ถ้าพี่ทำอะไรผิดพี่พร้อมจะขอโทษลู่หานนะ”  มันไม่ได้ทำอะไรหรอก  ไม่ต้องขอโทษด้วย  มันควรขอบคุณผมด้วยซ้ำ  ผมกำลังจะทำให้มันได้รู้ถึงความรู้สึกของตัวเองไง  ที่มาหมั้นกับผมมันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกัน  มันไม่ควรเออออตามไปด้วยแบบนี้  ทั้งๆที่มันรักคุณอี้ชิง  หลักฐานก็คือเพลงที่มันแต่ง  เพลงที่อบอวลไปด้วยความรักขนาดนั้นถ้าไม่รักจะแต่งออกมาได้ยังไง

     

    “พี่...ผมว่าเราหยุดเถอะ”  ผมตัดสินใจพูดออกไป

     

    “หยุด??  หยุดอะไร”

     

    “เรื่องของเรา” 

     

    “ทำไม”  มันถามผม  ความไม่เข้าใจฉายชัดอยู่เต็มใบหน้า 

     

    “......”

     

    “รักไอ้เด็กนั่นมากสินะ”  พอผมเงียบมันก็เลยพูดขึ้น  ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าปล่อยให้มันเข้าใจไปแบบนั้นก็ดีแล้ว  เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้น  ผมเลยพยักหน้าตอบกลับไป

     

    “โอเคพี่ยอมแล้ว  แต่วันนี้..ขอให้พี่ได้ไปส่งลู่หานได้มั้ย”  ผมเงียบอีกไม่รู้จะเอายังไงดี  ผมไม่อยากให้มันไปส่ง   ผมไม่อยากอยู่ใกล้มันอีกแล้ว...

     

    “มันจะเป็นวันสุดท้าย  พี่จะไม่มาให้ลู่หานเห็นหน้าอีก  สัญญา”

    .

    .

    .

    หลังจากที่มันสัญญากับผม  มันก็ไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกเลยจริงๆตามที่มันสัญญา  มันหายไปเลยแต่ผมคิดว่ามันคงยังไม่ได้คุยเรื่องถอนหมั้นกับป๊าม๊ามันหรอกมั้งเพราะม๊าก็ดูปกติไม่เห็นมาว่าอะไรผม  เพราะถ้ามันยอมถอนหมั้นแล้วจริง  ม๊าผมคงจะมางาบหัวผมแล้วล่ะตอนนี้  อ่อ...ถึงตัวมันจะไม่มามันก็ยังส่งคุณลุงคนขับรถมารับส่งผมไปเรียนไม่ให้ขาด  ตอนแรกผมก็ปฏิเสธคุณลุงไปแต่คุณลุงบอกว่าถ้าผมไม่ยอมไปจะถูกตัดเงินเดือน  ผมก็สงสารคุณลุงเค้าก็เลยหยวนๆยอมให้คุณลุงไปส่งที่มหาวิทยาลัยและมารับกลับบ้างในบางวัน

     

    “แก...ถ้าแกจะไม่บอกว่าสามสี่วันมานี่เกิดอะไรขึ้นนะ  แกเลิกคบกับชั้นเลยดีกว่าหว่ะ”  ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดดีๆไอ้ซิ่วหมินมันก็มาเท้าเอวเหวี่ยงใส่ผมซะงั้นอ่ะแถมเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเลยอ่ะ

     

    “เป็นอะไรของแกว่ะ”  ผมถามกลับไปเบาๆเตือนสติให้ซิ่วหมินมันรู้ว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องสมุดนะ

     

    “แกนั่นแหละเป็นอะไร  ชั้นทนเห็นแกเป็นแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะเว้ย”  มันตอบกลับมาเสียงดังอีก  จนผมต้องลากมันมานั่งคุยกันดีๆ

     

    “แกเบาๆหน่อยดิว่ะ  ชั้นก็เป็นชั้นปกตินี่  ไม่ได้เป็นอะไร”

     

    “นั่งหน้าหงอย  ข้าวก็ไม่ค่อยจะกินเขี่ยอยู่นั่นแหละ  แล้วนี่อยู่ดีๆมานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดอีก  แบบนี้ยังจะเรียกว่าปกติอีกหรอ??...”  ตกลงว่ามันห่วงหรือมันแอบด่าผมกันแน่เนี่ย

     

    “เพื่อนน่ะ  ไม่ได้มีไว้ให้คบไปวันๆเฉยๆหรอกนะ  ถึงชั้นจะดูเป็นคนไม่ค่อยมีสาระ  แต่ชั้นว่าชั้นก็เป็นที่ปรึกษาให้แกได้นะ”  มันวางมือบนไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ  หน้ามันเครียดมากจนผมรู้สึกไม่ดีเลย  ปกติซิ่วหมินเป็นคนร่าเริงมาก(มากเกินไปด้วยแหละ)แต่วันนี้มันกลับมาเครียดใส่ผม  ผมรู้สึกขอบคุณมันนะแต่ผมไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้มันฟังยังไง  ผมเองยังไม่เข้าใจเลยว่าที่ผมทำอยู่เนี่ยคืออะไรกัน

     

    “ขอบคุณนะซิ่วหมิน  ชั้นเองก็ยังไม่เข้าใจตัวชั้นเลยว่าเป็นอะไร”

     

    “ชั้นสังเกตนะว่าตั้งแต่วันที่แกบอกชั้นว่าจะรักษาระยะห่างกับคุณคู่หมั้นน่ะ  แกเริ่มซึมตั้งแต่วันนั้นแหละ  ถามจริงทะเลาะกันใช่มั้ย”

     

    “เปล่า”

     

    “อ้าว??  หรือว่าเรื่องเซฮุน”

     

    “เรื่องพี่อู๋ฟานนั่นแหละ  แต่ไม่ได้ทะเลาะกัน”

     

    “ยิ่งแกพูดชั้นยิ่งงงว่ะ  เล่ามาเลยดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น  ชั้นจะได้ช่วยคิด”  ผมนิ่งเงียบอยู่ซักพักแล้วก็ตัดสินใจว่าผมควรจะเล่าให้ซิ่วหมินฟัง  มันถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะต้องปรึกษาใครซักคน

     

    “คือชั้นได้ไปพบกับเพื่อนของพี่อู๋ฟานมา  แล้วเพื่อนคนนี้เค้าชอบพี่อู๋ฟานอยู่...”

     

    “แกก็เลยคิดจะหลีกทางให้เค้า  อย่ามาคนดีน่า  มันไม่ใช่แกว่ะ” มันแอบด่าผมอีกแล้วใช่ป่ะเนี่ย-*-

     

    “ไม่ใช่ๆ  คือมันมีบางอย่างที่ทำให้ชั้นรู้สึกว่าพี่อู๋ฟานก็ชอบเพื่อนคนนั้นเหมือนกัน”

     

    “อะไรทำให้แกคิดงั้นว่ะ  เค้าดีกับแกออก  เท่าที่ชั้นรู้นะ”

     

    “อือ  เค้าดีกับชั้นไง  แต่ชั้นอยากให้เค้าได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนที่เค้ารักน่ะคือเพื่อนคนนั้น  ไม่ใช่ชั้น  แล้วก็อยากให้เค้ารักกัน  ก็เลยตีตัวออกห่างเพื่อที่พี่เค้าจะได้กลับไปคิดว่าจริงๆแล้วเค้ารักใคร”

     

    “อ่อ...เข้าใจแล้ว  แบบนี้ก็ทำถูกแล้วนี่  แล้วแกจะมาเศร้าทำไม  คุณคู่หมั้นแกลงเอยกับเพื่อนคนนั้น  ส่วนแกกับเซฮุนก็ไม่ต้องคบกันหลบๆซ่อนๆ  ก็ดีแล้วนี่  จบสวยงามไม่เห็นมีอะไรที่แกต้องมาทำหน้าเศร้าทุกวันเลย”  นั่นสิก็ถูกของซิ่วหมินแล้วที่ผมซึมอยู่ทุกวันนี่เป็นเพราะอะไรกัน

     

    “เนี่ยแหละคือสิ่งที่ชั้นก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง”

     

    “หรือว่าแกจะชอบคุณคู่หมั้นจริงๆเข้าแล้วว่ะ”

     

    “เฮ้ยบ้าเปล่า  ชั้นคบกับเซฮุนอยู่นะ”

     

    “คบแล้วไงอ่ะ  แกคงไม่ได้คิดว่าคบกันแล้วจะรักกันไปตลอดหรอกนะ  บางทีถ้าเราเจอคนที่ใช่มากกว่ามันก็เปลี่ยนใจกันได้”

     

    “ชั้นก็ไม่รู้ว่ะ....” 

     

    “เฮ้อ...แล้วนี่ไม่เจอกันมาสามวันแล้ว  คิดถึงพี่เค้ามั้ย??”

     

    “มันอาจเป็นแค่ความเคยชิน  เราเจอกันทุกวันพอไม่ได้เจอมันก็เลยรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมันหายไป”

     

    “แกรู้มั้ย??  ตอนที่เซฮุนอยู่ในช่วงสอบแล้วไม่ได้มาหาแกอาทิตย์นึง  แกไม่มีอาการเหงาหงอยเศร้าซึมอย่างที่เป็นแบบนี้เลย  อยากรู้มั้ยว่าทำไม”  ผมพยักหน้า  อยากรู้สิ

     

    “เพราะแกตกหลุมรักคุณคู่หมั้นของแกแล้วไง”

     

    “เฮ้ย  ไม่ใช่แล้ว”

     

    “ปฏิเสธชั้นน่ะได้  ปฏิเสธหัวใจตัวเองให้ได้ด้วยล่ะกัน”



    TBC

    -ขอตบมือให้ซิ่วหมินรัวๆ  มาต่อสั้นๆก่อนบอลนัดหยุดโลกทั้งหลายกำลังจะมา หลังจากนี้คงหายไปซักพัก(หายไปดูบอล><)แต่สัญญาว่าจะไม่หายสาบสูญค่า
    -ตอนนี้ก็ดราม่าอีกแล้วเนอะ  ทั้งที่เรื่องจริงพี่คริสกับน้องลู่หานพาเราฟินกันตล๊อดดดดด ><  ไอ้เราก็อยากจะแต่งหวานๆฟินๆสนองตัวเองบ้างแล้ว  เมื่อไหร่น้องลู่หานจะรู้ความรู้สึกตัวเองซักที  มัวแต่ไปสนใจความรู้สึกคนอื่นอยู่ได้  ขัดใจจริงๆ แต่ตอนหน้าก็คงจะรู้แล้วล่ะมั้ง(สปอยนิดนึงก่อนหายนาน ฮ่าฮ่า)
    -มีคนมาแลกแบนเนอร์ด้วยอ่ะ แต่เราไม่มีแบนเนอร์ไปแลกกับเค้าเลยTT ลองไปงมทำดูบ้างล่ะกันเนอะ 
    -สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคอมเม้นในตอนที่แล้วมากๆค่า(น้องลู่หานโดนจัดหนักจากทุกคนเลย ><) เม้นเยอะเม้นน้อยตามสะดวกเลยค่า  แค่รู้ว่าทุกคนตามอ่านอยู่ก็ดีใจแล้ว  แถมยังได้รู้ด้วยว่าทุกคนอินมั้ย?? และคิดยังไงกับฟิคเรื่องนี้  สำหรับคนเขียนฟิคอย่างเราแล้วถือเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ  ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ต่อไปด้วยน้าาาา  


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×