ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7
วันนี้ก็เหมือนเดิม ผมตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ลงมากินข้าวกับม๊าแล้วก็นั่งรอเวลาให้ใครบางคนมารับไปเรียน ตอนนี้ม๊ากลับมาให้เงินผมใช้ตามปกติแล้ว ถึงจะให้แค่เงินสดยังไม่ได้เปิดบัตรให้ใหม่ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมเป็นพวกชอบใช้เงินสดมากกว่าอยู่แล้ว แถมช่วงนี้เพราะมีคนมาคอยรับคอยส่ง เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมอีก เรียกว่ารายจ่ายแทบไม่มีเลยทีเดียว ฐานะทางการเงินของผมเริ่มกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เย้!! ว่าแต่นี่มันก็ใกล้ถึงเวลาที่มันจะมารับผมแล้วนะ ไปยืนรอหน้าบ้านเลยละกันจะได้ไม่เสียเวลา
ผมลาม๊าเสร็จก็ออกไปยืนรอที่หน้าบ้าน ผมเห็นรถคันนึงจอดอยู่หน้าบ้านผมแต่ไม่ใช่รถมันอ่ะ แล้วรถใครวะมาจอดหน้าบ้านคนอื่นเค้าได้ไงเนี่ย แล้วถ้าไอ้หน้าหล่อมันมาจะไปจอดที่ไหน แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ เลือดนักเลงเริ่มเดือด ผมเดินแมนๆไปที่รถคันที่จอดอยู่ กะว่าจะเคาะกระจกด่าซะหน่อย แต่ยังไม่ทันจะไปถึงรถก็มีคนเปิดประตูออกมาจากฝั่งคนขับเสียก่อน
“คุณลู่หานใช่มั้ยครับ” ตาลุงนี่รู้ชื่อผมได้ไงเนี่ย แล้วทำไมต้องโค้งให้ผมด้วยท่าทางนอบน้อมแบบนั้นกัน ผมเลยโค้งให้นิดนึงตามมารยาทก่อนจะตอบกลับไป
“ครับ”
“ผมเป็นคนขับรถของคุณอู๋ฟานครับ พอดีวันนี้คุณอู๋ฟานขับรถเองไม่ไหวเลยให้ผมมารับคุณลู่หานไปส่งที่มหาลัย” คุณลุงคนนั้นบอกแล้วอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผม ด้านในรถผมเห็นไอ้หน้าหล่อนั่งหลับอยู่ผมก็เลยสบายใจได้นึกว่าคุณลุงจะมาหลอกผมซะอีก
“คุณอู๋ฟานครับ” คุณลุงแกนั่งประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อยก็หันมาเรียกไอ้หน้าหล่อ
“ไม่ต้องปลุกหรอกครับ”
“แต่คุณอู๋ฟานสั่งไว้...ที่จริงผมควรจะปลุกก่อนจะถึงบ้านคุณลู่หานอีกนะครับ แต่เห็นคุณอู๋ฟานกำลังหลับสบายผมเลยไม่กล้าปลุก”
“ให้พี่เค้านอนเถอะครับ...ท่าทางจะเหนื่อยมาก”
“พอดีเมื่อคืนสินค้าที่จะจัดส่งให้ลูกค้าที่ฮ่องกงมีปัญหา คุณอู๋ฟานเลยต้องอยู่จัดการยันเช้าเลยครับ” คุณลุงแกบอกแล้วก็ออกรถ
“หรอครับ” ผมตอบรับไปแล้วก็นั่งมองคนที่นั่งหลับคอพับอยู่ข้างๆ ชุดที่ใส่อยู่ยังเป็นชุดเดียวกับเมื่อวานอยู่เลย แถมหน้ายังโทรมสุดๆ(แต่ก็ยังหล่อมากๆอยู่ดีนั่นแหละ) ถ้าผมรู้ว่ามันเหนื่อยขนาดนี้นะแค่บอกผมคำเดียวผมก็คงไม่ให้มารับหรอก
คุณลุงขับรถมาจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยผมแล้วแต่มันก็ยังไม่ตื่น ท่าทางจะง่วงมากจริงๆ ผมเองก็ไม่อยากให้มันตื่นหรอก ปล่อยให้หลับไปนั่นแหละดีแล้ว แต่....ถ้ามันตื่นมาทีหลังแล้วรู้ว่าคุณลุงไม่ปลุกมันล่ะ มันจะต่อว่าคุณลุงรึเปล่านะ?? เท่าที่ผมเห็นมามันดูจะเป็นเจ้านายที่ดุเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมนั่งคิดอยู่แป๊บนึง เอาไงดีหว่า....เขียนโน๊ตบอกมันไว้น่าจะดี คิดได้แบบนั้นผมเลยเปิดกระเป๋าหยิบเอากระดาษโพสอิทสีเหลืองขึ้นมา อืมมมมม....จะเขียนว่าอะไรดีล่ะ?? ในหัวผมมีประโยคมากมายที่อยากเขียนเต็มไปหมดเลย แต่ก็จบลงด้วยประโยคเบสิคสั้นๆง่ายๆ...
ขอบคุณนะที่มา^^
ปล.ผมบอกคุณลุงเองว่าอย่าปลุกพี่ ห้ามว่าคุณลุงนะ รู้มั้ย??
ความรู้สึกที่ผมมีมันมากกว่าขอบคุณเสียอีก แต่ผมก็เขียนได้แค่นั้น ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆที่มันมา แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมมีความสุขที่มันมา อย่างน้อยผมก็รู้ว่าแม้จะเหนื่อยแค่ไหนมันก็รักษาคำพูดของมันเสมอ มันทำให้ผมประทับใจในตัวมันอีกแล้วสิหน่า
ผมแปะโพสอิทไว้บนกระจกข้างๆมันถ้าตื่นแล้วคงจะเห็นพอดีล่ะมั้ง คุณลุงจอดรถที่หน้าคณะ ผมเปิดประตูลงมาและไม่ลืมกล่าวขอบคุณคุณลุงแล้วปิดประตูลงให้เบาที่สุดเพราะกลัวมันจะตื่น
ผ่านไปประมาณชั่วโมงนึงโทรศัพท์ของผมก็สั่น พอหยิบขึ้นมาก็เห็นว่ามีข้อความเข้า ผมเลยเปิดดูเป็นข้อความจากมันนั่นแหละ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มันส่งข้อความหาผม
ทำไมไม่ปลุก รู้มั้ยว่าอยากเจอ~ ตัวยึกยือ(เรียกซะน่าเกลียดเลยผม)ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงอ้อนๆตัดพ้อของมันเลยล่ะ
เจอทุกวันไม่เบื่อบ้างหรอ?? ผมส่งกลับไปลองใจมันหน่อย ถ้าเบื่อล่ะน่าดู ถือโทรศัพท์รอแป๊บเดียวก็มีข้อความเข้าอีก
ไม่เบื่อหรอก^^ อายุก็เยอะแล้วยังมาทำเป็นใส่อีโม คิดว่าน่ารักรึไง??
เรียนก่อนนะ แล้วตอนเย็นเจอกัน
ครับ สี่โมงเย็นเจอกันนะ มันรู้ได้ไงว่าผมเลิกสี่โมง ยังไม่ทันบอกเลย สงสัยมันจะจำตารางเรียนผมได้แล้วสินะ ผมกำลังจะเก็บโทรศัพท์กลับไปตั้งใจเรียนต่อ แต่โทรศัพท์ดันสั่นขึ้นมาอีก มีข้อความเข้าอีกแล้ว จากมันอีกนั่นแหละ
คิดถึง สั้นๆง่ายๆแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
“นี่แกยิ้มกับมือถือมาซักพักแล้วนะ มีอะไรพิเศษรึเปล่าเนี่ย” อยู่ดีๆซิ่วหมินมันก็พูดขึ้นแล้วพยายามชะเง้อหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ผม แต่ผมก็เอียงตัวหนี ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ้มก็ตอนที่มันทักเนี่ยแหละ ขนาดตอนนี้ผมเองก็ยังยิ้มค้างอยู่เลย แก้มขึ้นกล้ามแล้วมั้งเนี่ย ฮ่าฮ่า
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนนะ” น้ำเสียงมันน้อยใจแต่หน้านี่ยังคงอยากรู้อยากเห็นเหมือนเดิม ผมเลยแลบลิ้นใส่มันไปทีนึง ฮ่าฮ่า เอ๊ะ! โทรศัพท์ผมสั่นอีกแล้ว ผมเผลอยิ้มกว้างออกมาจนซิ่วหมินมันทำหน้าล้อ ผมรีบกดดูพร้อมรอยยิ้มเพราะคิดว่าคงจะเป็นไอ้หน้าหล่อนั่นแหละที่ส่งมาจะเป็นใครไปได้ล่ะ แต่ผมก็คิดผิด คนที่ส่งมาไม่ใช่มันแต่เป็น....เซฮุน
สอบวันสุดท้ายแล้ว ขอกำลังใจหน่อยสิครับ ผมไม่รู้ว่าสีหน้าของผมตอนนี้เป็นยังไง แต่ผมรู้ว่าผมตกใจมาก
ไฟท์ติ้งนะ ผมรีบส่งกลับไป ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแต่ผมกลับรู้สึกกลัว...กลัวว่าเซฮุนจะรู้เรื่องไอ้หน้าหล่อ มันลนลานไปหมด อาการเหมือนคนกำลังนอกใจแฟนยังไงยังงั้นแหละ...แต่คงไม่หรอกมั้งเนอะ เฮ้อ....
วันนี้ผมเลิกเรียนก่อนเวลาเลยมานั่งรอที่โต๊ะหินหน้าคณะ ในหัวก็คิดว่าวันนี้จะชวนไอ้หน้าหล่อไปกินอะไรที่ไหนดี ช่วงนี้กินแต่ของแพงๆลองไปที่ที่ราคาถูกแต่อร่อยบ้างดีมั้ยนะ ระหว่างที่ผมนั่งคิดเพลินๆอยู่ก็มีมือมาปิดตาผม ตอนแรกผมก็ตกใจแต่พอคิดได้ว่าวันนี้ผมนัดกับใครไว้ก็ยิ้มออกมา ทำไมมาก่อนเวลาได้เนี่ย??
“ไม่เอาน่า” ผมบอกแล้วพยายามแกะมือที่ปิดตาผมอยู่ออก มือใหญ่ของอีกคนเลยยอมปล่อยอย่างง่าย ผมหันหลังไปพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า
“จ๊ะเอ๋” แต่ที่ยืนอยู่ข้างหลังผมกับไม่ใช่คนที่ผมคิดไว้
“เซฮุน...”
“ทำหน้าตกใจเชียว ไม่คิดว่าเป็นผมหรอ” เซฮุนถามด้วยเสียงน้อยใจแล้วแกล้งทำหน้าเศร้าใส่ผม ผมเห็นแบบนั้นก็ใจไม่ดีรั้งใบหน้าของอีกคนลงมาใกล้ๆแล้วขยี้จนผมเซฮุนยุ่ง อีกฝ่ายถึงยิ้มออกมาได้
“ก็ต้องตกใจสิ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน” ผมพยายามยิ้มออกมา
“แล้วคิดถึงผมมั้ยล่ะ”
“อือ” ผมพยักหน้าฝืนยิ้มตอบกลับไป แต่ในใจผมเริ่มกังวล จะทำยังไงดีล่ะทีนี้??
“พี่ครับ ไปเดทกันนะ ให้รางวัลคนสอบเสร็จหน่อย” เซฮุนบอกพร้อมรอยยิ้มสดใส แล้วผมจะใจร้ายปฏิเสธได้ยังไงกัน??
ผมไปเดินห้างแถวๆมหาลัยกับเซฮุน นี่ก็สี่โมงกว่าแล้วโทรศัพท์ผมยังนิ่งสนิท แสดงว่ามันกำลังรอผมอย่างใจเย็นอยู่สินะ โอ้ยยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเครียด ผมจะทำยังไงดี ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงเริ่มมีสายเข้ามา ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูก็รู้ว่าใคร เซฮุนอยู่ข้างๆผม ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมไม่มีความกล้าพอที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ได้แต่ภาวนาว่ามันจะยอมแพ้แล้วเลิกโทรไปเอง...
ห้าโมงแล้ว มันยังโทรหาผมไม่หยุด ผมว่าผมควรจะทำอะไรซักอย่าง
“พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมบอกเซฮุนแล้วรีบเดินเข้ามาในห้องน้ำห้องในสุดแล้วปิดประตูลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบกับมิสคอลห้าสิบกว่ามิสคอล ผมจะกดโทรหามันแต่มันก็โทรมาซะก่อน ผมเลยรีบกดรับ
“ขอบคุณที่รับโทรศัพท์พี่ซักที” น้ำเสียงมันไม่ได้โกรธแต่มันเป็นน้ำเสียงที่ดูสบายใจ โล่งใจ
“พี่.. ผมขอโทษ วันนี้ผมกลับกับพี่ไม่ได้แล้ว” ถ้ามันต่อว่าผมก็คงจะดีซะกว่าแต่นี่มันกลับพูดกับผมด้วยเสียงแบบนั้น ผมรู้สึกว่าตาผมร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้เลยอ่ะ
“อือ ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” มันคงจะรู้ว่าตอนนี้ผมอยู่กับเซฮุน “เห็นไม่รับสายซักทีพี่ก็เลยเป็นห่วง”
“พี่...” ผมอยากจะขอโทษมันซักพันครั้ง ผมปล่อยให้มันรอ ผมปล่อยให้มันเป็นห่วง ทั้งๆที่เมื่อเช้ามันอุตส่าห์มารับผม ถึงจะเหนื่อยมากแต่ก็รักษาสัญญา แต่ผม....ดูผมทำกับมันสิ
“งั้นแค่นี้นะ” ผมตอบรับไปแค่อือเพราะผมพูดอะไรไม่ออก พอมันสายวางไปผมก็รีบขยี้ตาแรงๆให้น้ำในตามันหายไปให้หมด แต่ถึงน้ำตาจะหายไปแต่ความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจก็ยังอยู่อยู่ดี
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า” สงสัยสีหน้าผมจะดูแย่มากเลยเซฮุนถึงได้ถามผมทันทีที่เห็นผม
“พี่อยากกลับบ้าน” ผมตอบออกไปเสียงเริ่มขึ้นจมูกหน่อยๆ
“ให้ผมไปส่งมั้ย” เซฮุนถามด้วยเสียงห่วงใยแต่ผมก็ปฏิเสธ
“อย่าเลย”
“ไว้ผมจะโทรหานะ”
“อือ” ถึงเซฮุนจะดูห่วงผมมากแต่ผมก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกมา ยิ่งผมอยู่กับเซฮุนมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อไอ้หน้าหล่อมากเท่านั้น ผมบอกกับตัวเองว่ามันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิดไม่ได้มากไปกว่านั้น...
เช้าวันต่อมา รถหรูคันเดิมของมันจอดอยู่ที่หน้าบ้านผมพร้อมกับเจ้าของรถที่ยืนรออยู่ ผมเห็นสีหน้าเหนื่อยๆของมันแล้วยิ่งรู้สึกไม่ดี พอมันเห็นผมมันยิ้มให้ผมนิดๆตามแบบของมันแต่ดวงตาช่างเศร้าเหลือเกิน
“เมื่อวานผมขอโทษจริงๆนะ” ผมรีบเข้าไปขอโทษมันเลย ตอนแรกว่าจะโทรไปขอโทษตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่คิดว่าขอโทษกันตัวต่อตัวน่าจะดีกว่า
“อืม พี่บอกลู่หานแล้วนี่ว่าไม่เป็นไร” มันวางมือลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน
“พี่โกรธผมซะยังจะดีกว่าพี่เป็นแบบนี้อีกรู้มั้ย??” ยิ่งมันทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“พี่ไม่โกรธ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่เสียใจ แล้วอีกอย่างคือพี่ไม่อยากทะเลาะกับลู่หาน”
“แต่ทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกไม่ดีอ่ะ”
“ที่เป็นแบบนี้คงเพราะเริ่มแคร์พี่บ้างแล้วสินะ” มันยิ้มอีกแล้วแต่คราวนี้รอยยิ้มมันไปถึงดวงตาด้วย ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่เอ๊ะ เมื่อกี้มันว่าไงนะ...ผมแคร์มัน ผมเนี่ยนะ!!
“ไม่จริงอ่ะ”
“จริงไม่จริงพี่ไม่รู้ แต่ลู่หานน่ะน่าจะรู้นะ” มันบอกแล้วเลื่อนมือที่ลูบหัวผมลงมาลูบแก้มผม เราสบตากันอยู่นานจนผมเริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อนอีกแล้วเลยหลบตามันซะเลย
“เขินพี่ล่ะสิ” ผมไม่ตอบมันหรอก เปิดประตูขึ้นรถให้มันยืนยิ้นคนเดียวต่อไป เขินบ้าเขินบออะไร สบตาคนหล่อขนาดนี้เป็นใครก็ต้อง...เขินทั้งนั้นแหละ สรุปแล้วคือผมเขินมันสินะ-*-
“แล้ววันนี้จะให้พี่มารับรึเปล่า หรือนัดเด็กนั่นไว้”
“ไม่ได้นัด เมื่อวานก็ไม่ได้นัด เค้ามาเอง” ตกลงว่าผมเป็นแฟนใครว่ะเนี่ย ทำไมต้องมารายงานมันด้วย
“พอเค้ามาก็ลืมพี่เลยสินะ”
“ไม่ได้ลืม แต่จะให้ผมทำไงได้ล่ะ”
“ช่างมันเถอะ ซักวันก็คงชิน” ประโยคคุ้นๆแหะ
“พี่อ่ะ...”
“เออพี่มีอะไรจะบอก” อ้าวอยู่ดีๆมาเปลี่ยนเรื่องซะงั้น เบรคความรู้สึกอ่ะ
“อะไรล่ะ”
“พี่นัดอี้ชิงได้แล้วนะ พรุ่งนี้สองทุ่ม”
“ว้าว ขอบคุณนะ” ผมแกล้งทำเป็นดีใจโอเว่อร์ไปงั้นแหละเพราะไอ้หน้าหล่อมันทำหน้าเหมือนคาดหวังความดีใจจากผมอยู่ ผมอยากเจอคุณอี้ชิงก็จริงแต่ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นอ่ะ เข้าใจเปล่าหว่า??
“ถ้าเพื่อลู่หานแค่นี้สบายมาก แต่ขอค่าตอบแทนหน่อย” มันบอกแล้วก็ยื่นหน้ามาฝังจมูกลงที่แก้มของผม หอมแรงจนแก้มผมยวบตัวเอียงไปเลย
“คอแทบหัก” บ่นแก้เขินไปงั้นแหละ
“ลงโทษที่เมื่อวานทำพี่เสียใจ” ไอ้บ้า ในโลกนี้มีใครเค้าลงโทษด้วยการหอมกันบ้างเนี่ย นี่มันได้กำไรชัดๆ แล้วไหนเมื่อกี๊บอกค่าตอบแทนไงไหงกลายมาเป็นลงโทษได้วะ ทำงานมากจนสมองเลอะเลือนเปล่าเนี่ย?? พอเรื่องดราม่าผ่านไปความปากดีของผมเริ่มกลับมาครอบงำ แต่ก็ได้แต่ปากดีในความคิดเท่านั้นแหละ ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรให้มันรู้สึกไม่ดีหรอก ไม่ได้แคร์มันหรอกนะ บอกไว้ก่อน:P
ในที่สุดวันที่ผมเฝ้ารอก็มาถึง ผมนั่งถือแผ่นซีดีของคุณอี้ชิงที่ยังไม่ได้คืนให้เซฮุนนั่งอยู่บนรถของไอ้หน้าหล่อที่กำลังขับพาผมไปกินข้าวเย็นกับนักร้องดังคนนั้น เพราะว่าร้านที่เราไปกันนั้นค่อนข้างอยู่ไกลนิดหน่อยก็เลยใช้เวลาเดินทางนานพอสมควร พอไปถึงผมก็เห็นคุณอี้ชิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว ที่ผมจำได้เพราะเค้าไม่ได้ใส่แว่นหรืออะไรก็ตามอำพรางตัวเลย พอเค้าเห็นเราสองคนเค้าก็ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มทักทาย ใบหน้าที่ดูมีเสน่ห์ดูน่ารักขึ้นทันทีอาจเป็นเพราะลักยิ้มที่ประดับอยู่บนแก้มเค้าด้วยล่ะมั้ง
“คริส” ชื่อภาษาอังกฤษของไอ้หน้าหล่อซึ่งผมไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ถูกเรียกขึ้น ผมหันไปเห็นมันพยักหน้าแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณนะที่มา” มันยื่นมือไปจับมือกับคุณอี้ชิง
“สำหรับนายมาได้อยู่แล้ว เอ่อนั่น...ลู่หาน??” นักร้องหนุ่มตอบไอ้หน้าหล่อเสร็จก็หันมาทักผม
“ครับ ลู่หานครับ” ผมโค้งให้ เค้ายื่นมือมาผมก็เลยยื่นมือไปจับตอบ สงสัยจะติดวัฒนธรรมาตะวันตกล่ะมั้ง
“น่ารักอย่างที่นายบอกจริงๆ เชิญนั่งๆ” เค้าบอกแล้วผายมือออกมายังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“สั่งอะไรหรือยัง??”
“ยังเลย” พอเค้าตอบไอ้หน้าหล่อมันก็เรียกพนักงานมา สั่งอาหารกันเรียบร้อยไอ้หน้าหล่อมันก็เริ่มบทสนทนาทันที
“ลู่หานเป็นแฟนคลับนายด้วยนะ เอาซีดีให้อี้ชิงเซ็นสิ” มันบอกผม ผมก็เลยหยิบซีดียื่นให้เค้าพร้อมปากกา
“ชอบเพลงไหนที่สุดหรอครับ”
“Endless loveครับ”
“อ่าเพลงนั้นคริสเป็นคนแต่งนะ รู้รึเปล่า??” เค้าเงยหน้าขึ้นมาถามพร้อมรอยยิ้ม
“ครับ” ผมตอบสั่นๆกลับไป แอบประหม่านิดหน่อยเพราะอยู่หน้านักร้องดังซึ่งผมเองก็แอบชื่นชมเค้าอยู่นิดๆ แล้วก็ที่ผมเคยสงสัยว่าทำไมเซฮุนถึงชอบเค้าตอนนี้ผมก็เริ่มรู้แล้วล่ะ เพราะเค้าดูเป็นคนมีเสน่ห์จริงๆไม่ว่าทำอะไรก็ชวนมองไปหมดแถมยังเสียงร้องนั่นอีก เจ๋งจริงๆเลยอ่ะ
“พูดถึงเพลงนี้แล้วก็ต้องขอบคุณนายนะคริส ที่ยอมให้เอาเพลงที่นายแต่งมาเป็นเพลงโปรโมทด้วย แถมยังไม่เอาค่าลิขสิทธิ์อีก”
“ชั้นแต่งให้นายเป็นของขวัญ ชั้นจะกล้าเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้ยังไง”
“เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดเลยล่ะ ขอบใจอีกครั้งล่ะกัน”
“รอบที่ร้อยได้แล้วมั้งเนี่ย”
“งั้นขอเลี้ยงมื้อนี้ตอบแทนล่ะกัน ศิลปินตัวเล็กๆขอเลี้ยงเจ้าสัวร้านเพชรหน่อยนะ” ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินแบบบอกไม่ถูก ทำไมบทสนทนาของพวกเค้ามันดูลื่นไหลกันจังนะ แถมยังรอยยิ้มที่ดูจะมากขึ้นกว่าปกติของไอ้หน้าหล่ออีก อยู่กับคนๆนี้มีความสุขมากเลยสินะ
“อ่ะนี่เรียบร้อยแล้ว” เค้าเซ็นเสร็จก็ยื่นซีดีให้ผม ผมรับมากล่าวขอบคุณไปเบาๆ หลังจากนั้นเค้าก็หันกลับไปคุยกับไอ้หน้าหล่อต่อ ผมเริ่มรู้สึกลำบากใจแล้วสิที่ต้องนั่งอยู่ตรงนี้
“อ่ะ...ลูกค้าน่ะ ขอตัวแป๊บนึงนะ คุยกันไปก่อน” โทรศัพท์ของไอ้หน้าหล่อมันดังขึ้น มันเลยขอตัวไปรับโทรศัพท์
“..............” เงียบสิครับ คนไม่สนิทกันจะให้คุยอะไร แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าก็คุยแต่กับไอ้หน้าหล่อไม่เห็นจะสนใจผมเลย
“พี่...กับพี่อู๋ฟานรู้จักกันได้ไงหรอครับ” ผมตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้น เพราะดูอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกอึดอัดเท่าที่ผมรู้สึก
“เราเรียนไฮสคูลที่เดียวกันที่แคนาดาน่ะ” เค้าพูดแล้วยกนำขึ้นมาจิบด้วยท่าทางสบายๆแต่ดูน่ามอง สมแล้วที่เป็นนักร้องดังทำอะไรก็ดูดีไปหมดจริง
“แล้ว...”
“เรื่องเพลงสินะ แค่ของขวัญน่ะ อย่าคิดมาก เราเป็นแค่เพื่อนกันน่ะ” คำพูดของเค้าเหมือนจะไม่มีอะไรแต่นัยน์ตาเค้าดูเศร้าเหลือเกิน ผมเพิ่งรู้สึกถึงคำว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจก็วันนี้เนี่ยแหละ คนเราคิดอะไรอยู่แสดงออกผ่านดวงตาหมดเลย คนๆนี้คงจะชอบไอ้หน้าหล่อสินะ??
“พี่ชอบพี่อู๋ฟานหรอครับ??” ผมถามออกไปอย่างที่คิดเค้ามีสีหน้าตกใจนิดหน่อยก่อนจะซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่มีเสน่ห์อย่างรวดเร็ว
“หึ....ทำไมใครๆถึงรู้ได้นะ พี่ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอ??” เค้าแค่นหัวเราะก่อนจะถามผม
“ถ้าพี่ชอบเค้า ทำไมไม่บอกไปล่ะครับ” ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆไม่ได้มีเจตนาอะไร
“เป็นแบบนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วนี่” เค้ายิ้มออกมา รอยยิ้มที่แสนเศร้า ดวงตาเศร้าแบบเดียวกับบนปกซีดี มีความสุขดีแล้วทำไมถึงยิ้มได้เศร้าแบบนี้กันนะ โกหกตัวเองแบบนี้มีความสุขตรงไหนกัน??
ถ้าคุณอี้ชิงรักไอ้หน้าหล่อมากขนาดนั้น ผมควรจะช่วยเค้าดีมั้ย?? ไอ้หน้าหล่อมันก็คงมีใจให้คุณอี้ชิงอยู่บ้างล่ะไม่งั้นจะไปแต่งเพลงรักหวานซึ้งให้เค้าทำไมกัน ถ้าพวกเค้ารักกัน ผมก็จะได้ถอนหมั้นอย่างที่ตั้งใจไว้ ทุกอย่างก็จะกลับมาปกติเหมือนเดิม ทุกฝ่ายก็จะมีความสุข ผมเองก็จะมีความสุข....ใช่มั้ย??
TBC
-ไม่ใช่!!(ตอบน้องลู่หาน) อย่าคิดแบบนั้นนะน้องลู่หานนนน อย่าพาฟิคเค้าดราม่า แค่ตอนนี้ก็หน่วงจะแย่อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า
-ขออภัยค่าทุกคนที่มาต่อช้า ก็....ก็....ติดบอลอ่ะ>< เปิดเวิร์ดขึ้นมาแต่ไม่ได้แต่งเลยตาดูแต่บอล ฮาาาาาา
-ตอนนี้มันออกจะหน่วงๆไปหน่อยซึ่งเค้าไม่ถนัดเอาซะเลยTT อาจออกมาไม่ดีเท่าไหร่ทุกคนอย่าผิดหวังนะ ฮือๆ
-สุดท้ายก็ขอบคุณคอมเม้นที่มีให้กันมาตลอดนะคะ กำลังใจสำคัญของเค้าเลย ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ
TBC
-ไม่ใช่!!(ตอบน้องลู่หาน) อย่าคิดแบบนั้นนะน้องลู่หานนนน อย่าพาฟิคเค้าดราม่า แค่ตอนนี้ก็หน่วงจะแย่อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า
-ขออภัยค่าทุกคนที่มาต่อช้า ก็....ก็....ติดบอลอ่ะ>< เปิดเวิร์ดขึ้นมาแต่ไม่ได้แต่งเลยตาดูแต่บอล ฮาาาาาา
-ตอนนี้มันออกจะหน่วงๆไปหน่อยซึ่งเค้าไม่ถนัดเอาซะเลยTT อาจออกมาไม่ดีเท่าไหร่ทุกคนอย่าผิดหวังนะ ฮือๆ
-สุดท้ายก็ขอบคุณคอมเม้นที่มีให้กันมาตลอดนะคะ กำลังใจสำคัญของเค้าเลย ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น