ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] .....MAMA Plan.....Kris x Luhan

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 55


    “แหมมมมมมม...พาลูกชายม๊ากลับมาเช้าแบบนี้ ม๊าเรียกค่าเสียหายซะดีมั้ยเนี่ย” ม๊าไม่ต้องมาทำหน้ากรุ่มกริ่ม ลูกชายม๊าไม่ได้เสียหายชำรุดตรงไหนด้วยไม่ต้องไปเรียกร้องอะไรเลย-*-
     
    “ขอโทษทีนะครับ” ขอโทษแล้วจะยิ้มทำไม ปฏิเสธไปดิว่าไม่ได้ทำอะไรกัน นอนก็นอนคนละห้อง
     
    “แล้วนี่ไปค้างที่ไหนกันมา”
     
    “ก็โรงแรมแถวนั้นแหละม๊า”
     
    “อุ้ยตายยยยย อู๋ฟานแบบนี้จะดีหรอลูก พาลูกชายม๊าเข้าโรงแรมซะแล้วมันไม่เร็วไปหน่อยหรอ” แหม คำพูดคำจาไม่ได้สอดคล้องกับสายตาวิบวับชื่นชมเลยม๊า หน้าตาดูจะเห็นดีเห็นชอบที่มันพาผมเข้าโรงแรมนะ 
     
    “พอเลยม๊า พี่ก็กลับไปทำงานทำการได้แล้วไป” ไล่ซะเลย  หมันไส้ยืนยิ้มอยู่ได้ บ้าเปล่า??
     
    “เสี่ยวลู่นี่ก็ไปไล่พี่เค้าได้ยังไง อู๋ฟานกินข้าวก่อนนะลูก ม๊าทำกับข้าวไว้เยอะแยะ มาทานด้วยกันก่อน” ม๊าไม่พูดเปล่าคว้าแขนไอ้หน้าหล่อลากเข้าไปในส่วนของห้องอาหาร ผมก็เดินตามไปแล้วก็พบกับอาหารจีนนานาชนิดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะกินข้าว นี่มันไม่เยอะแล้วม๊า...มันโคตรเยอะเลย นี่เลี้ยงคนสิบคนจะกินหมดรึเปล่ายังไม่รู้เลยเนี่ย
     
    “อันนี้เป๋าฮื๊อของดีจากบ้านเกิดอู๋ฟานเลย ป๊าไปดูงานที่นั่นเลยส่งมาให้” ม๊าคีบหอยเป๋าฮื๊อตัวเบ้อเริ่มใส่จานให้มัน มันก็ยกจานรับอย่างมีมารยาท ม๊าทำท่าจะคีบอีกตัวผมเลยยกจานจะรับบ้างแต่กลายเป็นว่าผมยกเก้อเพราะม๊าคีบกินเอง-*-
     
    “อร่อยมากเลยครับ” ไอ้หน้าหล่อพูดเอาใจ ม๊าผมงี้ยิ้มแก้มปริไปเลย
    “งั้นกินเยอะๆนะลูก เมื่อคืนคงเหนื่อยน่าดู ถ้ารู้ว่าลูกจะไป...แบบ..ค้างด้วยกันนะ ม๊าจะสั่งหอยนางรมไปให้อู๋ฟานกินเยอะๆเลย น่าเสียดายๆ”
     
    “หอยนางรมทำไมอ่ะม๊า กินแล้วดีหรอ??” อยากมีส่วนร่วมในบทสนทนาของแม่ลูกเค้าครับ ขอแทรกขึ้นมาหน่อย พูดเสร็จผมก็ซดซุปเห็ดหอมต่อ อร่อยยยยยย
     
    “กินแล้วจะคึกไงลูก ปึ๋งปั๋งยันเช้า”
     
    “พรวด...แค่กๆ ม๊า!!” สำลักสิครับ ทำไมม๊าพูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉยแบบนี้ แล้วไอ้หน้าหล่อมันจะยิ้มทำไม
     
    “เสี่ยวลู่ก็ขี้อายแบบนี้ล่ะลูก อย่าถือสาน้องเลย”
     
    “ม๊า...มันไม่ใช่แบบที่ม๊าคิดนะ” ผมจะปฏิเสธแต่ก็ถูกม๊าดักคอก่อน
     
    “พอๆกินข้าวไปพี่เค้าจะได้ไปทำงานต่อ  แต่ถ้าไม่ไหวก็พักซะที่นี่ก่อนก็ได้นะ ห้องเสี่ยวลู่ว่าง” ม๊าไปขยิบตาให้มันทำไม ห้องผมก็ต้องมีผมดิมันจะไปว่างได้ยังไง ม๊านี่ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ แล้วไอ้นี่ก็หัดตอบโต้บ้างได้มั้ย เอาแต่ยิ้มรับๆม๊าก็เข้าใจผิดหมดดิ โอ้ยยยยย ไม่ได้ดั่งใจกันซักคน
     
     
    พอทานเข้าเสร็จไอ้หน้าหล่อมันก็ขอตัวไปทำงานต่อ คนอะไรจะขยันขนาดนั้น ดูผมสิมีเรียนผมยังไม่ไปเลย ก็มันเดินทางเหนื่อยนี่นา ขนาดหลับตลอดทั้งขาไปขากลับยังเหนื่อยเลยเนี่ย ฮ่าฮ่า
     
    “เสี่ยวลู่!!” ระหว่างที่ผมกำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงม๊าก็เปิดประตูพรวดเข้ามาทำเอาผมตกใจแทบตกเตียงแน่ะ
     
    “อะไรม๊า แล้วนี่ทำไมไม่เคาะก่อน”
     
    “เอามือถือมายืมโทรหาอู๋ฟานหน่อย มือถือม๊าแบทหมด หาที่ชาร์จไม่เจอด้วย”
     
    “แต่ผมไม่มีเบอร์พี่เค้านะ ม๊าจำเบอร์ได้ใช่ป่ะ”
     
    “อะไรกัน!! นี่ยังไม่แลกเบอร์กันอีกหรอเนี่ย?” แล้วม๊าจะมาดุผมทำไมมมมมม
     
    “ก็พี่เค้าไม่ได้ขอ” แล้วผมก็ไม่ใช่พวกชอบแจกเบอร์ไปทั่วด้วยนะม๊า
     
    “ถ้าพี่เค้าขอแล้วเราจะให้หรอ?”
     
    “ให้ดิ คนรู้จักกัน” มีไว้ก็สะดวกดีนะ เพราะดูท่าผมกับมันจะต้องมีเรื่องต้องติดต่อกันบ่อยเลยล่ะ จนกว่ามันจะยอมถอนหมั้นอ่ะนะ
     
    “ไม่ใช่แค่คนรู้จักนะ คู่หมั้นจ้ะคู่หมั้น” โอเคๆ ผมพยักหน้าเนือยๆให้ม๊าไป เบื่อจะเถียงแล้ว แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมรับนะ
     
    “แล้วม๊าจะโทรหาพี่เค้าทำไม”
     
    “ม๊าเป็นห่วง เห็นหน้าตาดูเพลียๆ เลยอยากรู้ว่าถึงบริษัทรึยัง??” เพลียของม๊าทำไมต้องมายิ้มเขินให้ผมด้วยล่ะ ผมไม่ได้ทำอะไรให้มันเพลียซะหน่อย มันเหนื่อยของมันเองไม่เกี่ยวกับผม เอ๊ะ หรือจะเกี่ยวตรงที่ผมขอให้มันขับรถพาไปทะเลหว่า อืมมม อาจจะเกี่ยวนิดหน่อยก็ได้เนอะ
     
    “เดี๋ยวผมลองโทรเข้าบริษัทดูล่ะกัน” ผมหยิบมือถือมาเซิสชื่อบริษัทของมันที่ผมจำได้จากตอนเอาซองกระดาษเปล่าไปให้ พอได้เบอร์ผมก็กดโทรออก
     
    “เป็นห่วงพี่เค้าเหมือนกันสินะ”
     
    “ผมเป็นคนดีไงม๊า”
     
    “จ้ะ คนดีของหม่าม๊า” ดูวันนี้ม๊าจะอารมณ์ดีนะมีมาหอมแก้มผมด้วย   แสดงความรักกับลูกชายเสร็จแล้วก็ออกไปพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า ผมถือสายรอไม่นานก็มีเสียงหวานๆตอบกลับมา คงจะเป็นพี่สาวสวยพนักงานต้อนรับคนนั้นแน่เลย พอผมบอกว่าชื่อลู่หานพี่เค้าก็โอนสายให้ผมไปให้มันเลย
     
    “ครับ” ไอ้หน้าหล่อมันรับสาย
     
    “ม๊าให้โทรมาดูว่าพี่ถึงบริษัทยัง??”
     
    “อ่อถึงได้ซักพักแล้วล่ะ”
     
    “อืมก็ดีแล้ว งั้นวางนะ มีสายเข้า” สายเข้าจริงๆครับ เซฮุนโทรมาแต่เช้าเลย สงสัยจะห่วงผมจริงๆ
     
    “ใครกันโทรมาแต่เช้าเชียว”
     
    “แฟนผม”
     
    “งั้นไม่วางดีกว่า”
     
    “พี่ไม่วางผมวางเองก็ได้”
     
    “เรานะอุตส่าห์พาไปเที่ยวทะเล อยากได้อะไรก็ซื้อให้หมด เมื่อไหร่คนเค้าจะเห็นความดีซักที” นี่กลายเป็นคนพูดมากขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
     
    “จะวางแล้วนะ”
     
    “กล้าก็วางสิ” โอ้โหมีท้าทายยยย ท้าใครไม่ท้ามาท้าผม วางมันซะเลยยย
     
    “ว่าไงเซฮุน” พอผมกดวางผมก็รับสายเซฮุนทันที ฮอทใช่เล่นนะเรา ฮ่าฮ่า
     
    “โอ้ เสียงดีขึ้นแล้วนี่” เอ่อลืมไปเลยว่าแกล้งป่วยอยู่
     
    “อื้อ นอนพักวันเดียวก็หายแล้วล่ะ”
     
    “ผมไปหาได้มั้ย??”
     
    “ไม่ได้ๆ ม๊าอยู่บ้านน่ะ เอาเป็น...เย็นนี้พี่ไปหาเซฮุนที่โรงเรียนแล้วไปดูหนังกันมั้ย??” ถึงเงินไม่ค่อยจะมีแต่ขอเลี้ยงหนังเด็กน้อยไถ่โทษซะหน่อย 
     
    “ผมว่าไว้วันหลังดีกว่ามั้ย?? พี่เพิ่งหายเอง”
     
    “โอ้ยไปได้สบายมากกกก หรือว่าเซฮุนไม่อยากเจอพี่”
     
    “ผมอยากเจอพี่จะตาย คิดถึงจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” เด็กน้อยของผมน่ารักที่สุดดดดดดดด
     
    “งั้นตอนเย็นเจอกันนะ” 
     
    “ครับ วางแล้วนะ จะเข้าเรียนแล้ว”
     
    “อืม ตั้งใจเรียนนะ”
     
    ………………………………………………………………………………………………………………..
     
    พอใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนผมก็ออกจากคอฟฟี่ช็อปหน้าโรงเรียนไปยืนรอรับเด็กน้อยของผม อ่อ แล้วก็วันนี้ม๊าผมอารมณ์ดีมาจากไหนไม่รู้ก่อนออกจากบ้านอยู่ดีๆก็มาให้ตังค์ผมเฉยเลย พอถามเหตุผลก็บอกมาว่าเพราะผมเป็นคนดีม๊าต้องให้รางวัล สงสัยจะเกี่ยวกับไอ้หน้าหล่อล่ะมั้ง ช่างมันเหอะ จะเกี่ยวไม่เกี่ยวแค่ผมมีตังค์ใช้ก็พอแล้วล่ะ แฮปปี้^^
     
    ผมยืนรออยู่หน้าโรงเรียนมองภาพเด็กๆพวกนี้ใส่เครื่องแบบแล้วผมคิดถึงสมัยตอนที่เรียนอยู่จังเลย ซักพักผมก็ได้ยินเสียงคนคุยเสียงดังมาเชียว ผมจำได้เลยว่าเป็นเสียงจงอินเพื่อนสนิทในกลุ่มของเซฮุน เซฮุนมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนคือจงอินกับแทมิน ทั้งสามคนนิสัยต่างกันมากจนผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามาคบกันได้ไง จงอินเป็นพวกชอบโหวกเหวกโวยวาย อยู่นิ่งๆไม่ค่อยเป็น ส่วนแทมินก็เป็นเด็กน้อยเรียบร้อย พูดน้อยมาก วันๆยิ้มอย่างเดียว แต่รอยยิ้มหวานๆก็กระชากใจหนุ่มๆมาหลายต่อหลายคนแล้วเหมือนกัน ผมเองเวลาเห็นแทมินยิ้มยังเคลิ้มเลยเหอะ คนสุดท้ายก็เด็กน้อยคนดีของผมเป็นคนที่ภายนอกดูจะนิ่งๆแต่จริงๆแล้วอบอุ่นที่สุดเลยล่ะ แต่เห็นจงอินชอบบอกว่าจริงๆแล้วเซฮุนน่ะโหดร้ายที่ผมเห็นเป็นแค่ร่างอวตารเท่านั้น  เด็กๆเค้าก็แซวกันน่ารักดีเนอะ
     
    “พี่ลู่หานนนนน!!!” พอผมสบตากับจงอินมันก็แหกปากเสียงดังโวยวายตามนิสัย ส่วนเซฮุนพอเห็นผมปุ๊บก็รีบเดินมาหาทันที
     
    “ไม่เป็นไรแล้วแน่นะ” เซฮุนวางมือลงบนหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ ผมพยักหน้าตอบกลับไป ยิ่งเซฮุนเป็นห่วงผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
     
    “แหมๆ ให้มันน้อยๆหน่อยนะเว้ย สงสารพวกชั้นบ้าง เนอะแทมินเนอะ” จงอินกอดคอแทมินที่ยืนยิ้มลูกเดียว เด็กอะไรไม่รู้น่าร๊ากกกกกก
     
    “ทำไมต้องสงสารว่ะ”
     
    “คนมีคู่ไม่รู้ร๊อกกกกก เนอะแทมินเนอะ” จงอินนี่ก็หาพวกตลอด
     
    “ไปกันดีกว่าพี่ ผมเช็ครอบหนังไว้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน” เซฮุนจับมือผมทำท่าจะเดินไปโดยไม่ลาเพื่อนๆ
     
    “พอแฟนมาก็ทิ้งเพื่อนเลยนะเว้ยยย”
     
    “เออออออ กลับบ้านไปกินนมนอนไปไอ้จงอิน”
     
    “พี่ลู่หานเห็นมั้ยมันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่พี่คิดหรอก” ผมหัวเราะทั้งคู่ที่เล่นกันเป็นเด็กๆไปได้ แต่ก็เด็กจริงๆนั่นแหละ
     
    “ก็นายไปกวนเซฮุนเค้าก่อนทำไมล่ะ เซฮุนงั้นแยกกันตรงนี้เลยล่ะกันนะ ลานะครับพี่ลู่หาน” เด็กน้อยแทมินเป็นคนยุติเพื่อนรักสองคนอย่างนุ่มนวล บอกลาผมเสร็จก็ลากแขนจงอินไปอีกทาง  
     
     
    พอแยกกันผมกับเซฮุนก็ขึ้นรถโดยสารไปยังห้างที่เราจะดูหนังกัน ซื้อตั๋วหนังเสร็จพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยผมก็เลยเดินเล่นดูอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยตามร้านแถวๆนั้น
     
    “พี่..ผมขอแวะซื้อซีดีก่อนได้มั้ย” พอเดินผ่านร้านซีดี เซฮุนก็พูดขึ้น
     
    “ได้สิ ซีดีอะไรหรอ” 
     
    “ซีดีเพลงน่ะ” 
     
    “หืม?? ปกติพี่ไม่เห็นเซฮุนจะสนใจพวกนักร้องนะ” จริงครับ เซฮุนไม่ใช่พวกที่สนใจวงการบันเทิงเท่าไหร่ ดูหนังฟังเพลงก็มีบ้างเพื่อผ่อนคลาย แต่ถึงขนาดกับลงทุนซื้อซีดีนี่ผมเพิ่งเห็นครั้งแรกเนี่ยแหละ
     
    “ก็คนนี้เค้าไม่ธรรมดานี่ครับ เค้าเป็นนักร้องที่ได้ข้อเสนอจากค่ายเพลงดังในอเมริกาแต่เค้ากลับปฏิเสธมาทำเพลงด้วยตัวเองแล้วออกขายที่เกาหลี”
     
    “โหแสดงว่าต้องเก่งมากเลยนะ แล้วหน้าตาดีป่าวอ่ะ”
     
    “พี่นี่ก็สนใจแต่เรื่องหน้าตา” เซฮุนขยี้หัวผมเบาๆ
     
    “แล้วดีป่าวล่ะ” เริ่มหึงนิดๆครับ เคยได้ยินมาว่ามีหลายคู่ห่างกันเพราะแฟนคลั่งนักร้องมาก ผมไม่อยากห่างกับเซฮุนเพราะสาเหตุงี่เง่าแบบนั้นหรอกนะ
     
    “แน่นอนว่าต้องดีสิครับ”
     
    “แล้วเซฮุนชอบเค้าที่เพลงหรือหน้าตาล่ะ”
     
    “สองอย่างเลย” เด็กน้อยมันพูดยิ้มๆสงสัยจะสนุกกับการปั่นหัวให้ผมหึงเล่น
     
    “พี่ไปฝึกร้องเพลงบ้างดีกว่ามั้ยเนี่ย”
     
    “ไม่ต้องหรอก แค่พี่อยู่เฉยๆผมก็รักจะแย่แล้ว”
     
    “ไหนเอามาดูสิ โอ้ววว หน้าตาดีจริงด้วย” ผมแก้เขินด้วยการคว้าซีดีที่เซฮุนถืออยู่มาดู หน้าปกเป็นรูปชายหนุ่มหน้าตาดีดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา แววตาที่เจือความเศร้าออกมาได้อย่างเป็นอย่างธรรมชาติทำให้ซีดีแผ่นนี้ดูน่าสนใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเริ่มรู้สึกอยากฟังเพลงที่คนๆนี้ร้องบ้างแล้วล่ะสิ
     
    “น้อยกว่าพี่เยอะ” เด็กน้อยของผมพูดขึ้นทำให้ผมหลุดออกมาห้วงความคิด
     
     
    หลังจากซื้อซีดีเสร็จพวกเราก็ต้องรีบเดินเพื่อเข้าไปดูหนังให้ทันเวลา หนังที่เราดูเป็นหนังแนวเอเลี่ยนที่เซฮุนเป็นคนเลือก ถึงไม่ใช่หนังรักหวานซึ้งแต่เราก็ยังจับมือกันให้สมกับเป็นคู่รักที่มาดูหนังด้วยกันซะหน่อย^^
     
    “หนังสนุกดีนะพี่ แต่ผมว่ามันยังไม่สุดยังไงไม่รู้”
     
    “พี่ว่าก็โอเคนะ หนังเค้าอาจอยากทิ้งประเด็นให้เราได้คิด ดึกแล้วเหมือนกันนะ กลับบ้านกันเหอะ”
     
    “อืม เออพี่ นี่...ให้ยืม เอาไปฟังแล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงชอบเค้า” เซฮุนล้วงแผ่นซีดีในกระเป๋าเป้มายื่นให้ผม ผมเกรงใจเพราะมันยังเป็นแผ่นใหม่อยู่เลยพลาสติกยังไม่ได้แกะเลยเหอะ พอเซฮุนเห็นผมไม่ยอมยื่นมือไปรับเซฮุนก็เลยจับมือผมขึ้นมาแล้วยัดซีดีใส่มือผมพร้อมรอยยิ้ม 
     
    “อืมขอบใจนะ” ผมเลยยิ้มตอบกลับไป อยากรู้เหมือนกันว่านักร้องที่มีแววตาเศร้าแบบนั้นจะร้องเพพลงแบบไหนกันนะ แล้วทำไมเซฮุนถึงได้ชื่นชอบเค้าขนาดนี้
     
     
    ผมกับเซฮุนแยกกันกลับบ้านเพราะผมยังจำที่ม๊าคาดโทษไว้ได้ว่าห้ามให้เซฮุนมาส่งที่บ้านอีกเด็ดขาด ตอนแรกเซฮุนก็ดูเหมือนจะไม่ยอมนิดหน่อยเพราะห่วงผมที่ไม่สบาย แต่พอผมอ้อนนิดหน่อยก็ยอมแต่ไม่วายให้ผมโทรหาทันทีที่ถึงบ้าน พอผมกลับมาถึงบ้านหลังจากโทรรายงานเซฮุนเรียบร้อยแล้วก็ลองเปิดซีดีที่เซฮุนให้ยืมมา พลิกปกดูอีกรอบ จางอี้ชิง...อ้าวคนจีนนี่หว่าแล้วทำไมมาทำเพลงที่เกาหลีล่ะ สงสัยคงเป็นเพราะตลาดเพลงที่เกาหลีกำลังบูมแหละมั้งคงจะดังเร็วกว่าที่จีน แต่ถ้าอยากดังจริงๆทำไมไม่ทำที่อเมริกาล่ะ เพราะอเมริกาเป็นตลาดเพลงอันดับ1ของโลกเลยไม่ใช่หรอ?? แล้วผมจะเอามาคิดให้เครียดทำไมเนี่ยเรื่องของผมก็ไม่ใช่ มันคงเป็นเรื่องธุรกิจซึ่งผมเองก็ไม่อยากจะรู้หรอก ดูที่ผลงานของเค้าดีกว่าเนอะ
     
    ผมใส่แผ่นไปในเครื่องเล่น แทร็คแรกดังขึ้น เสียงกีตาร์พริ้วๆกับเสียงร้องนุ่มๆของนักร้องคนนี้ทำเอาผมหยุดหายใจไปเลย เสียงของเค้าเพราะมากแล้วยังเป็นเพลงสไตล์แบบที่ผมชอบอีก เนื้อเพลงก็ดีมากๆเลย คนแต่งจะต้องแต่งตอนมีความรักแน่ๆถึงแต่งเพลงรักได้อบอุ่นขนาดนี้ แต่ว่าเพลงมันรู้สึกคุ้นหูจังเหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน หรือว่าจะเป็นเพลงโคฟเวอร์ใหม่ ด้วยความที่ข้องใจมากผมก็เลยดึงปกออกมาพลิกดูว่าแทร็กแรกของอัลบั้มนั้นเป็นเพลงอะไร และใครเป็นคนแต่ง
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    Endless love by Kris



    TBC


    -ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากค่า  ขอบคุณสำหรับรีดเดอร์หน้าเก่าที่ยังติดตามกันอยู่  แล้วยินดีต้อนรับรีดเดอร์หน้าใหม่ด้วยค่ะ  ช่วยติดตามฟิคเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะคะ

    -ตอนนี้แอบสั้นนิดนึง  เพราะอยากให้จบแบบนี้  มันดูค้างดี ชอบบบบบ  ตอนจบเหมือนจะเข้าดราม่าเนอะ  ไม่หรอก  ฟิคเราไม่ใช่ฟิคดราม่าาาา  เราจะเฮฮากันตลอดไป(หรอ??)
    -ส่วนคนที่ชอบหวานๆก็อดทนรอนิดนึง  สองคนนี้รักกันเมื่อไหร่รับรองหวานแน่  ฮ่าฮ่า  ว่าแต่เมื่อไหร่จะรักกันล่ะ(นั่นสิ)
    -สุดท้ายก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะค้าาา *โค้ง*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×