ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตั้งแต่วันนั้นผมกับไอ้หน้าหล่อก็ไม่ได้เจอกันมาจะเกือบอาทิตย์ได้แล้วมั้ง สงสัยว่างานมันคงจะยุ่งจริงๆเพราะขนาดม๊าเองยังทำอะไรไม่ได้เลย ช่วงนี้ม๊าก็เลยหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษผมก็เลยไม่อยากไปกวนอะไรมาก ไม่อยากโดนด่าฟรี ส่วนไอ้หน้าหล่อนั่นไม่รู้ตอนนี้มันไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเนอะ อยู่ดีๆก็หายเงียบไปเลย ที่พูดมาทั้งหมดนี่ไม่ใช่ว่าคิดถึงมันอะไรนะ สาบานได้ คือแค่สงสัยว่ามันหายไปไหนแค่นั้นแหละ
“ลู่หาน..แกดูคนนั้นดิโคตรหล่อเลยว่ะ” ผมที่เพิ่งเลิกคลาสเดินลงมาที่หน้าตึกเรียนด้วยอาการง่วงซึมเพราะเมื่อกี้หลับมาตลอดคลาสถูกไอ้ซิ่วหมินสะกิดแรงๆแล้วพยักเพยิดหน้าให้หันไปมองตามมัน
“เออหล่อจริงว่ะ” หล่อจริงๆนะ ผมสีทองผิวขาว รูปร่างสูงหุ่นดีใส่เสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีดำ ถึงจะใส่แว่นกันแดดสีดำแต่ก็ยังปิดบังความดูดีของคนๆนี้ไม่ได้เลย แต่จะว่าไปมันดูคุ้นๆแหะ หรือจะเป็นดารา
“หน้าแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนเลย” ใช่มะ คิดเหมือนกันเลยว่ะ ผมจ้องหน้าหนุ่มหล่อคนนั้นอยู่นานเผื่อจะนึกออก คนๆนั้นหันหน้าไปหันหน้ามาเหมือนมองหาใครบางคนอยู่ทำให้ผมดูไม่ถนัดนัก แต่พอผ่านไปซักพักมันถอดแว่นกันแดดออก เท่านั้นล่ะ....
“ซิ่วหมินนั่นมันคู่หมั้นชั้นเอง” พอไม่ใส่สูทผูกไทด์แล้วจำแทบไม่ได้แน่ะ คนอะไรว่ะใส่อะไรก็ดูดีไปหมด หมันไส้
“เออจริงด้วย หล่ออย่างกับเทพบุตรเลยว่ะ” นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมนะเว้ย แล้วนี่มันมาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยผมเนี่ย อย่าบอกนะว่าม๊าให้มารับ
“ซิ่วหมินแกช่วยชั้นหน่อยดิ ชั้นไม่อยากเจอหน้ามันอ่ะ ช่วยเดินบังชั้นออกไปอีกทางได้ป่ะ?”
“นี่แกว่าชั้นอ้วนป่าวว่ะ” ไอ้บ้าไม่ได้ว่าเว้ย แค่คิดว่าหุ่นอย่างแกน่าจะบังมิดแค่นั้นแหละ ฮ่าฮ่า
“ไม่ใช่ๆ นะๆช่วยหน่อยดิว่ะ เพื่อนทั้งคนนะ”
“แล้วแกจะหลบเค้าทำไม”
“ก็ไม่อยากเจออ่ะ นะๆซิ่วหมิน” ผมคะยั้นคะยอมันจนในที่สุดมันก็ยอม ผมเดินทำตัวเล็กๆโดยมีซิ่วหมินประกบหลังให้แล้วเดินไปด้านตรงข้ามกับที่มันยืนอยู่ช้าๆอย่างแนบเนียน....แต่ก็คงไม่เนียนพอ
“ลู่หาน!!” ไอ้บ้าใครเรียกว่ะ ผมแอบหันไปมองนิดนึงก็เห็นไอ้หน้าหล่อเดินลิ่วๆมาทางผมเลย มันเจอผมแล้ว!
“เฮ้ยเอาไง” ซิ่วหมินมันถาม
“ลู่หาน!!”มันเรียกเสียงดังจนคนแถวนั้นเริ่มหันมามอง แถมโบกมือโบกไม้ให้อีก คือแค่หน้าหล่อๆตัวสูงๆของมันก็เด่นพออยู่แล้วยังจะมาตะโกนเรียกผมอีก
“ไปต่อๆ อย่าสนใจ” ผมแกล้งเดินเนียนๆทำเป็นไม่ได้ยินต่อไป มันก็ยังไม่หยุดตะโกนเรียกผม ผมพยายามเดินไม่สนใจมันแต่ในตอนนั้นเองสายตาก็พลันไปเห็นเด็กหนุ่มหน้าขาวในเครื่องแบบนักเรียนที่คุ้นตาเดินตรงเข้ามาหาผมเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะยังไม่เห็นผมนะ
“เฮ้ยนั้นเซฮุนนี่หว่า แกเอาไงๆ รถไฟจะชนกันแล้ว” ซิ่วหมินมันดูจะตื่นเต้นกว่าผมอีก เออนั่นดิเอาไงดีว่ะเนี่ย ผมหยุดเดินหันไปมองทางเซฮุนทีทางไอ้หน้าหล่อที ถ้าเซฮุนเจอไอ้หน้าหล่อตอนนี้แย่แน่ ไม่ได้การแล้วทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมต้องตัดสินใจให้ได้..เดี๋ยวนี้!!
“ฝากบอกเซฮุนทีว่าวันนี้ชั้นไม่มาเรียน” ผมบอกซิ่วหมินเสร็จก็รีบวิ่งไปทางไอ้หน้าหล่อด้วยความเร็วเต็มสปีด พอถึงตัวมันก็ดึงแขนมันให้วิ่งตาม มันทำหน้าเหรอหรางงๆแต่ก็ยอมวิ่งตามผมมา ในที่สุดผมกับมันก็มานั่งหอบแฮ่กอยู่บนรถ
“เล่นอะไรเนี่ย” มันถามผม
“พี่มาทำไม” ไม่ตอบแต่ถามกลับซะเลย
“ม๊าให้มารับ”
“ทำไมอ่ะ”
“วันนี้มีงานเปิดตัวเครื่องเพชรเซ็ทใหม่ของบริษัทในเครือ ม๊าเลยอยากให้พี่พาลู่หานไปออกงานด้วย” อ๋อ..นี่ม๊าจะให้ผมกับมันไปเปิดตัวออกสื่อหรอเนี่ย?? เห็นเงียบไปนานที่แท้รองานใหญ่นี่เอง
“ไม่ไปไม่ได้หรอ ผมไม่ชอบงานสังคมเลยอ่ะ” จริงๆก็ไม่ชอบด้วยล่ะแต่ก็ไม่อยากไปตามแผนม๊าด้วย เพราะผมรู้ว่าถ้าผมไป พรุ่งนี้ต้องมีรูปผมกับไอ้หน้าหล่อปรากฏหราบนหนังสือกอสซิป ไม่ก็ตามหน้าข่าวไฮโซทั้งหลายแน่ๆ
“พี่ก็ไม่ชอบ แต่ม๊า..”
“ถ้าพี่โทรไปบอกม๊า ม๊ายอมแน่เชื่อผมดิ”
“แล้วจะให้บอกม๊าว่าอะไร”
“อืมมมมม....บอกว่าจะพาผมไปเที่ยว อยากอยู่กันสองคนมากกว่า อะไรงี้” ผมบอกมันไปมั่วๆเท่าที่จะคิดได้แต่มันดันทำตาหวานใส่ผมเชียวสงสัยคิดว่าผมคิดอย่างที่พูดไปจริงๆ ไม่ใช่เว้ย
“ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย ผมไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆหรอก”
“แต่พี่ไม่อยากโกหกม๊า มันไม่ดี”
“ครั้งเดียวเองพี่ไม่เป็นไรหรอก เพื่อความสบายใจของเราไง” เอาคำว่าเรามาใช้ซะหน่อยหวังว่ามันจะได้ผลนะ
“งั้นก็ได้” มันบอกแต่หน้าก็ยังกังวลอยู่ มันรีบโทรไปบอกม๊า ผมได้ยินเสียงม๊าบ่นออกมานิดหน่อยแต่ไอ้หน้าหล่อมันก็ทำเสียงขรึมตอบกลับไป ผมฟังแบบนั้นก็สบายใจม๊าจะต้องยอมมันแน่ๆ ก็น้ำเสียงมันดูเป็นผู้ใหญ่อ่ะดูน่าเกรงใจยังไงก็ไม่รู้ สมแล้วที่เป็นนักธุรกิจพันล้านนนนนนน ซักพักมันก็ทำมือโอเคส่งสัญญานมาให้ผมพร้อมขยิบตาทีนึง อืม....หล่อมากป่ะ?
“เรียบร้อย แล้วตกลงเราจะไปไหนกันดีล่ะ”
“กลับบ้านไง”
“แต่บอกม๊าไปแล้วนะว่าจะไปเที่ยวกันอ่ะ”
“เออว่ะ เอาไงดีเนี่ย”
“มีที่ไหนอยากไปรึเปล่าล่ะ”
“อืมมมมมม....ก็มีนะ แต่มัน...”
“บอกมาเถอะพาไปได้ทั้งนั้นแหละ” แหมมั่นใจอะไรขนาดนั้น บอกจริงๆแล้วต้องพาไปให้ได้นะเว้ย
“อยากไปทะเล”
“ตอนนี้เนี่ยนะ” เออ..ห้าโมงเย็นเนี่ยแหละ
“ไหนบอกว่าพาไปได้ทั้งนั้นไง”
“ปะ...ไปก็ไป” มันบอกแล้วเคลื่อนรถออกจากที่จอด ดูจากเส้นทางแล้วมันคงจะพาไปทะเลแถวๆอินชอนเพราะใกล้โซลที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่าในการเดินทางอยู่ดีนั่นแหละ กว่าจะไปถึงนู่นคงมืดพอดี...เอ่อะ แล้วผมจะไปทำไมว่ะเนี่ยยยย
ครืดดดดดดดดดดดดดดดด โทรศัพท์ผมสั่นผมรีบหยิบขึ้นมากดรับสายโดยไม่ต้องดูเลยว่าใครโทรมา
“ว่าไงเซฮุน”
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่มาเรียน” สงสัยจะเจอกับซิ่วหมินแล้วสินะ
“เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ” ผมบีบจมูกทำเสียงเหมือนเป็นหวัดตอนกลับไป แอบเห็นไอ้หน้าหล่อมันหัวเราะนิดนึง
“จริงดิ เดี๋ยวผมไปหา”
“เฮ้ยไม่ได้ๆ”
“ม๊าอยู่บ้านหรอพี่ งั้นไม่เป็นไร ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ผมเป็นห่วง” ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะเป็นห่วงผมจริงๆอ่ะ รู้สึกผิดเลย ขอโทษนะเซฮุน มันจำเป็นจริงๆ เข้าใจพี่นะ
“อือ ขอบคุณนะ”
"แค่กๆ" เฮ้ย...ไอ้หน้าหล่อมันจะมาไออะไรตอนนี้ว่ะ
"เสียงใครไออ่ะพี่" ผมจัดการตีแขนไอ้หน้าหล่อไปทีนึง มันทำท่าจะพูดผมรีบเอานิ้วชี้ชิดปากตัวเองเชิงอย่าพูด มันเลยทำปากพูดแบบไม่มีเสียง..ตีมาได้ไงพี่ขับรถอยู่นะ แล้วทำไมจะตีไม่ได้ว่ะ ไอ้บ้า!
"อ่อเสียงพี่เอง แค่กๆ พอดีเจ็บคอ"
"งั้นผมวางดีกว่า พักผ่อนเยอะๆนะครับ รักนะ"
"อืม รักเหมือนกัน" ผมยิ้มกับโทรศัพท์แล้วหันไปมองมันที่คิ้วขมวดแทบจะผูกเป็นเงื่อนพิรอดอยู่แล้ว
"เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ" ผมหันไปพูดกับมันที่ขับรถอยู่
"เกือบอะไร" ตอบกลับมาซะห้วนเชียว จะเกือบอะไรล่ะ ก็เกือบถูกเซฮุนจับได้อ่ะดิ
"ช่างมันเหอะ"
"แฟนโทรมา??"
"เออ"
"ใจร้าย"
"ว่าใคร"
"ก็อยู่กันสองคนจะให้ว่าใครล่ะ" รูปประโยคคุ้นเหลือเกิน กวนประสาทว่ะ
"ผมใจร้ายยังไงไม่ทราบ"
"อยู่กับคู่หมั้นแต่โทรไปหาแฟน เฮ้อ" ทำมาเป็นถอนหายใจ เดี๋ยวเหอะ
"ทำอย่างกับว่าผมมีชู้งั้นล่ะ"
"ก็ใช่มั้ยล่ะ"
"ไม่ใช่ ผมรักเซฮุนแต่กับคุณมันไม่ใช่ เราไม่ได้หมั้นกันเพราะความรักนะ"
"ใจร้ายจริงๆ" มันพูดหน้าเศร้าๆ แล้วที่ผมพูดมันไม่ถูกตรงไหนอ่ะ
“ถ้าไม่อยากให้ผมใจร้ายด้วยก็ถอนหมั้นกับผมดิ”
“งั้นไม่เป็นไรอ่ะพี่ทนได้ ซักวันก็คงชิน”
“ชอบให้คนร้ายด้วย เป็นมาโซคิสหรือไง”
“ไม่นะ กับคนอื่นไม่เป็น เป็นกับคนนี้คนเดียว” ไม่ต้องมาทำเสียงนุ่ม คนนี้คนไหนล่ะว่ะ แล้วผมหน้าร้อนทำไมเนี่ย ไอ้บ้าผมเขินมันอีกแล้วTT
“นอนดีกว่า ถึงแล้วบอกนะ” เจอหมีให้แกล้งตายเจอคนหล่อแกล้งหลับมันเลยล่ะกัน ผมเอนเบาะลงโยนข้าวของไปไว้ข้างหลังแล้วทำท่าจะนอน
“สูทที่แขวนอยู่ข้างหลังเอามาห่มได้นะ”
“ไม่เป็นไร” คือผมขี้หนาวนะแต่ผมเกรงใจอ่ะ ก็ดูสูทมียี่ห้อของมันถูกรีดมาซะเรียบขนาดนั้น จะให้ผมเอามาห่มเนี่ยนะ ไม่ไหวๆเกรงใจมัน
“ไม่ต้องเกรงใจ ใช้ได้ ของพี่ก็เหมือนของลู่หานนั่นแหละ” มันพูดแล้วยิ้มนิดๆ ไอ้นี่มันช่างพูดให้คนอื่นเค้าเขินเนอะ ไอ้ผมนี่ก็จะเขินอะไรมากมายว่ะ โว้ย หงุดหงิดตัวเอง คว้าเสื้อมันมาห่มนอนหนีปัญหาไปเลยล่ะกัน
ผมแกล้งทำเป็นหลับ ก็นะตลอดคาบบ่ายผมหลับมาตลอดเลยแล้วนี่จะไปหลับลงได้ยังไง มันขับรถไปซักพักก็เปิดเพลงสบายๆแบบที่ผมชอบเลย ผมได้ยินเสียงนุ่มๆของมันฮัมเพลงคลอไปด้วย นานๆทีจะได้เห็นมุมสบายๆของมัน ผมเลยถือโอกาสนอนฟังเพลงไปเพลินๆแล้วก็หลับไปในที่สุด(ไหนบอกนอนมาเยอะไงว่ะ)
“ลู่หานๆ...ถึงแล้ว” ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาตามแรงเขย่าและเสียงเรียก
“อืม” ผมยืดตัวขึ้นแล้วเปิดประตูลงมาบิดขี้เกียจนอกรถ บรรยากาศข้างนอกมืดสนิทและเงียบมากได้ยินแต่เสียงคลื่นอยู่ใกล้ๆ ไอ้หน้าหล่อมันพาผมมาในส่วนที่ไม่ใช่สำหรับท่องเที่ยวก็เลยไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลย แต่ก็สงบดีนะผมชอบ มันคงรู้ว่าผมไม่ชอบอะไรวุ่นวายด้วยล่ะมั้ง ผมเดินออกไปตามทางเดินที่ยื่นออกไปในทะเลโดยมีไอ้หน้าหล่อเดินตามมา ท้องฟ้าสีกำมะหยี่ประดับไปด้วยแสงดาวดวงเล็กๆกับน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณนะที่พามา” พอเห็นว่ามันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้นโดยไม่มองหน้ามา
“ห่มไว้ เดี๋ยวเป็นหวัด” มันเอาเสื้อสูทตัวที่ผมห่มนอนนั่นแหละมาคลุมไหล่ผมไว้ ถ้ามันจะเป็นคนแทคแคร์คนอื่นดีขนาดนี้ล่ะก็นะ ใครได้เป็นแฟนมันคงโชคดีน่าดู แต่ว่าผมเป็นคู่หมั้นนี่...แล้วแบบนี้ผมโชคดีมั้ยเนี่ย??
“ขอบคุณ” ผมขอบคุณมันอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร” มันตอบกลับมาแค่นั้นแล้วก็เงียบไป เท่าที่ผมอยูกับมันผมสังเกตว่าไอ้หน้าหล่อมันเป็นคนพูดน้อยนะ อาจเป็นนิสัยของพวกนักธุรกิจมั้ง เพราะป๊าเคยบอกว่ายิ่งพูดน้อยจะยิ่งมีชัย แต่ถ้าให้พูดทำร้ายจิตใจคนล่ะก็จะบาดลึกจนคนฟังรู้สึกแย่ไปเลย ถ้าพูดเรื่องดีๆล่ะก็เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้อีกคนรู้สึกดีได้อย่างมากมาย ซึ่งอันนี้ผมก็เห็นด้วยกับป๊านะเพราะบางครั้งผมก็รู้สึกว่าไอ้หน้าหล่อมันก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ อย่างเช่นเวลามันพูดแล้วผมเขิน แค่ประโยคเดียวเท่านั้นแหละหน้าผมร้อนฉ่าไปเลย><
“เฮ้อ...” เอ๊ะ...มันถอนหายใจหรอ?? สงสัยมีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า??
“พี่...เป็นอะไรรึเปล่า”
“อาทิตย์ที่ผ่านมาเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องงานเปิดตัวเพชรเนี่ยหรอ??”
“ก็ด้วย แล้วก็มีอีกหลายๆอย่างที่ไม่ลงตัว” หน้ามันเครียดเชียว สงสัยงานจะยุ่งจริงๆ
“ถ้าพี่เหนื่อยพี่น่าจะบอกผม ผมจะได้ไม่ชวนมาไกลขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“รู้งี้น่าจะให้พี่กลับไปพักผ่อน”
“ได้มาที่นี่กับลู่หาน พี่ว่าดีกว่านะ” มันหันมายิ้มกับผม....ขอบคุณที่ท้องฟ้ามืดไม่งั้นมันคงเห็นแก้มผมแดงแน่เลย
“กลับกันเหอะพี่ จะได้กลับไปพัก”
“แต่เราเพิ่งมาถึงเองนะ”
“ผม..เกรงใจพี่น่ะ” ผมบอกไปตามตรงรู้สึกผิดจริงๆที่ขอให้ไอ้หน้าหล่อพามาตั้งไกล เออแล้วนี่มันจะขับรถกลับไหวมั้ยเนี่ย?? “พี่ขับรถกลับไหวมั้ยเนี่ย ผมขับรถไม่เป็นหรอกนะ”
“ถ้าได้พักก็คงจะดีกว่า เอาแบบนี้เดี๋ยวพี่โทรเรียกให้คนขับรถที่บริษัทมารับลู่หานกลับบ้าน แล้วพี่จะเปิดห้องนอนที่โรงแรมแถวนี้เอง”
“เฮ้ยพี่ มาก็มาด้วยกัน ถ้ากลับก็ต้องกลับด้วยกันดิ ถ้าพี่จะค้างผมค้างด้วย” มันทำหน้าประมาณว่าจะดีหรอ?? ผมก็พยักหน้าตอบกลับไป....แบบนี้ล่ะดีแล้ว ที่ผมพูดแบบนั้นไปส่วนหนึ่งก็เพราะรู้สึกผิดที่ชวนมันมาตั้งไกล อีกอย่างก็เห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษของมัน ถ้าเป็นคนอื่นคงมัดมือชกให้ผมค้างด้วยไปแล้ว แต่มันกลับหาทางเลี่ยงพยายามพาผมกลับบ้าน ซึ่งผมเห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกสบายใจแล้วอีกอย่างคืออยู่กับมันแล้วผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
ผมกับมันมาเชคอินที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง มันเลือกห้องสูทที่มีสองห้องนอนซึ่งผมก็เห็นว่าดี ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกันจนขนาดจะนอนห้องเดียวกันโดยไม่รู้สึกอะไรนี่ พอได้คีย์การ์ดมามันก็ขอตัวไปเอาของในรถ ยืนรอมันที่ล็อบบี้ซักพักก็เห็นมันหิ้วกระเป๋าใบเล็กมาด้วย
“พี่มีเสื้อผ้าอยู่บนรถน่ะ เผื่อไว้เวลาต้องไปไหนมาไหนเรื่องงานกระทันหัน”
“โม้เปล่า จริงๆแล้วแอบไปค้างกับสาวมาก็บอกมาเหอะ หน้าตาแบบนี้ต้องมีบ้างล่ะ” ผมแซวมัน
“ก็นิดนึง มันเป็นเรื่องทางธุรกิจ” เฮ้ยจริงอ่า ไม่เห็นเข้าใจอ่ะ ทำไมทำธุรกิจต้องนอนกับสาวด้วยอ่ะ ตัวเองก็รวยอยุ่แล้วไม่ใช่หรอ??
“ทำคิ้วขมวดแบบนี้หึงพี่รึเปล่าเนี่ย จะได้ดีใจ”
“ฝันไปเถอะ” ไม่ได้หึงเว้ย แค่สงสัยเฉยๆ แล้วตกลงว่าที่มันพูดมาน่ะจริงรึเปล่า??
“ล้อเล่นน่าอย่าคิดมาก” มันจิ้มนิ้วลงระหว่างคิ้วของผมแล้วหัวเราะ เฮ้อ..แล้วไป ถ้ารู้ว่าไปนอนกับสาวที่ไหนนะจะฟ้องม๊าซะเลย
ผมกับมันขึ้นลิฟท์มาเกือบชั้นบนสุดสงสัยห้องพักคงจะวิวดีน่าดู ผมเปิดประตูเข้าห้องไปวิ่งเข้าใส่ระเบียงก่อนเลย ว้าวววว วิวดีจริงๆด้วย อากาศก็ดี ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วกางแขนออก
“ทำอะไรน่ะ” มันส่งเสียงถามมาจากข้างในห้อง
“รับพลังจากธรรมชาติ พี่มานี่ดิ ลองดูจะได้หายเหนื่อย” ผมกวักมือเรียกมันที่กำลังหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า พอเห็นว่ามันทำท่าจะเดินมาผมก็หันกลับไปสนใจวิวข้างนอกต่อ สวยจริงๆ
“อ้าวพี่มายืนนี่ดิ มายืนข้างหลังผมทำไม” ผมหันไปเรียกมันที่มายืนซ้อนหลังผมอยู่ให้มายืนข้างๆกัน
“สำหรับพี่...รับพลังจากคน หายเหนื่อยเร็วกว่า” มันพูดจบก็วาดแขนกอดรอบเอวผมหมับ ผมอึ้งไปแป๊บนึงเตรียมตัวจะดิ้นจะโวยเต็มที่แต่มันก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ขอห้านาทีนะ แค่ห้านาที”
“สาม..”
“สามก็สาม” มันพูดจบก็แนบหน้าลงแถวๆข้างแก้มของผม ตกลงว่าผมคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่คิดว่ามันเป็นสุภาพบุรุษ นี่มันแค่ขอรับพลังจากผมหรือกำลังฉวยโอกาสจากผมกันแน่นะ
“ขอบใจนะ” พอเหมือนจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้มันก็ปล่อยผมอย่างง่ายดายแล้วก็ลูบหัวผมทีนึงก่อนจะเข้าไปจัดเสื้อผ้าต่อ ผมยืนเล่นอยู่ที่ระเบียงแป๊บนึงก่อนจะเดินตามเข้ามา
“อ่ะ นี่ของลู่หาน”
“ขอบคุณ”
“เอ่อ...พี่ว่าลู่หานโทรบอกม๊าหน่อยมั้ย เดี๋ยวม๊าจะเป็นห่วง”
“เออใช่ ลืมไปเลย” ดึกขนาดนี้แล้วม๊าบ่นแหลกแน่เลย แต่ก็ไม่แน่เพราะม๊ารู้ว่าผมมากับไอ้หน้าหล่อนี่ ผมรีบกดโทรศัพท์โทรออกหาม๊า ยังไม่ทันจะได้ยินเสียงสัญญาณม๊าก็รับซะแล้ว
“ว่าไงเสี่ยวลู่” น้ำเสียงดูมีความสุขเหลือเกินนะม๊า
“ม๊าวันนี้ผมไม่กลับบ้านนะ...”
“อ้าวทำไมล่ะ แล้วนี่อยู่กับใครที่ไหน อยู่กับอู๋ฟานรึเปล่า” รัวมาเป็นชุดเชียวหม่าม๊าผม
“อยู่กับพี่เค้านั่นแหละ พอดีมาทะเลกันเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่อยากให้พี่เค้าขับรถกลับ มันอันตราย”
“อ่อออออออออออ งั้นไม่เป็นไรเลย เสี่ยวลู่ก็รู้ว่าม๊าใจดี” หรออออออออออ??
“งั้นแค่นี้นะม๊า จะนอนแล้ว”
“แหม วันนี้เข้านอนเร็วนะ ผิดปกติๆ” แล้วจะแซวทำไมเนี่ย ก็จะนอนจริงๆ
“วางแล้วนะม๊า”
“จ้ะๆ อุ้ย เดี๋ยวก่อนๆ ขอม๊าคุยกับอู๋ฟานหน่อย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้หน้าหล่อ มันรับไปอย่างรู้งาน ผมเห็นมันตอบครับๆแล้วก็หัวเราะหน้าเรื่อขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะบอกลาแล้ววางสายไป
“ม๊าบอกอะไรพี่อ่ะ หัวเราะทำไม”
“อย่ารู้เลย” มันบอกยิ้มๆแล้วทำท่าจะเดินไปทางห้องนอนของมัน ผมรีบเดินตามไปเลย อยากรู้อ่ะอยากรู้
“บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ารู้เลย”
“ผมโตแล้ว”
“แน่ใจ??” ผมพยักหน้าสีหน้าจริงจังสุดๆ
“ม๊าบอกพี่ว่าม๊า..อือ..ไว้ใจพี่.....เพราะฉะนั้น....ไม่ต้องใช้ถุงยางก็ได้” ม๊า!! พูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไงกันนนนนนนนนนนนนนนนนนน >/////< เลือดในตัวผมตอนนี้มันคงมากองรวมกันอยู่ที่หน้าแน่ๆเลย
“ฝันดีนะครับ” มันหัวเราะนิดๆก่อนพูดขึ้นแล้วปิดประตูไป ดีแล้วล่ะที่มันปิดประตูไปไม่งั้นมันคงเห็นผมระเบิดตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาแน่ๆ ม๊านะม๊าทำไมชอบทำให้ผมอายอยู่เรื่อยเลย แล้วไปไว้ใจมันได้ไงถ้ามันเอาโรคมาติดลูกชายม๊าจะทำไง เอ้ยยยยยยย ไม่ใช่แล้ว นี่ผมคิดอะไรเนี่ย ว๊ากกกกกกกกกกกกกก พอๆ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า
ผมอาบน้ำเสร็จแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของมันเรียบร้อยแล้วก็โดดขึ้นเตียงเตรียมตัวนอน แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มตานอนเท่าไหร่มันก็นอนไม่หลับคงเพราะวันนี้นอนมาเยอะมากแล้วจริงๆ
โครกกกกกกกกกกกกกกกก ท้องร้องครับ ลืมไปเลยว่าวันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยอ่ะ ผมหยิบกระเป๋าตังค์ว่าจะลงไปหาอะไรกินที่คอนวิเนี่ยนข้างล่างโรงแรมซะหน่อย แต่พอผมเปิดประตูออกไปผมก็เจอกับไอ้หน้าหล่อมันหิ้วถุงอะไรเข้ามาไม่รู้
“ไปไหนมาอ่ะพี่” ผมพยายามพูดให้เป็นปกติทำเป็นลืมเรื่องที่คุยก่อนหน้านี้ไป
“คิดว่าลู่หานอาจจะหิวเลยลงไปซื้อขนมปังมาให้น่ะ” อืม...ขอยืนยันอีกครั้งว่าใครได้มันไปเป็นแฟนโคตรโชคดีเลยอ่ะ มันยื่นถุงนึงให้ผมส่วนอีกถุงนึงมันยังถือไว้ ผมมองตามไปเพราะอยากรู้ว่าอีกถุงมีอะไร แล้วก็เห็นลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมรูปร่างคล้ายกับกล่องถุงยางอนามัยเลยอ่ะ!!
“พี่ซื้อไอ้นั่นมาทำไม” ผมชี้ไปที่สิ่งที่รูปร่างคล้ายกล่องไอ้นั่น ไอ้หน้าหล่อมันทำหน้างงพอเห็นว่าผมทำหน้าตกใจมันก็ขำออกมา มันล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องนั้นขึ้นมาแล้วผมก็ตกหน้าแตกเพราะมันเป็นกล่องขนมเยลลี่รสผลไม้ยี่ห้อนึง
“ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งน่ะ พนักงานเค้าชวนให้ซื้อก็เลยซื้อมา ลู่หานชอบหรอ พี่ให้กล่องนึงก็ได้” มันยื่นมาให้ผม ผมก็รับมาแบบอายๆ มันคงรู้แหละว่าผมคิดว่าเป็นกล่องไอ้นั่นเพราะผมตกใจมากเลยตอนที่เห็นครั้งแรก หน้าแตกเลยอ่ะแบบนี้มันจะเห็นผมเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย
“ขอบคุณ ผมไปกินในห้องนะ ฝันดี” หนีความอายเข้าห้องดีกว่า
“ครับ ฝันดี” มันบอกยิ้มๆเหมือนจะกลั้นหัวเราะอยู่มันยิ่งทำให้ผมอายเข้าไปใหญ่ ผมรีบเดินเข้าห้องปิดประตูแล้วมานอนดิ้นๆระบายอารมณ์อยู่บนเตียงคนเดียว ทั้งหมดเพราะม๊าคนเดียวเลยเพราะม๊าเนี่ยแหละที่ทำให้ผมฟุ้งซ่านไปหมด ถ้าม๊าไม่พูดถึงเรื่องนั้นผมก็คงไม่คิดว่ามันเป็นกล่องไอ้นั่นหรอก บ้าที่สุดเลยยยยยยยยยยยยย
TBC
-ทำไมเหมือนจะมาอัพทุกๆสี่วันเลยอ่ะ นี่ไม่ได้ตั้งใจนะ ฮ่าฮ่า ตอนนี้ก็จะหวานนิดนึง นิดเดียวจริงๆ ฮ่าฮ่า หวังว่าจะชอบกันนะคะ
-ขอบคุณสำหรับคอมเม้นในตอนที่แล้วมากๆเลยนะคะ กำลังใจสำคัญ^^ อ่อแล้วก็ที่ตอบคำถามที่ถามไปด้วย ขอบคุณค่า เราเลยลองไปเซิสดูบ้าง(เจอฟิคตัวเองจริงๆด้วย ฮ่าฮ่า) แล้วก็คนที่ไปโปรโมทในทวิตให้ขอบคุณนะคะ *โค้ง*
-สัญญาว่าจะมาต่อให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น