ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] .....MAMA Plan.....Kris x Luhan

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 55


    ผมนั่งคิดอยู่บนรถหรูของมันซักพักว่าอยากกินอะไร ใจนึงก็อยากจะแกล้งมันเห็นรวยๆนักจะพาไปกินพวกของแปลกๆริมถนนซะหน่อย แต่อีกใจนึงก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า...ตอนนี้ผมกรอบอยู่นี่หว่าเพราะฉะนั้นมีเจ้ามือมาเลี้ยงทั้งทีควรกินของแพงๆซะเลยดีมั้ยเพราะไม่แน่หลังจากนี้ไปผมอาจต้องพึ่งบะหมี่สำเร็จรูปเป็นอาหารประทังชีวิตไปอีกหลายมื้อก็ได้ งั้นผมว่า...ผมกินของแพงดีกว่าเนอะ^^ เรื่องแกล้งไอ้หน้าหล่อ ยังมีโอกาสอีกเยอะ หึหึ ตอนนี้เราควรคำนึงถึงเรื่องปากท้องก่อนเป็นหลัก โอเคงั้นไปร้านอาหารอิตาลี่สุดหรูได้เลยยยยย
     
    “ร้านสวยนะ” ไอ้หน้าหล่อมันเอ่ยชมหลังจากที่นั่งลง โต๊ะของผมกับมันอยู่ด้านในของร้านดูเป็นส่วนตัวดีผมชอบ
     
    “แน่นอน คนมันตาถึง”
     
    “มาบ่อยหรอ”
     
    “ก็เดือนละสองสามครั้งได้มั้ง” ผมตอบมันพลางเปิดเมนูดูไปเรื่อย 
     
    “งั้นช่วยสั่งให้พี่ด้วยล่ะกัน”
     
    “ได้เลย เอาสปาเกตตี้ไวท์ซอสสองจาน ลาเต้เย็นแล้วก็น้ำเปล่าครับ” ผมตอบไอ้หน้าหล่อก่อนจะหันไปสั่งกับพนักงาน
     
    “กินกาแฟกับสปาเกตตี้เนี่ยนะ”
     
    “อือ ก็ชอบอ่ะ ทำไมกินไม่ได้หรอ??” กวนมันซะเลย มาสงสัยอะไรคนยิ่งหิวๆอยู่ กินๆไปเหอะเดี๋ยวลงท้องแล้วก็ออกมาพร้อมๆกันนั่นแหละ ฮ่าฮ่า
     
    “ไม่ใช่ไม่ได้แต่ว่ารสชาติมันดูไม่น่าเข้ากัน”
     
    “ก็ไม่ได้จะกินให้รสชาติมันเข้ากัน แค่อยากกิน!!” ทำไมว่ะแค่กินยังจะมาเรื่องมากอีก กินเพื่ออยู่ไม่เคยได้ยินรึไง?? มีอะไร ชอบอะไรก็กินๆไปเหอะ
     
    “ทำหน้ายุ่งอีกแล้ว ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” เออก็ถูกของมัน มันไม่ได้ว่าอะไรหรอก..แต่คือหิวไงเลยพาลโมโหคนชอบยุ่ง ก่อนที่เราจะเปิดศึกน้ำลายกันไปมากกว่านี้พนักงานก็เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟซะก่อน ผมไม่อยากจะเถียงมันให้อายคนอื่นก็เลยเงียบตั้งแต่นั้นจนทานอาหารเสร็จ มันก็พูดนู่นพูดนี่ไปเรื่อยแต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอก มาเพื่อกินไม่ได้มาเพื่อคุยกับใครเว้ย 
     
     “แพงเหมือนกันนะ” มันหยิบใบเสร็จที่พนักงานเอามาวางให้ขึ้นมาดูแล้วทำหน้าตกใจ 
     
    “ก็นิดนึง” ผมแสยะยิ้มยักไหล่ทีนึง แหมรวยจะตายกินนิดกินหน่อยทำเป็นบ่น
     
    “ขอบคุณที่เลี้ยงนะ” เฮ้ย อะไรนะ มันพูดว่าอะไรนะ หูผมแว่วไปรึเปล่า?? “จ่ายเงินสิ จะได้รีบกลับ”  ไม่น่าจะแว่วแล้วคราวนี้ ไอ้หน้าหล่อมันเลื่อนถาดใบเสร็จมาไว้ตรงหน้าผม
     
    “อะไรกัน ผมเด็กกว่าจะมาให้ผมเลี้ยงได้ไง คนจีนถือนะ”  เอาเรื่องจริงมาอ้างก่อนเลยครับ ถ้าผมต้องจ่ายจริงๆ กระเป๋าตังค์ผมแฟบแน่ แฟบแบบแบนแต๋แบบไม่มีเงินเหลือเลยล่ะ
     
    “ไม่เป็นไรพี่ไปอยู่แคนาดามานาน พี่ไม่ถือ”
     
    “แต่ผมถือ” ถือมากๆๆๆด้วย  
     
    “เลี้ยงพี่หน่อยไม่ได้หรอ เมื่อวันก่อนพี่ซื้อของให้เราตั้งเยอะนะ” ไอ้นี่...ทวงบุญคุณอ่ะ  นิสัย หน้าตาก็ดี รวยก็รวย ไม่น่าขี้งกเลยคนเรา 
     
    “แต่พี่เป็นคู่หมั้นผมนะ”  เอาเรื่องธรรมเนียมมาอ้างไม่ได้ ยกสถานะมาอ้างซะเลย เอาซี่ยังคิดจะให้คู่หมั้นตัวน้อยๆอย่างผมเลี้ยงอีกหรอ?? 
     
    “ตกลงยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าพี่เป็นคู่หมั้น” อ้าวเฮ้ย ทำไมชอบเบี่ยงประเด็นจังวะ
     
    “ไม่ได้ยอมรับ แต่ก็..ยังไงล่ะ ก็ตอนนี้...โอ้ยไม่รู้เว้ย  เลี้ยงหน่อยเถอะนะ นะๆ” นี่ผม..เผลออ้อนมันไปรึเปล่าเนี่ย??
     
    “งั้นก็ได้...แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
     
    “อะไร?!
     
    “เดี๋ยวบอก” ผมจะไว้ใจมันได้รึเปล่าเนี่ย? เผื่อมันเป็นเศรษฐีโรคจิตให้ผมระบำเปลื้องผ้าให้มันดูชึ้นมาทำไง ไม่น้าTT 
    มันหยิบบัตรเครดิตสีดำวางบนใบเสร็จ พนักงานเห็นแบบนั้นก็รีบมาจัดการให้ทันที
    .
    .
    .
    “ตกลงข้อแลกเปลี่ยนอะไร”  ผมรีบถามขึ้นทันทีหลังจากที่เรามาถึงลานจอดรถ กลัวว่ายิ่งมันมีเวลาคิดนานๆจะคิดอะไรพิสดารออกมา ดูสีหน้ามันก็ดูมีความสุขแบบแปลกๆ ไว้ใจไม่ได้เลยอ่ะ-*-
     
    “ยังคิดไม่ออก คิดออกแล้วจะบอก”  มันยิ้มนิดๆตอบกลับมาแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “เพิ่งจะสี่โมงกว่าเอง อยากไปไหนต่อมั้ย?”
     
    “อยากกลับบ้าน”  ทำหน้าเศร้าเสียงเศร้าใส่มันซะเลย นี่ไม่ได้อ้อนนะ
     
    “ก็ม๊ายังไม่โทรมาเลยนี่”
     
    “งั้นขอยืมโทรศัพท์โทรหาม๊าหน่อยดิ” มันยื่นโทรศัพท์ให้ผมอย่างง่ายดาย ผมกดเบอร์ม๊าเบอร์เดียวที่ผมจำได้แล้วโทรออก รอไม่นานก็รับสาย ปลายสายเสียงดังโช้งเช้งมาก่อนเสียงม๊าซะอีก
     
    “ว่าไงลูกอู๋ฟาน” แหมเรียกลูกได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะม๊า  แถมยังทำเสียงอ่อนโยนแบบคุณนายอีก
     
    “ม๊า นี่ผมเอง ลูกชาย!!” ผมเน้นตรงคำว่าลูกชายประชดม๊าซะเลย
     
    “อ้าว ลู่หานโทรมาทำไมเนี่ย ม๊าถือของอยู่เยอะแยะลำบากต้องมารับโทรศัพท์แกอีก....” พอเห็นว่าเป็นลูกชายสุดรักสุดดวงใจโทรมาม๊าก็จัดมาซะเต็มเชียว ไอ้น้ำเสียงอ่อนโยนที่ใช้กับไอ้หน้าหล่อนั่นไม่มี๊ไม่มีซะล่ะที่จะใช้กับผม
     
    “ม๊าๆ เดี๋ยวก่อน คือว่าม๊าจะกลับบ้านกี่โมง”
     
    “โอ้ย ไม่รู้หรอก ม๊ากำลังเพลินๆอย่ามาถามนู่นถามนี่ได้มั้ย จะกลับแล้วจะโทรไปบอกเอง แค่นี้นะ” และสายก็ตัดไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไร แล้วก็ยังไม่ได้คำตอบด้วย-*-  แล้วนี่ผมจะโทรไปทำไมว่ะเนี่ย ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้ไอ้หน้าหล่อด้วยใบหน้าเซ็งๆ
     
    “ม๊าว่าไงบ้าง”
     
    “ม๊าบอกจะกลับเมื่อไหร่จะโทรมาบอกเอง” ผมตอบกลับไปเสียงเซ็งๆเหมือนหน้านั่นแหละ
     
    “เอาน่า...ม๊าอาจมีธุระ งั้นไปเดินเล่นกันมั้ย”
     
    “ที่ไหนอ่ะ”
     
    “สวนสัตว์มั้ย??”
     
    “ไม่เอาร้อนจะตาย เหม็นก็เหม็น ถ้าจะไป..ก็เดินห้างนั่นแหละ ห้างKก็ได้”
     
    และแล้วก็วกกลับมาที่ห้างKใกล้บ้านอีกจนได้ ทั้งๆที่เป็นวันเสาร์แต่คนไม่เยอะเท่าไหร่แหะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ผมเดินไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ดูร้านไหนจริงจัง อารมณ์มาเดินตากแอร์เฉยๆ ระหว่างเดินก็มีสาวๆบางคนแอบมองไอ้หน้าหล่อที่เดินอยู่ใกล้ผมแล้วก็ซุบซิบกัน บางคนก็หน้าแดง บางคนก็ยิ้มให้มัน แต่มันก็แค่หันไปมองแล้วก็หันหน้ากลับมา ไอ้นี่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลย เค้ายิ้มให้ก็น่าจะยิ้มตอบเค้าไปบ้าง ไอ้ยิ้มออร่ากระจายน่ะ ใช้ให้มันเป็นประโยชน์บ้างดิ 
     
    หลังจากที่ผมแวะซื้อไอติมร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ที่เซฮุนบอกว่าจะพาผมมากินเสร็จแล้ว(แน่นอนว่าไอ้หน้าหล่อมันจ่าย) ผมก็เดินกินไอติมไปเรื่อย
     
    “นี่หยดลงเสื้อแล้ว” ว๊ากกกกกกกกกกกกกก ไอติมชอคโกแลตหยดลงบนเสื้อยืดสีขาวตัวโปรด ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดโดยมีไอ้หน้าหล่อเดินเร็วๆตามมาติดๆ 
     
    “ถือให้หน่อย” ผมยื่นไอติมที่เหลืออยู่ให้มันถือแล้วผมก็จัดการเอาน้ำมาหยดๆลงบนรอยเปื้อนบนเสื้อแล้วพยายามขยี้ ยิ่งขยี้รอยเปลื้อนก็ยิ่งขยายวงกว้างเข้าไปอีก เอาสิ เอามันเข้าไป หมดอารมณ์กินแล้วไอติมบ้า
     
    “เอามานี่” ผมยื่นมือไปคว้าไอติมที่ไอ้หน้าหล่อมันถืออยู่มาแล้วเขวี้ยงลงถังขยะอย่างโมโห
     
    “ใจเย็นๆสิ แค่ไอติมหยดแค่นี้อารมณ์เสียเป็นเด็กไปได้”
     
    “ทำไมอ่ะ ใครจะไปใจเย็นเป็นคนแก่แบบพี่เล่า” ผมพยายามเรียกมันว่าพี่ให้ชินปาก ว่ามันเสร็จก็สำรวจตัวเองหน้ากระจกอีกครั้ง เงาสะท้อนของไอ้หน้าหล่อกับผมอยู่ข้างกันบนกระจกนั่น คนนึงสูงชะลูดหน้าตาดี ใส่สูทผูกไทด์เรียบร้อยดูโก้หรูไฮโซสุดๆ ส่วนคนข้างๆตัวสูงแค่ไหล่ของอีกคน ผมยุ่งไม่เป็นทรง หน้าก็โทรม แถมยังใส่เสื้อเปื้อนไอติมอีก  เพิ่งจะรู้ตัวว่าการเดินเคียงข้างไอ้หน้าหล่อมันช่างเป็นการทำร้ายตัวเองเสียจริง ปกติผมก็ออกจะหน้าตาดีนะแต่พอมายืนข้างมันทำไมผมถึงดูเหมือนเด็กซ่อมซ่อขนาดนี้เนี่ย ในตัวไอ้หน้าหล่อจะต้องมีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ
     
    “เป็นอะไรหน้ามุ่ยอีกแล้ว” มันถามผม
     
    “เบื่อ เบื่อๆๆๆๆๆ” ผมพูดเสียงดังใส่มันแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากห้องน้ำไป มันก็งงๆแต่ก็เดินตามมาอยู่(ใช้ตาหลังแอบดูมัน) ผมเดินตรงปรี่ไปที่ลานจอดรถ พอถึงไอ้หน้าหล่อมันก็ถามขึ้น
     
    “ตกลงว่าเป็นอะไรเนี่ย พี่ตามอารมณ์เราไม่ทันแล้วนะ” สงสัยมันจะเริ่มโกรธ หน้าดุเชียว เอาสิโกรธเข้าไป โกรธเยอะๆเลย จะได้รู้ฤทธิ์คู่หมั้นตัวเองซะบ้าง
     
    “ก็บอกว่าเบื่อ”
     
    “แล้วเบื่ออะไร”
     
    “เบื่อคน”
     
    “ใคร”
     
    “มีกันอยู่สองคนคิดว่าจะเบื่อใครล่ะ”
     
    “แล้วพี่ไปทำอะไรให้เราเบื่อล่ะ” ก็ชอบทำหน้าตาดีอ่ะ ชอบดูดีอ่ะ เบื่อ
     
    “ถ้าจะไม่ตอบงั้นก็ขึ้นรถ”
     
    “จะไปไหน”
     
    “กลับไปทำงาน” มันพูดจบก็ขึ้นรถไปปิดประตูเสียงดังปัง ท่าทางจะอารมณ์เสียถึงขีดสุดซะแล้ว กลายเป็นว่าไอ้ผมที่จะยั่วโมโหมันกลับกลายมาเป็นกลัวมันแทน ฮืออออออออออ หน้ามันโหด ตัวมันก็ใหญ่ แถมยังโมโหแรงอีกอ่ะTT
     
    ผมนั่งเงียบมาตลอดทางจนมาถึงที่บริษัท พนักงานหลายคนส่งเสียงทักทายแต่มันก็ไม่ตอบเดินลิ่วๆขึ้นลิฟท์ไปเลย แล้วถ้าผมไม่รีบวิ่งตามไปมันคงจะรอผมแน่ๆ ผมนั่งเงียบอ่านนิตยสารในห้องมันโดยมีมันทำงานหัวหมุนอยู่ที่โต๊ะ ดูท่ามันจะงานยุ่งจริงๆแล้วดูผมยังมากวนมันอีก ม๊านะม๊าทั้งหมดเพราะม๊าคนเดียวเลย
    .
    .
    .
    .
    ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ไอ้หน้าหล่อมันก็ยังคงทำนู่ทำนี่ไปเรื่อยไม่รู้ว่ายุ่งจริงหรือว่าไม่อยากว่างมาคุยกับผมกันแน่ ไอ้ผมก็กะจะแกล้งหยอกมันเล่นนิดหน่อยไม่คิดว่าจะโกรธจริงนี่ แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย??
     
    “ฮัลโหล” โทรศัพท์ไอ้หน้าหล่อดังขึ้นมันรีบกดรับ  ผมเงี่ยหูฟังแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาเป็นม๊าผมเอง
     
    “ครับแล้วจะพาไปส่งเดี๋ยวนี้” มันพูดแล้วก็วางสายไป จัดการเก็บของบนโต๊ะหยิบไอแพดติดมือมาแล้วก็มายืนอยู่ที่หน้าโซฟาที่ผมนั่งอยู่ หันมามองผมนิดนึงแล้วก็เดินออกไป ผมเลยต้องรีบจ้ำอ้าวตามไป ไม่คิดจะพูดกันบ้างเลยรึไงเนี่ยTT
     
    มันขับรถมาส่งผมถึงบ้านโดยที่ยังไม่พูดอะไรกับผมซักคำ ผมเองก็ใจเสียดิไม่คิดว่ามันจะโกรธอะไรมากมายขนาดนั้น
     
    “นี่...พี่ครับ” สถานการณ์อึดอัดทำเอาผมพูดเพราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ปกติไม่เป็นนะเนี่ย
     
    “อือ” เอาอีกแล้ว อือคำเดียวแบบเมื่อกลางวันเลย เคืองผมอยู่แน่ล่ะ แต่ครั้งนี้ผมรู้นะว่ามันเคืองเรื่องอะไร ก็ผมไปหงุดหงิดใส่มันก่อนเองอ่ะ แต่ก็นะไม่คิดว่าจะโกรธจริงโกรธจังขนาดนี้นี่หว่า เป็นอะไรนักหนาก็ไม่รู้ คนแก่เข้าใจยากอ่ะ
     
    “พี่โกรธอะไรผมหรอ” ค่อยๆถามเสียงเบา
     
    “ไม่ได้โกรธ”
     
    “แล้วทำไมพี่ไม่พูดกับผมล่ะ”
     
    “ก็ลู่หานเบื่อพี่ไม่ใช่หรอ??” เอ่อะ...ไปต่อไม่ถูกเลย “ลู่หานพูดแบบนั้นพี่เสียใจนะรู้มั้ย??”  อย่าทำหน้าเศร้าใส่ผมแบบนี้สิ คือก็ตอนนั้นไอติมมันหกใส่เสื้อแล้วแบบอารมณ์ไม่ดีอ่ะ แล้วพอเห็นสภาพตัวเองกับไอ้หน้าหล่อนี่มันก็พาลโมโหขึ้นมาซะดื้อๆเลยพูดไปแบบนั้นไม่คิดว่ามันจะเอามาคิดจริงจังขนาดนี้อ่ะ แบบนี้ผมควรขอโทษมั้ยอ่ะ...ถ้าผมขอโทษจะเสียหน้ามั้ยเนี่ย??
     
    “ลู่หาน..จำข้อแลกเปลี่ยนที่เราคุยกันตอนกินข้าวได้มั้ย” ผมพยักหน้า จำได้ดิ
     
    “พี่คิดออกแล้ว....” มันถอนหายใจทีนึงก่อนพูดต่อ “บอกพี่ได้มั้ยว่าเบื่อพี่เรื่องอะไร?” เอ่อะ...คือ...คำตอบมัน...ค่อนข้าง...ไร้สาระมากเลยนะ-*-
     
    “คือผม...” ควรจะตอบเรื่องจริงไปดีป่าวว่ะ?? ถ้าตอบไปมันจะขำเปล่าว่ะ
     
    “บอกมาเถอะพี่รับได้” โอ้ยอย่ามาทำหน้าเศร้าใส่ได้มั้ยขอร้องงงงงงงงง   มันทำให้รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เลยเนี่ย
     
    “คือมันค่อนข้างจะ....เฮ้อ” ติ๊งต๊องอ่ะ อย่าอยากรู้เลยจริงๆ  ผมมองหน้ามันที่ยังคงรอคำตอบจากปากผมอยู่  เอาว่ะตอบก็ตอบ!!
     
    “ผมเบื่อที่พี่ดูดีกว่าผมอ่ะ!” ดูดีกว่ามากด้วย
     
    “หืม??” มันส่งเสียงถามมาอย่างงงๆ มันคงสงสัยว่านี่คือคำตอบจริงๆหรอ
     
    “ก็ตามนั้นแหละ ก็พี่ดูผมตอนนั้นสิเสื้อก็เลอะไอติม หัวก็ยุ่ง หน้าก็มัน” คือผมก็ค่อนข้างมั่นใจในหน้าตาตัวเองอ่ะนะ พอเห็นแบบนั้นมันเลยเฟลแล้วยิ่งมายืนอยู่ข้างมันอีก เฟลหนักกว่าเดิมอีกพันเท่า ผมเห็นมันยังทำหน้างงอยู่ ผมก็ไม่รู้จะทำไงเพราะถ้าผมเป็นมันผมก็คงจะงงเหมือนกัน
     
    “พี่ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ผมเข้าบ้านล่ะนะ” ผมบอกตัดปัญหา จบๆซักทีเหอะเรื่องไร้สาระเนี่ย
     
    “อืม ฝันดีนะครับ” มันบอกแต่หน้าก็ยังมีแววกังวัลติดอยู่ คนแก่คิดมากว่ะ ไอ้ผมเห็นหน้ามันเป็นแบบนั้นแล้วก็ไม่สบายใจเดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา
     
    “พี่...” เอาว่ะ “ผมขอโทษ”
     
    “เฮ้ย ขอโทษทำไม”
     
    “ก็ขอโทษที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ” ทำไมวันนี้ผมเป็นคนดีจังว่ะ รู้จักแคร์คนอื่นเค้าซะด้วย
     
    “อือ ไม่เป็นไรหรอก” มันยกมือขึ้นลูบหัวผม   อ้าวพอขอโทษหน่อยลามปามหรอ?? แต่ผมก็ปล่อยให้มันลูบไปอยากลูบๆไปแต่ห้ามเขกหัวล่ะกัน
     
    “เข้าบ้านเถอะ ม๊ายืนรอหน้าประตูนานแล้วนั่น” มันชี้ไปที่ช่องว่างใต้ประตูบ้านที่เห็นเงาเหมือนมีคนยืนอยู่หลังบานประตู
     
    “อืองั้นผมไปล่ะนะ ฝันดีครับ” โอ๊ะ พูดเพราะอีกแล้วผม ผมลงจากรถปิดประตูแล้วยืนดูไอ้หน้าหล่อมันเคลื่อนรถออกไปแล้วค่อยเข้าบ้าน ถอนหายใจทีนึงก่อนเข้าไปเผชิญกับม๊า ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอะกับม๊าเข้าพอดี ยืนรออยู่จริงๆด้วยสินะ
     
    “มาถึงตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งเข้ามาล่ะ”
     
    “มีเรื่องคุยกันนิดหน่อย”
     
    “เรื่องอะไรล่ะ บอกม๊าหน่อยสิม๊าอยากรู้”
     
    “ไม่บอก” ปล่อยให้อยากรู้ไป อยากหลอกผมก่อนทำไมล่ะ
     
    “เสี่ยวลู่นี่ม๊านะ ม๊าอยากรู้อะไร ต้องรู้!!  พอไม่ได้ดังใจเริ่มขึ้นเสียงเลย สงสัยผมจะได้นิสัยนี้มาจากม๊าแหงๆ
     
    “ฮ้าวววว ง่วงจัง ไปนอนดีกว่า” ผมบิดขี้เกียจทีนึงทำท่าจะขึ้นข้างบนม๊าก็ดึงแขนผมไว้
     
    “เสี่ยวลู่!! ไม่ต้องมาขู่เลยม๊า
     
    “เมื่อกลางวันม๊าหลอกผมก่อน ตอนนี้ผมก็มีความลับกับม๊า ถือว่าเสมอกันล่ะกัน”
     
    “บอกม๊านิดนึงหน่า....ที่คุยกันน่ะเรื่องดีหรือไม่ดี” สงสัยจะอยากรู้จริงตอบเค้าหน่อยล่ะกัน
     
    “ตอนแรกก็ไม่ดี แต่ตอนนี้ดีแล้ว”
     
    “เฮ้อ...งั้นก็แล้วไป ม๊านึกว่าต้องวางแผนให้แกไปคืนดีกับอู๋ฟานเค้าอีกรอบซะอีก แล้วก็นี่กุญแจบ้านของแก ม๊าเอามาจากห้องแกเมื่อเช้า” ผมแบมือรับพวงกุญแจมา มองตามหลังม๊าที่เดินหายเข้าไปในห้องครัว ปริศนาคลี่คลายแล้ว ผมไม่ได้ลืมกุญแจบ้าน ม๊าเป็นคนเอาไปต่างหาก แล้ววันนี้ทั้งวันที่ผมต้องติดแหง่กอยู่กับไอ้หน้าหล่อนั่นมันก็เป็นเพราะม๊านี่เอง ม๊านะม๊า ไม่ห่วงกันบ้างเลยรึไงถ้ามันเอาลูกชายม๊าไปทำมิดีมิร้ายจะทำยังไงTT แต่คงไม่หรอกมั้ง จะว่าไปมันก็ดูเป็นคนดีนะ ถึงจะชอบคิดมากไปหน่อยแต่คงเป็นธรรมดาของคนมีอายุ(ฮา..เรียกซะแก่เลย) พูดจากับผมก็ดี มีแต่ผมเนี่ยแหละโวยวายใส่มันตลอดดดดด แต่คนเรามันก็ต้องดูไปเรื่อยๆอ่ะนะ จะมาตัดสินกันแค่เจอวันสองวันได้ไงใช่ป่ะ??
    .
    .
    .
    .
    ว่าแต่นี่ผม...จะมาสนใจมันทำไมนักหนาเนี่ย??


    TBC

    -ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากๆเลยนะคะ  คอมเม้นเพิ่มขึ้นเยอะมากเลย  ดีใจTT ว่าแต่ตามมาอ่านเรื่องนี้จากไหนกันหรอค่ะ?? อยากรู้จังเพราะเราลงอย่างเดียวไม่ได้โปรโมทเลย  ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ชอบฟิคเรื่องนี้ *โค้ง*
    -ส่วนเรื่องคู่น้องเซฮุนอันนี้ยังไม่ได้อยู่ในความคิดเราเลยค่า  แต่จะเก็บไปพิจารณานะ^^
    -ขอเมาท์นิดนึง วันนี้เห็นน้องลู่หานกินไอติมสตรอเบอรรี่แล้วอยากจะเปลี่ยนรสไอติมในเรื่องแต่ว่าถ้าไอติมเปื้อนเสื้อรสชอคโกแลตก็ดูจะรุนแรงกว่าเนอะ  งั้นน้องลู่หานในเรื่องจงกินชอคโกแลตต่อไป  แต่เรื่องจริงรสสตรอเบอรี่เหมาะกับหน้าหวานๆของหนูแล้วล่ะลูก><  แล้วก็เห็นฝั่งMไปจีนทีไรเราได้ฟินทุกทีเลย  เดี๋ยวก็ให้ม่าม๊าในเรื่องส่งลูกชายกับลูกเขยไปช่วยงานป๊าที่จีนซะเลยดีมั้ย?? ><  พอๆเมาท์ยาวไปแล้ว  ฮ่าฮ่า  สุดท้ายๆฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ *จ้องตาทุกคน5วิ*  แอร๊ยยยยยยย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×