คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ผมมาเรียนด้วยอารมณ์หดหู่นิดๆ พอไม่สามารถใช้เงินได้อย่างต้องการการใช้ชีวิตของผมก็ดูจะยากขึ้น เมื่อเช้าผมก็ดันตื่นสายอีกเลยต้องนั่งแท็กซี่มาทำเอาเงินสดที่มีอยู่น้อยนิดลดน้อยลงไปอีก เห็นเงินในกระเป๋าตังค์แล้วน้ำตาผมจะไหล มองไม่เห็นทางรอดเลยว่าจะผ่านอาทิตย์นี้ไปได้ยังไง ม๊าช่างโหดร้ายกับลูกชายตาใสๆอย่างผมเหลือเกินTT พอเลิกเรียนผมก็มานั่งถอนหายใจทิ้งรอเพื่อนสนิทที่วันนี้เรียนคนละเซคกันหวังจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นกับมันซะหน่อย แต่มันจะได้เรื่องรึเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ...
“ลู่หานแกเป็นอะไรป่าวว่ะสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรอ หรือทะเลาะกับเซฮุนมา” ซิ่วหมินเพื่อนสนิทในรั้วมหาวิทยาลัยของผมรัวคำถามใส่ผมทันทีที่เห็นหน้า
“ซิ่วหมิน ชั้นจะทำยังไงดี” ผมถามเมื่อซิ่วหมินนั่งลงข้างๆ
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” ผมพยักหน้าแล้วเริ่มเล่าให้เพื่อนฟัง
“ม๊าจะให้ชั้นเลิกกับเซฮุนอ่ะ เพราะว่าม๊าดันไปหมั้นชั้นไว้กับใครก็ไม่รู้ตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วชั้นเองก็เพิ่งจะมารู้ตอนนี้ เมื่อวานเลยทะเลาะกับม๊า โดนม๊ายึดสมุดบัญชีไป บัตรเครดิตก็ด้วย ตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่นิดเดียวเอง อยู่ได้อาทิตย์นึงก็เก่งแล้ว แต่นี่เพิ่งจะต้นเดือนเองนะ”
“แกตายแน่ลู่หาน” เพื่อนแก้มกลมของผมพูดขึ้นทันทีที่ผมเล่าจบ มันรู้นิสัยการใช้เงินของผมดี
“ใช่มั้ยล่ะ”
“แล้วแกจะทำไงต่อล่ะเนี่ย”
“ไม่รู้อ่ะคิดไม่ออกเลย แต่ยังไงๆชั้นก็ไม่ยอมเลิกกับเซฮุนหรอกนะ”
“แล้วคู่หมั้นแกอ่ะ เค้าว่าไง ลองไปขอให้เค้าถอนหมั้นดิ”
“เค้าไม่ยอมอ่ะ เค้าบอกอยากเป็นคู่หมั้นชั้นอ่ะ” พูดถึงไอ้หน้าหล่อแล้วของขึ้น ถ้ามันยอมตกลงถอนหมั้นง่ายๆก็จบแล้ว ดูสิทำเค้าลำบากขนาดไหนรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย??
“ท่าทางจะยุ่งแหะ ว่าแต่คู่หมั้นแกสวยป่ะ” ผมส่ายหน้าเซ็งๆ สวยแป๊ะอะไรล่ะ หล่อยังกับเทพบุตรขนาดนั้น
“ไม่อ่ะ คู่หมั้นชั้นเป็นผู้ชายแถมหล่อมาก หล่อโคตรๆ”
“เฮ้ยผู้ชายเนี่ยนะ แล้วหล่อกว่าเซฮุนป่ะ” ซิ่วหมินมันถามอย่างสนอกสนใจ เรื่องชาวบ้านล่ะมันชอบนัก
“มันก็คนละแบบ”
“งั้นหล่อแบบไหนอ่ะ” ท่าทางจะอยากรู้จริงเว้ยไอ้นี่
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“คู่หมั้นเพื่อนทั้งคน ก็อยากรู้เป็นธรรมดา” มันยักไหล่
“นี่ซิ่วหมินตกลงแกจะช่วยอะไรชั้นได้ป่ะเนี่ย”
“ก็บอกมาก่อนดิว่าหล่อแบบไหนจะได้หาทางรับมือ” ผมถอดใจกับการคะยั้นคะยอของเพื่อนจึงคว้านิตยสารที่ซิ่วหมินถือติดมือมาเปิดๆดูเผื่อจะเจอดาราที่หล่อแบบตานั่นบ้าง เออคนนี้เหมือนแหะ...ผมสีทอง ตาดุๆหน่อย จมูกโด่งๆ ไหล่กว้าง ขายาวๆแบบนี้เลย เออเหมือนจริงแหะ เหมือนเกินไปแล้ว เฮ้ย....นี่มันไอ้หน้าหล่อนี่หว่า
“แก...เนี่ยๆ มันเลยเนี่ย คู่หมั้นชั้นเอง” ผมกางนิตยสารออกแล้วจิ้มๆไปที่รูปไอ้หน้าหล่อใส่สูทที่กำลังก้าวเดินลงมาจากรถ
“เศรษฐีหนุ่มจีนรุ่นใหม่ เจ้าของธุรกิจอัญมณีระดับเอเชีย อู๋ฟาน...ผู้ชายที่ใครๆก็หมายปอง” ซิ่วหมินอ่านพาดหัวคอลัมภ์
“โห รวยน่าดูเลยว่ะคู่หมั้นแกเนี่ย แล้วเซฮุนจะเอาอะไรไปสู้ว่ะเนี่ย ชั้นเข้าใจม๊าแกแล้วว่าทำไมอยากได้เค้าเป็นลูกเขยนัก” เออนั่นสิ...รวยน่าดูเลย ก็ว่าเมื่อวานเล่นช็อปซะขนาดนั้นไม่มีทีท่าอะไรให้เห็นเลย มันเป็นเศรษฐีนี่เอง แล้วแบบนี้ม๊าคงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆแน่
“ทำไงดีว่ะซิ่วหมินนนนนนนนนนนนนนน” ผมเริ่มโวยวายเมื่อมองไม่เห็นทางออก
“เรื่องนี้ท่าจะยาก ม๊าแกเค้าก็ไฮโซเมืองจีน เค้าก็ต้องอยากดองกับไฮโซเหมือนๆกัน แถมตาคู่หมั้นแกเนี่ยรวยโคตรๆอีกนะ ชั้นว่าเรื่องนี้ม๊าแกทุ่มสุดตัวแน่” ผมยกสองมือขึ้นกุมขมับ คิดถึงป๊าขึ้นมาทันทีไม่รู้ทำไมต้องกลับไปดูงานที่เมืองจีนตอนนี้ด้วยนะ แต่เอาเข้าจริงถึงป๊าอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ใครๆก็รู้ว่าบ้านนี้ม๊าผมคุมทุกอย่าง
“แล้วนี่แกจะบอกเซฮุนป่ะ”
“ชั้นว่ายังก่อนดีกว่า” ปัญหาเก่ายังไม่เคลียร์ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองอีกหรอก
“พี่ลู่หาน” เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล ผมรีบปิดนิตยสารมาลงแล้วโบกมือให้คนๆนั้น...เซฮุน แฟนของผมเองครับ ผมกับเซฮุนเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน เซฮุนเป็นคนดังของโรงเรียนเลยทีเดียวไม่มีใครไม่รู้จักเค้าหรอก ตอนที่ผมกำลังจะจบการศึกษาเซฮุนก็เดินมาหาผม แล้วก็บอกว่าแอบชอบผมมานานแล้ว อยากจะขอคบกับผม และแน่นอนว่าผมตกลง...เพราะผมเองก็แอบปลื้มๆรุ่นน้องคนนี้อยู่เหมือนกัน ก็ทั้งหล่อทั้งน่ารักไอ้ผมก็แพ้คนหน้าตาดีอยู่แล้วด้วย พอคบกันเซฮุนก็ดีกับผมมากๆ นิสัยน่ารักไม่แพ้หน้าตาเลยล่ะ
“เซฮุน จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะ” ผมเงยหน้าถามคนที่ยืนเกาะไหล่ผมอยู่
“ผมคิดถึงพี่อ่ะ อยากเจอ พอรู้ตัวอีกทีก็มาถึงที่นี่แล้วเลยไม่ได้โทรบอก” ดูสิครับ เด็กน้อยของผมน่ารักมั้ยล่ะ แบบนี้ใครจะไม่รักกันบ้างล่ะเนอะ
“พูดจาอะไรเกรงใจคนโสดแบบพี่บ้างนะเซฮุน แล้วนี่ไม่คิดจะทักกันบ้างหรอ” ซิ่วหมินมันแซว เซฮุนก็เอาแต่ยิ้มเขินๆ
“สวัสดีครับพี่ซิ่วหมิน ผอมลงเปล่าเนี่ยพี่” เด็กน้อยของผมช่างเอาอกเอาใจทุกคนเสมอ แก้มซิ่วหมินมันจะแตกอยู่แล้วยังกล้าไปทักว่ามันผอมลงอีก มันเชื่อก็บ้าแล้ว
“เฮ้ยจริงดิเซฮุน แสดงว่าที่พี่ไปฟิตเนสทุกวันนี่ได้ผลแหะ” ไอ้นี่ก็เชื่ออีก บ้าพอกันทั้งคู่
“ไหนๆก็ผอมลงแล้ว ไปกินไอติมฉลองกันหน่อยมั้ยครับ” เซฮุนชวน ซิ่วหมินมันรีบส่ายหน้ายกมือขึ้นมาไขว้กันเป็นรูปกากบาท
“กว่าพี่จะผอมลงได้ไม่ใช่ง่ายๆนะ พี่ขอบายล่ะกัน ไปกินกันสองคนเถอะ”
“งั้นผมขอตัวเพื่อนพี่ไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับพี่” เซฮุนบอกแล้วจัดการจับมือผมดึงให้ลุกขึ้น พอผมลุกขึ้นเต็มความสูงก็คว้าตัวผมมากอดคอจนผมเซไปชิดกับเซฮุน
“ไปก่อนนะเว้ยซิ่วหมิน พรุ่งนี้เจอกัน” ผมโบกมือให้มันไม่ยอมสบตาวิบวับล้อเลียนของมัน ก็ผมเขินอ่ะ
“นี่เราจะไปไหนกัน” พอเดินมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยผมก็ถามขึ้น
“ไปกินไอติมไงพี่ ผมเห็นมีร้านเปิดใหม่ที่ห้างKแถวๆบ้านพี่อ่ะ” ห้างKอีกแล้ว!! ยังไม่อยากไปเลยอ่ะ เมื่อวานเพิ่งจะเดินจนขาลากกับไอ้หน้าหล่อเอง
“พี่ว่าเราไปเที่ยวไกลๆบ้างดีมั้ย”
“อย่าเลยพี่ ไปใกล้ๆบ้านพี่เนี่ยแหละจะได้กลับไม่ดึก เดี๋ยวม่าม๊าพี่ว่านะ” เซฮุนรู้ครับว่าม๊าผมไม่ชอบเซฮุนเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นานๆทีนะ นะนะนะ” ผมอ้อนเต็มที่เพราะรู้ว่าเซฮุนแพ้ลูกอ้อนของผม เซฮุนเคยบอกว่าเวลาผมอ้อนนะน่ารักมากๆเพราะฉะนั้นอย่าไปอ้อนใครนอกจากเซฮุน เด็กน้อยของผมขี้หวงชะมัดเลยเนอะ
“งั้นก็ตามใจพี่ล่ะกัน” เซฮุนฉีกยิ้มหวานแล้วปล่อยมือที่กอดคอผมอยู่มากุมมือผมแทน
.....................................................................................................................................................................
“กลับดีๆนะ” ประมาณ4ทุ่มกว่าเซฮุนก็มาส่งผมที่หน้าบ้าน ที่จริงสำหรับเด็กผู้ชายมันก็ไม่ดึกมากหรอก แต่ม๊าเคยคาดโทษผมไว้ว่าถ้าหากไปกับเซฮุนห้ามผมกลับเกิน6โมง คือผมเลิกเรียนก็5โมงแล้วอ่ะนะ ม๊าช่างโหดร้ายเหลือเกินนนนน
“พี่ลู่หาน” พอทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้านเซฮุนก็เรียกขึ้น
“หืม??” ผมเอียงคอส่งเสียงถาม เซฮุนจับไหล่ผมแล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นปะทะหน้าผม ผมหลับตาลงอย่างรู้งานเพราะรู้ว่าเซฮุนกำลังจะทำอะไร ของมันเคยๆกันอยู่ ฮ่าฮ่า><
“แอ๊ด” เสียงประตูบ้านเปิดดังขึ้นทำให้ผมกับเซฮุนรีบผละออกจากกันเพราะคิดว่าเป็นม๊า แต่....ไม่ใช่
“คุณ!!” ไอ้หน้าหล่อมันหน้าเครียดเลยครับ มันสบตาผมแวบนึงแล้วมันก็ปิดประตูใส่หน้าผมกับเซฮุนแล้วหายตัวเข้าไปในบ้านอีกครั้ง อ้าวเปิดประตูมาไม่ได้คิดจะกลับหรอว่ะ แล้วนี่กลับเข้าไปทำไมว่ะ อย่าบอกนะว่าจะไปฟ้องม๊าอ่ะ แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
“เซฮุนกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้จะโทรหา” ผมยืดตัวฝังจมูกลงที่แก้มเด็กน้อยของผมที่หน้าหน้างงๆอยู่ พอเห็นเซฮุนยิ้มออกผมก็รีบขอตัวเข้าบ้าน ทันทีที่ประตูปิดลงผมก็รีบวิ่งด้วยความเร็วสูงไปยังห้องรับแขก
“อ้าวเสี่ยวลู่ ไปทำอะไรมาหอบเชียว”
“แฮ่ก..ปะ..เปล่า..ฮะ ม๊า แฮ่กๆ”
“ม๊าครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ไอ้หน้าหล่อมันลาม๊าแล้วเดินผ่านผมไปเหมือนผมเป็นอากาศงั้นล่ะ เฮ้ยอย่าเพิ่งไปสิว่ะ ฟ้องม๊าแล้วหนีกลับหรอว่ะ ไม่ใจเลยอ่ะ
“กลับดีๆนะลูก” ม๊าลากผมมาส่งมันถึงหน้าบ้าน มันยิ้มให้ม๊าผมแต่พอมันเหลือบมาเห็นผมมันก็ตีหน้าเครียดขึ้นมาอีก พอรถมันแล่นออกไปคราวนี้ก็ถึงเวลาสืบสวนสอบสวนของม๊าผมแล้วล่ะครับ
“แกไปทำอะไรให้พี่เค้าโกรธห๊ะ” หันมาขึ้นเสียงกับผมทั้งๆที่ยืนอยู่หน้าบ้านนั่นแหละ โหยมารอเข้าบ้านก่อนได้มั้ย ถ้าเพื่อนบ้านได้ยินขึ้นมาทำไงเนี่ย แต่ที่ม๊าถามก็แสดงว่ามันไม่ได้ฟ้องสินะ
“อะไรม๊า ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ไปๆเข้าบ้าน” ผมรีบดึงม๊าเข้าบ้านก่อน
“ม๊านั่งคุยเรื่องธุรกิจของพี่เค้าตั้งนาน พี่เค้ายังอารมณ์ดีๆอยู่เลย พอเค้าขอตัวไปเอาแคทตาลอคเพชรที่รถมาให้ม๊าดู พอกลับมาก็หน้าบึ้งเลย แถมยังไม่เห็นได้เอาแคทตาลอคกลับมาอีก หรือว่า...” ม๊าเดินไปย้อนเหตุการณ์ไปเพื่อสันนิษฐานว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ทำตาโตเป็นไข่ห่าน แบบนี้รู้แล้วแน่ๆเลย-*- ว่าแต่แล้วไอ้หน้าหล่อมันจะมาเคืองอะไรผม มันก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้วนี่
“ไอ้เด็กนั่นมันมาส่งแกหรอ แล้วนี่ทำอะไรกันทำไมอู๋ฟานเค้าถึงอารมณ์ไม่ดีแบบนั้นห๊ะ” ม๊า...คือ...ก็ทำเหมือนในละครทั่วไปอ่ะม๊า จะให้พูดมันก็อายปากนะ ><
“ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย ผมง่วงแล้ว ขึ้นนอนแล้วนะ” ผมเดินนขึ้นบันไดทำเป็นหงุดหงิดกับคำถามของม๊า
“หยุดเลยเสี่ยวลู่ ม๊าขอสั่ง ห้ามมันมาส่งแกที่บ้านอีกนะ” ม๊าเดินตามมาแล้วหยุดอยู่ที่หน้าผมแล้วยกมือขึ้นชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ
“มันไม่มากไปหรอม๊า” ผมโอดครวญ
“อยากให้มากกว่านี้มั้ยล่ะ” ผมรีบยกมือส่งสัญญาณยอมแพ้ให้ม๊าเลย ไม่ใช่ว่าผมกลัวนะแต่สายตาม๊ามันบอกว่าถ้าผมกล้าขัดตอนนี้ล่ะก็...ผมเจอดีแน่
หลังจากที่ขึ้นมาที่ห้อง ผมก็อาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนอนครบชุดกลิ้งตัวเล่นบนเตียงเล่นสองสามรอบก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาเจ้าเด็กน้อย รอสายอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ
“ครับ”
“ถึงบ้านนานยัง” ผมถาม
“นานแล้ว นึกว่าจะไม่โทรมาแล้วซะอีก รอตั้งนาน” เด็กน้อยบ่นน้อยใจ
“ยังไม่แก่เลยทำไมขี้บ่น”
“พี่ไม่เคยได้ยินหรอ ถ้ามีแฟนน่ารักแล้วจะขี้บ่นอ่ะ” ไปเอามาจากไหนของมันว่ะเนี่ย
“งั้นแบบนี้เซฮุนก็ต้องขี้บ่นมากๆหน่อยนะ เพราะพี่อ่ะน่ารักมากกกกกกกกกกกก” หลงตัวเองอีกผม ฮ่าฮ่า ได้คุยกับเซฮุนก็ทำให้ผมลืมเรื่องเครียดๆไปได้บ้าง เรื่องที่ม๊าสั่งไว้บอกเซฮุนวันหลังล่ะกัน
“ครับๆ ผมจะบ่นจนพี่หูชาไปเลย คนอะไรก็ไม่รู้ชมตัวเองก็ได้”
“คนน่ารักไง”
“ไม่ใช่ คนที่ผมรักต่ากหาก” อั๊ยย่ะ เด็กน้อยของผมพูดจาน่ารักนัก ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับมาฟัดซะให้เข็ด
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันมั้ย”
“พรุ่งนี้ไม่ได้อ่ะพี่ ผมต้องไปทำงานกับไอ้แทมินกับไอ้จงอินมันอ่ะ” เสียงเศร้ามาเลยเด็กน้อย
“ไม่เป็นไรๆ ทำงานไปอ่ะดีแล้วเป็นเด็กเป็นเล็กต้องตั้งใจเรียนหนังสือนะ”
ผมคุยโทรศัพท์กับเซฮุนจนเกือบตีสามได้ ที่จริงผมตั้งใจจะวางนานแล้วเพราะเห็นว่าพรุ่งนี้เซฮุนจะต้องไปทำงานกับเพื่อนแต่เจ้าเด็กน้อยของผมเนี่ยสิมันไม่ยอมวาง ชวนคุยนู่นคุยนี่ไปเรื่อย แต่เซฮุนก็ไม่ได้ถามถึงไอ้หน้าหล่อที่เจอวันนี้เลยแหะ สงสัยจะลืมไปแล้ว ก็ดีแล้วแหละ เพราะถึงถามผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เอาล่ะนอนดีกว่า พรุ่งนี้วันหยุดขอนอนยาวๆ ตื่นซักบ่ายสองบ่ายสามเลยล่ะกัน ฮ่าฮ่า แค่คิดก็อารมณ์ดีล่วงหน้าแล้ว วันเสาร์แสนสุขของผม^^
.....................................................................................................................................................................
“เสี่ยวลู่ ตื่นได้แล้ววววววววววววววววว” วันเสาร์แสนสุขของผมถูกทำลายลงด้วยเสียงดังสนั่นอันทรงพลังของม๊าผมเอง
“อะไรอ่ะม๊า วันนี้วันเสาร์นะ” ผมบ่นทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา
“นี่มันเที่ยงแล้วนะ อาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาหาม๊า..ด่วนๆ” ม๊าไม่พูดเปล่าดึงผ้าห่มผมออกแล้วเปิดผ้าม่าน แสงอาทิตย์ยามเที่ยงแยงตาผมจนทนนอนต่อไปไม่ได้จริงๆ
“รีบไปไหนอ่ะม๊า” ผมงัยเงียลุกขึ้นมาถามม๊าอย่างหัวเสีย
“ไม่ต้องถาม”
.
.
.
.
“เอานี่ไปให้อู๋ฟานที่ทำงาน” ม๊ายื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม ม๊าปลุกผมเพื่อให้เอาไอ้นี่ไปให้ไอ้หน้าหล่อเนี่ยนะ ไม่นะวันเสาร์แสนสุขของผมTT
“ม๊าก็ไปเองดิ”
“อ๋ออออ เดี๋ยวนี้ใช้นิดใช้หน่อยไม่ได้แล้วใช่มั้ย” ไม่ใช่ไม่ได้ม๊า แต่แบบไม่อยากไปเจอไอ้หน้าหล่ออ่ะ
“ไม่ต้องมาทำหน้างอ เอาไปให้พี่เค้าเดี๋ยวนี้เลย พี่เค้าต้องใช้”
“ม๊าแต่ผมหิวข้าว”
“เอาไปให้พี่เค้าก่อนแล้วค่อยกลับมากิน”
“แต่ผมหิวไม่ไหวแล้ววววว”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ไป...ด่วนๆ” ผมถูกดันหลังออกจากบ้านไป มือถือก็แบทจะหมดเพราะเมื่อคืนง่วงจัดลืมชาร์จ แล้วยังต้องมาเดินตากแดดตอนเที่ยงเอาซองเอกสารอะไรไม่รู้ไปให้ไอ้หน้าหล่อที่เหมือนจะเคืองๆผมอยู่อีก ม๊านะเงินก็ไม่ให้ต้องจ่ายค่าเดินทางเองอีก โอ้ยยยย อารมณ์ผมเดือดยิ่งกว่าอากาศตอนเที่ยงนี่เสียอีก
ผมนั่งรถประจำทางไปตามที่อยู่ที่เขียนไว้ที่หน้าซอง อากาศก็ร้อน คนก็เยอะ หิวก็หิว เงินก็ไม่ค่อยจะมี ถ้าชีวิตผมจะเศร้าขนาดนี้ล่ะก็นะ เฮ้อ รถยังมาติดอีก กว่าผมจะเดินทางไปถึงก็ชั่วโมงนึงเข้าไปแล้ว ท้องผมก็ร้องครืดๆเป็นซาวน์ประกอบชีวิตอนาถๆของผมเข้าไปสิ
“มาหาใครคะ” พี่สาวคนสวยพนักงานต้อนรับถามขึ้น
“มาหาคุณอู๋ฟานครับ”
“นัดไว้รึเปล่าคะ”
“เปล่าครับ คือแม่ผมให้เอาเอกสารมาให้” ผมยื่นเอกสารให้พี่เค้าดู
“งั้นรอสักครู่นะคะ” พี่สาวคนนั้นบอกก่อนจะยกหูโทรศัพท์น่าจะต่อสายไปหาไอ้หล่อ “มีคนมาขอพบค่ะ ไม่ได้นัดไว้..ค่ะ..ค่ะ...น้องชื่ออะไรคะ”
“ลู่หานครับ”
“ชื่อลู่หานค่ะ...ค่ะๆ”
“เชิญเลยค่ะ ชั้น30” พี่สาวผายมือให้ผมไปยังลิฟท์ฝั่งของผู้บริหาร ระหว่างที่ผมรอลิฟท์ก็แอบสำรวจตึกที่ทำงานของไอ้หน้าหล่อมันด้วย ตึกก็ใหญ่โตดีไซน์สวยดีสมแล้วที่เป็นบริษัทของเจ้าของธุรกิจอัญมณีระดับเอเชีย ยิ่งใหญ่สวยงามสมกับฐานะมันจริงๆ ยืนรอไม่นานลิฟท์ก็มา กระจกข้างในลิฟท์ทำให้ผมรู้สึกอนาถกับสภาพตัวเองยิ่งนัก ถึงแม้ทั้งตัวผมจะเป็นของแบรนด์ทั้งหมดแต่ไอ้หน้ามันแผล่บกับหัวกระเซอะกระเซิงเนี่ย พี่ยามหน้าบริษัทเค้าปล่อยผมเข้ามาได้ไงว่ะเนี่ย
พอมาถึงชั้น30 ผมก็รีบเดินตรงดิ่งไปตามทางเดินแล้วก็พบกับ...น่าจะเลขาของไอ้หน้าหล่อมันนะ เลขาสวยเชียวแหมบริษัทนี้มันรับคนเข้าทำงานที่หน้าตารึเปล่า ทำไมมีแต่คนสวยๆทั้งนั้นเลยว่ะ
“คุณลู่หานใช่มั้ยคะ เชิญเลยค่ะ” พี่เลขาคนสวยบอกผมพร้อมรอยยิ้ม ผมยิ้มตอบแล้วเดินไปเคาะประตูสองสามทีเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป...ไอ้หน้าหล่อใส่สูทผูกไทด์เต็มยศนั่งจิ้มไอแพดในมือไปด้วยพลิกเอกสารไปด้วย ดูวุ่นวายไปหมด ขนาดผมมายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะมันแล้วมันยังไม่รู้ตัวเลย
“สวัสดี” ผมทักมันก่อนเพราะดูเหมือนมันจะยุ่งจนไม่เห็นว่าผมมาถึงแล้ว
“อือ” แน่ะ เหลือบตาขึ้นมามองผมแล้วอือมาคำเดียวแบบนี้มันยังเคืองผมอยู่แน่ๆล่ะ
“ม๊าให้เอามาให้” ผมยื่นซองสีน้ำตาลให้มัน
“อะไร”
“ไม่รู้” มันรับซองในมือผมไปหยิบปึกกระดาษข้างในออกมา แล้วทำหน้างง
“กระดาษเปล่า”
“เฮ้ย อะไรนะ” โอ้ยม๊าให้ผมถ่อมาถึงนี่เพื่อเอากระดาษเปล่ามาให้มันเนี่ยนะTT ทั้งต้องตื่นก่อนเวลาที่ตั้งใจไว้ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ต้องฝ่าอากาศร้อนอบอ้าว แถมต้องเจียดเงินน้อยนิดมาใช้เป็นค่าเดินทางอีก ม๊าทำกับผมอย่างนี้ได้ไงเนี่ยยยย
ระหว่างที่ผมกำลังพร่ำเพ้อถึงความเศร้าในชีวิตของผมที่เศร้ายิ่งกว่านางเอกละครเรื่องไหนๆ โทรศัพท์มือถือของไอ้หน้าหล่อมันก็ดังขึ้น ผมเลยถือโอกาสแอบฟังซะเลย
“ฮัลโหล อ่อครับ..มาถึงแล้ว...ได้ครับ ครับ”
“ม๊าโทรมาบอกว่าจะออกไปข้างนอก กลับดึก ให้อยู่กับพี่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าม๊าจะกลับถึงบ้าน”
“ไม่เป็นไรผมมีกุญ...โธ่เว้ย อยู่ไหนว่ะ” ผมล้วงกระเป๋าแต่พวงกุญแจโดนัลด์ดั๊กของผมหายไป
“ม๊าบอกลู่หานวางไว้บนโต๊ะกินข้าว” ผมทำหน้าเซ็ง ไม่เป็นไรโทรชวนซิ่วหมินไปเที่ยวก็ได้ แต่เฮ้ย...มือถือแบทหมดแล้วอ่ะTT
“เออใช่ ม๊าบอกด้วยว่าโทรหาลู่หานไม่ติดเลยต้องโทรหาพี่แทน โทรศัพท์เป็นอะไรรึเปล่า” ผมโชว์มือถือจอดำให้มันดู
“แบทหมด” มันเป็นวันโคตรซวยของผมจริงๆ แล้วแบบนี้ผมจะเอาเบอร์ซิ่วหมินจากไหนล่ะเนี่ย ถึงจะสนิทกันแต่ใช่ว่าผมจะจำเบอร์มันได้นะTT
“แล้วจะเอายังไง ถ้าไม่อยากอยู่ จะไปไหนก็ได้นะ” มันพูดเสียงนิ่งๆ นี่คือไล่หรือน้อยใจหรือเคืองหรืออะไรว่ะ แล้วที่สำคัญผมจะไปไหนได้ไงอ่ะ เพื่อนก็ไม่มี แฟนก็ไม่ว่าง เงินก็...เหลืออยู่นิดเดียวเนี่ย
“ขออยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ย” มันสบตาผมทำหน้าเหมือนว่านี่มันหูฟาดรึเปล่า
“แปลก”
“แปลกยังไง ก็เหนื่อยอ่ะ ร้อน เข้าใจเปล่า กว่าจะมาถึงนี่ลำบากมากนะ”
“เออแล้วตกลงลู่หานมาหาพี่ทำไม” ไม่ได้มาหาเว้ย
“ก็เอาซองนั่นมาให้ไง”
“แต่มันไม่มีอะไรนี่” มันพลิกกระดาษเปล่าดูอีกรอบ
“ก็ไม่รู้เหมือนกันม๊าสั่ง...เอ๊ะหรือว่า....” ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่จริงก็ควรจะรู้ได้ตั้งนานแล้ว...แผนของม๊าแน่เลย และดูเหมือนไอ้หน้าหล่อนี่มันก็คงจะรู้แล้วเหมือนกัน
“สงสัยม๊าอยากให้ลู่หานมาเคลียร์กับพี่”
“เคลียร์อะไร ผมมีอะไรต้องเคลียร์กับคุณไม่ทราบ”
“ก็เมื่อวานลู่หานทำให้พี่โกรธ”
“อะไร ผมทำอะไร”
“ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ จะให้พี่ไล่ทีละข้อเลยมั้ย”
“ไม่รู้เว้ย ไล่มาดิว่าผมทำอะไรให้คุณโกรธ”
“กลับดึกมาก มีผู้ชายมาส่งที่บ้านทั้งๆที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แถมยังจะจูบกันอีก แบบนี้พี่สมควรโกรธมั้ยล่ะ”
“ไม่เห็นดึกเลย แล้วนั่นก็เซฮุนแฟนผม ผมจะจูบกับแฟนแล้วผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่ลู่หานเป็นคู่หมั้นพี่เนี่ยแหละ”
“แต่ผมคบกับเซฮุนมาก่อนจะเจอคุณอีกนะ”
“คบกับมันมานานเท่าไหร่แล้ว”
“สองเดือน”
“หึ แต่เราหมั้นกันมาแล้วเป็น10ปีนะ 10ปี” ไอ้หน้าหล่อแค่นหัวเราะแล้วพูดเน้นเสียงตรงคำว่า 10ปี
“10ปีแล้วไง”
“ไม่แล้วไงหรอก....” ไอ้หน้าหล่อมันยังไม่ทันได้พูดต่อมือถือมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันพูดภาษาอังกฤษรัวๆใส่คู่สนทนาอยู่นานกว่า10นาที แล้วทำไมต้องเลข10ด้วยเนี่ย เกลียดไอ้เลขนี้จริงๆ ผมพาลไปหมดอ่ะตอนนี้คนมันโมโหแล้วก็หิวด้วยอ่ะ ผมยืนรอมันอีกซักพักแต่ดูจะไม่มีทีท่าว่ามันจะคุยเสร็จง่ายๆ ผมเลยไปนั่งรอมันที่โซฟาแทน มันมองตามผมมาแวบนึงแล้วก็ไปสนใจหน้าจอไอแพดต่อ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าก็ได้ฤกษ์วางซักที พอมันวางผมก็เดินไปหามันกะจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงโต๊ะเสียงมือถือมันก็ดังขึ้นอีก คราวนี้มันรัวภาษาจีนใส่อีกฝ่าย ผมจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องเปิดสาขาใหม่ที่จีนอะไรซักอย่าง มันเหลือบตาขึ้นมามองผมแล้วชี้ไปที่โซฟาเชิงให้ไปนั่งรอก่อน ผมนั่งแก่วรอมันอีกเกือบครึ่งชั่วโมง บ่ายสองเข้าไปแล้วหิวจนปวดท้องแล้วเนี่ย
ในที่สุดมันก็วางสาย ผมลุกขึ้นเดินไปหาไอ้หน้าหล่อมันแต่เสียงโทรศัพท์มันก็ดังขึ้นอีก โอ้ย ผมอยากจะลงไปดิ้นกลางห้องมันซะจริงๆ มันรับสายอีกครั้งคราวนี้เป็นภาษาเกาหลี เอาซิ ทั้งรวย ทั้งหล่อ มันยังจะแอ็ดวานซ์ด้านภาษาอีก เพอร์เฟคมันเข้าไป มันชี้นิ้วให้ผมนั่งลงที่โซฟาอีกครั้งแต่คราวนี้ผมไม่ทำตาม ผมเดินไปที่โต๊ะมันแล้วเอากระดาษเปล่าที่ม๊าให้เอามาให้มันนั่นแหละมาเขียนโน๊ตให้มันอ่าน
......หิวอ่ะ มีอะไรให้กินมั้ย...... ไอ้หน้าหล่อเห็นแล้วก็เกือบจะหัวเราะออกมาแต่ก็คุมสติไว้ได้อยู่ มันหยิบปากกาเขียนกลับมา
......รอแปบได้มั้ยเดี๋ยวพาไปกิน...... ผมส่ายหน้า หิวใส่จะขาดแล้วเนี่ยยังจะให้รออีก แต่มันก็ทำหน้าทำมือส่งสัญญาณให้ผมบอกอีกแปบเดียวจริงๆ เอาว่ะ รอก็ได้ มีคนเลี้ยงจะได้ไม่ต้องออกตังค์เองด้วย
แปบเดียวที่มันบอกก็แปบเดียวจริงๆครับ มันวางสายแล้วจัดการของบนโต๊ะไม่นานมันก็ลุกขึ้นยืน
“คุณ ไปกันยัง” ผมถามมัน
“ยัง” อ้าวเฮ้ยอะไรยังไง อย่ามากวนประสาท
“เรียกพี่ว่าพี่ก่อนสิ แล้วจะพาไป”
“เรื่องดิ” ไอ้นี่นี่เรื่องมากจริงเว้ย
“งั้นก็ทนหิวต่อไป” ครืดดดดดดดดดดดดดดดด....แหมทนมาตั้งนานดันมาร้องเอาเอาตอนนี้ได้จังหวะพอดีเลยนะไอ้ท้องบ้า แล้วดูไอ้หน้าหล่อมันยังมาหัวเราะคิกคักอีก อายเป็นนะเว้ย
“ว่าไง จะเรียกไม่เรียก” มันถามยิ้มๆ
“พี่!!” ผมส่งเสียงกระโชกโฮกฮากสมชายชาตรีออกไป(แต่คงไม่สมกับหน้าหวานๆของผมเท่าไหร่-*-)
“นุ่มนวลกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ”
“พี่” ผมลดเสียงลงมาแต่ยังแข็งกร้าวอยู่ โมโหมันอ่ะ คนยิ่งหิวๆอยู่เดี๋ยวก็กินมันซะเลยดีมั้ย?? กินจริงๆนะไม่ได้มีนัยยะแอบแฝง
“อืม ก็ดีขึ้น แค่นี้ก่อนก็ได้ ไปกันเถอะ” ไอ้หน้าหล่อมันยิ้มนิดนึง
“แล้วคุณจะพาผมไปกินอะไรอ่ะ”
“หืม?? คุณอะไรอีก บอกให้เรียกพี่ไง” มันเดินมาหยุดหน้าผมแล้วก้มตัวลงมาให้หน้าอยู่ระดับเดียวกันแล้วพูดขึ้น
“เออๆ พี่จะพาผมไปกินอะไรล่ะ” ผมพูดโดยไม่สบตามัน
“งั้นแล้วแต่ลู่หานเลยล่ะกัน....” มันยกมือขึ้นลูบหัวผม “...เด็กดีของพี่” ไอ้หน้าหล่อมันพูดพร้อมรอยยิ้มออร่ากระจาย ต้องยอมรับจริงๆว่าความหล่อของมันเริ่มส่งอิทธิพลต่อผมแล้ว หน้าผมร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ โดนความหล่อระยะประชิดโจมตีแบบนี้ใครจะไปทนได้กัน เพราะฉะนั้นผมไม่ผิดนะที่หน้าแดง มันเป็นกลไกของร่างกาย มันหล่อมากจนผมหัวใจเต้นแล้วเลือดก็สูบฉีดไปที่หน้า สมเหตุสมผลถูกต้อง ผมไม่ผิดแน่นอนล่ะ แต่ถ้าจะมีคนผิดก็ผิดที่มันนั่นแหละที่หล่อเกินไป ใช่ มันอ่ะแหละที่ผิด ไอ้หล่อเอ้ยยยยยยยยยย!!
TBC
-ก่อนอื่นต้องขอบคุณทั้งสองคอมเม้นมากๆเลยค่ะ ที่ลงที่นี่ไม่ได้โปรโมทที่ไหนเลย ไม่คิดว่าจะมีคนผ่านมาอ่านด้วย ดีใจTT ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
-แล้วก็ฟิคเรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอเมดี้ค่ะ จะถ่ายทอดผ่านตัวน้องลู่หานที่กวนๆน่ารักน่าหยิก(หรอ??) หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
-อาจอัพช้าไปบ้างเพราะพยายามเกลาออกมาให้แต่ละตอนดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อ่ะค่ะ ต้องใช้เวลานิดนึง>< แต่ไม่หนีไปไหนแน่นอนจนกว่าน้องลู่หานจะรักพี่คริส ฮ่าฮ่า
-ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น