คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนพิเศษ : เซฮุน
“ทำไมแกคิดงั้นล่ะ”
“ก็วันนั้นชั้นกับแทมินน่ะเห็......” แทมินตกใจรีบยกมือขึ้นปิดปากจงอินที่เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“เห็นอะไร??”
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้บ้าจงอินมันคงเมาแล้วพูดเพ้อเจ้อ อย่าไปใส่ใจมันเลย” แทมินบอกแล้วขู่จงอินผ่านสายตาก่อนจะยอมเอามือลงปล่อยให้มันซดต่อ
“แล้วตกลงว่ามีปัญหาอะไรกันรึเปล่า กับพี่ลู่หานน่ะ โอ้ย แทมินจะตีทำไมเนี่ย”
“นายสัญญากับชั้นแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้” แทมินพูดเสียงเบามากแต่ผมก็พอจะจับใจความได้
“นายสองคนมีอะไรปิดบังชั้นรึเปล่า” ผมวางขวดเบียร์ลงแล้วจ้องหน้าทั้งสองคน แทมินยิ้มให้ผมแหยๆแล้วหันไปทำหน้าดุใส่จงอินอีกรอบ
“ถ้าพวกนายยังเห็นชั้นเป็นเพื่อนก็บอกมาเถอะว่าเรื่องอะไร แล้วก็ที่แกถามว่าชั้นมีปัญหาอะไรกับพี่ลู่หานมั้ย ชั้นตอบได้เลยว่าเปล่า แต่แค่มันไม่เหมือนเดิม”
“นั่นไง ชั้นบอกแล้วว่ามันต้องมีอะไร” จงอินตบเข่าฉาดแล้วยิ้มเยาะแทมิน
“ที่นายว่าไม่เหมือนเดิมน่ะ หมายถึงยังไง” แทมินหันมาถามผมโดยไม่ได้สนใจจงอินที่ทำหน้าภูมิใจอยู่ข้างๆเลยซักนิด
“ชั้นรู้สึกว่าพี่ลู่หานมีอะไรปิดบังชั้นอยู่”
“นั่นไง!” จงอินแทรกขึ้นมา
“แล้วตกลงว่าพวกนายไปเห็นอะไรที่เกี่ยวกับพี่ลู่หานมาใช่มั้ย”
“ก็ใช่น่ะสิ....ชั้นน่ะเห็น...โอ้ยแทมิน” แทมินฟาดเข้าไปที่ขาจงอินจนมันร้องลั่น
“ให้ชั้นพูดเองดีกว่า เซฮุนที่จริงเรื่องนี้พวกชั้นก็ไม่ควรเอามาบอกนายหรอกนะ แต่ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ชั้นว่าถ้านายรู้ไว้มันอาจจะดีกับตัวนายเองมากกว่า...” แทมินหยุดเหมือนจะรอดูปฏิกิริยาจากผม พอผมพยักหน้าแทมินก็เริ่มพูดต่อ
“ตอนช่วงสอบมิดเทอมน่ะ ชั้นกับจงอินไปเจอพี่ลู่หานเดินกับผู้ชายคนนึงอยู่ที่ห้างK...” ผมตกใจแต่ผมก็พยายามนั่งฟังอย่างใจเย็น
“บางทีอาจจะเป็นญาติหรือเป็นเพื่อน นายอาจจะรู้จักก็ได้ ผู้ชายคนนั้นตัวสูง หน้าตาหล่อมาก ผมสีทอง นายพอจะคุ้นๆมั้ย” เหมือนผมจะเคยเห็นคนลักษณะแบบนี้นะ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก อาจจะนานมาแล้วก็ได้ อาจเป็นพวกดาราที่ผมเคยเจอล่ะมั้ง แต่ก็ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ลู่หานนี่ ผมเลยส่ายหน้าตอบกลับไปแต่ก็ยังกังวลอยู่
“อาจจะเป็นเพื่อนใหม่” แทมินพูดขึ้นเพื่อไม่ให้ผมกังวล
“แทมินนายเลิกแถซักทีเถอะ ชั้นบอกนายได้เลยว่าไอ้หมอนั่นกับพี่ลู่หานเค้าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันหรอก”
“จงอิน นายคิดว่าพูดแบบนี้แล้วเซฮุนจะรู้สึกดีอย่างงั้นหรอ?”
“ชั้นพูดความจริงที่ชั้นเห็น ไม่พยายามปิดบังเพื่อรักษาความรู้สึกเพื่อนเหมือนนายหรอก”
“หยุดๆ ขอชั้นใช้ความคิดหน่อย” ผมเห็นเหมือนเพื่อนสองคนเริ่มจะทะเลาะกันก็เลยพูดออกไปก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ ผมคบกับทั้งสองคนมานานย่อมรู้นิสัยของพวกมันดี จงอินเป็นคนตรงๆ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ส่วนแทมินจะเป็นคนรักษาน้ำใจเพื่อนเสมอ แบบนี้ก็พอจะทำให้ผมเดาได้ว่าผู้ชายคนนั้นมีความเกี่ยวข้องยังไงกับพี่ลู่หาน ผมยังจำวันนั้นที่ผมไปรับพี่ลู่หานที่มหาลัยได้ ผมชวนเค้าไปเที่ยวเหมือนปกติ แต่วันนั้นพี่ลู่หานดูไม่มีความสุขเลยทั้งๆที่เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ดูกังวลและเหม่อลอยตลอดเวลา ผมเองก็เริ่มสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงที่เราไมได้เจอกันมีอะไรที่ผมไม่รู้เกิดขึ้นรึเปล่า?? ตอนที่พี่ลู่หานออกมาจากห้องน้ำพี่ลู่หานก็ยิ่งดูแย่ลงไปกว่าเดิมอีก ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มา ผมเริ่มแน่ใจว่าระหว่างเรามีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
“เซฮุน โทรศัพท์” ผมจมอยู่ในห้วงความคิดไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองดัง จนแทมินต้องสะกิดบอก ผมคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมา เห็นชื่อที่โทรมาแล้วผมยิ่งรู้สึกหนักใจ
“ครับ พี่ลู่หาน”
.................................................................................................................................................................................................................
ผมมานั่งรออยู่ที่ร้านเค้กร้านโปรดของผมที่พี่ลู่หานนัดไว้ วันนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะคุยเรื่องของพี่ลู่หานกับคนๆนั้นให้รู้เรื่อง นั่งรอไม่นานพี่ลู่หานก็เข้ามา ใบหน้าหวานยังคงแย้มยิ้มให้ผมเสมอแม้จะไม่สดใสเหมือนเก่าก็ตาม
“พี่....พี่....พี่ลู่หาน” หลังจากที่พนักงานนำเค้กมาเสิร์ฟได้ซักพักพวกเราต่างคนก็ต่างเงียบ ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยกะจะชวนคุยแต่เรียกเท่าไหร่พี่ลู่หานก็ไม่ได้ยิน สายตามีแววกังวลเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ คงจะคิดเรื่องเค้าคนนั้นอยู่ใช่มั้ย??
“อยู่ใกล้แค่นี้เอง เรียกซะเสียงดัง”
“ผมเรียกพี่ตั้งนานแล้ว พี่น่ะคิดอะไรอยู่ ถึงไม่ได้ยินผม”
“เปล่านี่”
“ไม่อร่อยหรอ เห็นไม่ค่อยกินเลย” ผมถาม มองชิ้นเค้กที่แทบจะไม่พร่องลงเลย
“พี่ลืมเอาซีดีมาคืนเซฮุนเลย” คงเป็นเพราะที่ร้านเปิดเพลงของอี้ชิงพี่ลู่หานเลยพูดขึ้นมา
“ไม่เป็นไร พี่เก็บไว้เถอะ ถ้าพี่ชอบ” ผมบอก พี่ลู่หานก็พยักหน้าเนือยๆตอบกลับมา
“พี่มีอะไรอยากบอกผมรึเปล่า??” ผมทนบรรยากาศอึดอัดของเราไม่ได้อีกต่อไปเลยเอ่ยถามขึ้น ผมอยากให้พี่เค้าเป็นคนบอกเรื่องของคนนั้นเองมากกว่าที่ผมจะเอ่ยถาม
“ไม่นี่” แต่พี่เค้าก็เลือกที่จะไม่บอกผม
“อืม งั้นกินต่อเถอะ” ผมยิ้มแล้วกลับมาสนใจเค้กตรงหน้าต่อ
“แล้วเซฮุนมีอะไรอยากบอกพี่รึเปล่า?” ผมมี...แต่ว่าผมควรจะพูดออกไปรึเปล่า? แต่ถ้าผมไม่พูดบรรยากาศน่าอึดอัดนี้มันก็คงจะไม่หายไป เพราะฉะนั้นแล้วผมควรจะพูดใช่มั้ย?? ก่อนที่จะมาที่นี่ผมก็เตรียมใจมาแล้วว่าถ้าตัดสินใจจะคุยเรื่องของคนนั้นความสัมพันธ์ของเราอาจจะจบลงวันนี้เลยก็ได้ แต่ผมก็ยังตัดสินใจว่าจะพูดมันออกไป
“..คือ..พี่มีคนรู้จักเป็น...คนตัวสูง หน้าตาดี ผมสีทองบ้างรึเปล่า??” พอได้ยินที่ผมพูดพี่ลู่หานก็ทำท่าตกใจจนเห็นได้ชัด มันค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าพี่เค้าตั้งใจจะปิดบังเรื่องของคนๆนั้นกับผม
“...อืม รู้จัก” เสียงเบาๆตอบกลับมา ยิ่งผมได้ยินก็ยิ่งปวดใจแต่ก็กัดฟันถามต่อไป
“แล้วพี่มีอะไรจะบอกผมมั้ย เรื่องของคนๆนั้น”
“เซฮุน พี่ขอโทษ มัน...ไม่มีอะไรจริงๆ” พี่ลู่หานเลื่อนมือมาจับมือผมไว้ สายตาเต็มไปด้วยความกลัวและรู้สึกผิด มันยิ่งทำให้ยากที่จะเชื่อว่าสิ่งที่พี่ลู่หานพูดเป็นเรื่องจริง
“ถ้ามันไม่มีอะไรแล้วพี่จะขอโทษผมทำไม” ผมเลื่อนมือหนี
“พี่...พี่....”
“พี่รักเค้าใช่มั้ย...” ในที่สุดผมก็รวบรวมสติถามไป ผมรู้อยู่เต็มอกว่าคำตอบมันคือใช่ ท่าทางที่พี่ลู่หานแสดงออกมามันได้บอกผมแล้ว คนที่เค้ารักไม่ใช่ผมอีกต่อไป แต่เป็นคนๆนั้น
“...ผมไม่โกรธหรอก แค่บอกความจริง อย่าโกหกผมอีกเลย” ผมยอมรับว่าเสียใจที่คนที่ผมรักทำกับผมแบบนี้ แต่ผมก็เข้าใจ
“เซฮุน...”
“เราเลิกกันเถอะ” ผมตัดสินใจพูดคำนี้ออกไป แม้ผมจะเจ็บปวดแต่เพื่อคนที่ผมรักจะได้ไม่ต้องลำบากใจที่จะพูดมันออกมา ผมขอเป็นคนพูดมันออกมาเองดีกว่า ซักวันมันก็ต้องมาถึง แล้วเราจะทนแบกรับความอึดอัดเหล่านี้ต่อไปอีกทำไม ในเมื่อมันจะจบ มันก็ควรจะจบตั้งแต่ตอนนี้
“เซฮุน...” น้ำตาของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวหรืออยากคืนคำพูดแต่อย่างใด น้ำตาที่มาจากความสงสารไม่ใช่ความเสียใจ คนตรงหน้านี้หมดรักผมแล้ว หรือที่จริงเค้าอาจจะไม่ได้รักผมเลย
“เรายังเป็นพี่น้องกันได้นะพี่ เหมือนก่อนหน้าที่เราจะคบกันไง อย่าร้องไห้เลย ผมชอบพี่ที่สดใสมากกว่า” ผมพยายามฝืนยิ้มแล้วตอบกลับไป
“ทำไมถึงทำแบบนี้”
“ผมทำเพื่อพี่” ใช่ผมทำเพื่อพี่ สิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คนที่ผมรักได้
“.....” พี่ลู่หานส่ายหน้าเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ
“ผมปล่อยให้พี่ได้ไปอยู่กับคนที่พี่รักไง”
เหตุผลที่ผมยอมปล่อยเค้าไปง่ายดายแบบนี้เป็นเพราะผมไม่รู้จะยื้อเค้าไว้อีกทำไม ในเมื่อเค้าไม่ได้รักผมแล้วหรืออาจจะไม่เคยรักผมเลย ผมรู้ตัวมาตลอดว่าแอบชอบรุ่นพี่คนนี้และในที่สุดก่อนที่เค้าจะจบการศึกษาไปผมก็ตัดสินใจสารภาพรักและขอคบ แล้วเค้าก็ตกลง
เราคบกันก็จริง แต่ผมก็สงสัยอยู่ตลอดว่าสิ่งที่เค้ามีให้ผมนั้นมันคือความรักแบบคนรักแน่หรอ?? ในสายตาเค้าผมอาจจะเป็นแค่น้องชายที่น่าเอ็นดู แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่ แม้เราจะเคยจูบกันแต่ก็เท่านั้น เค้าไม่เคยทำให้ผมแน่ใจเลยว่าความรักที่มีให้ผมนั้นมากเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ผมก็เชื่อว่าซักวันพวกเราจะก้าวผ่านมันไปได้ โดยลืมคิดไปว่าในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่ผมและเค้าเท่านั้น ผมลืมคิดถึงตัวแปรที่จะเข้ามา ตัวแปรที่จะทำให้เค้าคิดได้ว่าผมมันก็เป็นแค่น้องชายคนนึงที่ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้
และในเมื่อเค้ารักคนๆนั้นผมจะเอาความรักข้างเดียวของผมไปผูกมัดเค้าได้ยังไง ผมอยากจะเห็นแก่ตัวแต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมรู้ว่าผมจะทำให้เค้าไม่มีความสุขและผมเองก็จะเจ็บปวดที่เห็นเค้าไม่มีความสุข....
END
-ในที่สุดก็เขียนพาร์ทของน้องฮุนออกมาจนได้ เห็นมีคนอยากอ่านไอ้เราก็อยากเขียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยจัดซะเลย XD เป็นตอนที่แต่งได้เร็วมากไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ตอนพิเศษสั้นได้ไม่เป็นไรเนอะXD ตอนนี้แต่งเองก็สงสารน้องฮุนเอง อยากจะเสียสละตัวเองไปดามอกน้องฮุนจริงๆ ฮ่าฮ่า ชักติดใจเขียนดราม่า ผันตัวไปเขียนดราม่าดีมั้ยเนี่ย (ล้อเล่น:P)
-และที่สำคัญลืมไม่ได้เลย...ขอขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากๆค่ะ สงสารน้องฮุนกันเป็นแถวววววว พออ่านตอนนี้ก็จะยิ่งสงสารน้องฮุนมากขึ้นกันไปอีกแน่เลย โฮฮฮฮฮฮฮ
-ก่อนจะไปแต่งตอนต่อไปก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ ที่จริงพี่คริสกับน้องลู่หานเค้ารักกันแล้วมันก็ควรจะจบได้แล้วมั้ง แต่เรายังมีอะไรอยากเขียนต่ออีกนิดหน่อย ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะค้าาาาา
ความคิดเห็น