คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
“เสี่ยวลู่!! ทำไมกลับช้าแบบนี้เนี่ย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาหาม๊าไวๆเลย” ผมกลับมาจากมหาวิทยาลัยพอเปิดประตูบ้านปุ๊บก็เจอเข้ากับม่าม๊าที่เหมือนจะยืนรออยู่แล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรก็ถูกม๊าดันหลังขึ้นบันไดไปพร้อมกับคำสั่ง
“ครับๆ” ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปข้างบนสายตาเหลือบไปเห็นว่าในห้องรับแขกมีคนนั่งอยู่ น่าจะเป็นฝรั่งนะผมสีทองเชียว ว่าแต่ม๊ามีคนรู้จักเป็นฝรั่งด้วยหรอ?? ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เกาหลีได้เกือบ 10 ปีก็ไม่ยักจะเคยเห็นม๊ามีเพื่อนเป็นฝรั่งแหะ แล้วตกลงว่าไอ้หัวทองนั่นใครกัน?? หลังจากที่เปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่สุภาพนิดนึงเพราะเห็นว่ามีแขกอยู่เรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาข้างล่างแล้วก็พบกับม๊าที่ยืนรออยู่ที่บันได
“เสี่ยวลู่ทำไมช้าจัง พี่เขารอนานแล้วนะ”
“ใครรออ่ะม๊า”
“เออน่า เดี๋ยวก็รู้”
"ใครอ่ะม๊า ฝรั่งหรอ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะ เข้าขั้นโง่เลยนะม๊า”
“ไม่ต้องพูดมาก ตามม๊ามาไวๆเลย” ม๊าไม่พูดอะไรอีกผมจึงจำใจเดินตามม๊าไปเงียบๆ ในหัวก็คิดถึงภาษาอังกฤษเล็กๆน้อยๆที่เคยร่ำเรียนมา....เฮลโล มายเนมอีสลู่หาน ไนซ์ทูมีทยู แต๊งกิ้ว ซิทดาวพลีส
พอผมก้าวเข้าไปในห้องรับแขกก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่พอเห็นว่าเราสองแม่ลูกเข้ามาก็รีบยืมโค้งให้อย่างคนมีมารยาท พอเงยหน้าขึ้นมาออร่าความหล่อก็กระแทกตาผมแทบบอด เฮ้ย เรื่องจริงนะไม่ได้เว่อร์ ใบหน้าหล่อเหลาสุดๆเข้ากับผมสีทองที่ตัดผิวให้ขาวน่ามอง แถมสายตาดุๆนั่นอีก หล่อจริงอะไรจริงพ่อคุณ หล่อเกรงใจกันบ้างก็ได้นะ
“หวัดดี” เอ๊ะ พูดภาษาเกาหลีนี่หว่า จะว่าไปหน้าก็ไม่ได้ฝรั่งนะแล้วจะมาทำผมทองให้สับสนทำไมว่ะ แต่ก็เข้ากับไอ้หล่อนี่ดีนะ
“ทักพี่เขาสิเสี่ยวลู่” “หวัดดีครับ” เอาว่ะทักไปตามมารยาทล่ะกัน
“ไม่ได้เจอกันนานนะ” ไอ้หล่อนั่นพูดต่อ ทำเอาผมถึงกับงงอ้าปากหวอ...เคยไปเจอกันตอนไหนไม่ทราบ
“เสี่ยวลู่คงจะจำพี่เขาไม่ได้แล้วสิ นี่พี่อู๋ฟานไง ที่อยู่บ้านข้างๆเราที่เมืองจีนน่ะ ที่พอ10ขวบพี่เขาก็ย้ายตามครอบครัวไปที่แคนาดาไง จำได้รึยัง” พอม๊าเล่าความหลังให้ฟังซะขนาดนี้มันก็พอจะคุ้นๆอยู่บ้างเหมือนกันแหะ ชื่ออู๋หานงั้นหรอ?? ใช่เด็กที่ตัวสูงๆชอบทำหน้าดุๆนั่นรึเปล่านะ??
“สงสัยจะจำพี่ไม่ได้จริงๆสินะ น่าน้อยใจจัง” ไอ้หน้าหล่อมันยิ้มแต่ตาเศร้าเรียกคะแนนสงสารจากม๊า
“จะจำไม่ได้ได้ยังไงล่ะจ๊ะ คู่หมั้นทั้งคนนะ” ม่าม๊ารีบแก้ตัวแทนผมแล้วยิ้มจนหน้าบานตาปิดเชียว แต่เอ๊ะ...ตะกี๊ม๊าว่าไงนะ!!
“เฮ้ยอะไรนะม๊า คู่หมั้นอะไรกัน” ผมถามเสียงดังเพราะตกใจมาก
“แหมตอนนั้นแกยังเด็กอาจจะจำไม่ได้ ม่าม๊ากับป๊าของอู๋ฟานตกลงให้แกหมั้นกับพี่เค้าตั้งแต่เด็กๆแล้ว แหวนที่แกคล้องสร้อยใส่อยู่ก็แหวนหมั้นนั่นแหละ” ผมตกใจรีบจับสร้อยที่ใส่ติดตัวมาตลอดตั้งแต่เด็กเพราะเข้าใจว่าเป็นสมบัติของตระกูลขึ้นมาดู พลิกดูด้านของในแหวนก็พบกับตัวอักษรภาษาอังกฤษ
“คริส”
“ชื่อภาษาอังกฤษของพี่เอง” ไอ้หน้าหล่อมันยิ้มยิงฟันโชว์ออร่าเป็นประกาย
“นี่มันไม่ตลกเลยนะม๊า ม๊าก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้วอ่ะ” ผมกระซิบบอกม๊า ใช่ผมมีแฟนแล้วนะแถมเพิ่งจะคบกันไม่นานด้วย
“ไอ้เด็กเซฮุนนั่นน่ะหรอ อย่ามาพูดเรื่องมันให้ม๊าอารมณ์เสียตอนนี้เลยได้มั้ย”
“ม๊า!!”
“เอ่อ....” ไอ้หน้าหล่อมันเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็เงียบไป
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะอู๋ฟาน เรื่องนี้เดี๋ยวม๊าเคลียร์เอง ลูกสนใจแต่เรื่องลู่หานก็พอนะ” ม๊าขยิบตาให้ไอ้หน้าหล่ออย่างรู้กัน ม๊ามันไม่ใช่ลูกม๊านะ ผมเนี่ยลูกม๊าเข้าข้างกันบ้างดิ
“งั้นวันนี้ผมขอพาน้องลู่หานไปทานมื้อค่ำได้มั้ยครับ”
“โอ้ย ตามสบายลูก ไม่ต้องขงต้องขอให้เสียเวลา พาไปเลยไม่ต้องเกรงใจ” ดูม๊าผมพูดเข้า ลูกทั้งคนนะม๊า ลูกชายคนเดียวด้วยนะ
“ม๊า..”
“เรียกทำไมบ่อยๆเนี่ยเสี่ยวลู่ ไปๆออกไปกินข้าวกับพี่เค้าได้แล้ว”
“งั้นผมขอตัวนะครับ แล้วจะรีบพามาส่ง”
“ไม่ต้องรีบลูก ดึกๆก็ได้ม๊าไว้ใจ”
“ม๊า!!” คราวนี้ม๊าไม่สนใจตอบผมอีกต่อไปโบกมือไล่ผมพร้อมยิ้มหวานให้ไอ้หน้าหล่อที่พ่วงตำแหน่งว่าที่คู่หมั้นของผมอย่างพอใจ
“ลู่หานอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” พอมานั่งอยู่ในรถยนต์คันหรูของมันเรียบร้อย ไอ้หน้าหล่อมันก็พูดขึ้น
“ไม่อ่ะ ปกติเวลานี้ไม่กินแล้ว” จริงๆแล้วก็หิวอ่ะนะ แต่ไม่อยากไปด้วยอ่ะเข้าใจเปล่า??
“อ่า...งั้นไปเดินเล่นดีมั้ย ว่าแต่จะไปที่ไหนดีล่ะ”
“ไปไหนก็ไปเหอะ” จะมาถามเซ้าซี้อะไรมากมายเนี่ย
“ก็พี่อยากให้ลู่หานเลือกนี่” “โอ้ย ยุ่งยาก ไปห้างKเนี่ย ใกล้ๆบ้าน” ผมตอบตัดปัญหา เซ้าซี้จริงวุ้ย
“รับทราบครับ” ไอ้หน้าหล่อมันบอกแล้วออกรถไป
“นี่คุณถามจริง คุณรับได้หรอเรื่องที่เราหมั้นกันน่ะ มันคลุมถุงชนชัดๆนะ นี่มันสมัยไหนแล้ว” นั่งเงียบอยู่แปบนึงผมก็เปิดประเด็นเลย “รับได้สิ ทำไมถึงจะรับไม่ได้ล่ะ”
“อ้าวทำไมเป็นงั้นล่ะ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ ถามจริงหน้าตาแบบคุณไม่มีแฟนหรอ”
“ไม่มี” เชื่อก็โง่แล้ว
“โกหกแล้ว”
“ไม่มีจริงๆ” จริงอ่ะ
“งั้นคนที่ชอบอ่ะ”
“ก็...”
“มีใช่มั้ยล่ะ นั่นแหละ เราต่างคนต่างมีคนที่ชอบแล้วเราจะมาหมั้นกันได้ไง นี่มันเรื่องของเราอย่าให้ผู้ใหญ่ตัดสินเลย ผมว่าเราไปบอกเรื่องนี้กับม๊ากันเหอะ”
“ลู่หานมีคนที่ชอบแล้วหรอ” อ้าว เปลี่ยนเรื่องทำไมว่ะ กำลังไคล์แมกซ์แล้วนะเนี่ย
“อือ...ผมมีแฟนแล้วน่ะ” “อ่า....แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ” ไอ้หน้าหล่อมันทำหน้ายุ่งขึ้นมาทันที
“ใช่มั้ยล่ะ ผมมีแฟนแล้วจะมาหมั้นกับคุณได้ไง ไม่ถูกต้องๆ”
“ไม่ใช่ พี่หมายถึง..ลู่หานหมั้นกับพี่แล้ว แล้วมีแฟนได้ยังไง ลู่หานน่ะไม่ถูกต้อง”
“เฮ้ย ผมน่ะถูก คุณน่ะผิดแล้ว”
“พี่สิถูก เรื่องของเรามันเกิดขึ้นมาเป็นสิบๆปีแล้วนะ” นั่นดิ เป็นสิบๆปีแล้วจะเอามาจริงจังทำไม ตอนนั้นผมยังวิ่งไล่จับกับเพื่อนอยู่เลยจะมามีคู่หมั้นได้ไง บ้าบอกันใหญ่แล้ว ไอ้หน้าหล่อนี่ก็รั้นไม่เข้าเรื่อง ใส่อารมณ์ไปคงเท่านั้น ลองเอาน้ำเย็นเข้าลูบดีกว่า
“คุณ เอาแบบนี้ ผมว่าคุณควรถามใจตัวเองดีๆนะว่าต้องการอะไร มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่จะต้องมาผูกมัดตัวคุณเองกับผม ผมน่ะไม่มีอะไรดีเลยนะ ผมเชื่อว่าอย่างคุณอ่ะจะต้องเจอคนที่ดีกว่าผมแน่ๆ เพราะฉะนั้นอย่ายอมรับเรื่องนี้เลย มันไม่ตลกเลยนะ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่ามันตลกนี่ พี่จริงจังนะ” “นั่นสิมันเป็นเรื่องจริงจังนะ ผมว่าเรื่องนี้เราควรตัดสินใจให้ดี จบๆมันไปก่อนจะมีปัญหาตามมา”
“ที่พี่บอกว่าจริงจังน่ะ หมายถึงพี่จริงจังกับลู่หานนะ และแน่นอนว่าพี่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าพี่จะมีสถานะเป็นคู่หมั้นของลู่หาน”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย” มันบ้าไปแล้ววววววววววววววววววววว
เพราะเห็นว่าคุยต่อไปเส้นประสาทประสาทผมอาจจะขาดได้ในไม่ช้าผมจึงยอมยุติเรื่องไว้แค่นี้ก่อน ไอ้หน้าหล่อมันหัวรั้นดื้นด้านจริงๆ อยากเป็นคู่หมั้นผมแล้วถามผมยังว่าอยากเป็นคู่หมั้นมันเปล่า?? เรื่องแบบนี้ตัดสินใจคนเดียวได้ที่ไหน เหอะ ไอ้บ้าเอ้ย!!
ในที่สุดก็มาถึงซักที คงเป็นเพราะว่าเป็นช่วงเย็นแล้วคนในห้างจึงค่อนข้างหนาตา ผมเองก็ไม่ชอบที่ๆคนเยอะอยู่แล้วเลยรีบเดินตรงเข้าไปในส่วนของแบรนด์เนมที่คนจะเดินน้อยกว่า โดยมีไอ้หน้าหล่อเดินขนาบข้างไม่ห่าง นี่ขนาดว่าผมเดินเร็วแล้วนะยังจะเดินตามทันอีก ฮึ้ย ไอ้หน้าหล่อ ไอ้ขายาว ไอ้สูง ไอ้หุ่นดี ผมด่ามันในใจ(ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าด่าหรือชม??)แล้วหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่คนข้างๆนิดนึง ทำเอามันงงไปเลย แถมยังทำหน้าสงสัยใส่ผมอีก ไม่ต้องสงสัย หงุดหงิดแกนั่นแหละไอ้หล่อเอ้ยยยย
พอเข้ามาส่วนขายของแบรนด์ อารมณ์ผมก็เหมือนจะสงบลงมาหน่อย ระหว่างกำลังเดินทอดน่องดูของไปอย่างสบายๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเป้MCMที่เพิ่งออกใหม่
“สวยจังเลย” ผมเข้าเกาะตู้กระจกทันที ดวงตาผมคงเป็นประกายระยิบระยับเหมือนในการ์ตูนแน่ๆเลยตอนนี้ อยากได้จังเลยยยยยย ระหว่างที่กำลังชื่นชมเจ้ากระเป๋าเป้สีครีมใบงามสายตาพลันไปสะดุดเข้ากับป้ายราคา พระเจ้า ราคาโหดมาก แต่ก็อยากได้อ่ะนะ ผมหยิบกระเป๋าตังขึ้นมานับๆแบงค์ที่มีอยู่ เอ่อะ...ไม่พออ่ะ ถ้าจะรูดบัตรตั้งแต่ต้นเดือนม๊าจะด่ามั้ยเนี่ย
“ชอบหรอ” ไอ้หน้าหล่อมันถาม ผมก็เผลอพยักหน้าตอบมันไป
“น้องครับ เอาใบนี้” อ้าวเฮ้ย...ไอ้หน้าหล่อมันเรียกพนักงานแล้วชี้ๆไปที่กระเป๋าเป้ใบงามของผม
“คุณๆ ไม่ต้อง ผมเกรงใจ” จริงๆผมก็ดีใจนะ ก็อยากได้อ่ะ แต่ก็ไม่อยากรับของจากมัน คนเพิ่งรู้จักกันแถมยังเคลียร์เรื่องคู่หมั้นไม่ลงตัวอีก
“อย่าเกรงใจเลย ถ้าลู่หานชอบไม่ว่าอะไรพี่ก็ซื้อให้ได้ คู่หมั้นพี่ทั้งคนนะ” มันขยิบตา ทำเอาเส้นความเกรงใจของผมขาดผึงลงทันที อ่อ...อวดรวยสินะ ได้เลยยยยย จะกวาดมันให้หมดทุกแบรนด์เลยคอยดูอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน แน่วแน่ นักใช่มั้ย มั่นใจนักใช่มั้ย ได้เลยจัดให้!!
..................................................................................................................................................................................................................
“โอ้ย เสี่ยวลู่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย” ม่าม๊าเปิดประตูรับผมแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพลูกชายของตัวเองที่สองมือเต็มไปด้วยถุงแบรนด์เนมต่างๆ ไหนจะในมือของไอ้หน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้างหลังผมอีกล่ะ
“ก็เขาซื้อให้อ่ะ” ผมบอกแล้วพยักเพยิดหน้าไปที่คนข้างหลังที่ยังคงยิ้มอย่างสบายๆ มันคงรวยจริงเพราะนี่เค้าก็ซื้อมาแทบทุกแบรนด์ในห้างนั้นแล้วนะมันยังไม่มีท่าทีอะไรเลย เจ็บใจชะมัด
“ต๊ายตาย พ่อบุญทุ่ม เห็นมั้ยเด็กบ้าแบรนด์อย่างแกไม่ใช่ทุกคนจะเลี้ยงแกรอดนะ ไอ้เด็กเซฮุนนั่นม๊ามองปร๊าดเดียวก็รู้แล้วว่าเลี้ยงแกไม่ไหวหรอก ต้องอย่างอู๋ฟานเนี่ยเหมาะสมๆ” ม๊ากระซิบบอกผม
“ม๊าอย่าพูดถึงเซฮุนแบบนั้นสิ” ม๊านี่ก็ชอบว่าเซฮุนตลอดเลย เซฮุนเป็นแค่เด็กมัธยมจะมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ไง
“หยุดเลยๆ ไม่ต้องมาเถียงแทนมัน ขนของขึ้นไปเก็บไป แหมมีแต่ของมีราคาทั้งนั้น พ่ออู๋ฟานนี่ใจถึงจริงๆ หน้าตาก็ดี ฐานะก็ดี ม๊าล่ะอยากได้มาเป็นลูกเขย” ม๊าหันไปพูดกับมัน มันก็ได้แต่ยิ้มรับ
“พอเลยม๊า”
“ขนของแกขึ้นไปเงียบๆเลยเสี่ยวลู่”
“ม๊า!!” อยากจะเตือนม๊าจริงๆว่าคนที่เป็นลูกม๊าเนี่ยผมนะTT
“มาลูกอู๋ฟาน ช่วยน้องถือของซะเยอะเลย เข้ามาทานน้ำก่อน” ม๊าไม่สนใจผมอีกต่อไปรีบเรียนเชิญคุณคู่หมั้นของผมเข้าไปพักผ่อนในบ้าน
“เอ่อ แล้วของล่ะครับ” มันถามแล้วยกของในมือขึ้นให้ม๊าดู
“วางไว้แถวๆนี้ เอ้ย เอาขึ้นไปให้น้องข้างบนเลยก็ได้ลูก” ผมได้ยินแบบนั้นรีบวิ่งลงมาจากบันไดขั้นบนสุดอย่างรวดเร็วจนหัวแทบจะทิ่ม
“ไม่ต้องๆ วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวลงมาเอาเอง”
“งั้นก็วางไว้ตรงนั้นแหละจ้ะ มาลูกมานั่งพักก่อน” คำก็ลูกสองคำก็ลูกนะม๊า เห็นคนหล่อรวยไม่ได้เอาใจใหญ่เชียว
“เสร็จแล้วก็รีบลงมานะเสี่ยวลู่ ม๊าให้ห้านาที” ผมรีบวิ่งขึ้นไปโยนๆของไว้บนเตียงก่อนจะรีบลงมาให้ทันห้านาทีตามที่ม๊าสั่ง
“ลงมาไวดีนี่ แต่ก็ช้าอยู่ดี พี่เขาขอตัวกลับไปแล้ว สงสัยจะมีธุระด่วนจริงๆ”
“ก็ดีแล้ว งั้นผมไปจัดของก่อนนะ”
“อย่าเพิ่งไป ม๊ามีเรื่องจะพูดด้วย”
“เออใช่ผมก็มีเรื่องจะคุยกับม๊าเหมือนกัน” ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆม๊าที่นั่งจิบชาอย่างใจเย็น
“งั้นแกพูดมาก่อนเลย” “ผมอยากถอนหมั้น”
“โอ้ย ลูกชายชั้นเสียสติไปแล้ว” ม๊าวางแก้วชาลงเสียงดังแล้วยกมือขึ้นทาบอก
“เฮ้ยม๊า ผมยังสติดีอยู่นะ”
“ไม่มีคนสติดีที่จะยอมถอนหมั้นกับอู๋ฟานหรอก พ่อเทพบุตรอู๋ฟานมีแต่คนหมายปอง ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของ แต่แกที่เป็นเจ้าของตัวจริงกลับไม่ต้องการ ถ้าสติไม่ดีแล้วจะเรียกว่าอะไรย่ะ”
“ม๊า แล้วเรื่องผมกับเซฮุนล่ะ”
“ก็ไปจัดการให้เรียบร้อย หรือจะให้ม๊าจัดการให้”
“ผมรักเซฮุนนะม๊า เราเพิ่งคบกันเองจะให้เลิกกันได้ยังไง ม๊าไม่เข้าใจวัยรุ่น”
“ตกลงจะไม่เลิกกับมันใช่มั้ย” ม๊าพูดเสียงเย็นจนผมเริ่มหนาวยะเยือก ท่าทางจะเอาจริง แต่ยังไงๆผมก็...
“ไม่เลิก” ยืนยันอีกครั้ง
“งั้นก็ดี เอากระเป๋าตังค์มา” ไม่เอาไม่ให้ รู้นะม๊าคิดจะทำอะไรอ่ะ ผมนั่งนิ่งทำเป็นไม่ได้ยินที่ม๊าสั่ง “เอามา!!” จนม๊าต้องยืนยันคำพูดอีกครั้งด้วยเสียงดังกว่าเดิม หน้าตาม๊าก็ดูเหมือนจะไม่เล่นอีกต่อไป ผมจึงยอมยื่นกระเป๋าตังค์ให้
“เฮ้ยม๊า จะทำอะไรน่ะ” บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม บัตรทั้งหลายแหล่ที่เกี่ยวข้องทางการเงินถูกม๊าจับหักทีละใบๆต่อหน้าต่อตาผม ถึงผมจะเป็นพวกไม่ชอบใช้บัตรแต่บางครั้งมันก็จำเป็นนะ โดยเฉพาะช่วงที่เงินสดผมเหลือน้อยมากๆแบบตอนนี้
“อยู่ให้รอดด้วยเงินสดที่มีอยู่ล่ะกัน” ม๊าโยนกระเป๋าตังลงบนโต๊ะข้างหน้าผมแล้วเดินเชิดหน้าออกไป แบบนี้พรุ่งนี้ต้องรีบไปถอนเงินที่ธนาคารแล้ว “สมุดบัญชีแกน่ะ อยู่กับม๊าแล้วนะ ไม่ต้องหาให้เสียเวลา” ม๊ากลับมาชะโงกหน้าบอกผมก่อนจะเดินขึ้นบ้านไป แย่แล้วลู่หานแล้วจะอยู่ยังไงเนี่ยTT
TBC ใครแวะผ่านมาก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ:)
ความคิดเห็น