ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eternity Moon

    ลำดับตอนที่ #6 : School Days ( เรื่องในโรงเรียน )

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 48




              เสียงจอแจในห้องเรียนเงียบอย่างฉับพลัน  เมื่อเรนกิได้ก้าวเข้ามาพร้อมชินกับนามิ  ทุกสายตาเหมือนถูกสะกดให้ไม่อาจมองที่อื่นได้นอกจาก สาวผมแดงที่สวยราวนางในเทพนิยาย แม้แต่ทานากะที่จะวิ่งเข้ามาทักทายก็ชะงักอย่างตะลึง



              “ เออ... “ชินกับนามิหันมามองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก  และไม่กี่อึดใจนั้นเอง  เสียงของเพื่อนๆในห้องก็ดังกระหึ่ม โดยเฉพาะเพื่อนชาย



              “ นักเรียนใหม่เหรอ ไม่เคยเห็นเลย “



              “ เฮ้ย ชิน แกไปเอาผู้หญิงสวยขนาดนี้มาจากไหนฟะ “



              “ หรือว่าเป็นดาราจากที่ไหน “



              “ เธอๆ ดูผมสีแดงเค้าสิ สวยจัง “



              เสียงตะโกนของนักเรียนชายและเสียงกระซิบระหว่างนักเรียนหญิงดังสลับกัน  ไม่รวมพวกผู้ชายที่มุงอยู่นอกห้องกว่าสิบคนตอนนี้ พวกเขาเดินตามเรนกิมาตั้งแต่หน้าโรงเรียนแล้ว  ชินพยายามจะไม่สนใจ เขาพาเรนกิมานั่งข้างโต๊ะเขาก่อนเพื่อรออาจารย์จัดที่นั่งให้อีกที  



              สำหรับเรนกิเธอดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร เธอทำตามที่ชินบอกทุกอย่าง  ทานากะสูดหายใจลึกๆให้เต็มปอด ก่อนเดินเข้ามาหาชิน เขาเก๊กหน้าหล่อเล็กน้อย ทว่าหลบสายตาไม่กล้ามองเรนกิตรงๆ



              “ ชะ ชิน  .... ผู้หญิงคนนี้ใครอ่ะ “



              “ น้องสาวฉันเอง “ ชินตอบเรียบๆ







    Chapter Six  :  School  Days  ( เรื่องในโรงเรียน )









              “ โธ่เอ้ย  นึกว่าเป็นแฟนชินซะอีก



              หลายคนถอนหายใจพร้อมกันราวกับนัดแนะกันไว้  โดยเฉพาะผู้ชาย



              ทั้งชินและนามิได้ยินเสียงเหล่านั้นชัดเจน ทำเอาชินหน้าแดงในขณะที่นามิหูผึ่งอย่างไม่พอใจ เรนกิยังนั่งนิ่งๆเช่นเดิม เธอมองดูเรื่องราวรอบด้านอย่างสนใจ  ทานากะรวมทั้งเพื่อนชายและหญิงดูจะยังไม่ปักใจเชื่อชินนัก  บางคนตั้งข้อสังเกตว่าเรนกิกับชินหน้าตาไม่คล้ายกัน  บางคนรู้มาว่าชินกำพร้าจะมีน้องสาวได้ยังไง และกลุ่มคนส่วนใหญ่มักบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชินจะมีน้องสาวสวยขนาดนี้  ทำเอาชินทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อนๆเป็นการใหญ่ว่าเรนกิเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ  



           เสียงจอแจเงียบลงเมื่ออาจารย์มิโดริเดินเข้าห้องมา  เธอวางเอกสารการสอนลงบนโต๊ะ  เช้านี้ชินขอร้องอาจารย์เรื่องเรนกิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาให้เหตุผลว่าถ้าเรนกิอาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียวอาจเป็นอันตรายได้ เพราะพวกโรคจิตยังคงตามรังควานเธอไม่หยุด อาจารย์มิโดริยินดีที่จะให้เรนกิมาร่วมเรียนได้ เพียงแต่ชั่วคราวเท่านั้น



              “ เอาล่ะ วันนี้ครูจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับน้องสาวของชินนะ “



              เรนกิยืนอยู่หน้าชั้นพูดทักทายตามที่ชินได้สอนไว้



              “ สวัสดีคะทุกๆคน  ฉันชื่อว่า เรนกิ เป็นน้องสาวของชินคะ “



              เสียงไพเราะและรอยยิ้มของเรนกินี้ทำให้ผู้ชายทั้งห้องส่งสายตาหวานหยดย้อยไปที่เธอเพียงผู้เดียว ผู้หญิงบางกลุ่มสะบัดหน้าพรืดอย่างไม่พอใจแกมด้วยความอิจฉา ชินก็เข้าใจดี เพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดเรนกิมาก่อนเลย



              “ เรนกิจะมาเรียนกับพวกเราเป็นการชั่วคราวเท่านั้นจ๊ะ ครูจะให้เธอนั่งข้างพี่ชายของเธอล่ะกัน  เขาจะได้ดูแลไม่ให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับเธอ“



              ครูมิโดริพูดจบ เสียงถอนหายใจดังๆมีให้ได้ยินจากกลุ่มหนุ่มๆ ในขณะที่นักเรียนหญิงหลายคนพากันหัวเราะเยาะพวกผู้ชายอย่างพอใจ



             เรนกิเดินไปนั่งโต๊ะข้างชินเธอยิ้มให้เขา ชินยิ้มตอบ ดีใจอยู่ลึกๆที่เรนกิไม่ต้องไปนั่งกับคนอื่น สำหรับนามินั้นนั่งเยื้องไปทางขวาหลัง และทานากะก็นั่งอยู่ด้านหลังนามิอีกที  



              ขณะที่เรนกินั่งลงข้างชิน ทานากะก็อดกระซิบกับนามิไม่ได้ว่า



              “ ใช่น้องสาวของชินแน่เหรอเนี่ย  ไม่ค่อยคล้ายกันเลย  เมื่อวานก็สาวต่างชาติ วันนี้ยังมีน้องสาวสุดสวยอีกหรือนี่ “



              “ ไม่รู้สิ ก็เจ้าตัวเขาว่าใช่นี่ “



              นามิพูดพลางมองชินที่กำลังสอนเรนกิใช้ปากกา  เธอรู้สึกกลัวเรนกิอย่างบอกไม่ถูก



              ระหว่างการเรียน  ชินต้องสอนอะไรหลายอย่างให้กับเรนกิ  ซึ่งเรนกิก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เธอดูสนอกสนใจเรื่องราวในโรงเรียนไปเสียทุกเรื่อง คอยถามโน่นถามนี่ตลอดเวลา จนอาจารย์ต้องตักเตือนให้ทั้งคู่สนใจในเนื้อหาวิชาหลายครั้ง เพื่อนชายหลายคนพากันอิจฉาชินเสียเหลือเกิน  



              ช่วงระหว่างพักคาบเรียน  เพื่อนหญิงและชายพากันเข้ามาทักทายเรนกิเพื่อทำความรู้จักด้วย แต่ดูเหมือนว่าคนที่คอยตอบคำถามแทนแทบจะทั้งหมดกลายเป็นชิน จนหลายคนพากันสงสัย



              และที่ทำให้ชินตื่นตกใจมากที่สุดก็คือคาบเรียนพละ  เรนกิทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้างไปตามกันเมื่อเธอกระโดดไปยืนบนห่วงบาส แล้วใส่ลูกลงไปอย่างสบายๆ บางคนยังนึกว่าตาฝาดไป



              “ ก็แค่เอาลูกใส่ห่วงเองไม่ใช่หรือ “ เรนกิยิ้มอย่างไร้เดียงสา



              ชินนึกในใจ “ อยากจะบ้าตาย “ เขารีบอธิบายเพื่อนๆว่าเรนกิเธอเคยเป็นนักกีฬาโอลิมปิคมาก่อน  หลายคนไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เพียงทว่ากระโดดจนไปยืนอยู่บนห่วงบาสได้นี่  ต่อให้แชมป์โอลิมปิคกระโดดไกลของโลกมาเองคงทำไม่ได้แน่





              เสียงสัญญาณบอกให้รู้ว่าได้เวลาพักกลางวันแล้ว นักเรียนกรูกันเข้าไปซื้ออาหาร ชิน เรนกิ นามิและทานากะนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน แน่นอนว่าโต๊ะนี้กลายเป็นเป้าสายตาขึ้นมาทันที  ชิน นามิและทานากะพยายามที่จะไม่สนใจ ส่วนเรนกิเธอไม่รับรู้ว่าจะเป็นเป้าสายตาของใครเพราะเธอจดจ่ออยู่แต่อาหารตรงหน้าเท่านั้น



              “ นี่ เรนกิ เธอว่าเธอมาจากต่างประเทศใช่ไหม ประเทศอะไรล่ะ “



              ทานากะเอ่ยชวนคุย  เรนกิเอานิ้วแตะริมฝีปากบางๆทำท่าขบคิด



              “ ไม่รู้สิ  ที่นั่นไม่มีแบ่งเป็นประเทศ “



              “ หา ? “



              ทานากะอุทานอย่างงงงวย  ชินรีบอธิบายอย่างใจหายใจคว่ำ



              “ เออ คือว่า เรนกิได้รับอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางสมองน่ะ ทำให้เสียความทรงจำบางอย่างไป “



              “ งั้นเหรอ “



              ทานากะมองเรนกิด้วยแววตาเคลือบแคลงใจ แต่แล้วบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น  นักเรียนคนอื่นๆต่างพากันถอยกรูไม่อยากยุ่งเกี่ยวเมื่อกลุ่มอันธพาลประจำโรงเรียนก้าวเข้ามาในโรงอาหาร มันเดินตรงดิ่งมายังโต๊ะที่ชินและทุกคนนั่ง สายตาจับจ้องที่สาวผมแดงหน้าใหม่



              “ ไงน้องสาว  ไม่เคยเห็นเลย  ชื่ออะไรจ๊ะ “



              ชายร่างยักษ์ผู้เป็นหัวโจกแสยะยิ้มถาม  



              “ เรนกิ “  เธอตอบเสียงเรียบไม่ทุกข์ร้อน หญิงสาวเคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ



             ชิน นามิและทานากะชักรู้สึกไม่ดีแล้วสิ



              “ ชื่อแปลกจัง  ว่างๆไปเที่ยวกับพี่ไหม “



              “ ไม่ว่างค่ะ “



              เรนกิปฏิเสธโดยตรง เธอไม่แม้แต่จะเหลือบมองหน้าจิ๊กโก๋คนนั้นเลยด้วยซ้ำ  ชินลอบร้อง “ แย่แน่ “ ในใจ  เรนกิฉีกหน้ามันแรงเกินไป



              จริงดั่งที่คาด  ชายร่างใหญ่นั่นหายใจฟืดฟาด มันตบโต๊ะเสียงดัง  ทำเอาทุกคนในโรงอาหารสะดุ้งเฮือก  ทานากะหน้าซีดเผือดทันที  



              หัวหน้าอันธพาลทำท่าขบเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ



              “ ให้มันน้อยๆหน่อย  รู้ไหมไม่มีใครกล้าพูดยังงี้กับพี่มาก่อน“



              เรนกิไม่แสดงอาการสนใจผู้ชายที่คุกคามอยู่ทั้งสิ้น  เธอมองเศษอาหารที่ตกหล่นพื้นเพราะการทุบโต๊ะเมื้อกี้อย่างเสียดาย



              “ อาหารอร่อยๆตกพื้นหมดเลย “





              “ นังนี่ !





              หัวหน้าอันธพาลกระชากคอเสื้อเรนกิขึ้นมา  ชินนึกหัวเราะในใจ  เพราะเพียงแค่เรนกิออกแรงนิดหน่อยก็จัดการผู้ชายอวดดีคนนี้ได้สบาย มันหาเรื่องเจ็บตัวซะแล้ว  แต่ทว่าชินก็ต้องเปลี่ยนความคิดนี้ทันที เมื่อเรนกิปล่อยให้ชายร่างใหญ่นั่นกระชากคอเสื้อขึ้นมาเฉยๆโดยไม่ตอบโต้





              หมายความว่าไงน่ะ !?  ... รึ ... รึว่า ... เรนกิยังเจ็บแผลอยู่ !!





              ชินตื่นตระหนกขึ้นมาทันที  เรนกิที่ถูกดึงคอเสื้ออยู่นั้น เธอเบนสายตามองพื้นไม่ขยับทำอะไร



              “ ไหนล่ะ  ท่าทีอวดดีเมื้อกี้นี่น่ะ  “





              “ ปล่อยเธอซะ !





              ชินตะคอก ลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ทั้งๆที่ใจหวาดหวั่น แต่ถ้าเทียบกับไคออนความน่ากลัวก็ห่างราวฟ้ากับดิน  เพื่อนของชินและคนอื่นๆต่างพากันหวาดวิตกและชื่นชมในใจ คงเป็นเพราะชินรักน้องสาวมากจนทำให้เขากลายเป็นคนกล้าได้เพียงนี้  หัวหน้าอันธพาลปล่อยมือจากคอเสื้อของเรนกิหันมาทางชินมองด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน





              “ แกจะทำอะไร ไอ้หน้าอ่อน “





              “ ทำยังงี้ไง !“ สิ้นคำ หมัดแข็งๆพุ่งอัดหน้าชายร่างยักษ์เต็มแรงทันที  ทุกคนโห่ร้อง  ไอ้ยักษ์ไม่ทันตั้งหลักหงายตึงลงไปเสียงดัง มันมองหน้าชินอย่างโกรธจัด รีบทะลึ่งตัวลุกขึ้นใช้เท้ากระแทกหน้าอกชินเต็มแรงจนร่างของเขากระเด็นกระแทกโต๊ะอาหารล้มครืน





              “ ชิน !! “  เรนกิร้องอย่างตกใจรีบเข้าหาชิน  ไอ้ยักษ์ยังไม่ยอมเลิกรา  มือหยาบหนาผลักไหล่เรนกิให้ถอยออกไป  





             แต่ฉับพลันนั้นเอง





              กร๊อบ !!  





              “ อ๊ากกกกก   “  เสียงร้องลั่นไปทั้งโรงอาหาร  ไอ้ยักษ์นั่นทรุดร่างลงกับพื้นเอามือจับแขนข้างที่กระดูกนิ้วมือหักไว้อย่างเจ็บปวดทุรนทุราย  ชินลุกขึ้นมองอย่างตื่นตะลึง  ไม่มีใครเห็นชัดถนัดตาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชินพอรู้ว่าเรนกิแน่ๆที่หักนิ้วหัวโจกใหญ่ประจำโรงเรียน  ยังไงต้องรีบหนีล่ะ



              “ เรนกิ  มาทางนี้ “



              ชินคว้าแขนเรนกิวิ่งฝ่าฝูงคนออกมา เรนกิไม่ขัดขืนเธอทำตามเขาอย่างว่าง่าย ดูเธอจะชินซะแล้วที่ให้ชินลากไปไหนต่อไหน  ทิ้งให้นามิกับทานากะหันมามองกันด้วยความรู้สึกยากอธิบาย





                        ________________________________________

              





             ท้องฟ้ากระจ่างใส เมฆก้อนใหญ่ๆราวไอศกรีมขนาดยักษ์มีให้เห็นเป็นหย่อมๆ อากาศบนดาดฟ้าเย็นสบาย



              ชินหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย  ส่วนเรนกิยืนมองชินอย่างสงสัย



              “ ทำไมต้องหนีคนพวกนั้นด้วยล่ะ “



              “ ช่างมันเถอะน่า  ว่าแต่ทำไมเธอไม่จัดการมันแต่แรกล่ะ “



              เป็นคำถามที่ชินครุ่นคิดมาตลอดการวิ่งขึ้นดาดฟ้า เรนกิมีท่าทีลังเลก่อนที่จะพูดว่า



              “ ก็  ...  ก็นายบอกห้ามฉันทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ   “



              คำพูดของเรนกิทำให้ชินอึ้งชะงักงัน  นี่หมายความเรนกิไม่จัดการมันแต่แรก ยอมให้มันทำขนาดนั้น





             เพราะคำพูดที่เขาเคยบอกไว้รึนี่ !?





              เรนกิเห็นท่าทีของชินแล้วก็ตกใจ รีบพูดอย่างสำนึกผิด



              “ ฉัน ... ฉันขอโทษที  ... เมื้อกี้ฉันอดไม่ไหวจริงๆ  มันทำร้ายนายก่อนนี่ ... แต่ไม่ถึงตายหรอก  ฉันแค่หักนิ้วมันเท่านั้น “



              “ .... “  ชินพูดไม่ออก



              “ เป็นอะไรไป เจ็บแผลเมื่อกี้เหรอ  “



              เรนกิถามเมื่อเห็นชินเงียบไป  ส่วนชินนั้นรู้สึกผิดต่อเธอเหลือเกิน  เขาไม่คิดเลยว่าเรนกิจะเชื่อเขาอย่างซื่อตรงขนาดนี้  



              “ ปะ เปล่าหรอก  “



              ชินยิ้ม แสร้งเดินไปยังริมระเบียง สายตามองไกลไปเบื้องหน้าซ่อนสีหน้าไว้ไม่ให้เรนกิเห็น   เรนกิหยุดยืนอยู่ข้างๆเขา ลมเย็นๆพัดผ่านไปพร้อมกับความเงียบ  จนเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เรนกิจึงเป็นผู้ทำลายความเงียบ



              “ นี่ชิน  ฉันถามอะไรนายหน่อยได้ไหม “



              “ ว่ามาสิ“ชินยังคงมองไกลไปเบื้องหน้า



              “ ทำไมนายถึงสมมุติให้ฉันเป็นน้องสาวล่ะ “



              เรนกิหันมองชิน  ชินนิ่งเงียบเรนกิมองเห็นแววสลดในดวงตาของเขา



              “ เพราะว่าน้องสาวฉันตายไปนานแล้วน่ะสิ  เมื่อ 7 ปีก่อนครอบครัวฉันโดนไฟไหม้ มันทำให้พ่อแม่น้องสาวตายหมด แม้แต่ตอนนี้ฉันยังนึกหน้าน้องสาวตนเองไม่ออกเลย “



              “ ก็เลยอยากให้ฉันเป็นน้องสาวนาย ”



              “ เป็นความรู้สึกน่ะ “



              ชินยิ้มโดยไม่หันมองหน้าเรนกิ  สายตาของเขายังคงทอดไกลไปเบื้องหน้า เรนกิไม่คิดจะถามอะไรอีกต่อไป เธอยินยอมให้ความเงียบทำงานไปตามปกติ กระทั่ง



              “ นี่ชิน ขอดูอะไรหน่อยสิ “



              “ หือ … “



              ไม่ทันให้ชินตั้งตัว เรนกิใช้มือปลดกระดุมเสื้อชินอย่างฉับไว เผยให้เห็นหน้าอกแข็งแรง เด็กหนุ่มตกใจผงะถอยหนี



              “ ธะ  เธอจะทำอะไรน่ะ “



              “ เฮ้อ “ เรนกิถอนหายใจออกมา  “ ฉันนึกว่านายจะมี แผลเป็นที่หน้าอก ซะอีก แต่คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ“



              “ เอ๋ แผลเป็น ? “



              ชินขมวดคิ้วสงสัย  เรนกิทอดตาไปเบื้องนอกอย่างเหม่อลอย



              “ ใช่ แผลเป็นที่หน้าอก  คนที่มีบาดแผลนั่นเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน  ฉันมาเมืองนี้ก็เพราะสืบรู้ว่าคนๆนั้นน่าจะอยู่ที่นี่  แต่คงเป็นนายไปไม่ได้อยู่แล้ว  เพราะว่านายเป็นมนุษย์โลก “



              ชินสังเกตเห็นหยาดน้ำเอ่อคลอในแววตาของหญิงสาว เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนๆนั้นเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับเธอยังไงกันแน่ เขาอยากถามออกไป ทว่าริมฝีปากยังคงปิดสนิท ปล่อยให้คำถามที่ผุดขึ้นในใจถูกพัดหายไปกับสายลมและความเงียบ







              เสียงหัวเราะของเพื่อนๆดังขึ้นเมื่อชินพาเรนกิเข้าห้องเรียนสาย  นามิมองอยู่ด้านหลังด้วยความระแวงสงสัย  



              ในด้านการเรียนนั้น เรนกิสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ชินแอบกระซิบสอนด้านภาษา เธอก็สามารถเขียนอักษรและอ่านได้หลายคำแล้ว  หากมีเวลาซัก 7 วัน เธอคงอ่านออกเขียนได้ทั้งหมด  ชินสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเรนกิถึงสามารถพูดภาษาบนโลกได้ เธอบอกว่าภาษาที่โลกใช้อยู่นั้นแท้จริงมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ดวงจันทร์มาก่อน เธอเคยเรียนมันตั้งแต่เด็กๆแล้ว ยกเว้นด้านอักษรที่ไม่ได้เรียนมาก



              คำตอบของเรนกิทำให้เขาเปลี่ยนจากสงสัยเป็นตกตะลึงแทน



              คาบสุดท้ายของวันคือวิชาเต้นรำ  ชินพาเรนกิไปยังโดมขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารพละศึกษา ภายในโอ่อ่ากว้างขวาง นักเรียนต่างพูดคุยสนุกสนานฆ่าเวลาเพื่อรออาจารย์ เรนกิมองรอบๆอย่างสนอกสนใจ ไม่นานอาจารย์ก็มาถึงพร้อมกับดนตรีในจังหวะวอลซ์ปล่อยให้นักเรียนชายหญิงซ้อมจับคู่เต้นรำตามชอบใจ



              “ เพราะจังเลย “ เรนกิเอ่ยเบาๆ ขณะนี้มีหนุ่มสาวจับคู่เต้นรำราว 6 – 7 คู่ โดยปกติชินจะจับคู่กับนามิ ทว่าวันนี้เขาไม่คิดจะให้เรนกิเต้นรำกับใครเพราะกังวลว่าหากปล่อยให้เรนกิอยู่กับคนอื่น  เธออาจจะพูดอะไรหรือทำอะไรพลาดจนทำให้ความลับแตกเอาได้ แต่ลึกๆในใจเขาก็ไม่อยากให้ใครเต้นรำคู่กับเธอด้วย



              “ ฉันจะสอนเธอเต้นรำให้นะ “ ชินชักชวน



              “ แต่ฉันเต้นแบบนั้นไม่เป็น  มันแปลกและก็สง่างามจัง “



              “ ลองดูหน่อยเถอะ “



              ชินจูงมือเรนกิไปยังพื้นที่ว่างเบื้องหน้า มือข้างซ้ายจับมือขวาหญิงสาวเหยียดออกไปด้านข้าง ชินจับมือซ้ายของเธอวางลงบนไหล่เขาก่อนจะใช้มือข้างเดิมโอบเอวเธอไว้หลวมๆ หลายคนมองมาทางคู่ชินด้วยความสนใจ บางคนว่าชินกับเรนกิคล้ายคู่รักกันมากกว่าพี่น้อง แต่บางคนก็ว่าชินทำแบบนี้เพราะว่าหวงน้องสาวตนเอง แล้วแต่ใครจะคิด  



              นามิยืนพิงกำแพงมองทั้งคู่อยู่ห่างๆ



              “ เป็นอะไรไป  พี่ชายกับน้องสาวเขาเต้นรำกัน หึงหรือไง “



              ทานากะเดินมาหยอกล้อ  นามิหน้าแดงทันที



              “ จะบ้าเหรอ  เปล่าสักหน่อย .... แต่ว่าดูชินกับเรนกิแล้ว ฉันไม่รู้สึกเหมือนน้องสาวกับพี่ชายเลยนะ บรรยากาศมันไม่ใช่ “



              นามิยังคงเฝ้ามองชินที่กำลังสอนเรนกิเต้นรำด้วยความแคลงใจ  



              “ โธ่เอ้ย เธอคิดมากเกินไปแล้ว “



              “ งั้นเหรอ “



              “ เบื่อใช่ไหม  งั้นมาเต้นกับฉันแทนล่ะกัน “



              ทานากะยิ้มปรี่ นามิหัวเราะคิก



              “ ก็ได้  นายนี่ยังตาถึงนะ “



              ส่วนด้านชินนั้น  เขาพยายามสอนเรนกิในหลายๆอย่าง ทั้งการนับเลข การก้าวเท้า  ที่สำคัญคือการเคลื่อนไหวหมุนตัวไปพร้อมๆกัน มีการสับเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยๆซึ่งเป็นจุดยากสำหรับจังหวะวอลซ์  ถ้าเราเต้นผิดก็จะไปชนกับคนอื่นหรือเหยียบเท้ากันเองได้ง่ายๆ



              “ ระวังหน่อยสิ “



             ชินดุเบาๆ เมื่อเรนกิเหยียบเท้าเขาเป็นครั้งที่สาม



              “ ขอโทษที  ฉันลืมอีกแล้ว “



              เรนกิมีสีหน้าราวกับทำผิดพลาดครั้งใหญ่  ชินตกใจรีบปลอบเรนกิทันทีว่าการเหยียบเท้ากันหรือการชนกันบ้างมันเป็นเรื่องธรรมดา เรนกิเรียนรู้ได้เร็วเช่นเคย ไม่นานก็เต้นเข้าจังหวะกับเขาได้อย่างสนุกสนาน





              อ๊อดดดดด ถึงเวลาเลิกรียนแล้ว  ชินถอนหายใจอย่างเสียดาย เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน  



              “ ฉันไปก่อนนะ  แล้วเจอกันในงานปาร์ตี้ล่ะ “



              ทานากะโบกมือลาเมื่อทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียน



              “ งานปาร์ตี้ ?  “ ชินทวนอย่างงุนงง ก่อนร้องอ้ออย่างนึกขึ้นได้  ที่แท้วันนี้เป็นวันเกิดนามินั่นเอง  



              สองวันที่ผ่านมาเขาได้พบเรื่องแปลกประหลาดมากจนลืมเรื่องนี้ไป



              “ อะไรนะ  นี่นายลืมวันเกิดฉันงั้นเหรอ “



              นามิทำท่างอน ชินรีบบอกปัด



              “ เปล่าๆ อย่าคิดมากน่า พวกเราก็กลับกันเถอะ “



              แต่เมื่อหันกลับไปทางเรนกินั้นเอง  พบว่าหญิงสาวผมแดงได้หายไปจากจุดที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่เสียแล้ว







              ด้านหลังของโรงเรียน  หญิงสาวผมแดงที่ชินพูดถึงกลับเดินอยู่เพียงคนเดียว  ต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและที่พักพิงกับนกที่พากันบินกลับรัง เด็กนักเรียนแยกย้ายกันกลับบ้านเกือบหมดแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่ยังยืนรอคู่รักมารับ เธอก้าวเท้าไปเรื่อยๆ  อะไรบางอย่างทำให้หญิงสาวตัดสินใจแยกตัวจากชินกับนามิ เพราะว่าเธอได้กลิ่น  





              กลิ่นของชนเผ่าดวงจันทร์อยู่ใกล้ๆนี่ !





              เธอไม่บอกชิน เพราะไม่ต้องการให้เขามาพัวพันกับเรื่องนี้อีก มันเป็นอันตรายเกินกว่ามนุษย์อย่างเขาจะรับได้



              เรนกิหยุดอยู่กับที่  บริเวณนี้เงียบสงบปราศจากผู้คน แสงสีทองของอาทิตย์ยามอัสดงทอทาบกับตัวตึกเป็นเงายาวขนานไปกับพื้นดิน ลมเย็นๆพัดผ่าน ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรนกิทำงานเต็มที่  เธอยืนนิ่ง สดับฟังทุกสรรพสิ่งก่อนเอ่ยปาก



              “ ออกมาได้แล้ว  ไคออน  “



              ฉับพลัน  ฝูงนกที่เกาะตามกิ่งไม้พากันแตกฮือบินออกมา ร่างชายผิวคล้ำในชุดโค้ชสีน้ำตาลย่างก้าวออกมาจากพุ่มไม้ มันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง  เว้นเสียแต่บริเวณหน้านั้นมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่ โผล่มาแค่ดวงตา 2 ข้างและรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ  



              “ เจอกันอีกแล้วนะ เรนกิ “  



              เรนกิกางเล็บทั้งสิบเตรียมพร้อมต่อสู้ เธอพูดเสียงเย็นเยียบ



              “ แกเป็นคนเรียกฉันมาเองยังมาทำพูด  กลิ่นแค่นี้ถ้าแกคิดจะปิดบังก็ทำได้ง่ายดาย  แต่ฉันสงสัยว่าทำไมแกต้องเรียกฉันมาที่นี่ด้วย  ทำไมไม่โจมตีฉันแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยล่ะ  น่าจะได้ผลกว่านะ“



              “ หึ  ก็แค่ไม่อยากให้มีพวกหนูมายุ่มย่ามน่ะ “  



              ไคออนหยุดยืนทิ้งระยะห่างระหว่างเรนกิระยะหนึ่ง  



              “ อ้อ งั้นเหรอ  แล้วใบหน้านั่นแฟชั่นใหม่รึไง “



              เรนกิพูดท้าทาย  ฉับพลันไคออนเผยแววตาอำมหิตเจ็บแค้น  แต่ชั่วเสี้ยววินาทีก็หายวับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



              “ เรื่องไร้สาระน่ะ “ ไคออนบอก “ ที่เรียกมานี่เพราะฉันไม่อยากให้พวกมนุษย์มันตื่นตกใจก็เท่านั้น  ไปสะสางเรื่องของเราที่อื่นกันดีกว่า  เธอคงไม่อยากให้มนุษย์ผู้ชายนั่นมายุ่งใช่ไหมล่ะ “



              เรนกิเห็นด้วยเป็นครั้งแรกกับคำพูดของมัน



              “ ตกลง “



              ร่างหญิงชายทั้งสองกระโดดหายไป







              “ ทำไมเรนกิยังไม่มาอีกเนี่ย



              ชินมองนาฬิกาข้อมือตนเองอย่างหัวเสีย เขาไปเดินหาจนทั่วโรงเรียนนามิก็ยืนรอมาได้ชั่วโมงแล้ว



              “นายหาจนทั่วแล้วเหรอ “ นามิถาม



              “ ทั่วทุกที่ยกเว้นห้องน้ำผู้หญิง แต่เธอคงไม่เข้าไปนานขนาดนี้หรอกมั้ง  เราคงต้องกลับกันก่อน  บางทีเรนกิอาจจะกลับไปบ้านแล้ว “



              “ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ “ ชินพูดอย่างเหนื่อยอ่อน



              เมื่อเห็นว่ารอต่อไปคงไม่มีประโยชน์ ทั้งคู่จึงเดินกลับบ้านตามเส้นทางปกติ  ชินไปส่งนามิถึงหน้าบ้านเธอ



              “ ชิน “  



              เสียงเรียกนามิทำให้ชินที่เดินไปแล้วหันกลับมาอีกครั้ง



              “ มีอะไรเหรอ “



              “ งานเริ่ม 1 ทุ่ม  นายสัญญาแล้วนะ “



              “ รู้แล้วล่ะน่า “



              ชินโบกมือลานามิไปครั้งที่สองก่อนที่เขาจะเดินกลับไปยังบ้านตนเอง  ระหว่างทางเขาอดนึกถึงเมื่อปีที่แล้วไม่ได้  ครั้งนั้นเขาพลาดไม่ได้ไปงานวันเกิดเธอเพราะเหตุสุดวิสัยจริงๆ  แต่ครั้งนี้เขาคิดแก้ตัวด้วยการเตรียมของขวัญสำหรับนามิไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนกันพลาด



              ชินหยุดเท้าที่หน้าบ้านของตนเอง เปิดประตูเข้าบ้าน บ้านยังคงมืดสนิท เขาชักใจเสีย



              “ เรนกิ  เธอกลับมาแล้วใช่ไหม ตอบด้วย “



              ...เงียบ...



              ชินเดินค้นหาทั้งชั้นบนและล่างจนแน่ใจว่าเรนกิไม่ได้กลับมาที่นี่จริง  ความรู้สึกสังหรณ์ที่ไม่ดีก็เกิดขึ้น  เขาไม่นึกหรอกนะว่าพวกอันธพาลจะมาทำอะไรเรนกิได้  แต่ที่เขากลัวคือไคออนกับอิเล็กตร้าต่างหาก ตอนนี้เรนกิบาดเจ็บไม่หาย  ถ้าเจอสองคนนี้   เธอสู้ไม่ไหวแน่  



              เด็กหนุ่มรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว และหยิบกล่องของขวัญสีฟ้าที่เตรียมไว้บนโต๊ะมาถือไว้ในมือ นาฬิกาทรงสูงข้างประตูตีบอกเวลาทุ่มตรง



               แต่เขายังคงนั่งอยู่ที่โซฟาชั้นล่าง  



              เรนกิ…เธออยู่ที่ไหนกันแน่นะ ? ความเงียบทำให้เขาได้ยินเสียงนาฬิกาโบราณภายในบ้านเดินอย่างชัดเจน ยิ่งเวลาผ่านไปความกังวลในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น  สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่เขาควรเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จะดีที่สุดแท้ๆ แต่ทำไม…เขาถึงเป็นห่วงเรนกินัก



              “ เฮ้อ  นี่เราเป็นอะไรของเรานะ “



              ชินเหลือบมองนาฬิกา 2 ทุ่ม 15 นาทีแล้ว  เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืนคว้าของขวัญออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว  





                       __________________________________________







              แสงไฟเหลือนวลจากเสาไฟฟ้าให้ความสว่างมากพอที่จะทำให้เขาเดินได้อย่างสบาย ตลอดทางเขาพยายามนึกถึงแต่นามิ วันนี้เป็นวันสำคัญของเพื่อนหญิงที่สนิทที่สุดของเขา ปีนี้จะพลาดไม่ได้  ชินสลัดศีรษะแรงๆเมื่อใบหน้าของเรนกิวาบผ่านเข้ามาในสมองทุกครั้งที่เขาเผลอไผล  





              ทำไมนะ  ทำไมเราต้องเป็นห่วงเรนกิขนาดนี้ด้วย !





              ชินด่าตัวเองอยู่ในใจ เขาไม่เข้าใจความสับสนทางใจที่เกิดขึ้นนี้สักนิด และบัดนี้เขามาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของนามิแล้ว  เสียงดนตรีลอดผ่านออกมาให้ได้ยิน เขามองไปทางหน้าต่างบานใสที่มีผ้าม่านลายลูกไม้ปิดอยู่ครึ่งๆ เพื่อนในห้องมากันเยอะแล้ว ทานากะยืนอยู่ข้างเธอ นามิกำลังทักทายแขกที่เชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง เธอดูน่ารักสดใสในชุดกระโปรงบางเบาสีชมพู





              เขาคิดจะเอื้อมมือไปเปิดประตู  แต่มือเขาไม่ขยับ  





              เปิดเข้าไปสิชิน นามิรอนายอยู่ข้างใน…





              ชิน….นายน่าจะรู้นะว่านายควรทำอะไร…





              ความรู้สึกภายในต่อสู้กันอย่างรุนแรง และในที่สุด  





              ชินตัดสินใจวางของขวัญพร้อมการ์ดวันเกิดลงตรงหน้าประตูบ้าน  





              เขามองนามิผ่านทางหน้าต่างอีกครั้ง ขยับริมฝีปาก





              ขอโทษนะนามิ  ฉันมีสิ่งสำคัญต้องทำ







              ย่านร้านค้าเป็นที่แรกที่เขาคิดว่าเรนกิน่าจะอยู่ที่นั่น ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา เขาพยายามเพ่งมอง ต้องมีสิน่า เขาต้องพบเธอ ชินเหงื่อแตกพลั่ก  ต่อให้เขาเดิน วิ่ง หรือแม้แต่กวาดสายตาค้นหาเธอมากเท่าไหร่ ร่างเล็กบอบบางที่เขาคุ้นตาก็ไม่ปรากฎให้เห็น แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยสักเท่าไหร่  เวลาจะผ่านไปเท่าใด  ชินก็ยังวิ่งต่อไป  เขาตะโกนเรียกชื่อเรนกิเสียงดังโดยไม่อายคนรอบข้างหวังว่าจะมีเสียงตอบรับมา  แต่ก็ไม่มี



              “ แฮ่ก แฮ่ก ให้ตายสิเรนกิ  เธออยู่ไหนกันแน่ “



              ชินนั่งลงกับพื้นพิงเสาไฟฟ้าพักเหนื่อย  ก่อนจะเริ่มต้นค้นหาอีกครั้ง เขาวิ่งวนกลับมาที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน  เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว  ดึกเกินกว่าจะมีผู้คนมานั่งพูดคุยในสวนสาธารณะ เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเดินไปนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่ง  สมองยังคงคิดหาเส้นทางอื่นๆต่อไป



              แต่ทันใด เสียงหนึ่งได้เอ่ยขึ้น





              “ ตามหาคนอยู่รึไง





              ชินสะดุ้งด้วยความตกใจ  เขามองไปตามเสียง หญิงสาวต่างชาติผมสีทองตัดกับชุดสีดำยืนเด่นสง่าอยู่





              “ อิเล็กตร้า ! “  ชินโพล่งทันที





              “ อะไรน่ะ ท่าทางตกใจแบบนั้น ฉันไม่ใช่ผีนะ “



              หญิงสาวแสร้งทำท่าไม่พอใจ  เป็นครั้งแรกที่ชินรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเธอ ราวกับว่าในครั้งนี้เธอจะสามารถช่วยเหลือเขาได้



              “ เธอรู้ไหมว่าเรนกิอยู่ที่ไหน “ ชินถามอย่างรีบร้อน



              “ อ้อ ผู้หญิงผมแดงนั่น  ชื่อว่าเรนกิรึ “  



              อิเล็กตร้ายิ้มๆราวกับสนุกที่ได้แกล้งชิน  แต่ชินไม่มีอารมณ์เล่นด้วย เด็กหนุ่มตะคอก





              “ ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน !





              “ ตามหาไปก็เปล่าประโยชน์  เพราะตอนนี้เธอกำลังจะตายแล้ว “





              “ อะไรนะ !





               ชินยืนตัวแข็งทื่อบิ่งตากว้างอย่างตกใจ หญิงสาวพูดต่อ



              “ ฉันได้รับข่าวมาว่าตอนนี้มีชนเผ่าดวงจันทร์ 2 ตนกำลังต่อสู้กันอยู่ ดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงสู้ไม่ไหว  ที่จริงการที่พวกเผ่าดวงจันทร์สู้กันเองมันก็เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรา ไม่จำเป็นต้องยุ่ง “



              ต้องเป็นไคออนแน่ๆ ชินนึกในใจ สภาพร่างกายเรนกิตอนนี้คงสู้ไม่ไหวจริงๆนั่นแหละ สีหน้าเด็กหนุ่มเคร่งเครียดในทันที เขาถามเสียงดัง





              “ตอนนี้เรนกิอยู่ที่ไหนกันแน่ !





              “ ทำไมนายต้องอยากรู้เรื่องนี้ด้วย เธอไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับนายเลยสักอย่าง ไม่ใช่มนุษย์ด้วย  อย่าบอกนะว่านายหลงรักเธอเข้าแล้วน่ะ “



              อิเล็กตร้าหยอกล้อด้วยความสนุก  แต่ดูเหมือนชินไม่สนุกด้วยสักนิด  เขาชักมีดพกที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงจี้คออิเล็กตร้าดุจสายฟ้า





              “ จะตอบไม่ตอบ





              ตอนนี้ชินเดือดถึงขีดสุดแล้ว ปลายมีดจ่อห่างลำคอของอิเล็คตร้าแค่คืบ  แววตาบ่งบอกว่าเขาพร้อมจะแทงคออิเล็กตร้าแน่ หากเธอยังเล่นลิ้น  



             หญิงสาวมองมีดเล่มนั้นด้วยความอึ้ง ก่อนคลี่ยิ้มหวานๆอย่างไม่หวั่นกลัว



              “ ใจกล้าดี แต่ฝีมือไม่พอนะ “



              พริบตานั้นเอง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น  เมื่ออิเล็กตร้าเบี่ยงตัวหลบพลางใช้มือปัดทิศทางมีดชินอย่างฉับไว  มืออีกข้างล็อคแขนของชินเอาไว้ ขาขวาขัดขาชายหนุ่มให้เสียหลักก่อนจะใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงร่างของชินลงไปนอนจุกอยู่กับพื้นโดยชินไม่ทันตั้งตัวได้เลย



              “ โอย  “



             อิเล็คตร้าถอยออกห่าง ชินค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หลัง เด็กหนุ่มกัดฟันข่มความเจ็บปวด ฝีมือเมื่อกี้นี้แสดงให้เห็นว่าอิเล็กตร้าถูกฝึกฝนทักษะต่อสู้มาเป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้น ชินก็ลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว มือข้างขวายังกำมีดไว้แน่น  



               สายตาที่เด็ดเดี่ยวนั่น ทำให้อิเล็กตร้ารู้สึกไม่พอใจ เธอขึ้นเสียง



              “ ก็เอาสิ  ถ้าอยากไปตายนักล่ะก็  ฉันจะบอกให้ก็ได้  ผู้หญิงคนนั้นกำลังต่อสู้อยู่ที่ท่าเรือของเมืองนี้ นายคิดจะทำยังไงล่ะ “



              “ขอบใจ “ ชินพับมีดหันหลังมุ่งไปยังทิศทางของท่าเรือในทันที หญิงสาวรู้สึกเหนือคาดยิ่ง เธอตะโกนอย่างหัวเสีย          



              “ นายบ้าไปแล้วหรือไง   สิ่งที่นายกำลังจะเผชิญมันไม่ใช่มนุษย์นะ ถ้าคิดว่ามีดเล่มเล็กๆนั่นจะช่วยอะไรนายได้ก็ไปสิ “





              “ ฉันไปแน่





              ชินตอบเสียงหนักแน่นโดยไม่หันหลังกลับมา  ทิ้งให้อิเล็กตร้าอ้าปากยืนมองแผ่นหลังที่ห่างออกไปด้วยความคาดไม่ถึง







                                                                                                            โปรดติดตามตอนต่อไป



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×