ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eternity Moon

    ลำดับตอนที่ #5 : Sister ( น้องสาว )

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 48




              ลมพัดกรรโชกแรงเป็นสิ่งที่เกิดเสมอในเวลากลางคืน เขาไม่ชอบเอาซะเลย  มันทำให้เขารู้สึกหนาวจนต้องเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหาความอบอุ่น  เด็กหนุ่มย่างก้าวบนถนนใจกลางเมือง  ห้างร้านต่างๆแออัดไปด้วยผู้คนพลุ่กพล่าน  บางคนเดินชนไหล่เขาโดยไม่มีการขอโทษ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ สอดส่องสายตามองไปรอบๆ แต่ยังไม่พบสิ่งที่ต้องการ





                  

    Chapter Five  :  Sister  (น้องสาว)  







              ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ?



              คำถามนี้ก้องอยู่ในหัวของชินตลอดเวลา  ถ้าจะโทษ เขาคงต้องโทษตัวเองที่ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในเวลาดึกดื่น โทษที่เขาใจอ่อนช่วยผู้หญิงที่ไม่ใช่มนุษย์  





               และโทษที่ต้องกระวนกระวายตามหาเธอในขณะนี้ !?





              หลังจากที่ผู้หญิงชื่ออิเล็กตร้าจากไป เขาก็พานามิไปส่งบ้าน  เธองัวเงียตื่นขึ้นมาและตกใจเมื่อเห็นว่าชินแบกเธออยู่บนหลัง นามิจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนเธอสลบไปไม่ได้เลย นั่นทำให้ชินสบายใจ  เขาเพียงบอกว่าไคออนเป็นพวกอันธพาลธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น



              เมื่อส่งนามิเข้าบ้านเรียบร้อย เขาคิดจะกลับบ้านแต่ทว่า ....



              ความรู้สึกไม่ดี !? ... จะเรียกแบบนั้นก็ได้ เรื่องหลายอย่างประดังเข้ามาจนเขารับไม่ทัน  เขาไม่น่าพลาดที่จะถามอิเล็กตร้าเกี่ยวกับมีดพับของตัวเอง  มีดเล่มนั้นทำให้ไคออนบาดเจ็บได้  ทั้งๆที่เรนกิก็บอกแล้วว่าอาวุธบนโลกทุกชนิดไม่อาจทำให้ชนเผ่าดวงจันทร์บาดเจ็บได้





               หรือว่ามันจะทำมาจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์ !?





              เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ชินเริ่มเปลี่ยนความคิด  มีดเล่มนี้เขาได้มาจากแม่ก่อนตาย  มันจะไปเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน



              ชินถอนหายใจ วันนี้หลังจากที่ส่งนามิกลับบ้านแล้ว  เขาก็รู้สึกเป็นห่วงเรนกิขึ้นมา  เวลานี้ศัตรูของเธอไม่ใช่เพียงไคออนแล้ว เธอยังต้องเผชิญกับนักล่าเผ่าดวงจันทร์อย่างอิเล็กตร้าด้วย เด็กหนุ่มตัดสินใจออกตาม หาเรนกิ น่าแปลก ทั้งๆที่เขาพึ่งจะผ่านพ้นเหตุการณ์ชวนขวัญผวาและน่าสะอิดสะเอียดมาสดๆร้อนเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะจินตนาการได้



              แต่เขาก็ยังอยากที่จะพบเธออยู่ดี



              ลมเย็นพัดมาปะทะร่างอีกครั้ง  4 ทุ่ม 10 นาที เป็นเวลา 2 ชั่วโมงได้ที่เขาเดินเล่นอย่างไร้ประโยชน์  แน่ล่ะ แม้จะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่ แต่จะให้หาคนๆเดียวโดยไม่มีเบาะแสเลย มันก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เด็กหนุ่มเห็นว่าเดินหาต่อไปคงจะไม่ได้อะไรอีกจึงตัดสินกลับบ้าน



              แต่ทว่าเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าบ้านตนด้วยความผิดหวังนั้นเอง  เขาก็ใจหายวาบมองภาพที่หน้าประตูอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง



              มีหญิงสาวผมแดงคนหนึ่งทรุดร่างสลบอยู่ที่หน้าประตูบ้านเขา  



              “ เรนกิ !!!



              ชินร้องด้วยความดีใจระคนตกใจตรงรี่เข้าไปประคองร่างเธอ  รอยเลือดปรากฏตามเสื้อขาว ชินจำเป็นต้องอุกอาจเปิดมันดู  มีรอยถูกกระสุนยิง 2 แห่ง แห่งแรกโดนที่ท้องน้อยด้านขวา  อีกแห่งที่หัวไหล่ขวา ทั้ง 2 แห่งเลือดไหลไม่ยอมหยุด  หญิงสาวยังไม่ได้สติ เธอหอบหายใจแรง  



              ฝีมืออิเล็กตร้าไม่ผิดแน่ !!



              ชินฉุกใจคิด เพราะถ้าเป็นกระสุนปืนธรรมดาไม่น่าจะทำให้เรนกิบาดเจ็บได้ แสดงว่าหลังจากที่อิเล็กตร้าแยกจากเขา  เธอคงตามหาจนพบเรนกิเข้า และต่อสู้กัน  เรนกิไม่ทันระวัง เธอเลยพลาดท่ากระสุนซิลเวอร์มูนจนมาบาดเจ็บแบบนี้  ชินมองหน้าหญิงสาวพลางถอนหายใจ



              “ เฮ้อ  นึกไม่ถึงจริงๆ  ทั้งๆที่ฉันออกตามหาเธออยู่แท้ๆ  แต่เธอกลับมาหาฉันเอง  คงไม่มีที่ไปสินะ “



              เด็กหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างยิ้มๆ ลืมเรื่องนามบัตรนั่นไปได้เลย  ชินอุ้มร่างเรนกิเข้าไปในบ้าน



              แม้เมื่อเธอตื่นขึ้นมาจะกินเขาเป็นอาหาร เขาก็ยอม







                                                 ________________________________________



              





              ขณะเดียวกัน มุมมืดหนึ่งที่ไร้ผู้คน





              ไคออนยืนอยู่ที่นั่น !





              กระสุนซิลเวอร์มูน 3 นัดที่ฝังในหน้าอกเขานั้นได้ถูกรักษาแล้วด้วยความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของเผ่าดวงจันทร์  แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ก็ตาม  อาวุธที่ทำจากแร่ธาตุดวงจันทร์นั้นสามารถฆ่าเขาได้ก็จริง  แต่ถ้าถูกโจมตีเพียงครึ่งๆกลางๆ  เขาก็สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้อยู่ดี เพียงแต่ต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้น  



              แต่ทว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใจของมันยิ่งนานยิ่งว้าวุ่นกังวลโกรธแค้น  ความรู้สึกเจ็บที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่ลดน้อยลง  เลือดสีแดงที่รอมาได้สี่ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่หยุดไหล  ยิ่งมันเอามือลูบสัมผัสที่จุดนั้น ความเจ็บปวดก็ชัดขึ้นจนมันแทบทนไม่ไหว  





              ใช่แล้ว  บาดแผลที่หน้าผากนั่น  มันไม่ฟื้นฟูเลย !!





              ไคออนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต  ขนาดบาดแผลจากกระสุนที่ทำจากแร่ธาตุดวงจันทร์ยังฟื้นฟูแล้ว





               แต่เฉพาะบาดแผลจากมีดของชินเท่านั้น ที่ไม่ว่ารอเท่าไหร่ก็ไม่ฟื้นคืนสภาพเดิม  !!!





               หึ หึ  น่าตกใจจริง ๆ  ... เจ้าเด็กนั่น  ...





              มันเป็นใครกันแน่ !!





              เสียงหัวเราะแฝงความอาฆาตโกรธแค้น  สายลมแห่งรัตติกาลโบกพัดอีกครั้ง  ก่อนที่ร่างปีศาจร้ายจะหายลับไปกับสายลม





                                                          ________________________________







              หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตามองออกไปรอบๆตัวอย่างช้าๆ  



              เรากลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้วรึ !?



              เรนกินอนพักอยู่ในห้องชิน  บาดแผลที่ถูกกระสุนยิงยังไม่ฟื้นคืนดีนัก  ความรู้สึกเจ็บแปลบเกิดขึ้นทุกครั้งที่เธอขยับตัว  สาวผมแดงใช้นิ้วมือเสยผมที่หน้าผากตนเองก่อนลุกขึ้นนั่ง  ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้  มนุษย์ผู้หญิงผมทองคนนั้น มันมีอาวุธที่ทำให้เราบาดเจ็บได้อยู่ด้วยรึนี่   .... ไม่เลวเลยแฮะ ..

            

              ทั้งๆที่มนุษย์โลกถูกกำหนดเป็นเพียงข้าทาสแท้ๆ พวกมันยังหาวิธีมาต่อต้านเราได้อีก          



              เรนกิยืนขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง  เธอสูดลมหายใจและผ่อนออกอย่างช้าๆ  ก่อนนึกแปลกใจตัวเอง  เมื่อวานนี้ขณะที่สติเธอกำลังเลือนรางเพราะพิษบาดแผล  ทำไมคนที่เธอต้องการให้มาช่วยและอยากไปหาที่สุดก็คือชิน  ?



              หญิงสาวก้าวลงบันไดอย่างแผ่วเบา แต่ก็ไม่วายเกิดเจ็บแปลบที่แผลร้อง “ โอย “ เบาๆ ชินในห้องครัวได้ยินจึงรีบออกมาดู



              “ อาการเธอเป็นยังไงบ้างน่ะ “



              “ ฉันไม่เป็นไรหรอก “



              เรนกิข่มความรู้สึกเจ็บปวดไว้ไม่ให้ชินรู้ แต่เธอแสร้งสีหน้าไม่เก่งเลย



              “ แปลกนะ “ ชินขมวดคิ้วสงสัย “ ครั้งที่แล้วเธอบาดเจ็บสาหัสกว่านี้ แต่เพียงคืนเดียวก็ลงมาเดินได้สบาย แล้วทำไมครั้งนี้ถึง ... “



              “ หรือเพราะว่ากระสุนนั่น !? “



              ชินเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้  แววตาอำมหิตของเรนกิปรากฏขึ้นทันที



              “ ใช่ กระสุนนั่นมันทำมาจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์ การฟื้นฟูบาดแผลจึงช้ากว่าปกติมาก นังผู้หญิงนั่น  เจออีกทีต้องฆ่าให้ได้



              ชินสะดุ้งวาบ  เรนกิเวลานี้น่ากลัวมาก  แต่เธอก็ปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมที่เธอเคยนั่ง ตรงหน้ามีโจ๊กหอมกรุ่นรอยู่แล้ว   ชินพอเห็นโจ๊กชามนั้นก็ฉุกใจคิดขึ้นได้ทันที  เมื่อวานไคออนบอกว่าชนเผ่าดวงจันทร์กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารนี่  แล้วเรนกิข้างหน้าเขาล่ะ  





              เธอจะกินเขาเป็นอาหารหรือเปล่า !?





              ชินถอยหลังออกห่างเรนกิอย่างลืมตัว มันทำให้เธอสงสัย



              “ นายเป็นอะไรไปน่ะ “



              “ ปะ เปล่า “



              เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธพลางหลบสายตา แม้ชินไม่พูดแต่ท่าทางหวาดกลัวจนน่าหมั่นไส้นั่นทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที



              “ นายคิดอะไรอยู่กัน  ฉันไม่ชอบ สิ่งสกปรก แบบนั้นหรอกนะ “



              “ เอ๋ “ ชินเงยหน้าอย่างสงสัย



              “ นายกำลังคิดว่าฉันต้องกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารใช่ไหม “



              เสียงเย็นๆของเธอทำให้ชินใจเต้น  เขานิ่งก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ



              “ นายผิดแล้ว “ เรนกิพูดเสียงเรียบเย็น



                “ ฉันบอกแล้วไงล่ะว่าไม่ชอบสิ่งสกปรกแบบนั้น  ชนเผ่าดวงจันทร์ของเราน่ะสูงส่ง ไม่ทำอะไรที่น่ารังเกียจอย่างนั้นหรอก  “



              ชินถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้เรนกิ



              “ จะ  ... จริงนะ !?  .... เธอไม่กินฉันแน่นะ “



              “ ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ “ เรนกิพูดอย่างไม่พอใจ “ ไอ้พวกที่กินเนื้อมนุษย์น่ะ มันไม่ใช่เผ่าดวงจันทร์ดั้งเดิมหรอก  มันเป็นพวกที่อ้างตัวเองว่าพัฒนาแล้ว แต่แท้จริงพวกมันนั่นแหละที่กำลังจมดิ่งกลับไปสู่ความตกต่ำอับปลี “



              ชินยิ้ม เขาหย่อนตัวลงนั่งด้านตรงข้ามกับเธอ



              “ เรนกิ เธอช่วยเล่าหน่อยเรื่องเกี่ยวกับชนเผ่าดวงจันทร์ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม  ว่ามันเป็นมายังไงกัน  ทั้งเธอ  และก็ไคออน “



              “ จะเล่าให้ฟังก็ได้ “ เรนกิพูด “ ชนเผ่าดวงจันทร์เราตอนนี้แบ่งออก เป็น 2 พันธุ์  คือพันธุ์ดั้งเดิม (Ancient) ที่ไม่กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร กับพันธุ์ผ่าเหล่า (Mutant) ที่กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร  ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเกิดพวกผ่าเหล่าขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ตอนนี้มันเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง และกินพันธุ์ดั้งเดิมเป็นอาหาร  พวกมันมีความสามารถในการฟื้นตัวสูงกว่าเราหลายเท่า มิหนำซ้ำยังมีกลุ่มเล็กๆที่เมื่อเกิดมามีพลังพิเศษ (Magic) ติดตัวด้วย พวกนี้จะถูกยกฐานะให้เป็นชนชั้นปกครอง “



              “ อย่างที่ไคออนเสกไฟจากมือได้น่ะเหรอ  แล้วเธอที่จู่ๆเล็บงอกยาวได้ล่ะ “ ชินถามขึ้น



              “ เล็บที่งอกยาวได้ของฉันน่ะเป็นความสามารถทางฟิสิกส์ มาจากพันธุกรรม  ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม  ส่วนไคออนที่เสกไฟนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ นั่นแหละพลังพิเศษล่ะ  พันธุ์ดั้งเดิมอย่างฉันไม่อาจจะมีพลังพิเศษแบบนั้นได้หรอก “



              เท่าที่ฟังดูเหมือนว่าพันธุ์ผ่าเหล่าจะเหนือกว่าทุกด้านทีเดียว  ชินนึกหวั่นว่าฝ่ายดั้งเดิมคงไม่อาจมีชัยได้  เรนกิอ่านความคิดเขาออก

      

              “ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น ไม่ใช่ว่าฝ่ายเราจะอ่อนแอซะทีเดียว “



              เรนกิยิ้ม  เธอพูดต่อ “ จริงอยู่ที่เราไม่อาจมีพลังพิเศษได้  พลังในการฟื้นตัวก็ต่ำกว่ามาก  แต่ว่าเนื่องจากที่เราไม่กินเนื้อมนุษย์ ทำให้ระดับจิตใจเราถูกยกสูงขึ้น  จึงมีความสามารถด้านพลังจิตแทน  เช่นสามารถโทรจิตหากันได้  เคลื่อนย้ายสิ่งของได้ เป็นต้น มันเรียกว่า พลังไซโค (Psycho) “



              ชินร้อง “อ้อ “ อย่างเข้าใจ  เขาหวนนึกถึงตอนที่เรนกิกำลังคับขัน สิ่งของต่างๆรอบตัวจะลอยขึ้นมาเป็นโล่ป้องกันและพุ่งเข้าใส่ศัตรูได้  ที่แท้เป็นพลังไซโคของเธอนั่นเอง



              “ แต่ว่าน่าเสียดาย พันธุ์ดั้งเดิมแม้มีพลังไซโค แต่กว่าครึ่งสามารถทำได้เพียงส่งโทรจิตหากันเท่านั้น  และมีเพียงส่วนน้อยที่เก่งพอจะใช้วิธีบังคับเคลื่อนย้ายสิ่งของให้เป็นอาวุธได้  นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้พันธุ์ดั้งเดิมของเราตายลงไปเรื่อยๆ  “



              เรนกิพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง  ดวงตาของเธอมีประกายของหยาดน้ำใสพร่ามัวอยู่ในนั้น เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่ชินสัมผัสความเป็นผู้หญิงที่บอบบางเช่นหญิงสาวทั่วไปควรมี



              “ ยังไงก็ตาม  ถ้าเธอไม่กินเนื้อมนุษย์ เธอก็กินอาหารที่ฉันทำได้ใช่มะล่ะ ” ชินรีบเปลี่ยนเรื่อง



              “ ไม่รู้สิ “ เรนกิมองโจ๊กข้างหน้าอย่างสงสัย “ อาหารบนโลกนี้ไม่เหมือนที่ดวงจันทร์เลยสักนิด  อย่างอาหารที่นายให้มานี่ ฉันก็ไม่รู้เลยว่ามันทำมาจากอะไร บางทีฉันอาจทานไม่ได้ “



              “ แล้วที่ดวงจันทร์เขากินอะไรกันล่ะ “



              “ ก็เป็นพวกเนื้อสัตว์ซะส่วนใหญ่  พืชผักเป็นส่วนน้อย อาหารมักทำให้สุกโดยวิธีย่างไฟ แบบดิบๆก็กินได้  แต่ฉันไม่ชอบ “



                “ อ้อ ที่แท้พวกเธอก็กินอาหารไม่ต่างจากพวกเราเท่าไหร่เลยนี่ เพียงแต่กรรมวิธีในอาจจะด้อยกว่าเรา โจ๊กนี่ทำมาจากพืชนะ”



              “ หา ! “ เรนกิมีสีหน้าทึ่ง “ ไอ้เหลวๆข้นๆแบบนี้เนี่ยนะ “



              “ ใช่ มันเรียกว่าโจ๊ก ทำจากพืชที่มีชื่อว่าข้าวที่บดจนละเอียด ผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องอาหารเท่าไหร่  “



              เรนกิมองมันอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  เธอหันมาทางชินอีกที



              “ ทานได้แน่นะ “



              ชินพยักหน้า หญิงสาวมีท่าทีลังเลแต่เพียงครู่เดียวเธอก็หยิบช้อนตักโจ๊กขึ้นมากินคำนึงอมไว้ในปากก่อนกลืนลงลำคอ  เธอนิ่งทันที สีหน้าฉายแววตกใจ  ชินรีบถามด้วยเป็นห่วง



              “  เป็นไงมั่ง กินได้หรือเปล่า  “



              เรนกินิ่งมองโจ๊กข้างหน้าครู่ใหญ่ ก่อนจะมองชินแล้วพูดด้วยท่าทางแปลกใจ ตาเป็นประกาย



              “ อร่อย ...  อร่อยมาก  ฉันไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย “



              “ จริงเรอะ “ ชินดีใจขึ้นมาทันที  ที่ดวงจันทร์แม้มีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์อยู่ซึ่งบนโลกไม่มี  แต่ด้านเทคโนโลยีโลกเราคงเหนือกว่า เรนกิตักโจ๊กทานเป็นคำที่สองและสามสี่ห้าอย่างรวดเร็ว  ชินเบิ่งมองตาค้าง  ไม่นานโจ๊กเต็มชามหายเกลี้ยง  เธอเลียริมฝีปาก พูดอย่างตื่นเต้น



              “ อร่อย  อร่อยจริงๆ นายมีอีกหรือเปล่า “



              “ อะ ... มีสิมี  “ ชินอึ้ง เขาหยิบชามโจ๊กตัวเองยื่นให้  



              “ นั่นมันของนายไม่ใช่เหรอ “  



              “ กินได้  เดี๋ยวฉันจะทำของฉันใหม่ “



              “ อื้อ “ เรนกิทานต่อ ชินมองเรนกิที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม เรนกิหยุดทานเมื่อเห็นชินมองเธอค้างนาน  เธอถาม



              “ มองอะไร นายไม่กินมั่งเหรอ “



              “ เห็นเธอกินเยอะแบบนี้ฉันอิ่มแทนน่ะ “



              ชินพูดยิ้มๆทำเอาเรนกิหน้าแดงขึ้นมา  เธอวางช้อน



              “ งั้นฉันก็อิ่มแล้ว “



              ท่าทีเขินอายของหญิงสาวทำให้ชินอดหัวเราะไม่ได้  เพียงแต่เขาไม่กล้าหัวเราะดังไป  เขายังขยาดเล็บยาวๆของเธออยู่  ขณะนั้นชินนึกขึ้นได้มีดพับของเขาทำให้ไคออนบาดเจ็บ  บางทีเรนกิอาจจะอธิบายเขาเรื่องนี้ได้  



              “ เออ เรนกิ  ฉันมีเรื่องจะถามหน่อย “



              “ อะไรหรือ “



              “ เรื่อง ... “



              แต่ขณะนั้นเอง  เสียงประตูบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงนามิดังขึ้น





              “ ชิน นายคุยกับใครอีกแล้ว !





              ชินกับเรนกิใจหายวาบ เรนกิคิดที่จะหาทางหลบแต่ไม่ทันแล้ว เพราะครั้งนี้นามิไม่ถามอย่างเดียว เธอผลักประตูเข้ามาเลย  ก่อนหน้านามิก็เงี่ยหูฟังจนชัดเจนแล้วด้วยว่ามีคนอยู่แน่นอน  ประกอบกับเรนกิบาดเจ็บอยู่  เธอจะกระโดดหนีออกทางต่างก็เกิดเจ็บแผลขึ้น  นามิบุกรุกเข้ามาถึงในห้องครัว และมีท่าทีตกใจทันทีเมื่อเห็นเรนกิ  



              “ อะ  นี่เธอเป็นใครกัน  ทำไมมาอยู่ในบ้านชินได้ “



              นามิพูดเสียงสั่นแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เธอสังเกตรูปร่างลักษณะ เรนกิแล้วยิ่งตกใจกว่าเดิม  เพราะเรนกิไม่ใช่สวยธรรมดา แต่สวยระดับนางแบบแนวหน้าต้องชิดซ้าย  ผู้หญิงสวยขนาดนี้มาอยู่ในบ้านชินได้ยังไง หรือว่า .....   นามิสีหน้าซีดเม้มริมฝีปากแน่น  ชินร้องในใจ ซวยแล้วงานนี้



              “ เดี๋ยวก่อนนามิ  เธอกำลังเข้าใจผิด “



              “ เข้าใจผิด ? ... ฉันเข้าใจอะไรผิด  ก็ในเมื่อมันเห็นกันอยู่ชัดๆแล้วนี่ ผู้หญิงสวยขนาดนี้  มิน่าล่ะ ถึงให้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านเลย เมื่อวานก็ทีนึง  นายน่าจะบอกฉันไปเลยนะว่ามีผู้หญิงสวยๆคอยรับใช้ที่บ้านอยู่แล้วน่ะ  ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะไปโรงเรียนกับหล่อนแทนฉันก็ได้นะ “



              นามิเชิ่ดหน้าด้วยความโมโหจัดทำท่าจะออกจากบ้านไป  ชินร้อง



              “ ฟังฉันก่อนสินามิ  มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ “



              แต่นามิไม่ฟัง เธอเชิดหน้าก้าวสวบๆ แต่เรนกิแทรกตัวมาขวางหน้าประตูไว้ นามิมองสาวสวยผมแดงด้วยความโกรธ



              “ จะทำอะไร ถอยไปนะ “



              นามิฉุนจัดจนเผลอตัวจะผลักเรนกิให้ถอยไป แต่เรนกิคว้ามือเล็กๆนั่นไว้อย่างง่ายดาย เธอพูดเสียงเย็นชา



              “ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอโมโหเรื่องอะไร แต่เธอต้องฟังที่ชินจะพูด ”



              ฉับพลันนั้นเอง  นามิสะท้านไปทั้งร่าง  เธอรู้สึกว่ามือเรนกิที่จับข้อมือเธอนั้นแข็งราวกับเหล็กกล้ายึดติดพื้นดิน ไม่ว่าเธอออกแรงยังไงมันไม่แม้กระดิก แถมยังบีบแน่นจนเธอรู้สึกชาไปทั้งร่าง  





              “ เรนกิปล่อยมือนามิซะ ! “  ชินรีบร้องเมื่อเห็นท่าไม่ดี





              ฟุบ  ความรู้สึกดั่งร่างทั้งร่างถูกตรึงนั้นหายไปอย่างฉับพลัน  นามิรีบผงะถอยตัวหนีด้วยความตกใจ  เรนกิยืนนิ่งๆไม่ทำอะไรต่อ  



              “ ธะ  เธอเป็นใครกันน่ะ “



              นามิถามด้วยอาการหวาดกลัว  เรนกิสีหน้าเรียบเฉย



              “ ฉันน่ะเหรอ  ฉันก็เป็น ...... “



              “ เอออออออออออออออออ  



               ชินรีบพูดเสียงดังยาวขัดจังหวะ ทั้งสองเงียบหันมามองชินอย่างสงสัย  เด็กหนุ่มยิ้มแหยะๆ



              “ เอาล่ะนามิ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด  ฉันจะบอกให้เองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ฟังให้ดี “



              “ ใครล่ะ “ นามิหงุดหงิด



              ชินกระแอ่มเบาๆก่อนกล่าวว่า





              “ ขอแนะนำให้เธอรู้จักกับ เรนกิ น้องสาวของฉัน





              “ น้องสาว !!!





              นามิโพล่งด้วยท่าทีตกใจสุดขีด ส่วนเรนกินั้นตกใจงุนงงจนพูดไม่ออก  ชินรีบกอดอกชิงพูดต่อทันทีเพื่อไม่ให้เรื่องแตก



              “ ชะ ใช่  น้องสาวฉันเอง  เธอแยกจากฉันไปอาศัยอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็ก  เธอพึ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง ที่จริงฉันก็กะจะบอกเธอวันนี้พอดี ”



              “ แต่นายเคยบอกฉันว่ากำพร้า “ นามิเหล่ตามองชินอย่างสงสัย



              “ เข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่กำพร้าพ่อแม่ ยังมีน้องสาวอยู่อีกคนต่างหาก”



              ชินรีบแก้ต่าง  นามิยังคงมองเรนกิอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง



              “ แต่ว่า ... ผู้หญิงคนนี้หน้าไม่ค่อยเหมือนนายเลยนะ “



              “ ปัดโธ่  พี่น้องหน้าตาไม่เหมือนกันมีถมไป  ถ้าเรนกิไม่ใช่น้องสาวฉันจริง แล้วเธอจะมาอยู่บ้านฉันได้ยังไง  เธอก็รู้นี่ ฉันใช่คนไม่ดีแบบนั้นรึ “



              “ .... “  นามิหยุดพูด เธอนิ่งอย่างครุ่นคิด ได้ผลแฮะ ชินนึกในใจ ตอนนี้เธอยังพิสูจน์ไม่ได้หรอกว่าคำพูดเขาจริงหรือเท็จ แม้จะรู้สึกผิดต่อนามิอยู่บ้าง แต่มันก็จำเป็น  ชินรีบหันไปทางเรนกิขยิบตา



              “ เรนกิ นี่นามิเพื่อนของพี่นะ … สวัสดีสิ “



              ชินพูดย้ำเมื่อเห็นเรนกิยังนิ่งๆไม่ทำอะไร แต่ก็โค้งหัวลงทักทายนามิ



              “ สวัสดีค่ะ ... แบบนี้ใช้ได้แล้วใช่ไหม “



              ท่อนหลังเป็นคำถามที่ถามชิน  ชินยกมือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ ดูท่าเขาอาจจะต้องสอนมารยาทการใช้ชีวิตให้เธอหลายอย่างทีเดียว



              ส่วนนามิครั้งแรกนึกว่าเรนกิพูดประชดเธอ แต่ดูจากแววตาไร้เดียงสาแล้วไม่น่าใช่  เมื่อเป็นน้องสาวชิน เธอก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ



              “ สวัสดีจ๊ะ “  นามิเผยยิ้มอย่างเป็นมิตร



              เรนกิยิ้มตอบตามที่ชินทำท่าทางแนะนำจากด้านหลังนามิ  พอนามิหันหน้ากลับมา ชินกลับทำเฉยไม่รับรู้อะไร  นามิจึงไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก ตรงกันข้ามเธอกำลังรู้สึกผิดที่เสียมารยาทต่อชินและน้องสาว



              “ ขอโทษนะชิน  ที่เมื่อกี้เข้าใจนายผิดน่ะ “



              “ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว “



              ชินแอบผ่อนลมหายใจ อย่างน้อยนามิคงเลิกสงสัยแล้วตอนนี้



              “ งั้นเรารีบไปเถอะนะ เดี๋ยวจะสาย “



              นามิพูดเอ่ย  ชินขณะจะตอบรับก็ฉุกใจคิดขึ้น



              เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้เรนกิยังไม่หายบาดเจ็บ ถ้าไคออนบุกเข้ามาตอนนี้เธอสู้ไม่ได้แน่ เราคงต้องหาที่ปลอดภัยให้เธอ และสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็น่าจะเป็นที่ๆคนอยู่เยอะๆ และมันเคยไปมาแล้ว  นั่นก็คือ ...



              “ นามิ  ฉันขออะไรอย่างนึงจากเธอได้ไหม “



              “ อะไรล่ะ “



             “ ฉันจะขอยืมชุดนักเรียนเธอให้เรนกิน่ะ ฉันจะให้เรนกิไปโรงเรียนกับพวกเราด้วย



              “ หา ? “ นามิมีสีหน้างุนงง  ชินยิ้มแป้น  ใช่แล้ว ถ้าหากเป็นโรงเรียนล่ะก็ ไคออนคงจะไม่กล้าวู่วามแน่ เพราะที่นั่นมีคนเยอะ และอีกอย่างมันคงไม่คิดหรอกว่าเรนกิจะไปซ่อนตัวที่นั่นซ้ำสอง



              “ ก็ได้นะ แต่ว่าเพราะอะไรล่ะ “ นามิสงสัย



              “ เพราะ ....  เออออ “ ชินลากเสียงยาวพยายามนึก  



              “ อ้อ ใช่ เพราะว่าตอนนี้มีพวกโรคจิตมันจ้องจะเล่นงานเรนกิอยู่น่ะ ฉันกลัวว่าถ้าปล่อยให้เธออยู่ที่นี่คนเดียวอาจจะเป็นอันตราย เลยอยากให้ไปโรงเรียนด้วย  เธอก็เห็นแล้วนี่ว่าน้องฉันสวยแค่ไหน ”





              “ พวกโรคจิต ! “ นามิอุทานอย่างตกใจ ก่อนพูดอย่างกังวล





              “ แต่อาจารย์เค้าจะยอมให้เรนกิเข้าไปเรียนง่ายๆเลยหรือ “



              “ ฉันจะลองคุยกับอาจารย์มิโดริดู  อาจารย์คงช่วยฉันได้ “



              ชินพูดพลางคิดไป  เขาหันไปถามเรนกิบ้าง



              “ ว่าไงเรนกิ ไม่มีปัญหาใช่ไหม “



              เรนกิหยุดนิ่งสีหน้าขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน จนทั้งสองสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่  ในที่สุดเธอถามเสียงเรียบ



              “ โรงเรียนคืออะไรเหรอ ? “



              “ เอ๋ !?”  นามิมองเรนกิอย่างงุนงง  ชินร้องโอยในใจ นึกไม่ถึงว่าเรนกิจะไม่รู้จักโรงเรียนด้วย  เขารีบชิงพูดกับนามิ



              “ อ้อ ใช่ๆ  ฉันไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้  คือว่าเรนกิก่อนที่จะมาที่นี่ เธอได้รับอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางสมองน่ะ  ทำให้ความทรงจำบางส่วนขาดๆหายๆ  ฉันคิดว่าการให้เธอไปโรงเรียน อาจทำให้เธอจำอะไรได้บ้าง ”



              “ อย่างงั้นเหรอ “ นามิไม่ค่อยจะเชื่อนัก  แต่ว่าคงไม่มีเด็กคนไหนที่อายุป่านนี้แล้วไม่รู้จักคำว่าโรงเรียนหรอก  ดูจากสีหน้าแล้วก็ไม่ได้เสแสร้ง ก็คงจะเป็นอย่างที่ชินบอกแหละ  นามิคิดในใจ  ส่วนชินนั้น อยากจะตะโกนว่าให้ตายสิดังๆ ไม่รู้ว่าเขาโกหกเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ปกติเขาเป็นคนไม่โกหกใครเลย  มีครั้งนี้นี่แหละที่โกหกน้ำไหลไฟแลบแบบนี้



              “ เอางี้นะชิน เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาชุดนักเรียนให้เรนกิ รอแป้บนึง ”



              นามิรีบผลุบผลันออกจากบ้านไป  



              “ นี่นาย ทำไมฉันถึงต้องไปโรงเรียนอะไรนั่นด้วย “



              เรนกิถามเมื่อเห็นว่านามิไปได้ไกลแล้ว



              “ ก็เพราะว่าที่นั่นปลอยภัยน่ะสิ  เธอบาดเจ็บอยู่อย่างนี้ ยังสู้ไคออนไม่ได้หรอก  ไหนจะมีนักล่าเผ่าดวงจันทร์อีก “



              ชินพูดด้วยความเป็นห่วง เรนกินิ่งเงียบไป ชินพูดต่ออย่างกังวล



              “ แล้วก็นะ เวลาเธอเจอคนอื่นห้ามยืดเล็บหรือใช้พลังไซโคด้วยล่ะ เธอต้องทำตัวเป็นคนธรรมดาที่สุด ห้ามทำร้ายใคร เข้าใจไหม “



              “ อื้อ  ฉันจะทำตามที่นายบอกล่ะกัน “



              “ ดี ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ”



              ชินพูดแซวเล่น  แต่แปลก เรนกิกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ตามปกติ  เธอก้มหน้านิ่งพูดเบาราวกระซิบ



              “ ชิน  ฉันขอบใจนายมากนะ สำหรับหลายๆอย่างน่ะ “



              ชินมีอาการอึ้ง  เรนกิพูดขอบใจเขาเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อแฮะ เพราะว่าเธอแสนจะดื้อเย็นชาขนาดนั้น  เขายิ้มตอบ



              “ ไม่เป็นไรหรอก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกชื่อฉันตรงๆนะเนี่ย “



              “ อื้อ “



              เรนกิก้มหน้าพวงแก้มของเธอมีสีชมพูระเรื่อระบายอยู่  ไม่นานนักนามิก็นำชุดเรียนมาให้เรนกิลองใส่ดู พบว่าเรนกิน่ารักมากเมื่ออยู่ในชุดนักเรียน ทั้งสามเดินไปโรงเรียนด้วยกัน ระหว่างทางนามิอดนึกถึงเหตุการณ์ที่เรนกิบีบข้อมือเธอไม่ได้ ตอนนั้นทั้งร่างของเธอชาไปหมด  





              มันเหมือนกับไม่ใช่แรงมนุษย์ !?





             แต่เมื่อมองดูเรนกิตอนนี้ เธอก็เหมือนนักเรียนหญิงน่ารักธรรมดา





             เราคิดไปเองมั่ง  ?







                                                                                                                   โปรดติดตามตอนต่อไป



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×