ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eternity Moon

    ลำดับตอนที่ #4 : Devour (เขมือบ )

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 48




              “ ผมแค่กลับไปเอาของนิดหน่อยคับ “ ชินโกหก  เขาไม่ต้องการจะบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น  แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาใจไม่ดีเลย เพราะทุกสายตาจับจ้องมาทางเขาทั้งสิ้น ทั้งตำรวจและบรรดาอาจารย์



              “ งั้นหรือ  แน่ใจนะว่าแค่ไปเอาของ “



              หัวหน้าสืบสวนย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ และมองตาชินเหมือนจ้องจับผิด เขาอัดบุหรี่เข้าไปในปอดแรงๆก่อนจะค่อยๆระบายควันขาวฟุ้งออก มาทางปากและจมูก ชินกลั้นลมหายใจ เขาไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เอาเสียเลย          



              “ เราไม่เชื่อที่พวกองค์กร KM พูดมาหรอก ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติมันจะมาโจมตีโรงเรียนเล็กๆนี่ทำไม สารภาพมาซะดีกว่า เป็นฝีมือเธอใช่ไหม “



              “ ผมเปล่านะ ผมไม่รู้เรื่อง “



              บรรยากาศตึงเครียด  หัวหน้าสืบสวนนั่นดูเหมือนจะปักใจเชื่อว่าชินต้องรู้เรื่องอะไรแน่ๆ  เพราะว่าชินเป็นเบาะแสสุดท้ายแล้วตอนนี้  สายตาเขาบ่งบอกว่าจะคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ ทำให้ชินรู้สึกกลัว ขณะนั้นเสียงเพราะๆได้ดังขึ้นช่วยชินไว้



              “ พอเถอะค่ะ อย่าไปขู่เด็กมากกว่านี้เลย ดิฉันรู้จักเด็กคนนี้ดีค่ะ เขาเรียนดี ความประพฤติดี ไม่เคยก่อปัญหาใดๆมาก่อนเลย “



              อาจารย์มิโดริ   เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้องเรียนของชิน  เนื่องจากชินกำพร้าพ่อแม่ ทำให้อาจารย์มิโดริดูแลเขาเป็นพิเศษกว่านักเรียนอื่น และทำให้เขากับอาจารย์สนิทกันพอสมควร ชินรู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างน้อยก็มีอาจารย์มิโดรินี่แหละที่พร้อมจะอยู่ข้างเขา



              “ แต่เด็กคนนี้เป็นคนเดียวที่เข้าไปในโรงเรียนเวลานั้น “



              “คุณมีหลักฐานอะไรจะมากล่าวหาเขา ดิฉันรับประกันว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลย ... ใช่ไหม ชิน “



              อาจารย์มิโดริหันหน้ามาถาม  ชินตอบ “ ใช่ครับ “







    Chapter Four   Devour (เขมือบ)







              ระหว่างเดินกลับบ้าน ชินรู้สึกหนักใจ เขาไม่อาจเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้เลย แม้กระทั่งเพื่อนใกล้ตัวที่สุดอย่างนามิกับทานากะ เพราะเขาไม่ต้องการให้ทั้งสองคนมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย



              “ ชิน เป็นอะไร ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดี  หรือเพราะเรื่องเมื้อกี้ “



              นามิถามด้วยความเป็นห่วง  ชินส่ายหน้า



              “ เปล่าหรอก “



              พูดจบถอนหายใจ นามิไหนเลยจะไม่รู้ว่าชินมีเรื่องทุกข์ใจอยู่ เพียงแต่ถ้าเขาไม่พูด เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เดินไปด้วยกันเงียบๆ



              ขณะที่ชินเดินไปก้มหน้าคิดไปอยู่นั้น  นามิก็สะกิดแขนเสื้อเขาเบาๆ



              “ นี่ชิน  มีคนเดินตามเรามาล่ะ นายน่าจะรู้จักดีนะ “



              เธอกระซิบ ชินหันหลังกลับไปมอง และก็สะดุ้งตกใจเพราะคนที่ตามพวกเขามานั้น  





              เป็นผู้หญิงต่างชาติที่พบเมื่อเช้าคนนั้นเอง !





              ชินรีบหันหน้ากลับทันที เขาแสร้งทำไม่รู้ไม่เห็น เร่งฝีเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ ขณะที่หัวใจเต้นแรง สมองครุ่นคิดอย่างหนัก หรือว่าเธอคิดปิดปากเขา เพราะเขาไปรู้ไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรรู้ควรเห็นเข้า  ชินหน้าซีด ตื่นตระหนกกว่าเดิม จนนามิสัมผัสได้  เธอแกล้งหยอก      



             “หรือว่านั่นเป็นคู่หมั้นนายจากต่างประเทศ จะมาลากนายกลับไป “



              นามิหัวเราะคิกคัก แต่ชินไม่ขำกับมุขนี้เลยสักนิด เขาเห็นว่าหญิงสาวผู้นั้นเดินทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับนามิพอสมควร  จึงตัดสินใจ



              “ นามิ  พร้อมนะ  “



              “อะไร   ว้าย ! “



              ชินคว้ามือนามิวิ่งในทันที เข้าตามตรอกซอยต่างๆ เขารู้จักตรอกซอยแถวนี้ดี ต่อให้เธอตามมาก็ไม่มีทางหาพวกเขาพบ ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงตัดสินใจหนีผู้หญิงคนนั้น  ผิดกับเรนกิที่เขาช่วยเหลือแทนที่จะวิ่งหนี อาจเพราะเขาสัมผัสได้ว่าเรนกิแม้จะสีหน้าเย็นชาตลอด แต่เมื่อยิ้ม นั่นคือรอยยิ้มที่มาจากใจจริง ผิดกับผู้หญิงคนนี้ ที่แม้จะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่รอยยิ้มนั้นไม่อาจบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ



              จนกระทั่งมองไปด้านหลังไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นตามมาแล้ว  ชินค่อยหยุดพักพิงกำแพงในซอยลึกแห่งหนึ่ง  นามิยืนหอบหายใจถี่อยู่ข้างๆ



              “ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม “ ชินถามนามิอย่างเป็นห่วง



              “ ให้ตายสิ  นายเป็นบ้าอะไรกัน ทำไมต้องวิ่งหนีด้วย  อย่าบอกนะว่าแม่นั่นเป็นคู่หมั้นที่มาตามตัวนายกลับไปจริงๆน่ะ “



              “ ขอโทษนะนามิ ที่ทำให้ลำบากแบบนี้ “



              “ ช่างเหอะ “



              นามิเชิดหน้าอย่างไม่พอใจ  ชินไม่นึกอยากจะพูดอะไรต่อ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า  เรื่องราวมันชักจะยุ่งขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ  เด็กหนุ่มนึกในใจ แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ  เขาก็เบิกตากว้างตะลึงงันสุดขีดจนแทบลืมหายใจเมื่อมีบุรุษไม่ได้รับเชิญมายืนขวางอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ มันมีผิวคล้ำผมทอง ใส่ชุดโค้ชสีน้ำตาล





              ชินรู้จักมันดีทีเดียว  .... รู้จักดีที่สุด





              ไคออน !!!





              “ เจอตัวจนได้นะ ไอ้หนู “





              ไคออนยืนแสยะยิ้มอยู่หน้าชินกับนามิ  ความกลัวถาโถมเข้าสู่จิตใจชินราวคลื่นยักษ์ นี่แหละ เรื่องที่เขากลัวที่สุด  เด็กหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อขาทั้งสองข้างคล้ายถูกถ่วงด้วยก้อนหินใหญ่ หัวใจเต้นระรัวแทบจะก ระ ด อ นออกมา เขาไม่น่าหนีมาที่นี่เลย แถวนี้เป็นตรอกซอยลึกไม่มีคนเดินผ่านซะด้วย  



              “ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน  แกเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน “



              ไคออนถามอย่างช้าๆพร้อมสืบเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ แววตามันราวกับงูกำลังจะกินเหยื่อที่ไร้ทางสู้





              “ นามิ รีบหนีไป !





             ชินพูดเสียงดังพลางใช้ร่างตนบังร่างนามิเอาไว้





              “ ดูท่าแกคงอยากตายมากสินะ “





             ปึ้ก  ไคออนใช้เท้าเตะใส่ท้องของชินอย่างแรงด้วยความรำคาญ  ร่างของเด็กหนุ่มลอยกระเด็นไปกระแทกกำแพง  



              “ ชิน !!! “ นามิกรีดร้องด้วยความตกใจ  เธอรีบไปประคองร่างชิน เลือดเป็นลิ่มๆไหลออกทางปากและจมูกของเด็กหนุ่ม เขารู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งร่าง อวัยวะภายในปั่นป่วนไปหมด  





              “ รีบ ... หนี ... ไป ... “ ชินพยายามพูดอย่างยากลำบาก ทว่านามิไม่ฟังกลับทำในสิ่งที่ชินไม่คาดคิดมาก่อน เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาอันธพาลนั่นด้วยสีหน้าโกรธจัด  ชินร้อง “ อย่า “ทว่าไม่ทันเสียแล้ว





                เพี้ยะ





              พระเจ้าช่วย





              เธอ  ตบ  หน้า  ไคออน  เต็มๆ !!!






              ไคออนยืนนิ่งมองนามิด้วยความอึ้ง ฝ่ามือน้อยๆทิ้งน้ำหนักลงไปเต็มแรง ที่จริงมันจะหลบก็ทำได้ง่าย แต่มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กสาวอย่างนามิจะกล้าถึงขนาดนี้  ดูเธอจะไม่กลัวมันเลย  ชินที่เห็นเหตุการณ์แทบจะเป็นลมตายไปตรงนั้น





              “ นายมันคนไม่ดี อย่ามารังแกชินอีกนะ !





              นามิพูดเสียงแข็งด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว  ไคออนยืนอึ้งตะลึงชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะหัวเราะดังลั่น



              “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ใจกล้าดีนี่แม่สาวน้อย  นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกผู้หญิงตบหน้า มิหนำซ้ำยังเป็นมนุษย์ผู้หญิงซะด้วย ... ฮ่า ฮ่า ... หึ หึ  “



              ฉับพลัน แววตาไคออนฉายความอำมหิต เสียงเย็นเยียบดังออกมา





              “เพื่อตอบแทนสิ่งนั้น “





              ผัวะ!  ร่างของนามิลอยละลิ่วเหมือนว่าวที่ขาดสายป่านเข้ากระแทกกับกำแพงเต็มแรง





              “ นามิ !! “ ชินร้องลั่น ร่างของนามิร่วงลงกองอยู่กับพื้นสิ้นสติในทันที  เด็กหนุ่มพยายามลุก แต่ลุกไม่ขึ้น ด้วยเท้าของมันเพียงข้างเดียวสามารถจบชีวิตของเขาได้ กำลังของไคออนมีมากพอที่จะเตะจนท้องเขาแตก กระดูกแหลกได้ง่ายๆ อาจเพราะมันยังต้องการรู้ที่ซ่อนของเรนกิ จึงไม่คิดฆ่าเขาให้ตายในทีเดียว



              “ ว่าไงไอ้หนู  ตอบคำถามของข้าได้หรือยัง “



              “ ฉัน ... ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น “ ชินพยายามตะกายร่างคลานเข้าหานามิ  แต่เท้าของมันเหยียบลงบนหลังมือของเขา ชินเจ็บปวดรวดร้าวราวกระดูกจะแหลกละเอียด เขากัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา ไคออนใช้มือหยาบกร้านกระชากร่างของนามิขึ้นมา เพียงมือเดียวสามารถยกร่างที่ไร้สติให้ลอยขึ้นเท้าไม่แตะพื้นได้ง่ายดาย





              “หยุดนะ !!





              ชินแผดเสียงดังลั่น  ไคออนหันมาแสยะยิ้ม มันใช้มือโอบเอวเล็กๆของนามิเอาไว้ แนบหน้าหยาบๆของมันลงไปบนหน้าบางใสของเธอ  แววตาน่าขนลุกของมันแฝงด้วยความกระหายตะกละตะกลาม



              “ ผู้หญิงคนนี้แฟนแกหรือไง เนื้อเธอนุ่มดีนะ “



              ชินใจหายวาบ เขาพึ่งรู้ว่าความกลัวนั้นมีหลายระดับก็ตอนนี้เอง  ทั้งที่คิดว่าได้กลัวสุดขีดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่มันไม่ใช่  ครั้งนี้ความกลัวมันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายลึกลงถึงก้นบึ้งหัวใจ  คำพูดของไคออนมันทำให้เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปอาจน่ากลัวกว่าการข่มขืน  





              “ แกจะทำอะไรเธอกันแน่ ! “ ชินตวาด





              “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า  นังเรนกิมันไม่ได้เล่าอะไรให้แกฟังเลยหรือไง “



              เสียงหัวเราะของมันทำให้ชินแทบประสาทเสีย



              “ ฉันจะบอกให้ก็ได้ รู้ไหมว่าพวกเราน่ะ กินอะไรเป็นอาหาร “ไคออนพูดเสียงอำมหิต





              \" อะ ...  อะไร \"





              “ เนื้อมนุษย์ ไงล่ะ !! เนื้อมนุษย์ที่กินอย่างดิบๆ กินขณะเลือดที่กำลังสูบฉีดทั่วร่างนั่นแหละอาหารของพวกเรา อร่อยที่สุด ฮ่า ฮ่า ฮ่า   “  





              ชินรู้สึกราวกับดำดิ่งลงสู่นรกอเวจี เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง หัวใจของเขาอาจหยุดเต้นไปแล้วก็ได้  ภาพที่เรนกิไม่แตะอาหารเช้าวันนี้ผุดขึ้นมาในสมอง  ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวกว่าเดิม  ชินยังหวนนึกถึงคดีประหลาดในเมืองที่จู่ๆคนหายไปโดยไร้ร่องรอย  ... ทิ้งไว้เพียงกองเลือด ...



              

              หรือว่า … !!





              ราวกับอ่านใจชินออก ไคออนพูดเสียงดังอย่างสะใจ





              “ ใช่แล้ว ไอ้พวกที่หายไป ข้านี่แหละเป็นคนกินมันทั้งหมดเอง กินตั้งแต่หัวจรดเท้า กินไม่เหลือแม้แต่กระดูก ยิ่งได้เห็นสีหน้าพวกมันตอนตื่นกลัวเวลาจะถูกข้าเขมือบนะ ยิ่งอร่อยทวีคูณ ฮ่า ฮ่า ฮ่า



              มันบ้าเกินไปแล้ว  ชินร้องในใจ เขารับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว เพียงนึกภาพก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอยากอาเจียน  ความกลัวกำลังกลืนกินจิตใจเขาจนหมด  ไคออนพูดอย่างสนุกสนานราวกับเป็นเรื่องปกติ นี่หรือความรู้สึกของเหยื่อที่กำลังจะถูกเขมือบ ชินได้รู้จักความกลัวนั้นแล้ว



              “ ว่าไง ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย “



              ไคออนถามเสียงเย็นยะเยือก  ชินรวบรวมความกล้าร้อง





              “ ปล่อยผู้หญิงไปซะ  เธอไม่เกี่ยวเรื่องนี้ !





              “ น่าเสียดายนะ “ ไคออนส่ายหน้าช้าๆแสร้งทำสีหน้าผิดหวัง “ ข้าคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะคำตอบมันผิด “



              ทันใดนั้น  ชินอ้าปากตาค้างอย่างตะลึงสุดขีด





              ปากของไคออน เปิดกว้างออกมาเกือบเมตร !!





              ราวกับปากงูที่ไร้ขากรรไกรเวลาที่จะเขมือบหนู  ปากไคออนอ้ากว้างจนเห็นฟันทุกซี่ เพดานปากสีแดงคล้ำ น้ำลายไหลยืดเหนียว และกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจาย ปากนั่นได้กลืนคนไปหลายคนแล้ว  นี่เองที่ว่าทำไมไม่เหลือศพหรือชิ้นเนื้อให้เห็น เพราะมันเล่นเขมือบทีเดียวทั้งร่างเลย  





              และนามิเป็นเหยื่อรายต่อไปของมัน !!!





              “ ข้าจะกินนังนี่ก่อน  ต่อไปก็เป็นแก “





              “ อย่านะ ! “





              ชินร้องเสียงหลง  แต่มันไม่ได้ทำให้ปากกว้างเหม็นเน่านั้นหยุดเข้าใกล้นามิเลยแม้แต่น้อย ปากนั่นมันกำลังจะครอบไปบนหัวนามิแล้ว





              “ อย่า ... หยุดนะ .... ฉันบอกให้หยุด  ...







              หยุด !!!







              กึก  ทุกสิ่งหยุดชะงัก  ไคออนถอนปากออกมาก่อนที่จะสัมผัสถูกศีรษะนามิ  มันหันมามองเด็กหนุ่มที่ลุกขึ้นยืนถือมีดจ้องหน้ามันตาเขม็ง  



              ชินรวบรวมพลังใจลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่อาจต่อกรกับปีศาจนี่ได้  หนีอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ตอนนี้อาจยังทัน แต่ว่าเขาจะปล่อยให้นามิได้รับอันตรายเพราะเขาไม่ได้เด็ดขาด  





             เขาต้องช่วยเธอให้ได้ !!!





              ชินยืนตัวสั่น จ่ออาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เขาพกติดตัวเสมอไปทางปีศาจนั่น  มีดสีเงินด้ามดำสะท้อนแสงแวววับ  มันยังคงคมกริบเสมอแม้ผ่านไปแล้ว 8 ปี  แต่มันจะทำอะไรปีศาจตนนี้ได้ล่ะ  ในเมื่อวันวานนี้ ทั้งกรด ทั้งระเบิด ทั้งปืน ทำอะไรมันไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับมีดแค่เล่มเดียว  แต่ชินไม่มีทางเลือกแล้ว มีดเล่มนี้คืออาวุธสุดท้ายที่เขามี





              “ ปะ .. ปล่อยเธอซะ !





              แม้เสียงจะห้าวหาญดีใช้ได้  แต่ภาพเบื้องหน้ามันไม่ใช่ มือชินสั่นระริกมีดแทบหล่น ขาก็อ่อนจนยืนแทบไม่ไหวอยู่แล้ว  มีแต่สายตาเท่านั้นยังบ่งบอกว่าไม่ยอมแพ้  ไคออนหุบปากกว้างนั่นเป็นปกติ มันมองชินที่ยืนตัวสั่นแล้วหัวเราะเบาๆ



              “น่าขำจริงๆ  เรื่องเมื่อวานนี้ไม่ได้ให้บทเรียนแกบ้างเลยหรือไง ต่อให้แกระเบิดร่างข้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ข้าก็ไม่ตาย  แล้วคิดหรือว่าแค่มีดเล่มเล็กๆนั่นจะทำอะไรข้าได้  หา !



              ฉับพลัน ! ไคออนทิ้งร่างนามิลงกับพื้น พุ่งร่างเข้าหาชินดุจสายฟ้าแลบ กางมือข้างขวาเข้าบีบคอชินทันที



              “ อั่ก “ ร่างชินถูกยกขึ้นเหนือพื้น ไคออนเผยแววตาอำมหิต มันดันร่างเด็กหนุ่มไปกระแทกกำแพง  ชินตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวสุดขีด มีดที่เขาถือเมื้อกี้ยังแนบลำตัว  เขาไม่กล้าฟันออกไป  ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าไคออนที่ประชิดอยู่ตอนนี้  ลมหายใจเหม็นๆปะทะหน้าชินเป็นระยะ



              “ ท่าทางกล้าหาญเมื่อกี้หายไปไหนหมดล่ะ “ ไคออนมองชินอย่างสมเพช  “ แกมันน่ารำคาญ  ข้าจะกินแกซะ ต่อด้วยแฟนของแก และเมื่อตามตัวเรนกิเจอเมื่อไหร่  ข้าก็จะได้สนุกกับหล่อนให้เต็มที่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า “



              เสียงหัวเราะแฝงความชั่วช้าลามก  ชินรู้สึกราวกับภูเขาไฟระเบิดในร่าง เขาโมโหจัด  





              “ หยุดพูดนะ !







             ฉัวะ







              กาลเวลาสะดุดหยุดนิ่ง





              ชินเหวี่ยงแขนที่ถือมีดขึ้นด้วยความโมโห  มันปาดเข้าไปที่หน้าผากไคออน  เลือดสีแดงไหลพุ่งกระฉูด  การฟันครั้งนี้ชินไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้น  เขาฟันด้วยอารมณ์ บาดแผลไม่ได้ลึกอะไร เดี๋ยวปีศาจนั่นก็คงรักษาบาดแผลจิ๊บจ้อยนี่ในไม่กี่วินาที  แต่สิ่งที่เหลือเชื่อพลันเกิดขึ้น





              “ อ๊ากกกก “  





              ไคออนกรีดร้องเสียงดัง มันเหวี่ยงร่างชินกระเด็นไป  เอามือจับหน้าตนเองร้องครวญครางไม่หยุด





              มันเจ็บ !?





              ชินค่อยๆลุกขึ้นมองภาพเบื้องหน้าอย่างงุนงง เมื่อวานมันโดนกรดสาดเข้าไปยังยืนแสยะยิ้มให้เราได้  อันนี้แค่มีดบาดเท่านั้น มันกลับร้องครวญครางจะเป็นจะตาย  มิหนำซ้ำพอเวลาผ่านไป เลือดของมันก็ยังไหลไม่หยุด ผิดกับเมื่อวานที่โดนระเบิดหน้าเละ แต่อาศัยเวลาไม่กี่วินาทีก็สามารถรักษาหายได้แล้ว  





             นี่หมายความว่ายังไงกัน ?





             หรือเพราะมีดเล่มนี้ !?





              ชินมองมีดตนเองอย่างสงสัย เลือดสีแดงที่ปลายมีดเป็นหลักฐานอย่างดีว่าเขาฟันโดน  แต่ไม่ทันจะคิดมากไปกว่านั้น  ไคออนก็หันมาทางชินด้วยสีหน้าเจ็บปวดโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด  บาดแผลที่หน้าผากของมันผ่านกลางระหว่างตาทั้ง 2 ข้างเป็นเส้นทแยงมุม น่าสะพรึงกลัวนัก





              “ แก  ... แกไปได้มีดเล่มนั้นมาจากไหน  บอกมา !





             ไคออนตวาดเสียงเกรี้ยวกราดพุ่งร่างเข้าหาชิน  ชินรีบถอยหลังหนีไป แต่มันไม่ทันแน่ ไคออนง้างมือเตรียมจะตะปบร่างเขาแล้ว  ชินหลับตาด้วยความตกใจกลัว ไม่ทันจะร้องสักแอะ แต่ขณะที่กำลังคับขันนั้นเอง





              ปัง  ปัง  ปัง  





              เสียงปืนดังติดต่อกัน 3 นัด  แต่ละนัดเข้าที่หน้าอกของไคออนทั้งสิ้น





              “ โอ้ย !





              ไคออนชะงักร่างกลางคัน เอามือจับหน้าอกที่เปรอะไปด้วยเลือดกำลังไหลรินด้วยความเจ็บปวด  ปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งถือปืนพก 2 กระบอกใหญ่วิ่งเข้ามา เธอมีผมสีทองใส่ชุดสีดำ เป็นชาวต่างชาติ  ชินตกตะลึงขึ้นมาทันที





              ใช่แล้ว  ผู้หญิงองค์กร KM คนนั้นเอง !





              “ เธออีกแล้วเรอะ  “



              ไคออนคำรามอย่างเจ็บใจ  มันรีบพาร่างที่บาดเจ็บของตนกระโดดข้ามหัวชิน วิ่งหนีไปยังถนนอีกด้านหนึ่ง เสียงปืนอีก 2 นัดดังไล่ตาม แต่ดูเหมือนว่าพลาดอย่างเฉียดฉิว  ไคออนวิ่งหนีหายลับไปกับซอกตึก  



              “ ชิ ให้ตายสิ  หนีไปได้อีกเรอะนี่ “



              สาวต่างชาติสบถอย่างหัวเสีย ชินอ้าปากตาค้างมองเธออย่างตะลึง  เธอเก็บปืนกระบอกคู่ไว้ในเสื้อคลุมดำก่อนหันมาทางชิน



              “ นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม “



              ชินพยักหน้าสั่นๆ เขายังอึ้งไม่หาย  ไม่สิ  ยังไม่หายจากความกลัว เมื่อกี้เขาเฉียดความตายมากี่ครั้งกัน  เขาหอบหายใจก่อนนึกขึ้นได้





              “ นามิ !





              ชินรีบไปหานามิที่นอนไร้สติอยู่ริมกำแพง   โชคยังดีที่ดูเหมือนเธอไม่เป็นอะไรมากนัก เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ดึงร่างเธอวางพิงกำแพงให้ดี ขณะที่สาวแปลกหน้ายืนเท้าสะเอวพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ



              “ นี่แหละนะ เพราะนายไม่ฟังคำเตือนฉันถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้  ถ้าหากฉันมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว นายตายไปแล้ว สำนึกบุญคุณซะด้วยล่ะ “



              ชินไม่สนใจท่าทีเย่อหยิ่งนั่น เขาถาม



              “ เธอเป็นใครกันแน่  ทำไมไคออนมันถึงกลัวเธอ “      

      

              “ ฮั่นแน่  ยอมรับแล้วใช่ไหมว่านายรู้เรื่องนี้ “



              หญิงสาวยิ้มอย่างผู้ชนะ ชินเงียบไม่ตอบ แต่ก็แปลว่ายอมรับแล้ว



              “ ที่มันกลัวน่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก  แต่เป็นนี่ “



              เธอชูปืนพกสีดำกระบอกใหญ่ขึ้นให้ชินดู  เด็กหนุ่มมองมันอย่างไม่ค่อยเชื่อ  เขาหวนนึกถึงคำพูดของเรนกิเมื่อเช้านี้



              “ เป็นไปไม่ได้หรอก “ ชินเถียง “ ก็อาวุธทุกชนิดบนโลกไม่สามารถทำอะไรชนเผ่าดวงจันทร์ได้ไม่ใช่รึไง เมื่อวานฉันยิงปืนใส่มัน 6 นัด ทั้งระเบิด ทั้งกรด แต่มันไม่เป็นอะไรเลย  “



              หญิงสาวมีสีหน้าเหนือคาด



              “ อะไรนะ  กล้าดีนี่นาย ไม่กลัวตายหรือไงที่เอาของแบบนั้นไปสู้กับมันน่ะ  เพราะอาวุธบนโลกทุกชนิดทำอะไรมันไม่ได้หรอก ”



              “ อ้าว  นี่เธอหมายความว่าไงกัน “ ชินสงสัยหนักขึ้น



              “ ใช่ “ หญิงสาวพูดต่อ “ จริงอยู่ว่ากฎก็คือ อาวุธหรือวัตถุใดๆบนโลกนี้ไม่อาจที่จะฆ่าพวกชนเผ่าดวงจันทร์ได้ทั้งนั้น  ซึ่งเป็นความจริง แต่นายคิดหรือว่ามนุษยชาติจะยอมแพ้พวกมันเพราะกฎบ้าๆนี่  มันยังมีวิธีอยู่ไม่ใช่รึไง “



              “ วิธี ?  วิธีไหนกัน  “



              ชินสงสัยมาก  หญิงสาวควงปืนเล่นพลางยิ้ม



              “ ในเมื่อมันบอกว่าอาวุธบนโลกน่ะ ทำอะไรพวกมันไม่ได้  \"



        

              \" เราก็อย่าใช้อาวุธที่ทำมาจากบนโลกก็สิ้นเรื่อง





              “ อะไรนะ ! “



              เด็กหนุ่มโพล่งเสียงดังอย่างตะลึงงัน



              “ ใช่แล้ว  แม้อาวุธบนโลกจะทำอะไรมันไม่ได้  แต่ก็ใช่ว่าพวกเรามนุษย์โลกจะยอมแพ้มัน  นอกจากให้พวกมันต่อสู้กันเองแล้ว ก็ยังมีวิธีนี้อยู่  นั่นก็คือใช้อาวุธที่ทำจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์ยังไงล่ะ“





              “ อาวุธที่ทำจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์ !! “  ชินทวนซ้ำ





              “ ใช่  อาวุธที่ทำจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้ อย่างกระสุนปืนนี่ก็เป็นกระสุนที่ทำจากแร่ธาตุบนดวงจันทร์เช่นกัน มันเรียกว่า กระสุนซิลเวอร์มูน ( Silver Moon Bullet)”



              หญิงสาวโชว์มันให้ชินดู กระสุนนั่นมีสีเงิน ใหญ่กว่าปกติ เป็นแบบเดียวกันกับที่เขาเห็นฝังในต้นไม้ที่โรงเรียนเมื่อเช้า  



              “ องค์กร KM ของเราเท่านั้น ที่มีของแบบนี้  นายรู้ไหม ว่าแท้จริงแล้วตัวย่อ KM เริ่มแรกมาจากคำว่าอะไร “



              แน่นอน ชินไม่รู้ เขาส่ายศีรษะ หญิงสาวรีบพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น



              “ Kill Moonalist ยังไงล่ะ นี่แหละความหมายที่แท้จริง องค์กรเราถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อต่อกรกับชนเผ่าดวงจันทร์โดยเฉพาะ “



              “ แต่ว่านะ” เธอพูดต่อ “ ดูเหมือนเจ้าตัวเมื้อกี้จะเป็นพวกชั้นสูง ถ้าเป็นพวกทั่วไปโดนแบบนี้ต้องตายแล้ว คงต้องยิงให้พรุนล่ะจึงจะฆ่ามันได้ “



              ความช่างพูดช่างคุยของหญิงสาวเบื้องหน้าทำให้ชินได้รู้อะไรดีๆมากขึ้นเยอะ  เธอคงนึกได้แล้วว่าพูดมากไป จึงทำเสียงเครียดตัดบท



              “ เอาล่ะ  ตอนนี้นายก็เข้าใจหมดแล้วนะ เจ้าพวกนี้มันกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร  อาวุธบนโลกทำอะไรมันไม่ได้  เป็นอันตรายอย่างมากต่อมนุษยชาติ  องค์กร KM เราแม้จะเป็นองค์กรใหญ่ที่มีอำนาจ  แต่ตรงข้ามอาวุธแร่ธาตุดวงจันทร์เราผลิตไม่พอ ในองค์กรมีนักล่าเผ่าดวงจันทร์ (Moon Hunter) ที่มีกระสุนซิลเวอร์มูนอย่างฉันแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น ดังนั้นเราต้องการให้นายร่วมมืออย่างเต็มที่ “



              “ ร่วมมือ ? “ ชินทวนอย่างงุนงง “ ฉันจะทำอะไรได้ “



              “ มีสิ ” เธอสวน “ ก็บอกข้อมูลไง  ผู้หญิงผมแดงที่มากับนายน่ะ นายคงรู้ใช่ไหม ว่าเธอเป็นชนเผ่าดวงจันทร์เหมือนกัน “



              เด็กหนุ่มเงียบเป็นคำตอบ  หญิงสาวถามต่อ



              “ นายเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ “



              “ แค่บังเอิญเจอกัน  ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้แล้วด้วยว่าเธออยู่ที่ไหน “



              ชินตอบเสียงเรียบ  แต่แม่สาวยังไม่ปักใจเชื่อ



              “ เอาเถอะ  ถ้านายเจอกับผู้หญิงคนนั้นอีกให้รีบติดต่อฉันทันที  และระวังตัวไว้ด้วย เพราะเธออาจจะเขมือบนายเมื่อไหร่ก็ได้ “



              ชินรับนามบัตรที่หญิงสาวยื่นให้ด้วยความหวั่นหวาดในคำพูดของหล่อน  สาวผมทองบอก “โชคดี” คำหนึ่ง ก่อนที่จะเดินจากไป





              อิเล็กตร้า  สไตรค์เกอร์   สถานะนักล่าเผ่าดวงจันทร์  สังกัดองค์กร KM  เบอร์ที่ติดต่อได้  XXX – XXXX เป็นข้อความในนามบัตร  



              ชินรู้สึกว่าตนได้พัวพันเรื่องนี้จนยากที่จะไถ่ถอนตัวได้ซะแล้ว







                                                                                                     โปรดติดตามตอนต่อไป





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×