ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Moonalist ( ชนเผ่าดวงจันทร์ )
       
          แสงนวลของพระจันทร์ส่องสว่างลอดผ่านหน้าต่างเผยให้เห็นหญิงสาวผมแดงนอนอยู่บนเตียง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เธอกำลังหลับสนิท ยามนิทราเธอช่างงดงามเหลือเกิน ไม่มีทีท่าว่าหญิงผู้นี้จะมีอันตรายใดๆต่อผู้อื่นสักนิด
        เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้างดงามนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนสายตาหันไปหยิบหมอนใบสำรองลงไปนอนบนโซฟาชั้นล่าง
Chapter Three  Moonalist  (ชนเผ่าดวงจันทร์)
          แสงสว่างที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำให้เรนกิต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมอง เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเธอ  ร่างกายของเธอบางส่วนถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลอย่างปราณีต บาดแผลทั้งหมดได้รับการฟื้นฟูแล้ว แม้ว่ายาจะไม่ใช่ตัวสมานแผลที่แท้จริง แต่มันก็มีส่วนช่วยให้เธอสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
          หมอนั่นช่วยเราไว้งั้นรึ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ที่อ่อนแอนั่น
          เรนกิยันตัวขึ้นนั่ง เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดประตูเพื่อลงไปชั้นล่าง ที่นี่เงียบสงบกว่าที่เธอคิด หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องครัว ชินกำลังยกถาดอาหาร เขามีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเธอเดินลงมาข้างล่างได้ เด็กหนุ่มยิ้ม
          “ ฉันกำลังจะยกอาหารนี่ขึ้นไปให้เธอพอดี “
          “ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน  “
          เรนกิพูดเสียงเย็นชา ชินไม่ต่อปากต่อคำ เขาเปลี่ยนใจวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะอาหารแทนเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ
          “ ทานอาหารสิ ฉันทำไว้เผื่อเธอด้วย “     
          “ ไม่ต้อง  ขอบใจ “
          เรนกิทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เธอไม่แตะต้องอาหารที่ชินทำให้ ชินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะ เขาใช้ช้อนตักโจ๊กของตัวเองเข้าปากสองสามคำก่อนจะเอ่ยปากชวนสนทนา
          “ ประหลาดจัง อาการเธอสาหัสขนาดนั้น ทำไมหายเร็วแบบนี้“
          “ เพราะเรามีความสามารถในการฟื้นตัวเอง(Recovery)ที่เหนือกว่าพวกนายมาก ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งพละกำลัง ประสาทสัมผัส พวกเราก็เหนือกว่ามาก “ เรนกิพูดเสียงเรียบ “ รู้ไหมว่าตอนนี้นายอยู่ในสถานภาพที่อันตรายแค่ไหน นายช่วยฉันไว้ ไคออนไม่ปล่อยนายไว้แน่ “
          “ รู้สิ “ ชินตอบทันควัน “ รู้ดีเลยล่ะ เจ้านั่นถูกกรดสาด ถูกระเบิด ถูกปืนยิงก็ไม่ตาย แถมปล่อยไฟออกจากนิ้วได้อีก  เธอเองก็เหมือนกัน จู่ๆเล็บมืองอกยืดยาวออกมาได้น่ะ ... พวกเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไง”
          เด็กหนุ่มหอบหายใจ เรนกิมีสีหน้าเรียบสนิทไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
          “ เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวออกจะเสียมารยาทไปหน่อยนะ เราเพียงแต่เป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์เท่านั้น “
          “ อยู่บนดวงจันทร์ !? “ ชินโพล่งขึ้นอย่างตกใจ
          “ ใช่ เราเป็น ชนเผ่าดวงจันทร์  (Moonalist) “
          “ แต่บนดวงจันทร์ไม่เห็นมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยนี่ “ ชินแย้ง
          “ นั่นเป็นภาพลวงตา “ เรนกิตอบ “ เทคโนโลยีบนโลกไม่สามารถใช้กับพวกเราได้หรอกนะ ดวงจันทร์ที่โลกมองเห็นว่ามีเพียงพื้นดินทราย แท้จริงนั้นมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีประชากรหลายล้านคนด้วย”
          ชินขมวดคิ้วนั่งนิ่งครุ่นคิด ถ้าเป็นเมื่อวานซืนนี้เขาคงหัวเราะ แต่นี่เขาได้พบสิ่งที่เหลือเชื่อมามากแล้ว เพิ่มกว่านี้สักหน่อยจะเป็นไร
          “ แล้วมีทางไหนบ้างที่มนุษย์อย่างฉันจะต่อกรกับพวกมันได้  ถ้าหากฉันเจอกับไคออนอีกจะทำยังไง “
          นี่เป็นคำถามที่ชินต้องการถามที่สุด  ใครบอกล่ะว่าเขาไม่กลัว เขากลัวมาก ภาพไคออนค่อยๆคืนร่างตัวเองจากเศษเนื้อจนกลับมาสมบูรณ์ได้ยังวนเวียนไม่หยุดตลอดคืนวานนี้  แต่คำตอบที่ออกมานั้นถือว่าแย่ที่สุดที่จะมีได้  เพราะหญิงสาวตอบเสียงเย็นชาว่า
          “ ไม่มี “
          “ อะ ... อะไรนะ” เด็กหนุ่มอึ้ง “  ไม่มีสักวิธีนึงรึไง “
          ชินต้องการคำตอบว่า “ใช่” จากปากของเรนกิ แต่เธอกลับนั่งนิ่ง ใช้ความเงียบแทนคำตอบ หญิงสาวใช้สายตาเพ่งไปยังมีดที่เหน็บไว้ข้างผนังมีดหั่นผักลอยมาหาตรงหน้า ชินอ้าปากตาค้าง ดวงตายิ่งเบิกโพลงมากขึ้น เมื่อมีดเล่มนั้นกรีดผ่านปลายนิ้วกลางของหญิงสาว เลือดสีแดงเข้มข้นไหลทะลักออกมา เธอยังคงปิดปากสนิท ปล่อยให้ชินพิสูจน์บางอย่างด้วยตนเอง เวลาผ่านไปเพียง 10 วินาทีเลือดของเธอก็หยุดไหล 20 วินาทีปากแผลเริ่มปิดสนิทเข้าหากัน 30 วินาทีนิ้วมือมีเพียงรอยบางๆพาดผ่าน และ40 วินาทีริ้วรอยนั้นก็จางหาย นิ้วของเธอคืนสภาพเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชินมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
          “ เข้าใจแล้วสินะ “ เรนกิพูดต่อ “ นี่คือความสามารถในการฟื้นตัวเองที่ชนเผ่าดวงจันทร์มี  เป็นสิ่งที่มนุษย์โลกไม่อาจก้าวข้ามไปได้ ราวกับเป็นเวทมนตร์แห่งโบราณกาล อาวุธหรือวัตถุใดๆบนโลกนี้ไม่อาจที่จะฆ่าพวกเราได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะถูกระเบิดแหลกเป็นชิ้นๆก็ตาม  เราจะฟื้นฟูบาดแผลได้ในทันที ไม่แม้แต่จะทำให้รู้สึกเจ็บ “
          “ แบบนี้พวกเธอก็เป็นอมตะน่ะสิ “ ชินอุทาน
          “ จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ผิด เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นชนเผ่าดวงจันทร์ด้วยกันเอง จึงสามารถทำร้ายกันให้บาดเจ็บได้ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้อีก ไคออนน่ะ ฉันจะจัดการกับมันเอง “
          แววตาอำมหิตของเรนกิทำให้ชินเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง 
          “ แต่ฉันอยากจะช่วยเธอนี่นา “
          “ พูดไม่รู้เรื่อง “ เรนกิขึ้นเสียงด้วยความโมโห “ นายนี่มันหัวแข็งจริง ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีนายเมื่อวานนี้เลย “
          “ บัญชี ?  เธอจะคิดบัญชีฉันเรื่องอะไร “ ชินงุนงง
          “ เรื่องที่... “ เรนกิหน้าแดงขึ้นมา “ เรื่องที่นายแตะเนื้อต้องตัวฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตไงล่ะ “
          ชินพอฟังแล้วหัวเราะดังลั่น
          “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีเรื่องอย่างนี้ด้วย ”
          “ หุบปากนะ ! “
          หญิงสาวตะคอก ชินเงียบทันที ไม่ใช่เพราะที่เธอขึ้นเสียงหรอกนะ แต่เล็บยาวเกือบเมตรที่คมกริบนั่นมันจ่อห่างหน้าเขาไม่กี่คืบแล้ว
          “ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ...ไม่หัวเราะแล้ว “ ชินพูดอย่างหวั่นๆ แต่เธอก็ไม่หดเล็บกลับคืนไป  หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาเป็นประกาย
          “ หรือว่าฉันจะเล่นสนุกกับนายก่อนดี “
          “ เล่น ... จะ เล่นอะไร “
          “ เช่นจิ้มตานายสักข้างนึงเป็นไง “
          “ เฮ้ย อย่านะ ! “
          ไม่รอให้ชินพูดจบ เรนกิพุ่งเล็บที่แหลมคมนั่นไปที่ตาของชินทันทีดุจสายฟ้า  ชินร้องเสียงดังลั่นด้วยความกลัว เขากลั้นหายใจหลับตาปี๋ นี่เขาต้องเสียตาข้างหนึ่งไปตั้งแต่ยังหนุ่มๆแล้วหรือนี่ แต่ผ่านไป 3 วินาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชินค่อยๆลืมตาขึ้นพบว่าเรนกิหดเล็บกลับไปแต่แรกแล้ว เธอมองหน้าตาตื่นกลัวของเขาพลางหัวเราะคิกคัก
          “ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น “ เรนกิยิ้ม เธอลอกเลียนคำพูดของเขา  ชินนึกบ่นในใจ มันไม่ตลกเลยนะ เขากลัวแทบตาย ยัยนี่แสบจริงๆ
          แต่เมื่อมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีชีวิตชีวาของเธอแล้ว มันทำให้เขาโกรธไม่ลง เธอดูน่ารักทีเดียวเวลายิ้มและหัวเราะ เรนกิหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าชินจ้องเธอตาไม่กระพริบสีหน้าบึ้งตึงในทันที เธอใช้เสียงดุดันข่มขู่
          “ มองอะไร “ 
          “ เปล่าหรอก “ ชินไม่กล้าสู้สายตาเรนกิ เขาเปรยเบาๆ “เวลาเธอยิ้มกับหัวเราะแบบนี้น่ะ เธอน่ารักน่ะสิ  น่ารักกว่าทำหน้าบึ้งตั้งเยอะ“
          พูดจบรีบหลับตายกมือป้องกัน เตรียมรับการโจมตีจากเรนกิทันที  พูดแบบนี้ไปจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ย ชินนึกหวั่นในใจ ...ทว่าผิดคาด หญิงสาวไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ชินลืมตามองพบว่าเรนกินั่งนิ่งไม่ขยับเลย เธอมีแววตาเหม่อลอย เอ่ยถามเบาๆ
          “ นายว่าฉันน่ารักจริงเหรอ “
          “ จริงสิ ต้องให้พูดซ้ำด้วย “ ชินทำท่าไม่พอใจนิดๆ 
          “ งั้นเหรอ เป็นครั้งแรกนะ ที่มีคนพูดกับฉันแบบนี้ “
          เรนกิพูดเสียงเรียบอย่างไร้ความรู้สึก ชินรู้สึกเหนือคาด ไม่น่าเชื่อ  เธอสวยปานนางฟ้าจากสวรรค์แบบนี้กลับไม่เคยได้รับคำชมเลยหรือไง  หรือเพราะว่าเธอดุมากจนไม่มีชายใดกล้าจีบ 
          แต่ไม่ทันที่ชินจะครุ่นคิดต่อนั้น
          “ ชิน นายคุยกับใครน่ะ ! “
          เสียงนามิดังลั่นจากหน้าบ้าน  เธอคงมารอเขาตามปกติเพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน เนื่องจากห้องครัวนี้อยู่ริมรั้วบ้านพอดี ทำให้นามิบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเรนกิเข้า  ชินใจหายวาบ
        ไม่ได้การแล้ว ! ขืนให้นามิเข้ามาเห็นเรนกิล่ะก็ ยุ่งแน่
          แม้จะไม่เอ่ยถึงเรื่องชนเผ่าดวงจันทร์ แต่แค่นามิมาเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้า 2 ต่อ 2 ในบ้านหลังนี้  เธอต้องเข้าใจผิดแน่ๆ  นามิยิ่งเป็นคนที่โกรธแล้วไม่ค่อยฟังอะไรซะด้วย  แย่แล้ว แย่แน่
          ชินมีอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เรนกิมองเขาอย่างแปลกใจ
          “ ทำไมต้องกระวนกระวายด้วย เพื่อนเธอไม่ใช่หรือ “
          ชินเอามือจุ๊ปากให้เรนกิเงียบ ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจเรื่องของมนุษย์เอาซะเลย  เขารีบคว้ามือเรนกิพาไปยังตู้เก็บของในห้องครัว
          “ อยู่ในนี้ อย่าออกมาจนกว่าฉันจะเรียก “ ชินกระซิบ
          “ ชิน นายทำอะไรอยู่น่ะ ฉันจะเข้าไปนะ “
          เสียงนามิดังขึ้นซ้ำสอง เธอถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา ชินรีบออกมารับหน้านามิไว้ไม่ให้เธอเดินล่วงเข้าไปในห้องครัว
          “ อะ ... อรุณสวัสดิ์ นามิ “
          น้ำเสียงชินสั่นนิดๆ  นามิมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย
          “ เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงพูดนี่ นายพูดกับใครน่ะ “
          “ เออ คือ ..  โทรทัศน์น่ะ เสียงโทรทัศน์ “ เขาแก้ต่าง
          “ แต่ปกตินายไม่ค่อยดูโทรทัศน์นี่ ... ไหนล่ะ ไม่เห็นเปิด  “
          นามิจ้องตาเขาอย่างคาดคั้น เธอรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่โดยเฉพาะตอนเช้า ชินไม่อยากจะโกหกให้ยุ่งยากอีกเพราะไม่ถนัดเรื่องนี้  รีบคว้ากระเป๋านักเรียน ดึงแขนนามิออกจากบ้าน
          “ ช่างเหอะน่า รีบไปเถอะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย “
          “ ชิน วันนี้นายแปลกๆนะ “
          นามิมองหน้าชินอย่างนึกระแวง เธอรู้ว่าชินกำลังปิดบังอะไรเธอแน่ นามิสะบัดแขนเล็กน้อยให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม  สืบเท้าเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังคำทัดทานของชิน เธอกวาดตาไปรอบๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน 
          “ เห็นไหม ไม่มีอะไรสักหน่อย “
          ชินเดินตามหลังมารีบพูด  นามิกำลังจะเลิกล้มความคิดสงสัย แต่ฉับพลันนั้นเอง สายตาเธอสะดุดเข้ากับชามโจ๊ก 2 ชามวางอยู่บนโต๊ะชินมองตามร้องโอยในใจ นามิหน้าบึ้งตึงมองซ้ายขวาก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด  เธอเปิดมันออกในทันที
          ชินหยุดหายใจ หลับตา จบสิ้นแล้ว ชีวิตเรา 
          ทว่า  ภายในกลับว่างเปล่า !?
          “ เอ๋ ไม่มีใครอยู่หรอกรึ  “ นามิมีท่าทีแปลกใจ ชินรีบลืมตา มองเข้าไปด้านใน มีเพียงเครื่องดูดฝุ่นและผ้าถูพื้นเท่านั้น เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองเห็นหน้าต่างห้องที่เดิมมันปิดอยู่ แต่ตอนนี้เปิดออก    แสดงว่าเรนกิคงหนีออกไปทางหน้าต่างแล้ว
          ชินแม้จะดีใจที่เรนกิหนีออกไปทันโดยนามิไม่เห็น แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกเสียใจ ....
          บางที .... เขาอาจจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว
                    ___________________________________
          ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นครั้งใหญ่ เมื่อนักเรียนนับร้อยเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ที่หน้าโรงเรียน  แต่ยังน้อยถ้าเทียบกับห้องเคมีที่อยู่ที่ชั้น 4 ที่เละกระจุยกระจายผนังห้องมีรอยโหว่ขนาดใหญ่ เศษอิฐเศษปูนร่วงหล่นอยู่บนพื้น บางคนตื่นเต้น บางคนหวาดกลัว บางคนกังวลและบางคนกลับบ้าน เพราะคิดว่าคงไม่มีการเรียนการสอนแล้ว
          ชินยืนมองอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนกับนามิ  สภาพความเสียหายที่เห็นรุนแรงเกินกว่าที่จะเป็นฝีมือของเด็กนักเรียน  แถบพลาสติกสีเหลืองล้อมรอบบริเวณเกิดเหตุไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องรุกล้ำ มีรอยชอล์กสีขาวขีดเป็นรูปคนที่พื้น และเศษเขม่าดำๆชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่โดยรอบ คงเป็นใครไม่ได้นอกจากยามเฝ้าประตูผู้เคราะห์ร้าย ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังทำงานอย่างเคร่งเครียด นักข่าวตามประกบเช่นเคย
          “ ตายจริง  นี่เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนเราน่ะ “
          นามิมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด ชินรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดี แต่เขาไม่คิดจะบอกเธอ
          “ เฮ้ พวกนายมาสายกันอีกแล้วนะ “
          ทานากะวิ่งกระหืดกระหอบมาทักทาย  นามิถาม
          “ เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทานากะ “
          ทานากะหยุดยืนพักหายใจก่อนบอกอย่างตื่นเต้นว่า
          “ ไม่รู้เหมือนกัน ที่เห็นนี่ยังน้อยนะ  ห้องเคมีสิ เละทั้งห้องเลย ตอนนี้ตำรวจยังจับมือใครดมไม่ได้ด้วย  ไม่แน่คนที่ทำอาจมีความโกรธแค้นกับโรงเรียนเรามาก  แม้แต่ยามเฝ้าประตูยังถูกเผาทั้งเป็น “
          “ หา ! คุณลุงที่ใจดีคนนั้นน่ะนะ ”
          นามิร้องอย่างตกใจ  ใบหน้าเธอสลดลงเมื่อทานากะพยักหน้า 
          “ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันจดบันทึกเบาะแสทั้งหมดไว้แล้ว  ฉันจะต้องสืบหาตัวคนร้ายให้เจอให้ได้ “
          ทานากะโชว์สมุดพกเล่มเล็กให้นามิดูด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว  ไม่รู้ว่าเขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่  แต่ทุกคนรู้ว่าเขาชอบทำตัวเป็นนักสืบ  คดีเด็ดๆแบบนี้เขามีหรือจะพลาด
          “ เฮ้ ชิน  นายจะมาเป็นผู้ช่วยสืบของฉันไหม “
          “ เหอะ อย่าดีกว่าน่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์อย่างเราจะยุ่งเกี่ยวได้ ”
          ชินพูดตอบเรียบๆ ทำเอาทั้งสองคนงุนงงกับคำว่า “มนุษย์อย่างเรา“ มันหมายความว่ายังไงหว่า นี่ถ้าหากเป็นชินคนเก่า เขาต้องร่วมมือกับทานากะอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดเล่าว่า เขานี่แหละที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นสดๆร้อนๆเลย  และหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องก็นอนอยู่ที่บ้านเขาเมื่อคืนนี้
          “ อะไรวะ  จู่ๆก็ปอดแหก ไม่สมเป็นนายเลย “
          ทานากะมองชินอย่างแปลกใจ
          “ มันเรื่องของฉัน นายเองก็เลิกยุ่งเรื่องนี้ซะจะดีกว่า “
          ไม่รอให้ทานากะซักถามต่อ ชินสืบเท้าเดินเข้าไปดูภายในโรงเรียน  ทิ้งให้นามิกับทานากะมองตามหลังด้วยความสงสัยกว่าเดิม
          “ แปลกจริง ปกติมันไม่น่าจะเป็นยังงี้นี่  เอ๊ะ  หรือว่าเธอกับเขา ... “
          ทานากะหันมาจ้องตานามิ  เขายิ้มอย่างมีเลศนัยทำเอานามิหน้าแดงขึ้นมา
          “ อะ ... อะไรเล่า “
          “ ไม่มีอะไรหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า .... โอ๊ะ สาวๆมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ “
          พูดจบทานากะรีบชิ่งเท้าหนี  ได้ยินเสียงนามิร้องตามหลัง
          “ ทานากะบ้า ! “
          อีกด้านหนึ่ง  ชินเดินสำรวจรอบๆบริเวณโรงเรียน มีนักเรียนจับกลุ่มนั่งคุยกันตามทาง  มีรอยไหม้ตามจุดต่างๆทั่วไป  ชินสังเกตเห็นบางสิ่งที่เขารู้สึกผิดปกติ  นั่นคือมีต้นไม้หักโค่นบ้าง ถูกเผาบ้าง รอยระเบิดมีหลายแห่ง ซึ่งมากเกินไป เมื่อวานนี้พวกเขาหนีอย่างเดียว ไม่ได้ปะทะอะไรกันรุนแรงขนาดนั้นนี่  มันหมายความยังไงนะ ... หรือว่าเขาคิดไปเอง !?
          แสงที่ส่องประกายแวบๆที่โคนต้นไม้สะท้อนเข้าตาชิน  เขาลองไปดูใกล้ๆ มันเป็นกระสุนปืนสีเงินวาวขนาดใหญ่มีลักษณะต่างจากทั่วไปที่ชินไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่จากปืนของยามคนนั้นแน่  มันทำให้เขาสงสัยยิ่งขึ้น
          เสียงรถขับเข้ามาในโรงเรียนทำให้ชินหยุดคิดลุกขึ้นยืนมอง คนอื่นก็เช่นกัน  มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดช้าๆห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก
          ปึง ประตูรถเปิดออกมา ชายชุดสูทดำคนหนึ่งก้าวออกมา ชินจำเขาได้แม่นเลย หมอนี่แหละเคสโรเจอร์ที่อ้างตัวว่าเป็นคนขององค์กร KM อะไรนั่น  เสียงคุยจอแจเงียบลง  และเงียบกว่าเดิม เมื่อชายสูทชุดดำเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างรถ มีหญิงสาวชาวต่างชาติหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ไว้ผมสีทอง ชุดสีดำตัดกับผิวขาวเนียน อายุเธอคงรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ความสวยของเธอสะกดสายตาบุรุษทุกคู่ให้ไม่อาจละมองที่อื่น หญิงสาวก้าวลงจากรถด้วยกิริยาที่สง่างาม  ชินพอเห็นใบหน้าเธอก็ฉุกใจคิดขึ้นทันที
          จำได้แล้ว  คนนี้แหละที่สวนทางเรากับเรนกิในตอนเย็นวันนั้น !
          ขณะนั้นพวกตำรวจเข้ามาตอนรับแขกต่างประเทศอย่างดี  นายที่ชื่อเคส โรเจอร์ กำลังพูดคุยกับพวกตำรวจ ชินพอเดาได้ว่าบทสนทนาคงไม่ต่างจากเดิม ส่วนหญิงสาวผมทองสง่าคนนั้น เธอเดินดูบริเวณรอบๆ โดยทุกคนเปิดทางให้หมด และฉับพลันนั้น สายตาเธอกับชินประสานกันเข้า 
          หญิงสาวยิ้มให้กับชินและสืบเท้าเข้าหา ทำเอาชินตกใจขึ้นมาทันที
          “ สวัสดีค่ะ “
          เธอพูดภาษาของเขาได้อย่างชัดเจน เพื่อนคนอื่นๆที่มุงดูอยู่แถวนั้นต่างพาสงสัยว่าชินรู้จักกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ได้ยังไงกัน
          “ เออ ... สะ สวัสดีครับ “
          ชินมีอาการประหม่าเล็กน้อย  สาวแปลกหน้าถามต่อ
          “ ผู้หญิงผมแดงที่มากับนายเมื่อวานนี้ไปไหนซะล่ะ “
          พระเจ้า !  ชินใจหายวาบ  ไม่ผิดแล้ว เธอจำเขาได้  เด็กหนุ่มรีบเก็บอาการตกใจเอาไว้ เขายังไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นมิตรหรือศัตรู
          “ คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ ผู้หญิงคนไหนกัน “
          “ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง นายกำลังอยู่ในอันตรายนะ บอกฉันมาตอนนี้ดีกว่าว่านายกับผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกัน “
          แม้ใบหน้าเธอจะยิ้มแย้ม คนทั่วไปอาจนึกว่าคุยกันธรรมดา แต่น้ำเสียงแฝงการข่มขู่นี้ชินสัมผัสได้ บางทีหากชินบอกออกไปคนพวกนี้อาจช่วยป้องกันอันตรายแก่เขาได้ แต่ดูจากท่าทางและน้ำเสียงแล้ว เธอไม่เป็นมิตรกับเรนกิแน่  ...  เพียงนึกถึงเรนกิเท่านั้น ชินตัดสินใจปดออกไปทันที
          “ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น  คุณจำคนผิดแล้วล่ะ “
          สาวผมทองยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เธอเดินกลับไปที่รถคันหรู สนทนากับนายเคส โรเจอร์ไม่กี่คำ ทั้งสองก็กลับขึ้นรถ และเบนซ์คันหรูก็ถอยออกจากโรงเรียนนี้ไปท่ามกลางเสียงซุบซิบถกเถียงกันของนักเรียนทั่วไป  ชินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
          ทานากะกับนามิรีบวิ่งมาหาชินทันที
          “ เฮ้ย ชิน นายไปรู้จักสาวไฮโซเซ็กซี่คนนั้นได้ไงวะ สุดยอดเลย “
          “ ฉันไม่ได้รู้จักกับเธอหรอก เป็นเรื่องเข้าใจผิด “
          ชินปฏิเสธ นามิเหล่ตามองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
          “ จริงเร้อ  ผู้หญิงสวยขนาดนั้น นายคงไม่ได้ทำอะไรเธอไว้นะ “
          “ จะบ้าเรอะ อย่าพูดเล่นไป  ฉันไม่นิยมต่างชาติหรอกจะบอกให้ “
          ชินรีบแก้ต่าง  นามิฟังแล้วก็หัวเราะคิกๆ
          “ เหรอ  ฉันรู้นะ ว่านายโกหกเรื่องไม่นิยมต่างชาติอะไรนั่น  แต่เอาเถอะ ฉันจะเชื่อนายก็แล้วกัน ”
          พูดจบก็ยิ้มน้อยๆ  ชินชักจะรู้สึกปวดหัวกับผู้หญิงรอบตัวเขาซะแล้ว
                      _______________________________________
          ตึกที่เกิดเหตุถูกยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด นักเรียนต้องเสียเวลาย้ายสถานที่ในการเรียนกันอลหม่าน เรื่องราวที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนประกาศชี้แจงว่าเป็นสาเหตุของกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติตามที่ชินคาดไว้ และขอให้นักเรียนระมัดระวังตนเอง และกลับบ้านในทันทีที่โรงเรียนเลิก
          เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนแล้ว  แม้จะมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเรียนทุกคนดีใจก็คือเลิกเรียนเร็วกว่าเดิม มีเสียงจอแจ ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน นามิยังมาคุยกับชินเรื่องที่โรงเรียนแจ้งเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับเหตุการณ์ในสวนสาธารณะ ชินก็เออออตาม  แต่ในใจนึกหัวเราะพวกองค์กร KM ว่าโม้เรื่องอื่นไม่เป็นแล้วหรือไง นอกจากผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเนี่ย
          “ นาย ชิน ยาเมะ กรุณามาที่ห้องวิชาการด้วย “
          เสียงประกาศดังขึ้น มันทำให้ชินกับนามิที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ในห้องเรียนสงสัยทันที
          “ นายไปทำเรื่องอะไรไว้น่ะชิน “
          “ ไม่รู้สิ  เดี๋ยวฉันมานะ “
          ชินรีบเดินไปห้องวิชาการอย่างแปลกใจ เขาเคาะประตูและเลื่อนมันออก  ภายในห้องมีพวกตำรวจและครูใหญ่นั่งอยู่รอบโต๊ะสี่เหลี่ยมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศแบบนี้ทำเอาเขาใจสั่น
          “ เธอใช่ไหม ชิน ยาเมะ นั่งก่อนสิ ”
          “ครับ “
          ชินค้อมหัวให้ครูใหญ่ เขาทรุดตัวลงบนโซฟาก่อนถามว่า
          “เออ นี่เรื่องอะไรหรือครับ “
          ตำรวจนายหนึ่งมองหน้าชินตรงๆ
          “เราได้รับแจ้งมาว่า เมื่อวานตอนเย็น คุณเข้าไปในโรงเรียน “
          ตายละ  ชินรู้สึกเสียววาบทั้งตัว ท่าจะไม่ดีแน่ๆ นอกจากจะต้องรับมือกับเรนกิ  ไคออน คอยปิดนามิและผู้หญิงต่างชาตินั่นแล้ว ยังต้องมารับมือพวกตำรวจอีกด้วยรึนี่ เรื่องชักยุ่งขึ้นทุกทีแล้วสิ
                                                                                                            โปรดติดตามตอนต่อไป
          แสงนวลของพระจันทร์ส่องสว่างลอดผ่านหน้าต่างเผยให้เห็นหญิงสาวผมแดงนอนอยู่บนเตียง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เธอกำลังหลับสนิท ยามนิทราเธอช่างงดงามเหลือเกิน ไม่มีทีท่าว่าหญิงผู้นี้จะมีอันตรายใดๆต่อผู้อื่นสักนิด
        เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้างดงามนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถอนสายตาหันไปหยิบหมอนใบสำรองลงไปนอนบนโซฟาชั้นล่าง
Chapter Three  Moonalist  (ชนเผ่าดวงจันทร์)
          แสงสว่างที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำให้เรนกิต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมอง เธอสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเธอ  ร่างกายของเธอบางส่วนถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลอย่างปราณีต บาดแผลทั้งหมดได้รับการฟื้นฟูแล้ว แม้ว่ายาจะไม่ใช่ตัวสมานแผลที่แท้จริง แต่มันก็มีส่วนช่วยให้เธอสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
          หมอนั่นช่วยเราไว้งั้นรึ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ที่อ่อนแอนั่น
          เรนกิยันตัวขึ้นนั่ง เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดประตูเพื่อลงไปชั้นล่าง ที่นี่เงียบสงบกว่าที่เธอคิด หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องครัว ชินกำลังยกถาดอาหาร เขามีสีหน้าแปลกใจที่เห็นเธอเดินลงมาข้างล่างได้ เด็กหนุ่มยิ้ม
          “ ฉันกำลังจะยกอาหารนี่ขึ้นไปให้เธอพอดี “
          “ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน  “
          เรนกิพูดเสียงเย็นชา ชินไม่ต่อปากต่อคำ เขาเปลี่ยนใจวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะอาหารแทนเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ
          “ ทานอาหารสิ ฉันทำไว้เผื่อเธอด้วย “     
          “ ไม่ต้อง  ขอบใจ “
          เรนกิทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เธอไม่แตะต้องอาหารที่ชินทำให้ ชินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะ เขาใช้ช้อนตักโจ๊กของตัวเองเข้าปากสองสามคำก่อนจะเอ่ยปากชวนสนทนา
          “ ประหลาดจัง อาการเธอสาหัสขนาดนั้น ทำไมหายเร็วแบบนี้“
          “ เพราะเรามีความสามารถในการฟื้นตัวเอง(Recovery)ที่เหนือกว่าพวกนายมาก ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งพละกำลัง ประสาทสัมผัส พวกเราก็เหนือกว่ามาก “ เรนกิพูดเสียงเรียบ “ รู้ไหมว่าตอนนี้นายอยู่ในสถานภาพที่อันตรายแค่ไหน นายช่วยฉันไว้ ไคออนไม่ปล่อยนายไว้แน่ “
          “ รู้สิ “ ชินตอบทันควัน “ รู้ดีเลยล่ะ เจ้านั่นถูกกรดสาด ถูกระเบิด ถูกปืนยิงก็ไม่ตาย แถมปล่อยไฟออกจากนิ้วได้อีก  เธอเองก็เหมือนกัน จู่ๆเล็บมืองอกยืดยาวออกมาได้น่ะ ... พวกเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไง”
          เด็กหนุ่มหอบหายใจ เรนกิมีสีหน้าเรียบสนิทไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
          “ เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวออกจะเสียมารยาทไปหน่อยนะ เราเพียงแต่เป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์เท่านั้น “
          “ อยู่บนดวงจันทร์ !? “ ชินโพล่งขึ้นอย่างตกใจ
          “ ใช่ เราเป็น ชนเผ่าดวงจันทร์  (Moonalist) “
          “ แต่บนดวงจันทร์ไม่เห็นมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลยนี่ “ ชินแย้ง
          “ นั่นเป็นภาพลวงตา “ เรนกิตอบ “ เทคโนโลยีบนโลกไม่สามารถใช้กับพวกเราได้หรอกนะ ดวงจันทร์ที่โลกมองเห็นว่ามีเพียงพื้นดินทราย แท้จริงนั้นมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีประชากรหลายล้านคนด้วย”
          ชินขมวดคิ้วนั่งนิ่งครุ่นคิด ถ้าเป็นเมื่อวานซืนนี้เขาคงหัวเราะ แต่นี่เขาได้พบสิ่งที่เหลือเชื่อมามากแล้ว เพิ่มกว่านี้สักหน่อยจะเป็นไร
          “ แล้วมีทางไหนบ้างที่มนุษย์อย่างฉันจะต่อกรกับพวกมันได้  ถ้าหากฉันเจอกับไคออนอีกจะทำยังไง “
          นี่เป็นคำถามที่ชินต้องการถามที่สุด  ใครบอกล่ะว่าเขาไม่กลัว เขากลัวมาก ภาพไคออนค่อยๆคืนร่างตัวเองจากเศษเนื้อจนกลับมาสมบูรณ์ได้ยังวนเวียนไม่หยุดตลอดคืนวานนี้  แต่คำตอบที่ออกมานั้นถือว่าแย่ที่สุดที่จะมีได้  เพราะหญิงสาวตอบเสียงเย็นชาว่า
          “ ไม่มี “
          “ อะ ... อะไรนะ” เด็กหนุ่มอึ้ง “  ไม่มีสักวิธีนึงรึไง “
          ชินต้องการคำตอบว่า “ใช่” จากปากของเรนกิ แต่เธอกลับนั่งนิ่ง ใช้ความเงียบแทนคำตอบ หญิงสาวใช้สายตาเพ่งไปยังมีดที่เหน็บไว้ข้างผนังมีดหั่นผักลอยมาหาตรงหน้า ชินอ้าปากตาค้าง ดวงตายิ่งเบิกโพลงมากขึ้น เมื่อมีดเล่มนั้นกรีดผ่านปลายนิ้วกลางของหญิงสาว เลือดสีแดงเข้มข้นไหลทะลักออกมา เธอยังคงปิดปากสนิท ปล่อยให้ชินพิสูจน์บางอย่างด้วยตนเอง เวลาผ่านไปเพียง 10 วินาทีเลือดของเธอก็หยุดไหล 20 วินาทีปากแผลเริ่มปิดสนิทเข้าหากัน 30 วินาทีนิ้วมือมีเพียงรอยบางๆพาดผ่าน และ40 วินาทีริ้วรอยนั้นก็จางหาย นิ้วของเธอคืนสภาพเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชินมองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
          “ เข้าใจแล้วสินะ “ เรนกิพูดต่อ “ นี่คือความสามารถในการฟื้นตัวเองที่ชนเผ่าดวงจันทร์มี  เป็นสิ่งที่มนุษย์โลกไม่อาจก้าวข้ามไปได้ ราวกับเป็นเวทมนตร์แห่งโบราณกาล อาวุธหรือวัตถุใดๆบนโลกนี้ไม่อาจที่จะฆ่าพวกเราได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะถูกระเบิดแหลกเป็นชิ้นๆก็ตาม  เราจะฟื้นฟูบาดแผลได้ในทันที ไม่แม้แต่จะทำให้รู้สึกเจ็บ “
          “ แบบนี้พวกเธอก็เป็นอมตะน่ะสิ “ ชินอุทาน
          “ จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ผิด เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นชนเผ่าดวงจันทร์ด้วยกันเอง จึงสามารถทำร้ายกันให้บาดเจ็บได้ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้อีก ไคออนน่ะ ฉันจะจัดการกับมันเอง “
          แววตาอำมหิตของเรนกิทำให้ชินเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง 
          “ แต่ฉันอยากจะช่วยเธอนี่นา “
          “ พูดไม่รู้เรื่อง “ เรนกิขึ้นเสียงด้วยความโมโห “ นายนี่มันหัวแข็งจริง ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีนายเมื่อวานนี้เลย “
          “ บัญชี ?  เธอจะคิดบัญชีฉันเรื่องอะไร “ ชินงุนงง
          “ เรื่องที่... “ เรนกิหน้าแดงขึ้นมา “ เรื่องที่นายแตะเนื้อต้องตัวฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตไงล่ะ “
          ชินพอฟังแล้วหัวเราะดังลั่น
          “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีเรื่องอย่างนี้ด้วย ”
          “ หุบปากนะ ! “
          หญิงสาวตะคอก ชินเงียบทันที ไม่ใช่เพราะที่เธอขึ้นเสียงหรอกนะ แต่เล็บยาวเกือบเมตรที่คมกริบนั่นมันจ่อห่างหน้าเขาไม่กี่คืบแล้ว
          “ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ...ไม่หัวเราะแล้ว “ ชินพูดอย่างหวั่นๆ แต่เธอก็ไม่หดเล็บกลับคืนไป  หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย ดวงตาเป็นประกาย
          “ หรือว่าฉันจะเล่นสนุกกับนายก่อนดี “
          “ เล่น ... จะ เล่นอะไร “
          “ เช่นจิ้มตานายสักข้างนึงเป็นไง “
          “ เฮ้ย อย่านะ ! “
          ไม่รอให้ชินพูดจบ เรนกิพุ่งเล็บที่แหลมคมนั่นไปที่ตาของชินทันทีดุจสายฟ้า  ชินร้องเสียงดังลั่นด้วยความกลัว เขากลั้นหายใจหลับตาปี๋ นี่เขาต้องเสียตาข้างหนึ่งไปตั้งแต่ยังหนุ่มๆแล้วหรือนี่ แต่ผ่านไป 3 วินาทีก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ชินค่อยๆลืมตาขึ้นพบว่าเรนกิหดเล็บกลับไปแต่แรกแล้ว เธอมองหน้าตาตื่นกลัวของเขาพลางหัวเราะคิกคัก
          “ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น “ เรนกิยิ้ม เธอลอกเลียนคำพูดของเขา  ชินนึกบ่นในใจ มันไม่ตลกเลยนะ เขากลัวแทบตาย ยัยนี่แสบจริงๆ
          แต่เมื่อมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีชีวิตชีวาของเธอแล้ว มันทำให้เขาโกรธไม่ลง เธอดูน่ารักทีเดียวเวลายิ้มและหัวเราะ เรนกิหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าชินจ้องเธอตาไม่กระพริบสีหน้าบึ้งตึงในทันที เธอใช้เสียงดุดันข่มขู่
          “ มองอะไร “ 
          “ เปล่าหรอก “ ชินไม่กล้าสู้สายตาเรนกิ เขาเปรยเบาๆ “เวลาเธอยิ้มกับหัวเราะแบบนี้น่ะ เธอน่ารักน่ะสิ  น่ารักกว่าทำหน้าบึ้งตั้งเยอะ“
          พูดจบรีบหลับตายกมือป้องกัน เตรียมรับการโจมตีจากเรนกิทันที  พูดแบบนี้ไปจะโดนอะไรอีกไหมเนี่ย ชินนึกหวั่นในใจ ...ทว่าผิดคาด หญิงสาวไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ชินลืมตามองพบว่าเรนกินั่งนิ่งไม่ขยับเลย เธอมีแววตาเหม่อลอย เอ่ยถามเบาๆ
          “ นายว่าฉันน่ารักจริงเหรอ “
          “ จริงสิ ต้องให้พูดซ้ำด้วย “ ชินทำท่าไม่พอใจนิดๆ 
          “ งั้นเหรอ เป็นครั้งแรกนะ ที่มีคนพูดกับฉันแบบนี้ “
          เรนกิพูดเสียงเรียบอย่างไร้ความรู้สึก ชินรู้สึกเหนือคาด ไม่น่าเชื่อ  เธอสวยปานนางฟ้าจากสวรรค์แบบนี้กลับไม่เคยได้รับคำชมเลยหรือไง  หรือเพราะว่าเธอดุมากจนไม่มีชายใดกล้าจีบ 
          แต่ไม่ทันที่ชินจะครุ่นคิดต่อนั้น
          “ ชิน นายคุยกับใครน่ะ ! “
          เสียงนามิดังลั่นจากหน้าบ้าน  เธอคงมารอเขาตามปกติเพื่อไปโรงเรียนด้วยกัน เนื่องจากห้องครัวนี้อยู่ริมรั้วบ้านพอดี ทำให้นามิบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเรนกิเข้า  ชินใจหายวาบ
        ไม่ได้การแล้ว ! ขืนให้นามิเข้ามาเห็นเรนกิล่ะก็ ยุ่งแน่
          แม้จะไม่เอ่ยถึงเรื่องชนเผ่าดวงจันทร์ แต่แค่นามิมาเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้า 2 ต่อ 2 ในบ้านหลังนี้  เธอต้องเข้าใจผิดแน่ๆ  นามิยิ่งเป็นคนที่โกรธแล้วไม่ค่อยฟังอะไรซะด้วย  แย่แล้ว แย่แน่
          ชินมีอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เรนกิมองเขาอย่างแปลกใจ
          “ ทำไมต้องกระวนกระวายด้วย เพื่อนเธอไม่ใช่หรือ “
          ชินเอามือจุ๊ปากให้เรนกิเงียบ ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจเรื่องของมนุษย์เอาซะเลย  เขารีบคว้ามือเรนกิพาไปยังตู้เก็บของในห้องครัว
          “ อยู่ในนี้ อย่าออกมาจนกว่าฉันจะเรียก “ ชินกระซิบ
          “ ชิน นายทำอะไรอยู่น่ะ ฉันจะเข้าไปนะ “
          เสียงนามิดังขึ้นซ้ำสอง เธอถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา ชินรีบออกมารับหน้านามิไว้ไม่ให้เธอเดินล่วงเข้าไปในห้องครัว
          “ อะ ... อรุณสวัสดิ์ นามิ “
          น้ำเสียงชินสั่นนิดๆ  นามิมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย
          “ เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงพูดนี่ นายพูดกับใครน่ะ “
          “ เออ คือ ..  โทรทัศน์น่ะ เสียงโทรทัศน์ “ เขาแก้ต่าง
          “ แต่ปกตินายไม่ค่อยดูโทรทัศน์นี่ ... ไหนล่ะ ไม่เห็นเปิด  “
          นามิจ้องตาเขาอย่างคาดคั้น เธอรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่โดยเฉพาะตอนเช้า ชินไม่อยากจะโกหกให้ยุ่งยากอีกเพราะไม่ถนัดเรื่องนี้  รีบคว้ากระเป๋านักเรียน ดึงแขนนามิออกจากบ้าน
          “ ช่างเหอะน่า รีบไปเถอะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย “
          “ ชิน วันนี้นายแปลกๆนะ “
          นามิมองหน้าชินอย่างนึกระแวง เธอรู้ว่าชินกำลังปิดบังอะไรเธอแน่ นามิสะบัดแขนเล็กน้อยให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม  สืบเท้าเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังคำทัดทานของชิน เธอกวาดตาไปรอบๆอย่างละเอียดถี่ถ้วน 
          “ เห็นไหม ไม่มีอะไรสักหน่อย “
          ชินเดินตามหลังมารีบพูด  นามิกำลังจะเลิกล้มความคิดสงสัย แต่ฉับพลันนั้นเอง สายตาเธอสะดุดเข้ากับชามโจ๊ก 2 ชามวางอยู่บนโต๊ะชินมองตามร้องโอยในใจ นามิหน้าบึ้งตึงมองซ้ายขวาก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด  เธอเปิดมันออกในทันที
          ชินหยุดหายใจ หลับตา จบสิ้นแล้ว ชีวิตเรา 
          ทว่า  ภายในกลับว่างเปล่า !?
          “ เอ๋ ไม่มีใครอยู่หรอกรึ  “ นามิมีท่าทีแปลกใจ ชินรีบลืมตา มองเข้าไปด้านใน มีเพียงเครื่องดูดฝุ่นและผ้าถูพื้นเท่านั้น เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามองเห็นหน้าต่างห้องที่เดิมมันปิดอยู่ แต่ตอนนี้เปิดออก    แสดงว่าเรนกิคงหนีออกไปทางหน้าต่างแล้ว
          ชินแม้จะดีใจที่เรนกิหนีออกไปทันโดยนามิไม่เห็น แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกเสียใจ ....
          บางที .... เขาอาจจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว
                    ___________________________________
          ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นครั้งใหญ่ เมื่อนักเรียนนับร้อยเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ที่หน้าโรงเรียน  แต่ยังน้อยถ้าเทียบกับห้องเคมีที่อยู่ที่ชั้น 4 ที่เละกระจุยกระจายผนังห้องมีรอยโหว่ขนาดใหญ่ เศษอิฐเศษปูนร่วงหล่นอยู่บนพื้น บางคนตื่นเต้น บางคนหวาดกลัว บางคนกังวลและบางคนกลับบ้าน เพราะคิดว่าคงไม่มีการเรียนการสอนแล้ว
          ชินยืนมองอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนกับนามิ  สภาพความเสียหายที่เห็นรุนแรงเกินกว่าที่จะเป็นฝีมือของเด็กนักเรียน  แถบพลาสติกสีเหลืองล้อมรอบบริเวณเกิดเหตุไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องรุกล้ำ มีรอยชอล์กสีขาวขีดเป็นรูปคนที่พื้น และเศษเขม่าดำๆชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่โดยรอบ คงเป็นใครไม่ได้นอกจากยามเฝ้าประตูผู้เคราะห์ร้าย ตอนนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังทำงานอย่างเคร่งเครียด นักข่าวตามประกบเช่นเคย
          “ ตายจริง  นี่เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนเราน่ะ “
          นามิมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด ชินรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดี แต่เขาไม่คิดจะบอกเธอ
          “ เฮ้ พวกนายมาสายกันอีกแล้วนะ “
          ทานากะวิ่งกระหืดกระหอบมาทักทาย  นามิถาม
          “ เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทานากะ “
          ทานากะหยุดยืนพักหายใจก่อนบอกอย่างตื่นเต้นว่า
          “ ไม่รู้เหมือนกัน ที่เห็นนี่ยังน้อยนะ  ห้องเคมีสิ เละทั้งห้องเลย ตอนนี้ตำรวจยังจับมือใครดมไม่ได้ด้วย  ไม่แน่คนที่ทำอาจมีความโกรธแค้นกับโรงเรียนเรามาก  แม้แต่ยามเฝ้าประตูยังถูกเผาทั้งเป็น “
          “ หา ! คุณลุงที่ใจดีคนนั้นน่ะนะ ”
          นามิร้องอย่างตกใจ  ใบหน้าเธอสลดลงเมื่อทานากะพยักหน้า 
          “ ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันจดบันทึกเบาะแสทั้งหมดไว้แล้ว  ฉันจะต้องสืบหาตัวคนร้ายให้เจอให้ได้ “
          ทานากะโชว์สมุดพกเล่มเล็กให้นามิดูด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว  ไม่รู้ว่าเขาเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่  แต่ทุกคนรู้ว่าเขาชอบทำตัวเป็นนักสืบ  คดีเด็ดๆแบบนี้เขามีหรือจะพลาด
          “ เฮ้ ชิน  นายจะมาเป็นผู้ช่วยสืบของฉันไหม “
          “ เหอะ อย่าดีกว่าน่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์อย่างเราจะยุ่งเกี่ยวได้ ”
          ชินพูดตอบเรียบๆ ทำเอาทั้งสองคนงุนงงกับคำว่า “มนุษย์อย่างเรา“ มันหมายความว่ายังไงหว่า นี่ถ้าหากเป็นชินคนเก่า เขาต้องร่วมมือกับทานากะอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดเล่าว่า เขานี่แหละที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นสดๆร้อนๆเลย  และหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องก็นอนอยู่ที่บ้านเขาเมื่อคืนนี้
          “ อะไรวะ  จู่ๆก็ปอดแหก ไม่สมเป็นนายเลย “
          ทานากะมองชินอย่างแปลกใจ
          “ มันเรื่องของฉัน นายเองก็เลิกยุ่งเรื่องนี้ซะจะดีกว่า “
          ไม่รอให้ทานากะซักถามต่อ ชินสืบเท้าเดินเข้าไปดูภายในโรงเรียน  ทิ้งให้นามิกับทานากะมองตามหลังด้วยความสงสัยกว่าเดิม
          “ แปลกจริง ปกติมันไม่น่าจะเป็นยังงี้นี่  เอ๊ะ  หรือว่าเธอกับเขา ... “
          ทานากะหันมาจ้องตานามิ  เขายิ้มอย่างมีเลศนัยทำเอานามิหน้าแดงขึ้นมา
          “ อะ ... อะไรเล่า “
          “ ไม่มีอะไรหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า .... โอ๊ะ สาวๆมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ “
          พูดจบทานากะรีบชิ่งเท้าหนี  ได้ยินเสียงนามิร้องตามหลัง
          “ ทานากะบ้า ! “
          อีกด้านหนึ่ง  ชินเดินสำรวจรอบๆบริเวณโรงเรียน มีนักเรียนจับกลุ่มนั่งคุยกันตามทาง  มีรอยไหม้ตามจุดต่างๆทั่วไป  ชินสังเกตเห็นบางสิ่งที่เขารู้สึกผิดปกติ  นั่นคือมีต้นไม้หักโค่นบ้าง ถูกเผาบ้าง รอยระเบิดมีหลายแห่ง ซึ่งมากเกินไป เมื่อวานนี้พวกเขาหนีอย่างเดียว ไม่ได้ปะทะอะไรกันรุนแรงขนาดนั้นนี่  มันหมายความยังไงนะ ... หรือว่าเขาคิดไปเอง !?
          แสงที่ส่องประกายแวบๆที่โคนต้นไม้สะท้อนเข้าตาชิน  เขาลองไปดูใกล้ๆ มันเป็นกระสุนปืนสีเงินวาวขนาดใหญ่มีลักษณะต่างจากทั่วไปที่ชินไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่จากปืนของยามคนนั้นแน่  มันทำให้เขาสงสัยยิ่งขึ้น
          เสียงรถขับเข้ามาในโรงเรียนทำให้ชินหยุดคิดลุกขึ้นยืนมอง คนอื่นก็เช่นกัน  มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดช้าๆห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก
          ปึง ประตูรถเปิดออกมา ชายชุดสูทดำคนหนึ่งก้าวออกมา ชินจำเขาได้แม่นเลย หมอนี่แหละเคสโรเจอร์ที่อ้างตัวว่าเป็นคนขององค์กร KM อะไรนั่น  เสียงคุยจอแจเงียบลง  และเงียบกว่าเดิม เมื่อชายสูทชุดดำเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างรถ มีหญิงสาวชาวต่างชาติหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ไว้ผมสีทอง ชุดสีดำตัดกับผิวขาวเนียน อายุเธอคงรุ่นราวคราวเดียวกับเขา  ความสวยของเธอสะกดสายตาบุรุษทุกคู่ให้ไม่อาจละมองที่อื่น หญิงสาวก้าวลงจากรถด้วยกิริยาที่สง่างาม  ชินพอเห็นใบหน้าเธอก็ฉุกใจคิดขึ้นทันที
          จำได้แล้ว  คนนี้แหละที่สวนทางเรากับเรนกิในตอนเย็นวันนั้น !
          ขณะนั้นพวกตำรวจเข้ามาตอนรับแขกต่างประเทศอย่างดี  นายที่ชื่อเคส โรเจอร์ กำลังพูดคุยกับพวกตำรวจ ชินพอเดาได้ว่าบทสนทนาคงไม่ต่างจากเดิม ส่วนหญิงสาวผมทองสง่าคนนั้น เธอเดินดูบริเวณรอบๆ โดยทุกคนเปิดทางให้หมด และฉับพลันนั้น สายตาเธอกับชินประสานกันเข้า 
          หญิงสาวยิ้มให้กับชินและสืบเท้าเข้าหา ทำเอาชินตกใจขึ้นมาทันที
          “ สวัสดีค่ะ “
          เธอพูดภาษาของเขาได้อย่างชัดเจน เพื่อนคนอื่นๆที่มุงดูอยู่แถวนั้นต่างพาสงสัยว่าชินรู้จักกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ได้ยังไงกัน
          “ เออ ... สะ สวัสดีครับ “
          ชินมีอาการประหม่าเล็กน้อย  สาวแปลกหน้าถามต่อ
          “ ผู้หญิงผมแดงที่มากับนายเมื่อวานนี้ไปไหนซะล่ะ “
          พระเจ้า !  ชินใจหายวาบ  ไม่ผิดแล้ว เธอจำเขาได้  เด็กหนุ่มรีบเก็บอาการตกใจเอาไว้ เขายังไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นมิตรหรือศัตรู
          “ คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ ผู้หญิงคนไหนกัน “
          “ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง นายกำลังอยู่ในอันตรายนะ บอกฉันมาตอนนี้ดีกว่าว่านายกับผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกัน “
          แม้ใบหน้าเธอจะยิ้มแย้ม คนทั่วไปอาจนึกว่าคุยกันธรรมดา แต่น้ำเสียงแฝงการข่มขู่นี้ชินสัมผัสได้ บางทีหากชินบอกออกไปคนพวกนี้อาจช่วยป้องกันอันตรายแก่เขาได้ แต่ดูจากท่าทางและน้ำเสียงแล้ว เธอไม่เป็นมิตรกับเรนกิแน่  ...  เพียงนึกถึงเรนกิเท่านั้น ชินตัดสินใจปดออกไปทันที
          “ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น  คุณจำคนผิดแล้วล่ะ “
          สาวผมทองยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เธอเดินกลับไปที่รถคันหรู สนทนากับนายเคส โรเจอร์ไม่กี่คำ ทั้งสองก็กลับขึ้นรถ และเบนซ์คันหรูก็ถอยออกจากโรงเรียนนี้ไปท่ามกลางเสียงซุบซิบถกเถียงกันของนักเรียนทั่วไป  ชินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
          ทานากะกับนามิรีบวิ่งมาหาชินทันที
          “ เฮ้ย ชิน นายไปรู้จักสาวไฮโซเซ็กซี่คนนั้นได้ไงวะ สุดยอดเลย “
          “ ฉันไม่ได้รู้จักกับเธอหรอก เป็นเรื่องเข้าใจผิด “
          ชินปฏิเสธ นามิเหล่ตามองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
          “ จริงเร้อ  ผู้หญิงสวยขนาดนั้น นายคงไม่ได้ทำอะไรเธอไว้นะ “
          “ จะบ้าเรอะ อย่าพูดเล่นไป  ฉันไม่นิยมต่างชาติหรอกจะบอกให้ “
          ชินรีบแก้ต่าง  นามิฟังแล้วก็หัวเราะคิกๆ
          “ เหรอ  ฉันรู้นะ ว่านายโกหกเรื่องไม่นิยมต่างชาติอะไรนั่น  แต่เอาเถอะ ฉันจะเชื่อนายก็แล้วกัน ”
          พูดจบก็ยิ้มน้อยๆ  ชินชักจะรู้สึกปวดหัวกับผู้หญิงรอบตัวเขาซะแล้ว
                      _______________________________________
          ตึกที่เกิดเหตุถูกยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด นักเรียนต้องเสียเวลาย้ายสถานที่ในการเรียนกันอลหม่าน เรื่องราวที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนประกาศชี้แจงว่าเป็นสาเหตุของกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติตามที่ชินคาดไว้ และขอให้นักเรียนระมัดระวังตนเอง และกลับบ้านในทันทีที่โรงเรียนเลิก
          เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนแล้ว  แม้จะมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเรียนทุกคนดีใจก็คือเลิกเรียนเร็วกว่าเดิม มีเสียงจอแจ ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน นามิยังมาคุยกับชินเรื่องที่โรงเรียนแจ้งเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับเหตุการณ์ในสวนสาธารณะ ชินก็เออออตาม  แต่ในใจนึกหัวเราะพวกองค์กร KM ว่าโม้เรื่องอื่นไม่เป็นแล้วหรือไง นอกจากผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเนี่ย
          “ นาย ชิน ยาเมะ กรุณามาที่ห้องวิชาการด้วย “
          เสียงประกาศดังขึ้น มันทำให้ชินกับนามิที่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ในห้องเรียนสงสัยทันที
          “ นายไปทำเรื่องอะไรไว้น่ะชิน “
          “ ไม่รู้สิ  เดี๋ยวฉันมานะ “
          ชินรีบเดินไปห้องวิชาการอย่างแปลกใจ เขาเคาะประตูและเลื่อนมันออก  ภายในห้องมีพวกตำรวจและครูใหญ่นั่งอยู่รอบโต๊ะสี่เหลี่ยมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศแบบนี้ทำเอาเขาใจสั่น
          “ เธอใช่ไหม ชิน ยาเมะ นั่งก่อนสิ ”
          “ครับ “
          ชินค้อมหัวให้ครูใหญ่ เขาทรุดตัวลงบนโซฟาก่อนถามว่า
          “เออ นี่เรื่องอะไรหรือครับ “
          ตำรวจนายหนึ่งมองหน้าชินตรงๆ
          “เราได้รับแจ้งมาว่า เมื่อวานตอนเย็น คุณเข้าไปในโรงเรียน “
          ตายละ  ชินรู้สึกเสียววาบทั้งตัว ท่าจะไม่ดีแน่ๆ นอกจากจะต้องรับมือกับเรนกิ  ไคออน คอยปิดนามิและผู้หญิงต่างชาตินั่นแล้ว ยังต้องมารับมือพวกตำรวจอีกด้วยรึนี่ เรื่องชักยุ่งขึ้นทุกทีแล้วสิ
                                                                                                            โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น