ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eternity Moon

    ลำดับตอนที่ #2 : Critical Period ( เวลาวิกฤต )

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 48




              หญิงสาวผู้มีผิวขาวราวหิมะและมีผมสีแดงเข้มยาวสยายอยู่กลางหลัง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกระโปรงพลีทยาวที่สีเดียวกันกับผม ดูราวกับคุณหนูตระกูลสูง เพียงแววตาอันเยือกเย็นคู่นั้น ริมฝีปากบางจัดไร้รอยยิ้ม  



              เธอไม่ต่างจากที่เขาเห็นเมื่อวานนี้เลย!



              แสงอาทิตย์อัสดงส่องสะท้อนโต๊ะเก้าอี้เป็นสีทองอร่าม  ลมเย็นๆพัดผ่านพร้อมความเงียบปกคลุมห้อง  ชายหนุ่มและหญิงสาวประสานสายตากัน ทุกสิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว  การได้มาพบกันอีกครั้งนั้นอาจเป็นเพราะโชคชะตา  ....  หรือความบังเอิญกันแน่ .... ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่แตกต่าง  และไม่ใช่ด้านตรงข้ามเหมือนกระจก







    Chapter Two  Critical Period  ( เวลาวิกฤต )   





             เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน  ชินมีอาการกลัวขึ้นมาทันที เขาทำอะไรไม่ถูกเลย หญิงสาวคนนั้นมองชินนิ่งอย่างครุ่นคิดพักนึง ก่อนเอะใจขึ้นมา



              “ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีก  มนุษย์ผู้ชายเมื่อวานนี้ “



              แววตาที่ไร้เดียงสาเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นแววตาที่อาฆาต  เด็กสาวลุกขึ้นยืน ชินผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ เหงื่อเขาแตกพลั่ก



              “ เธอ  ...  เธอเป็นใครกันแน่ “



              “ ไม่จำเป็นต้องตอบหรอก  ฉันจะฆ่านาย “



              ฉับพลันนั้นเอง  หญิงสาวแกว่งมือ เล็บของเธองอกยาวออกมาพุ่งเข้าใส่หน้าชินอย่างรวดเร็ว แต่เขาหลบได้ทันฉิวเฉียด ใบหน้าของเขามีรอยเลือดเป็นเส้นๆจางรู้สึกแสบนิดๆ  ถ้าหากเมื้อกี้เขาขยับช้ากว่านี้นิดเดียวหน้าคงกระจุยเหวอะหวะไปแล้ว  





              มันเป็นของจริง !!!





              ชินถอยหลังหนีด้วยความกลัว  อาการประหม่าตกใจทำให้เขาสะดุ้งล้มหงายหลัง ผู้หญิงผมแดงยังสืบเท้าตามเขามาด้วยสายตาไร้ปรานี ชินนึกในใจว่าอะไรจะซวยขนาดนี้ หรือว่าเขาจะต้องตายตอนนี้ซะแล้ว  



              “หยุดนะ !  “ ชินร้องเสียงดัง ขณะที่เธอยกนิ้วมือที่คมกริบนั่นขึ้น ทำท่าทางจะฟันคอเขาให้ขาด ชินพยายามพูด



              “ เธอจะฆ่าฉันทำไม ... ฉัน  ... ฉันไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอะไรทั้งนั้น”  



              “ ก็เพราะนาย  ทำให้ฉันพลาดท่าไคออนจนมาบาดเจ็บแบบนี้ นายมันสมควรตาย “



              เธอมีท่าทีเกรี้ยวกราดโมโหจัด ชินพึ่งสังเกตเห็นว่าที่เสื้อบริเวณท้องของเธอมีคราบเลือดเป็นดวง ชินฉุกใจคิดขึ้น



              หรือว่าเมื่อคืนนี้ ... เธอเป็นคนช่วยเราเอาไว้  !?



              ไม่มีเวลาให้ชินคิดมากนัก เล็บยาวเกือบเมตรที่คมกริบของเธอมันทำให้ชินกลัวไปจนสุดขั้วหัวใจ หญิงสาวมุ่งมั่นโจมตีอีกครั้ง



              เสียงขวับดังขึ้น  ชินร้องเสียงดังด้วยความกลัวสุดขีด



              “ ตอนนั้นเธอเข้ามาช่วยฉันเองนี่ ... อย่านะ !



              กึก ! ชินกลั้นหายใจหลับตาปี๋ มือยันอยู่กับพื้นเกร็งเขม็ง เตรียมใจรับกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่ทว่าร่างกายของเขายังปกติดี ทั้งๆที่มันน่าจะฉีกขาดออกจากกันแล้ว เล็บคมกริบยังไม่ได้แทรกผ่านอากาศเข้ามาหาเขา ชินตัดสินใจลืมตาขึ้นช้าๆ เล็บคมวาวอยู่ใกล้ใบหน้าของเขาไม่ถึงคืบ ชินเหลือกตามองหญิงสาวอย่างแปลกใจ เล็บคมยาวน่าหวาดเสียวหดเข้าไปในนิ้วมือเป็นปกติแล้ว นับแต่นี้ต่อไปเขาคงนึกขยาดผู้หญิงทุกคนที่ไว้เล็บ สาวผมแดงเบือนหน้าไปทางหน้าต่างพูดเสียงเรียบ



              “ นั่นสินะ เรียกว่าฉันแส่หาเรื่องเอง  ไปซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ”



              ชินลุกขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาถอยออกห่างหญิงสาวระยะนึง ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าถามอย่างสงสัยว่า



              “ เธอเรียกฉันว่ามนุษย์ แล้วเธอล่ะเป็นอะไรกันแน่ “



              “ นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆนะ ! “



              หญิงสาวหันมาตะคอกด้วยความโมโห  เธอหมุนตัวกลับมาทางชินทำท่าจะมีเรื่องอีกครั้งจนชินสำนึกว่าตนไม่น่าถามเลย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะจัดการกับชินนั้นเอง หญิงสาวก็หยุดชะงักรีบวิ่งกลับไปมองยังริมหน้าต่าง



              “ จับกลิ่นได้แล้วหรือเนี่ย ไวจริง  “



              เธอมองลงยังด้านหน้าทางเข้าโรงเรียน ชินเดินไปดูริมหน้าต่างด้วยความสงสัย  มีชายผิวคล้ำ ผมสีเหลือง ใส่ชุดโค้ชสีน้ำตาลคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงเรียน  ชินจำชายคนนั้นได้ดี เป็นผู้ชายที่ต่อสู้กับเด็กสาวเมื่อวานนี้เอง  และยิ่งใจหายวาบเมื่อชายคนนั้นหันมองขึ้นมาด้านบนและสบตากับเขาอย่างรู้แต่แรก  ทว่าชินกระพริบตาอีกที ... ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว





              น่ากลัวจริงๆ เขาไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนเลย   





              ชินยืนขาสั่น หญิงสาวพูดเสียงเรียบโดยไม่หันมามองว่า



              “ นายรีบไปซะ  ออกห่างจากที่นี่ให้ไกลที่สุด “



              แม้จะพูดเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ชินก็รู้สึกได้ถึงความเครียดที่แฝงมาในน้ำเสียงของเธอ หรือว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นจะต้องต่อสู้กันอีก แล้วในสภาพเธอในตอนนี้จะสู้ไหวอย่างนั้นหรือ  



              “ เธอสู้เขาได้หรือ “ ชินกระซิบถามเบาๆ



              เงียบ ไม่มีคำตอบ  ชินเองก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ดี เขาจะไปให้พ้นจากเรื่องบ้าๆนี่สักที  เด็กหนุ่มรีบเดินออกจากห้องเรียน  แต่ขณะที่กำลังจะออกไปนั้น เสียงเก้าอี้ล้มกระแทกกับพื้นดังโครม เขาหันกลับไปเห็นหญิงสาวปริศนาทรุดลงกับพื้น มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องเอาไว้ ดูเหมือนว่าเลือดบริเวณนั้นยังไหลซึมไม่หยุด สีหน้าของเธอขาวซีดทำให้ชินก้าวไม่ออก



              บ้าชะมัด  



              ชินพยายามจะไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่ได้  ผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขา  หากไม่ได้เธอช่วยเอาไว้ เขาก็คงตายไปนานแล้ว  แล้วนี่จะให้เขาทำใจดำทิ้งเธอไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ สภาพแบบนี้เธอสู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้แน่ แต่ว่าถ้าเขาเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ล่ะก็ แน่ใจได้เลยว่าเขากำลังหาเรื่องที่ยุ่งยากที่สุดที่จะมีได้ให้กับตัวเอง  ถึงอย่างนั้นก็ตาม





              จะให้ทิ้งผู้หญิงที่ยอมบาดเจ็บแทนเขาแบบนี้





              เขาทำไม่ได้  !





              ชินหันกลับมาด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยว  เขาเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น  คุกเข่าลงถามอาการเธอ



              “ เป็นยังไง  เจ็บมากไหม “



              “ ทำไมยังไม่ไปอีก “



              เด็กสาวเงยหน้ามองชินอย่างสงสัย แต่ชินไม่ตอบคำถามนั้น



              “ ดูเหมือนเธอจะทำแผลตัวเองไม่เป็นนะ “



              “ นี่นายจะทำอะไรน่ะ  .. อะ “



              เด็กสาวตกใจ เมื่อชินเลิกเสื้อเธอขึ้นดูบาดแผลที่ท้องของเธอ  มีรอยคล้ายถูกสะเก็ดระเบิดเป็นแผลเหวอะหวะสาหัสจนชินผงะตกใจ เธอทนกับมันได้ยังไง ถ้าเป็นคนทั่วไปเจอแบบนี้ไม่น่าจะรอดได้แต่ชินก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับเล็บมือที่ยืดหดได้ของเธอหรอก  เขาฉีกแขนเสื้อตัวเองออกมา



              “ อย่ามายุ่งนะ  มันไม่ใช่เรื่องของนาย “



              “ อยู่เฉยๆเหอะน่า ! “



              ชินพูดเสียงดัง ทำเอาเด็กสาวเจ้าอารมณ์เงียบได้อย่างน่าแปลกใจ  เธอมองชินที่กำลังพันแผลให้เธอด้วยความสงสัย แต่ชินก็พันแผลได้ดี  อาจเพราะว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาแต่เล็กจึงมีทักษะพื้นฐานเหล่านี้



              “ ฉันชื่อว่า ชิน ยาเมะ  แล้วเธอล่ะ “



              ชินพูดไปขณะพันแผลให้  หญิงสาวมีสีหน้าแดงระเรื่อนิดๆ



              “ เรน  .... เรนกิ  ลาไมอัส  ”



              เป็นชื่อที่แปลก แต่อย่างน้อยการที่เธอบอกชื่อกับเขา แสดงว่าเธอยอมรับในตัวเขาบ้างแล้ว เด็กหนุ่มนึกยิ้มในใจ



              “ โอเค เรนกิ  ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมต้องตามล่าเธอ “



              คำถามนี้ทำให้เด็กสาวชื่อเรนกิเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นเย็นชาอีกครั้ง



              “ มันชื่อว่า ไคออน  อากิร่า  เป็น 1 ในพวกชนชั้นปกครอง มันมาตามตัวฉันกลับไป แต่ฉันไม่กลับ เพราะมันไม่ใช่พวกฉัน ก็เลยต่อสู้กัน “



              “ ไม่ค่อยเข้าใจแฮะ “



              “ ก็คิดว่างั้นแหละ “



              “ เอาล่ะ พันแผลเสร็จแล้ว เรารีบไปกันเถอะ “



              “ ไปไหน “ เรนกิถามอย่างสงสัย



              “ ก็หนีมันยังไงล่ะ “  ชินพูด



              “ ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก “ เรนกิปฏิเสธ “ เราไม่มีทางหนีมันได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือ นายนั่นแหละรีบหนีไปซะ “



              “ แล้วเธอจะอยู่รอความตายหรือไงกัน “ ชินไม่พอใจ



              “ บางที  ...  มันอาจจะไม่มีทางเลือกอื่น “



              หญิงสาวมองพื้นด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนยอมรับชะตากรรม มันทำให้ชินฉุนขึ้นมาทันที





              “ อย่าพูดบ้าๆนะ ! เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงกัน !





              คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้เรนกิชะงัก  



              “ มานี่ “ชินคว้ามือเด็กสาวกระตุกให้เดินตามเขาออกจากห้องนี้  ไม่รู้เพราะเหตุใด หญิงสาวที่มีท่าทีแข็งกร้าวไม่เคยกลัวใครอย่างเธอกลับยอมให้เด็กหนุ่มธรรมดาชักจูงเพียงเพราะพูดไม่กี่คำ  อาจเพราะไม่เคยมีมนุษย์คนไหนกล้าทำแบบนี้กับเธอมาก่อนก็เป็นได้  



              ตึกเรียนที่เขาอยู่นี้มีบันไดขึ้นลง 2 ทาง ชินไม่อาจรู้ได้ว่าชายที่ชื่อไคออนนั่นจะโผล่ขึ้นมาทางไหน หากจะให้เดาเอา มันก็เสี่ยงเกินไป



              “ เราหนีมันไม่ได้หรอก “ เรนกิกระซิบ  “ นายกำลังหาเรื่องใส่ตัวนะ “



              “ เธอเลิกพูดเรื่องนี้สักทีเถอะ “



              ชินไม่พอใจเรนกิที่ไม่เชื่อใจเขา แต่เขาไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะลงทางไหนดี แต่แล้วก็ฉุกใจคิดขึ้นมาว่าที่ชั้นนี้มีห้องเคมีอยู่ บางทีมันอาจจะใช้ประโยชน์ได้  ชินพาเรนกิเข้าไปในห้องนั้น  ภายในห้องมีสารเคมีต่างๆบรรจุอยู่ในบีกเกอร์วางเรียงรายในตู้กระจกเต็มไปหมด  



              ชินเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำยาขวดหนึ่ง ฉลากเขียนไว้ว่ากรดซัลฟูลริกเข้มข้น 95 % เป็นน้ำยาอันตราย ข้างในมีสารเคมีบรรจุอยู่เกือบเต็มขวด



              “ ดีล่ะ  ถ้าใช้เจ้านี่อาจจะพอจัดการกับมันได้ “



              ชินรีบปิดประตูห้องเคมีซึ่งมีอยู่ทางเดียว  ก่อนจะหันมาลาก โต๊ะ เก้าอี้  ให้สะดวกแก่การเคลื่อนไหวของเขามากที่สุด



              ขณะดำเนินการเรนกิที่พิงกำแพงมองดูอยู่นั้นอดถามไม่ได้ว่า



              “ ทำไมนายต้องช่วยฉันถึงขนาดนี้ด้วย “



              ชินหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนหันมายิ้ม “ ก็เพราะฉันทำให้เธอต้องมาบาดเจ็บ  อีกอย่างถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้เมื่อวานฉันก็คงตายไปแล้ว “



              “ แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตกับฉันนี่ นายไม่กลัวฉันหรือไง  ที่มีพลังที่ไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปน่ะ “



              “ กลัวสิ “ ชินตอบ “ แต่ว่านะ ถึงเธอจะแปลกกว่าคนทั่วไปยังไงก็ตาม เธอก็ยังเป็นผู้หญิง  การจะปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตายไปต่อหน้าโดยไม่ช่วยอะไรเลยน่ะ ในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายคนนึง ฉันทำไม่ได้หรอก  “



              เรนกิหน้าแดง  ชินพูดคำว่า “ ผู้หญิง “ กับเธออย่างนั้นหรือ ตั้งนานมากแล้วที่ไม่มีใครมองว่าเธอเป็นผู้หญิงคนนึง  เธอมองดูกริยาท่าทางของชินราวกับว่าเขาเป็นของแปลก ส่วนชินมีท่าทีคึกคักตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อเขาค้นพบอะไรบางอย่างในตู้เก็บของถัดไป



              “ฟอสฟอรัสกับซัลเฟอร์รึ  ดีล่ะ “



              ชินเทสองอย่างผสมรวมกันในขวดเปล่า และขณะนั้นเองเสียงฝีเท้าหนึ่งกระทบกับพื้นห้องดังก้องท่ามกลางความเงียบ เป็นเสียงที่ทำให้เขาใจสั่น มันดังขึ้นดังลงมาจากทุกทิศทาง เรนกิมีสีหน้าเขม็งเคร่งเครียด



              “ มันมาแล้ว  “



              เสียงกลองดังระรัวขึ้นในใจชิน  เขารีบพาเรนกิเข้าไปหลบหลังตู้กำบัง มือสั่นระริกของเขาถือขวดสองขวดด้วยระวังไม่ให้ตกอย่างยากลำบาก



              ขอให้มันใช้การได้ด้วยเถอะ



              ชินรำพึงในใจ  ช่วงเวลานั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา



              ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า ดูไม่ได้เลยนะเรนกิ  ต้องมาหลบซ่อนแบบนี้ แถมให้มนุษย์มาคอยช่วยอีก ไม่สมกับเป็นเธอเลยสักนิดเดียว  



              เสียงอันน่าสะพรึงนั่นสะท้อนทุกทิศทาง  เรนกิกัดฟันแน่นอย่างเจ็บแค้น ส่วนชินยิ่งตื่นกลัวมากขึ้นจนเหงื่อซึมฝ่ามือ  นี่เขาตัดสินใจทำอะไรลงไปกัน  ถ้าพลาดเขาก็ตาย ตอนนี้เริ่มมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้ว  มันดัง  ตุบ  ตุบ เป็นจังหวะ เขารู้สึกได้ว่าไคออนเริ่มเข้าใกล้ห้องนี้เรื่อยๆแล้ว  





              ประสาทของชินทำงานหนัก  และฉับพลันนั้นเอง





              ประตูถูกเปิดออก  





              “ ย้ากกก “  





              ชินตะโกนก้องเพื่อต่อสู้กับความกลัว เขาลุกขึ้นยืนสาดกรดซัลฟูริกที่มีในขวดเข้าใส่ร่างชายผู้ก้าวเข้ามาในห้องแบบไม่ให้ทันตั้งตัว



              “ สำเร็จ ! “ ชินร้องอย่างดีใจ  แม้จะโดนไม่เต็ม แต่มันก็สาดร่างซีกซ้ายของชายคนนั้นจนเปียกชุ่ม  กรดซัลฟูลริกเข้มข้นนี่ ถ้าได้สัมผัสกับสิ่งที่เป็นเนื้อหนังมันจะกัดกร่อนผิวจนลึก ว่ากันว่าเพียงสองสามหยดก็กัดลึกจนเห็นกระดูก ถ้าโดนเข้าไปขนาดนั้นทั้งร่างจะเละเป็นฟอนเฟะ



              จริงดั่งที่คาดไว้  ชายคนนั้นเมื่อโดนกรดเข้าไป ร่ายกายเลือดเนื้อที่ถูกกรดเริ่มถูกกัดจนเหวอะหวะอย่างรวดเร็วมีเลือดไหลเจิ่งนองพื้นไปทั่ว



              แต่ว่าชินกลับพบสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าอีก มันทำให้เขาแทบไม่มีแรงยืน เพราะว่าร่างที่ถูกกรดสาดเข้าไป  กลับยืนแสยะยิ้มให้เขาราวกับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย แม้ขณะที่ร่างของมันกำลังถูกย่อยสลายอยู่ก็ตาม



              “ อะ  ... มันอะไรกันนี่ ... เป็นไปไม่ได้ “



              ชินพูดเสียงสั่นตาเบิ่งกว้าง  ชายที่ชื่อไคออนยิ้ม



              “ ใจกล้าดีนี่  ถึงกลับสาดกรดใส่ข้าคนนี้เชียวหรือ “





              “ อ๊ากกก  “





              ชินร้องเสียงดังลั่น เขาหลับตาขว้างขวดที่สองออกไป มันเป็นขวดที่ผสมฟอสฟอรัสกับซัลเฟอร์เอาไว้  เมื่อกระทบถูกในความแรงและส่วนผสมที่พอเหมาะ  มันก็จะไม่ต่างจากระเบิดขนาดเล็กสักเท่าไหร่



              ตูม !  ขวดนั่นระเบิดออกเมื่อกระทบหน้าไคออนเต็มแรง  



              แฮ่ก แฮ่ก  ชินหอบหายใจ ฝุ่นที่กระจายออกมาทำให้มองภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจน แต่โดนเต็มที่แบบนี้มันตายแน่ๆ



              ฝุ่นเริ่มหายไปแล้ว สิ่งที่อยู่เบื้องหน้ายิ่งทำให้ชินตกใจเป็นทวีคูณ



              ผู้ชายคนนั้นถูกระเบิดหน้าเละ มีเศษชิ้นเนื้อกระจายตามพื้น เลือดสีแดงกระเซ็นติดกำแพงผนัง  แต่ทว่าชายยังยืนอยู่ไม่ล้มลง ไคออนยืนเอามือสองข้างล้วงกระเป๋าไว้ ปากขยับยิกๆเป็นสภาพที่น่ากลัวมาก



              “ พอใจแล้วใช่ไหมไอ้หนู “





              เป็นไปไม่ได้ เสียงออกมาจากหน้าที่เหลือแต่ปากนั่น





              ชินไม่อยากมองภาพข้างหน้าอีก มันบ้าเกินไปแล้ว นี่เขาฝันไปใช่ไหมเนี่ย  มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม  ตัวอะไรกำลังยืนพูดอยู่หน้าเขากันแน่  



              และที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ เศษเนื้อตามพื้นเริ่มสลายหายไป และร่างของผู้ชายคนนั้นเริ่มกลับสภาพเดิม บาดแผลที่เหวอะหวะนั่น มันเริ่มจะปิดกลับเองในทุกๆส่วน  ชินรับสภาพเบื้องหน้าไม่ไหวแล้ว





              บาดแผลทั้งหมดของเจ้านี่กำลังจะหายไป !!





              ไม่กี่สิบวินาที ร่างกายของไคออนก็กลับสู่สภาพเดิมเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่หลงเหลือแม้แผลเพียงเสี้ยวเดียว  



              “ กะ ... แกเป็นตัวอะไรกันแน่ “



              ชินเขยิบถอยหลังด้วยความกลัวสุดขีด ไคออนยิ้มอย่างอำมหิต



              “ เผ่าพันธุ์ที่อยู่เหนือมนุษย์อย่างพวกแกไง “  



              ไม่พูดปากเปล่า มันเดินย่างสามขุมเข้าเพื่อจะจัดการมนุษย์ผู้โง่เขลานี้ให้สิ้นซากไป  แต่เรนกิรีบเดินมาบังหน้าชินเอาไว้ เธอกางเล็บทั้งสิบงอกออกมาเตรียมต่อสู้ด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว  



              “ อย่ายุ่งกับเขา  “  เด็กสาวขู่  



              “ โฮ้ว  นี่เธอเป็นคนใจดีกับมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “



              “ หุบปาก !



              เรนกิตวาด  ทันใดนั้นเอง โต๊ะเก้าอี้มากมายได้ลอยพุ่งเข้าใส่ไคออน พร้อมๆกัน แต่มันไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแต่อย่างใด ไคออนชูมือขึ้นปรากฏม่านเพลิงขนาดใหญ่เผาทำลายสิ่งของที่เรนกิส่งมาจนสิ้นซาก ต่อจากนั้นเพลิงไฟก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นคลื่นแผดเผาทุกสิ่ง  เรนกิคว้าแขนของชินไว้ ฉุดเขาให้กระโดดพังหน้าต่างออกมา



              บรึ้ม เพลิงระเบิดได้ทำลายห้องเคมีทั้งห้องจนล้นออกมาด้านนอก ชินร้องเสียงดังด้วยความตกใจ ชั้นที่เขาอยู่คือชั้น 4 นะ นี่เขาต้องตายแล้วหรือ ชินหลับตาปี๋เตรียมร่างโหม่งสู่พื้น แต่น่าแปลก พอจะถึงพื้น ความเร็วก็ชะลอลงจนสู่พื้นโดยปลอดภัย แม้ว่าตอนถึงพื้นจะกลิ้งไปสักหน่อย



              “ นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม “



              เรนกิถามชินอย่างเป็นห่วง  ชินพยักหน้า “ อื้อ “ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนหันหลังไปมองที่ตึก บริเวณห้องเคมีเพลิงไหม้มีควันออกมาเต็มไปหมด



              “ มันตายหรือยังนะ “ ชินถามอย่างหวาดหวั่น



              “ แค่นี้ทำอะไรมันไม่ได้หรอก “ เรนกิตอบเสียงราบเรียบ



              ไม่ทันขาดคำ บางอย่างพุ่งออกมาจากหน้าต่างห้องเคมีลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว  เป็นไคออนเอง  มันไม่มีบาดแผลเลยสักนิด  ไม่มีเลย



              “ เฮ้ย  นั่นพวกเธอทำอะไรกันน่ะ !



             เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง  เป็นยามเฝ้าประตูเอง เขาได้ยินเสียงระเบิดจึงรีบวิ่งเข้ามาดูอย่างตื่นตกใจ  ชินร้องโชคช่วยในใจ



              “ ช่วยด้วยครับ ช่วยที   “



              เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปทางไคออนที่กำลังเดินเข้ามา  ยามเฝ้าประตูมีท่าทีตกใจ



              “ อะ ... นี่คุณเป็นใคร... เข้ามาในโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ “



              ชินเห็นว่ารอช้าไม่ได้การแน่ เขาเข้าไปด้านหลังของยามเฝ้าประตูคนนั้น  หยิบปืนพกที่อยู่ที่เอวเขาขึ้นมากระหน่ำยิงไคออนทันที



              “ เฮ้ย “ ยามเฝ้าประตูร้องโพล่ง แต่ไม่ทันแล้ว ชินยิงปืนเข้าใส่ร่างไคออนจนหมดแม็ก เสียงปัง ปัง ดังขึ้น 6 นัดติดต่อ แต่ละนัดเข้าที่บริเวณหน้าอกของไคออนทั้งสิ้น  แต่ว่ามันก็เป็นเหมือนเดิม  ร่างของไคออนแม้มีเลือดไหลทะลักออกมา  แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย รอสักพักร่างที่มีรูพรุนนั่นก็เริ่มรักษาตัวเอง กระสุนถูกดันออก บาดแผลหายไปไม่ทิ้งรอย



              “ แกไม่เข้าใจหรือไงไอ้หนู  ของพวกนี้ไม่ทำให้ข้ารู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ “



              ไคออนสืบเท้าเข้าหา ยามเฝ้าประตูมีท่าทีตื่นตระหนกสุดขีดยืนนิ่งไม่ไหวติง  ชินร้อง “ รีบหนีเร็วครับ “ แต่ไม่ทันการแล้ว เมื่อมือของไคออนกางกดลงบนใบหน้ายามผู้เคราะห์ร้ายไว้ ร่างทั้งร่างถูกยกด้วยมือเดียวจนเท้าลอยเหนือพื้น พรึบ เพลิงไฟลุกท่วมร่างชายคนนั้นทันที ก่อนที่มันจะปล่อยร่างที่ถูกเผาเกรียมนั่นลงกับพื้นราวกับขยะ



              ภาพเบื้องหน้าทำให้หัวใจชินแทบหยุดเต้น มือไม้เย็นเฉียบ



              เจ้านี่ยิงปืนก็ไม่ตาย โดนไฟโดนระเบิดก็ไม่เป็นอะไร แถมบาดแผลทั้งหมดจะฟื้นตัวได้เองในเวลาไม่กี่วิแบบนี้มัน ...  





              หนี  





            ต้องหนีเท่านั้น !!






              ชินร้อง “ อ๊ากก ” รีบคว้ามือเรนกิวิ่งหนีไปทางประตูโรงเรียน มีเสียงหัวเราะอย่างสมเพชของไคออนตามหลังมา



              “ เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเรนกิ ”



              ขณะที่ทั้งสองวิ่งออกมาจากประตูโรงเรียนนั้นเอง เด็กสาวผู้หนึ่งกลับเดินสวนเข้ามา ชินรีบวิ่งผ่านไปโดยไม่ทันได้สนใจ แต่ช่วงแวบนึงเขาก็รู้สึกเหมือนเคยพบเธอที่ไหนมาก่อน  เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีทอง ใส่เสื้อชุดดำ ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่ใช่คนในประเทศนี้  เธอเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยรอยยิ้มอันลี้ลับ



              ส่วนไคออนนั้นวิ่งตามมาเมื่อเห็นชินกับเรนกิวิ่งไปได้สักหน่อยแล้ว เขาไม่วิตกกังวล ยังไงพวกนั้นก็ไม่มีทางหนีเขาพ้น เขายิ่งชอบเหลือเกินเวลาไล่ล่าเหยื่อที่หนีด้วยความตื่นกลัว  แต่ขณะที่เขากำลังจะวิ่งผ่านหญิงสาวผมสีทองอย่างไม่ได้ใส่ใจใดๆนั้นเอง





             ปัง  





              กาลเวลาแผ่นดิน  ทุกอย่างหยุดชะงักลง



             ไคออนยืนนิ่งเอามือกุมหน้าท้องของตนเองไว้ ก่อนหันไปมองหญิงสาวคนนั้นด้วยความตกใจ เธอมองไคออนตอบด้วยรอยยิ้มเย็น  ที่มือขวาของเธอถือปืนพกสีดำที่ใหญ่กว่าทั่วไป มีรูปลักษณ์ค่อนข้างแปลก   เลือดสีแดงไหลซึมที่หน้าท้องของมัน



              “ อะ ...  หรือว่าเธอคือ  ...... “





                        ________________________________







              “ ดูเหมือนเราจะหนีพ้นแล้วนะ



              ชินยืนหอบพิงกำแพงหอบราวกับจะขาดใจ พวกเขาหนีมาได้ไกลแล้วและไม่มีวี่แววว่าไคออนจะตามมา ทำให้ชินรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง



              “ เธอเป็นยังไงบ้างเรนกิ “



              เรนกิที่วิ่งตามเขามาพักยืนพิงกำแพงตาม รอยยิ้มน้อยๆเป็นคำตอบให้ แต่ไม่ทันไรเธอก็ทรุดร่างสลบลง  



              “ เรนกิ !



              ชินร้องอย่างตกใจ รีบเข้ามาประคองร่างหญิงสาวไว้ทันก่อนที่เธอจะกระทบพื้น สีหน้าเรนกิซีดสนิทราวกระดาษ เธอคงเสียเลือดมากเกินไป  ชินไม่มีทางเลือก เขาคงต้องพาเธอกลับไปที่บ้าน



               ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเข้าไปยุ่งที่เรื่องที่ไม่ควรไปยุ่งซะแล้ว









                                                                                                   โปรดติดตามตอนต่อไป





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×