คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่สอง
อชิรวิทย์เหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 9.30 น.เหลือเวลาอีกแค่1ชม.เท่านั้น เขาจะต้องไป ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์กล หรือแม้แต่หลุมพรางก็ตาม
ความเหนื่อยอ่อนเริ่มเข้าสู่ตัวเด็กชายเหงื่อเริ่มซึมไหลผ่านทางผิวหนังของเด็กชายตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ อชิรวิทย์เป็นเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่ชอบแสงแดด เขาต้องเสียพลังงานไปพร้อมกับแสงแดด คนรอบข้างเริ่มหันมามองในใจคงคิดว่าเด็กคนนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!! แล้วเวลาก็ผ่านไป...
“อชิรวิทย์”
“ปะ...ป้าอุไรวรรณ”เด็กชายร้องอย่างตกใจ หญิงวัยกลางคนกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เธอสวมชุดสีฟ้า ผมหยักศกยาว รูปร่างค่อนข้างอ้วน
“ออกมาทำอะไรแถวนี้ ต้องเรียนพิเศษไม่ใช่หรอ จะรีบวิ่งไปไหน เราเหมือนเด็กอื่นเขาที่ไหนกัน ค่อยๆเดินก็ได้นี่นา”อุไรวรรณทำเสียงเข้ม เพราะหลานตัวแสบของเธอป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนักและมีอาการหอบแทรกบ้างเป็นระยะ แล้วยังจะไม่ยอมไปเรียนพิเศษอีก
“ป้าครับ ผมจะ ผม...”อชิรวิทย์นึกแก้ตัวไม่ออก“ผมจะไปทำงานบ้านเพื่อนน่ะครับ ลาอาจารย์ไว้แล้ว ผมจะกลับช้าหน่อยนะครับ ส่วนเซนี่ไป เอ่อ...สอบซ่อมที่โรงเรียนครับ”อชิรวิทย์ตอบไปมั่วๆ และนึกดีใจที่ได้แก้แค้นน้องสาวจอมโหด ก็เซนี่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดๆว่าเป็นเด็กตั้งใจเรียน ต่างกับพี่ชายผู้ซึ่งคะแนนสอบจะแค่ข้ามเส้นพอดีทุกครั้ง
และก่อนที่อุไรวรรณจะได้ท้วงอะไร เด็กชายก็วิ่งแจ้นไปไกล ในใจคิดถึงแต่หน้าสวยๆของน้องสาวกับเสียงเห่าของวิกเตอร์ มันจะต้องไม่หายไปไหน จะต้องอยู่กับเขาตลอดไป ได้ยินใช่ไหมเซนี่ เธอจะตายไม่ได้หรนอกนะ
อชิรวิทย์เลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง ภายในแออัดไปด้วยตึกแถวมากมาย อชิรวิทย์ไล่นับเลขที่บ้านไปเรื่อยๆ“41 41 43 ยังไม่ถึงอีกหรอเนี่ย”
“ถึงแล้ว!”เด็กชายร้องอย่างดีใจ ตึกแถวสกปรกฝุ่นเขรอะ ตะไคร่เกาะตามฝาผนัง สีหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ เซนี่ถูกจับอยู่ในนี้หรอเนี่ย
เด็กชายเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู ทันใดนั้น! มีแสงสีแดงแวบผ่านมือของเขาไป แล้วประตูก็กระเด้งเปิดออก เขาพอจะเดาได้ว่านั่นคือเครื่องแสกน แต่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกหรืออะไรของมัน ทำไมถึงเข้ามาได้ก็ไม่รู้
ภาพภายในทำให้เขาอึ้งค้างกับความอลังการของสถานที่นี้ ความจริงมันก็ดูเป็นเหมือนบริษัททั่วไป แต่ผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีตรารูปแมงป่องสีครามติดอยู่ที่ปกเสื้อ
ตรงหน้าเขามีประตูอยู่บานหนึ่ง อชิรวิทย์ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็กระชากมันเปิดออกทันที ยังไงเขาก็ต้องเอาน้องสาวเขากลับมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ตายมันที่นี่พร้อมๆกับเซนี่นั่นแหละ
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ประตูก็ปิดตามหลังโดยอัตโนมัติ แค่นี้ก็เท่ากับว่าเด็กชายถูกขังเสียแล้ว แต่โอกาสที่ห้องนี้จะเป็นห้องที่เซนี่อยู่ก็สูงเหมือนกัน
เด็กชายก้าวช้าๆเพราะในห้องมีแต่ความมืด โอกาสที่เขาจะเหยียบลงไปบนหลุมพราง กับดัก หรือแม้กระทั่งบนตัวหมากับน้องของเขาเองก็สูงมาก ฉับพลัน! ทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้นมา เด็กชายรีบหยีตาเพื่อป้องกันไม่ให้แสงเข้าตามากโดยสัญชาติญาณ ตรงมุมห้องมีร่างสองร่างฟุบคว่ำอยู่กับพื้น เซนี่กับวิกเตอร์นั่นเอง
เด็กชายไม่กล้าทำเสียงดังจึงค่อยๆย่องไปใกล้ตัวน้องสาว เขารู้ดีว่ามันจะจับเขาทันทีที่มีโอกาส แต่ที่น่าแปลกคือถึงแม้เขา(อาจจะ)เป็นเด็กอัจฉริยะ แต่มันจะใช้อะไรจากสมองบ้าๆบอๆที่เต็มไปด้วยหลอดทดลองแบบนี้
มือของเขาใกล้จะแตะตัววิกเตอร์แล้ว แต่หูกลับแว่วได้ยินเสียงแหวกอากาศ หรือว่า...
เด็กชายหันกลับไปมองอย่างตกใจแล้วพยายามหลบอย่างสุดชีวิต แต่ไม่พ้นปลายมีดที่ขว้างมาถึงสองเล่มได้ มีดเล่มหนึ่งถากแขนซ้ายของเขาไปอย่างแม่นยำ เลือดสีสดซึมออกมาจากปากแผล เด็กชายกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บ
ถ้านี่คือวิธีการเชิญคนเข้าร่วมของไอ้องค์กรบ้านี่ล่ะก็ รับรองว่าคนในที่นี้ต้องมีอาการทางประสาท ถึงได้ใช้วิธีบ้าบอแบบนี้ แล้วใครมันจะอยากไปอยู่
เด็กชายเหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมาจากเพดาน อชิรวิทย์รีบหยิบมันไว้อย่างร้อนรน แต่เมื่ออ่านแล้วก็ต้องโมโหจนขยำมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะเข้าร่วมกับพวกแก สองชั่วโมงอย่างนั้นน่ะหรือ ได้อยู่แล้ว เตรียมตัวรอรับความวิบัติได้เลย!”
ความจริงเด็กชายมีแผนการเตรียมเอาไว้สำรองตั้งแต่ต้น เผื่อว่าจำเป็นจะต้องใช้และดูเหมือนจะจำเป็นจริงๆ อชิรวิทย์หยิบหลอดยาสีออกเขียวมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างระมัดระวัง พร้อมกับยิ้มแสยะน่ากลัว
พริบตาเดียว เด็กชายพุ่งตัวไปยังสายไฟที่อยู่ใกล้ตัวแล้วสาดสารที่มีเหลือในหลอดทดลองให้กระจายไปรอบๆพลางมองผลงานของตัวอย่างพอใจ สารที่สาดเข้าไปมีฤทธิ์กัดกร่อน ที่สำคัญที่สุด เมื่อทำลายสายไฟที่เป็นตัวส่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว อยากน้อยระบบมันก็ต้องรวนบ้างน่ะแหละ แล้วที่นี่ ถ้าดูจากลักษณะไม่ผิด ห้องข้างบนนี่เป็นห้องควบคุม
อชิรวิทย์นั่งลงอย่างเย็นใจลงไปบ้าง เขาฉีกเสื้อสีขาวตัวเก่งของเขาออกเป็นแถบๆเพื่อใช้ต่างผ้าพันแผล โชคร้ายที่เขาถนัดซ้าย ตอนนี้ก็เท่ากับถูกตัดแขนไปข้างหนึ่งแล้ว เลือดย้อมผ้าพันแผลให้กลายเป็นสีแดง ความเจ็บทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยว่าผ้านั้นไม่ใช่ผ้าที่สามารถจะเอามาทำเป็นผ้าพันแผลได้เลย เนื้อผ้าแข็งกระด้างจนอชิรวิทย์ชักสงสัยว่ามันจะห้ามเลือดหรือเพิ่มเลือดกันแน่
เราจะทำอย่างไรดี...
แล้วอชิรวิทย์ก็หมุนตัววิ่งสี่คูณร้อยเมตรออกไปจากห้องแห่งนี้ ตอนนี้ไม่มีอาวุธใดกรีดกรายเข้ามาหาเขาแม้แต่น้อย ซึ่งแสดงว่ามันใช้หุ่นคอยควบคุมแถบนี้ทั้งหมด และเขาก็คงได้ตัดข้อมูลรวมทั้งสัญญาณต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นก็มีลูกปืนพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็วจนหลบไม่ทัน ลูกปืนผังเข้าที่ต้นขาจนร่างล้มลงไปกับพื้น ไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังมีหุ่นเหลือ หรือไม่ก็เขาตัดสัญญาณไม่ทั่วทั้งระบบ ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
“ถ้าแกไม่ยอมเข้าร่วมกับเรา ทั้งแกและพวกมันไม่ได้รอดไปจากที่นี่แน่”
โครม!
รองเท้าผ้าใบของคนโมโหจัดเขวี้ยงกระทบลำโพงจนตกลงมาที่พื้น เด็กชายสำรวจแผลอย่างอ่อนใจเมื่อพบว่ากระสุนฝังใน คงต้องผ่าตัด เด็กชายนึกอย่างหวาดเสียว ไอ้ตอนเข้ามามันทำอะไรก็ได้เพราะมันบ้า แต่ตอนนี้ชักรู้สึกตัวไม่กล้าเหมือนเมื่อกี้ ที่สำคัญที่สุดคือบริเวณปากแผลมีกลิ่นยาบางอย่าง หวังว่ามันคงจะไม่ใช่ยาพิษ ถึงยังไงก็เถอะมันก็ควรจะป้องกัน เด็กชายหยิบยาอีกหลอดออกจากกระเป๋าเสื้อ วันนี้เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่จะต้องบุกเข้ามาช่วยเซนี่(หรือพูดให้ถูกอาจจะเป็นบุกเข้ามาตายกับเซนี่)ในตัวเขาก็เลยมีสารพัดยาที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด
ยาตัวนี้เป็นยาสมานแผลอย่างอ่อน เด็กชายคิดได้ตั้งแต่สามปีที่แล้วและนำมาใช้กับหมาทดลองแถวบ้านซึ่งนับว่าได้ผลดีมาก
เขารู้สึกเหมือนตัวเอียงไปมา อาจจะเป็นเพราะว่าในกระสุนมียาพิษ ใช่แน่ๆ อาจจะเป็นยานอนหลับก็ได้ แต่เขายังไม่อัจฉริยะขนาดที่ว่ายาแก้พิษเป็นร้อยชนิดก็สามารถหายาแก้ได้หมดนี่นา แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าจะต้องใช้ยาอะไร
ทันใดนั้นประตูที่เด็กชายนั่งพิงอยู่ก็สั่นคลอน ทำให้เด็กชายรีบลากร่างอันไม่ค่อยจะสมบูรณ์ของตัวเองไปยืนไกลๆ และนับว่าดีมากเมื่อประตูพังลงมาในอึดใจต่อมา
ชายชุดดำที่เด็กชายเจอในความฝันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าอชิรวิทย์ เขา(มัน!)สูงมากถ้าจะเทียบกับเด็กชายที่สูงแค่ร้อยห้าสิบเศษๆเท่านั้น ผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตาคู่คมกริบเบื้องหลังแว่น รวมแล้วเขา(ก็บอกว่ามัน!)ก็เป็นคนหน้าตาดีมากทีเดียว แต่เด็กชายไม่อาจมองให้หล่อไปกว่าไส้เดือนได้หรอก!
ในมือของมันถือปืนกระบอกหนึ่งหันปลายกระบอกปืนมาตรงตำแหน่งหัวใจของเด็กชาย แถมยังมีซองมีดสีน้ำตาลเหน็บอยู่บริเวณเอวอย่างที่รู้ว่าถ้าปืนพลาดมันจะต้องใช้มีด
“ฉันให้เวลาคิดสิบวินาที จะอยู่กับเราหรือตายไปพร้อมๆกับพวกมัน”เสียงเย็นเยียบเอ่ยจากปากของคนชุดดำที่เด็กชายนึกอยากจะเอารองเท้าปาหัวมันเหมือนกับลำโพงบ้านั่น แต่ทำไม่ได้!
“10...9...8...7”
“เฮ้ย! อะไรวะ”
ปังงงง ปังงงง เสียงปืนดังขึ้น แต่มันไม่ใชของชายชุดดำ ของใครกันแน่
ชายชุดดำอีกคน ไม่สิ ชายคนนี้สวมชุดขาวสะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวหรือรองเท้าก็ตาม แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากชายชุดดำที่จะยิงอชิรวิทย์เลย ไม่ว่าจะเป็นความสูง ดวงหน้าเย็นเยียบหรือแว่นตา มือซ้ายของเขามีปืนกระบอกหนึ่งที่ยังคงมีควันลอยกรุ่นอยู่ แถมเด็กชายยังเห็นเลือดสดๆทะลักออกมาจากบาดแผลที่ข้อเท้าของชายชุดดำ
แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกับมัน อาจจะมาช่วยเราก็ได้
“นายมาที่นี่ทำไม เดี๋ยวนี้ตกต่ำขนาดต้องมารับคนที่เหลือจากพวกฉันหรือไง”ชายชุดดำพูดเยาะๆ
“ใครเป็นคนของนายมิทราบ”
ชายชุดดำแค่ยิ้มๆเหมือนไม่ใส่ใจ พลางกดห้ามเลือดอย่างชำนาญ“ทำไมคนถึงต้องการตัวเจ้าเด็กนี่กันมากมาย ถึงสมองจะฉลาดก็เถอะนะ แต่ฝีมือไม่ได้เรื่อง”ชายชุดดำเอ่ยพาดพิงถึงอชิรวิทย์ ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับอีกฝ่ายดี
“อย่างนายก็ได้แค่รับคำสั่งเขามา เลยมองไม่เห็นเองเสียล่ะมากกว่า”
ชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดเนื้อ ชายชุดดำยิ้มออกมากอย่างคล้ายกับปลง ฝ่ายชายชุดขาวดึงกระสุนสำรองมาไว้ในกระเป๋าเสื้อ และหยิบหลอดทดลองอีกสารพัดสีมาไว้ในมือข้างขวา
“ถ้านายอยากจะรู้นักล่ะก็...”ชายชุดขาวพูดช้าๆพลางหยิบหลอดยาสีขาวออกมา ปลายหลอดมีรอยบิ่นเล็กน้อย หัวใจของเด็กชายหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม นั่นมัน ยานอนหลับ แล้วหลอดนั้นก็เป็นยาที่เขาทำตกแตกเมื่อวาน หลอดยาทุกหลอดของเขาจะมีตำหนิอยู่ และนั่นเป็นยาของเขาแน่นอน
ชายชุดขาวเทหลอดยานั้นเคลือบกระสุนปืนในกระบอก อชิรวิทย์คาดว่าเขาคงอยากจะให้อีกฝ่ายสลบ แต่ไม่ ปลายกระบอกปืนหันมาทางเด็กชายพร้อมกับลั่นไกทันที!
ปังงงง! เสียงปืนดังลั่น เด็กชายตกใจแทบสิ้นสติ เพราะยาขวดนั้นของเขามัน....
อชิรวิทย์เบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาอยู่ที่ไหนกันนี่ แสงสว่างจ้าแสบตาเสียจนเขาต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่แสงที่แยงตา ที่นี่เหมือนกับห้องทดลองทั่วไปเพียงแต่ว่ามันใหญ่โตและหรูหรากว่า มีสัตว์หน้าตาแปลกอยู่ในกรงและขู่คำรามใส่เขา ด้านหนึ่งของห้องมีกระจกบานใหญ่พิเศษตั้งอยู่ มีชายร่างใหญ่ไว้ผมยาวยืนจ้องหน้าเด็กชายอยู่ ชายคนนั้นสวมชุดกาวน์สีขาวเหมือนหมอ ในมือถือเข็มที่เตรียมจะฉีดสารสีขาวขุ่นไว้ อชิรวิทย์ทำท่าจะขยับถอยหนีแต่ปรากฏว่าเขาถูกมัดติดอยู่กับเตียง
นี่ฉันจะโดนอีกแล้วหรือนี่ วันนี้มันซวยอะไรกันนักหนาฟะ
ปลายเข็มฉีดยาจรดเข้ากับต้นแขนของเด็กชายที่กลั้นหายใจพร้อมกับหลับตาปี๋
ต้องไม่ใช่ ไม่ใช่ยานั่น ไม่นะ!
“ไม่!”เด็กชายร้องลั่นเมื่อรู้สึกตัวว่ายาได้เข้าไปในกล้ามเนื้อแล้ว
อชิรวิทย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนที่บ้าน เมื่อครู่เป็นแค่ความฝันใช่ไหม มันต้องเป็นแค่ความฝัน ไม่มีวันเป็นจริงได้หรอก เด็กชายเหลือบมองรอบๆห้องอย่างสบายใจ เซนี่นั่งสางผมอยู่ปลายเตียงโดยมีเจ้าวิกเตอร์หมอบอยู่ที่พื้นข้างๆ ถึงแม้มันไม่เคยได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาก็เถอะนะ แต่จะทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน
“ตื่นซะที นึกว่าจะกลายเป็นลูกหมานิทราไปแล้ว”น้องสาวปากไม่ดีเอ่ยขึ้น ทำให้อารมณ์ของพี่ชายชักคุกรุ่น
“นี่! เธอ!”อชิรวิทย์ตะคอกอย่างโมโหพลางจะลุกไปจัดการ แต่ก็ต้องกุมแขนตัวเองไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด เด็กชายรีบถลกแขนเสื้อขึ้นมาดูก็พบรอยแผล และที่ขาก็มีแผลจริงๆ แสดงว่าเรื่องที่เซนี่ถูกจับไปก็เป็นเรื่องจริง!
“เจ็บแล้วยังไม่เจียม”เซนี่ว่า ทำให้อชิรวิทย์ต้องทำใจให้สงบ นับเลขในใจเพื่อไม่ให้เต้นไปตามแผนยั่วโมโหของน้องสาว
“พี่รู้ไหมว่าหลับไปกี่วัน สามวันเต็มๆเชียวนะพี่ นี่ยังดีนะที่ฉันหลอกป้าว่าพี่ข้อเท้าพลิกจนบวมแดงขนาดหนัก เอ...แต่จะเรียกหลอกก็ไม่ได้เพราะข้อเท้าพี่มันก็พลิกจริงๆน่ะแหละ เพียงแต่ฉันไม่ได้บอกป้าว่าพี่ทำตัวเป็นพระเอกไปคอยเอาตัววิ่งรับลูกตะกั่ว”
“แล้วนี่เธอจะไม่รู้จักสำนึกบุญคุณบ้างหรือไง”
“สำนึกบุญคุณ นี่ฉันก็สำนึกเต็มที่แล้วนะเนี่ย อุตส่าห์นั่งเฝ้ามาตั้งแต่วันแรกที่สลบจนวันเนี้ย แถมยังต้องคอยฉีดยาให้พี่อีก ทำไมไม่มียาเม็ดก็ไม่รู้ อ้อ...แล้วบุญคุณของพี่นั่นน่ะ จะรับไปคนเดียวมันก็ไม่ถูกหรอกนะ เทียบกับท่านไม่ได้เลย ฉันยังไม่เคยเห็นใครห่วงฉันขนาดนี้มาก่อนเลยแม้แต่พี่ก็เถอะ”เซนี่บ่น
“หือ...แล้วท่านของเธอนี่ใครกันล่ะ”เด็กชายถามอย่างสงสัย
“ความจำเสื่อมรึไง ก็คนที่ช่วยพี่ออกมาจากไอ้บ้าโรคจิตนั่นมันใครกันล่ะ!”เซนี่ขึ้นเสียงอย่างชักโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“เธอหมายถึงผู้ชายคนที่สวมชุดขาวใช่ไหม เอ่อ...ที่ยิงพี่น่ะนะ แล้วยังมียาของพี่อีก เขาเป็นใครหรอ”อชิรวิทย์ถามอย่างพอจะเดาไอ้บ้าโรคจิตของเธอได้ว่าเป็นชายชุดดำคนนั้น แต่ชายชุดขาวเอายาที่เขาผสมเองมาจากไหนกัน
“ก็เป็นคนที่ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ฉลาด เก่ง ยิ่งกว่าพี่เป็นร้อยเท่าไง คือเขาเป็น เป็นพี่ชายของเพื่อนฉันเอง...”
“นี่เธอกำลังจะบอกฉันว่าพี่ชายของเพื่อนเธอพกปืนด้วยงั้นสิ แล้วก็บุกเดี่ยวเข้ามาในไอ้องค์กรบ้านั่นเพื่อช่วยน้องสาวของเพื่อนเนี่ยนะ เหตุผลขึ้นมากเลย”เด็กชายประชดดังๆ“เธอมีความลับอะไร คายออกมาให้หมด!”
“พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะบอกทุกอย่างถ้าหากพี่ทำตามอะไรก็ได้ที่ฉันขอ”เซนี่ยื่นข้อเสนอที่ทำเอาพี่ชายขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
“แล้วถ้าเธอสั่งให้พี่ไปตายล่ะ”
“นี่ ฉันน่ะเป็นน้องพี่นะ หัดให้ความไว้วางใจกันหน่อยสิ ถ้าฉันคิดจะแกล้งพี่ก็แค่เอาไอ้ยาบ้าๆในห้องพี่มากรอกปากตอนที่พี่หลับอยู่ก็ตายแล้ว ไม่ต้องมารอถึงป่านนี้ เอาเป็นว่าที่ฉันจะขอเนี่ยมันเกี่ยวกับคนที่เข้ามาช่วยชีวิตพวกเราวันนั้นและถ้าพี่อยากแก้แค้นไอ้บ้านั่นล่ะก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยแหละ ว่าไง ตกลงไหม”เซนี่พูดยาวเหยียดอย่างที่พี่ชายเห็นแล้วเหนื่อยแทน
“เอาก็ได้ อย่างที่เธอพูดน่ะแหละว่าแค่จับเอายาในห้องพี่มากรอกปากก็ตายแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าถ้าเธอขออะไรบ้าๆแล้วฉันจะไม่มีโอกาสแก้แค้นเธอ”เด็กชายพูดหลังจากไตร่ตรองมานาน“เล่ามา”
“ก็...ผู้ชายคนนั้น เขาเป็นคนในองค์กรแห่งหนึ่งที่เรียกว่า F.I.C.ชื่อจริงยาวขี้เกียจจำ อ้อ...เขามีฉายาว่าซีล ชื่อจริงไม่รู้ คือคนในองค์กรนี้ไม่เห็นจะค่อยเปิดเผยชื่อจริงกัน มันไม่ค่อยจำเป็นอ่ะ ซีลนี่ใช้ตัว z เป็นพยัญชนะต้นนะไม่ใช่sealที่แปลว่าแมวน้ำ”
“ซีลเป็นคนในระดับหัวหน้าเลยแหละ นิสัยดี หน้าตาก็ดี สติปัญญาก็ดี ดีกว่าใครบางคนแถวนี้”เซนี่ไม่วายพูดพาดพิงถึงอชิรวิทย์ที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่
“แล้วไอ้คนที่มันหน้าเหมือนซีลล่ะ”
“ก็เขาเป็นแฝดกับซีลนี่นา อยู่กันคนละองค์กร มักจะทำอะไรขัดกันเสมอ คือฉันเชื่อว่าลึกๆสองคนนั่นก็คงไม่อยากจะสู้กันหรอกนะ แต่มันช่วยไม่ได้ คราวที่แล้วนะ สู้กันเละทั้งคู่เลย ฝีมือของสองคนนั่นก็พอๆกันเสียด้วย”เซนี่ว่า แต่อชิรวิทย์จับความผิดปกติได้บางอย่าง
“เซนี่! แล้วเธอไปรู้อะไรเค้ามาล่ะ อย่าบอกนะว่า...”อชิรวิทย์อ้าปากค้าง แต่เขายังไม่ได้พูดอะไรน้องสาวตัวแสบก็เบิกตากว้างอย่างรู้ว่าเสียท่า รีบถอยกรูดไปชิดประตูแล้วพูดตอบตะกุกตะกัก
“คำตอบจะได้อีกสี่วัน แล้วก็ที่ฉันขอคือให้พี่เข้าร่วมกับองค์กรของซีล ไม่มีข้อโต้แย้ง ไปแล้ว ฝันดีนะพี่”
แล้วเซนี่ก็เผ่นออกไปจากห้องก่อนที่รองเท้าแสดงความขอบคุณจากพี่ชายจะลอยมาถึงตัว
ความคิดเห็น