ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    F.I.C. องค์กรนี้...มีเเต่อัจฉริยะ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 50


    อชิรวิทย์เหลือบมองนาฬิกา  ตอนนี้เป็นเวลา 9.30.เหลือเวลาอีกแค่1ชม.เท่านั้น     เขาจะต้องไป  ไม่ว่าจะเป็นเล่ห์กล  หรือแม้แต่หลุมพรางก็ตาม            

    ความเหนื่อยอ่อนเริ่มเข้าสู่ตัวเด็กชายเหงื่อเริ่มซึมไหลผ่านทางผิวหนังของเด็กชายตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ อชิรวิทย์เป็นเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่ชอบแสงแดด  เขาต้องเสียพลังงานไปพร้อมกับแสงแดด   คนรอบข้างเริ่มหันมามองในใจคงคิดว่าเด็กคนนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!!   แล้วเวลาก็ผ่านไป...

    อชิรวิทย์

    ปะ...ป้าอุไรวรรณเด็กชายร้องอย่างตกใจ  หญิงวัยกลางคนกำลังยืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน  เธอสวมชุดสีฟ้า  ผมหยักศกยาว  รูปร่างค่อนข้างอ้วน

    ออกมาทำอะไรแถวนี้  ต้องเรียนพิเศษไม่ใช่หรอ  จะรีบวิ่งไปไหน  เราเหมือนเด็กอื่นเขาที่ไหนกัน  ค่อยๆเดินก็ได้นี่นาอุไรวรรณทำเสียงเข้ม  เพราะหลานตัวแสบของเธอป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนักและมีอาการหอบแทรกบ้างเป็นระยะ  แล้วยังจะไม่ยอมไปเรียนพิเศษอีก

    ป้าครับ  ผมจะ  ผม...อชิรวิทย์นึกแก้ตัวไม่ออกผมจะไปทำงานบ้านเพื่อนน่ะครับ  ลาอาจารย์ไว้แล้ว  ผมจะกลับช้าหน่อยนะครับ  ส่วนเซนี่ไป  เอ่อ...สอบซ่อมที่โรงเรียนครับอชิรวิทย์ตอบไปมั่วๆ  และนึกดีใจที่ได้แก้แค้นน้องสาวจอมโหด  ก็เซนี่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดๆว่าเป็นเด็กตั้งใจเรียน  ต่างกับพี่ชายผู้ซึ่งคะแนนสอบจะแค่ข้ามเส้นพอดีทุกครั้ง

    และก่อนที่อุไรวรรณจะได้ท้วงอะไร  เด็กชายก็วิ่งแจ้นไปไกล  ในใจคิดถึงแต่หน้าสวยๆของน้องสาวกับเสียงเห่าของวิกเตอร์  มันจะต้องไม่หายไปไหน  จะต้องอยู่กับเขาตลอดไป  ได้ยินใช่ไหมเซนี่  เธอจะตายไม่ได้หรนอกนะ

    อชิรวิทย์เลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง  ภายในแออัดไปด้วยตึกแถวมากมาย  อชิรวิทย์ไล่นับเลขที่บ้านไปเรื่อยๆ“41  41  43  ยังไม่ถึงอีกหรอเนี่ย

    ถึงแล้ว!”เด็กชายร้องอย่างดีใจ  ตึกแถวสกปรกฝุ่นเขรอะ  ตะไคร่เกาะตามฝาผนัง  สีหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นๆ  เซนี่ถูกจับอยู่ในนี้หรอเนี่ย

    เด็กชายเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู  ทันใดนั้น!  มีแสงสีแดงแวบผ่านมือของเขาไป  แล้วประตูก็กระเด้งเปิดออก  เขาพอจะเดาได้ว่านั่นคือเครื่องแสกน  แต่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกหรืออะไรของมัน  ทำไมถึงเข้ามาได้ก็ไม่รู้

    ภาพภายในทำให้เขาอึ้งค้างกับความอลังการของสถานที่นี้  ความจริงมันก็ดูเป็นเหมือนบริษัททั่วไป  แต่ผู้คนเดินกันขวักไขว่  มีตรารูปแมงป่องสีครามติดอยู่ที่ปกเสื้อ

    ตรงหน้าเขามีประตูอยู่บานหนึ่ง  อชิรวิทย์ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็กระชากมันเปิดออกทันที  ยังไงเขาก็ต้องเอาน้องสาวเขากลับมาให้ได้  ไม่อย่างนั้นก็ตายมันที่นี่พร้อมๆกับเซนี่นั่นแหละ

    ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป  ประตูก็ปิดตามหลังโดยอัตโนมัติ  แค่นี้ก็เท่ากับว่าเด็กชายถูกขังเสียแล้ว  แต่โอกาสที่ห้องนี้จะเป็นห้องที่เซนี่อยู่ก็สูงเหมือนกัน

    เด็กชายก้าวช้าๆเพราะในห้องมีแต่ความมืด  โอกาสที่เขาจะเหยียบลงไปบนหลุมพราง  กับดัก  หรือแม้กระทั่งบนตัวหมากับน้องของเขาเองก็สูงมาก  ฉับพลัน!  ทั้งห้องก็สว่างวาบขึ้นมา  เด็กชายรีบหยีตาเพื่อป้องกันไม่ให้แสงเข้าตามากโดยสัญชาติญาณ  ตรงมุมห้องมีร่างสองร่างฟุบคว่ำอยู่กับพื้น  เซนี่กับวิกเตอร์นั่นเอง

    เด็กชายไม่กล้าทำเสียงดังจึงค่อยๆย่องไปใกล้ตัวน้องสาว  เขารู้ดีว่ามันจะจับเขาทันทีที่มีโอกาส  แต่ที่น่าแปลกคือถึงแม้เขา(อาจจะ)เป็นเด็กอัจฉริยะ  แต่มันจะใช้อะไรจากสมองบ้าๆบอๆที่เต็มไปด้วยหลอดทดลองแบบนี้

                    มือของเขาใกล้จะแตะตัววิกเตอร์แล้ว  แต่หูกลับแว่วได้ยินเสียงแหวกอากาศ  หรือว่า...

                    เด็กชายหันกลับไปมองอย่างตกใจแล้วพยายามหลบอย่างสุดชีวิต  แต่ไม่พ้นปลายมีดที่ขว้างมาถึงสองเล่มได้  มีดเล่มหนึ่งถากแขนซ้ายของเขาไปอย่างแม่นยำ  เลือดสีสดซึมออกมาจากปากแผล  เด็กชายกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บ

                    ถ้านี่คือวิธีการเชิญคนเข้าร่วมของไอ้องค์กรบ้านี่ล่ะก็  รับรองว่าคนในที่นี้ต้องมีอาการทางประสาท  ถึงได้ใช้วิธีบ้าบอแบบนี้  แล้วใครมันจะอยากไปอยู่

                    เด็กชายเหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงมาจากเพดาน  อชิรวิทย์รีบหยิบมันไว้อย่างร้อนรน  แต่เมื่ออ่านแล้วก็ต้องโมโหจนขยำมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

                    ฝันไปเถอะว่าฉันจะเข้าร่วมกับพวกแก  สองชั่วโมงอย่างนั้นน่ะหรือ  ได้อยู่แล้ว  เตรียมตัวรอรับความวิบัติได้เลย!”

                    ความจริงเด็กชายมีแผนการเตรียมเอาไว้สำรองตั้งแต่ต้น  เผื่อว่าจำเป็นจะต้องใช้และดูเหมือนจะจำเป็นจริงๆ  อชิรวิทย์หยิบหลอดยาสีออกเขียวมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างระมัดระวัง  พร้อมกับยิ้มแสยะน่ากลัว

                    พริบตาเดียว  เด็กชายพุ่งตัวไปยังสายไฟที่อยู่ใกล้ตัวแล้วสาดสารที่มีเหลือในหลอดทดลองให้กระจายไปรอบๆพลางมองผลงานของตัวอย่างพอใจ  สารที่สาดเข้าไปมีฤทธิ์กัดกร่อน  ที่สำคัญที่สุด  เมื่อทำลายสายไฟที่เป็นตัวส่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว  อยากน้อยระบบมันก็ต้องรวนบ้างน่ะแหละ  แล้วที่นี่  ถ้าดูจากลักษณะไม่ผิด  ห้องข้างบนนี่เป็นห้องควบคุม 

                    อชิรวิทย์นั่งลงอย่างเย็นใจลงไปบ้าง  เขาฉีกเสื้อสีขาวตัวเก่งของเขาออกเป็นแถบๆเพื่อใช้ต่างผ้าพันแผล  โชคร้ายที่เขาถนัดซ้าย  ตอนนี้ก็เท่ากับถูกตัดแขนไปข้างหนึ่งแล้ว  เลือดย้อมผ้าพันแผลให้กลายเป็นสีแดง  ความเจ็บทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมด้วยว่าผ้านั้นไม่ใช่ผ้าที่สามารถจะเอามาทำเป็นผ้าพันแผลได้เลย  เนื้อผ้าแข็งกระด้างจนอชิรวิทย์ชักสงสัยว่ามันจะห้ามเลือดหรือเพิ่มเลือดกันแน่

                    เราจะทำอย่างไรดี...

                    แล้วอชิรวิทย์ก็หมุนตัววิ่งสี่คูณร้อยเมตรออกไปจากห้องแห่งนี้  ตอนนี้ไม่มีอาวุธใดกรีดกรายเข้ามาหาเขาแม้แต่น้อย  ซึ่งแสดงว่ามันใช้หุ่นคอยควบคุมแถบนี้ทั้งหมด  และเขาก็คงได้ตัดข้อมูลรวมทั้งสัญญาณต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                    ทันใดนั้นก็มีลูกปืนพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็วจนหลบไม่ทัน  ลูกปืนผังเข้าที่ต้นขาจนร่างล้มลงไปกับพื้น  ไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังมีหุ่นเหลือ  หรือไม่ก็เขาตัดสัญญาณไม่ทั่วทั้งระบบ  ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

                    ถ้าแกไม่ยอมเข้าร่วมกับเรา  ทั้งแกและพวกมันไม่ได้รอดไปจากที่นี่แน่

                    โครม!

                    รองเท้าผ้าใบของคนโมโหจัดเขวี้ยงกระทบลำโพงจนตกลงมาที่พื้น  เด็กชายสำรวจแผลอย่างอ่อนใจเมื่อพบว่ากระสุนฝังใน  คงต้องผ่าตัด  เด็กชายนึกอย่างหวาดเสียว  ไอ้ตอนเข้ามามันทำอะไรก็ได้เพราะมันบ้า  แต่ตอนนี้ชักรู้สึกตัวไม่กล้าเหมือนเมื่อกี้  ที่สำคัญที่สุดคือบริเวณปากแผลมีกลิ่นยาบางอย่าง  หวังว่ามันคงจะไม่ใช่ยาพิษ  ถึงยังไงก็เถอะมันก็ควรจะป้องกัน  เด็กชายหยิบยาอีกหลอดออกจากกระเป๋าเสื้อ  วันนี้เห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่จะต้องบุกเข้ามาช่วยเซนี่(หรือพูดให้ถูกอาจจะเป็นบุกเข้ามาตายกับเซนี่)ในตัวเขาก็เลยมีสารพัดยาที่ซ่อนไว้อย่างมิดชิด

                    ยาตัวนี้เป็นยาสมานแผลอย่างอ่อน  เด็กชายคิดได้ตั้งแต่สามปีที่แล้วและนำมาใช้กับหมาทดลองแถวบ้านซึ่งนับว่าได้ผลดีมาก

                    เขารู้สึกเหมือนตัวเอียงไปมา  อาจจะเป็นเพราะว่าในกระสุนมียาพิษ  ใช่แน่ๆ  อาจจะเป็นยานอนหลับก็ได้  แต่เขายังไม่อัจฉริยะขนาดที่ว่ายาแก้พิษเป็นร้อยชนิดก็สามารถหายาแก้ได้หมดนี่นา  แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าจะต้องใช้ยาอะไร

                    ทันใดนั้นประตูที่เด็กชายนั่งพิงอยู่ก็สั่นคลอน  ทำให้เด็กชายรีบลากร่างอันไม่ค่อยจะสมบูรณ์ของตัวเองไปยืนไกลๆ  และนับว่าดีมากเมื่อประตูพังลงมาในอึดใจต่อมา

                    ชายชุดดำที่เด็กชายเจอในความฝันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าอชิรวิทย์  เขา(มัน!)สูงมากถ้าจะเทียบกับเด็กชายที่สูงแค่ร้อยห้าสิบเศษๆเท่านั้น  ผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตาคู่คมกริบเบื้องหลังแว่น  รวมแล้วเขา(ก็บอกว่ามัน!)ก็เป็นคนหน้าตาดีมากทีเดียว  แต่เด็กชายไม่อาจมองให้หล่อไปกว่าไส้เดือนได้หรอก!

                    ในมือของมันถือปืนกระบอกหนึ่งหันปลายกระบอกปืนมาตรงตำแหน่งหัวใจของเด็กชาย  แถมยังมีซองมีดสีน้ำตาลเหน็บอยู่บริเวณเอวอย่างที่รู้ว่าถ้าปืนพลาดมันจะต้องใช้มีด

                    ฉันให้เวลาคิดสิบวินาที  จะอยู่กับเราหรือตายไปพร้อมๆกับพวกมันเสียงเย็นเยียบเอ่ยจากปากของคนชุดดำที่เด็กชายนึกอยากจะเอารองเท้าปาหัวมันเหมือนกับลำโพงบ้านั่น  แต่ทำไม่ได้!

                    10...9...8...7

                    เฮ้ย!  อะไรวะ

                    ปังงงง  ปังงงง  เสียงปืนดังขึ้น  แต่มันไม่ใชของชายชุดดำ  ของใครกันแน่

                    ชายชุดดำอีกคน  ไม่สิ  ชายคนนี้สวมชุดขาวสะอาดตา  ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต  กางเกงขายาวหรือรองเท้าก็ตาม  แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากชายชุดดำที่จะยิงอชิรวิทย์เลย  ไม่ว่าจะเป็นความสูง  ดวงหน้าเย็นเยียบหรือแว่นตา  มือซ้ายของเขามีปืนกระบอกหนึ่งที่ยังคงมีควันลอยกรุ่นอยู่  แถมเด็กชายยังเห็นเลือดสดๆทะลักออกมาจากบาดแผลที่ข้อเท้าของชายชุดดำ

                    แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกับมัน  อาจจะมาช่วยเราก็ได้

                    นายมาที่นี่ทำไม  เดี๋ยวนี้ตกต่ำขนาดต้องมารับคนที่เหลือจากพวกฉันหรือไงชายชุดดำพูดเยาะๆ

                    ใครเป็นคนของนายมิทราบ

                    ชายชุดดำแค่ยิ้มๆเหมือนไม่ใส่ใจ  พลางกดห้ามเลือดอย่างชำนาญทำไมคนถึงต้องการตัวเจ้าเด็กนี่กันมากมาย  ถึงสมองจะฉลาดก็เถอะนะ  แต่ฝีมือไม่ได้เรื่องชายชุดดำเอ่ยพาดพิงถึงอชิรวิทย์  ดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับอีกฝ่ายดี

                    อย่างนายก็ได้แค่รับคำสั่งเขามา  เลยมองไม่เห็นเองเสียล่ะมากกว่า

                    ชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันราวกับจะกินเลือดเนื้อ  ชายชุดดำยิ้มออกมากอย่างคล้ายกับปลง  ฝ่ายชายชุดขาวดึงกระสุนสำรองมาไว้ในกระเป๋าเสื้อ  และหยิบหลอดทดลองอีกสารพัดสีมาไว้ในมือข้างขวา

                    ถ้านายอยากจะรู้นักล่ะก็...ชายชุดขาวพูดช้าๆพลางหยิบหลอดยาสีขาวออกมา  ปลายหลอดมีรอยบิ่นเล็กน้อย  หัวใจของเด็กชายหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  นั่นมัน  ยานอนหลับ  แล้วหลอดนั้นก็เป็นยาที่เขาทำตกแตกเมื่อวาน  หลอดยาทุกหลอดของเขาจะมีตำหนิอยู่  และนั่นเป็นยาของเขาแน่นอน

                    ชายชุดขาวเทหลอดยานั้นเคลือบกระสุนปืนในกระบอก  อชิรวิทย์คาดว่าเขาคงอยากจะให้อีกฝ่ายสลบ  แต่ไม่  ปลายกระบอกปืนหันมาทางเด็กชายพร้อมกับลั่นไกทันที!

                    ปังงงง!  เสียงปืนดังลั่น  เด็กชายตกใจแทบสิ้นสติ  เพราะยาขวดนั้นของเขามัน....

     

     

                    อชิรวิทย์เบิกตากว้างอย่างตกใจ  เขาอยู่ที่ไหนกันนี่  แสงสว่างจ้าแสบตาเสียจนเขาต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่แสงที่แยงตา  ที่นี่เหมือนกับห้องทดลองทั่วไปเพียงแต่ว่ามันใหญ่โตและหรูหรากว่า  มีสัตว์หน้าตาแปลกอยู่ในกรงและขู่คำรามใส่เขา  ด้านหนึ่งของห้องมีกระจกบานใหญ่พิเศษตั้งอยู่  มีชายร่างใหญ่ไว้ผมยาวยืนจ้องหน้าเด็กชายอยู่  ชายคนนั้นสวมชุดกาวน์สีขาวเหมือนหมอ  ในมือถือเข็มที่เตรียมจะฉีดสารสีขาวขุ่นไว้  อชิรวิทย์ทำท่าจะขยับถอยหนีแต่ปรากฏว่าเขาถูกมัดติดอยู่กับเตียง

                    นี่ฉันจะโดนอีกแล้วหรือนี่  วันนี้มันซวยอะไรกันนักหนาฟะ

                    ปลายเข็มฉีดยาจรดเข้ากับต้นแขนของเด็กชายที่กลั้นหายใจพร้อมกับหลับตาปี๋

                    ต้องไม่ใช่  ไม่ใช่ยานั่น  ไม่นะ!

                    ไม่!”เด็กชายร้องลั่นเมื่อรู้สึกตัวว่ายาได้เข้าไปในกล้ามเนื้อแล้ว

                    อชิรวิทย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนที่บ้าน  เมื่อครู่เป็นแค่ความฝันใช่ไหม  มันต้องเป็นแค่ความฝัน  ไม่มีวันเป็นจริงได้หรอก  เด็กชายเหลือบมองรอบๆห้องอย่างสบายใจ  เซนี่นั่งสางผมอยู่ปลายเตียงโดยมีเจ้าวิกเตอร์หมอบอยู่ที่พื้นข้างๆ  ถึงแม้มันไม่เคยได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาก็เถอะนะ  แต่จะทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน

                    ตื่นซะที  นึกว่าจะกลายเป็นลูกหมานิทราไปแล้วน้องสาวปากไม่ดีเอ่ยขึ้น  ทำให้อารมณ์ของพี่ชายชักคุกรุ่น

                    นี่!  เธอ!”อชิรวิทย์ตะคอกอย่างโมโหพลางจะลุกไปจัดการ  แต่ก็ต้องกุมแขนตัวเองไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด  เด็กชายรีบถลกแขนเสื้อขึ้นมาดูก็พบรอยแผล  และที่ขาก็มีแผลจริงๆ  แสดงว่าเรื่องที่เซนี่ถูกจับไปก็เป็นเรื่องจริง!

                    เจ็บแล้วยังไม่เจียมเซนี่ว่า  ทำให้อชิรวิทย์ต้องทำใจให้สงบ  นับเลขในใจเพื่อไม่ให้เต้นไปตามแผนยั่วโมโหของน้องสาว

                    พี่รู้ไหมว่าหลับไปกี่วัน  สามวันเต็มๆเชียวนะพี่  นี่ยังดีนะที่ฉันหลอกป้าว่าพี่ข้อเท้าพลิกจนบวมแดงขนาดหนัก  เอ...แต่จะเรียกหลอกก็ไม่ได้เพราะข้อเท้าพี่มันก็พลิกจริงๆน่ะแหละ  เพียงแต่ฉันไม่ได้บอกป้าว่าพี่ทำตัวเป็นพระเอกไปคอยเอาตัววิ่งรับลูกตะกั่ว

                    แล้วนี่เธอจะไม่รู้จักสำนึกบุญคุณบ้างหรือไง

                    สำนึกบุญคุณ  นี่ฉันก็สำนึกเต็มที่แล้วนะเนี่ย  อุตส่าห์นั่งเฝ้ามาตั้งแต่วันแรกที่สลบจนวันเนี้ย  แถมยังต้องคอยฉีดยาให้พี่อีก  ทำไมไม่มียาเม็ดก็ไม่รู้  อ้อ...แล้วบุญคุณของพี่นั่นน่ะ  จะรับไปคนเดียวมันก็ไม่ถูกหรอกนะ  เทียบกับท่านไม่ได้เลย  ฉันยังไม่เคยเห็นใครห่วงฉันขนาดนี้มาก่อนเลยแม้แต่พี่ก็เถอะเซนี่บ่น

                    หือ...แล้วท่านของเธอนี่ใครกันล่ะเด็กชายถามอย่างสงสัย

                    ความจำเสื่อมรึไง  ก็คนที่ช่วยพี่ออกมาจากไอ้บ้าโรคจิตนั่นมันใครกันล่ะ!”เซนี่ขึ้นเสียงอย่างชักโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

                    เธอหมายถึงผู้ชายคนที่สวมชุดขาวใช่ไหม  เอ่อ...ที่ยิงพี่น่ะนะ  แล้วยังมียาของพี่อีก  เขาเป็นใครหรออชิรวิทย์ถามอย่างพอจะเดาไอ้บ้าโรคจิตของเธอได้ว่าเป็นชายชุดดำคนนั้น  แต่ชายชุดขาวเอายาที่เขาผสมเองมาจากไหนกัน 

                    ก็เป็นคนที่ทั้งหล่อ  ทั้งเท่ห์  ฉลาด  เก่ง  ยิ่งกว่าพี่เป็นร้อยเท่าไง  คือเขาเป็น  เป็นพี่ชายของเพื่อนฉันเอง...

                    นี่เธอกำลังจะบอกฉันว่าพี่ชายของเพื่อนเธอพกปืนด้วยงั้นสิ  แล้วก็บุกเดี่ยวเข้ามาในไอ้องค์กรบ้านั่นเพื่อช่วยน้องสาวของเพื่อนเนี่ยนะ  เหตุผลขึ้นมากเลยเด็กชายประชดดังๆเธอมีความลับอะไร  คายออกมาให้หมด!”

                    พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ  เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน  ฉันจะบอกทุกอย่างถ้าหากพี่ทำตามอะไรก็ได้ที่ฉันขอเซนี่ยื่นข้อเสนอที่ทำเอาพี่ชายขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

                    แล้วถ้าเธอสั่งให้พี่ไปตายล่ะ

                    นี่  ฉันน่ะเป็นน้องพี่นะ  หัดให้ความไว้วางใจกันหน่อยสิ  ถ้าฉันคิดจะแกล้งพี่ก็แค่เอาไอ้ยาบ้าๆในห้องพี่มากรอกปากตอนที่พี่หลับอยู่ก็ตายแล้ว  ไม่ต้องมารอถึงป่านนี้  เอาเป็นว่าที่ฉันจะขอเนี่ยมันเกี่ยวกับคนที่เข้ามาช่วยชีวิตพวกเราวันนั้นและถ้าพี่อยากแก้แค้นไอ้บ้านั่นล่ะก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยแหละ  ว่าไง  ตกลงไหมเซนี่พูดยาวเหยียดอย่างที่พี่ชายเห็นแล้วเหนื่อยแทน

                    เอาก็ได้  อย่างที่เธอพูดน่ะแหละว่าแค่จับเอายาในห้องพี่มากรอกปากก็ตายแล้ว  เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าถ้าเธอขออะไรบ้าๆแล้วฉันจะไม่มีโอกาสแก้แค้นเธอเด็กชายพูดหลังจากไตร่ตรองมานานเล่ามา

                    ก็...ผู้ชายคนนั้น  เขาเป็นคนในองค์กรแห่งหนึ่งที่เรียกว่า  F.I.C.ชื่อจริงยาวขี้เกียจจำ  อ้อ...เขามีฉายาว่าซีล  ชื่อจริงไม่รู้  คือคนในองค์กรนี้ไม่เห็นจะค่อยเปิดเผยชื่อจริงกัน  มันไม่ค่อยจำเป็นอ่ะ  ซีลนี่ใช้ตัว z เป็นพยัญชนะต้นนะไม่ใช่sealที่แปลว่าแมวน้ำ

                    ซีลเป็นคนในระดับหัวหน้าเลยแหละ  นิสัยดี  หน้าตาก็ดี  สติปัญญาก็ดี  ดีกว่าใครบางคนแถวนี้เซนี่ไม่วายพูดพาดพิงถึงอชิรวิทย์ที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอยู่

                    แล้วไอ้คนที่มันหน้าเหมือนซีลล่ะ

                    ก็เขาเป็นแฝดกับซีลนี่นา  อยู่กันคนละองค์กร  มักจะทำอะไรขัดกันเสมอ  คือฉันเชื่อว่าลึกๆสองคนนั่นก็คงไม่อยากจะสู้กันหรอกนะ  แต่มันช่วยไม่ได้  คราวที่แล้วนะ  สู้กันเละทั้งคู่เลย  ฝีมือของสองคนนั่นก็พอๆกันเสียด้วยเซนี่ว่า  แต่อชิรวิทย์จับความผิดปกติได้บางอย่าง

                    เซนี่!  แล้วเธอไปรู้อะไรเค้ามาล่ะ  อย่าบอกนะว่า...อชิรวิทย์อ้าปากค้าง  แต่เขายังไม่ได้พูดอะไรน้องสาวตัวแสบก็เบิกตากว้างอย่างรู้ว่าเสียท่า  รีบถอยกรูดไปชิดประตูแล้วพูดตอบตะกุกตะกัก

                    คำตอบจะได้อีกสี่วัน  แล้วก็ที่ฉันขอคือให้พี่เข้าร่วมกับองค์กรของซีล  ไม่มีข้อโต้แย้ง  ไปแล้ว  ฝันดีนะพี่

                    แล้วเซนี่ก็เผ่นออกไปจากห้องก่อนที่รองเท้าแสดงความขอบคุณจากพี่ชายจะลอยมาถึงตัว     

     

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×