ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รากที่ยั่งลึก
       
        ภายในชั้นเรียนชั้น ม. 4  รากแก้วคือสาวแกร่งในหมู่เพื่อนนักเรียน เพราะการที่เธอชอบในสิ่งที่หญิงสาวหลายคนไม่เคยคิด
สนใจ และถนัดในด้านที่ต่างจากกลุ่มเพื่อนสาว เพื่อนๆ ต่างชื่นชมเธอในฐานะคนเก่งคนหนึ่งที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้ที่ด้อยกว่า แต่เพื่อนต่าง
เพศ กลับคิดว่าเธอคือ ทอมบอย ที่มีสาว ๆ รุมล้อม  ผมยาวดกดำไม่เคยถูกปล่อยสยายออกมานอกยางรัดผมเส้นเดียว ท่าทางปราดเปรียว
ว่องไว ซึ่งบางครั้งตกเป็นเป้าสายตาที่ชวนหัวของเพื่อนๆ  ความอ่อนโยนของเธอจะปรากฏขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ต้องการความช่วยเหลือ
            “รากแก้ว.. โจทย์ข้อนี้แป้งคิดไม่ออก คิดยังไงเหรอ” เพื่อนสาวถือสมุดข้ามห้องตรงมาหาเธอ
            “โจทย์แบบนี้ แป้งต้องใช้สูตรนี้นะจ้ะ”  “ อ๋อ.. อย่างนี้นี่เอง รากแก้วเก่งจัง ขอบใจนะ
”
            “ไม่เป็นไรจ้ะ ..นั่งข้างๆ ฉันก็ได้นะ เผื่อแป้งสงสัยอีกไง” 
            “นั่งได้เหรอ”
            “ได้สิ” รากแก้วขยับที่นั่งให้เพื่อน นักเรียนชายที่นั่งด้านหลังมองรากแก้วอย่างไม่ชอบใจ
            “นี่ยัยทอม  อย่าจีบผู้หญิงในเวลาเรียนสิ” รากแก้วหันไปค้อนอย่างนึกรำคาญ
            “ฉันสอนแป้ง ไม่ได้จีบ นายเลิกมั่วซะทีเหอะ” ชายหนุ่มหน้าตากวนอารมณ์จ้องมองรากแก้วที่อารมณ์ร้อนเมื่อถูกกล่าวหา
            “เธอ.. ก็เลิกก่อนสิ” รากแก้วมองเพื่อนชายที่ส่งสายตาอย่างมีนัย
            “เลิกอะไร.. พูดให้ดีๆ แป้งเป็นเพื่อนฉันนะ”
            “ฉันแค่จะ..” ทั้งสองกำลังเริ่มทะเลาะกันเช่นเคย 
            “โธ่ ปิ๊ก.. รากแก้ว..  หยุด ๆ  ทั้งสองคน แป้งแค่ให้รากแก้วสอนเลขเท่านั้นเอง” แป้งเข้าห้ามทั้งคู่  ปิ๊ก มองแป้งอย่างสงบลง
          “แต่คนอื่นที่ทำเป็นก็มีตั้งเยอะ ท๊อปก็เสร็จแล้ว ฉันเองก็ทำเป็น ทำไมต้องเป็น ยัยทอ.. เอ่อ รากแก้วด้วยล่ะ” รากแก้วมองปิ๊ก อย่าง
ครุ่นคิด ที่แสดงอาการหึงหวง เกินกว่าเพื่อนคนอื่น
          “นี่นายจะรังควาญฉัน  หรือว่านาย.. ชอบแป้งกันแน่” รากแก้วชี้หน้าปิ๊ก อย่างเหนือกว่า
          “ปิ๊กชอบ.. แป้ง”
          “นี่เธอ..” ปิ๊กพูดไม่ออก รากแก้วรู้สึกสะใจที่จับผิดคู่กัดได้  แป้งเก้อเขินจนต้องขอตัวกลับไปนั่งที่เดิม
          “ขอโทษนะ  แป้ง”  รากแก้วเพิ่งนึกขึ้นได้
          “ไม่เป็นไรจ้ะ”  แต่ดูแป้งเดินตัวลีบกลับไปอย่างน่าสงสาร  รากแก้วยังยิ้มเยาะให้แก่ ปิ๊ก ที่ก้มหน้างุด หลบสายตาเพื่อนในห้อง
ช่วงเย็นของทุกวัน รากแก้วมักแวะเวียนไปเยี่ยมเรือนกระจกของชมรมพฤกษา ซึ่งรากแก้วดำรงตำแหน่งรองประธานชมรม เพราะรุ่นพี่ ม. 6
ยังคงเป็นประธานอยู่ ต้นไม้ในเรือนกระจกส่วนมากเป็นไม้ประดับ ที่มีลำต้นสวยงามและบอบบาง ต้นไม้เกือบทุกต้นได้รับการดูแล และผ่าน
มือรากแก้วแทบทั้งสิ้น หลังจากไขกุญแจเข้าไปภายในเรือนกระจกที่บรรยากาศอบอุ่นกว่าข้างนอก กลิ่นฉุนของปุ๋ยในเรือนกระจกที่โรงเรียน
เบาบางกว่าที่บ้านเธอมาก รากแก้วเดินผ่านแปลงเพาะที่เป็นกระบะเรียงต่อกันห้าแถว เมล็ดเหล่านั้นยังไม่โผล่พ้นดิน และมีท่าทีว่าจะไม่ขึ้นได้
ง่ายๆ เธอจึงใช้ส้อมพรวนย้ำลงบริเวณนั้น ให้ดินนุ่มขึ้นสักหน่อย รุ่นน้อง ม.ต้น ความรับผิดชอบยังน้อยนัก แต่ต้นไม้ต้องการการดูแลเอาใจใส่
อย่างสม่ำเสมอ ไม่สมควรหาก ต้นไม้จะแคละแกลนเพราะขาดน้ำ หรือมีวัชพืชคอยแย่งชิงธาตุอาหารที่จำเป็นเสียหมด  รากแก้วเร่งรีบรดน้ำ
ต้นไม้ให้ครบ ก่อนจะลงบันทึกประจำวัน และใส่กุญแจประตูกระจกอย่างเรียบร้อย พ่อของเธอคงกำลังรอเธออยู่ที่ศาลาด้านหน้าโรงเรียน ทาง
เดินหลังโรงเรียนเงียบเหงาเมื่อเลยเวลาห้าโมงไปแล้ว รากแก้วเร่งฝีเท้าจนเดินผ่านพ้นถึงโรงยิมที่มีนักกีฬาฝึกซ้อมกันอย่างคึกคัก
            “รากแก้ว..  รอก่อนสิ”  เสียงหนึ่งดังมาจากในโรงยิมฯ ร่างสูงใหญ่ชุ่มเหงื่อวิ่งมายังเธอ
            “มีเรื่องอยากคุยด้วย  ..นิดหน่อย”  ปิ๊ก เพื่อนนักเรียนร่วมห้อง สวมชุดนักกีฬาหยุดยืนอยู่ ในระยะห่าง หนึ่งเมตร
          “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันดีกว่า ฉันกำลังรีบน่ะ”
          “แค่แป๊ปเดียว สองนาที”  ปิ๊กยื่นข้อเสนอ รั้งเธอด้วยคำพูดต่าง ๆ
            “นี่เลยไป หนึ่งนาทีไปแล้วนะ  นายจะพูดอะไรก็ว่ามาสิ” เพื่อนชายมองรากแก้ว อย่างพยายามหยั่งให้ถึงจิตใจเธอ
            “คือว่าเรื่อง เมื่อชั่วโมงคณิตฯ น่ะ..” 
          “..อ๋อเรื่องนั้น  เอาไว้พูดในห้องเถอะ นายต้องไปพูดกับแป้งเค้าถึงจะถูกนะ” 
          “ไม่ใช่  ฉันกำลังจะบอกเธอว่า เธอเข้าใจผิด  คือ.. ฉันไม่ได้ชอบแป้ง”
          “อื่ม.. แต่มันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันอยู่ดี  นายต้องไปบอกแป้งนะ” รากแก้วตั้งท่าจะเดินจากไป
          “ เกี่ยวสิ  ก็ฉันชอบเธอ”  หญิงสาวก้าวชะงัก ก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่หน้าแดงกร่ำเพราะความเขิน ก่อนจะเริ่มตั้งสติได้ และ
พูดซ้ำจุดประสงค์
          “ฉันชอบเธอ รากแก้ว” ท่าทีจริงจังที่ไม่น่าเป็นเพียงการพูดเล่น เพื่อหยอกล้อ เขาคงไม่ต้องการทำให้ตัวเองเสียฟอร์ม เพราะต้องการ
แกล้งเธอด้วยวิธีที่เกินความจำเป็นนี้เลย
          “เอ่อ แล้วเธอ ว่าไง”  ปิ๊กถามความคิดเห็น เมื่อหญิงสาวครุ่นคิดเนิ่นนาน
        “คือ  ฉัน... ฉัน..เอ่อ” คำพูดติดอ่าง ที่ไม่ใช่นิสัยของเธอ ยิ่งทำให้เขาขาดความมั่นใจ เก้อเขิน มากขึ้นไปอีก
        “ฉัน.. จะ กลับ กลับบ้าน แล้วล่ะ นายไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”
        “ปะเปล่า ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับเถอะ” รากแก้ววิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าเขาจะนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ให้คำ
ตอบเขา และวิ่งตามเธอมา ดึงมือเธอเอาไว้ และตะโกน คำรัก ที่เธอไม่ต้องการออกมาอีก เธอจึงไม่หันกลับไปข้างหลัง เพราะหากว่าเขายัง
ยืน มองเธออยู่ เธอคงสะดุดล้มเพราะฝุ่นละอองเป็นแน่
รถกระบะ สีกรมท่า บรรทุกต้นไม้อยู่เต็มกระบะ แล่นออกจากหน้าโรงเรียนเมื่อรากแก้วก้าวขึ้นไป
        “วันนี้ พ่อยังขนต้นไม้ไม่เสร็จ เดี๋ยวเราต้องไปส่งต้นไม้อีกเที่ยวหนึ่ง รากแก้วไม่รีบกลับบ้าน ใช่ไหม”
          “ค่ะ” นายวิทิตขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหญ่แถบชานเมือง ที่ ใช้บริการรับจัดสวนของเขา  รากแก้วนั่งเงียบจนกระทั่งรถกระบะ จอดลง
          “ไม่สบายหรือเปล่า ไม่ต้องลงมาช่วยพ่อก็ได้นะ เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”  “เปล่าค่ะ เดี๋ยวรากแก้วช่วยค่ะ” เธอรีบลงจากรถ และช่วยยก
ต้นไม้ลงที่ละกระถาง
          “รากแก้ว.. นั่นเธอหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดังมาจากทางเดินคอนกรีต พลอย เพื่อนร่วมห้องของเธอเข้ามาทักทาย
          “เธอเป็นลูกสาวคนจัดสวน มิน่าล่ะเธอถึงได้ชอบเรื่องต้นไม้นัก เราคุยกันได้ไหมคะคุณลุง” พลอยหันไปถาม นายวิทิต
          “ตามสบายเลยครับ  อีกสิบห้านาทีเราจะกลับนะ รากแก้ว” รากแก้วเดินตามแรงจูงของเพื่อนไปยังซุ้มดอกไม้ที่มีม้านั่งตั้งเรียงอยู่ ซึ่ง
ล้วนเป็นฝีมือของพ่อเธอ
          “เธอ  มันน่าเวทนาจริงๆ” พลอยกล่าว ด้วยสีหน้ารังเกียจมือที่เธอพึ่งสัมผัส รากแก้วมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ “เธอหมายความว่า
ไง ฉันน่าเวทนาตรงไหน”
          “ลูกคนสวน ที่ตากแดด พรวนดิน ถางหญ้า และเก็บขยะ ในบ้านของฉัน พ่อของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้บ้านฉันนะสิ”
พลอยกล่าวอย่างดูแคลน
          “เธอไม่ควรพูดจาอย่างนี้ พ่อของฉันเป็นนักจัดสวนอิสระ ไม่ใช่คนสวน หรือคนรับใช้ของใคร” รากแก้วพยายามสะกดอารมณ์
          “ถึงเธอจะพูดให้มันดูดีสักแค่ไหน แต่พ่อของเธอทำอย่างนั้นจริงๆ นี่นา เขายังเคยแบกกระสอบปุ๋ยหนักๆ และโปรยไปทั่วสนามหญ้า
กว้างของบ้านฉัน ทำอะไรที่พวกคนขายแรงงานเขาทำกัน” คำพูดเจ็บแสบ เสียดแทงใจ คำเหยียดหยามที่เธอเพิ่งเคยได้รับรู้ รากแก้วอยากจะ
ขุดหลุมที่ใหญ่เพียงพอสำหรับฝังผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็จะลงไปอยู่ในนั้นเสียเอง 
          “ฉันคิดว่า ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” คำพูดหนักๆ ที่คับปากพูดออกมายากเย็น ภายในกะโหลกเย็นชาราวกับมีน้ำแข็งอัดอยู่เต็ม พลอย
ทำหน้าบูดบึ้งใส่เธออีกครั้ง แต่รากแก้วคิดว่าเธอจะไม่มองหน้าพลอยอีกต่อไป
          “ฉันพูดขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ” รากแก้วพอจะเข้าใจว่า เธอได้เสียเพื่อนไปแล้วคนหนึ่ง เพื่อนร่วมห้องที่ครั้งหนึ่งเคย
กล่าวคำพูดอ่อนหวานอ้อนวอนให้เธอช่วยเหลือเรื่องการเรียน
          “เธอไม่คู่ควร ที่จะเป็นแฟนของปิ๊ก” รากแก้วหันกลับมาเผชิญใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยานั้น
          “ฉันไม่ได้เป็นแฟนของปิ๊ก หรือของใครทั้งนั้น” รากแก้วพูดหนักแน่น
          “ถึงเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เพื่อนในห้องต่างรู้ว่าปิ๊กแอบชื่นชมเธอ มีก็แต่เธอที่ไม่รู้ตัวสินะ  ก็ดูเธอตอนนี้สิ มือ เปื้อนขี้เถ้าแกลบ
จนดำ ถ้าเขาได้สัมผัสมือสากๆของเธอเขาก็คงเปลี่ยนความคิดใหม่หมด ” ความคิดหนึ่งที่แล่นผ่านเข้ามาในสมองเธอในตอนนี้คือ พลอยต้อง
ชอบปิ๊กอย่างแน่นอน
            “เธอคงยังไม่รู้ สินะว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ฉันพึ่งได้รับคำสารภาพ รัก จากปิ๊กมา และตอนนี้เขาเองก็คงกำลังคิดถึงฉันอยู่ว่า พรุ่งนี้
คำตอบจะเป็นอย่างไร  เธอไม่รู้เหรอว่าเขา แคร์ฉันมากแค่ไหน”รากแก้วไม่รู้ว่าเธอได้พร่ำอะไรออกไป แต่พลอยกำลังตีหน้ายักษ์ที่น่ากลัวที่
สุดใส่เธอ เธออาจกรีดร้องเป็นเสียงเหมือนแก้วที่ตกแตก หรือบึ่งเข้ามาข่วนหน้าเธอด้วยความเกลียดชัง อุ้มแจกันใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ทุ่มใส่
รากแก้วเมื่อเธอหันหลังเพื่อเดินจากไป แต่หากเป็นอย่างนั้นก็คงดีเสียกว่า ที่เธอต้องไปโรงเรียนในเช้าวันพรุ่งนี้  หรือบางทีเธออาจจะแกล้ง
ป่วย และนั่งปลูกต้นไม้เล่นอยู่ที่บ้านสักวันหนึ่งแต่หากทำอย่างนั้น เธอก็คงจะไปโรงเรียนไม่ได้ตลอดไปและกลายเป็น นักจัดสวน อย่างที่พ่อ
ของเธอเป็น
            “กลับกันเถอะ รากแก้ว” วิทิตเตรียมตัวขึ้นรถ เมื่อรากแก้วเดินออกมาจากซุ้มดอกไม้ ที่มีความมืดปกคลุมอยู่ เลยเวลา หกนาฬิกาไป
แล้วฟ้ากำลังมืดเพราะดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไป แต่รากแก้วกลับรู้สึกเหมือนเที่ยงคืน และเธอต้องการพักผ่อนที่สุด
ภายในรถที่แล่นฝ่าความมืดไปเรื่อย ๆ รากแก้วนิ่งเงียบอีกครั้ง เธอกำลังคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อครู่ ที่ทำให้สภาพจิตใจเธอ สะบักสะบอม
เหมือนโดนจู่โจมอย่างหนัก หนามแหลมหวดใส่อย่างไม่หยุดยั้ง หัวหมุนคว้างเหมือนมีลูกข่างบรรจุอยู่ คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ทำให้ใจคน
เจ็บปวดขนาดทานทนไม่ไหว ความอับอาย เกาะกินใจเธอ
            “พ่อคะ รากแก้วคิดว่า พ่อควรจะมีผู้ช่วยสักคนที่จะคอยช่วยพ่อ ขนของหรือพรวนดิน ใส่ปุ๋ย” วิทิตมอง ลูกสาวและยิ้มเช่นเคย
            “ไม่จำเป็นหรอกรากแก้ว พ่อสามารถทำทุกอย่างได้เองทั้งหมดเลยล่ะ และพ่อก็คิดว่า ที่พ่อทำทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง จะทำให้พ่อ
ใกล้ชิดกับตันไม้มากยิ่งขึ้น เข้าใจเค้ามากขึ้นไงล่ะ”
            “แต่พ่อก็ไม่ควรแบกกระสอบปุ๋ย หรือพรวนดิน เก็บขยะด้วยตัวเองนี่ค่ะ เหมือนเป็นคนสวน ที่ขายแรงงานมากกว่า ใช้สติปัญญา เสีย
อีก” รากแก้วสาดเทความเจ็บปวดจากใจออกไป
            “พ่อคิดว่า ลูกสาวของพ่อคงกำลังจะโตเป็น ผู้ใหญ่ ที่ไร้หัวใจอีกคนเหมือนยอดไม้ ที่หลงลืมสัมผัสอันบอบบางที่ต้นไม้หล่อหลอม
จิตใจดวงเล็กๆ ให้สวยงามขึ้น และตอนนี้มันพังทลายจนหมดสิ้น พ่อเสียใจ” นายวิทิตซ่อนใบหน้าเศร้าสร้อยนั้นไว้ หลังพวงมาลัย ขณะเลี้ยว
รถเข้าประตูรั้ว รากแก้วรู้สึกย่ำแย่ จนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ หญิงสาวกระแทกประตูรถเสียงดัง และวิ่งเข้าบ้านไป
ร่างบอบบางทอดอยู่บนเตียงขนาด ห้าฟุต แน่นิ่งราวกับไร้วิญญาณ ผ้าห่มหนาปิดเสียงสะอื้นเมื่อเธอซบหน้าแนบชิด ภายในซี่โครงซี่ที่ สอง
กำลังร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด ในช่องท้องเหมือนมีบอลลูกใหญ่อัดอยู่ จนเธออึดอัดกระวนกระวาย  ความรู้สึกเกลียดชังเข้าฟูมฟัก ในใจเธอ
อย่างไม่ทันตั้งตัว  เธอกำลังเกลียด ผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามากล่าวหาเธอ เกลียดผู้ชายสองคน ที่ทำให้เธอรู้สึกอับอาย และหาค่าไม่ได้ในตัว
เธอ  เสียงสะอื้นหยุดชะงักเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก ร่างหนึ่งเดินเข้ามา
              “แม่ให้ลงไปกินข้าว มัวแต่ทำอะไรอยู่..” ยอดไม้หยุดอยู่ที่ปลายเตียง ที่น้องสาวพยายามลุกขึ้นและปกปิดในหน้าเปื้อนน้ำตาของ
ตัวเอง
            “เค้า  กำลัง ลงไปอยู่แล้ว ละน่ะ” เสียงที่สั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้ ยอดไม้ยังคงยืนอยู่เพื่อสังเกตให้แน่ใจ
            “นี่เธอ  ร้องไห้เหรอ”
              “เปล่า ซักหน่อย ไม่ได้ร้อง” รากแก้วยืนยันด้วย น้ำเสียงอึดอัดเต็มที ไม่อยากทะเลาะกับยอดไม้ตอนนี้เลย เธอคงเถียงสู้เขาไม่
ได้  ยอดไม้ยังคงยืนอยู่อย่างครุ่นคิด เขากำลังสำรวจเธอเช่นเคย
            “ถ้างั้น  ก็รีบลงไปกินข้าว  เลิกทำให้คนอื่นเป็นห่วงสักที” ยอดไม้เดินจากไป รากแก้วประหลาดใจ ที่พี่ชายไม่มีท่าทีชวนทะเลาะ
เธอกลับรู้สึกอบอุ่นกับคำพูดของเขา มันทำให้เธออยากจะหาเวลาพูดคุย กับพี่ชายบ้างเพื่อปรึกษา ปัญหา ที่เธอกำลังประสบ เธออาจได้คำ
แนะนำที่ดีเกินความคาดหมาย ดังเช่นความรู้สึกที่เธอพึ่งได้รับ เมื่อครู่
        ภายในชั้นเรียนชั้น ม. 4  รากแก้วคือสาวแกร่งในหมู่เพื่อนนักเรียน เพราะการที่เธอชอบในสิ่งที่หญิงสาวหลายคนไม่เคยคิด
สนใจ และถนัดในด้านที่ต่างจากกลุ่มเพื่อนสาว เพื่อนๆ ต่างชื่นชมเธอในฐานะคนเก่งคนหนึ่งที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อผู้ที่ด้อยกว่า แต่เพื่อนต่าง
เพศ กลับคิดว่าเธอคือ ทอมบอย ที่มีสาว ๆ รุมล้อม  ผมยาวดกดำไม่เคยถูกปล่อยสยายออกมานอกยางรัดผมเส้นเดียว ท่าทางปราดเปรียว
ว่องไว ซึ่งบางครั้งตกเป็นเป้าสายตาที่ชวนหัวของเพื่อนๆ  ความอ่อนโยนของเธอจะปรากฏขึ้นเมื่อเพื่อนๆ ต้องการความช่วยเหลือ
            “รากแก้ว.. โจทย์ข้อนี้แป้งคิดไม่ออก คิดยังไงเหรอ” เพื่อนสาวถือสมุดข้ามห้องตรงมาหาเธอ
            “โจทย์แบบนี้ แป้งต้องใช้สูตรนี้นะจ้ะ”  “ อ๋อ.. อย่างนี้นี่เอง รากแก้วเก่งจัง ขอบใจนะ
”
            “ไม่เป็นไรจ้ะ ..นั่งข้างๆ ฉันก็ได้นะ เผื่อแป้งสงสัยอีกไง” 
            “นั่งได้เหรอ”
            “ได้สิ” รากแก้วขยับที่นั่งให้เพื่อน นักเรียนชายที่นั่งด้านหลังมองรากแก้วอย่างไม่ชอบใจ
            “นี่ยัยทอม  อย่าจีบผู้หญิงในเวลาเรียนสิ” รากแก้วหันไปค้อนอย่างนึกรำคาญ
            “ฉันสอนแป้ง ไม่ได้จีบ นายเลิกมั่วซะทีเหอะ” ชายหนุ่มหน้าตากวนอารมณ์จ้องมองรากแก้วที่อารมณ์ร้อนเมื่อถูกกล่าวหา
            “เธอ.. ก็เลิกก่อนสิ” รากแก้วมองเพื่อนชายที่ส่งสายตาอย่างมีนัย
            “เลิกอะไร.. พูดให้ดีๆ แป้งเป็นเพื่อนฉันนะ”
            “ฉันแค่จะ..” ทั้งสองกำลังเริ่มทะเลาะกันเช่นเคย 
            “โธ่ ปิ๊ก.. รากแก้ว..  หยุด ๆ  ทั้งสองคน แป้งแค่ให้รากแก้วสอนเลขเท่านั้นเอง” แป้งเข้าห้ามทั้งคู่  ปิ๊ก มองแป้งอย่างสงบลง
          “แต่คนอื่นที่ทำเป็นก็มีตั้งเยอะ ท๊อปก็เสร็จแล้ว ฉันเองก็ทำเป็น ทำไมต้องเป็น ยัยทอ.. เอ่อ รากแก้วด้วยล่ะ” รากแก้วมองปิ๊ก อย่าง
ครุ่นคิด ที่แสดงอาการหึงหวง เกินกว่าเพื่อนคนอื่น
          “นี่นายจะรังควาญฉัน  หรือว่านาย.. ชอบแป้งกันแน่” รากแก้วชี้หน้าปิ๊ก อย่างเหนือกว่า
          “ปิ๊กชอบ.. แป้ง”
          “นี่เธอ..” ปิ๊กพูดไม่ออก รากแก้วรู้สึกสะใจที่จับผิดคู่กัดได้  แป้งเก้อเขินจนต้องขอตัวกลับไปนั่งที่เดิม
          “ขอโทษนะ  แป้ง”  รากแก้วเพิ่งนึกขึ้นได้
          “ไม่เป็นไรจ้ะ”  แต่ดูแป้งเดินตัวลีบกลับไปอย่างน่าสงสาร  รากแก้วยังยิ้มเยาะให้แก่ ปิ๊ก ที่ก้มหน้างุด หลบสายตาเพื่อนในห้อง
ช่วงเย็นของทุกวัน รากแก้วมักแวะเวียนไปเยี่ยมเรือนกระจกของชมรมพฤกษา ซึ่งรากแก้วดำรงตำแหน่งรองประธานชมรม เพราะรุ่นพี่ ม. 6
ยังคงเป็นประธานอยู่ ต้นไม้ในเรือนกระจกส่วนมากเป็นไม้ประดับ ที่มีลำต้นสวยงามและบอบบาง ต้นไม้เกือบทุกต้นได้รับการดูแล และผ่าน
มือรากแก้วแทบทั้งสิ้น หลังจากไขกุญแจเข้าไปภายในเรือนกระจกที่บรรยากาศอบอุ่นกว่าข้างนอก กลิ่นฉุนของปุ๋ยในเรือนกระจกที่โรงเรียน
เบาบางกว่าที่บ้านเธอมาก รากแก้วเดินผ่านแปลงเพาะที่เป็นกระบะเรียงต่อกันห้าแถว เมล็ดเหล่านั้นยังไม่โผล่พ้นดิน และมีท่าทีว่าจะไม่ขึ้นได้
ง่ายๆ เธอจึงใช้ส้อมพรวนย้ำลงบริเวณนั้น ให้ดินนุ่มขึ้นสักหน่อย รุ่นน้อง ม.ต้น ความรับผิดชอบยังน้อยนัก แต่ต้นไม้ต้องการการดูแลเอาใจใส่
อย่างสม่ำเสมอ ไม่สมควรหาก ต้นไม้จะแคละแกลนเพราะขาดน้ำ หรือมีวัชพืชคอยแย่งชิงธาตุอาหารที่จำเป็นเสียหมด  รากแก้วเร่งรีบรดน้ำ
ต้นไม้ให้ครบ ก่อนจะลงบันทึกประจำวัน และใส่กุญแจประตูกระจกอย่างเรียบร้อย พ่อของเธอคงกำลังรอเธออยู่ที่ศาลาด้านหน้าโรงเรียน ทาง
เดินหลังโรงเรียนเงียบเหงาเมื่อเลยเวลาห้าโมงไปแล้ว รากแก้วเร่งฝีเท้าจนเดินผ่านพ้นถึงโรงยิมที่มีนักกีฬาฝึกซ้อมกันอย่างคึกคัก
            “รากแก้ว..  รอก่อนสิ”  เสียงหนึ่งดังมาจากในโรงยิมฯ ร่างสูงใหญ่ชุ่มเหงื่อวิ่งมายังเธอ
            “มีเรื่องอยากคุยด้วย  ..นิดหน่อย”  ปิ๊ก เพื่อนนักเรียนร่วมห้อง สวมชุดนักกีฬาหยุดยืนอยู่ ในระยะห่าง หนึ่งเมตร
          “เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันดีกว่า ฉันกำลังรีบน่ะ”
          “แค่แป๊ปเดียว สองนาที”  ปิ๊กยื่นข้อเสนอ รั้งเธอด้วยคำพูดต่าง ๆ
            “นี่เลยไป หนึ่งนาทีไปแล้วนะ  นายจะพูดอะไรก็ว่ามาสิ” เพื่อนชายมองรากแก้ว อย่างพยายามหยั่งให้ถึงจิตใจเธอ
            “คือว่าเรื่อง เมื่อชั่วโมงคณิตฯ น่ะ..” 
          “..อ๋อเรื่องนั้น  เอาไว้พูดในห้องเถอะ นายต้องไปพูดกับแป้งเค้าถึงจะถูกนะ” 
          “ไม่ใช่  ฉันกำลังจะบอกเธอว่า เธอเข้าใจผิด  คือ.. ฉันไม่ได้ชอบแป้ง”
          “อื่ม.. แต่มันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับฉันอยู่ดี  นายต้องไปบอกแป้งนะ” รากแก้วตั้งท่าจะเดินจากไป
          “ เกี่ยวสิ  ก็ฉันชอบเธอ”  หญิงสาวก้าวชะงัก ก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่หน้าแดงกร่ำเพราะความเขิน ก่อนจะเริ่มตั้งสติได้ และ
พูดซ้ำจุดประสงค์
          “ฉันชอบเธอ รากแก้ว” ท่าทีจริงจังที่ไม่น่าเป็นเพียงการพูดเล่น เพื่อหยอกล้อ เขาคงไม่ต้องการทำให้ตัวเองเสียฟอร์ม เพราะต้องการ
แกล้งเธอด้วยวิธีที่เกินความจำเป็นนี้เลย
          “เอ่อ แล้วเธอ ว่าไง”  ปิ๊กถามความคิดเห็น เมื่อหญิงสาวครุ่นคิดเนิ่นนาน
        “คือ  ฉัน... ฉัน..เอ่อ” คำพูดติดอ่าง ที่ไม่ใช่นิสัยของเธอ ยิ่งทำให้เขาขาดความมั่นใจ เก้อเขิน มากขึ้นไปอีก
        “ฉัน.. จะ กลับ กลับบ้าน แล้วล่ะ นายไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”
        “ปะเปล่า ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับเถอะ” รากแก้ววิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเร็วที่สุด ด้วยเกรงว่าเขาจะนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ให้คำ
ตอบเขา และวิ่งตามเธอมา ดึงมือเธอเอาไว้ และตะโกน คำรัก ที่เธอไม่ต้องการออกมาอีก เธอจึงไม่หันกลับไปข้างหลัง เพราะหากว่าเขายัง
ยืน มองเธออยู่ เธอคงสะดุดล้มเพราะฝุ่นละอองเป็นแน่
รถกระบะ สีกรมท่า บรรทุกต้นไม้อยู่เต็มกระบะ แล่นออกจากหน้าโรงเรียนเมื่อรากแก้วก้าวขึ้นไป
        “วันนี้ พ่อยังขนต้นไม้ไม่เสร็จ เดี๋ยวเราต้องไปส่งต้นไม้อีกเที่ยวหนึ่ง รากแก้วไม่รีบกลับบ้าน ใช่ไหม”
          “ค่ะ” นายวิทิตขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังใหญ่แถบชานเมือง ที่ ใช้บริการรับจัดสวนของเขา  รากแก้วนั่งเงียบจนกระทั่งรถกระบะ จอดลง
          “ไม่สบายหรือเปล่า ไม่ต้องลงมาช่วยพ่อก็ได้นะ เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”  “เปล่าค่ะ เดี๋ยวรากแก้วช่วยค่ะ” เธอรีบลงจากรถ และช่วยยก
ต้นไม้ลงที่ละกระถาง
          “รากแก้ว.. นั่นเธอหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดังมาจากทางเดินคอนกรีต พลอย เพื่อนร่วมห้องของเธอเข้ามาทักทาย
          “เธอเป็นลูกสาวคนจัดสวน มิน่าล่ะเธอถึงได้ชอบเรื่องต้นไม้นัก เราคุยกันได้ไหมคะคุณลุง” พลอยหันไปถาม นายวิทิต
          “ตามสบายเลยครับ  อีกสิบห้านาทีเราจะกลับนะ รากแก้ว” รากแก้วเดินตามแรงจูงของเพื่อนไปยังซุ้มดอกไม้ที่มีม้านั่งตั้งเรียงอยู่ ซึ่ง
ล้วนเป็นฝีมือของพ่อเธอ
          “เธอ  มันน่าเวทนาจริงๆ” พลอยกล่าว ด้วยสีหน้ารังเกียจมือที่เธอพึ่งสัมผัส รากแก้วมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ “เธอหมายความว่า
ไง ฉันน่าเวทนาตรงไหน”
          “ลูกคนสวน ที่ตากแดด พรวนดิน ถางหญ้า และเก็บขยะ ในบ้านของฉัน พ่อของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้บ้านฉันนะสิ”
พลอยกล่าวอย่างดูแคลน
          “เธอไม่ควรพูดจาอย่างนี้ พ่อของฉันเป็นนักจัดสวนอิสระ ไม่ใช่คนสวน หรือคนรับใช้ของใคร” รากแก้วพยายามสะกดอารมณ์
          “ถึงเธอจะพูดให้มันดูดีสักแค่ไหน แต่พ่อของเธอทำอย่างนั้นจริงๆ นี่นา เขายังเคยแบกกระสอบปุ๋ยหนักๆ และโปรยไปทั่วสนามหญ้า
กว้างของบ้านฉัน ทำอะไรที่พวกคนขายแรงงานเขาทำกัน” คำพูดเจ็บแสบ เสียดแทงใจ คำเหยียดหยามที่เธอเพิ่งเคยได้รับรู้ รากแก้วอยากจะ
ขุดหลุมที่ใหญ่เพียงพอสำหรับฝังผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็จะลงไปอยู่ในนั้นเสียเอง 
          “ฉันคิดว่า ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” คำพูดหนักๆ ที่คับปากพูดออกมายากเย็น ภายในกะโหลกเย็นชาราวกับมีน้ำแข็งอัดอยู่เต็ม พลอย
ทำหน้าบูดบึ้งใส่เธออีกครั้ง แต่รากแก้วคิดว่าเธอจะไม่มองหน้าพลอยอีกต่อไป
          “ฉันพูดขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ” รากแก้วพอจะเข้าใจว่า เธอได้เสียเพื่อนไปแล้วคนหนึ่ง เพื่อนร่วมห้องที่ครั้งหนึ่งเคย
กล่าวคำพูดอ่อนหวานอ้อนวอนให้เธอช่วยเหลือเรื่องการเรียน
          “เธอไม่คู่ควร ที่จะเป็นแฟนของปิ๊ก” รากแก้วหันกลับมาเผชิญใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยานั้น
          “ฉันไม่ได้เป็นแฟนของปิ๊ก หรือของใครทั้งนั้น” รากแก้วพูดหนักแน่น
          “ถึงเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เพื่อนในห้องต่างรู้ว่าปิ๊กแอบชื่นชมเธอ มีก็แต่เธอที่ไม่รู้ตัวสินะ  ก็ดูเธอตอนนี้สิ มือ เปื้อนขี้เถ้าแกลบ
จนดำ ถ้าเขาได้สัมผัสมือสากๆของเธอเขาก็คงเปลี่ยนความคิดใหม่หมด ” ความคิดหนึ่งที่แล่นผ่านเข้ามาในสมองเธอในตอนนี้คือ พลอยต้อง
ชอบปิ๊กอย่างแน่นอน
            “เธอคงยังไม่รู้ สินะว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ฉันพึ่งได้รับคำสารภาพ รัก จากปิ๊กมา และตอนนี้เขาเองก็คงกำลังคิดถึงฉันอยู่ว่า พรุ่งนี้
คำตอบจะเป็นอย่างไร  เธอไม่รู้เหรอว่าเขา แคร์ฉันมากแค่ไหน”รากแก้วไม่รู้ว่าเธอได้พร่ำอะไรออกไป แต่พลอยกำลังตีหน้ายักษ์ที่น่ากลัวที่
สุดใส่เธอ เธออาจกรีดร้องเป็นเสียงเหมือนแก้วที่ตกแตก หรือบึ่งเข้ามาข่วนหน้าเธอด้วยความเกลียดชัง อุ้มแจกันใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ทุ่มใส่
รากแก้วเมื่อเธอหันหลังเพื่อเดินจากไป แต่หากเป็นอย่างนั้นก็คงดีเสียกว่า ที่เธอต้องไปโรงเรียนในเช้าวันพรุ่งนี้  หรือบางทีเธออาจจะแกล้ง
ป่วย และนั่งปลูกต้นไม้เล่นอยู่ที่บ้านสักวันหนึ่งแต่หากทำอย่างนั้น เธอก็คงจะไปโรงเรียนไม่ได้ตลอดไปและกลายเป็น นักจัดสวน อย่างที่พ่อ
ของเธอเป็น
            “กลับกันเถอะ รากแก้ว” วิทิตเตรียมตัวขึ้นรถ เมื่อรากแก้วเดินออกมาจากซุ้มดอกไม้ ที่มีความมืดปกคลุมอยู่ เลยเวลา หกนาฬิกาไป
แล้วฟ้ากำลังมืดเพราะดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไป แต่รากแก้วกลับรู้สึกเหมือนเที่ยงคืน และเธอต้องการพักผ่อนที่สุด
ภายในรถที่แล่นฝ่าความมืดไปเรื่อย ๆ รากแก้วนิ่งเงียบอีกครั้ง เธอกำลังคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อครู่ ที่ทำให้สภาพจิตใจเธอ สะบักสะบอม
เหมือนโดนจู่โจมอย่างหนัก หนามแหลมหวดใส่อย่างไม่หยุดยั้ง หัวหมุนคว้างเหมือนมีลูกข่างบรรจุอยู่ คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ทำให้ใจคน
เจ็บปวดขนาดทานทนไม่ไหว ความอับอาย เกาะกินใจเธอ
            “พ่อคะ รากแก้วคิดว่า พ่อควรจะมีผู้ช่วยสักคนที่จะคอยช่วยพ่อ ขนของหรือพรวนดิน ใส่ปุ๋ย” วิทิตมอง ลูกสาวและยิ้มเช่นเคย
            “ไม่จำเป็นหรอกรากแก้ว พ่อสามารถทำทุกอย่างได้เองทั้งหมดเลยล่ะ และพ่อก็คิดว่า ที่พ่อทำทุกๆ อย่างด้วยตัวเอง จะทำให้พ่อ
ใกล้ชิดกับตันไม้มากยิ่งขึ้น เข้าใจเค้ามากขึ้นไงล่ะ”
            “แต่พ่อก็ไม่ควรแบกกระสอบปุ๋ย หรือพรวนดิน เก็บขยะด้วยตัวเองนี่ค่ะ เหมือนเป็นคนสวน ที่ขายแรงงานมากกว่า ใช้สติปัญญา เสีย
อีก” รากแก้วสาดเทความเจ็บปวดจากใจออกไป
            “พ่อคิดว่า ลูกสาวของพ่อคงกำลังจะโตเป็น ผู้ใหญ่ ที่ไร้หัวใจอีกคนเหมือนยอดไม้ ที่หลงลืมสัมผัสอันบอบบางที่ต้นไม้หล่อหลอม
จิตใจดวงเล็กๆ ให้สวยงามขึ้น และตอนนี้มันพังทลายจนหมดสิ้น พ่อเสียใจ” นายวิทิตซ่อนใบหน้าเศร้าสร้อยนั้นไว้ หลังพวงมาลัย ขณะเลี้ยว
รถเข้าประตูรั้ว รากแก้วรู้สึกย่ำแย่ จนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ หญิงสาวกระแทกประตูรถเสียงดัง และวิ่งเข้าบ้านไป
ร่างบอบบางทอดอยู่บนเตียงขนาด ห้าฟุต แน่นิ่งราวกับไร้วิญญาณ ผ้าห่มหนาปิดเสียงสะอื้นเมื่อเธอซบหน้าแนบชิด ภายในซี่โครงซี่ที่ สอง
กำลังร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด ในช่องท้องเหมือนมีบอลลูกใหญ่อัดอยู่ จนเธออึดอัดกระวนกระวาย  ความรู้สึกเกลียดชังเข้าฟูมฟัก ในใจเธอ
อย่างไม่ทันตั้งตัว  เธอกำลังเกลียด ผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามากล่าวหาเธอ เกลียดผู้ชายสองคน ที่ทำให้เธอรู้สึกอับอาย และหาค่าไม่ได้ในตัว
เธอ  เสียงสะอื้นหยุดชะงักเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก ร่างหนึ่งเดินเข้ามา
              “แม่ให้ลงไปกินข้าว มัวแต่ทำอะไรอยู่..” ยอดไม้หยุดอยู่ที่ปลายเตียง ที่น้องสาวพยายามลุกขึ้นและปกปิดในหน้าเปื้อนน้ำตาของ
ตัวเอง
            “เค้า  กำลัง ลงไปอยู่แล้ว ละน่ะ” เสียงที่สั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้ ยอดไม้ยังคงยืนอยู่เพื่อสังเกตให้แน่ใจ
            “นี่เธอ  ร้องไห้เหรอ”
              “เปล่า ซักหน่อย ไม่ได้ร้อง” รากแก้วยืนยันด้วย น้ำเสียงอึดอัดเต็มที ไม่อยากทะเลาะกับยอดไม้ตอนนี้เลย เธอคงเถียงสู้เขาไม่
ได้  ยอดไม้ยังคงยืนอยู่อย่างครุ่นคิด เขากำลังสำรวจเธอเช่นเคย
            “ถ้างั้น  ก็รีบลงไปกินข้าว  เลิกทำให้คนอื่นเป็นห่วงสักที” ยอดไม้เดินจากไป รากแก้วประหลาดใจ ที่พี่ชายไม่มีท่าทีชวนทะเลาะ
เธอกลับรู้สึกอบอุ่นกับคำพูดของเขา มันทำให้เธออยากจะหาเวลาพูดคุย กับพี่ชายบ้างเพื่อปรึกษา ปัญหา ที่เธอกำลังประสบ เธออาจได้คำ
แนะนำที่ดีเกินความคาดหมาย ดังเช่นความรู้สึกที่เธอพึ่งได้รับ เมื่อครู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น