ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ในความฝัน
                                                    “เจ้าต้องกลับมานะ... สัญญาสิ”
                                              “ข้าจะกลับมาท่านพี่........ถ้ามีโอกาสนั้น”
                                          “เจ้าต้องสัญญามาก่อน............”
   
              ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดของค่ำคืนหนาว ผ้าผืนหนาห่มทับอยู่กับอกอุ่น รากแก้วลุกจากที่นอนนุ่มของ
เธอ ใบหน้าฉงนสะท้อนอยู่บนกระจกเงาบานใหญ่เมื่อหญิงสาวเดินผ่าน ความฝันเมื่อครู่เป็นปริศนาอย่างประหลาด ความฝันที่เหมือนจริงเกิน
กว่าจะเป็นเพียงภาพจินตนาการของเธอ โคมไฟสีฟ้าส่องสว่างอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
            “ ฝันอะไรนะ...แล้วผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครกัน” รากแก้วนั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้ สัตว์เลี้ยงเล็กๆของเธอก้าวออกมาจากใต้โต๊ะ
เอียงคอจ้องมองนายหญิงด้วยท่าทีน่าเอ็นดู  จนเธอต้องอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน
            “ยังไม่เช้าเลยนะ แยมโรล”  ขนฟูสีขาวคลอเคลียอยู่กับลำคอ  รากแก้วอุ้มลูกแมวเดินหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่างที่ลมหนาวพัดผ่าน
เสียงกิ่งไม้เสียดสีเพิ่มความหนาวเหน็บให้แก่สายลมยิ่งขึ้น สวนยามค่ำคืนของบ้านเธอดูอึมครึม เมื่อเต็มไปด้วยแมกไม้ เสียงจักจั่นเงียบไป
จากสวนเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว พวกแมลงต่างหลบหนาวเช่นเดียวกับรากแก้วที่ชื่นชอบฤดูหนาวน้อยที่สุด เธอป่วยบ่อยกับอากาศที่เย็นยะเยือกนี้
ต้นไม้บางชนิดก็เกลียดลมหนาวที่แห้งแล้งเช่นกัน มันผลัดใบและทำให้ตัวเองดูเหมือนตาย เปลือกไม้ แข็งและเปราะเพราะสูญเสียความชุ่ม
ชื่นไป รากแก้วมองไปจนทั่วสวนและหยุดที่ซุ้มกล้วยไม้ เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ มีเงาตะคุ่มอยู่บริเวณนั้น
            “แยมโรล..นั่นมัน... ขโมยนี่ ขโมยขึ้นบ้านเรา” หญิงสาวทิ้งแมวน้อยไว้บนโต๊ะ รีบออกจากห้อง ระรัวเคาะประตูห้องตรงข้าม
            “ยอดไม้ ขโมยขึ้นบ้าน เปิดประตูออกมาเร็ว” 
            “พ่อ  แม่ ขโมยขึ้นบ้านเรา ตื่นเถอะค่ะ” รากแก้วเคาะประตูห้องถัดไป
          “อะไรเนี่ย รากแก้วฉันพึ่งนอนไปแค่สามชั่วโมงเองนะ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกุมศีรษะที่มีผมยุ่งเหยิง ลอดผ่านประตูห้องนอนออกมา
น้ำเสียงหงุดหงิดเต็มทีกับสภาพที่ดูไม่ได้ของตน
          “ก็ ขโมยขึ้นบ้านนะซิ”  รากแก้วกล่าว น้ำเเสียงร้อนร้น อรอินทุ์ในชุดนอนยาวออกมาจากอีกห้อง
          “มีอะไรหรือลูก ปลุกพี่เค้าแต่เช้ามืดเชียว”
          “ขโมยค่ะ รากแก้วเห็นขโมยอยู่ในสวน    พ่อล่ะคะ ปลุกพ่อให้มาจับขโมยซิคะแม่” รากแก้วลุกลี้ลุกลนยิ่งขึ้น
          “พ่อไม่อยู่หรอกจ้ะ พ่ออยู่ในสวนน่ะ” 
          “นี้เธอเห็นพ่อเป็นขโมยเหรอเนี่ย แม่ฮะ ผมท่องหนังสือถึงตีสองเพื่อจะสอบวันนี้ แต่ดูยัยนี่ไร้สาระแต่เช้าเลย ” ยอดไม้ส่ายหัว
          “อย่ามาว่าคนอื่นอย่างนี้นะ ก็ถ้าเป็นขโมยจริงๆล่ะ” หญิงสาวจ้องพี่ชายอย่างเอาผิด ไม่ชื่นชอบการพูดจาจัดจ้านของเขา
          “แล้วพ่อไปทำอะไรแต่เช้ามืด อย่างนี้ล่ะค่ะแม่”
          “ถามพ่อเค้าเองดีกว่าจ้ะ เดินมาโน้นแล้ว”  อรอินทุ์ชี้ไปชั้นล่างที่ประตูกระจกของห้องรับแขก วิทิตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบิกบาน และ
ยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องนอนของตน
          “พ่อ ..พ่อออกไปทำอะไรในสวนแต่เช้าคะ” วิทิตยังคงยิ้มกริ่ม รากแก้วรู้สึกว่าพ่อของเธอแทบจะไม่เคยทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบ
หน้า วิทิตเป็นผู้ชายอารมณ์ดี เป็นพ่อที่ใจดีซึ่งรากแก้วชอบที่สุด รากแก้วมักแปลกใจที่พี่ชายที่มีหน้าตาเหมือนพ่อ กลับเป็นคนอารมณ์เสีย
และขี้หงุดหงิด ยิ้มยาก และปากคอเลาะร้ายกับเธอได้มากมายขนาดนี้
          “พ่อก็.. ไปให้กำลังใจ ดอกตากวาง ช่อแรกนะสิ รากแก้ว ผลิดอกสีเหลืองในคืนเดือนมืด ชื่นใจจริงๆ กลิ่นหอมละมุนละไม  และยัง
เรืองแสงในที่มืดอีกด้วย ” 
          “ให้กำลังใจดอกไม้  ..โธ่พ่อ” ยอดไม้ส่ายหัว บ่นพึมพรำเดินลากเท้าเข้าห้องนอนของตนไป
          “มีดอกตากวางด้วยเหรอคะ พ่อ” 
          “ไม่มีหรอกลูก ถ้าพ่อไม่สังเคราะห์ขึ้นมา”
          “เอาอีกแล้ว พ่อเนี้ย แต่อยากดูบ้างจังค่ะ”
          “ไปดูที่ซุ้มกล้วยไม้ได้เลย แต่ห้ามแตะต้องเชียวนะเพราะดอกจะช้ำ มันเป็นต้นศึกษาของพ่อน่ะ ยังต้องสังเกตการเติบโต และสภาพ
แวดล้อมที่มันชอบ ...”
          “งั้นเหรอคะ รากแก้วจะไปดู แม่ก็คงอยากดูบ้างเดี๋ยวรากแก้วเด็ดมาให้นะ”
          “ไม่ได้.. รากแก้วอย่าแกล้งพ่อซิ มีต้นเดียวจริง ๆ” รากแก้วหัวเราะคิกคัก วิทิตเล่นหัวอย่างเอ็นดู รากแก้วชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ นายวิทิต
เพราะนอกจากจะได้สนิทสนมกับคนอารมณ์ดีแล้ว ยังได้พูดคุยเรื่องต้นไม้ที่หายากกับพ่ออีกด้วย งานประจำของนายวิทิตก็คือ การรับจัดสวน
ต่างๆ ทั้งในและนอกสถานที่
          บริเวณบ้านซึ่งมีพื้นที่มากพอสมควร จึงถูกจัดตกแต่งให้กลายเป็นสวนที่สวยงามแปลกตา สำหรับรากแก้วแล้วพ่อของเธอ คือ นัก
วิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะงานอดิเรกของเขาคือ การคิดค้นและผสมพันธุ์พืชต่างสายพันธุ์ พันธุ์ไม้ที่ประดับตกแต่งภายในสวนจึงเป็นต้นไม้ที่
ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เรือนกระจกเป็นที่ที่นายวิทิตใช้เวลาครึ่งค่อนวันขลุกอยู่เพื่อ สังเคราะห์ พันธุ์ดอกไม้
          รากแก้วมีหน้าที่ดูแลต้นไม้ที่กำลังเติบโต เธอจึงมีแปลงดอกไม้เล็กๆ จับจองมุมหนึ่งของเรือนกระจกด้วย รากแก้วรักและเฝ้าดูการ
เติบโตของพืช ตั้งแต่รากแทรกตัวออกจากเมล็ด จนกระทั่งทิ้งกลีบดอกและให้เมล็ดไว้ขยายพันธุ์ต่อไป
          ต้นไม้สอนเธอให้รู้ถึงความเป็นไปของโลก และสิ่งมีชีวิต ที่ต้องมีวันที่จะสลายทดแทนคุณต่อพื้นดิน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด สิ่งยึดเหนี่ยว
และอุ้มชู ทุกๆสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ รากแก้วรู้ว่าสักวันเธอเองก็ต้องเป็นดั่งต้นไม้  แต่ความชุ่มชื้นของสายน้ำยังคงหลั่งรินอยู่ในร่างกายเธอ
บรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวก็แสนปลอดโปร่ง อีกทั้งความรักที่เธอได้สัมผัสอยู่ทุกวันจากพ่อและแม่ เธอคือสมาชิกที่มีความสุขคนหนึ่งของ
โลก เธอจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป   
อาหารเช้าจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหาร  ภายในห้องครัวที่มีระเบียงทอดไปยังสวนกล้วยไม้สีสันสดใส รากแก้วนั่งอยู่ที่นั่งริมสุด ซึ่งเป็นที่นั่งประจำ
น้ำค้างยามเช้ากำลังละลายไปกับแสงแดดที่ฉายผ่านเข้ามาในสวน ต้นไม้หลายต้นหยุดหายใจ ขณะที่แดดอ่อน ๆ เลียไปตามใบสีเขียวของ
มัน ลมหนาวทำให้กิ่งก้านไหวเอน สมาชิกของบ้านที่ระเบียงไม้ก็รู้สึกถึงลมเย็นนั้นด้วย
            “อากาศแบบนี้ ดอกไม้มีหวังร่วงหมดแน่ๆ  รากแก้วว่า พ่อควรจะขนเข้าไปไว้ในเรือนกระจกนะค่ะ” 
            “ทำอย่างนั้นดอกไม้ก็ร่วงนะลูก ความแออัด ในเรือนกระจกพวกต้นไม้ก็ไม่ชอบหรอก ให้เค้าร่วงไปตามธรรมชาติ แล้วรอผลิดอก
ใหม่ในปลายฤดูหนาวดีกว่า เค้าจะปรับตัวได้เองนั่นแหละ” นายวิทิตจิบกาแฟอยู่ข้างๆ ลูกสาวคนโปรด  ยอดไม้นั่งตรงข้ามอยู่กับรากแก้ว
หนังสือเรียนเล่มหนาบดบังใบหน้าเขาจนมิด  เขานิ่งเงียบ และมีสมาธิเมื่อมีหนังสืออยู่ตรงหน้าเท่านั้น การวิวาทจะเกิดขึ้นเมื่อหนังสือถูกวางลง
และเขาเริ่มสำรวจความบกพร่องของน้องสาว รากแก้วคิดเสมอว่า  หนังสือเล่มใหญ่ ๆ สามารถปิดปากพี่ชายของเธอ หรืออุดไว้ไม่ให้เขาเริ่ม
ร่ายเทศนา อรอินทุ์นั่งลงข้าง ๆ ยอดไม้มองอักษรในหนังสือที่มีอยู่เต็มจนแทบล้นออกมาข้างนอก และมองข้าวต้มที่วางอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้ยุบลง
ซักเท่าไร เธอเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของลูกชายมาก เขาหมกมุ่นกับการเรียนมากเกินสมควร ถึงแม้มีรางวัลมากมายที่ติดสอยมากับความ
พากเพียรนั้น แต่เธอไม่ชอบสภาพที่ไร้ความเบิกบานของลูกคนนี้เสียเลย  การก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งที่ยอดไม้ไม่ชอบ เธอรู้ดี และ
พยายามแนะนำวิธีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพโดยสร้างครอบครัวที่น่ารักและสนุกสนานไว้รอบ ๆ ตัวเขา แต่ยอดไม้ไม่เคยก้าวออกจากโลก
ใบเก่าที่เต็มไปด้วยอุดมคติเลย
วิทิตขับรถเพื่อไปส่งลูก ๆ ทั้งสองของเขาด้วยตนเองทุกเช้า พร้อมกับกล่าวคำทักทายที่สดชื่นแก่พวกเขาทุกวัน 
            “สนุกกับการผจญภัยนะลูก ในป่าใหญ่นั้นมีอะไรที่ลูกยังไม่รู้อีกมากมาย และระวังสัตว์ร้ายด้วยล่ะ ลูกจะต้องหลีกให้พ้นจากกรงเล็บ
ของมัน” ยอดไม้ยกมือไหว้และเดินหายไปกับฝูงนักเรียนอย่างรวดเร็ว รากแก้วยังคงตอบพ่อเช่นทุกวัน
            “สนุกกับหญิงสาวแสนสวยนะคะพ่อ อย่าทำให้เธอเจ็บเชียว เพราะเธอเองก็มีเขี้ยวเล็บที่จะทำร้ายพ่อได้ อากาศหนาวๆ โดนหนาม
กุหลาบปักคงไม่สนุกแน่” วิทิตยิ้มให้รากแก้วอย่างเบิกบาน เขาทั้งรักและภูมิใจในตัวลูกสาว
                                              “ข้าจะกลับมาท่านพี่........ถ้ามีโอกาสนั้น”
                                          “เจ้าต้องสัญญามาก่อน............”
   
              ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลงอยู่ท่ามกลางความมืดของค่ำคืนหนาว ผ้าผืนหนาห่มทับอยู่กับอกอุ่น รากแก้วลุกจากที่นอนนุ่มของ
เธอ ใบหน้าฉงนสะท้อนอยู่บนกระจกเงาบานใหญ่เมื่อหญิงสาวเดินผ่าน ความฝันเมื่อครู่เป็นปริศนาอย่างประหลาด ความฝันที่เหมือนจริงเกิน
กว่าจะเป็นเพียงภาพจินตนาการของเธอ โคมไฟสีฟ้าส่องสว่างอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
            “ ฝันอะไรนะ...แล้วผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครกัน” รากแก้วนั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้ สัตว์เลี้ยงเล็กๆของเธอก้าวออกมาจากใต้โต๊ะ
เอียงคอจ้องมองนายหญิงด้วยท่าทีน่าเอ็นดู  จนเธอต้องอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน
            “ยังไม่เช้าเลยนะ แยมโรล”  ขนฟูสีขาวคลอเคลียอยู่กับลำคอ  รากแก้วอุ้มลูกแมวเดินหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่างที่ลมหนาวพัดผ่าน
เสียงกิ่งไม้เสียดสีเพิ่มความหนาวเหน็บให้แก่สายลมยิ่งขึ้น สวนยามค่ำคืนของบ้านเธอดูอึมครึม เมื่อเต็มไปด้วยแมกไม้ เสียงจักจั่นเงียบไป
จากสวนเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว พวกแมลงต่างหลบหนาวเช่นเดียวกับรากแก้วที่ชื่นชอบฤดูหนาวน้อยที่สุด เธอป่วยบ่อยกับอากาศที่เย็นยะเยือกนี้
ต้นไม้บางชนิดก็เกลียดลมหนาวที่แห้งแล้งเช่นกัน มันผลัดใบและทำให้ตัวเองดูเหมือนตาย เปลือกไม้ แข็งและเปราะเพราะสูญเสียความชุ่ม
ชื่นไป รากแก้วมองไปจนทั่วสวนและหยุดที่ซุ้มกล้วยไม้ เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ มีเงาตะคุ่มอยู่บริเวณนั้น
            “แยมโรล..นั่นมัน... ขโมยนี่ ขโมยขึ้นบ้านเรา” หญิงสาวทิ้งแมวน้อยไว้บนโต๊ะ รีบออกจากห้อง ระรัวเคาะประตูห้องตรงข้าม
            “ยอดไม้ ขโมยขึ้นบ้าน เปิดประตูออกมาเร็ว” 
            “พ่อ  แม่ ขโมยขึ้นบ้านเรา ตื่นเถอะค่ะ” รากแก้วเคาะประตูห้องถัดไป
          “อะไรเนี่ย รากแก้วฉันพึ่งนอนไปแค่สามชั่วโมงเองนะ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกุมศีรษะที่มีผมยุ่งเหยิง ลอดผ่านประตูห้องนอนออกมา
น้ำเสียงหงุดหงิดเต็มทีกับสภาพที่ดูไม่ได้ของตน
          “ก็ ขโมยขึ้นบ้านนะซิ”  รากแก้วกล่าว น้ำเเสียงร้อนร้น อรอินทุ์ในชุดนอนยาวออกมาจากอีกห้อง
          “มีอะไรหรือลูก ปลุกพี่เค้าแต่เช้ามืดเชียว”
          “ขโมยค่ะ รากแก้วเห็นขโมยอยู่ในสวน    พ่อล่ะคะ ปลุกพ่อให้มาจับขโมยซิคะแม่” รากแก้วลุกลี้ลุกลนยิ่งขึ้น
          “พ่อไม่อยู่หรอกจ้ะ พ่ออยู่ในสวนน่ะ” 
          “นี้เธอเห็นพ่อเป็นขโมยเหรอเนี่ย แม่ฮะ ผมท่องหนังสือถึงตีสองเพื่อจะสอบวันนี้ แต่ดูยัยนี่ไร้สาระแต่เช้าเลย ” ยอดไม้ส่ายหัว
          “อย่ามาว่าคนอื่นอย่างนี้นะ ก็ถ้าเป็นขโมยจริงๆล่ะ” หญิงสาวจ้องพี่ชายอย่างเอาผิด ไม่ชื่นชอบการพูดจาจัดจ้านของเขา
          “แล้วพ่อไปทำอะไรแต่เช้ามืด อย่างนี้ล่ะค่ะแม่”
          “ถามพ่อเค้าเองดีกว่าจ้ะ เดินมาโน้นแล้ว”  อรอินทุ์ชี้ไปชั้นล่างที่ประตูกระจกของห้องรับแขก วิทิตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบิกบาน และ
ยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องนอนของตน
          “พ่อ ..พ่อออกไปทำอะไรในสวนแต่เช้าคะ” วิทิตยังคงยิ้มกริ่ม รากแก้วรู้สึกว่าพ่อของเธอแทบจะไม่เคยทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบ
หน้า วิทิตเป็นผู้ชายอารมณ์ดี เป็นพ่อที่ใจดีซึ่งรากแก้วชอบที่สุด รากแก้วมักแปลกใจที่พี่ชายที่มีหน้าตาเหมือนพ่อ กลับเป็นคนอารมณ์เสีย
และขี้หงุดหงิด ยิ้มยาก และปากคอเลาะร้ายกับเธอได้มากมายขนาดนี้
          “พ่อก็.. ไปให้กำลังใจ ดอกตากวาง ช่อแรกนะสิ รากแก้ว ผลิดอกสีเหลืองในคืนเดือนมืด ชื่นใจจริงๆ กลิ่นหอมละมุนละไม  และยัง
เรืองแสงในที่มืดอีกด้วย ” 
          “ให้กำลังใจดอกไม้  ..โธ่พ่อ” ยอดไม้ส่ายหัว บ่นพึมพรำเดินลากเท้าเข้าห้องนอนของตนไป
          “มีดอกตากวางด้วยเหรอคะ พ่อ” 
          “ไม่มีหรอกลูก ถ้าพ่อไม่สังเคราะห์ขึ้นมา”
          “เอาอีกแล้ว พ่อเนี้ย แต่อยากดูบ้างจังค่ะ”
          “ไปดูที่ซุ้มกล้วยไม้ได้เลย แต่ห้ามแตะต้องเชียวนะเพราะดอกจะช้ำ มันเป็นต้นศึกษาของพ่อน่ะ ยังต้องสังเกตการเติบโต และสภาพ
แวดล้อมที่มันชอบ ...”
          “งั้นเหรอคะ รากแก้วจะไปดู แม่ก็คงอยากดูบ้างเดี๋ยวรากแก้วเด็ดมาให้นะ”
          “ไม่ได้.. รากแก้วอย่าแกล้งพ่อซิ มีต้นเดียวจริง ๆ” รากแก้วหัวเราะคิกคัก วิทิตเล่นหัวอย่างเอ็นดู รากแก้วชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ นายวิทิต
เพราะนอกจากจะได้สนิทสนมกับคนอารมณ์ดีแล้ว ยังได้พูดคุยเรื่องต้นไม้ที่หายากกับพ่ออีกด้วย งานประจำของนายวิทิตก็คือ การรับจัดสวน
ต่างๆ ทั้งในและนอกสถานที่
          บริเวณบ้านซึ่งมีพื้นที่มากพอสมควร จึงถูกจัดตกแต่งให้กลายเป็นสวนที่สวยงามแปลกตา สำหรับรากแก้วแล้วพ่อของเธอ คือ นัก
วิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะงานอดิเรกของเขาคือ การคิดค้นและผสมพันธุ์พืชต่างสายพันธุ์ พันธุ์ไม้ที่ประดับตกแต่งภายในสวนจึงเป็นต้นไม้ที่
ไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เรือนกระจกเป็นที่ที่นายวิทิตใช้เวลาครึ่งค่อนวันขลุกอยู่เพื่อ สังเคราะห์ พันธุ์ดอกไม้
          รากแก้วมีหน้าที่ดูแลต้นไม้ที่กำลังเติบโต เธอจึงมีแปลงดอกไม้เล็กๆ จับจองมุมหนึ่งของเรือนกระจกด้วย รากแก้วรักและเฝ้าดูการ
เติบโตของพืช ตั้งแต่รากแทรกตัวออกจากเมล็ด จนกระทั่งทิ้งกลีบดอกและให้เมล็ดไว้ขยายพันธุ์ต่อไป
          ต้นไม้สอนเธอให้รู้ถึงความเป็นไปของโลก และสิ่งมีชีวิต ที่ต้องมีวันที่จะสลายทดแทนคุณต่อพื้นดิน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด สิ่งยึดเหนี่ยว
และอุ้มชู ทุกๆสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ รากแก้วรู้ว่าสักวันเธอเองก็ต้องเป็นดั่งต้นไม้  แต่ความชุ่มชื้นของสายน้ำยังคงหลั่งรินอยู่ในร่างกายเธอ
บรรยากาศที่รายล้อมรอบตัวก็แสนปลอดโปร่ง อีกทั้งความรักที่เธอได้สัมผัสอยู่ทุกวันจากพ่อและแม่ เธอคือสมาชิกที่มีความสุขคนหนึ่งของ
โลก เธอจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป   
อาหารเช้าจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหาร  ภายในห้องครัวที่มีระเบียงทอดไปยังสวนกล้วยไม้สีสันสดใส รากแก้วนั่งอยู่ที่นั่งริมสุด ซึ่งเป็นที่นั่งประจำ
น้ำค้างยามเช้ากำลังละลายไปกับแสงแดดที่ฉายผ่านเข้ามาในสวน ต้นไม้หลายต้นหยุดหายใจ ขณะที่แดดอ่อน ๆ เลียไปตามใบสีเขียวของ
มัน ลมหนาวทำให้กิ่งก้านไหวเอน สมาชิกของบ้านที่ระเบียงไม้ก็รู้สึกถึงลมเย็นนั้นด้วย
            “อากาศแบบนี้ ดอกไม้มีหวังร่วงหมดแน่ๆ  รากแก้วว่า พ่อควรจะขนเข้าไปไว้ในเรือนกระจกนะค่ะ” 
            “ทำอย่างนั้นดอกไม้ก็ร่วงนะลูก ความแออัด ในเรือนกระจกพวกต้นไม้ก็ไม่ชอบหรอก ให้เค้าร่วงไปตามธรรมชาติ แล้วรอผลิดอก
ใหม่ในปลายฤดูหนาวดีกว่า เค้าจะปรับตัวได้เองนั่นแหละ” นายวิทิตจิบกาแฟอยู่ข้างๆ ลูกสาวคนโปรด  ยอดไม้นั่งตรงข้ามอยู่กับรากแก้ว
หนังสือเรียนเล่มหนาบดบังใบหน้าเขาจนมิด  เขานิ่งเงียบ และมีสมาธิเมื่อมีหนังสืออยู่ตรงหน้าเท่านั้น การวิวาทจะเกิดขึ้นเมื่อหนังสือถูกวางลง
และเขาเริ่มสำรวจความบกพร่องของน้องสาว รากแก้วคิดเสมอว่า  หนังสือเล่มใหญ่ ๆ สามารถปิดปากพี่ชายของเธอ หรืออุดไว้ไม่ให้เขาเริ่ม
ร่ายเทศนา อรอินทุ์นั่งลงข้าง ๆ ยอดไม้มองอักษรในหนังสือที่มีอยู่เต็มจนแทบล้นออกมาข้างนอก และมองข้าวต้มที่วางอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้ยุบลง
ซักเท่าไร เธอเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของลูกชายมาก เขาหมกมุ่นกับการเรียนมากเกินสมควร ถึงแม้มีรางวัลมากมายที่ติดสอยมากับความ
พากเพียรนั้น แต่เธอไม่ชอบสภาพที่ไร้ความเบิกบานของลูกคนนี้เสียเลย  การก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งที่ยอดไม้ไม่ชอบ เธอรู้ดี และ
พยายามแนะนำวิธีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพโดยสร้างครอบครัวที่น่ารักและสนุกสนานไว้รอบ ๆ ตัวเขา แต่ยอดไม้ไม่เคยก้าวออกจากโลก
ใบเก่าที่เต็มไปด้วยอุดมคติเลย
วิทิตขับรถเพื่อไปส่งลูก ๆ ทั้งสองของเขาด้วยตนเองทุกเช้า พร้อมกับกล่าวคำทักทายที่สดชื่นแก่พวกเขาทุกวัน 
            “สนุกกับการผจญภัยนะลูก ในป่าใหญ่นั้นมีอะไรที่ลูกยังไม่รู้อีกมากมาย และระวังสัตว์ร้ายด้วยล่ะ ลูกจะต้องหลีกให้พ้นจากกรงเล็บ
ของมัน” ยอดไม้ยกมือไหว้และเดินหายไปกับฝูงนักเรียนอย่างรวดเร็ว รากแก้วยังคงตอบพ่อเช่นทุกวัน
            “สนุกกับหญิงสาวแสนสวยนะคะพ่อ อย่าทำให้เธอเจ็บเชียว เพราะเธอเองก็มีเขี้ยวเล็บที่จะทำร้ายพ่อได้ อากาศหนาวๆ โดนหนาม
กุหลาบปักคงไม่สนุกแน่” วิทิตยิ้มให้รากแก้วอย่างเบิกบาน เขาทั้งรักและภูมิใจในตัวลูกสาว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น