คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่สี่[2/4]
ความตายกับจุดสิ้นสุดของการต่อสู้
มิติรอบๆที่แตกสลายออกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้สีทอง ท้องฟ้าสดใสเป็นสีฟ้าครามไร้เมฆหมอกตลอดกาล ดวงอาทิตย์เปล่งประกายเจิดจ้าหากแต่กลับไม่รู้สึกร้อนแม้แต่น้อย ลมที่พัดผ่านกายก็ช่วยให้ผ่อนคลายจนดูราวกับว่าที่แห่งนี้เป็นแดนสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
หากแต่..แต่ความจริงแล้ว โลกแห่งนี้เป็นเพียง
-จินตนาการ-
มันคือจินตนาการ…คือความฝันที่ทวยเทพสร้างขึ้นจากเสี้ยวหนึ่งของความเป็นจริงทั้งมวลบนโลกที่เราอาศัยอยู่ และเป็นโลกมิติที่แสดงถึงตัวตนของเทพเจ้าที่เผ่าพันธุ์อื่นไม่อาจเอื้อมถึง
กึ่งกลางของโลกอันสุกสกาวนั้น…มีเรือนรับรองเล็กๆสไตล์ตะวันตกตั้งอยู่ และกึ่งกลางของเรือนรับรอง มีโต๊ะกลมหนึ่งตัว และเกาอี้อีกสองตัวตั้งอยู่ บนโต๊ะกลมนั้นมีกาน้ำชาสีขาวและแก้วน้ำชาใบหนึ่งซึ่งมีชาเย็นชืดที่ดื่มเหลือค้างไว้ครึ่งแก้ววางอยู่
กริ๊ง
สิ้นเสียงกระพรวน ร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลทองก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ตามด้วยจักรพรรดิสวรรค์ในร่างฟรอสต์ซึ่งแย้มยิ้มงดงามบนใบหน้า…เป็นรอยยิ้มงดงามที่ช่างดูบริสุทธิ์และเปราะบางดั่งแก้ว หากแต่หากสังเกตดีๆแล้วจะพบความโหดร้ายของปีศาจแอบซ่อนอยู่ข้างใน
“ยินดีต้อนรับสู่โลกที่ข้าอาศัยอยู่”จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงคุยกันเสียก่อน
“ก็แล้วแต่ท่าน..”เด็กหนุ่มกล่าวแผ่วเบา อย่างไรเสียในเมื่อถูกเชิญมายังโลกของเทพเจ้าแล้วก็คงไม่อาจปฏิเสธผู้เป็นเจ้าของโลกแห่งนั้นได้ เปรียบเสมือนว่าจักรพรรดิสวรรค์นั้นเป็นราชาผู้มีสิทธิ์ขาดทุกสิ่งบนโลก ส่วนเขาเป็นเพียงคนต่างถิ่นที่หลงเข้ามาเท่านั้น
อำนาจและสิทธิ์ในสถานที่นี้..มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“คิกๆ…อย่าทำเหมือนเราเป็นพวกแล้งน้ำใจอย่างนั้นสิ! สำหรับเราที่กำลังเจ็บป่วยอยู่นั้นเจ้าถือเป็นคนแปลกหน้าคนแรกที่เราได้พูดคุยด้วยโดยตรงเชียวนะ แทนที่เจ้าจะรู้สึกลำบากใจหรือไม่ชอบ…จงภูมิใจเสียเถอะ”คำพูดที่ดูหยิ่งผยองนั้นทำให้มากพอที่จะทำให้คู่สนทนารู้สึกเกลียดชังหรือไม่พอใจได้ในคราเดียว หากแต่เด็กหนุ่มผู้เป็นอาคันตุกะกลับนั่งนิ่งราวกับเคยชิน
“อา..อะไรกัน ทั้งที่เด็กคนนั้นออกจะเกลียดแสนเกลียดคำพูดที่ดูเย่อหยิ่งแบบนี้แท้ๆ ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลยเล่า?”จักรพรรดิสวรรค์ทำหน้าราวเจอของเล่นที่ไม่ถูกใจ ใบหน้างดงามนั้นดูหมองลงเล็กน้อยจากความไม่พอใจของเจ้าตัว
“อา..ขออภัยด้วย บังเอิญว่านายท่านของข้าก็ชอบพูดคำทำนองนี้เหมือนกัน ข้าจึงชินชากับคำพูดแบบนี้น่ะ..ครับ”เด็กหนุ่มพูด ดูเหมือนสำหรับเขาแล้วการเรียกคนอื่นที่ไม่ใช่นายเหนือของตนด้วยคำพูดนอบน้อมจะดูฝืนเกินไปเสียหน่อย
“อา…งั้นหรือ? น่าเสียดายจริงที่เจ้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่เรามีสิทธิ์ก้าวก่าย…ทั้งที่ออกจะน่าสนใจแบบนี้แท้ๆ”ขณะที่กล่าวพูดอยู่นั้น ดวงตาสีบริสุทธิ์ก็ทอประกายแสนอ่อนโยน
ก่อนแววตานั้นจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความบ้าคลั่งในชั่วพริบตา!!
“มิเช่นนั้นเราคงนำเจ้ามาเป็นของเล่นฆ่าเวลาชั่วนิรันดร์ของเราแล้วแท้ๆ!!!”
เทพเจ้า…มิได้มีเมตตากรุณาเสมอไปเหมือนในเทพนิทาน
เทพเจ้า…มิได้บริสุทธิ์หมดจดเสมอไป
ตรงกันข้าม ในความเป็นจริงนั้น
เทพเจ้า…ช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มน้อมรับคำกล่าวนั้นเงียบๆ
“ขออภัยด้วย ท่านจักรพรรดิสวรรค์…ข้าคงไม่อาจทำตามคำของท่านได้…เวลาชั่วนิรันดร์ของข้า--- ได้มอบให้กับนายท่านไปแล้ว”เขากล่าวจากใจจริงอย่างนอบน้อม ก่อนเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวและใบหน้างามหมดจดนั้นจะเปลี่ยนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งให้กลับกลายเป็นใบหน้าอันแสนบริสุทธ์อีกครั้ง
“อา…รู้แล้วล่ะ แถมตัวข้าก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปทำลายสัญญาของเจ้ากับเขาเสียด้วย …เพราฉะนั้นจึงพูดว่าน่าเสียดายไงเล่า”กล่าวจบ จักรพรรดิสวรรค์ก็แย้มยิ้มงดงาม มือสีขาวโปร่งแสงนั้นเรียกดาบเรเปียร์เล่มหนึ่งขึ้นจากความว่างเปล่าแล้วชี้ไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้เป็นอาคันตุกะ
“แต่ถึงอย่างนั้น… ในโลกที่ไร้เวลาแห่งนี้เราก็สามารถเปลี่ยนเวลาที่เจ้ามอบให้เขาไปเป็นเวลาของเราได้…”รอยยิ้มงดงามที่ประดับบนใบหน้าแสยะกว้างขึ้น มันคือรอยยิ้มอันโหดร้ายของปีศาจในครอบเทพเจ้า “ช่วยให้เราหายเบื่อทีเถอะ!!!”
ก่อนจะเด็กหนุ่มจะทันโตต้ตอบสิ่งใดนั้น…ร่างของผู้มเยือนคนใหม่ก็ปรากฏขึ้นโดยปราศจากคำเชิญของเจ้าของโลกแห่งนี้
คนคนนั้นเป็นหญิงสาวผู้ดูราวกับภาพวาดในเทพนิทานเรื่องหนึ่งที่ไม่มีวันมีอยู่จริง
เรือนผมสีดำดกไร้ประกายยาวสยาย ใบหน้าคมเรียวงดงามเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากบางได้รูป ผิวสีขาวซีดเซียวราวหน้าดาษดาษที่ว่างเปล่าตัดกับดวงตาสีแดงทับทิมข้างขวาที่ไร้แววประกายราวตุ๊กตาและดวงตาสีม่วงอเมธิสต์ข้างซ้ายที่เปี่ยมไปด้วยประกายแววอันงดงาม เธออยู่ในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องของหญิงชาวตะวันตกสีดำที่ประดับลุกไม้งดงามสีขาวสวย แทบกล่าวได้ว่าทั้งร่างของเธอนอกเสียจากดวงตาทั้งสองแล้วก็แทบไม่มีสีสันใดเจือปนอยู่เลย
มองดูแล้ว…ราวกับเป็นภาพวาดในนิทานหรือตัวละครในจินตนาการอย่างไรอย่างนั้น
เธอดูงดงามเพียบพร้อม ให้อารมณ์ราวกับตุ๊กตาผู้บอบบางดั่งแก้ว และบางสิ่งบนตัวเธอนั้นราวกับจะบ่งบอกว่าเธอนั้น ‘ไม่มีอยู่จริง’
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ… ท่านลอร์ด”หญิงสาวนางนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกราวตุ๊กตา
“ไม่เป็นไร… มีอะไรงั้นหรอ? ยูฟอเรีย…”จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถามขณะที่ลดมือที่ถือเรเปียร์ลงจากลำคอขาวของอาคันตุกะ เบนดวงตาสีเพชรไปมองหญิงสาวผู้งดงามแทน
“ท่านเคย์ มาเยี่ยมท่านค่ะ”
“เข้าใจแล้ว…”
ดูเหมือนบุคคลที่ชื่อว่าเคย์จะเป็นคนสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยพลางสลายดาบเรเปียร์ไป ก่อนจะเบนหน้าไปหาเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลทองพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอโทษด้วยที่เมื่อครู่ข้ากระทำการเสียมารยาทต่ออาคันตุกะเช่นเจ้า… คิดเสียว่ามันเป็นการหยอกล้อจากข้าก็แล้วกันนะ?”ร่างส่วนหนึ่งของจักรพรรดิสลายเป็นอากาศธาตุ
“น่าเสียดายที่มีแขกคนสำคัญมาเยือน และเด็กคนนั้นก็คงไม่ยินดีให้ข้ายืมร่างนี้อีกง่ายๆ ฉะนั้นหากโชคดี…เราคงได้เจอกันอีกนะ เด็กน้อย”
ก่อนที่ร่างสีขาวจะหายไปนั้น เจ้าของร่างก็เบิกตากว้างขึ้นราวกับจะเพิ่งนึกถึงเรื่องบางอย่างได้
“อา…ลืมไปเลยว่าเด็กคนนั้นไหว้วานให้ข้าฆ่าเจ้านี่นา”
สิ้นคำ รอยยิ้มงดงามของจักรพรรดิสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเขาจะสลายกลายเป็นธุลีขาว และธนูยาวก็พุ่งออกมาจากความว่างเปล่า…แทงทะลุร่างของเด็กหนุ่มจนเขาล้มลงและแน่นิ่งไปในทันที…
หญิงสาวผู้งดงามและดูราวกับภาพวาดนั้นทำเพียงแต่มองร่างของเขาล้มลงด้วยสายตาเย็นชา
ความคิดเห็น