คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่สาม
ยักษาแห่งอาเพศ
สายลมที่โอบอุ้มโลกใบนี้ไว้…มีสักครั้งไหมที่จะกลับกลายเป็นความสุขของข้า?…
ดวงดาวที่ถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกสีทองอันงดงามระยิบระยับนี้ถูกถักทอขึ้นโดยความตั้งใจของเหล่าเทพเจ้าบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ราอูลผู้เปรียบเสมือนลมหายใจแห่งโลกได้ถือกำเนิดขึ้นและพัดผ่านทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ เขาคือเทพเจ้าผู้ปกครองสายลม มีชีวิตอย่างเสรีดุจสายลมที่พัดผ่าน ทว่าไม่อาจจับต้องได้และบอบบางราวกับจะเลือนหายไปทุกเมื่อ
และแล้ววันหนึ่ง…ราอูลจึงได้ลองสร้างชีวิตขึ้นมาเป็นครั้งแรก….
และแล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ถือกำเนิดขึ้นจากเจตจำนงอันบริสุทธิ์
“อย่ามาขวางข้า…”
เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลทองประกาศกร้าว หากแต่บลูเบลในร่างภูติกลับทำเพียงยิ้มออกมาบางๆ และส่งพลังให้มหาพฤกษาเติบโตงอกงามเสียยิ่งกว่าเดิม
ดอกผลแห่งมหาพฤกษาบาล์กผลิบานออกมาช้าๆ ภายในนั้นมีสิ่งที่รูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์เพศหญิง เพียงแต่มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งช่วงแขนและมีปีกใสๆสีฟ้าน้ำทะเลงอกออกมา ‘พวกนาง’มีผิวกายเป็นสีเนื้อซีดเซียวไร้เลือดฝาด ดวงตาสุกใสกลมโตสีฟ้าแดงประหลาด เพียงปีกโปร่งใสสีฟ้าน้ำทะเลขยับเพียงเล็กน้อย ร่างๆเล็กๆมากมายก็โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ข้างบนนั้น--- เหนือศีรษะของเด็กหนุ่มขึ้นไปมีหลุมสีดำไร้ก้นบึ้งปรากฏขึ้นมา…
ในพริบตานั้น ศรเพลิงมากมายก็ร่วงหล่นลงมาจากหลุมดำนั่นและเผาทำลายผลแห่งมหาพฤกษาทังหมดในคราเดียว!!!
บางส่วนของศรเพลิงร่วงหล่นลงไปยังเบื้องล่าง ส่งผลให้มหาพฤกษาขนาดยักษ์นั้นถูกแผดเผาไปเสียส่วนใหญ่
“หืม…เล่นด้วยยากจริงๆแฮะ ข้าเองก็ชักอยากสู้กับหมอนั่นเหมือนกัน…”ฟรอสต์พึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่แหงนมองยอดไม้ที่ถูกเพลิงกาฬแผดเผาจนมอดไหม้ไม่เหลือแม้แต่ธุลีผง
“คงต้อง…รบกวนเจ้าแล้ว.. ไวท์…”
เคยเห็น…ดวงอาทิตย์ยามราตรีหรือไม่?
เด็กหนุ่มมีดวงตาสีเหลืองทองเปล่งประกายแวววาแม้ในยามราตรีโดยมิได้ต้องแสง มีเรือนผมเหลืองทองตรงยาวตรงงดงามเปล่งประกายแวววาว เขาสวมชุดกิโมโนแขนยาวทิ้งตัวลงมาจากอาคารสูงโดยมีฉากหลังเป็นดวงจันทร์กลมโต มองผ่านๆแล้วดูราวกับจะเป็นภาพของผีเสื้อสีขาวตัวใหญ่ที่เริงละเล่นท่ามกลางจันทราอันงดงาม
เขายกดาบญี่ปุ่นยาวซึ่งมีเพลิงลุกท่วมขึ้นเหนือหัว และฟันมันออกไปกลางอากาศ
พรึ่บ!!
เสียงราวกับม่านถูกแหวกออกดังขึ้นแผ่วเบาเงียบเชียบจนแทบกลืนหายไปกับยามราตรีร้างผู้คน ก่อนเปลวเพลิงรูปวงกลมจะปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าเด็กหนุ่มช้าๆ
เขาจ้องมองสิ่งนั้นไม่กระพริบ ไม่นานจึงเผยรอยยิ้มงดงามอ่อนโยนออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะพาร่างอันงดงามของตนทิ้งตวลงไปในห่วงเพลิงสีเหลืองส้มร้อนระอุนั้น
กริ๊ง
ก่อนที่ร่างบอบบางงดงามราวสายน้ำจะแตะต้องกับเพลิงโลกันต์ เจ้าของร่างกลับพลันสลายกลับกลายเป็นผีเสื้อไฟนับไม่ถ้วนโบยบินขึ้นสู่ผืนนภาสีดำมืด สู่ดวงจันทร์กลมโตสีขาวปลอดเบื้องบน
ในพริบตาสีผีเสื้อตัวสุดท้ายโบยบินหายลับไปนั้น…วงแหวนเพลิงก็พลันส่องแสงเจิดจรัสราวกับดวงตะวันออกมา---
ชำระล้างทุกสิ่งจนพิสุทธิ์อีกครา---
เจ้ายักษาตัวน้อยแห่งอาเพศเอ๋ย…
ตัวเจ้านั้นต้องการสิ่งใดกัน เหตุใดจึงต้องร่ำไห้เรื่อยมา…
เป็นเพราะว่า…ไม่อาจลืมเลือนดวงตาคู่นั้นได้งั้นหรือ?
ดวงตาคู่นั้นเป็นเหมือนกับเปลวเพลิงที่กลืนกินแผดเผาทุกสิ่งไปในพริบตา
สิ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอดีตแสนลางเลือนคือดวงตาคู่สวยงดงามหมดจดที่เหลือบมองเขาเพียงครู่หนึ่งในค่ำคืนแห่งฝันร้าย แม้ความทรงจำทั้งหมดจะถูกลบไปเสียสิ้นแล้วก็ไม่อาจลืมเลือนไปได้
ใช่แล้ว…ดวงตนคู่นั้นเหมือนกับ---
“อัศวินแห่งเปลวเพลิงเอ๋ย… นี่คือเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเจ้า”
เมือ่ไม่นานมานี้มีเหตุบางอย่างทำให้เพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวของเขาหรือจะพูดง่ายๆก็คือคู่หูต้องด่วนจากไปกะทันหัน ทางโบสถ์จึงหาเพื่อนร่วมงานคนใหม่มาให้..ก็รู้อยู่หรอก แต่ว่าจะหาได้เร็วเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?
ปกติแล้วใครที่ได้ยินชื่อเขาก็มักเกิดความรู้สึกสามอย่าง หนึ่งคือขยาด ของคือกลัว สามคือรังเกียจ…
เพราะงั้นทางโบสถ์ไม่น่าจะหาคนใหม่มาได้เร็วขนาดนี้นี่นา?
เอ…หรือว่าคราวนี้ไปหลอกต้มชาวบ้านธรรมดามาหว่า?
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ร่างของเพื่อนร่วมงานคนใหม่ก็ถูก ‘พา’ออกมา
อันที่จริงเรียกว่าพาออกมาไม่ได้หรอก…เรียกว่าลากออกมาจะดีกว่า
“มะ ม่ายยย!! ไม่เอา ข้าไม่อยากด่วนตายถึงขนาดมาทำงานกับเจ้าตัวอาเพศนี่หรอกนะ ปล่อยข้าไปเถอะ!!!”เสียงร้องโหยหวนปานใจจะขาดคือเสียงแรกของ‘ว่าที่’คู่หูคนใหม่ แถมยังเอ่ยถึงเขาเสียเต็มๆอีกด้วย
อ่า…เรียกว่าเป็นความประทับใจแรกพบได้หรือเปล่านะ?
เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำ ดวงตาสีดำสนิทเอียงคอคิดอย่างรู้สึกขำขัน เขารู้สึกชาชินกับเหตุเช่นนี้เพราะมันมิได้เกินเป็นคราแรก…พูดให้ถูกก็คือในบรรดาคนแทบทุกคนที่มาเป็นคู่หูของเขา---คนคนนี้ดูออกอาการโหนหวนน้อยที่สุดแล้วก็ว่าได้
“เงียบเสีย! ในมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เจ้ายังกล้าส่งเสียงโวยวายอีกหรือ? เหตุใดจึงไม่รู้จักละอายต่อพระเจ้าบ้างเล่า!?”บางครั้งโซเลย์ก็รู้สึกอยากคารวะท่านนักบวชผู้นี้กสักครั้งในฐานที่พูดภาษาได้โบราณเยิ่นเย้อเสียเหลือเกิน แถมยังมิวายตบท้ายด้วยการกล่าวอ้างถึงพระเจ้าอีกด้วย
หากแปลคำพูดของท่านนักบวชอาวุโสตรงๆล่ะก็…
“หุบปาก! นี่แกจะส่งเสียงดังทำบ้าอะไรหา!? ไม่อายชาวบ้านเขาบ้างหรือไง!!”
…คงราวๆนี้ล่ะ
ว่าที่คู่หูคนใหม่ของเขาปิดปากเงียบทันที ไม่รู้ว่าเพราะตีความตามคำพูดของท่านนักบวชไม่ทันหรือว่าตกใจกลัวจนเงียบไปเองกันแน่
“แนะนำตัวเสียสิ!”
“..ขะ ข้าชื่อ…ทอเรส.. ทอเรส นาร์ล”อัศวินว่าที่คู่หูของเขาเอ่ยแผ่วเบาอย่างกระอักกระอ่วน ดวงตาสีเขียวมรกตมีน้ำใสๆคลออยู่เล็กน้อย เส้นผมสีน้ำตาลยาวถักเป็นเปียถูกเจ้าตัวขยำจนแทบไม่อยู่ในสภาพเดิม
“ข้า โซเลย์…ไม่มีนามสกุลน่ะ ยินดีทีได้รู้จักนะ!!!”เด็กหนุ่มยิ้มอย่างไร้พิษสง บริสุทธิ์สะอาดราวไม่เคยแปดเปื้อนทั้งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวอาเพศเสียบ้างล่ะ เป็นมารร้ายเสียบ้างล่ะ รอยยิ้มที่สดใสจนเกินไปนั้นเปลี่ยนแปลงทัศนคติของทอเรสที่มีต่อโซเลย์ไปเล็กน้อย…เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในตอนนั้น…ในหูพลันได้ยินเสียงประหลาดดังก้องขึ้น เสียงนั้นดังไปทั่ว ทั้งยังก้องกังวานใสราวกับเสียงของระฆังแก้วกระทบกัน
กริ๊ง
จำได้ว่าเสียงนั้นดังกังวานราวกับเสียงของกระพรวนที่ทำด้วยอัญมณีบริสุทธิ์บนสรวงสวรรค์
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือร่างในชุดขาวของเด็กคนหนึ่ง…
ใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยผ้าพันแผลสีขาวจนแทบมองไม่เห็นผิวสีขาวปลอดภายใต้เนื้อผ้านั้น ร่างกายตั้งแต่ช่วงคอลงมาก็ถูกผ้าพันแผลพันทับอยู่เสียหลายส่วน ทั้งที่ไม่มีบาดแผลภายนอกหรือเลือดออกสักนิดเดียว เด็กชายสวมเสื้อสีขาวปลอดยาวยวงราวกับเสื้อของนักบวช ในมือซ้ายที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลรุงรังนั้นถือเอาคทาด้ามทองยาวเกินตัวเขาถึงครึ่งหนึ่งเอาไว้ บนยอดคทาที่ดูเหมือนคทานักพรตของทางตะวันออกมีคริสตัลสีเหลืองส้มประดับอยู่
โซเลย์ไม่รู้จักเด็กคนนั้น…ทว่ารู้จักคทานั่น
คทานั้นคือหนึ่งในแปดสัญลักษณ์ของนักบุญศักดิ์สิทธิ์…
หมายความว่าเด็กตรงหน้าคือ ว่าที่นักบุญศักดิ์สิทธิ์
เจ้านายในอนาคตของเขา…
ถึงจะพูดว่าอนาคตก็เถอะ…แต่มันเร็วไปหรือเปล่า!?
โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่เดาใจยากเหมือนหญิงสาวเสียจริง โซเลย์คิดว่าเด็กที่เขาพบเมื่อวานจะเป็นเจ้านายในอนาคตของเขา…คิดเพียงแค่นั้น แต่ไม่เคยคิดว่าพอรุ่งขึ้นเด็กคนนั้นก็กลายมาเป็นเจ้านายของเขาแบบปัจจุบันทันด่วนเลยเนี่ยสิ!!!
คิดเช่นนั้นแล้วก็อยากลองพบหน้าเทพีเซราฟีห์ผู้ถักทอด้ายแห่งชะตากรรมสักครั้งแล้วถามจริงๆว่า “นี่ท่านเล่นอะไรกับโชคชะตาของข้าเนี่ย!!??”
เมื่อวานเพิ่งเจอหน้ากันไปหยกๆ(ถึงจะเห็นแค่ฝ่ายเดียวก็เถอะ) แต่วันนี้กลับกลายเป็นว่าต้องเจอกันอีกแถมยังต้องเจอกันไปอีกนาน!!!
“ฝากตัวด้วย…”เสียงไพเราะราวกับเครื่องดนตรีเงินหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากสีชมพูบางเป็นรูปกระจับน่าลิม้ลองนั้นช้าๆ ใบหน้าของเด็กชายยังคงเต็มไปด้วยผ้าพันแผล หากแต่ช่วงล่างตั้งแต่ปากลงมากลับถูกแกะผ้าพันแผลออก เผยให้เห็นผิวสีขาวเนียนเรียบขาวซีดเซียวราวกับไม่ต้องแสง
อืม…ดูจากโครงหน้าแล้วท่าทางจะหน้าตาดีใช่ย่อยแฮะ..ไม่ใช่สิ!!
โซเลย์สักบัดความคิดไร้สาระของตนทิ้งไปและหันกลับมาจ้องร่างเล็กตรงหน้าที่ส่งรอยยิ้มบางๆมาให้
“เอิ่ม…ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านนักบุญ…”
“เอาล่ะ ข้าจะนอนแล้ว…รบกวนลุกขึ้นมาจากเตียงด้วย”
…
รู้สึกว่าคิ้วกระตุกแปลกๆ
“เอ่อ ท่านครับ อันที่จริงท่านกลับไปนอนที่ห้องของท่านก็ได้นี่ครับ”โซเลย์พูดเสียงแผ่ว รู้ดีว่าตนค่อนข้างไม่มีมารยาทต่อเด็กชายมากนักแต่การที่อยู่ดีๆก็ถูกเด็กมาแย่งที่นอนกันหน้าตาเฉยนี่มัน…รู้สึกยอมไม่ได้ลึกๆ
“ไม่ล่ะ ข้ายอยากนอนห้องนี้… เอาเป็นว่าเจ้าก็ไปนอนห้องข้าแทนก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก?”
เกรงใจสิ!! เกรงใจสุดๆ ห้องท่านคนธรรมดาอย่างข้าเข้าไปนอนหน้าตาเฉยได้ที่ไหนกันเล่า!? มีหวังโดนท่านนักบวชบ่นชุดใหญ่แน่ๆ!!!
“ราตรีสวัสดิ์”
อ๊ากกกก!! เอาเตียงข้าคืนมานะเจ้าเด็กบ้า!!!
พรึ่บ!
ปีกสีขาวโปร่งแสงทั้งหกคู่ที่ดูราวกับปีกของเหล่าทวยเทพปรากฏเด่นชัดบนท้องฟ้าเหนือมหาพฤกษาแห่งบาล์ก โดยเจ้าของปีกสีขาวนั้นคือเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินซึ่งบัดนี้ยาวกว่าเดิมจนปลายของมันจรดข้อเท้าของเขา ร่างกายเปล่งแสงสีเงินเรืองรองออกมา ดวงตาสีเขียวสว่างคู่สวนนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเงินเปล่งประกายสุกสกาว
ภาพตรงหน้านั้นดูราวกับจะเป็นภาพของทูตสวรรค์หรือเทพเจ้าอย่างไรอย่างนั้น…หากแต่ว่า ภาพทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็น…เวทย์มนตร์
จะเรียกว่าเวทย์มนตร์เต็มปากเสียก็คงมิใช่ เพราะมันเป็นหนึ่งในรูปแบบพลังของพันธะสัญญาแห่งเดียธิกิส ‘การอวตาร’ การอวตารนั้นคือการหยิบยืมพลังของเทพเจ้าผู้ร่วมทำพันธะผ่านสื่อกลางบางอย่างโดยแลกกับพลังงานมหาศาล ดังนั้นร่างกายของผู้ทำพันธะประเภทนี้จึงต้องรับภาระหนักและทำให้อายุขัยสั้นกว่าปกติ
และนอกจากนี้การทำพันธะสัญญาเช่นนี้ยังมีข้อเสียร้ายแรงอยู่อีกข้อ จึงทำให้แม้การอวตารร่างเทพเจ้าจะมอบพลังที่ยิ่งใหญ่ให้แต่กลับถูกกำหนดเป็นศาสตร์ต้องห้ามไปในที่ที่สุด
กริ๊ง
เสียงกระพรวนดังแว่วแผ่วเบา ร่างสีขาวที่ราวกับจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อนั้นยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เด็กหนุ่มเคยมีมาก่อน หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้บรรยากาศรอบๆใสสะอาดขึ้นมาในพริบตา
ปีกขาวทั้งหกคู่คลี่ออก ร่างสีขาวและบรรยากาศแสนบริสุทธิ์
อา..ไม่ผิดแน่ นั่นคือรูปลักษณ์ของ ‘จักรพรรดิสวรรค์’ อย่างไรเล่า
“คิก… มาเล่นกันเถอะ”
รอยยิ้มที่เบ่งบานบนริมฝีปากนั้นคือรอยยิ้มอันงดงามของปีศาจที่แม้แต่หมู่มารยังต้องเบือนหน้าหนี
ในพริบตานั้น…ทุกสิ่งรอบกายของทั้งสองได้แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆราวกับเศษแก้ว
ความคิดเห็น