คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1st - Someone call the doctor
Dormitory
เมื่อผมอยู่หอ #ฟิคอซอยู่หอ
Introduction
SM High School
ณ หอพักชั้นสิบ ห้อง101
หนึ่งเดือนก่อนเปิดเทอมเป็นเวลาที่ทุกคนจะต้องย้ายข้าวของเข้าห้องใหม่ โดยวิธีจัดห้องให้นักเรียนแต่ล่ะคนนั้นก็เป็นวิธีที่เป็นสากลเอามากๆ นั่นก็คือการ... จับฉลาก และสุ่มมั่วๆ ไปตามความขี้เกียจคิดเยอะของผู้ดูแลหอ
กระเป๋าและสัมภาระถูกขนเข้ามาวางไว้ในห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางเอามากๆ นับตั้งแต่บริเวณทางเข้าที่มีตู้ใส่รองเท้าวางเรียงไว้ เดินเลยเข้าไปก็เป็นส่วนกลางของห้องที่เป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟาสีครีมตัวยาวๆ ตั้งไว้อยู่ตรงข้ามกับทีวีขนาดใหญ่ และมีโต๊ะสี่เหลี่ยมอันเล็กๆ วางคั่นไว้ ทางด้านขวาของห้องก็เป็นห้องครัวที่มีเคาน์เตอร์บาร์ และโต๊ะสำหรับกินข้าวถูกจัดวางไว้พื้นที่นอกห้องครัวใกล้ๆ กันกับเคาน์เตอร์บาร์
ส่วนฝั่งซ้ายของห้องก็เป็นประตูบานเลื่อนกระจกใสเปิดออกไปเป็นระเบียงที่มองเห็นวิวบริเวณหลังโรงเรียน ถัดไปจากบริเวณประตูบานเลื่อนก็เป็นประตูที่เปิดไปยังห้องนอนฝั่งล่ะสองห้อง โดยรวมแล้วหอพักที่นี่จัดได้ว่าดูสะดวกสบายเอามากๆ
บุคคลแรกเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบรรดาข้าวของเป็นกองที่ถูกขนมาวางไว้กลางห้อง เขากวาดสายตามองรอบห้องอย่างสำรวจ มันไม่ค่อยต่างจากห้องพักปีที่แล้วของเขาเท่าไร จะต่างก็แค่ตรงที่ว่ามันดูสะอาดกว่าก็เท่านั้นเอง
“ย่าห์ๆๆ!”
“อะไรของพี่อ่ะ เสียงดังทำไมเนี่ย!”
“แกมาเบียดฉันทำไมล่ะวะ ค่อยๆ เดินก็ได้เข้าห้องเหมือนกันเว้ย!”
“ก็ผมอยากเข้าก่อนนี่!”
เสียงดังเอะอะจากบริเวณหน้าห้องทำให้คนผมสีแดงที่มาถึงเป็นคนแรกต้องเดินออกไปดู ‘ปาร์คชานยอล’ หมุนตัวกลับไปที่บริเวณทางหน้าห้องก่อนจะพบกับต้นเหตุของเสียงดังที่กำลังยืนเบียดยืนดันกันอยู่ตรงประตูห้อง
“อะไรเนี่ย”
ชานยอลส่งเสียงออกมาทำให้ตัววุ่นวายสองคนหันมามอง แต่... ก็แค่นิดหน่อย แล้วก็หันกลับไปกัดกันเหมือนก่อนหน้านี้
ผู้ชายหัวสีดำสนิทที่มีดวงตาเล็กหยี ‘บยอนแบคฮยอน’ กับผู้ชายหัวสีเงินที่สูงกว่าเจ้าหัวดำอยู่มาก ‘หวงจื่อเทา’ และใช่ ตอนนี้พวกเขากำลังตีกันอยู่ เพียงแค่เรื่องที่ว่าใครจะเข้าห้องมาก่อน
“ย่าห์”
เสียงเรียบๆ ดังมาจากข้างหลังสองคนนี้ ซึ่ง... มองแทบไม่เห็นเจ้าของเสียงเลยจ้า เฮลโหล่วว อยู่ไหนครับ? เสียงที่ถูกเปล่งออกมาจากผู้ชายตัวเล็กในชุดสีดำทั้งตัว ตาโตๆ ของเขาที่ดูเหมือนจะเหลือกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเหลือกเข้าไปใหญ่เมื่อเขาเงยหน้าถลึงตาใส่คนสองคนที่ทำตัวเกะกะอยู่หน้าห้อง
คนวุ่นวายสองคนที่ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่เบียดกันอยู่ตรงประตูแล้วก็เสียงดังใส่กันไปมา กลับขยับหลีกทางให้ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่ามากเดินเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่วายหันกลับมาขู่แง่งๆ ใส่กันอีกรอบเมื่อคนตัวเล็กเดินพ้นไปแล้ว
‘โดคยองซู’ เดินเข้าห้องมาพร้อมกับกระเป๋าที่แทบจะใบใหญ่กว่าตัว เขาวางกระเป๋าไว้กลางห้องและตาโตๆ นั่นก็กวาดมองไปทั่วห้อง พลันเสียงวุ่นวายก็ดังขึ้นอีกระลอกทำให้เขาต้องละสายตากลับไปมอง
“ว้าวววว!! ห้องนี่สวยกว่าห้องเดิมอีก”
เสียงที่สูงราวกับจะทะลุกำแพงดังขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ปรากฏเข้ามาในห้อง มุมปากที่ยักขึ้นก็ยังคงเอาแต่พูดเสียงสูงไม่ยอมหยุด ‘คิมจงแด’ ที่มาของเสียงกังวานที่เอามาใช้อย่างผิดวิธีโดยการสร้างมลภาวะทางเสียง
“นายพูดเบาๆ หน่อยไม่ได้เหรอไง”
‘จางอี้ชิง’ เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ามึนตามสเต็ป เขายกมือขึ้นแคะขี้หูราวกับว่าเสียงของจงแดมันไปสร้างความปั่นป่วนให้กับรูหูของเขา
“ชีวิตฉันคือการทำหน้าที่เป็นเสียงนะ จะให้เงียบได้ยังไงล่ะ!”
จางอี้ชิงกลอกตาให้กับคำตอบของคนเสียงสูงตรงหน้า ถ้าเจ้านี่รู้จักใช้เสียงตัวเองให้ถูกวิธีโดยไม่ก่อความรำคาญให้คนอื่นเขาเป็นก็คงจะดีมาก แต่เสียงสูงๆ แหลมๆ ที่เอาแต่พูดไปมาไม่หยุด แถมยังไปชวนคนอื่นเขาคุยอีกจนระดับความวุ่นวายในเสียงเพิ่มขึ้นแบบตอนนี้นี่มันน่ารำคาญจริงๆ
“อย่างน้อยก็เบาเสียงลงหน่อยเถอะ”
อี้ชิงพูดอย่างปลงตก แล้วเขาก็เดินถือกระเป๋าเข้าห้องไปยังทางคยองซูที่ดูน่ารำคาญน้อยที่สุดในนี้ แต่ตาข้างขวาของเขาก็กระตุกอยู่เป็นระยะ ใจไม่ดีเลยครับ ขอเถอะ อย่าเอาพวกตัววุ่นวายมามากกว่านี้เลย แค่สี่คนตรงนี้ไม่นับรวมคยองซูนี่เขาก็มีเกณฑ์จะไมเกรนกินวันล่ะสามสิบสองรอบแล้ว
แต่... เขาคงทำบุญมาน้อยไป คำขอของเขาไม่เป็นผลเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
“เย้เฮท! โอโฮรัน!”
เสียงร้องอย่างดี๊ด๊าดังมาจากทางเข้า เด็กปีศาจเดินเข้ามาพร้อมกับคำประหลาดๆ ที่ต่อให้ขยี้ตายังไงเจ้าเด็กนี่ก็คงไม่หายไป เด็กปีศาจที่ร่างสูง(กว่าเขาเยอะ)ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนแป๊ะยิ้ม และออร่าแบบเด็กปีศาจก็วนเวียนอยู่รอบตัว
“ย่าห์ โอเซฮุน! อย่าเดินตัวเปล่าสิวะ มาเอากระเป๋าแกไปด้วย”
‘คิมจงอิน’ เด็กผู้ชายผิวสีแทน (ย้ำนะว่าแทน ไม่ได้ดำนะเว้ย!) เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบโตเต็มสองไม้สองมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของเซฮุนด้วย
“ก็ถือมาหน่อยไม่ได้เหรอไง ไหนๆ แกก็ต้องถือของแกอยู่แล้ว จะไม่มีน้ำใจเลยอ่อ กับเพื่อนแค่เนี้ยทำไม่ได้เลยอ่อ บู่ ขี้งกว่ะ”
“ย่าห์!!”
บอกแล้วว่าเด็กนี่มันปีศาจ...
เหมือนว่าจงอินพยายามอย่างมากที่จะอดกลั้นไม่ไปถวายหมัดเสยใส่หน้าแป๊ะยิ้มของเพื่อนคนนี้ แต่ ตอนนี้ทุกคนกำลังตั้งความหวังให้จงอินตบะแตกและตั้นหน้ามันสักทีสองที
“ดูเหมือนว่าห้องนี้จะมีแต่คนสติไม่ดีแฮะ”
เสียงจากบุคคลมาใหม่ดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เปล่า โอเซฮุนไม่ได้เป็นคนพูด เสียงมันมาจาก ‘อู๋อี้ฟาน’ ต่างหาก
“จริงๆ ผมว่าเฮียต่างหากที่ดูสติไม่ดีที่สุดเลย”
เสียงนี้ต่างหากที่มาจากโอเซฮุนจริงๆ
“นายไม่ใช่สไตล์ฉันหรอกนะ”
“ผมยังไม่ได้ถามถึงสไตล์อะไรเลยเฮีย”
โอเซฮุนพูดขึ้นมาอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ คนตรงหน้าก็พูดเรื่องสไตล์ๆ อะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ นั่นแหละ ไม่มีใครเข้าใจอู๋อี้ฟานได้เท่าตัวเขาเองจริงๆ หรอก ก็นะ อะไรก็ไม่ใช่สไตล์อ่ะ
“ลู่เก่อ! อย่าเตะบอลตรงนี้สิ! ถ้ามันไปโดนอะไรแตกขึ้นมาจะทำยังไง”
ออร่าความมุ้งมิ้งแผ่กระจายออกมาแม้มาแค่เสียง ผู้ชายไซส์มินิที่มาพร้อมกับผมสีบลอนด์ที่ไถเป็นทรงมาอย่างเท่ ซึ่งเขาก็ทำมันออกมาได้น่ารักอยู่ดี
“ก็หนีไง จะอยู่ทำไมล่ะ”
เจ้าของเท้าที่เอาแต่เดาะบอลไปมาหันมาตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ‘คิมมินซอก’ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ ในขณะที่ ‘ลู่หาน’ หัวเราะแล้วก็เตะบอลขึ้นมารับแล้วถือไว้ในมือ
“โย่ แมน! ทำไมคนเยอะงี้ล่ะ นี่เราต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่เลยเหรอ”
ลู่หานว่าพลางไล่สายตามองไปรอบห้องที่มีจำนวนคนอยู่จนแทบล้น จากห้องกว้างๆ แทบจะดูเล็กลงไปเลยทีเดียว
“คงงั้น ทั้งหมดก็... หนึ่ง สอง สาม สี่... สิบเอ็ดคน”
ชานยอลชี้นิ้วนับทีล่ะคนแล้วก็สรุปจำนวนคนออกมาเป็นสิบเอ็ดคน แต่เดี๋ยวนะ... มันยังขาดอยู่หนึ่งคนอีกนะเว้ย เจ้าตัวที่ไม่ถูกนับกำลังยืนเถียงอยู่ในใจที่หน้าประตูห้อง ซึ่ง... ไม่มีใครหันมาใส่ใจกันสักคน
“เฮ้ พวกนาย...”
‘คิมจุนมยอน’ ส่งเสียงออกมาแต่ก็เหมือนว่าจะถูกเสียงของชานยอลกลบจนไม่มีใครได้ยิน
“มันมีห้องนอนสี่ห้อง เราจะแบ่งกันยังไง เป่ายิ้งชุ้บ?”
“นี่ เด็กๆ...”
“เอาดิ ง่ายดี”
และแบคฮยอนที่ก็ออกเสียงสนับสนุน
“พวกนาย...”
“ปั๊กกระเป่ายิ้งชุ้บ!”
สิบเอ็ดคนกำลังรวมตัวกันตรงกลางห้องและก็ยื่นมือออกมาตรงกลาง ในขณะที่มีคนนึงกำทดลองเป็นมนุษย์ล่องหน...
“สนใจกันหน่อยสิเว้ยยยยย!!”
แผดเสียงออกมาด้วยพลังเสียงทั้งหมดที่มี จุนมยอนแทบจะหอบแฮ่กๆ กับการเปล่งเสียงเมื่อกี้ ทุกการกระทำหยุดชะงักแล้วพร้อมใจกันค่อยๆ หันไปทางต้นเสียง เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน
“อะไรอ่ะ” เทาถามออกมาอย่างงงๆ ในขณะที่มองไปที่จุนมยอน
“อะแฮ่มๆ”
จุนมยอนกระแอมกระไอนิดหน่อย
“ฉันก็อยู่ห้องนี้เหมือนกัน”
“แล้วไงอ่ะครับ”
เสียงจากเด็กปีศาจอย่างโอเซฮุน
“แล้ว...?”
ชานยอลเองก็ด้วย
ไปต่อไม่ถูกเลยวุ้ย ก็แค่เดินเข้ามาถึงแล้วไม่มีใครสนใจเสียงของเขาแถมยังกำลังเลือกห้องกันโดยไม่รอเพื่อนร่วมห้องอีกคนแบบเขาอีก!
“พี่มาช้าอ่ะ แก่แล้วเลยเป็นเต่าใช่ป่ะเนี่ย”
บุคคลที่อายุน้อยที่สุดในห้องบ่นออกมา
“มาถึงแล้วก็รีบๆ เข้ามาสิครับ จะได้เลือกห้องนอนกันสักที”
เทาที่ก็อายุๆ พอกับเซฮุนกวักมือเรียกจุนมยอนที่ยืนอยู่หน้าห้องให้รีบๆ เข้ามา เออเว้ย นอกจากจะทดลองเป็นมนุษย์ล่องหนแล้วนี่ยังจะทดลองเป็นคนที่ไม่มีใครเคารพอีกเหรอวะ
จุนมยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับชะตากรรมชีวิตของตัวเอง เดินลากกระเป๋าเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นตรงกลางห้อง กวาดตามองบรรดาเพื่อนร่วมห้องในเทอมใหม่นี้แล้วก็รู้สึกถึงเส้นประสาทในสมองที่กระตุกยิบๆ
ชีวิตต่อจากนี้คงหาความสงบสุขไม่ได้แล้วล่ะจุนมยอนเอ้ย นอกจากจะได้ทดลองเป็นมนุษย์ล่องหนแล้ว สาบานด้วยผิวที่สว่างกว่านีออนของเขาเลยว่าเขาได้ทดลองเป็นแม้กระทั่งคนที่มีความรู้สึกอยากจะลองตายใต้ต้นถั่วงอกแน่ๆ
ทุกคนครับ... โดเนทความปลอดภัยในชีวิตให้ผมที ได้กลิ่นความฉิบหายวายปวงลอยมาตงิดๆ แล้วครับ!
Dormitory #ฟิคอซอยู่หอ
Episode01
-Someone call the docter-
7.35 AM
“อือ...”
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตาคนที่นอนซุกตัวอยู่กับผ้าห่มบนเตียงนอน ร่างเล็กขยับตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจไล่ความง่วงงุนที่สุมอยู่บนหนังตา เขาค่อยๆ ขยับตัวพลางเอื้อมแขนสั้นๆ ไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียงขึ้นมาเพื่อดูเวลา
เจ็ดโมงสามสิบห้า
เขาวางโทรศัพท์กลับลงบนโต๊ะแล้วก็ซุกหน้าลงกับผ้าห่มอีกรอบเมื่ออากาศเย็นๆ ยามเช้าราวกับเป็นมือที่รั้งเขาไว้กับเตียงนอน วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก และแน่นอนว่าจะต้องมีปฐมนิเทศกันยาวเหยียดตั้งแต่แปดโมงตรง
แปดโมงตรง...
ร่างเล็กบนเตียงเปิดตาขึ้นและเบิกตากว้างจนตาแทบถลน พื้นที่สีขาวในดวงตากว้างมากขึ้นไปอีกจนลูกตาดำแทบกลืนหายไปกับสีขาว คยองซูหันขวับไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกครั้งเพื่อดูเวลาในโทรศัพท์
เจ็ดโมงสามสิบเจ็ดนาที...
“จะแปดโมงแล้วโว้ย!! ตื่นนนน!”
แหกปากทันทีที่รู้สึกตัว!
คยองซูกระโดดลงจากเตียงเดี่ยวของตัวที่ตั้งอยู่ริมซ้ายสุดฝั่งระเบียง เสียงตะโกนของคยองซูทำให้เซฮุนที่นอนอยู่เตียงตรงกลางและลู่หานที่นอนอยู่เตียงริมฝั่งขวางัวเงียขึ้นมามองดูคนขาสั้นวิ่งลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำ
“อะไรอ่ะ”
ลู่หานถามหลังจากที่มองปฏิกิริยาของคยองซูที่ดูรีบร้อนสุดๆ ในขณะที่เซฮุนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มแค่ตาก็ส่ายหัวด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน
“พี่เขาคงสูงขึ้น0.5มิลมั้ง”
ลู่หานพยักหน้าเข้าใจ (เข้าใจ?) แล้วก็ทิ้งหัวลงไปนอนกับหมอนต่ออีกรอบ เสียงน้ำที่กระทบกับพื้นห้องน้ำดังออกมาไม่ขาดสายก็ทำให้เขาคิดไปเพลินๆ... วันนี้เปิดเทอมวันแรกสินะ มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงด้วยแหละ...
หืม
“เซฮุนน่า นี่กี่โมงแล้วเหรอ”
เซฮุนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวนิดหน่อยเพื่อเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง
“เจ็ดโมงสี่สิบ”
“งั้นเหรอ”
“อือ”
ขานรับพลางวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วก็ทิ้งหัวลงนอนบนหมอนต่อ
“วันนี้เปิดเทอมวันแรกหรือเปล่า”
“อือ”
ขานรับส่งๆ
“มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงด้วยใช่มั้ย”
“อือ”
ขานรับแบบเดิม
“ถ้าไปไม่ทันนี่โดนขัดส้วมหนึ่งเดือนเลยป่ะ”
“อือ”
ก็ยังขานรับแบบไม่ใส่ใจ
“วันนี้เปิดเทอมวันแรกแล้วก็จะแปดโมงแล้วด้วยเนอะ”
“อือ...”
ชะงักกึก...
“...”
“...”
ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีในสองวิ...
“ก็ลุกไปอาบน้ำสิเห้ย!!!”
“แล้วทำไมไม่ปลุกตั้งแต่แรกเล่า!”
“โทษไอ้ขาสั้นในห้องน้ำดีกว่า มันตื่นแล้วทำไมไม่รีบปลุกวะ!”
ลู่หานสบถออกมาแล้วก็ถีบผ้าห่มออกจากตัวในขณะที่เซฮุนเองก็เด้งตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนเหมือนกัน ทั้งคู่ตาสว่างทันทีที่นึกคิดได้ถึงการขัดส้วมที่ถ้าหากไปไม่ทันปฐมนิเทศในวันแรก
“คยองซูโว้ย เปิดประตูห้องน้ำเดี๋ยวนี้!!”
“ฉันยังอาบไม่เสร็จเลยนะ!”
“รอพี่อาบเสร็จก็ได้ไปหรรษากับส้วมพอดี เปิดประตูเลย ผมไม่มองของพี่หรอกครับ มันมองไม่เห็นหรอกครับ! คิดว่าไม่น่าจะหาเจอด้วยครับ!”
“ย่าห์!!! ฉันไม่เล็กนะโว้ย!!”
ในขณะเดียวกันที่ห้องข้างๆ
เตียงเดี่ยวสี่เตียงที่ตั้งอยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง ถูกจับจองด้วยมินซอก แบคฮยอน ชานยอล และเทา แต่ตอนนี้เตียงแรกกลับว่างเปล่าและถูกจัดเก็บที่นอนไว้อย่างเรียบร้อยเป็นเครื่องหมายบอกว่าเจ้าของเตียงได้ลุกออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่แบคฮยอน ชานยอล และเทาเท่านั้นที่ก็ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่หลับลึกที่สุดใช่มั้ยล่ะ แถมยังเป็นช่วงเวลาที่หลับสบายสุดๆ ด้วยยิ่งเมื่อถึงเวลาไปโรงเรียน
แต่ว่านะ... ถ้าวันนี้พวกนายไม่ตื่นไปปฐมนิเทศล่ะก็ คาดว่าน่าจะได้อาชีพเสริมเป็นคนขัดห้องน้ำเชียวนะ...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ สามครั้งก่อนที่เจ้าของเสียงเคาะประตูจะเปิดเข้ามาในห้อง อี้ชิงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับอี้ฟานที่ยืนหาวอยู่ข้างหลัง
“พวกนายยังไม่ตื่นกันอีกเหรอ”
สำเนียงการพูดช้าๆ ของอี้ชิงส่งเสียงออกมา และแน่นอนว่าสามคนที่นอนอยู่ไม่ได้ยินมันเลยสักนิดแม้ว่าอี้ชิงจะพูดด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นกว่าปกตินิดหน่อยก็ตาม ดังนั้นอี้ชิงจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วก็จัดการเขย่าตัวปลุกทีล่ะคน โดยเริ่มจากแบคฮยอนที่นอนอยู่เตียงใกล้ที่สุดก่อน
“แบคฮยอน... แบคฮยอนอ่า ตื่นได้แล้วนะ”
เรียกพร้อมกับตบที่หัวไหล่เบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น แบคฮยอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เขากระพริบตาถี่ๆ และหรี่ตาลงเพื่อปรับระดับแสงให้ชินกับตา
“กี่โมงแล้วเหรอ”
“เจ็ดโมงสี่สิบแล้ว ถ้านายไม่รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวจะไม่ทันนะ”
เสียงเนิบนาบของอี้ชิงค่อยๆ ซึมเข้าสู่โสตประสาทแบคฮยอนช้าๆ... วันนี้มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงล่ะ ถ้าไม่ทันก็จะโดนทำโทษด้วยการขัดห้องน้ำล่ะ...
“ชานยอลตื่น!!”
ทันทีที่รู้สึกตัวก็ผุดลุกจากเตียงแล้วก็หันไปปลุกชานยอลที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ทันที
“ฮะ... ฮะ”
ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วก็มองหน้าแบคฮยอนอย่างงงๆ รวมถึงสลับไปมองทางอี้ชิงที่กำลังเดินผ่านไปปลุกเทาที่นอนอยู่เตียงริมสุดด้วย
“เปิดเทอมวันแรก จะแปดโมงแล้ว!”
“ฮะ?”
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำสิวะไอ้เอ๋อ!”
เออเนอะ... ถูกต้อนรับวันใหม่ด้วยการด้วยการโดนเรียกว่าไอ้เอ๋อเลยว่ะครับ
“ฮยอง! รอผมไปอาบน้ำด้วย ผมไม่อาบคนเดียวนะ!”
ส่วนไอ้เด็กนี่ก็ยังไม่ทันจะลืมตาพ้นจากขอบตาดำๆ ก็ห่วงสถานภาพตัวเองตอนอาบน้ำล่ะ
“รีบๆ อาบน้ำกันล่ะ”
เสียงของอี้ชิงดังไล่ตามแผ่นหลังของคนสามคนที่ลุกขึ้นจากเตียงวิ่งแย่งกันไปที่ห้องน้ำ อี้ชิงส่ายหัวเบาๆ อย่างเอือมๆ กับสงครามเล็กๆ ยามเช้า เสียงดังวุ่นวายเป็นอันดับต้นๆ ที่เขาไม่ชอบ และแน่นอนว่าตลอดเดือนที่ผ่านมานี้เขาก็ได้พบเจอแต่กับความอภิมหาวุ่นวายเกินกว่าจะคาดคิดเลยล่ะ
‘เทาอ่า เนี่ยหนังมาใหม่ สนุกมากๆ เลยนะ กังฟูสุดๆ เลยนะเออ!’ เซฮุนที่เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นหนังในมือเอ่ยปากพูดกับเทาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เทาที่ได้ยินอย่างนั้นก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
‘จริงเหรอ เรื่องอะไรอ่ะ เปิดดูเลยได้มั้ย’
‘เอาดิ เปิดเลย รับรองสนุกมากๆ’
เทารับแผ่นหนังจากเซฮุนมาแล้วก็เอาไปเปิดกับเครื่องเล่นดีวีดีกลางห้องนั่งเล่น รอเครื่องอ่านแผ่นสักพักหนังก็เริ่มเล่น เทาไม่แม้แต่จะเดินไปนั่งที่โซฟา นั่งจ๋องอยู่ที่พื้นใกล้กับทีวีสุดๆ แล้วก็จ้องหน้าจอทีวีอย่างสนอกสนใจ ในขณะที่เซฮุนก็... ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย?
เทายังคงจ้องหน้าจอที่หนังดำเนินไปเรื่อยๆ อยู่ แต่เพียงแค่ในพริบตา...
พรึบ!! ...กรี๊ดดดดดดดดด!!!
เสียงหวีดร้องระดับมหากาฬก็ดังขึ้นจนหูแทบแตก ผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะสวยที่สุดในโลกโผล่ขึ้นมาบนจอด้วยสภาพราวกับนางงามจักรวาล!
ใบหน้าเละ... ดวงตาที่มีพื้นที่สีขาวเป็นสีแดง... รอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนปากฉีก... สเต็ปการขยับหัวและกลอกลูกตาเป็นอะไรที่ติดตรึงใจมาก...
‘ว๊ากกกกกก!! ไอ้เชี่ยยยยยยย!!!’
เทาถลาห่างจากหน้าจอทีวีออกมาสิบหลาด้วยท่าทางราวกับนักกระโดดไกล ในขณะที่เซฮุนก็... หัวเราะท้องแข็งไปแล้วจ้า ลงไปดิ้นๆ กับพื้นด้วยจ้า ท่าทางดูมีความสุขมากด้วยจ้า
‘ปิดนะๆ ขอร้องล่ะ ปิดมัน!! อ๊ากกกก!! ฮืออออออ!!!’
กรีดร้องแบบหมดสภาพทันที แต่เสียงและภาพบนหน้าจอก็ยังคงไม่หายไป รีโมทอยู่ไหน ปุ่มทีวีปิดยังไง ปลั๊กนี่ดึงตรงไหนนะ! ไม่รู้แล้วโว้ย พังทิ้งแม่งงงง!
พลั่ก ปึก!!! ฟี่...
ด้วยการผลักทีวีให้ตกลงมาสู่พื้น
เสียงของหนักตกและเสียงกรีดร้องของเทาดังไปทั่วทั้งห้องจนทุกคนต้องรีบวิ่งออกมาดูเพราะนึกว่ากำลังจะมีใครฆ่ากันตายและในทันทีทุกคนก็พบกับซากของทีวีที่ตอนนี้ดับอนาจไปแล้วเรียบร้อย...
‘คยองซูย่า มีอะไรกินบ้างอ่ะ’
‘ไม่รู้ ไปดูในตู้เย็นแล้วก็ทำกินสิ’
ตอนนี้คยองซูกำลังเคร่งเครียดกับ psp ในมือที่ชานยอลเพิ่งสอนให้เล่น อี้ฟานจิ๊ปากอย่างขัดใจ ชานยอลไม่น่าไปสอนให้เล่นเลย พ่อครัวประจำห้องติดเกมจนไม่มีใครไปทำอาหารให้กินล่ะเนี่ย
เอาว่ะ ทำกินเองก็ได้
อี้ฟานเดินเข้าห้องครัวพร้อมกับหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาผูกอย่างมาดมั่น พ่อครัวหัวป่าประจำซอยมาแล้วครับ! วันนี้ขอเสนอรายการพี่ฟานกระทะเหล็ก ออกอากาศแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามชมด้วยครับ!
เริ่มสเต็ปแรก เปิดดูของในตู้เย็น หยิบๆ มันออกมาให้หมด ถือซะว่าของมันอยู่ในตู้เย็นแล้วก็เอาออกมาทำกินได้หมดครับ! สเต็ปสอง ตั้งกระทะเลยครับ เปิดไฟแรงๆ ใส่น้ำมันเยอะๆ ครับ ใส่ๆ มันเข้าไปเลยครับ
ครับ สเต็ปสามครับ โกยของทุกอย่างลงใส่กระทะเลยครับ
เอ้าาาา ใส่โลดดดด!
เอ๊ะ ถุงพลาสติกต้องเอาออกป่ะ? แต่ใส่ไปแล้วอ่ะ ช่างมันเถอะเนอะ
สเต็ปสี่ครับ ผัดทุกอย่างเข้าด้วยกันด้วยลีลาสเต็ปเทพ กลับของในกระทะด้วยมือข้างเดียวครับ เอาให้ไฟท่วมกระทะเลยยิ่งดีครับ
ครับ... แต่ว่าไฟท่วมไปที่อื่นคงไม่ค่อยดีหรอกครับ
อี้ฟานสะบัดกระทะออกจากมือเมื่อไฟจากในกระทะลามไปยังที่อื่น ไฟสีแดงฉานลุกและลามไปยังบริเวณใกล้เคียงกับเตา เสียงซู่ซ่าของไฟดังอยู่ในหูของอี้ฟานที่ได้ยืนทำอะไรไม่ถูก
อืม... การเข้าครัวไม่ใช่สไตล์ของเขาจริงๆ ด้วย
เลิกล่ะ
จบก็ถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไปอย่างคูลๆ ก็นะ... ผู้ชายเย็นชาอ่ะ
แต่ว่านะ... ไฟไหม้โว้ยยยยยย!!!
อี้ชิงสะบัดภาพเหตุการณ์สยองในหัวออกไปก่อนจะเดินออกมาจากห้อง กลิ่นกาแฟที่ลอยมาแตะจมูกเป็นกลิ่นที่เขาได้รับในทุกเช้า มินซอกจะอยู่ที่หน้าเครื่องกาแฟ ชงกาแฟร้อนๆ ออกมาและดื่มด่ำอยู่กับรสชาติของกาแฟคนเดียว ในวันนี้ก็เช่นกันที่มินซอกยืนอยู่ตรงหน้าเครื่องกาแฟพร้อมกับยกถ้วยกาแฟในมือขึ้นจิบ รอยยิ้มกว้างๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากทันทีที่รสชาติของกาแฟผ่านไปยังประสาทการรับรส
ถัดจากฝั่งห้องครัว อี้ฟานนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ข้างตัวมีเจ้าตุ๊กตาอัลปาก้าสีขาวที่ถูกจับแต่งตัวจนดูประหลาดที่เจ้าของมันคิดเอาเองว่าเนี่ยแหละแฟชั่นรันเวย์
คนเรา หล่อด้วย ไม่มีสติด้วย เก่งเนอะ
“ไม่มีอาหารเช้าให้กินเหรอ”
จงอินที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับอี้ฟาน ชะเง้อหน้ามองไปยังห้องครัวที่มีมินซอกยืนอยู่ ในขณะที่ข้างๆ กันทางฝั่งตู้เย็นจงแดก็กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อเสาะหาของกินตอนเช้า
“มีแต่เนี่ย”
ว่าจบพลางคว้าเอานมกล้วยมาถือไว้ในมือแล้วก็เดินมาส่งให้จงอิน จงอินรับมาหมุนขวดดูเล็กน้อยก่อนจะวางขวดนมลงบนโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเซ็งสุดชีวิต
“ใครเอานมที่มันหมดอายุตั้งแต่ปีที่แล้วมาใส่ไว้ในตู้เย็นวะ”
เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้ได้ประมาณเดือนเดียว แต่มีของที่หมดอายุไปแล้วปีหนึ่ง กะจะเก็บไว้ทำมรดกโลกหรืออย่างไร
จงอินทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตามเดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คนเรานี่ต้องอยู่ถึงมิติไหนวะถึงจะนั่งคุยกับตุ๊กตาราวกับว่ามันเป็นลูกได้เนี่ย แถมตุ๊กตานี่ก็เซเลปเหลือเกิน มีใส่แว่นดงแว่นดำพันผ้าพันคอด้วยนะ เป็นตุ๊กตาอัลปาก้าที่อยากจะวางบอมบ์บาซูก้าใส่มากเลยครับ
“โอ๊ะ อีกสิบนาทีจะแปดโมงแล้ว”
เสียงเล็กๆ จากในห้องครัวดังออกมา มินซอกวางแก้วกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงบนอ่างล้างจานก่อนจะเอื้อมมือปลดผ้ากันเปื้อนสีขาวออกจากตัว (อืม ชงกาแฟกินเองที่หอก็ต้องใส่ผ้ากันเปื้อนนะครับ ท่าชงมือเมองี้ต้องเป๊ะฮะ เดี๋ยวจะไม่สมกับความฝันบาริสต้า)
“ป๊าไปเรียนก่อนนะ อยู่ห้องดีๆ อย่าซนนะรู้มั้ย”
ครับ หล่ออย่างเดียวไม่ได้ต้องสติไม่ดีด้วยนะครับ ความสามารถพิเศษของคนมีแบล็กการ์ดเขาครับ จริงๆ แล้วไอ้มาตรการมีแบล็กการ์ดอะไรเนี่ยก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่คุณเป็นบุคคลสติออบซอ แบล็กการ์ดก็มาสถิตอยู่กับคุณแล้วครับ...
“ทุกคนเร็วๆ จะแปดโมงแล้ว!”
จงแดร้องบอกด้วยเสียงประสิทธิภาพแรงสูง อี้ชิงถอนหายใจอีกรอบ ยืนยันอีกครั้งเลยนะว่าเสียงจงแดนี่มันเป็นแบบที่เขารำคาญจริงๆ
“เออๆ รู้แล้วๆ”
เสียงวุ่นวายดังออกมาจากห้องต่างๆ เสียงจ้องแจ้กของการพูดคุยกันดังอื้อๆ อยู่ในหูอี้ชิง ตัววุ่นวายแต่ล่ะคนก็เดินออกมาจากห้องอย่างรีบร้อนพร้อมกับสภาพการแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อย กระดุมติดไม่ครบบ้างล่ะ ยังไม่ใส่เข็มขัดบ้างล่ะ เออน่ะ คนมันรีบ เดินๆ ใส่ๆ ไปเดี๋ยวก็เสร็จเนอะ ตอนนี้รีบไปให้ทันปฐมนิเทศตอนแปดโมงก่อนเถอะ เกิดไปสายได้ขัดส้วมขึ้นมาก็สนุกกันเลยจ้างานนี้
.
.
ว่าแต่ ไม่ได้ลืมอะไรกันใช่หรือเปล่าทุกคน...
ณ เวลาเดียวกันกับอีกห้องในห้วงนิทราที่แสนสุข
อากาศดีๆ ในยามเช้า กับอุณหภูมิห้องเย็นๆ ผ้าห่มผืนหนาๆ กับเตียงอุ่นๆ สุขใดเล่าจะเท่าการนอน หลับให้สบายเถิดหนาซูโฮฮยองงี่...
“หาวววว”
“ทำไมต้องรีบตื่นมาฟังอะไรนี่ด้วยก็ไม่รู้”
“นั่นดิ น่าเบื่อชะมัด”
จงอินหาว ในขณะที่เซฮุนบ่น และเทาก็เออออตอบกลับ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในหอประชุมที่มีผอ.โรงเรียนกำลังยืนพูดอะไรไม่รู้อยู่บนเวที ไดอะร็อกเดิมๆ ที่พวกเขาได้ยินกันมาตั้งแต่มอต้น พูดมันซ้ำๆ ทุกๆ ครั้งที่เปิดเทอม แล้วยิ่งวันเปิดเทอมวันแรกนี่เป็นอะไรที่ยิ่งต้องพูดนาน เหมือนเก็บกดที่ไม่ได้พูดให้เด็กนักเรียนฟังหลายเดือนมั้ง
เทา ไค และเซฮุนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่ง หรือก็คือเกรด10นั่นเอง พวกเขาเด็กที่สุดในบรรดารูมเมทที่อยู่ด้วยกันนั่นแหละ ส่วนพวกชราไลน์ก็ มินซอก ลู่หาน แล้วก็อี้ฟาน ที่อยู่มัธยมปลายปีสาม ในขณะที่ที่เหลือก็อยู่มัธยมปลายปีสอง
ตอนนี้พวกเขากำลังยืนเข้าแถวตามห้องและระดับชั้นอยู่ในหอประชุม เผื่อฟังผอ.พูดเกริ่นประวัติของเอสเอ็มไฮสคูลอย่างภาคภูมิใจยิ่ง!!
“โรงเรียนของเรานั่นเป็นแหล่งรวบรวมเด็กนักเรียนศักยภาพดีเยี่ยมที่พร้อมจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ...”
ที่พูดนี่รวมพวกกูด้วยเหรอ
สามสหายคิดอย่างพร้อมเพรียงกัน อย่างพวกเขานี่ถือเป็นอนาคตของชาติด้วยใช่ป่ะ แน่นะ ให้คิดอีกที
“กว่าสิบเก้าปีที่ก่อตั้งโรงเรียนมา ไม่เคยมีเด็กนักเรียนรุ่นไหนที่จะทำให้โรงเรียนต้องผิดหวัง ทุกคนต่างสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนและสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้ทั้งนั้น...”
บลาๆๆ คำพูดกดดันที่มีมาทุกปี จงอินอ้าปากหาวแล้วหาวอีก จนเซฮุนต้องส่งสายตาสงสารไปให้ รู้สึกอย่างจะส่งหมอนให้มันเหลือเกิน ขอโทษนะเพื่อนที่ทำให้ไม่ได้ ยืนหลับในไปก่อนแล้วกันนะ
พวกเขาเบื่อแล้วเบื่ออีก แถมยังเซ็งจับจิต ยืนขาแข็งมาเกือบจะชั่วโมงล่ะเพื่อฟังผอ.พล่ามอยู่บนเวที พวกเขามาถึงหอประชุมได้ทันเวลาเป๊ะๆ เลยรอดตัวไปสำหรับการขัดส้วม พอมาถึงหอประชุมพวกเขาก็แยกกันไปเข้าแถวตามห้องแล้วก็ตามระดับชั้น คนแก่สุดสามคนก็แยกไปเข้าแถวฝั่งซ้ายซึ่งเป็นบริเวณแถวของเกรด12 พวกเขาเรียนห้องเดียวกันทั้งสามคนมาตั้งแต่เกรด10 เหมือนกันกับที่ ซูโฮ อี้ชิง คยองซูเรียนห้องเดียวกัน และจงแด แบคฮยอน ชานยอลก็เรียนห้องเดียวกันเช่นกัน
“เมื่อไรจะพูดจบ”
เทาบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังขอบตาดำเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขาง่วงจริงๆ นะ จะหลับในตามจงอินไปอีกคนแล้วเนี่ย
“ไม่รู้สิ จนกว่าจะพล่ามคุณงามความดีของโรงเรียนจบมั้ง”
เซฮุนพูดออกมาอย่างหน่ายๆ ไม่แพ้กัน เขาอ้าปากหาวหวอดใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเล่น ถึงแม้ว่าจะมีกฎว่าห้ามเห็นโทรศัพท์ระหว่างอยู่ในหอประชุมก็เถอะ แต่ฮูแคร์ครับ?
“...และส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ อีกอย่างสำคัญก็คือการรู้จักตรงต่อเวลาและทำทุกอย่างตามนัดหมาย ในวันนี้ทางโรงเรียนรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่นักเรียนของโรงเรียนเรารู้จักตรงต่อเวลาและมาทันสำหรับวันแรกของการเปิดภาคเรี...”
ปัง!! แอ๊ดดด...
เสียงเปิดประตูหอประชุมดังขึ้นก่อนที่ผอ.จะทันได้พูดจบประโยค ความเงียบปกคลุมทุกพื้นที่ทั้งหอประชุมทันที
กริบ...
แม้แต่เสียงมดตดก็คาดว่าน่าจะได้ยิน...
“แฮ่กๆ เฮ้อ ถึงสักที”
ร่างสูงไม่มากของคนหัวสีบลอนด์ทองยืนหอบแฮ่กๆ พร้อมกับปาดเหงื่ออยู่หน้าประตูหอประชุม สีหน้าโล่งอกเหลือเกินปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่บุคคลที่เพิ่งเข้ามาได้อย่างแย่งซีนผอ.สุดๆ และเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งหอประชุม
ร่างเตี้ยชะงัก แล้วกวาดตามองรอบหอประชุมอย่างงงๆ... และสติที่เพิ่งกลับเข้าร่างมาก็ทำเอาจุนมยอนแทบอยากจะวิ่งไปยืมผ้าคลุมแฮร์รี่มาซะเดี๋ยวนี้
ทำไมกูซวยอย่างเน้!!!!
“นักเรียน...”
เสียงผอ.เอ่ยเย็นๆ อยู่บนเวทีทำเอาจุนมยอนกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก
“ประเทศชาติเราเกือบเจริญแล้วนะ... สนใจไปขัดส้วมสักเดือนมั้ย”
ฮึก กูนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ประเทศชาติไม่เจริญ จะร้องแล้วงับ T^T
Talk<3
สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อตังเมนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้า
อย่างที่บอกไปหน้าบทความแล้วว่าเรื่องนี้ไม่วาย และก็ไม่มีนางเอกนะคะ
เมฝากติดตามด้วยเน้อ เม้นโหวตเป็นกำลังใจให้เมด้วยน้า ขอบคุณค่า
ติดแท้ก #ฟิคอซอยู่หอ ติดแท้กกันได้ตามสบายเลยน้า เค้าอยากอ่าน><
เจอกันครึ่งหลังนะคะ
Talk2<3
มาอัพแล้วค่า ><
หมิน ลู่ คริส = แก่ไลน์ อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบสอง เรียนห้องเดียวกัน
ซูโฮ อี้ชิง คยอง = อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบเอ็ด เรียนห้องเดียวกัน
เฉิน แบค ชาน = แก๊งป่วน อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบเอ็ด เรียนห้องเดียวกัน
เทา ไค ฮุน = เด็กปีศาจ (โดยเฉพาะคนสุดท้าย)อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบ เรียนห้องเดียวกัน
รูมเมท
ห้องแรก = ซูโฮ ไค เฉิน
ห้องสอง = ลู่ คยอง ฮุน
ห้องสาม = หมิน ยอน ชาน เทา
ห้องสี่ = คริส เลย์
สรุปให้คร่าวๆ เนอะ เผื่อเมอธิบายไม่ละเอียด
ติดแท้ก #ฟิคอซอยู่หอ กันเยอะๆ น้า จะพยายามมาอัพบ่อยๆ ค่ะ
เจอกันตอนหน้าค่า
Coming soon… Eps02
Please COMMENT and VOTE♥
หนึ่งเม้นเท่ากับหนึ่งกำลังใจ♥
DATE ; 12/05/2014 [UP50%]
DATE ; 07/06/2014 [UP100%]
ความคิดเห็น