ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic D.gray-man]Sweet Life

    ลำดับตอนที่ #25 : เมืองร้าง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 758
      0
      16 มี.ค. 50



    [ไง ไม่ได้เจอกันนาน ทั้งสองคนเป็นไงกันบ้าง ได้ยินว่ากลายเป็นพ่อแม่คนแล้ว คันดะคุงเป็นคุณพ่อที่ดีไหมเอ่ย?]เสียงกวนประสาทของหัวหน้าแผนกวิทย์ดังออกมาจากหูโทรศัพท์ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่คุยอยู่คืออเลน มิเช่นนั้นโทรศัพท์อาจกลายเป็นแพะรับดาบก็เป็นได้

    “ครับ..คุณโคมุอิ แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้างครับ แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับถึงติดต่อมา”อเลนถามกลับ ก่อนจะเปลี่ยนคลื่นให้ทีมเพื่อให้ได้ยินกันทั้งหมด

    [คืองี้นะ ขากลับพวกเธอต้องผ่านเกาะประหลาดๆด้วยใช่ไหม?]โคมุอิถาม

    “ครับ หมายถึงเกาะที่เห็นรางๆตอนขามาหรือครับ”

    [ใช่แล้วล่ะ...ที่นั่นน่ะ เคยได้ยินตำนานบางอย่างว่าเป็นเมืองที่เคยพัฒนาจนถึงขีดสุดแล้วล่มสลายน่ะ ก็เลยคิดว่าอาจจะมีอะไรดีๆ พอดีเห็นว่าถ้าพวกเธอจะกลับแล้วมันจะผ่านน่ะ เลยอยากขอให้ช่วยแวะที่นั่นหน่อยน่ะ]

    “นี่...โคมุอิ ที่นั่นน่ะ มันปกคลุมไปด้วยหมอกนะ? จะเข้าไปยังไง”โซฟีเลียพูดขึ้น ก่อนจะอธิบายต่อ “เมืองนั้นชื่อเนเรเดียร์... ที่รู้ชื่อเมืองหรือว่าเกาะนั่นก็เพราะว่าเป็นเกาะที่เคยอยู่ในแผนที่โบราณของที่นี่ ก็อย่างที่โคมุอิพูด เป็นเมืองแบบนั้นแหละ....เมืองที่เคยพัฒนาจนถึงขีดสุดแล้วล่มสลาย ในบันทึกเก่าของที่นี่ไม่มีอะไรมากนักหรอก..”

    [แต่ถึงจะพูดแบบนั้น...มันก็ยังน่าตรวจสอบอยู่ดีแหละ ยังไงก็ฝากด้วยละกันนะ อเลนคุง คันดะคุง ฝากข้อมูลแผนที่ด้วยนะครับ คุณโซฟีเลีย]โซฟีเลียพยักหน้าโอเค จากนั้นสัญญาณก็ตัดไป

    “อืม...เนเรเดียร์น่ะ..อันที่จริงเป็นสถานที่ที่คล้ายกับที่นี่นะ..แผนที่ฉันพอมีอยู่หรอก เป็นแผนที่เก่าน่ะ.. แต่ถ้าเป็นข้อมูลเนี่ย..ฉันไม่มี แต่เธอลองคิด [เทียบ]กับที่นี่ดูละกันนะ เพราะทั้งสองที่นี้[กำเนิด]และ[ล่มสลาย]ลงในเวลาไล่เลี่ยกัน”โซฟีเลียพูดจบก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งให้

    “แล้วพวกเธอสองคนล่ะ?”โซฟีเลียก้มลงถามเด็กน้อยทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้

    “พวกเราจะไปด้วยครับ”รันและลูตอบ

    “อืม..โอเค ที่เนเรเดียร์ช่วงนี้น่าจะหนาว...เดี๋ยวจะเตรียมเสื้อกันหนาวเผื่อละกันนะ อุเคียว อยู่ข้างนอกสินะ?”โซฟีเลียตะโกนออกไปข้างนอก

    แอ๊ด...

    “รู้ได้ไงคะ? ว่าฉันอยู่หน้าประตู”อุเคียวพูดโดยที่ในมือถือชุดกันหนาวสีชมพูและฟ้าในมือ

    “ก็อย่างนี้ทุกที...”โซฟีเลียพูดแล้วถอนหายใจ

    “ไม่ได้แอบฟังอะไรหรอกค่ะ พอดีตัดเล่นๆแล้วก็เลยอยากเอามาให้ดู แล้วก็ได้ยินพอดี เอ้า นี่จ๊ะ รัน กับ ลู คนละตัวนะ”อุเคียวหยิบเสื้อกันหนาวให้คนละตัว "มันบางหน่อยนะจ๊ะ พอดีคิดว่าไม่น่าจะหนาวมาก"

    สองพี่น้องฝาแฝดรับไว้ก่อนจะกล่าวขอคุณเสียงใส

    “ขอบคุณครับ พี่สาว”

    “ตายแล้วว น่ารักจังเลย”ว่าแล้วก็ลงมือกอดสองพี่น้องไว้อย่างแนบแน่น “ว่างๆมาเยี่ยมบ้างนะจ๊ะ พี่จะเตรียมชุดสวยๆให้ อเลนคุงด้วยนะจ๊ะ”

    “ง่า....ไม่ต้องก็ได้ครับ”

    หลังจากนั้น...โซฟีเลียก็เตรียมเรือให้ ก่อนจะออกเดินทางสู่เนเรเดียร์

    .

    .

    .


    “ว้าว! ทะเลสวยจัง!”สองฝาแฝดร้องอย่างถูกใจ เป็นเพราะไม่เคยเห็นโลกภายนอก จึงไม่เคยเห็นทะเลด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำหรับสองฝาแฝดแล้วผืนน้ำระยิบระยับที่มองออกไปไกลสุดขอบฟ้านี่ จึงเป็นสิ่งแสนมหัศจรรย์..

    “สวยขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเคยเห็นป่าไหม?”อเลนก้มลงถาม

    “ไม่เคยครับ คุณแม่พาไปได้ไหมครับ”

    “ต้องดูก่อนนะ..ว่าจะได้ไปหรือเปล่า...”อเลนตอบ ในขณะที่คันดะนั่งเฝ้าดูคุณแม่มือใหม่อย่างเงียบๆ ในมือกระชับดาบ พลางครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง

    เนเรเดียร์......

    เมืองร้างที่อยู่ในม่านหมอกงั้นรึ...

    รู้สึก..ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย....

    “ยูครับ”

    “อะ...อะไร?”คันดะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงหวานเรียกขึ้นข้างๆ อเลนขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะถามขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูท่าทางไม่ค่อยสบาย...”

    “ไม่มีอะไรหรอก...อเลน ว่าแต่สองคนนั้นน่ะ..รู้สึกจะระริกระรี้ใหญ่เชียว”คันดะพูดพลางมองไปทางรันกับลูที่วิ่งเล่นอยู่

    “ช่างเขาเถอะครับ เด็กๆก็แบบนี้แหละ”อเลนพูดพลางหัวเราะนิดๆ



    เรือล่องไปได้สองถึงสามวัน.....ก็เห็นเกาะแห่งหนึ่ง...ที่มีม่านหมอกปกคลุม

    “เอ่อ....จะเข้าไปได้ไหมครับ?”อเลนถามคนจับหางเสืออย่างไม่แน่ใจ

    “น่าจะได้ครับ คุณเอ๊กโซซิทส์ แต่ปัญหาคือ...เราจะไม่เห็นพวกหินโสโครก ถ้าไปชนเข้าอาจทำให้เรือเสียหาย”นายเรือพูดอย่างหนักใจ...ม่านหมอกตรงหน้าเป็นสิ่งที่ทำให้การเดินทางไม่สามารถเคลื่อนไปได้

    “น่าจะไปได้.....”คันดะเปรยขึ้น

    “เห...หมายความว่าไงครับยู”ร่างบางหันไปถามคนรัก

    “ในบันทึกที่โซฟีเลียให้มาบอกว่า คืนพระจันทร์เต็มดวง ม่านหมอกพวกนี้จะสลายไป”คันดะแจงให้ฟัง แล้วยื่นหนังสือเล่มนั้นให้

    “ยูอ่านภาษาพวกนี้ออกด้วยหรือครับ?”อเลนถาม เพราะมันไม่ภาษาอังกฤษ และไม่น่าจะเป็นภาษาใดๆบนโลกที่เขารู้จัก

    “ฉันไม่ได้อ่าน.....สองคนนี้ต่างหาก”คันดะชี้ไปทางรันกับลู

    “จริงเหรอครับ!!!!! รันกับลูอ่านออกเหรอ!?”อเลนถามเสียงสูงอย่างตกใจ

    “ฮะ...คุณแม่”

    แปลก.....อเลนคิด

    ทำไมสองคนนี้ถึงอ่านออกล่ะ...

    มีอะไรตื้นลึกหนาบางกันแน่....

    “คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงครับ คุณเอ๊กโซซิทส์ รอหน่อยก็คงจะเข้าไปได้”นายเรือแจ้ง อเลนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะลากคันดะและลูกๆลงไปรอที่ท้องเรือ

    และแล้ว....ยามค่ำคืนก็มาเยือน จันทราทรงกลมส่องแสงเรืองรองไปทั่วผืนน้ำอันกว้างใหญ่...และแล้ว..สิ่งที่ไม่อยากเชื่อก็เกิดขึ้น..

    ม่านหมอกที่ปกคลุมเมืองเนเรเดียร์อยู่ค่อยๆจางหายไป...ปรากฏให้เห็นภายใน

    ...เมืองร้าง...

    เรือค่อยๆเดินหน้าเข้าไปในเกาะ รอบข้างมีซากปรักหักพังมากมาย ความเงียบสงัดที่ทำให้นักดาบหนุ่มไม่ชอบใจเอาเสียเลย...

    มันเงียบเกินไป...

    ปกติแล้ว....ควรจะมีเสียงของสัตว์บ้าง...

    ไม่น่าไว้ใจเลย

    .

    .

    .


    เอี๊ยด...กึง..

    เสียงเรือกระทบกับฝั่งส่วนที่คล้ายๆท่าเรือดังขึ้นเบาๆ แต่ก็กังวานในสถานที่อันไร้สรรพเสียงนี้ อเลน คันดะและสองฝาแฝดเดินลงมาจากเรือ ในขณะที่นายเรือและลูกเรือคนอื่นๆรออยู่บนเรือ

    “.....หนาว”อเลนพึมพำขึ้นเบาๆ ก่อนที่เสื้อตัวหนาจะคลุมลงมา

    “อุ่นขึ้นไหม?”คันดะถามอย่างเป็นห่วง

    “ขอบคุณครับ ยู”ร่างบางยิ้มหวาน คันดะยิ้มบางๆตอบไป

    “ฮัดเช้ย!”

    อเลนและคันดะหันไปตามเสียงจาม

    “ขอโทษฮะ..คุณพ่อ คุณแม่ ฟืด...”ลูพูด ก่อนจะเดินไปเกาะมารดาของตน “อุ่นจังครับ”

    “รัน มาสิ”อเลนเรียกรันที่ยังเดินหนาวสั่นอยู่ข้างหลัง แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อยเป็นเชิงปฏิเสธ แต่คันดะก็ลากมาจนได้

    “หนาวจนสั่นแล้วยังปากแข็งนะ”

    “ขอบคุณครับ คุณพ่อ..”

    อเลนหัวเราะคิกคักเบาๆกัความน่ารักของร่างสูง ก่อนจะเงียบไป เมื่อสายตาติดจะเขินๆของคันดะตวัดมา...

    เป็นคุณพ่อเต็มตัวแล้วมั้ง?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×