ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #5 : ผนึกที่ 4 : ผู้พรากความตาย

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 4 : ผู้พรากความตาย

    ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า

    ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ที่ทรงประทานให้แก่ข้านี้ เป็นดั่งพรอันประเสริฐหรือเพียงคำสาปอันชั่วร้ายกัน



    คืนเดือนเพ็ญครั้งที่ห้าของปีมาเยือนอย่างเงียบสงัด..จันทราดวงโตสีเหลืองนวลลอยเด่นอยู่บนผืนนภากำมะหยี่สีดำ ประดับด้วยดาราพราวแสงระยิบระยับที่รายล้อมเดือนเพ็ญ สายลมราตรีหอบเอาความหนาวให้ลอยแผ่มาถึงหมู่บ้านกลางเวิ้งทะเลทราย

    พิธีขอบคุณเทพเจ้าวันที่ 3 ..

    ภายในวิหารยามนี้เงียบนัก ด้วยเหล่านักบวชถูกสั่งให้อยู่แต่เพียงในที่พักของตนตามประเพณีแต่โบราณ แต่กระนั้น แสงเทียนเรืองรองซึ่งถูกจุดขึ้นเพียงไม่กี่เล่มก็ส่องสว่างให้เป็นใบหน้าของบุคคลเพียงหนึ่งเดียวในวิหารแห่งวารี..

    คนผู้นั้นคือหัวหน้านักบวชชรา บนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยนั้นเต็มไปด้วยแววสุขใจ ดวงตาราวจะมีเพลิงแห่งกิเลสปะทุอยู่ภายในตลอดเวลา มือเหี่ยวย่นกำแน่น ริมฝีปากแสยะยิ้มปรารถนา

    วันนี้แล้ว..วันนี้ที่เราจะได้ในสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่ผิดพลาดไปเมื่อสองปีก่อน...เมื่อคราวก่อนที่มือต้องเปื้อนเลือดสกปรกอย่างไร้ค่า..คราวนี้แหละ!

    แต่....

    ชายชราขมวดคิ้ว นึกถึงเรื่องเมื่อค่ำคืนวาน..




    แกว่าไงนะ!!

    เสียงตวาดลั่นดังจากหนึ่งในสามบุคคลผู้ยืนอยู่ในวิหารลากัส หัวหน้านักบวชจ้องมองชายชุดดำซึ่งคุกเข่าก้มหน้าสั่นเทาด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว มือซึ่งกำไม้คฑาประจำตำแหน่งอยู่สั่นด้วยกำแน่นจนขึ้นข้อขาว ชายร่างสูงในชุดสีรัตติกาลผู้คุกเข่าลงกับพื้นสั่นเทา หวาดกลัวต่อโทษทัณฑ์ที่อาจได้รับจากผู้เป็นนายจ้างวาน ดาบเล่มโตถูกวางอยู่ข้างกาย ขณะที่เสียงเครือสั่นดังขึ้นแผ่วเบาขะ..ขออภัย...เจ้าพวกนั้น..

    เป็นถึงนักฆ่ามืออาชีพ แค่เด็กสามคนจัดการก็ไม่ได้!!

    ท่านหัวหน้านักบวช เจ้าพวกนั้นไม่ธรรมดาเลย ลูกน้องข้าสองคนกับคนของท่านรุมต่อสู้ก็ยังเอาชนะไม่ได้..เจ้าพวกนั้น ไม่ใช่นักเดินทางธรรมด...

     

    เราไม่ฟังคำแก้ตัว!

    หัวหน้านักบวชเอ่ยกราดเกรี้ยว มองชายหนุ่มด้วยมือที่สั่นเทา บุคคลที่สามซึ่งยืนอยู่ในโถงวิหารจับมือของชายชรา ใบหน้าเจ้าสำอางค์ ส่ายไปมาเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายสงบใจลง ก่อนจะหันไปพูดกับนักฆ่าร่างยักษ์ ใจเย็นก่อนท่านหัวหน้านักบวช นี่เจ้านักฆ่า แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไง แกหนีมาเลยหรือ? รู้รึเปล่าว่ามันอยู่ไหน

    ไม่ขอรับ ท่านเก็น หลังจากนั้นข้าได้วกกลับไปครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าเหลือแค่ร่างที่หายใจรวยรินของลูกน้องข้าและคนของท่าน ซึ่งทั้งหมดยังไม่ตาย ส่วนทั้งสามคนนั้นไร้ร่องรอย หลังจากที่ข้าชากลูกน้องไปพักที่ค่ายกองโจรแล้ว ข้าก็ลองตามหามันดู แต่หาไม่พบ

    แล้วในกองคาราวานล่ะ...

    นั่น...

    บางทีอาจหลบซ่อนในกองคาราวาน น่าเสียดายที่เราเข้าไปยุ่งไม่ได้...

    ผู้มีนามว่าเก็นพึมพำเคร่งเครียด หัวหน้านักบวชหายใจแรงก่อนจะผ่อนลง สูดลมหายใจลึกแล้วปล่อยอกมา ปรากฏเนตรอันอ่อนโยนซึ่งเคลือบแฝงอะไรบางอย่างอีกครา

    ไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องดูสถานการณ์ไปก่อน..บอกลูกน้องของแกให้จับตาดูแถวๆตาน้ำในวันพรุ่งนี้ด้วย เพราะเราจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางเด็ดขาด...ความปรารถนาแสนยาวนานของเรา..

    จะต้องเป็นไปตามที่ต้องการ!!




    ชายชราหลุดออกจากห้วงความคิด มือซึ่งกำไม้เท้าอยู่เกร็งแน่นจนเห็นข้อขาว ริมฝีปากเหี่ยวย่นกัดแน่นด้วยความเครียด

    มันจะต้องจ้องทำลายพิธีในค่ำคืนนี้แน่..แม้ว่าตลอดทั้งวันนี้จะไม่โผล่หัวมา..แต่เจ้าปิศาจจอมขัดขวางนั่นต้องมาแน่ มาช่วยพี่สาวสุดที่รักของมัน..

    แต่แม้จะต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม ความปรารถนานี้จะต้องสมดังใจ!!


    +++++++++++++++++

    มีนา ซอร์เซ่ ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวที่หน้าประตูวิหารในชุดขาวสำหรับประกอบพิธี

    หญิงสาวถอนหายใจยาว อากาศหนาวเหน็บจนร่างกายสั่นน้อยๆ นึกเป็นห่วงน้องชายที่ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรของตน ในขณะที่...เรื่องราวบางอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เธอไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป

    ยามราตรีในทะเลทรายน่าหวาดกลัวนัก ด้วยสัตว์ทะเลทรายมักออกหากินในช่วงเวลาซึ่งสุริยาลาลับไป  อีกประการหนึ่ง คือค่ำคืนนี้ทุกบ้านเรือนพร้อมใจกับดับไฟจนสิ้น เป็นไปตามประเพณีซึ่งบัญญัติไว้แต่โบราณ ขณะนี้ จึงเหลือเพียงแสงจันทร์เพ็ญที่ส่องลงกระทบเม็ดทรายเท่านั้น ที่ทำให้เธอมองเห็นทุกสิ่งในสายตาได้

    รอบข้างเงียบกริบ ทุกสรรพสิ่งพลันหลับใหล หลงเหลือเพียงเสียงของเม็ดทรายที่กลิ้งเกลือกกระทบกัน ในค่ำคืนนี้ เหล่านักบวชทั้งหลายไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามเธอมาในพิธีด้วย นอกเสียจากหัวหน้านักบวชซึ่งจะเป็นผู้ประกอบพิธี ..และพิธีนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อเสียงระฆังขาน

    ดวงตากลมเรียวเบิกขึ้น มองไปยังตาน้ำ..สถานที่ทำพิธีขอบคุณเทพเจ้าแห่งสุดท้าย

    กริ๊ง..

    เสียงกระดิ่งดังมาจากข้างหลัง ปรากฏร่างของหัวหน้านักบวชชราผู้มาพร้อมกระดิ่งและกริชที่ใช้ในพิธี มืออีกข้างถือเทียนสีเหลืองซึ่งส่องแสงสว่างเรืองรองวูบไหว ชายชรายิ้มอ่อนโยน แล้วจึงเดินมาคำนับให้อย่างนอบน้อม

    งดงามนัก..ท่านโรเรล เป็นเกียรติที่ได้ท่านมาประกอบพิธี ไม่มีโรเรลผู้ใดสง่างามเท่าท่านอีกแล้วยิ่งยิ้มกว้างราวกับปิติปลื้มเอ่อล้นด้วยเหตุผลบางอย่าง..เหตุผลซึ่งมีนารู้สึกขัดข้องใจมากกว่าจะเขินอายกับคำเยินยอ

    “...ขอบคุณที่ชมนะคะ แต่ฉันอยากรีบๆทำพิธีมากกว่า ตื่นเต้นยังไงไม่รู้...ทำให้เสร็จๆไป เธอจะได้มีเวลาตามหาเดรย์เสียที..

    ชายชราหัวเราะ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่สังสรรค์ขึ้นจากเปลือกนอกอันงดงาม..

    เข้าใจแล้วขอรับ งั้น เราไปกันเถิด..เพื่อพิธีขอบคุณเทพเจ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด...

    หัวหน้านักบวชยืนมือให้โรเรล แล้วพาเดินสู่ถ้ำตาน้ำอย่างเชื่องช้า เสียงกระซิบพร่าดังแผ่วมาโดยที่โรเรลไม่ได้ยิน

    พิธีที่ข้าจะได้สิ่งที่ต้องการมานานแสนนานเสียที.......


    ++++++++


    นี่ แค่ทำพิธี ทำไมเจ้าหัวหน้านักบวชถึงต้องจ้างเรามาด้วยล่ะชายร่างกักขฬะกล่าว พ่นลมหายใจเป็นไอขาวขุ่นด้วยความหนาว แล้วกอดขวานเล่มขนาดกลางในมือตนไว้แน่น ส่วนอีกฝ่ายซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ข้างกันบริเวณหน้าทางเข้าถ้ำหันมามอง หาวอ้าปากหวอครั้งหนึ่งแล้วตอบอย่างไม่ใสใจ

    ได้ยินมาจากหัวหน้าว่าพิธีนี้มันสำคัญต่อหมอนั่นมาก ไม่รู้ว่าสำคัญยังไง แต่ได้เงินมาก็พอแล้ว แกจะสนใจอะไรนักล่ะ?”

    เออน่า ไม่รู้จักคิดเดี๋ยวซักวันสมองจะฝ่อ แต่จะว่าไปสองปีก่อนจู่ๆก็จ้างเรามาปล้นหมู่บ้าน แล้วพอหมดพิธีก็โปะเงินให้เราหายไป หัวหน้านักบวชที่นี่แปลกๆเนอะ

    แล้วทั้งสองก็พยักหน้ากับคำพูดของพวกตน

    แล้วคราวนี้เขาจ้างมาว่าไงล่ะฮะ?”

    ก็จ้างมาให้ดูไม่ให้ใครเข้าไปขัดขวางน่ะ...




    ผัวะ!!

    ไร้ฝีมือจริงๆแฮะเดรย์พึมพำหลังเห็นเนลล่าเดินย่องเข้าไปหาทั้งสองคน เนียนนั่งด้วยซักพักแล้วจัดการใช้ด้ามมีดทุบกะโหลกศีรษะแบบพร้อมกัน ดวงตาของอิลเวสมองไปรอบข้าง ก่อนจะเดินออกมาจากหลังก้อนหินไปทางเนลล่าที่ยืนเขี่ยร่างที่ลงไปกองสลบอยู่

    มีนากับหัวหน้านักบวชเดินเข้าไปแล้วสินะฮะมองเข้าไปยังปากถ้ำซึ่งทอดยาวเข้าไปสู่ใจกลางอันมืดมิด ก่อนจะหันไปมองเดรย์ที่มีทีท่าร้อนรน ห่วงใยว่าพี่สาวของตนอาจจะเป็นอะไรไป

    ดูเหมือนพวกนั้นจะชะล่าใจนะ มีส่งมาแค่สองคนแบบนี้ชายเจ้าของเนตรสีทองกล่าว และแล้วก็พลันเงียบปากไป เมื่อเสียงของฝีเท้าที่ย่ำทรายค่อยๆดังขึ้นจากรอบด้าน และปรากฏร่างของกลุ่มคนที่ก้าวเดินออกมาท่ามกลางแสงจันทร์

    ไม่น่าทักเลยครับ อิลเวส มากันเพียบเลยเห็นไหม...

    ความผิดเธอที่เดินดุ่มๆออกไปต่างหากล่ะ เจ้าเด็กบ้า

    แน่ะ โบ้ยกันอีก

    บ่นพลางค้อนใส่ ก่อนจะมองเหล่าชายฉกรรจ์ของกองโจรที่กำลังเดินล้อมวงเข้ามาหลังเห็นเนลล่าจัดการพวกของตน เด็กหนุ่มร่างบางกระชับมีดในมือ พอดีกับที่อิลเวสชักดาบเรียวยาวออกมาด้วยใบหน้ารำคาญใน ทั้งสองคนหันหลังชนกันพร้อมตั้งท่าสู้

    เดรย์ รบกวนไปก่อนดีกว่าครับหันไปทางเดรย์ เอียงคอยิ้มให้แล้วชี้ไปทางปากถ้ำ ขณะที่ชายฉกรรจ์นับสิบเริ่มบุกเข้ามา "เราคงต้องจัดการทางนี้ให้เสร็จๆไปก่อน

    หา!!? อะ.ชายหนุ่มอุทานเสียงสูง ก้มตัวลงหลบดาบที่พุ่งเข้ามาจนลื่นไถลก้นจ้ำเบ้า ก่อนผู้ที่โจมตีจะถูกดาบของอิลเวสซัดเข้าให้ เดรย์เงยหน้า แล้วถามเสียงเสียงสูงแล้วพวกนายล่ะ?”

    จัดการพวกนี้เสร็จจะตามไป"

    "..เดี๋ยว ถ้าพูดตามตรงนี่ไม่ใชเรื่องที่พวกนายต้องมายุ่งด้วยเลยนะ แค่นี้ก็พอแล้ว! นอกเหนือจากนี้ฉันจะจัดการเอง!!"

    "หุปปากแล้วรีบๆไปช่วยมีนาก่อนจะโดนเฉือนคอตายเถอะ ของที่พวกเราต้องการน่ะอยู่ในนั้นถึงได้มาช่วยนาย อีกอย่าง นายยืนอยู่ที่นี่ก็ถ่วงเราอยู่ดีกล่าวเสร็จก็ถีบบุรุศชุดน้ำเงินสองคนที่พุ่งเข้ามาให้ออกนอกรัศมีไป เดรย์มองอิลเวส แล้วมองเลยไปทางเนลล่าที่ใช้มีดต่อสู้อยู่โดยไม่มีที่ท่าว่าจะเสียเปรียบ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นถาม

    “...งั้นก่อนเข้าไปขอถามซักคำ

    เอาสิ

    กล่าวอนุญาต ชายเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลยาวดูจะลังเล แต่ก็กลั้นใจเอ่ยถามออกไป



    พวกนายตามหาอะไรอยู่กันแน่



    สิ้นเสียงนั้น เด็กหนุ่มร่างบางที่ต่อสู้อยู่ก็พลันหันมอง

    ภาพนั้นเคลื่อนไหวเชื่องช้า ใบหน้าที่หันมามอง เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงที่พลิ้วไสวตามแรงลมทะเลทราย

    ดวงตาสีทับทิมคู่ที่มองสบมาเบิกกว้างประหลาดใจ ก่อนจะหลุบลงเศร้าสร้อยเย้ยหยัน ราวกับมีใครเอามีดไปแทงหัวใจกันตรงๆ

    เจ้าของใบหน้ากลมยกมุมริมฝีปากขึ้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันไปสนใจการต่อสู้อีกครั้ง และกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบบอกเล่า
     
    “...สิ่งนั้น...ไม่ได้เป็นสิ่งของหรืออะไรหรอกครับเด็กหนุ่มเอ่ย ยกมือซ้ายที่มีถุงมือปกปิดของตนอยู่ขึ้นมอง ก่อนจะวาดมีดฟาดฟันศัตรูอีกครา

    สิ่งที่ผมหาคือเบาะแสของสิ่งที่ต้องการ..สิ่งนั้นไร้รูปลักษณ์...เป็นสิ่งล้ำค่าที่มนุษย์ทุกคนต่างมี..สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์..ไม่สิ อยู่คู่กับทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ตั้งแต่ตัวตนนั้นเกิดมา...แต่ถ้าขาดมันไป แม้แต่ตัวเองก็เหมือนจะไม่มีค่าให้อยู่อีกต่อไป...


    .

    .


    สิ่งที่ผมตามหาก็คือ...ความทรงจำของผมเองครับ

    ++++++++

    ภายในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรองของดวงจันทร์  มีนามองไปรอบด้านด้วยความประหลาดใจด้วยไม่เคยมายังถ้ำตาน้ำในยามค่ำคืน แสงจันทร์เหลืองนวลส่องลงมากระทบผืนน้ำนิ่งซึ่งไหวเพียงระริก เพดานหินโดยรอบสะท้อนผิวระลอกของผืนน้ำ..น่าเสียดายที่ยามนี้น้ำลดลงไปกว่าครึ่งของทั้งหมด ไม่เช่นนั้น ภาพที่เห็นคงจะงดงามกว่านี้เป็นแน่

    เอาล่ะ อย่าให้เสียเวลาเลย ทำพิธีกันเถอะ ท่านโรเรล

    เสียงแหบพร่าชราดังขึ้นจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าชายชราร้อนรน มีนาโค้งให้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินไปที่ปะรำพิธีซึ่งเป็นเพียงลานหินกว้างทรงครึ่งวงรีที่มีส่วนต่างระดับขึ้นไปเป็นแท่นของตัวแทนเทพเจ้า..หรือก็คือหัวหน้านักบวช  หญิงสาวหยิบคฑาสีทองในมือซึ่งจำเป็นต่อพิธีออกมา แล้วคุกเข่าลงอย่างนอบน้อมต่อหน้าปะรำพิธีที่สูงกว่า มือเรียวจับคฑาซึ่งมีห่วงโลหะแขวนอยู่แกว่งไปมาให้เกิดเสียงกรุ๊งกริ๊งกังวานทั่วถ้ำแห่งวารี

    และแล้วคำกล่าวในพิธีกรรมก็ได้ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง


    นามของข้าคือโรเรล ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้าน บัดนี้ พวกข้าทั้งหลายประสบภัยหนักยิ่งนัก ทั้งไร้น้ำให้ใช้ดื่ม ถูกปล้นสดมภ์ไม่เว้นวัน  ขอท่านเทพผู้สูงส่งโปรดเมตตาข้า บันดาลน้ำสู่ผองเรา แล้วข้าจักตอบแทนท่านทุกอย่างตามแต่ปรารถนา แม้แต่ชีวิตข้าก็ยินดีจักมอบให้…”


    หัวหน้านักบวชซึ่งเป็นตัวแทนเทพเจ้าก้าวไปยังปะรำพิธีซึ่งมีมีนาอยู่ และก้าวขึ้นไปยังส่วนแท่นพิธีที่สูงกว่าพร้อมกล่าวคำพูดเรื่อยไป ในมือถือกริชซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธี

    สิ่งที่เจ้าจำต้องสละแก่ข้านั้นใหญ่หลวง มนุษย์เอย ด้วยไร้สิ่งใดที่จักนำมาซึ่งสิ่งที่ผิดกฏเกณฑ์ธรรมชาติได้.. นอกเสียจากชีวิตของเจ้า...ที่จะทำให้ความปรารถนาของข้าและเจ้าเป็นจริง...จงกล่าวเถิด ว่าจักให้ข้านำส่วนใดของร่างกายเจ้าไปดับทุกข์แก่ผู้คนของเจ้า

    หากเป็นเช่นนั้นแล้ว โลหิตนี้ ขอจงหลั่งรินเป็นสายน้ำซึ่งมิมีวันเหือดแห้ง ร่างกายนี้จงโอบอุ้มน้ำมิให้หายไปไหน สองมือนี้จงกลายเป็นปราการแกร่งปกป้องภยันตรายให้หายไป ดวงใจจงเป็นดั่งเสาหลักให้พักพิง..ชีวิตนี้ข้าขอสละแก่ท่าน เพื่อความปรารถนาที่สมประสงค์ของข้าและท่าน

    บัดนี้เจ้าได้มอบชีวิตแก่ข้าแล้ว อย่าได้เสียใจในสิ่งที่เป็นไปไป ความปรารถนาของข้าสัมฤทธิ์ผลเมื่อใด เมื่อนั้นเอง ที่เจ้าจักสมปรารถนา...แม้ชีพวายวอดแล้วก็ตาม ขอข้าได้ถามอย่างแน่ใจ เพื่อความปรารถนาของข้าและเจ้า...เจ้าจักยินยอมพร้อมมอบชีพให้แก่ข้าหรือไม่

    ด้วยสัจจะยิ่ง ข้าจักมอบชีวิตของข้าแก่ท่าน แด่ความปรารถนาของท่านและเรา..


    หัวหน้านักบวชแสยะยิ้ม จับกริชในมือแน่นจนสั่นสะท้าน

    มีนาลุกขึ้นยืน รอคอยการกล่าวจบพิธี หัวหน้านักบวชยกกริชขึ้นซึ่งตามที่ได้รับการบอกกล่าว มันจะถูกวางลงบนมือเธอเพื่อกรีดเลือดเป็นการบอกจบพิธี แล้วสั่นคฑาให้เสียงกระดิ่งดังกังวาน แต่แล้วบางสิ่งกลับผิดแผก

    เหตุใดชายชราจึงไม่ส่งกริชให้เธอ?

    ภายใต้ราตรีนี้ ขอแสงจันทร์ที่ห้าจงเป็นพยานแด่เครื่องบรรณาการแห่งชีวิตที่มอบให้!

    หญิงสาวขมวดคิ้ว งุนงงกับคำพูดนั้น หัวหน้านักบวชแสยะยิ้มสุดริมฝีปากจนดูวิปริต ก่อนจะง้างกริชขึ้นสุดมือ แล้วแทงลงไปที่หน้าอกข้างซ้ายของมีนาเต็มกำลัง!!

    มีนา!


    .

    .


    ฉึก!


    กริชสีเงินปักลงบนพื้นหินเสียงดัง หัวหน้านักบวชชราขมวดคิ้วโกรธขึ้งไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองผู้ที่ดึงร่างเหยื่อของเขาออกไป แล้วใบหน้าจึงพลันบูดเบี้ยวยิ่งกว่าเก่าเมื่อพบว่ามันผู้นั้นคือใคร

    เดรย์ ซอร์เซ่

    กล่าวเล็ดไรฟัน เคียดแค้นเกินจะประมาณ อีกเพียงนิดเดียว..เขาก็จะได้มาครองแล้วแท้ๆ..!

    แกจะมาขวางเราทำไม ไอ้ปิศาจ!!

    ด่าคนอื่นไม่มองหน้าตัวเองเลย ใครจะยอมให้ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาฆ่าพี่สาวตัวเองล่ะกล่าวพลางกอดมีนาไว้แน่น หลังก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นหลังกระโดดมาคว้าตัวมีนาแล้วกลิ้งไปด้วยกัน โชคดีที่กริชแค่เฉี่ยวแขนเขาไปนิดหน่อยแต่ไม่โดนตัวมีนา เดรย์ถอนหายใจโล่งอก ดวงตาเรียวมองใบหน้าบิดเบี้ยวของชายชราที่ยับยู่ยี่เข้าไปใหญ่ตามแรงโกรธ

    เดรย์ ตกลงนี่มันอะไรเนี่ยมีนาซึ่งกำลังงุนงงเงยหน้าถามน้องชายที่ดึงหล่อนออกมาจากอันตราย เดรย์ก้มมองพี่สาวแล้วคลายกอด ก่อนจะกล่าวความจริงออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร

    พี่มีนา ฟังนะ ผู้ชายคนนั้น..ไม่สิ ตาแก่คนนั้นต้องการทำให้ตัวเองเป็นอมตะ..ก็เลยทำพิธีขึ้น โดยมีเธอเป็นเหยื่อบูชายัญ..พิธีนั้นคล้ายกับพิธีขอบคุณพระเจ้าต่างกันที่เวลา แล้วก็.....

    “..นี่คือเรื่องที่เกิดกับฟิวส์เมื่อสองปีก่อนสินะ

    อือ....เดรย์ผงกหัว มองพื้นนิ่งไปซักพักเมื่อครุ่นคิดถึงอดีต ก่อนจะเงยมองแววตาของพี่สาวที่บ่งบอกว่าเชื่อคำพูดของเขาอย่างไม่มีความเคลือบแคลงใจ

    พี่มีนาเป็นแบบนี้เสมอ

    ต่อให้คนทั้งโลกไม่อยู่ข้างๆเขา  พี่มีนาก็ยินดีจะยืนอยู่ข้างๆ

    “...น่าดีใจแฮะ

    หืม?”เดรย์อุทานงุนงง มองพี่สาวที่ยิ้มเผล่ หัวเราะแผ่วเบา อะไร??”

    เธอเรียกฉันว่าพี่แล้วนะ เจ้าน้องบ้าหญิงสาวยิ้มแฉ่งให้อีกฝ่าย มือเรียวบางยกมือตีเบาๆกลางแสกหน้า ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆอืม..อืม...นั่นสิ...

    ส่งนางคืนมา!! เจ้าเด็กไร้ค่า!

    เรื่องดิ


    ตอบกลับแบบไม่ต้องคิด ยืนขึ้นพร้อมประคองมีนาซึ่งบัดนี้ชุดสีขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน ชายหนุ่มดันร่างของพี่สาวไปไว้ข้างหลังตน แล้วมองชายชราด้วยสีหน้าที่ไร้วคามขลาดกลัว ฉันจะไม่พลาดเหมือนสองปีก่อน เจ้าปิศาจ

    เราน่ะรึ? ปิศาจ แกสิปิศาจ จะให้ถามชาวบ้านไหมว่าระหว่างแกกับเราเขาจะเชื่อใจ เป็นเรา?? เผลอๆพวกแกสองพี่น้องอาจจะโดนฆ่าด้วยซ้ำ! เจ้าลืมเรื่องเมื่อสองปีก่อนไปแล้วรึ ในตอนนั้นมีใครเชื่อบ้าง? ว่าเราเป็นคนฆ่า? ทุกคนบอกว่าแกเป็นคนทำ จำได้หรือไม่!! เจ้าพวกนั้นโง่เขลาจะตายไป แค่เราทำอภินิหารก็เชื่อ แค่โจรบุกมาแทนที่จะต่อสู้กลับเอาแต่พึ่งพระเจ้า!! เจ้าพวกโง่เขลานั่น.หึ...หึ..

    โจรบุก..แล้วก็หายไปหลังเสร็จพิธี..นี่แก....

    เราเป็นคนจ้างคนเหล่านั้นมาเอง...เพื่อให้เจ้าพวกโง่เขลายอมเลื่อนวันพิธีเป็นเดือนห้า..แต่ก็ล้มเหลว เราจำต้องเฝ้ารอถึงสองปี...พอน้ำเหือดแห้งไป จึงเป็นทีของเรา!!

    ที่น้ำแห้งไปก็เป็นฝีมือนายงั้นหรือ...

    ไม่ใช่ฝีมือเรา...มันแห้งไปเอง แต่เทพเจ้าก็คงเห็นใจกับการเฝ้ารอของเรา..อีกอย่าง..เราไม่มีความผิดอะไรซักหน่อย ถ้าพวกที่หมู่บ้านมีหัวคิดซักนิดก็คงลุกขึ้นสู้ ไม่ใช่งมงายเช่นนี้ แกไม่คิดบ้างรึว่าเป็นความผิดของพวกมัน ไม่ใช่ของเราหรือของแก เป็นของพวกมันที่งมงาย ถ้าพวกมันไม่เลื่อนวันพิธีเราก็ทำพิธีที่เราต้องการไม่ได้? เจ้าไม่คิดรึว่าความผิดของพวกมันที่คิดว่าแกเป็นปิศาจ!!

    มีนาดึงเสื้อของเดรย์เอาไว้ เงยมองใบหน้าของชายหนุ่มที่เริ่มเคร่งเครียด

    “….ก็แค่ความเชื่อคนอื่น คนเราถ้าอ่อนแอก็ต้องหาที่ยึดเหนี่ยว ที่งมงายก็เพราะอยู่กับมันมาทั้งชีวิต อีกอย่าง แค่คนๆเดียวที่เชื่อฉันในทุกเรื่องที่ฉันทำ ฉันก็พอใจแล้วเดรย์ตอกกลับ กระชับมือของมีนา อย่างกับแกไม่เคยงมงายในสิ่งที่แกตามหา

    งมงาย? น่าขัน เราค้นคว้ามันมาทั้งชีวิตจนรู้ว่ามันทำได้จริงและเกิดขึ้นได้จริงต่างหาก อา...ความรักของพี่น้องรึ?ความเชื่อใจ? น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ ส่งนางคืนมา!! เพื่อที่เราจะได้ในสิ่งที่เราปรารถนา!!

    ไอ้ความอมตะมันมีดีขนาดไหนแกถึงฆ่าคนได้ลงคอ!!

    หึ..หึ...ฮ่า ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.!!!!!!!!!!!..หัวหน้านักบวชหัวเราะร่าวิปริต เสียงหัวเราะดังไปทั่ว แทบจะก้องกังวานและสั่นสะเทอินในถ้ำหิน ชายชราหัวเราะ หัวเราะราวกับคำพูดนั้นมันตลกอย่างมาก ไม่ควรถามอย่างมาก ก่อนเสียงหัวเราะนั้นจะหยุดลง ดวงตาฝ้าฟางหันมองเดรย์ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงริษยา ความเยาว์วัย....น่าอิจฉาจริงๆ............. แกดูเราสิ ใบหน้าเหี่ยวย่นซูบผอม ร่างกายไร้เรี่ยวแรง อายุที่เริ่มโรยรา ความหล่อเหลาเปล่งปลั่งของผิวที่เริ่มจากเราไป..  เราจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี??  บอกมาสิว่าใจจริงแกไม่เคยปรารถนาว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ให้นานค้ำฟ้า บอกสิว่าแกอยากแก่เฒ่าไป กลายเป็นตาเฒ่าเหี่ยวๆน่าเกลียด....

    หัวหน้านักบวชเม่าแสยะยิ้มแกก็ไม่อยากแก่ใช่ไหมล่ะ

    เรายังต้องการอะไรอีกมากมายเหลือเกิน เราจะไม่หยุดที่หมู่บ้านสวะนี่ เราจะไปให้สูง ไปยังนครที่ฟู่ฟ่าหรูหรา ไปยังจุดสูงสุด เราไม่ต้องการสูญเสียสิ่งที่เราเฝ้าสั่งสมขึ้นมาไป ทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง เราจะยังตายไม่ได้ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เราเสาะหาไปทุกที่ที่จะมีวิธีการสู่อมตะ แต่เหล่านั้นล้วนเป็นเพียงนิยายปรัมปราที่ทดลองแล้วทดลองเล่าก็ไม่สำเร็จ เราเฝ้าเค้นหาทุกทีจนได้เบาะแส...

    มีคนเคยได้ทำพิธีอมตะที่นี่ เราเฝ้าตามหาจากศิลาหินที่สักพิธีกรรมไว้ และแล้วก็เจอมัน..ศิลาสักที่มีพิธีบอกไว้ตรงกับที่เราสิบมาหลากหลายแห่ง ตอนนั้นเอง เราสมัครเป็นนักบวชของที่นี่ ใช้เส้นสายและความน่าเลื่อมใสนิดหน่อย จากนั้นก็วางยาหัวหน้านักบวชผู้โง่เขลาทีละนิดจนตาย..แล้วเราก็ขึ้นเป็นแทน...เราพยายามแกะอักขระนั้นอยู่สองปี... มันไม่ยากเลย.. แค่สวมทับลงบนพิธีนี้เท่านั้น แต่ที่ยุ่งยากหน่อยก็ตรงเวลา...



    “                 ณ วันเพ็ญ เดือนห้า ของปีรอบ    

    ให้คำตอบ ซึ่งนิ รันดร์วิถี

    อันเวลา มีเพียงสาม วันพิธี       

    เพื่อครองที่ สมบัติ อันพึงการ

    วันแรก จงสลัก ซึ่งอักษร      

    ลงบนกลอน ศิลา แห่งวิหาร

    สองนั้นจง อาบซึ่ง วารีธาร         

    แด่ผู้หาญ ซึ่งเจ้า จักบูชา

    วันสามนั้น ยามค่ำ จงรำลึก      

    พึงสำนึก ว่าสำคัญ เป็นนักหนา

    จงกล่าวคำ บูชา ให้เทวา         

    จงเมตตา บันดาลข้า สู่นิรันดร์

    จงหยิบกริช แทงลง ที่อุรา      

    ของผู้กล้า ที่แสน น่าโศกศัลย์

    เหยื่อบูชา ของเจ้า แน่นิ่งครัน         

    แล้วจงพลันรีบรีด เลือดออกมา

    หยดโลหิต ลงบน แผ่นผิวน้ำ      

    ให้กังวาน สะท้อนสั่น ทั่วหินผา

    จงกล่าวคำ ซึ่งบ่งบอก ความภักดา      

    แล้วตัวข้า จักก่อการ สนองคำ

    ชีวิต นิรันดร์ รอไม่ช้า      

    เพียงพริบตา ห้วงเวลา จักแปรผัน

    ชีวิตเจ้า จักยืนยาว ได้โดยพลัน      

    อย่ารอรัน จงรีบเร่ง แก่กาลเทอญ
    "


    ตึก

    ตึก


    "......รหัสอักขระที่ว่าสลักบนหินนั้น ถ้าแปลเป็นภาษาเราแบบสวยๆก็ราวๆนี้แหละครับ เนื้อหา

    เสียงหวานดังกังวานจากทางปากถ้ำ ปรากฏร่างของบุรุษเพษผู้ผอมบาง เจ้าของเนตรสีทับทิมและเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงแปลกตา...

     “เนลล่า

    คุณเนลล่า

    สองพี่น้องตระกูลซอร์เซ่พึมพำ ดวงตาส่องประกายความหวังและความโล่งใจ เนลล่ามองไปยังสองหนุ่มสาว ก่อนจะขยิบตาข้างหนึ่ง ยิ้มให้พร้อมกล่าวต่อไปดูเหมือนจะทันเวลานะครับ คุณเดรย์

    อา อืมกล่าวตอบ โอบพี่สาวของตนไว้แน่น

    คราวนี้ช่วยไว้ทัน

    แก..เจ้านักเดินทาง

    เสียงแหบพร่าของชายชราดังมาจากอีกทิศ ใบหน้าโกรธขึ้งอีกคราหลังแสยะยิ้มวิปริตไปเพียงเมื่อครู่ เด็กหนุ่มร่างบางยิ้ม ก่อนจะโค้งหราวแนะนำตัว

    ยินดีที่ได้พบกันครับ คุณหัวหน้านักบวช ผมชื่อเนลล่า เลเซเบล ..ว่าแต่ บรรดาโจรที่จ้างมาน่ะวันหลังหาเก่งๆหน่อยนะครับ ไม่คณามือเลย

    กล่าวพลางเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ ไร้รอยแผล ไร้เหงื่อและความเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้ ราวกับเพียงค่อยๆเดินอาดเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งทำให้เดรย์อดขมวดคิ้วสงสัยเนลล่าไม่ได้

    โจรข้างนอกนั้นไม่ได้มีแค่ 4-5คนนะ ราวๆสิบยี่สิบคนได้...

    นี่หมอนี่ไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือ?

    แก...จะมาขัดขวางเราอีกคนเหรอกล่าวเล็ดลอดไรฟัน แต่เนลล่าเพียงยิ้มให้เท่านั้น

    ไม่เชิงหรอกครับ ก็แค่ของที่ผมอยากได้น่ะ มันอยู่ข้างหลังคุณเท่านั้นเองชี้ไปข้างหลังแล้วยิ้มเยือน ชายชราเหล่มองผิวน้ำด้านหลัง ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัยในความต้องการของเจ้าเด็กหนุ่มนักเดินทางตรงหน้าตน




    ...เจ้าเด็กนี่ต้องการอะไร..?

    ดูเหมือนว่าเหตุโจรบุกคราวก่อนจะเป็นฝีมือคุณนะครับ คุณหัวหน้านักบวช เพื่อให้เกิดการเลื่อนพิธี แล้วก็เป็นคนฆ่าหัวหน้านักบวชเพื่อขึ้นเป็นแทน คุณวางแผนแบบนี้ราวๆสี่ถึงห้าปี..แถมยังเป็น.....อดีตมหาอำมาตย์แห่งนครหลวงแซนดีน่า  ฟิลล่า มัวร์ ที่รู้สึกว่าจะมีเบื้องหลังเน่าเฟะอีกต่างหาก ที่ต้องการชีวิตอมตะก็คงเพราะ..จะได้ไม่ตายเวลาถูกตามล่าสินะ? ไปก่อคดีไว้เยอะเชียว

    "เจ้า........!"ชายชราคำราม มองใบหน้าของเด็หนุ่มแล้วสงบอารมณ์ไม่ผิด..เราจะไม่ถามว่าเจ้าไปสืบเรื่องพวกนั้นมาจากไหน แต่ที่นี่ไกลพอที่เราจะกอบโกยสิ่งที่เราต้องการอีกครั้ง....!

    ชั่ววินาทีระหว่างที่สองพี่น้องกำลังฟังการพูดคุยตอบโต้ของสองบุรุษต่างวัยอยู่ ชายชราก็วิ่งไปดึงร่างมีนาออกมา เดรย์ที่กำลังอยู่ในภวังค์เอื้อมมือไปคว้าร่างของหญิงสาว แต่ไม่ทัน บัดนี้กริชแหลมจ่ออยู่ที่คอของมีนาแล้ว

    “....แต่น่าเสียดายที่ครั้งก่อน พิธีพังไม่เป็นท่าแบบนั้น หึหึ..แต่ครั้งนี้จะไม่เป็นแบบนั้น เพระครั้งนี้ เหยื่อที่เราใช้คือผู้ที่สืบสายเลือดของหัวหน้าหมู่บ้านในครั้งนั้น...หึ..หึ....

    หมายความว่า ในตอนนั้นมีการบูชายัญลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อความอมตะของใครบางคนสินะครับ

    ถูกต้อง ดูเหมือนเบื้องหน้าเป็นการวิงวอนขอน้ำ แต่ที่จริงก็แค่การแลกเปลี่ยนบูชายัญ.. ดูเหมือนเลือดของเขาจะมีความพิเศษ สองปีที่ผ่านมาเราลองสืบค้นข้อมูลจึงรู้ว่าสิ่งจำเป็นอาจเป็นเลือดของผู้สืบสายเลือด...เราต้องตามหาแทบตายว่าเลือดนั้นตกไปอยู่ที่ใคร ในที่สุดก็ได้รู้..ว่าตระกูลซอร์เซ่เป็นตระกูลของหัวหน้าหมู่บ้านที่ถูกลืมเลือน

    เหรอครับ เดรย์หันไปทางเดรย์ ต้องการคำตอบที่แน่ใจ และชายหนุ่มก็ผงกหัวพร้อมกล่าวเสริม

    “..ที่นี่เมื่อก่อนตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านสืบตามสายเลือดก็จริง แต่ราวๆสิบกว่าปีก่อนเปลี่ยนระบบใหม่ ให้ใช้การเลือกตั้งคนที่สมควรแทน

    อืม แบบนี้นี่เอง สายเลือดถึงขาดตอนจนหายากเนลล่าผงกหัวเข้าใจ

    เฮ้ย เนลลี่ พี่ฉัน!!เดรย์ตะโกนใส่คนที่ยังยืนนิ่งถามโน่นถามนี่ทั้งที่พี่สาวเขาโดนจับอยู่ เนลล่ายังคงยืนนิ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป

    ได้ข่าวว่าสองปีก่อน คุณได้บูชายัญฟิวส์ พิสทามอฟ ลูกชายคนปัจจุบันของหัวหน้าหมู่บ้านไป แต่กลับผิดพลาดสินะครับ

    ถูกต้อง...น่าเสียดายที่พิธีในครั้งนั้นล้มเหลว แต่ครั้งนี้จะไม่เป็นแบบนั้น.....กริชแตะลงบนคอมีนา เลือดไหลซึมออกมาจนหญิงสาวรู้สึกแสบ เดรย์มองด้วยความโกรธา มือกำแน่นจนจิกลงบนเนื้อ

    เนลล่ายังคงยืนนิ่ง ก่อนจะหลับตาลง กอดอกถอนหายใจคล้ายเหนื่อยหน่ายมันไม่ได้พัง...

    เอ๋?”

    เสียงอุทานดังขึ้นจากปากบุคคลทั้งสามในถ้ำ นอกเหนือจากเนลล่า

    พิธีนั้นไม่ได้พังหรอกครับ มันสมบูรณ์และเป็นไปด้วยดี ศิลาสลักบอกความหมายของพิธีครบถ้วน มันไม่ได้บอกว่าต้องใช้เลือดใคร ขอแค่คนผู้นั้นกล่าวคำยินยอมมอบร่างกายเป็นพอ มันก็แค่..........

    ...มันก็แค่ว่า ไอ้รหัสที่ว่านั่น ไม่ใช่วิถิแห่งความอมตะ

    ความเงียบกลืนทุกสิ่งไปชั่วขณะ

     “…ว่าไงนะ...แก... เอาอะไรมาพูด ฉันค้นคว้าแทบเป็นทบตายถึงจะแน่ใจได้ว่ามันจะสำเร็จ!! ไม่ใช่แค่เจอหินแล้วจะเชื่อได้!!  มันเป็นวิถีสู่ความอมตะ!!! แล้วเด็กอย่างแกมีสิทธิมาพูดอะไรกับคนที่หาข้อมูลมาตลอดอย่างฉัน"

    ผมไม่มีความรู้อะไรจะบอกคุณหรอกนะครับ เพียงแต่หลังจัดการบรรดาโจรที่คุณจ้างมาเสร็จ ผมก็ดอดไปแอบอ่านหนังสือราวๆสี่ห้าเล่มที่ห้องสมุดของวิหารแล้วก็ไปอ่านอักขระรหัสบนนั้น ซึ่งมันมี..บทต่อของรหัส

    บทต่อของรหัส?”เดรย์พึมพำสงสัย

    ดูท่าคุณจะขี้เกียจแปล เพราะอักขระตรงนั้นมันยุ่งเหยิงจนชวนปวดหัว หรือไม่ก็ไม่ทันสังเกตว่าท่อนต่อไปน่ะกล่าวถึงการต่อชีวิต ไม่ใช่ความอมตะ

    “..หมายความว่าไง

    เสียงสั่นพร่าดังระริก

    พิธีการทั้งหมดเป็นการแย่งชีวิตจากเหยื่อบูชามาต่อชีวิตของตัวเองเท่านั้นครับ นิรันดร์วิถีในนั้นหมายถึงช่วงเวลาที่ยืดออกไป ไม่ได้แปลว่าความนิรันดร์ ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าไม่ตาย เพราะฉะนั้น กว่าที่คุณจะอยู่ยงค้ำฟ้า ก็คงต้องฆ่าคนไปอีกนับร้อยคนเชียวล่ะครับ อ้อ แถมต้องระวังไม่ให้ใครมาฆ่าอีก..ซึ่งยากพอดู..

    เพราะฉะนั้น ถึงคุณฆ่ามีนาไปก็ไม่ได้ความอมตะมาครองหรอกครับ

    มือที่ถือกริชอยู่สั่น ดวงตาลึกโหลของชายชราเบิกกว้าง ความรู้สึกราวกับสิ่งซึ่งก่อร่างสร้างขึ้นมาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    อะไรกัน..ความฝันของฉัน...ที่ฉันอุตส่าห์มาที่นี่...ที่ทะเลทรายที่ไม่มีอะไรนี่..ก็แค่เพื่อต่อชีวิตแบบนั้นเรอะ!!โหยหวน แต่ยังไม่ยอมปลอยร่างของมีนา ถ้างั้น.....

    ถึงจะแค่ชั่วคราว แต่ชีวีตของเธอแล้วกันนะ มีนา!!!!!

    มีนา!

    ผัวะ!!

    ชั่วพริบตาที่กริชจะเขยื้อนปาดคอมีนา ร่างของใครบางคนก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำแล้วตรงเข้าถีบที่หลังของหัวหน้านักบวช เนลล่าขยับกายเข้าใกล้แล้วรับกริชกับร่างของมีนาเอาไว้ มองใบหน้าของผู้ที่โผล่มาช่วยเหลืออย่างกะทันหัน แล้วยิ้มร่าพร้อมยกนิ้วโป้งให้คนใจดี เซฟครับ อิล ทันเวลาพอดี

    “.......วันหลังคิดแผนแบบอื่นบ้างนะ

    เฮ้ย.คุณชาย.......เดรย์ยกมือชี้ไปทางร่างที่ยืนอยู่ข้างหลัง อิลเวสสะบัดหัวไปมาจนน้ำกระเด็นไปทั่วบริเวณ ก่อนจะก้าวเดินออกมาแล้วบิดน้ำที่ปลายผ้าคลุม คิ้วเรียวสีน้ำเงินขมวดคิ้วหงุดหงิดปนรำคาญ ในขณะที่มีนาซึ่งรอดพ้นภัยแล้วส่ายหัวงุนงงคุณเนลล่า..คุณอิลเวส..

    ปลอดภัยแล้วนะฮะ

    กล่าวพลางยิ้มให้ มีนาซึ่งรับรู้คำกล่าวนั้นผงกหัว

    แก...เจ้า.....

    แหมๆ อย่าไปฝากฝังอะไรกับความอมตะที่ไม่ยืนยาวสิครับ..

    ผมจะช่วยให้คุณเป็นอมตะเอง


    ทุกคนในถ้ำตาน้ำเงียบกริบ ไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เด็กหนุ่มกล่าวออกมา หัวหน้านักบวชชราขมวดคิ้ว มองดูเนลล่า เลเซเบล ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

    “...แก.....

    คุณพูดอะไรออกมาน่ะ คุณเนลล่า!!มีนากรีดร้อง มองใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางที่ประคองกายเธออยู่ หัวหน้านักบวชชราแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามแกมหยัน

    แกจะช่วยอะไรฉันได้ เป็นเหยื่อบูชายัญอีกคนรึไง

    ผมไม่โง่พอสละชีวิตตัวเองให้คนอย่างคุณหรอกครับ อีกอย่างแบบนั้นมันก็แค่ความอมตะที่ไม่ยั่งยืน ผมจะมอบความอมตะที่แท้จริงให้คุณต่างหากล่ะเนลล่ากล่าว รี่ดวงตาลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเน้นความ

    ไม่ทราบว่ารู้จัก ผู้พรากความตายไหมครับ



    ผู้พรากความตาย..

    ชื่อนั้นถูกบันทึกในฐานะนามที่ใช้เรียกผู้ไร้ความตาย..บุคคลอมตะซึ่งใช้ชีวิตโดยกลืนกินความตายของผู้อื่น
    มนุษย์ที่ถูกกลืนกินความตายจะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ หรือไม่ก็จำต้องกลับกลายเป็นผู้พรากความตายเฉกเช่นเดียวกับผู้ที่พรากความตายไปจากตัว
    ไม่มีใครรู้ถึงที่มาของเผ่าพันธุ์นี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ที่ใด
    ไม่มีวัยของเผ่าพันธุ์ที่บ่งบอก ไม่มีจุดเด่นชี้ชัดว่าเป็นเช่นไร
    บางครั้งใช้ชีวิตในห้วงราตรี บางคราก็แฝงชีพเช่นคนธรรมดาจวบนิรันดร์
    ..เผ่าพันธุ์ซึ่งยังดำรงอยู่ที่มีความลับมากที่สุด...



    ความหวังแรกที่เขาคิดถึง ความหวังที่เป็นไปได้ที่สุดและริบหรี่ที่สุดด้วยตามหาตัวยากยิ่ง..แต่บัดนี้..มันมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว..!!

    ผู้พรากความตาย..ถ้าเช่นนั้น......ชายชราเอ่ยแห้งผาก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังแสยะขึ้น ในขณะที่เดรย์เริ่มหวาดกลัวและตื่นตระหนก จนถึงกับตะโกนออกไปด้วยความสับสน

    นายกำลังคิดบ้าอะไรน่ะ! เนลลี่ มีนาปลอดภัยแล้ว นายจะไปแลกเปลี่ยนอะไรอีก ไม่เห็นหรือไงว่ามันกำลังเสียเปรียบ!!

    ถ้ามันไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาเสียที  กี่ปีๆก็จะทำแต่เรื่องเดิมๆ อย่าลืมสิว่าปีหน้าอาจไม่มีนักเดินทางอย่างฉันกับเนลล่ามาช่วยเหลือ และต่อให้นาย ฉัน หรือเนลล่าฆ่ามันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี นายจะถูกกล่าวหาซะเปล่าว่าฆ่ามันอิลเวสกล่าว ขณะก้าวย่างไปยืนอยู่ข้างๆด้วยสภาพเปียกม่ะล่อกม่ะแลก ดวงตานิ่งไร้อารมณ์ไม่แพ้เพื่อนร่วมทาง


    แล้วเราจะแน่ใจได้ยังไง..ว่าแกเป็นผู้พรากความตายตัวจริงชายชราเอ่ยหวาดระแวง ดวงตาขมวดมุ่นหรี่มองเด็กหนุ่มร่างบางผู้ประกาศตัวเป็นผู้พรากความตายบางทีแกอาจคิดจะฆ่าเราก็ได้...

    ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นอย่างที่หนุ่มน้อยบอกไงครับ ฆาตกรที่จะถูกสงสัยและตีตราใส่ไม่ใช่ใครนอกจากผู้ที่ถูกกล่าวหาอยู่ก่อนนมนาน เดรย์ ซอร์เซ่เสียงทุ้มที่ยังดูหนุ่มแน่นดังขึ้น ปรากฏร่างเจ้าสำอางค์ของนักบวชผู้ใกล้ชิดของหัวหน้านักบวชชราเป็นเรื่องที่น่าสมเพช แต่เป็นความจริง

    เก็น!! โอสวรรค์โปรด..ชายชราพึมพำ ดวงตาเบิกกว้างเปรมปิติ ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์อีกกลุ่มใหญ่ที่พร้อมจะกระโจนเข้าทำร้ายตามคำสั่งทุกเมื่อ  ก่อนรอยยิ้มแสยะจะปรากฏบนใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยบัดนี้มีชัยเหนือกว่า

    ขออภัยด้วย ท่านหัวหน้านักบวช แต่เพราะเห็นว่าที่ตาน้ำไร้เงาคนเดิน จึงได้ลองมาดูเสียหน่อย ดูเหมือนว่า..เราจะมาถูกจังหวะ

    ใช่ ถูกต้องแล้วเก็นฟังเสียงพร่าที่แสนเย้ยหยันยินดีของหัวหน้านักบวชแล้วเหล่มองเนลล่า อิลเวส และสองพี่น้องตระกูลซอร์เซ่ ก่อนชายชราที่ถือไพ่เหนือกว่าจะกล่าวขึ้นอย่างถือตัว เอาล่ะ อะไรที่จะทำให้ฉันเชื่อว่าแกเป็นผู้พรากความตาย

    คำพูดนั้นทำให้เนลล่าขมวดคิ้ว

    หลักฐานงั้นหรือครับเด็กหนุ่มครุ่นคิด หาสิ่งที่จะยืนยันสถานภาพของตน แต่แล้วร่างในเงามืดก็พลันปรากฏขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับกระชับดาบเตรียมฟาดฟันลงมา!!

    เนลล่า! ระวัง!

    เดรย์ตะโกนอุทานพร้อมเสียงกรีดร้องของมีนา อิลเวสยืนนิ่งดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนก เนลล่าไหวตัวทันหันไปหาผู้ลอบโจมตี แต่ไม่เร็วพอจะหลีบหนีหรือปัดป้อง ดาบเล็กเรียวแทงเข้าที่ตำแหน่งของหัวใจ จากด้านหน้าทะลุไปถึงด้านหลัง พร้อมบิดเกลียวให้แผลเปิดกว้างพร้อมกระชากออก ร่างบางกระตุกด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมบนเสื้อสีขาวจนเป็นสีแดงฉานที่ตัดกัน ร่างของเนลล่าทรุดฮวบลงนั่งกับพื้น มือเรียวบางกุมบริเวณที่ถูกแทงลงมา ก่อนจะพลันล้มลงแน่นิ่งกับพื้นหินเย็น

    ชายเจ้าของดาบเรียวยาวแสยะยิ้ม เผยตัวจากความมืด ปรากฏร่างของบุรุษเพศเจ้าของเรือนมสีทองเป็นประกาย ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองร่างที่ล้มลงไปกับพื้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะกล่าวพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันดูแคลน “...ถ้าเป็นอมตะจริงก็ต้องไม่ตายสิ จริงไหม?”

    แบบนี้มันโหดร้ายไปแล้วนะ!!

    มีนาตะโกนก้อง น้ำตาไหลอาบแก้ม อารมณ์ที่พยายามกดไว้ด้วยความใจเย็นภายในปะทุขึ้นมา ทั้งเรื่องที่โดนหลอกมาบูชายัญ เรื่องที่ว่าฟิวส์ตายเพราะเรื่องบ้าๆอย่างการเป็นอมตะ แล้วคราวนี้..คนที่ช่วยเหลือเธอกับน้องชายยังต้องมาตายไปอีก!!

    นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!

    ดวงตาสีเทาจางของหญิงสาวเปล่งประกายความโกรธขึ้ง ก่อนจะตะโกนกร้าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ ร่างบางพยายามจะเดินไปซัดใบหน้าชรานั่นซักครั้ง แต่เดรย์ก็วิ่งมารวบร่างบางไว้ เลวทรามที่สุด! ฆ่าคนได้ลงคอ! แถมยังเพื่อความเห็นแก่ตัวของตัวเอง!! ใอ้พวกชาติชั่ว! หัวใจพวกแกทำด้วยอะไรฮะ!? กินอะไรเป็นอาหารถึงได้เลวผิดมนุษย์มนาแบบนี้!

    แล้วพวกเธอกินอะไรล่ะ ถึงได้โง่โดนหลอกมาฆ่าทิ้งแบบนี้ชายหนุ่มเอ่ยพลางแสยะริมฝีปาก มีนาชะงักกับคำพูด เพลิงโมหะยิ่งปะทุ ชายหนุ่มผู้ลงดาบหัวเราะร่า เรียวลิ้นเลียเลือดที่ติดบนดาบเรียวยาวของตนอย่างสนุกสนาน มองดูร่างที่ดิ้นพล่านด้วยความโกรธาของหญิงสาว ก่อนจะพลันขมวดคิ้วเมื่อรสของเลือดไม่ใช่รสของเหล็กอย่างที่เคย

    ...รสนี้มัน..

    สิ่งที่บ่งบอกความเป็นผู้พรากความตายมีสามข้อหลักๆ..เสียงทุ้มดังมาจากชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินยาวผู้เดินออกมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ความแค้นหรือความโกรธขึ้งจากการสูญเสียเพื่อนร่วมทาง ร่างนั้นก้าวย่างออกมาจนหยุดที่ตรงกลาง ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วกล่าวต่อไปข้อแรก มีพลังที่จะควบคุมธาตุต่างๆได้หนึ่งธาตุ

    ชายหนุ่มร่างสูงยกมือขึ้น ขยับเป็นวงกลม พลันสายน้ำในทะเลสาบกว้างก็ขึ้นหมุนวนกลางอากาศ ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ผิวน้ำดังเดิม ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายในถ้ำหินสีน้ำตาล

    ข้อสอง รสชาติและกลิ่นเลือด..จะพลันแปรเปลี่ยนเป็นดอกไม้หลากพันธุ์

    ข้อสามเมื่อไร้ความตายย่อมไม่อาจตายได้..เรียกง่ายๆว่า...เป็นอมตะ

    ใช่ครับ.....

    เสียงดังมาจากร่างที่แน่นิ่งกับพื้น เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวเหลือบม่วงค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งมีเลือดไหลออกมานิดหน่อย เนลล่าใช้แขนเสื้อปาดเลือด ก่อนจะยืดกายขึ้นเต็มตัว มือเรียวกุมบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึมอยู่บ้างนิดหน่อย ให้ตายสิ ถึงไม่ตายแต่ก็ไม่ใชว่าไม่เจ็บนะครับ เล่นแรงจังเลย

    กล่าวไม่จริงจังราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ใบหน้าขมวดคิ้วราวกับกำลังด่าทอเพื่อนฝูงที่เผลอเล่นแรงๆ

    คุณเนลล่า...

    มีนาพึมพำพลางปาดน้ำตา ความรู้สึกโกรธขึ้งพลันจางหาย แต่น่าแปลกที่สิ่งที่พุ่งพรวดขึ้นมาหาใช่ความดีใจไม่ มันคือ.. ความหวาดกลัว....ลึกๆ....

    ..ความอมตะ?

    เดรย์ขมวดคิ้วมอง เหงื่อเย็นๆไหลออกมา

    ..บรรยากาศเย็นลง

    เก็นมองดูร่างที่ยืนขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว เหล่มองดวงตาเบิกกว้างของชายชราที่กำลังส่องประกายความยินดีมากขึ้นทุกที ก่อนจะหันไปถามชายผมทองแกแทงที่หัวใจใช่ไหม

    ชายเจ้าของเรือนผมสีทองเบิกตากว้าง กำลังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น นานพอสมควรจึงจะหันไปตอบคำถามแก่นักบวชหนุ่มเจ้าสำอางค์  “...ข้าเสียบตรงหัวใจ..จังๆ..ยังรู้สึกได้เลยว่าหัวใจมันเต้นอยู่ ผ่านทางดาบ

    ก็แทงเข้าหัวใจแหละครับ แถมบิดดาบขนาดนั้นอีก บอกตามตรง ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ลงไปนอนตายแล้วล่ะผู้ถูกทำร้ายถอนหายใจเบื่อหน่าย กุมบาดแผลที่ยามนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เหลือก็แต่เพียงเพียงกลิ่นดอกไม้ที่ลอยอวลจากเลือดที่หลั่งริน เนลล่าถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายเต็มที ทีนี้เชื่อรึยังครับ? ว่าผมเป็นผู้พรากความตาย

    อา เชื่อแล้ว!..ถ้าเช่นนั้น..เอาความตายของเราไป!! เร็วชายชราร้อนรน รี่วิ่งเข้าไปจนหยุดยืนอยู่ห่างไกลไม่กี่ก้าว เหล่าชายฉกรรจ์ระแวดระวัง แต่หัวหน้านักบวชกลับถลึงตามองราวไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเขาตอนนี้ เนลล่ายืนมอง ละมือจากบาดแผล ยื่นมืออกไปข้างหน้าพร้อมกล่าวขึ้นต้องการให้ผมกินความตายของคุณไหมครับ?”

    แน่นอน!!

    เนลล่า หยุด!! อย่าไปทำให้มันเป็นอมตะ!!

    เดรย์ตะโกนร้อง..แต่ดูเหมือนจะไร้ผล

    ถ้าเช่นนั้น...การตกลงแลกเปลี่ยนก็สัมฤทธิ์ผล

    นาทีที่เนลล่าก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เส้นแสงบางเฉียบก็ล้อมรอบร่างทั้งสองเป็นวงกลม สายลมพัดกรูแผ่วเบาจากด้านล่างพร้อมแสงสว่างที่หมุนวนขึ้นมา มือเรียวสองข้างยื่นเข้าไปแตะที่ตัวของชายชรา ก่อนกลุ่มแสงเล็กๆจะลอยออกมาจากหน้าอกของหัวหน้านักบวช กลุ่มแสงนั้นมีสีคล้ำแดง มืดมิดและขุ่นคลัด เนลล่าขมวดคิ้ว แต่ก็แตะมันลงที่ริมฝีปาก ก่อนแสงจากเส้นแสงจะพลันสว่างวาบจนขโมยความสามารถในการมองเห็นไปชั่วขณะ

    ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อประทังชีพครับน้ำเสียงราบเรียบดังจากร่างเจ้าของเรือนผมสีขาวอมม่วง เนลล่าแตะที่ริมฝีปากด้วยท่าทีพะอืดพะอมหน่อยๆ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วปล่อยออกมา

    หัวหน้านักบวชชรายืนนิ่งอึ้ง ยกมือสองข้างขึ้นมอง สงสัยด้วยไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆต่อร่างกาย ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงงนี่เรา..เป็นอมตะแล้วรึ..

    “..ก็ใช่สิครับ ก็ผมกินความตายของคุณไปแล้วนี่  ลองกรีดแขนตัวเองก็ได้ครับ สิบสองชั่วโมงหลังเพิ่งถูกกินความตายบาดแผลจะยังหายเร็วอยู่

    เก็น!! เอากริชมา!หัวหน้านักบวชรี่วิ่งกึ่งเดินไปทางชายเจ้าสำอางค์ ดวงตาลึกโหลเบิกกว้างแสดงออกถึงความตื่นเต้นปรีดา มือเหี่ยวย่นคว้าเอากริชมาจากมืออีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆกรีดเนื้อบริเวณแขนของตนด้วยมืออันสั่นเทา เลือดสีแดงสดไหลรินออกมา ความเจ็บปวดแล่นพล่านจากบาดแผลสู่เส้นประสาทมุ่งตรงไปยังสมอง ก่อนจะพลันขาดช่วงไป เมื่อบาดแผลค่อยๆสมานตัวกัน

    จนกระทั่งผิวกลับมาปิดสนิทเช่นเดิม

    “...โอ..ความอมตะ เราเป็นอมตะแล้ว!!นักบวชชรากรีดร้องด้วยความยินดี รอยยิ้มแสยะจนสุด เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังก้องกังวานจนแม้แต่ชายฉกรรจ์กองโจรยังต้องนิ่วหน้ากับความวิปริตนั้น

    เนลล่ามองร่างนั้นด้วยสายตาที่ยากเกินจะเข้าใจ ก่อนเด็กหนุ่มร่างบางจะพลันกวาดสายตามองไปรอบกาย

    มีใครอยากจะเป็นอมตะอีกไหมครับ?”เด็กหนุ่มร่างบางกล่าว แววตาที่กวาดแปลกไปจากเดิม..แปลกกว่าดวงตาสดใส..แปลกกว่าดวงตาเศร้าสร้อยเจ็บปวด..

    แววตาลึกล้ำน่าสะพรึง..

    เหล่ากองโจรรู้สึกได้ถึงขนตามร่างกายที่กำลังพากันลุกชัน ไม่รู้เพราะเหตุใดความปรารถนาที่จะเป็นอมตะจึงลดฮวบไปเช่นนี้

    ใช่ พวกเขาย่อมปรารถนาในความไม่แก่ไม่ตาย แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะได้มันมาจากเด็กหนุ่มผู้นี้ อาจเพราะดวงตาอันแปลกประหลาดและความหลากอารมณ์ที่เดาไม่ถูกของเนตรทับทิมคู่นั้น..ของผู้พรากความตาย

    ..เก็นมองไปยังชายเจ้าของเนตรสีทองและเรือนผมสีน้ำเงิน น่าแปลกที่ชายคนนี้ดูสงบนิ่งไร้อารมณ์ เก็นรู้ดีว่าในตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกถึงกลิ่นอายประหลาดจากผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้พรากความตาย คนที่ไม่รู้สึกถึงมันก็คงจะมีก็แต่หัวหน้านักบวชซึ่งลุ่มหลงในความเป็นอมตะที่ได้มา ..ถูกความสุขจากฝันที่สมหวังมาบังตา จนมองไม่เห็นความรู้สึกหนักๆที่ก่อตัวขึ้นทั่วบริเวณ

    หมดธุระแล้ว..........หัวหน้านักบวชเอ่ยพร่า แสยะยิ้มมองเดรย์และมีนาจงขอบคุณซะที่พวกแกไม่ต้องมาตาย....หึ..ฮ่าๆๆๆ!!

    หัวเราะเสียงดังแล้วก้าวเดินออกไปด้วยใจสุข บรรดากองโจรต่างค่อยๆกรูเดินออกไป..ตบท้ายด้วยเก็น

    ดวงตาสีทองและดวงตาของชายเจ้าสำอางค์สบกันครู่หนึ่ง ก่อนเก็นจะเดินออกจากถ้ำไป คงเหลือแต่เพียงสองนักเดินทางและพี่น้องตระกูลซอร์เซ่ทั้งสี่คน


    ...

    “................................เฮ่อ!

    โครม!!

    เด็กหนุ่มร่างบางล้มลงนอนแผ่หลาบนพื้น ถอนหายใจยาว เรือนผมสีขาวเหลือบม่วงแผ่สยายเต็มแผ่นหิน มีนาอุทาน ก่อนจะวิ่งไปยังร่างที่ล้มลงไปคุณเนลล่า!!

    เฮ่อ...เจ็บแฮะ...เนลล่าพึมพำเสียงพร่า หอบหายใจเร็ว ใบหน้าซีดขาวเพราะความเจ็บปวด ต้องเก๊กแทบตายแน่ะ

    หา? เก๊ก จะว่าไป.....ตอนที่โดนธนูนั่นยังสลบไปเลย...

    เดรย์นึกในใจ ขณะที่อิลเวสกลอกตาเบื่อหนาย เดินไปยังตาน้ำแล้วขยับนิ้วมือขึ้น สายน้ำเส้นหนึ่งพลันพุ่งขึ้นแล้วทรงตัวเป็นก้อนน้ำที่เคลื่อนไหวไปมาบนมือของชายหนุ่ม อิลเวสหันมามองเนล่าที่ยังมองแผ่โดยที่สองพี่น้องไม่กล้าแตะต้อง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างกาย

    เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องอิลเวสพึมพำ หยิบผงยาออกมาจากกระเป๋าเล็กๆที่ผูกไว้ตรงเอว แล้วโรยลงบริเวณปากแผลก่อนจะประครองร่างของเนลล่าขึ้น โรยยาอีกตัวหนึ่งลงในก้อนน้ำ แล้วจ่อที่ริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มเนตรทับทิมมีหลายวิธีที่จะทำให้เจ้านักบวชโลภมากนั่นเชื่อ

    ก็วิธีนี้ไม่ยุ่งยากนี่ครับ ..แต่เจ็บบ่นพึมพำอีกครั้ง ขมวดคิวเมื่อน้ำมาจ่อปาก แต่ก็ค่อยๆดื่มเข้าไปอย่างใจเย็น

    “.....นาย.....!!

    มือของเดรย์ยกขึ้นจะตบหน้าของเนลล่า แต่ก็พลันชะงัก แล้วเคลื่อนลงมาที่หน้าตัก ก่อนเจ้าตัวจะยืนขึ้น จ้องมองด้วยดวงตาโมโห รังเกียจ และติเตียน

    นายไปทำให้คนอย่างมันเป็นอมตะทำไม!!

    กล่าวเสียงดังลั่น มือที่กำหมัดแน่นสั่นระริก แววตาต้องการคำตอบ

    เนลล่ามองสบ ก่อนจะกล่าวขึ้นแล้วทำไมผมถึงจะกินความตายของเขาไม่ได้ล่ะครับ?”

    นายก็รู้ว่าหมอนั่นเลวทรามแค่ไหน!! แล้วแบบนี้ นายคิดว่ามันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกนานแค่ไหน? ชั่วนิรันดร์? ตลอดไป? โดยที่เราตอบโต้มันไม่ได้หรือ!!

    อย่างกับที่ผ่านมานายทำได้.?..”ผู้ถูกด่าทอเอ่ยราวไม่ใสใจ หากกระนั้น กลับแทงหัวใจของผู้พูดลงไปดังฉึก เดรย์สั่นทั้งตัวด้วยความโกรธและอับอาย ก่อนจะตะโกนกร้าวขึ้นอีกครา "ที่ความคิดนายมันบัดซบแบบนี้เพราะนายไม่ใชมนุษย์ใช่ไหม? หา ไอ้เจ้าผู้พรากความตาย!!"

    เผียะ!!

    ....ความเงียบเข้าครอบคลุมในชั่วถนัดตา

    “..พี่มีนา.....เดรย์คราง งุนงงมือเรียบๆของมีนาก็ตบฉาดเข้าให้ทีใบหน้าของตน ตบผิดคนแล้ว!!

    ไม่หรอก ถูกแล้ว นายไม่มีสิทธิจะไปว่าเขาแบบนั้น เป็นผู้พรากความตายแล้วยังไงล่ะ? ไม่เกี่ยวกันซักนิด มนุษย์ที่ความคิดแย่กว่านี้ก็มีตั้งเยอะแยะ  และอีกอย่าง ถึงฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่สองคนนี้มีเหตุผลแน่นอน...กล่าวกับเดรย์ แล้วหันไปถามสองนักเดินทาง..ผู้พรากความตายให้แน่ใจ ใช่รึเปล่าคะ ?”

    “....อันที่จริง เค้าคงมีชีวิตไม่ยืนยาวนัก...

    หืม?”

    เนลล่ายกมือปิดริมฝีปากขณะที่ร่างเอนพิงอิลเวส แล้วพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงปนขยะแขยงรสชาติความตายมันห่วยแตกจนผมทนกินหมดไม่ไหวเลยเหลือไว้นิดหน่อยแล้วดันกลับไปหาร่างของเขาน่ะครับ

    ..รู้สึกเหมือนพายุก่อตัวขึ้นช้าๆ..

    “.....เนลล่า

    อิลเวสพึมพำเสียงเย็นจนโจทก์ถึงกับสะดุ้งเฮือก เงยมองใบหน้าคมที่ก้มลงมา "จะ...จ๋า?"

    เธอ....ให้ตายสิ!!

    “...เอ่อ..เอาน่า..อิล..คนพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ไม่ต้องไปสนใจนี่ครับ?”กล่าวให้อีกฝ่ายใจเย็น แต่ตอนนี้ชายหนุ่มร่างสูงคงจะเย็นตามคำสั่งไม่ไหวเสียแล้ว

    เห? ทำไมถึงโมโหล่ะคุณชาย

    อิลเวสโว้ย! ไม่ใช่คุณชายคนตบะแตกว่าหลังอดทนมานาน ก่อนจะโวยวายฉะฉานอธิบายความโดยไม่กลัวจะมีคนไม่เข้าใจการกินความตายโดยที่ไม่กินให้หมดน่ะจะทำให้เกิดอย่างใดอย่างหนึ่งจากสองอย่างนี้ คือโชคดีมีชีวิตอมตะ หรือไม่ก็ความตายพิการจนสมองควบคุมร่างกายไม่ได้ ไม่ต่างกับตายนักหรอก!! แล้วก็ไม่มีไอ้บ้าที่ไหนกินความตายแบบนั้นด้วย!! รู้ไหมว่ามันส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกินความตายมากแค่ไหน!

    เอาน่า เอาน่า อิลเวสครับ ใจเย็นๆน่า

    อา..ถ้าอย่างนั้น..แสดงว่าผลลัพธ์น่ายินดีสิอย่างนี้!!เดรย์ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาพอารมณ์เดิมๆของตนได้อย่างรวดเร็ว  หลังรู้ว่าบางทีการกินความตายครั้งนี้อาจส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อหัวหน้านักบวชชรา

    อึก..................คราวนี้คนโกรธเลยหมดหนทางจะพูดต่อเพราะไร้คนสนับสนุน..รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด

    "อา ช่างๆมันไปเถอะครับ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า......เอาล่ะ...อยากรู้สาเหตุที่น้ำลดไหมครับ?”เนลล่ายืนขึ้น บาดแผลสมานตัวแล้วอย่างรวดเร็ว แม้จะยังเหลือคราบเลือดแดงสดบนเสื้อสีขาวอย่างชัดเจน เดรย์มอฝบหน้าอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้วงุนงง ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วชี้หน้าเนลล่าพร้อมพูดขึ้นมา

     “หา..สาเหตุ?..นี่นาย..อย่าบอกนะว่า..

    ผมทราบแล้วครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    หมายความว่าไงเดรย์ยังคงสงสัย

    ดูเหมือนว่าสองปีที่ผ่านหัวหน้านักบวชจะไม่ใสใจกับการประกอบพิธีขอบคุณเทพเจ้าซักเท่าไหร่ พิธีนั้นเป็นพิธีสำหรับสานต่อผนึกเวทย์ครับ อิลเวส..งมมารึยังครับหันหลังไปถามชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคมหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินคำถาม ก่อนจะโยนก้อนหินเล็กๆมาให้ เนลล่ายกขึ้นมองแล้วหันส่วนที่มีรอยสลักให้เดรย์และมีนาดูเหมือนสัญลักษณ์ที่วิหารสินะครับ

    “..มันคือ?...อะไรคะ??”

    สิ่งนี้เป็นตัวถ่ายพลังครับ จากภูติน้ำที่ถูกสร้างขึ้นสู่ตาน้ำที่นี่ แต่เพราะสองปีที่ผ่านมาไร้การทำพิธีอย่างจริงจัง มนต์จึงเสื่อม ทำให้ภูติน้ำไม่สามารถผลิตน้ำออกมาได้เหมือนเคย น้ำจึงลดลงไปอย่างที่เห็นครับ....ส่วน

    ...แผ่นหินนั้นเป็นของปลอมที่มีคนนำมาสับเปลี่ยนวางไว้ จะมาจากไหนเพราะอะไรผมก็คงไปตามสืบไม่ได้

    ส่วนของจริงมีสองส่วน คือบานประตูวิหารที่ต้องมีการเขียนอักขระ กับเจ้านี่ที่คอยตอบสนองพลังอิลเวสอธิบายต่อ ยื่นมือจากด้านหลังของเนลล่าเดาะนิ้วลงบนหินที่ชื้นน้ำ "แล้ว...เราก็จำเป็นต้อง

    อัญเชิญภูติ

    เนลล่าพูดสั้นๆ ก่อนจะกล่าวคำอันลื่นไหลเป็นท่วงทำนอง

    นามของเราคือเนลล่า เลเซเบล ผู้ถือนามแห่งกุหลาบขาวและธาตุแห่งวาโย บัดนี้เราขออัญเชิญภูติพรายอันสถิตอยู่ ณ เบื้องนี้ จงปรากฏกายต่อหน้าเราในบัดดล

    แสงสว่างวาบ ปรากฏเส้นสายหลากสีพวยพุ่งออกมาจากหินสัญลักษณ์ที่ลอยคว้างกลางอากาศ ละอองสีฟ้าค่ยๆรวมกลุ่มกัน ก่อนจะพลันร่างสีฟ้าของภูติวารีออกมา

    ร่างนั้นมีเรือนผมสีฟ้าอ่อนยาวสยาย ชุดสีขาวยาวรุ่มร่ามประดับไข่มุกสีขาวนวล รูปร่างงดงามหากไม่อาจเดาได้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

    เดรย์มองด้วยดวงตาตกตะลึง..ไม่ใชเพียงความงดดาม แต่ปะปนด้วยความรู้สึกพิศวง

    "..ภูติ..มีจริงงั้นหรือ.."

    "ผู้พรากความตายยังมีจริง ก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ"

    มีนากล่าว มองร่างของภูติที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากละอองสีฟ้าคราม

    ดวงเนตรของภูติตนนั้นหลุบอยู่ใต้เปลือกตาบาง ก่อนจะพลันเบิกขึ้นให้เห็นดวงตาสีฟ้าทะเล  ภูติตนนั้นมองไปยังผู้ที่อัญเชิญตนออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน

    นานแล้ว...ที่ไม่ได้ปรากฏกายออกมาเช่นนี้...

    ......ท่านคือใครจึงสามารถปลดปล่อยข้าออกมาได้ ท่านหญิง


    ..ท่านหญิง

    คำพูดนี้ทำเอาบุคคลทั้งสี่ถึงกับเงียบกริบกันไปพักใหญ่ อารมณ์พิศวงประหลาดจิตพลันทลายลงไปทันทีที่สิ้นสุดประโยคด้วยคำว่า'ท่านหญิง' ก่อนเสียงกลั้นหัวเราะจะดังแผ่วๆขึ้นจากด้านหลัง เนลล่ากระพริบตาพูดไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกล่าวแก้ตัวเป็นพัลวัน

    ผมเป็นผู้ชายนะครับ! ผู้ชาย! ถึงจะหน้าหวานตัวบางแค่ไหนก็เถอะ!เนลล่าโวยวาย ชี้หน้าตัวเองพลางมองด้วยดวงตาหนักหน่ายเหนื่อยใจ ก่อนจะตวัดสายตามองคนที่เหลือซึ่งกำลังกลั้นหัวเราะกันสุดขาดใจ

    ภูติสายน้ำเบิกตากว้าง จ้องมองร่างตรงหน้าแล้วกล่าวด้วยความรู้สึกผิดขออภัย กลิ่นอายของท่านคล้ายเวทย์ของสตรี ข้าจึงพลั้งปาก

    แหม ท่าทางจะไม่ผิดหรอกน่าเดรย์พึมพำแต่ไม่พ้นหูเด็กหนุ่มร่างบาง เนตรทับทิมเหล่มองปราม ก่อนจะถอนหายใจยาว แล้วเงยขึ้นพูดคุยกับภูติสายน้ำตรงหน้าตน

    “.ช่างเถอะฮะ...งั้นอย่างแรก ช่วยทำให้ระดับน้ำกลับมาเป็นเหมือนเดิมทีนะครับ


    รับทราบ

    ภูติแห่งน้ำสะบัดผ้าพลิ้วไหว พลันสายน้ำที่นอนนิ่งก็ไหวกระเพื่อมไปมาอย่างรุนแรง โหมกระหน่ำเป็นคลื่นซาซัดพร้อมเพิ่มปริมาณขึ้นมาจนเอ่อล้นจะปริ่มขอบ ภูติแห่งสายน้ำโบกมืออีกครา และสายน้ำก็หยุดนิ่งไป

    โอโห..

    มีนาครางขึ้นมาในลำคอเมื่อเห็นความมหัศจรรย์นั้น เนลล่ามองสายน้ำที่ปริ่มขึ้นมา ก่อนจะเงยขึ้นมองภูติแห่งสายน้ำอีกครางั้น..อีกเรื่องที่อยากให้ช่วย...รู้จักสิ่งนี้หรือเปล่าครับ

    สิ้นเสียงนั้น ถุงมือสีดำเปลือยนิ้วที่มือซ้ายก็เปิดออก

    สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาไม่ใช่รอยแผลเหวอะหวะอย่างที่เด็กหนุ่มร่างบางบอกกล่าวตั้งแต่แรกเริ่มพบพาน หากแต่เป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่สลักลึกลงไปอย่างประณีตงดงามบนผิวเนื้อนุ่มสีขาวนวลอันตัดกับสีดำสนิทที่ประดับเป็นลายเส้นคดโค้งไปมา..สัญลักษณ์อันอ่อนช้อยงดงามราวดอกกุหลาบแดงหนามแหลม ลึกลับซับซ้อนราวป่าในรัตติกาล..ความรู้สึกที่ประดังเข้ามายามเห็นสัญลักษณ์อันแปลกประหลาดบนมือข้างซ้ายของผู้ที่เป็นเจ้าของมัน

    สิ่งนี้.....ภูติแห่งสายน้ำเบิกตากว้าง นิ้วเรียวบางเย็นเฉียบสัมผัสสัญลักษณ์ด้วยความประหลาดใจ น่าประหลาดนัก..ช่างเป็นอักขระที่วิจิตรแปลกตา...

    สัญลักษณ์นี้...ท่านได้มาแต่ใด....


    สิ้นคำถามนั้น ดวงตาสีทับทิมราวจะส่องประกายแววแห่งความอึดอัดครู่หนึ่ง

    “.เรื่องนั้น..ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ......เนลล่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มหวาน ก้มใบหน้าลงมองพื้นขระมือยังยกขึ้นโดนถูกภูติแห่งสายน้ำกุมไว้ นัยน์ตาหรี่แสง ก่อนจะเงยขึ้นมองใบหน้าของภูติวารีอีกคราผมไม่ทราบจึงปรารถนาที่จะรับรู้...คุณ..พอจะทราบอะไรไหมครับ?..เกี่ยวกับสิ่งนี้..แค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี..

    ภูติแห่งสายน้ำมองรอยสักนั้นอย่างพิจารณา

    สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใหม่..ไม่ได้อยู่ในสารบบแห่งวารี.ไม่ได้อยู่ในพันธะแห่งมนตราใดใดในโลก....มัน...เป็นสัญลักษณ์ที่สูญหายไปแล้วนับแต่โบราณกาล ข้าคงไม่อาจช่วยท่านได้ ท่านชายน้อย

    “..อา...ขอบคุณมากครับเนลล่ากล่าว ละมืออกมาโดยไม่ลืมมองสัญลักษณ์ที่ตนไม่รู้ที่มา ก่อนจะถอนหายใจแล้วรีบใช้ถุงมือคลุมปิด พร้อมหันไปยิ้มแห้งๆให้อิลเวสชวดอีกแล้วล่ะครับ...อิล

    “..ฮื่อ.ก้าวเดินไปยินเคียงข้าง แล้วขยี้เรือนมที่ปกคลุมศีรษะบางเบาๆ

    นายโกหก

    เสียงนั้นเรียกความสนใจได้ในทันที และจึงได้พบกับสายตาของเดรย์ที่กำลังส่งมาด้วยความไม่พอใจ นายโกหก  เรื่องมือนายน่ะ


    "เห?"

    "ไหนว่าแผล?"

    ก็..มันจำเป็น

    กับอีแค่สัญลักษณ์แค่นั้นบอกไปก็ไม่มีใครสนใจจะสาวความหรอกน่า

    ช่วยไม่ได้หรอก เนลล่าเคยโดนเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อมดดำเพราะไอ้นี่มาแล้ว...ตอนไปเมืองริชเชลน่ะนะอิลเวสกล่าวพลางกอดอก ทอดถอนหายใจ

    เมืองริชเชล?”

    เป็นเมืองของพวกแม่มดที่เกลียดพ่อมดสุดๆน่ะครับ อยู่ทางตะวันออกของทวีปเนลล่าเอ่ยไขข้อข้องใจ หัวเราะในลำคอแล้วกล่าวต่ออีกเรื่องหนึ่งก็คือ ถ้ามีใครมาถามถึงความหมายของสัญลักษณ์ ถามว่าทำไมถึงสัก ผมไม่ชอบที่จะต้องอธิบายให้เขาฟังมาว่าผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร....เพราะว่า..มันยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ผมเป็น..

    เด็กหนุ่มชะงักไว้แค่นั้น แล้วกล่าวออกนอกเรื่องผมก็แค่ไม่ชอบที่จะต้องมาพูดกับใครต่อใครถึงเรื่องสัญลักษณ์นี้ เท่านั้น่ละครับ

    ด้วยการโกหกว่าเป็นแผล?”

    เป็นการง่ายที่จะให้คนเราพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แล้วก็ไม่สนใจไปเฉยๆน่ะครับ

    แต่ในตอนนี้ที่ฉันรู้แล้ว ฉันต้องการรู้ความจริง.....มันคืออะไร? เกี่ยวข้องกับนายยังไง..

    สอดรู้สอดเห็นไปทั่วจริงๆนะครับ เดรย์เนี่ย

    จะพูดออกมาหน่อยมันก็คงไม่ตายหรอกมั้ง

    “..............................ดื้อจังเนลล่าพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจพร้อมมองไปทางอิลเวสที่ยืนอยู่ข้างๆกันเหมือนขอความช่วยเหลือ

    พูดๆไปเถอะ

     “................อา....เนลล่ากุมขมับ แทบจะค้อนคนที่จู่ๆก็วางมือลงบนหัวแล้วขยี้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดูแกมสะใจ ก่อนจะตั้งสติ แล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องของตน ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ไอ้เจ้าสื่งที่สลักอยู่บนมือผมนี้ ไม่งั้นคงไม่ดั้นด้นมาถามภูติแห่งสายน้ำถึงในทะเลทรายนี่หรอก...และเพราะผมไม่รู้ผมถึงต้องตามหา

    ..เมื่อสิบปีก่อนผมตื่นขึ้นในแคว้นควิสตาร์ทางตอนเหนือของอกาธาร์ ท่ามกลางหิมะในคืนที่ไร้พระจันทร์ ผมตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร..ตื่นขึ้นมาโดยที่มีแค่เสื้อตัวเดียวติดตัว อิลเวสพาผมไปถามทุกคนในย่านข้างเคียง แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ว่าไม่เคยเจอผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ผมในตอนนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีความทรงจำ ไม่มีตัวตน ..ไม่มีอะไรเลยนอกจากสัญลักษณ์ที่สักอยู่บนมือนี้ ข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่กับผมในตอนนั้นนอกเหนือจากเสื้อที่ไม่พอดีขนาดตัวเดียวนั่น และเมื่อรู้ว่ามันเป็นเบาะแสถึงความทรงจำ ผมจึงพยายามไล่ตามหา..แต่

    แต่..ในหนังสือของทุกภาษาไม่มีมันอยู่เลย แม้ว่าจะค้นหนังสือมากเท่าไหร่ ถามมนุษย์มามากแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกหรือบันทึกสิ่งที่เกี่ยวกับสัญลักษณ์บนมือผมได้เลย ผมจึงดั้นด้นตามหาผู้ที่จะบ่งบอกได้ถึงความหมายของอักขระนี้..จากเหนือไปใต้ จากใต้ไปตะวันออก สิ่งที่รู้ตอนนี้มีแค่ สิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์โบราณที่ถูกลืมเลือนไปเมื่อนานมาแล้ว

    เพราะเหตุนั้นผมจึงพยายามตามหาสถานที่ที่มีตำนานเก่าแก่เพื่ออัญเชิญเทพออกมา เพื่อที่ว่าบางที่ในทวีปอันกว้างใหญ่นี้อาจจะมีมนุษย์ซักคน หรือตำนานซักเรื่องที่รู้เกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้..แต่ว่าถึงจะตามหามาหลายปีแล้ว..มันก็...ไม่มีเลย

    ....ความเงียบก่อตัวขึ้น ใบหน้าของเนลล่าก้มมองขึ้นขณะกุมข้อสือซ้าย..ข้างที่มีสัญลักษณ์ “...แต่อย่างน้อยคราวนี้ก็ได้เจอภูติจริงล่ะนะครับ ไม่ใช่แค่ตำนานเลื่อนลอยน่ารำคาญ

    หัวเราะแห้งๆโดยที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง

    ท่านชายน้อย..

    เสียงของภูติสายน้ำดังขึ้น เรียกให้เนลล่าเงยขึ้นมองครับ?”

    “..ที่เมืองลากูน่ามีภูติสายน้ำที่อายุมากกว่าข้าอยู่ บางทีเขาอาจทราบถึงสิ่งที่ท่านตามหา

    ลากูน่า.....เนลล่าพึมพำ ดวงตาเปล่งประกายความหวัง ที่นั่นมีภูติด้วยหรือครับ!!

    ใช่แล้ว ทั้งเป็นภูติที่กำเนิดแต่ธรรมชาติ หาใช่จากผู้อื่นสรรค์สร้างเช่นข้าไม่มองไปยังทิศตะวันตก..ซึ่งนครลากูน่าตั้งอยู่ ก่อนจะหันมายิ้มเยือนให้เด็กหนุ่มร่างบาง บางทีนางอาจช่วยท่านได้ ท่านชายน้อย

    ขอบคุณมากนะครับ สำหรับข้อมูล

    “..หามิได้ นี่เป็นการตอบแทนที่ปลุกเราขึ้นมาภูตสายน้ำตอบ หัวเราะคิกคัก อีกเรื่องที่อยาก กล่าวนามของเราคือ..โรเรล... เป็นผลิตผลของจิตวิญญาณของคนสองคน...กรุณาจำไว้ด้วย

    “.....จิตวิญญาณที่ว่า..เป็นของเทพผู้สร้างที่นี่กับลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านสินะครับ?”

    ไม่ผิดนัก....เอ่ยรับคำ ก่อนจะมองเลยไปยังพี่น้องตระกูลซอร์เซ่ทั้งสองคน “...เจ้าทั้งสองผู้สืบสายเลือดแห่งโรเรลเอ๋ย ขอให้จงรู้ไว้ ว่าสิ่งที่โรเรลผู้ให้กำเนิดเราเสียสละนั้นไม่ใช่แค่ชีวิต..แต่รวมไปทั้งหัวใจด้วย...อันที่จริง..ควรจะเรียกว่าเต็มใจพร้อมยินยอม....ลองค้นหาดูสิ...ความจริงทั้งหมดน่ะ..

    อีกเรื่อง...เพื่อนของเจ้ายังไม่ตาย...

    วันรุ่งคงจะได้พบกัน.....


    สิ้นคำนั้น ภูติแห่งสายน้ำก็พลันหายไป

    เนลล่ายืดตัวขึ้น บิดกายไปมา ก่อนจะหันมองมองเดรย์และมีนาด้วยรอยยิ้ม

    เอาล่ะ ไปนอนกันเถอะครับ ..เรื่อง..จบแล้ว

    และนั่น..คือพูดสุดท้ายในค่ำคืนนี้


    ++++

    เมื่อคืนนี้ พอกลับมาถึงบ้านต่างคนต่างก็สลบไสลลงบนเตียงนอน โดยเฉพาะพี่มีนาที่เจอเรื่องมากเกินกว่าที่ชีวิตธรรมดาของพี่จะรับไหว ..เรื่องที่รับรู้เมื่อคืนทั้งน่าประหลาดใจ ทั้งน่าหวาดกลัว ทั้งน่าหงุดหงิด เรื่องจริงที่หลบซ่อนอยู่ เรื่องน่ายินดีที่จบลงอย่างแสนสุข.. เรื่องราวมากมายที่ประดังลงมาในชั่วเวลาแค่สามวัน

    แต่ที่เยี่ยมที่สุด คือเรื่องที่ฟิวส์ยังไม่ตาย

    เนลล่าบอกว่าฟิวส์เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรรม การต่ออายุย่อมหมายถึงการแย่งชิงอายุขัยไปโดยที่ความตายยังไม่ถูกตัดออกจากร่างของผู้ถูกแย่งชิง กล่าวคือเหมือนกับหลับไปเสียมากกว่าจะเรียกว่าตาย นี่เป็นสาเหตุที่ร่างของฟิวส์ยังไม่เน่าเปื่อยไป และนอกจากนี้ ในเมื่อหัวหน้านักบวชนั่นเป็นอมตะ ย่อมหมายความว่าอายุขัยจะถูกตีกลับมาที่เจ้าของเดิม

    ฟิวส์เสียความทรงจำไปสองปีในช่วงที่หลับใหล อายุขัยหายไปสองปีเท่ากับที่เจ้านักบวชชราใช้ไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ดังนั้นเขาจึงไปส่งฟิวส์ที่บ้าน พยายามอธิบายให้หัวหน้าหมู่นคนปัจจุบันฟัง และถึงแม้เจ้าตัวจะยังสับสน แต่ดูเหมือนว่าใจจะรู้ดีว่าคนตรงหน้าตัวคือลูกชายของตนแน่นอน..เรื่องก็เลยจบลงไปอีกเรื่อง

    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน อิลเวสและเนลล่าก็ทำท่าเข้าไปนอนทันทีโดยไม่พูดอะไรต่อ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ดังหวังเมื่อเขาลากทั้งสองคนมาคุยเรื่องที่คาใจอยู่ ทั้งเรื่องผู้พรากความตาย เรื่องความอมตะ เรื่องที่เนลล่าถามเขาไว้สองสามข้อตอนที่อยู่ในเกวียนหลังหนีพวกนักฆ่ามา ซึ่งก็ได้ความว่า...

    [ในอดีตมีคนที่เคยคิดเรื่องความอมตะจริง แต่ยังไม่ถึงขั้นความอมตะครับ เป็นแค่การต่ออายุ ซึ่งเรื่องที่ว่าจะมีการกล่าวคำถวายตัวของเหยื่อบูชายัญ และร่างของผู้ถูกแย่งชิงจะไม่เน่าเปื่อยจนกว่าอายุขัยที่ถูกแย่งไปจะหมดลงและตายไปจริงๆ ผมก็เลยอยากถามให้แน่ใจ จะได้คิดหาทางออกถูก ส่วนเรื่องโจรน่ะ มันพอดีเกินไปที่จะมาและไปอย่างเหมาะเจาะ ผมเลยเดาๆว่าเจ้าแก่นั่นจ้างมา แค่นี้แหละ..ขอผมไปนอนได้รึยังครับ ง่วง]

    เขาก็เลยต้องปล่อยหมอนั่นไปนอนแต่โดยดี...

    เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้อะไรหลายๆอย่าง แต่ทว่า..ก็ทิ้งปริศนาไว้ด้วยเช่นกัน

    ทำไมเนลล่าถึงต้องดั้นด้นตามหาความทรงจำที่อาจจะไม่มีอยู่?

    สัญลักษณ์บนมือของเนลล่าตกลงแล้วคืออะไรกันแน่?

    ใครเป็นคนวางก้อนกินอันนั้นไว้ในวิหาร?

    แล้วตาแก่นั่นจะเป็นอย่างไรต่อไป?

    แล้วยัง..ตัวตนของผู้พรากความตาย

    แต่ถึงจะมีปริศนามากมายแค่ไหน ตอนนี้ [พายุ]สองลูกที่พัดพาเรื่องราวมาด้วย ก็กำลังจะจากหมู่บ้านของเราไปแล้ว
    ...........

    ........................

    ..........

    ..


    จะไปแล้วสินะ

    เดรย์เอ่ยถาม แสงอาทิตย์สาดส่องต้องหลังพ้นคืนเดือนเพ็ญ ร่างของทั้งสี่คนยืนอยู่ที่หน้าบ้านของมีนา เนลล่าและอิลเวสคลุมผ้าคลุมสำหรับกันทรายไว้อย่างเรียบร้อย เสื้อที่ขาดบริเวณหัวใจได้รับการปะชุนของมีนามาตั้งแต่เมื่อคืน เนลล่าผงกหัวเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง

    ครับเนลล่าตอบง่ายๆ ขณะที้กระชับกระเป๋าเตรียมเดินทางไว้เต็มที่อีกไม่นานคาราวานของลุงไกร์ก็จะออกแล้วนี่ครับ ต้องรีบไป

    ฮื่อ ก็ยังดีกว่าเดินเองจนสลบกลางทางน่ะนะ

    ไปรู้มาจากไหนครับ!เนลล่าร้องลั่น ส่วนเดรย์ยิ้มเผล่แล้วเอ่ยสบายๆลุงไกร์เล่าไง"

    "อะ........."

    แล้วนายไม่ไปด้วยรึไง?”อิลเวสเอ่ยถามสงสัย ขัดบททะเลาะวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อไม่มีทีท่าว่าเดรย์จะตามไปแต่อย่างใด

    ไว้คราวหน้า ตอนนี้ว่าจะอยู่กับพี่มีนาซักพักน่ะว่าพลางมองพี่สาวที่ยืนส่งอยู่ข้างๆ

    แม้ว่าตอนนี้คนในหมู่บ้านจะยังคงมองเขาในฐานะเด็กปิศาจ แต่เรื่องน่ายินดีอย่างเรื่องที่ฟิวส์ฟื้นขึ้นมา กับเรื่องที่มีนารอดพ้นเงื้อมมือเจ้าแก่จิตป่วนนั้น ก็ทำให้เขาอยากอยู่ข้างทั้งสองต่ออีกซักพัก

    “.....เข้าใจแล้วล่ะครับ แล้ว ยังอยากรู้อยู่ไหมครับ?”กล่าวขึ้น ด้วยเมื่อคืนวานไร้คำถามนี้จากปากของอีกฝ่าย และได้รับใบหน้าที่ไม่เข้าใจคำถามกลับคืนมา

    หืม?”

    เรื่องของเทพเจ้าน่ะครับ ถ้าอยากรู้ ผมก็จะเล่าเนลล่าขยายความ

    ที่..โรเรลนั่นพูดทิ้งท้ายไว้น่ะเหรอเนลล่าผงกหัวหงึก มองใบหน้าที่เริ่มเข้าใจของเดรย์ รอคอยคำตอบของชายหนุ่มร่างผอมตรงหน้าตน

    “..........ไว้ก่อนดีกว่ามั้ง?”เนลล่าขมวดมุ่นกับคำตอบนั้น ก่อนจะคลายลงพร้อมเสียงหัวเราะเมื่อได้ยินคำกล่าวต่อของชายหนุ่มร่างผอม

    ฉันอยากจะลองหาคำตอบด้วยตัวเอง....

    งั้นก็ ลาก่อนครับ

    ลาก่อน

    ไปล่ะ

    ไว้เจอกัน คุณชายปากหนัก

    ถ้ามีคราวหน้าแล้วยังเรียกแบบนี้อีก ฉันจะโดดถีบปากนาย

    อิลเวสกล่าวอาฆาต ก่อนจะลากเนลล่าเดินจากไปท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนสามคน..



    “..........ไปแล้วสินะ

    หญิงสาวพึมพำ เอียงตัวซบร่างของน้องชายตัวเอง

    ฮื่อ..ไปแล้ว..อย่างกับพายุแน่ะ..เนอะมีนา

    พี่มีนาหญิงสาวเอ่ยแก้คำ

    จะอย่างไหนก็เหมือนกันนั่นล่ะน่า






    อา...

    ได้ข่าวไหม ท่านนักบวชตายแล้วล่ะ

    เมื่อวานท่านหลับแล้วก็สิ้นไป..น่าสงสารเหลือเกิน

    น่าเสียดายนัก..ท่านเป็นหัวหน้านักบวชที่ดี.....

    ท่านถูกฆ่าตายหรือเปล่า??”

    ไม่นะ ได้ยินว่าท่านหลับไปเฉยๆ..เป็นการตายที่สงบเหลือเกิน

    ข่าวลือเซ็งแซ่ดังเข้าหูสองพี่น้องเข้าอย่างจัง จนเดรย์กับมีนาต้องหันมองหน้ากัน

    ....คงไม่ใช่?



    +++++++

    ท่านนักบวช อา

    น่าเสียดายจริง

    ความโศกเศร้าระงมแผ่ไปทั่ววิหาร ท่ามกลางเหล่านักบวชฝึกหัดที่ล้อมรอบหีบฝังศพของหัวหน้านักบวชด้วยความเศร้าและโหยไห้จากใจจริง

    อย่าได้กังวล วิญญาณของท่านไปอย่างสงบสุข และต่อจากนี้จะคอยดูแลพวกเราต่อไปเก็นเอ่ย..ชายหนุ่มเจ้าสำอางทำพิธีศพให้อย่างเรียบร้อยด้วยให้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์..กระทั่งบัดนี้ได้เวลาประกอบพิธีฝังศพหัวหน้านักบวชชรา

    พิธีงานศพของหมู่บ้านแห่งนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว คือสวดมนต์เพียงวันเดียว ร่วมร้องไห้ไว้อาลัย และปล่อยร่างสู่ผืนทราย

    ดังนั้นจากนี้ไป หีบฝังศพจะถูกฝังลงในผืนทราย

    เหล่านักบวชฝึกหัดแห่ขบวนงานศพออกไปด้วยความเศร้า มุ่งตรงไปยังที่ฝังร่างของผู้ลาลับท่ามกลางเสียงร้องไห้เซ็งแซ่ของชาวหมู่บ้านกลางทะเลทราย งานศพอันยิ่งใหญ่ที่ผู้มีชีวิตอยู่ชวนนึกอิจฉาถึงความห่วงหาอาลัยที่มีต่อนักบวชชราผู้แสนดี..


    ..แต่ใครเล่าจะรู้ถึงใจจริงของผู้ถูกทำพิธี




    จิตของเขายังอยู่ดี

    ชายชราตื่นขึ้นมาโดยที่ร่างกายเป็นอัมพาต สมองยังประมวลผลได้ เขายังรู้สึกตัว โสตประสาทยังรับรู้ทุกคำพูดที่ดังกังวานมา แต่ไม่อาจขยับร่างกายได้ แม้แต่ลมหายใจ...ก็เหมือนจะดับไป ทั้งที่เขายังสูดมันเข้าออกอยู่

    ร่างของเขาถูกยกไปทำพิธีโดยที่ไม่อาจขัดขืนได้ มโนสำนึกโวยวายกรีดร้องแต่เพียงภายในโดยไร้ผู้รู้สึกถึง เสียงสวดงานศพ ร่างที่ถูกยกแห่ เสียงกึงของหีบศพ ความมืด ความอึดอัดรอบด้าน เสียงทรายที่กำลังเทสาดขึ้นเหนือหลุมฝังศพ อากาศที่กำลังขาดไปจนทุรนทุราย

    ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องไห้ ไม่มีโอกาสกระวนกระวายด้วยไม่อาจขยับร่างกายได้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะทุบโลงศพตึงตังระบายความเครียดที่เกิดขึ้นจากการคงอยู่ในที่มืดๆ ไม่มีโอกาสจะตายเพื่อหนีไปแม้อากาศแทบไม่เหลือให้หายใจ

    ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน ทรมาน

    เสียงร้องโหยหวนดังแต่เพียงในมโนคิดของชายชรา


    ใครก็ได้ ไอ้พวกโง่ ไม่รู้อะไรเลยหรือไง




    ฉัน


    ยัง


    ไม่ตาย...!!!
    .............


    .......


    ......

    ..



    เธอนี่ บางทีก็โหดนะ

    เสียงพึมพำดังแผ่วสู้เสียงลมที่ตีเข้าเกวียน เนลล่าที่กำลังลูบผมที่ปลิวว่อนจนยุ่งเหยิงขมวดคิ้วมอง

    หืม..ว่าไงนะครับ

    เธอจงใจสินะ เรื่องที่เหลือความตายไว้ในร่างของเจ้าหัวหน้านักบวชน่ะอิลเวสกล่าว "ถึงจะมีรสชาติจริง แต่ขนาดแย่กว่านี้เธอก็ยังกระเดือกลงเลยไม่ใชรึไง?"

    “...เอ...เด็กหนุ่มผมขาวเอียงคอ ยิ้มหวานให้อย่างจงใจ ยังไงน้า..?”

    “...อา ช่างเถอะอิลเวสถอนหายใจ พิงหลังกับเกวียนที่กำลังเลื่อนตัวต่อไปปล่อยไปตามเวรตามกรรมแล้วกัน..

    ..และแล้วขบวนคาราวานก็เดินทางจนลาลับสายตาไป..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×