ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hagalaz..ผนึกรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #4 : ผนึกที่ 3 : เรื่องเร้นที่หลบซ่อน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    ผนึกที่ 3 : เรื่องเร้นที่หลบซ่อน



    สุริยะลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว..

    ยามนี้ทุกสรรพสิ่งเข้าสู่การหลับใหล เหลือเพียงแสงไฟวูบไหวตามครัวเรือน ..ทะเลทรายยามราตรีหนาวนัก จึงไม่ค่อยจะมีใครออกมาเดินท่องๆตากลมซักเท่าไหร่ และยิ่งสำหรับหมู่บ้านนี้...ที่เป็นช่วงต้องห้ามสำหรับการออกจากบ้านเพราะเป็นคืนที่สองของพิธีขอบคุณเทพเจ้าแล้ว การออกจากบ้านจึงยิ่งเป็นเรื่องผิดปกติเข้าไปใหญ่

    สายลมพัดผ่านวิหารลากัส พัดพาฝุ่นทรายให้กลิ้งเกลือกสัมผัสส่วนนอกของวิหารที่ทำจากหินปูนเกลี่ยเรียบอย่างดี  ภายในวิหารนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือที่อยู่ของเหล่านักบวชทั้งหลายซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของวิหาร และอีกส่วนหนึ่งเป็นโถงกว้างที่มีไว้ใช้ประกอบพิธีกรรม ..ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยแสงเรืองรองสีเหลืองทองจากเชิงเทียนนับพัน

    ห้องโถงนั้นว่างเปล่า มีเพียงพรมสีน้ำเงินปูลาดไปทั่วทุกทิศ หินทรงกลมสีขาวก้อนหนึ่งวางอยู่โดยมีหิ้งบูชาและดอกไม้ปลอมมากมายตั้งไว้ราวกับถูกเทิดทูน  และที่นั่นเอง มีนา ซอร์เซ่ กำลังยืนสวดอักขระที่ถูกมอบหมายให้อย่างสงบ

    หญิงสาวสวมชุดสีขาวหลวมโพรกยาวกรอมพื้น ผ้าที่สวมใส่นั้นไม่บาง แต่ก็ไม่หนาจนอึดอัดกาย เชือกเส้นหนาสีทองเส้นหนึ่งรัดส่วนเอวไว้แล้วห้อยลงพื้นเรี่ยพรมสีน้ำเงิน  เรือนผมสีน้ำตาลทองถูกรวบเป็นมวยอย่างเรียบร้อย บริเวณหน้าผากมีรัดเกลาสีเงินรัดไว้อยู่ และในมือถือบทอักขระที่ถูกแปลเป็นภาษาของเธอจากอักขระโบราณ

    นี่เป็นหนึ่งในพิธีการ

    รายละเอียดของผู้เป็นตัวแทนลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านไม่เคยได้รับการเปิดเผย และผู้ที่เคยเป็นก็ไม่เล่าอะไรให้ใครฟัง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอรู้ระเบียบการทั้งมวล..แม้ว่าจะเพียงคร่าวๆก็ตาม

    ก่อนอื่น ช่วงเวลาที่ถูกเลือกจะเป็นช่วงบ่ายของวันที่สอง ผู้ที่ถูกเลือกจะต้องชำระร่างกายด้วยน้ำจากตาน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงหมู่บ้าน ทำจิตใจให้สงบ จากนั้นก็แต่งกายด้วยเครื่องแบบสีขาวที่ถูกเตรียมไว้แล้วเดินไปยังวิหารอย่างสำรวม ขบวนนักบวชจะเดินตามหลังมากระทั่งเข้าประตูวิหารไป..นับแต่นั้น วิหารจะถูกปิดตาย

    และชาวบ้านจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นอีกครา

    นักบวชฝึกหัดทุกคนจะไม่มีสิทธิเข้ามาในวิหารส่วนประกอบพิธี นอกเสียจากผู้รับหน้าที่รับใช้สี่คนและหัวหน้านักบวช...ซึ่งในกรณีของเธอเป็นนักบวชหญิงเสียสามคน

    จากนั้นตัวแทนลูกชายหมู่บ้านจะต้องสวดอักขระที่มีความหมายถึงการขอบคุณ และนั่งสมาธิอยู่หน้าหินศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเก็บรักษาในโถงพิธี เพื่อทำให้จิตใจสงบและรอการเข้าพิธีในวันถัดไป

    ห้องนอนที่เป็นห้องพักชั่วคราวนั้นอยู่ในส่วนโถงพิธี มีคนคอยดูแลปรนนิบัติ...เรียกว่าใครที่ได้เป็นตัวแทน แทบจะไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมเลยทีเดียว

    ส่วนรายละเอียดในวันที่สามนั้นยังไม่มีใครคิดจะบอกเธอ

    ....
    แต่มันก็แค่นั้น ตรงไหนกันนะที่อันตราย ไม่มีอะไรเลย....เดรย์เป็นห่วงเรื่องอะไรกันแน่?

    เธอเชื่อใจน้องชาย เพราะยี่สิบปีที่อยู่กันมาทำให้เธอรู้ ถึงจะปากเสียยังไง แต่เดรย์โกหกใครไม่เป็น

    หญิงสาวเพ่งที่หินศักดิ์สิทธิ์ หินรูปทรงกลมมนสีขาวที่มีอักขระจำนวนมากสลักไว้อย่างเป็นระเบียบ เธอไม่มีความสามารถพอที่จะอ่านมันได้ แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้เดรย์พบความจริงบางอย่าง

    น่าเจ็บใจที่เธอไม่สามารถทำอะไรให้เขาได้เลย เก็บข้อมูลไม่ได้ ออกไปบอกอะไรก็ไม่ได้ ..ที่ทำได้ตอนนี้คือเล่นไปตามบทนี้...อย่างน้อยเพื่อไม่ให้เดรย์ต้องถูกทำร้ายด้วยเหตุผลเพียงเพราะขัดขวางไม่ให้เธอเป็นผู้ทำพิธี

    งดงามมาก..สมแล้วที่เป็นท่าน ท่านมีนา

    มีนาสะดุ้งเมื่อเสียงพร่าดังขึ้นข้างหลัง หัวหน้านักบวชหัวเราะแผ่วเบา ขบขันกับท่าทีที่สะดุ้งไปของหญิงสาว ก่อนจะกล่าวต่อไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร ตอนนี้ต้องเรียกว่า โรเรล สินะขอรับ"

    โรเรล..เป็นชื่อที่เชื่อว่าคือชื่อของลูกชายหัวหน้าหมู่บ้าน ตัวแทนทุกคนจะถูกเรียกแบบนั้นระหว่างพิธี

    หัวหน้านักบวชคนนี้ชรา เขารับตำแหน่งหัวหน้านักบวชเมื่อราวสามปีก่อน ชายชรามีรูปร่างเตี้ย ผิวคล้ำ มีดวงตาสีน้ำตาลออกจางและเรือนผมสีเทา ผิวหนังเหี่ยวย่น แต่กลับดูน่าเกรงขามและมีอำนาจ ท่าทีของชายชรานั้นสงบ ใจดี  แต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอนั้นทำให้เธอรู้สึกแย่ทุกครั้งที่มอง

    ราวกับวางแผนอะไรไว้อยู่ ราวกับ..นั่นเป็นการเสแสร้ง

    มีนาคิดเพียงครู่เดียว ก่อนจะโค้งกายลงทักทาย  “ท่านหัวหน้านักบวช สวัสดีค่ะ

    ครั้งนี้ท่านเทพคงรับรู้ถึงเรื่องผิดปกติจึงเลือกท่านขึ้นเป็นตัวแทน ในเมื่อในตัวท่านมีเลือดที่สูงส่งอยู่ในกาย

    ไม่หรอกค่ะ ท่านหัวหน้านักบวช ที่จริงควรเป็นเดรย์

    น่าเสียดายนะขอรับ ท่านมีนา แต่เด็กคนนั้นถูกปิศาจสิงสู่ตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว น่าเสียดาย ไม่งั้นเขาจะเป็นตัวแทนที่ดีมาก...กระผมเชื่อว่าท่านเทพต้องเห็นเช่นนั้น อืม..ท่านไปพักผ่อนเถอะขอรับ...แล้วค่อยมาปฏิบัติพิธีต่อ

    “...
    ค่ะ

    +++++++++++

     “
    ท่านหัวหน้านักบวชขอรับเสียงของนักบวชฝึกหัดที่คอยดูแลมีนาเอ่ยขึ้น หลังจากที่หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องพักชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อยแล้วกระผมมีเรื่องอยากถาม

    พูดมาสิ นักบวชทิวเรหัวหน้านักบวชหันไปถาม ดวงตาสีน้ำตาลมองด้วยแววอ่อนโยน นักบวชทิวเรลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถามออกไป

    เหตุใด...จึงให้สตรีเป็นตัวแทนในพิธีกรรมหรือขอรับ?”

    ชายชรานิ่งไปซักพัก หลับตาลง แล้วกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นเป็นบัญชาเทพ....

    แต่...

    หรือเธอคลางแคลงในตัวตนของเทพเจ้า นักบวชทิวเร

    ว่าขัดขึ้น ประสานมือไว้ข้างหลังและมองด้วยสายตาผิดหวัง

    ขะ...ขออภัยขอรับ!

    ทิวเรเบิกตากว้างแล้วรีบโค้งกายขอโทษทันที หัวหน้านักบวชถอนหายใจยาว ก่อนจะกล่าวออกไปด้วยโทนเสียงแสนอ่อนโยนไปนอนเถอะ แล้วอย่าลืมผลัดเวรดูแลท่านโรเรลด้วย

    ขอรับรับคำพร้อมเงยหน้าขึ้น ทำท่าจะเดินจากไป แต่แล้วก็ชะงักหยุดลง แล้วหันกลับมาถามอีกครั้งด้วยท่าทีที่ไม่ต่างจากคำถามเดิมท่านหัวหน้านักบวชขอรับ...กระผมขอถามอีกเรื่องได้ไหม?”

    เรื่องอะไรรึ

    เด็กนั่น....เดรย์ วอร์เซ่...เหตุใดถึงจงเกลียดจงชังท่านนักขอรับ?”

    ความเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนหัวหน้านักบวชชราจะกล่าวต่อ

    อา..อุทานแผ่วเบาครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักบวชฝึกหัด แต่เพราะจิตใจสกปรกจึงถูกปิศาจสิงสู่ น่าเศร้านัก ที่ชิงชังฉันคงเพราะเหตุนั้นแหละ น่าเสียดายเหลือเกิน มิเช่นนั้นเขาจะเป็นนักบวชที่ยอดเยี่ยมมากแท้ๆ

    “...
    งั้นรึขอรับ ถ้างั้น กระผมขอตัว

    ทิวเรหันหลัง ก้าวเดินจากไป....กระทั่งลับสายตา

    นักบวชชราถอนหายใจยาว ดวงตามองยังหินสลักด้วยดวงตาคาดหวัง ก่อนจะก้าวเดินอย่างสงบไปยังหน้าต่างกว้างที่มองเห็นพระจันทร์สีทองบนฟ้ารัตติกาล

    อีกคืนเดียว ความหวังของเขาก็จะกลายเป็นจริง..ความหวังที่เขาเฝ้าเพียรตามหาเพื่อจะได้ไขว่คว้ามันมา

    สองปีที่รอมา..ไม่สิ..ทั้งชีวิตทีรอคอย..เนิ่นนานเกินจะทน..เขาจะไม่รอให้นานกว่านี้ ทั้งจะไม่ให้ใครมาขวางเหมือนเมือสองปีก่อน..!

    หัวหน้านักบวชกำหมัดแน่น ดวงตาวาวโรจน์ ความอ่อนโยนใจดีบนใบหน้าเมื่อครู่หายไปโดยสิ้นเชิง

    ความปรารถนาของฉัน..จะไม่ให้ใครมาขัดขวาง!!

    +++++++


    มีตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำแผลไหมครับ?”เอ่ยถามพลางพันแผลบริเวณข้อมือซึ่งคาดว่าจะเป็นที่สุดท้าย ดวงตาสีแดงสวยมองที่ร่างกายของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยแผลถลอกปอกเปิก เสื้อแขนยาวสีขาวยามนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะใส่ได้ อาภรณ์บนกายผอมจึงเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาที่ใส่ได้พอดีตัวอย่างน่าตกใจ

    ขณะนี้ พวกเขาอยู่ที่บ้านของมีนา..หรืออีกนัยหนึ่งก็คือบ้านของเดรย์ หลังจากที่ชาวบ้านกลับจากพิธีกันหมดแล้ว เนลล่ากับอิลเวสก็ช่วยกันลากเดรย์ออกมาโดยไม่ลืมที่จะหลบสายตาผู้คน ด้วยเหตุผลส่วนตัวของพวกเขาที่ไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งยากเวลาสอบข่าวลือ ..จนกระทั่งพวกเขาถูลากถูกังเดรย์กลับมาถึงบ้านในที่สุด

    เดรย์สำรวจร่างกายตัวเองหลังคำพูดของเด็กหนุ่มร่างบาง ก่อนจะส่ายหัวไปมา ไม่แล้วล่ะ ขอบใจมากนะเนลลี่...ว่าแต่ว่านายมือเบาชะมัดเลย ตกลงเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า?”

    ยิ้มเผล่ มองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

    ผู้ชายสิครับขมวดคิ้ว ตอบฉะฉานโดยไม่สนสายตาที่ชวนให้เตะคนทำซักเปรี้ยง เนลล่าพันผ้าที่ข้อมือของชายหนุ่มต่อ เริ่มเบื่อที่จะท้วงเรื่องชื่อตัวเอง

    แหมๆ ก็เห็นหน้าออกจะหวานปะแล่มขนาดนี้ ถามจริงนาย.......

    จะให้ถอดเสื้อพิสูจน์ตรงนี้เลยไหมครับ?”

    ไหงพูดจาไม่เข้ากับหน้าแบบนี้ล่ะ...ไม่เอาอ่ะ..ครางเมื่อได้ยินคำพูดที่สุดแสนจะไม่เข้ากับรอยยิ้มบนใบหน้านวลราวสตรี แล้วจึงชักแขนกลับหลังพันผ้าเสร็จเพราะชักกลัวๆว่าจะโดนอีกฝ่ายหักแขนเพราะหมั่นไส้เอา และอีกอย่าง สายตาจากคุณชายปากหนักที่ส่งมาถึงชักร้อนแรงขึ้นทุกทีแล้วสิ..

    ถ้าปากหมานักไม่ต้องทำต่อก็ได้นะเนลล่า ปล่อยหมอนี่ให้ปวดแผลตายไปเลย

    ไม่ได้นะครับ!! ถ้าปวดแผลตายไปแล้วใครจะเล่าเรื่องที่เราต้องการให้ฟังล่ะ!!หันขวับไปขัดคำในทันที..แต่เหตุผลมันช่างชวนให้คนที่ปรากฏในบทสนทนาร้องไห้เสียเหลือเกิน

    พวกนายจะช่วยห่วงฉันซักนิดได้ไหม!!เดรย์โวยวาย

    ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นซักหน่อยนี่/ครับ

    “...
    อา ช่างเถอะ

    เอาล่ะ อย่ามัวแต่สำออย...เล่าเรื่องทั้งหมดมาได้แล้ว

    เดรย์หันไปทางอิลเวสที่มองมาด้วยสายตาคาดคั้น ก่อนจะถอนหายใจแล้วพิงกายกับเก้าอี้นวม “....ไม่เล่าได้ป่ะ?”

    จะเล่าหรือจะนอนตายตรงนี้

    ตามบัญชาขอรับนายท่าน!!!เหงื่อตกเมื่อเสียงหนักๆดังขู่พร้อมดาบเรียวบางในมือที่คุณท่านชักมาจากไหนไม่ทราบ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่ตนรู้มา

    "...
    ตำนานคงไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว เพราะนั่นคือทั้งหมดของตำนานที่นายฟัง ถึงจะอภินิหารแต่เรื่องที่ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านเคยร้องขอความช่วยเหลือจากใครบางคนเป็นเรื่องจริง เพราะตำราโบราณในวิหารมีเขียนไว้ แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่เทพ เขามอบน้ำให้ก็จริง แต่ไม่ใช่น้ำตามธรรมชาติ น้ำนั่นแปลก..นายสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าทั้งที่มีน้ำอยู่มากขนาดนั้นกลับปลูกพืชพันธุ์ไม่ขึ้นซักอย่าง เพราะที่นั่นมันแค่กักน้ำไว้ น้ำที่ไม่เคยลดลง และไม่เคยรู้ว่ามาจากส่วนไหน

    ถึงฉันจะบอกว่ารู้ลึกแต่ก็แค่เรื่องหินสัญลักษณ์ ว่าเป็นของที่ตกทอดกันมาพร้อมกับประตูหินหน้าวิหาร..ที่เชื่อว่าเป็นหินที่เทพเจ้าเคยนั่ง  นอกจากนี้ที่ฉันรู้ก็คือการกระทำของนักบวชในวิหาร ภารกิจของนักบวชฝึกหัดคือคอยดูแลตาน้ำ ตอบแทนพืชผลจากชาวบ้าน อ่านอักขระโบราณที่ถูกเก็บรักษาไว้ให้ออกแล้วแปลความ และสืบเรื่องราวของตำนานต่อไป รวมทั้งคอยปฏิบัติพิธีกรรมขอบคุณเทพเจ้าไม่ให้เลือนหายด้วย

    นักบวชฝึกหัดจะมาจากคนในหมู่บ้านเสมอ..แน่นอนที่จะเป็นแบบนั้นเพราะหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้คงไม่มีคนนอกคิดจะเข้ามายุ่ง

    นั่นคือทั้งหมดเท่าที่ฉันรู้...."

    "
    แล้วเรื่องเมื่อสองปีก่อนล่ะ แล้วก็..ฟิวส์"อิลเวสกล่าว เน้นคำหลังพร้อมมองด้วยสายตาคาดคั้น เดรย์ขมวดคิ้ว หันมองอิลเวสแล้วถามเสียงสูง

    "....
    ได้ยินชื่อนั้นจากไหน?"

    "
    นายรู้จักสินะ"

    "..............."

    "
    รู้จักใช่ไหม?"

    "
    เออ.........เพื่อนรักฉันเอง..เอาล่ะ" สูดลมหายใจลึกผ่อนคลาย ก่อนจะเริ่มรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมาต่อไป “..เมื่อสองปีก่อน…..ตอนนั้นฉัน...เพิ่งได้เป็นนักบวชฝึกหัดแค่สามเดือน

    .......

    .....

    ...



    เดรย์ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ะ

    อะไร

    จะอะไรล่ะ ก็เรื่องที่นายกลายเป็นนักบวชอ่ะดิ!!

    คนอย่างฉันเป็นนักบวชมันแปลกนักรึไง!!ชี้หน้าตัวเองพร้อมโวยวายใส่พี่สาวที่ตนไม่เคยให้ความนับถือหลังถูกสบประมาทชนิดให้อภัยไม่ได้ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีในชุดนักบวชฝึกหัดแห่งวิหารลากัสตีสีหน้าบูดบึ้ง เรือนผมสีดำยาวถูกรวบตึงไว้อย่างเรียบร้อย ดวงตาสีดำเทามองพี่สาวแล้วเสไปทางอื่นด้วยอารมณ์กึ่งงอน

    โอ๋ๆ เอาน่า ก็ฉันนึกไม่ถึงนี่นาหญิงสาวเอ่ยพลางหัวเราะร่า ดวงตาสีดำเทามองน้องชายของตนแล้วตบไหล่ชายหนุ่มอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่สามเดือนก่อนเด็กหนุ่มกล่าวอย่างแข็งขันว่าจะไปเป็นนักบวชฝึกหัด...แล้ววันนี้ก็เป็นได้อย่างที่ปากว่าจริงๆ

    ในที่สุดก็ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ฉันล่ะดีใจชะมัด พ่อที่เสียไปคงปลื้มแย่

    ไม่ต้องไปพูดถึงพ่อเลย พี่มีนา คนอุตส่าห์มาเยี่ยมยังประชดอยู่ได้

    ประชดบ้านนายสิเดรย์ ฉันชมนายอยู่นะยะ

    อ้อ เหรอ?’

    ฉันว่าเขาพูดความจริงนะ เจ้าหนู

    เสียงทุ้มดังมาข้างๆ ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนร่างบึกบึน ไกร์..พ่อค้าคาราวานหัวเราะร่า แล้วตบหลังของชายหนุ่มแรงๆไปหนึ่งที

    ผลั่ก!!

    น่าตกใจจริงๆ!! นี่เธอได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาแล้วหรือนี่!

    ‘...
    แค่ก...ตีแรงชะมัดเลยลุง!!ไอค่อกแค่กหลังถูกตบหลังอย่างแรง ไกร์ยังคงหัวเราะร่าตามนิสัย ก่อนจะลดระดับความแรงแล้วตบแผ่นหลังเบาๆอีกครา

    แค่นี้เองอย่าบ่นน่า ว่าแต่คิดยังไงถึงไปขอเป็นนักบวชฝึกหัดล่ะหืม?’

    ‘.......
    อย่างน้อยพี่มีนาจะได้ไม่ติดหางเลขไงล่ะ...แล้วก็ พวกนั้นจะได้มองฉันในทางอื่นเสียที


    เดรย์ ซอร์เซ่ จะเรียกว่าอาภัพแต่เกิดก็ไม่ผิดเท่าไร่ ตั้งแต่เกิดมาชายหนุ่มก็ถูกนักบวชเฮงซวยคนหนึ่งทำนายว่าเป็นตัวซวย ที่จะนำภัยพิบัติมาสู่หมู่บ้าน เพราะฉะนั้นครอบครัวของเขาถึงได้ลำบากตั้งแต่นั้นมา แม่ก็เสียไปตั้งแต่เขาเกิด พ่อก็ต้องทำงานหนักเลี้ยงดูพวกเขาสองพี่น้อง และถึงเขาจะทำตัวดียังไง ชาวบ้านก็ยังยึดติดกับเรื่องงี่เง่าที่ถูกทำนายไว้ไม่เลือกซะที จนเขาชักขี้เกียจจะทำตัวให้ดีขึ้นไปเสียเฉยๆ..

    แต่สิ่งหนึ่งที่เขายอมไม่ได้คือการที่มีนาโดนมองว่าไม่ดีไปด้วย นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขายอมไปเป็นนักบวชฝึกหัดที่วิหารแห่งน้ำ

    ...
    ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง



    อีกเหตุผล??”เนลล่าขึ้นเสียงสูงคืออะไรครับ?”

    “..
    อีกเหตุผล..ก็คือนักบวชฝึกหัดจะได้เรียนอักขระโบราณ ซึ่งสำหรับฉัน..ยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ มันน่าสนใจมาก..ถึงมากที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีเลย พอมาลองทำอะไรได้ดีแล้วมันก็จะหยุดไม่ได้ แต่มาลองคิดดูแล้ว..

    ไอ้นั่นแหละที่เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันเจอเรื่องบ้าๆเข้าให้

    หัวเราะคล้ายจะเยาะใส่ตัวเอง เดรย์ถอนหายใจยาว ก่อนจะหลับตาลง วกกลับไปสู่อดีตอีกครั้ง

    อา...รู้สึกว่าวันนั้น...จะเป็นคืนวันพิธีขอบคุณเทพเจ้าวันที่สอง..ดูเหมือนว่าตอนนั้นนักบวชทุกคนจะถูกไล่ออกมาจากวิหารตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติมา ตัวฉันเองก็โชคดีได้อยู่ในตัววิหารคอยดูแลตัวแทน ซึ่งในตอนนั้นเป็นเพื่อนของฉันที่อายุไล่เลี่ยกัน เขาชื่อฟิวส์..ตัวแทนจะต้องถูกเรียกว่าโรเรล ฟิวส์เป็นคนดี ทุกคนในหมู่บ้านรักเขามาก ถึงเขาจะมาคบเด็กกาลิกิณีอย่างฉันก็ตาม..

    เพราะฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแลเขา ตอนนั้นฉันก็เลยคอยยืนดูฟิวส์สวดอักขระอยู่ห่างๆ เป็นพิธีกรรมเดิมๆที่ปฏิบัติกันต่อมา แต่ตอนนั้นมีอะไรที่ผิดแผก………….”

    ลำคอแห้งผาก...แววตาสีเทาพลันหรี่แสงลง

    “...
    อย่าเงียบ เล่าต่อไป

    “...
    อย่าเร่งสิ....เอ่ยพลางหัวเราะขื่น มองใบหน้าราบเรียบของอิลเวสที่สั่งให้เขาเล่าต่อไป “......ที่มันผิดแผก เพราะจากที่ฉันฟังนักบวชรุ่นพี่มา การคัดเลือกเกิดในช่วงบ่ายตามที่ชาวบ้านทราบจริง แต่...พิธีกรรมที่ผ่านๆมาจะต้องตักน้ำในตาน้ำมามาทำพิธีชำระล้างที่วิหาร แต่ครั้งนั้นกลับทำพิธีในตาน้ำ และทำการกรีดเลือด..ซึ่งหัวหน้านักบวชอ้างว้าช่วงนั้นเราประสบภัยแล้ง จำเป็นต้องสังเวยโลหิตของผู้เป็นตัวแทน... นอกจากนั้นคืนวันที่สองหลังจากสวดอักขระจบปุ๊บ ปกติจะต้องต้องหลับเร็วเพื่อที่ตื่นเช้ามาจะได้ไม่งัวเงียหรือทำตัวที่ไม่เหมาะสม เพราะต้องมีพิธีการอะไรตามมาอีกเยอะแต่เช้าตรู่ แต่คราวนี้หัวหน้านักบวช..คนปัจจุบันกับที่นายรู้จัก กลับตัดพิธีราวนั้นเหลือเพียงอย่างละนิดอย่างน้อย และแม้จะเลยสองยามไปแล้วก็ยังไม่ยอมให้โรเรล..หรือฟิวส์หลับ จนฉันรู้สึกแปลกใจ วันนั้น..ฉันจึงเดินไปคุยกับฟิวส์

    .............

    ........
    ..


    ฟิวส์ เป็นไงบ้างเด็กหนุ่มร่างผอมเอ่ยทัก เรียกดวงตาสีน้ำตาลเข้มให้หันมอง เด็กหนุ่มผู้มีผมสั้นกุดสีทองหม่นถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยตอบเพื่อนอย่างไม่จริงจังก็ดี แต่ง่วงว่ะ

    อืม...ก็พอเข้าใจหัวเราะแห้งๆด้วยามนี้เลยสองยามไปแล้ว หากจะให้กล่าวก็คือเข้าวันที่สามของพิธี...และค่ำคืนถัดไปจะเป็นวันเพ็ญที่ห้าของปี..

    ครั้งนี้จำเป็นต้องย้ายพิธีขอบคุณเทพเจ้าขึ้นมาเพราะว่าเกิดภัยแล้ง อะไรหลายๆอย่างต่างจากเดิมด้วยคำสั่งของหัวหน้านักบวช ชายชราดูใจดี มีสง่าราศี จึงไม่มีส่วนใดในความคิดที่จะนึกสงสัยหรือหวาดระแวง...

    ‘...
    ว่าแต่ คนในหมู่บ้านมองนายดีขึ้นรึยัง?’เอ่ยถามด้วยห่วงใยเพื่อนรัก...เด็กหนุ่มถูกหาว่าเป็นกาลกิณีของหมู่บ้านมาโดยตลอดอย่างน่าสงสาร โดยที่ไม่มีใครสามารถแก้ความเข้าใจผิดที่เกิดจากคำทำนายไร้แก่นสารได้..เดรย์แทบจะไร้เพื่อน แต่หากบอกตามตรง นอกจากเขาแล้วเดรย์ก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นเลย

    ชาวบ้านที่นี่ ไม่มีใครคิดจะพูดคุยกับเดรย์เลย

    กำลังพยายามอยู่ ไม่งั้นไม่มาเป็นนักบวชฝึกหัดหรอกยิ้มเผล่ กอดอกอย่างมั่นใจในตัวเอง ว่ากันตามตรง นิสัยเขาไม่ชอบเอาอกเอาใจใครเท่าไหร่หรอก ใครจะเกลียดก็เกลียดไป ไม่ใชเรื่องของเขา แต่ในเมื่อเพื่อนรักคนเดียวอยางฟิวส์คอยขอร้องให้เขาทำตัวดีๆ..ทั้งเพื่อพี่มีนาและเพื่อตัวเขาเองแล้ว การสนองความหวังอันนั้นมันก็ดูไม่เลวเลย

    ก็ดี พยายามเข้านะ ว้า ฉันคุยกับนายเพลินไปหน่อย อ่านอักขระต่อดีกว่า..จะได้ไปนอนซักทีหาวหวอด ละความสนใจจากเพื่อนรักที่ยามนี้มีหน้าที่คอยดูแลเขา แล้วสวดอักขระหน้าโถงพิธีต่อไป



    ตอนนั้นเอง..ฉันก็..


    ฉึก!

    ธนูดอกหนึ่งพุ่งมาปักลงบนโต๊ะไม้สานเตี้ยๆที่กั้นกลางระหว่างสองนักเดินทางกับเดรย์ เนลล่ากับอิลเวสรีบลุกขึ้นอย่างฉับพลัน แล้วมองออกไปตามทางที่ธนูพลันแล่นเข้ามาทันทีใครน่ะ!

    เพล้ง!

    กระจกหน้าต่างพลันแตกกระจายออกและร่วงหล่นลงกับพื้นเมื่อร่างชุดดำสองร่างกระโดดเข้ามา หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของธนูที่แล่นมาปักบนโต๊ะไม้เนื้องาม ร่างสูงหนานั้นยืนอย่างมั่นคงบนพื้นหิน จ้องมองตรงมาด้วยสายตามุ่งร้าย ส่วนอีกคนถือดาบเล่มโตเตรียมจะเข้ามาฟาดฟัน เดรย์ถอยหลัง ดวงตาเบิกกว้างตกใจ

    ให้ตายสิ!! กระจกหน้าต่างมันหายากนะเว้ย!!

    ตกใจคนละเรื่องแล้วมั้งอิลเวสว่าพลางถอนหายใจเฮือก ดวงตามองตรงไปอย่างระแวดระวัง มือเตรียมจะอ้อมไปด้านหลังที่มีบางิส่งเหน็บไว้อยู่ ในขณะนั้นเองร่างในชุดดำอีกสามกระโดดตามเข้ามา คนหนึ่งมีดาบวงเดือนในมือ ร่างกายสูงผอม อีกคนร่างสูงใหญ่ถือง้าวใหญ่พร้อมสะบัดควง และอีกคนเป็นมีดสั้นนับสิบที่พร้อมจะสะบัดเข้าสู่เป้าหมายที่ต้องการ

    เป้าหมายของพวกมันเดาไม่ยาก อย่างน้อยก็ในพวกเขาสามคน..

    เดรย์เชิญพวกเขามาเหรอครับ?”ผายมือไปทางชายชุดดำห้าคน แต่เดรย์ก็ส่ายหัวเต็มที่เปล่าอ่ะ เพื่อนนายรึเปล่า

    อย่ามาย้อนคำถามแบบแป้กๆสิครับหันขวับไปหาเจ้าของเสียงแล้วพูดใส่ ถอนหายใจ ก่อนจะถอยหลังหลบเมื่อชายผู้ใช้ดาบวงเดือนพลันบุกเข้ามา แล้วรีบย่อกายลงเมื่อดาบเล่มโตเหวี่ยงเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวจนไปชนแจกันดอกไม้ตกลงมาแตกกระจายบนพื้นห้องสีเทา

    อา..คุณมีนากลับมาโดนโกรธแน่เลยมองแจกันที หน้าต่างทีแล้วเบ้ปาก ถอนหายใจอีกรอบ แต่แล้วก็รู้สึกถึงบางอย่างที่พุ่งแล่นเข้ามาที่ดวงตา

    โครม!

    ร่างของเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นทันทีหลังจากที่อิลเวสดึงคอเสื้อให้พ้นวิถีธนู ใบหน้าหวานเงยมองเพื่อน ก่อนจะเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ขอบคุณฮะ อิลเวส

    ตาบอดขึ้นมาไม่ดูแลนะ เนลล่าถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบธนูไปปักลงที่ผนังแทนที่จะเป็นดวงตาสีทับทิมคู่งามของเด็กหนุ่มร่างบาง

    คุณชาย ระวัง!

    เดรย์ตะโกนใส่เมื่อมีดสามเล่มแล่นผ่านอากาศมาทางอิลเวส ชายหนุ่มร่างสูงปล่อยมือจากคอเสื้อของเนล่าทันที ก่อนจะตวัดมือรับมีดทั้งหมดไว้ และสะบัดออกไปใส่ผู้ที่โจมตีมาในพริบตา

    ฉึก!

    อ....!!เสียงร้องดังในคอของชายชุดดำ มีดสองเล่มที่แล่นกลับไปนั้นชายหนุ่มหลบได้ แต่อีกเล่มที่ตามหลังไปปักลงที่ไหล่เข้าจังๆ ดูเหมือนชายผู้ถือง้าวจะชะงักไป ก่อนจะเข้าโจมตีที่เนลล่าที่ยังนั่งอยู่กับพื้นโดยไม่ทันตั้งท่ารับการโจมตี

    อา..ทำไมถึงชอบเล่นทีเผลอจังนะครับ?”

    เคร้ง!!

    ชายผู้ถือง้าวเบิกตากว้าง ดวงตาสีเขียวมรกตฉายแววพิศวง มีดสองเล่มปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่มร่างบาง เล่มหนึ่งดันส่วนคมอีกด้านต้านส่วนด้ามยาว แรงที่ดันกลับนั้นแม้ไม่มาก แต่ก็มากเกินจะมีในร่างบอบบางราวสตรี ซึ่งชวนให้ร่างสูงใหญ่ของผู้ใช้ง้าวรู้สึกสับสนจนเผลอขมวดคิ้ว เนลล่ายกมุมริมฝากขึ้น  แล้วใช้ขาซ้ายถีบเข้าใส่ส่วนหน้าท้องของอีกฝ่ายอย่างแรง ชายชุดดำย่อกายหลบลง ดวงตาฉายแววระแวดระวังขึ้นเมื่อรู้ว่า..

    เรี่ยวแรงของเด็กหนุ่มหน้าสวย ไม่ได้เป็นอย่างรูปกายภายนอก..

    อิลเวสมองไปทางเนลล่าที่ชักเอาอาวุธออกมาแล้วถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะหันมาทางคู่ต่อสู้ของตนอีกครั้ง

    ฟึบ

    เสียงหวดลมดังขึ้นเมื่อดาบเล่มโตที่คิดจะฟันลงมาที่ไหล่ของชายเนตรทองพลาดจากเป้าหมาย อิลเวสกระโดดถอยหลังแล้วชักดาบยาวเรียวของตนออกมา ดาบเล่มนั้นมีสีดำตลอดทั้งเล่ม เล็กบาง  มีซัฟไฟร์ประดับอยู่ที่ด้ามจับ อิลเวสหรี่ดวงตาลง ก่อนจะเริ่มเปิดฉากโจมตีเป็นคนต่อไป

    เคร้ง!

    ดาบสองเล่มปะทะกัน น่าแปลกที่ดาบเรียวบางสู้ความหนาหนักของดาบเล่มยักษ์ได้โดยไม่หักไปเสียก่อน อิลเวสแสยะยิ้มแล้วดันให้อีกร่างล้มลงไป ผู้ใช้ดาบยักษ์ล้มลงกับพื้นตามปรารถนา แต่แล้วมีดสั้นจำนวนมากก็พุ่งตรงมาอีกครั้ง อิลเวสปัดมันให้ตกลงบนพื้นก่อนจะพุ่งตัวไปทางผู้ที่ปามีดมา น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเร็วกว่า ร่างเพรียวลมนั้นรีบวิ่งหลบทันทีที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามา อิลเวสเปลี่ยนทิศทางเตรียมโจมตี แต่แล้วศัตรูรายเดิมก็พลันฟาดดาบเล่มยักษ์เข้ามาจากด้านหลัง อิลเวสจับดาบเหวี่ยงไปกันแล้วหมุนตัวไปปะทะทันทีตามสัญชาตญาณ แต่แล้วมีดสั้นก็พลันพุ่งมาปักบนแผ่นหลังสองเล่มด้วยความเลินเล่อเพียงเสี้ยววินาที เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มยาวตีสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบร่างของผู้ที่ตนทานกำลังอยู่ให้ถอยห่างออกไป แล้วสะบัดดาบไปด้านหลังใส่ผู้ลอบทำร้ายจนเหลือแนวฟันยาวบนช่วงอกของร่างเพรียวบาง

    ร่างนั้นมองบาดแผลตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองมาทางอิลเวสด้วยสายตาเคียดแค้น มือยกขึ้นมาพร้อมมีดสั้นนับสิบในมือ ก่อนจะโจมตีต่อไปโดยไม่รอให้ใครตั้งตัว
     
    ทางฝ่ายเนลล่า ..เด็กหนุ่มกระชับมีดสั้นในมือแน่น นิ้วโป้งกดด้ามมีดกระชับให้อยู่มือ ยกแขนขึ้นเป็นกากบาทประสานกัน ชี้ปลายมีดไปทางฝ่ายศัตรู มีดสั้นสองเล่มของเขายาวกว่ามีดสั้นทั่วไป งดงาม เรียวบาง มีสีเงินประกายสดใสจับตา มีดสั้นทั้งสองเล่มนั้นยาวซักราวๆเกือบสองคืบ อาจจะคล้ายกับกริชมากกว่ามีด แต่ในขณะเดียวกันก็มีรูปร่างเหมือนมีด แต่ก็ไม่ใช่ดาบเพราะสั้นยิ่งกว่า ตัวด้ามของมีดสั้นทั้งสองเป็นสีขาวและสีดำ ซึ่งแม้จะดูแตกต่างแต่ก็ขับความงดงามในตัวมันเอง

    ...
    ผู้ที่โจมตีอิลเวสอยู่มีสอง ทางเขาเองก็มีสอง อีกหนึ่งยังคงนิ่งแต่ไม่รู้จะเข้าโจมตีเมื่อไหร่และกับใคร..

    เรื่องนั้นควรจะช่างมันก่อนดีกว่ากระมัง

    โดยไม่จำเป็นต้องคิดต่อให้มากความ เนลล่าก็มุ่งเข้าโจมตีทันที!

    เคร้ง!

    เสียงปะทะดังขึ้นระหว่างมีดสั้นสีเงินกับง้าวยักษ์ ชายหนุ่มกดง้าวยักษ์ลงมาด้วยท่าทีได้เปรียบเนื่องด้วยขนาดของอาวุธในมือ การทานแรงเกิดขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เนลล่าจะผละออกมาแล้วมุดตัวลงใต้ความยาวง้าวพร้อมตวัดมีดสั้นใส่ลำคอศัตรู ชายร่างใหญ่ผงะแล้วเอนหลังหลบมีดที่ตวัดมาอย่างรวดเร็ว แต่แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว มีดอีกเล่มในมือขวาก็ตวัดเสยขึ้นมาจนฟันผ้าที่ปิดหน้าไว้ขาดไปส่วนหนึ่ง ผู้ใช้ง้าวชะงักก่อนจะรีบเอาผ้าส่วนนี่เหลือขึ้นปิดหน้า ขณะนั้นเองธนูก็พลันแล่นตรงเข้ามาทันที เด็กหนุ่มที่เตรียมโจมตีผู้ใช้ง้าวต่อชะงักกึก ก่อนจะหันหลังไปทางทิศที่ธนูพุ่งตรงมาแล้วใช้มีดสั้นข้างซ้ายตวัดธนูให้ร่วงลงกับพื้น แล้วพุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปทางชายผู้ยิงธนู

    ลูกธนูอีกดอกพุ่งตรงมา ตามด้วยดอกที่สามและสี่ เนลล่าเอียงหลบเล็กน้อยตามวิถีที่ลูกธนูพุ่งมา ก่อนจะเข้าประชิดแล้วต่อยเข้าให้ที่หน้าท้อง น่าเสียดายที่แม้แรงมากกว่าที่ตาเห็น แต่มันกลับไม่มากพอให้ชายร่างหนาล้มลงไปได้ ร่างในชุดดำยิ้มแสยะ แล้วจับยึดข้อมือลงเนลล่าไว้ทันที

    เด็กหนุ่มร่างบางขมวดคิ้ว ติดกับโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างกายถูกหมุนกลับหลัง แขนทั้งสองข้างที่บิดไปจับล๊อคไว้ที่ด้านหลัง เด็กหนุ่มชักสีหน้าด้วยความเจ็บปวด มีดสั้นสองเล่มตกลงบนพื้นเสียงดัง พร้อมกันกับที่ลูกธนูจ่อคอไว้เตรียมแทงหากขัดขืน ชายชุดดำแสยะยิ้ม ในขณะที่มองใบหน้าของชายร่างยักษ์ในชุดดำที่พยักเพยิดไปทางผู้ใช้ง้าวที่กำลังก้าวรี่เข้ามา

    ดวงตาสีทับทิมฉายแววยุ่งยากครู่หนึ่งก่อนจะพลันแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง ง้าวพุ่งเข้ามาฟันลงโดยมีเป้าหมายที่ลำคอของเนลล่า แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

    เนลล่าใช้เท้าที่ยังเป็นอิสระถีบด้ามง้าวตรงจุดศูนย์กลางจนมันหมุนกระเด็นออกจากมือผู้ใช้งาน เด็กหนุ่มผมขาวแสยะยิ้มแล้วใช้มีดสั้นขนาดเล็กที่ซ่อนในแขนเสื้อสะกิดใส่ผู้ที่ล๊อกแขนเขาไว้ เสียงทุ้มร้องโอ๊ยเมื่อมีดสะกิดเข้าให้ที่แขนจนเลือดซิบ เนลล่ารีบผละกายออกมาโดยไม่ลืมหยิบมีดสั้นทั้งสองเล่มของตนออกมาด้วย มือเรียวบางยกมีดขึ้นเตรียมจะสะบัดฟันเผด็จศึก แต่แล้วเสียงตวาดก็พลันดังขึ้นมา

    พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้!!


    เนลล่าและอิลเวสชะงักกึกไม่ต่างจากผู้บุกรุกอีกสี่คน ก่อนจะทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อพบว่า..เดรย์ถูกผู้ใช้ดาบวงเดือนจับไว้เป็นตัวประกัน

    ขอโทษที....เดรย์เอ่ยคล้ายจะรู้สึกผิดด้วยใบหน้าเซ็งจิตมากกว่าจะกลัว ขณะที่ดาบวงเดือนแนบที่ลำคอจนเลือดออก ชายเจ้าของดาบวงเดือนด้ามทองแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ วางอาวุธลง ไม่งั้นชายคนนี้..ตาย

    อิลเวสกับเนลล่ามองหน้ากัน แต่กลับไม่ยอมวางอาวุธในมือลงกับพื้น

    จะให้มันตายรึไง!!

    ไม่ต้องห่วง ไม่ให้ตายง่ายๆหรอกตราบใดที่เรายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการอิลเวสกล่าว ทิ้งดาบลงกับพื้น ตามด้วยเนลล่าที่วางมีดตัวเอลงไป

    ดี...ดี...ชายเจ้าของดาบวงเดือนกล่าวเน้นหนัก ดวงตาเปล่งประกายความพึงพอใจ ก่อนจะแนบดาบลงกับลำคอของเดรย์มากกว่าเดิมเอามือสองข้างขึ้นประสานตรงศีรษะ

    “...”

    อย่าชักช้า!!

    “.......
    พวกนายเป็นใครอิลเวสเอ่ยถาม ยกมือสองข้างขึ้นตามคำสั่งของอีกฝ่าย

    เราไม่มีหน้าที่ที่จะต้องต้องตอบพวกแก เฮ้ย จับตัวไว้พยักเพยิดไปทางคนอื่น ชายชุดดำสี่คนที่เหลือเข้าจับล๊อกแขนเนลล่าและอิลเวส แกถามอะไรไปก็เท่านั้นแหละ คนที่จ้างเรามาไม่ได้สั่งให้พวกแกรอด..แต่สร้างให้ฆ่าเรียบ..อย่าเหลือ

    งั้นก็ช่วยแถลงความให้ฟังก่อนตายทีสิครับ ถูกฆ่าโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไรเนี่ย มันค้างคาใจเอาเรื่องเลยนะถอนหายใจเฮือก มองไปทางชายเจ้าของดาบวงเดือน

    เข้าใจล่ะ งั้นจะบอกให้เอาบุญ...พวกแกน่ะไปขัดขวางใครบางคนเข้าจนเขาสั่งให้ฉันมาตามล่า ก็เลยต้องเจอแบบนี้ไงล่ะ!เอ่ยจบแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เนลล่าขมวดคิ้วไม่ชอบใจ ก่อนจะคลายปมที่คิ้วเรียวของตนแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    แค่นั้นใช่ไหมครับ?...เหตุผลทั้งหมด

    ถูกต้อง หมดคำถามแล้วสินะ....งั้นก็ได้เวลาตาย!

    “...!!”

    ด้วยความรวดเร็ว มือของเนลล่าและอิลเวสบิดหลุดจากการควบคุมทันที ร่างทั้งสองรี่วิ่งตรงไปทางเดรย์ด้วยความเร็ว เด็กหนุ่มร่างบางเข้าไปทางด้านหลังของชายชุดดำแล้วตวัดมีดฟันแผ่นหลังจนอีกฝ่ายชะงัก ผู้ใช้ดาบวงเดือนร้องด้วยความเจ็บปวด แสบร้อนกับแผลที่เกิดบนแผ่นหลัง ดวงตาฉายประกายความโกรธา เตรียมจะเฉือนคอเดรย์โดยไม่รีรออีกต่อไป แต่เขาพลาด เพราะก่อนที่ดาบวงเดือนจะแตะลงบนคอของเดรย์ให้ลึกลงกว่านี้ เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่เขาผ่อนอาการเกร็ง ดาบก็ละจากลำคอของชายร่างผอมเสียแล้ว

    ไป!!

    อิลเวสตวาดใส่ เดรย์รีบวิ่งไปที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องรอใครบอก มองดูเนลล่ากับอิลเวสที่กำลังสู้ร่วมกัน สองบุรุษหันหลังชนให้กัน ขณะใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธาของชายชุดดำทั้งห้ากำลังมองตรงมา สองหนุ่มมองไปทางศัตรูทั้งห้าคน ก่อนจะหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาว

    ตกลงเป็นเราที่โดนหมายหัวหรือเป็นเดรย์กันแน่หรือครับ?”

    ก็ได้ยินแล้วนี่ว่าจะฆ่าเรียบ ก็รวมเราด้วยนั่นแหละกอดอก เนตรสีทองฉายปรระกายเรียบไร้อารมณ์ใดใด

    เหตุผลก็รู้แล้ว...ถ้างั้นก็..ไม่ต้องออมมือแล้วสินะ

    เสียงหวานทุ้มพึมพำ เจ้าของเนตรสีทับทิมสูดลมหายใจลึก พร้อมเก็บมีดสั้นใส่แขนเสื้อชั่วคราว ก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วหายลับไปกระทั่งปรากฏตัวที่ด้านหลังชวยเจ้าของดาบวงเดือน เนลล่ายกมือขึ้นแล้วตวัดมือใส่ท้ายทอยชายร่างยักษ์จนล้มลงไป ดวงตาหรี่ลงส่องประกายแวววับต่างจากเดิม เนลล่าและหายไปจากสายตาอีกครา ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งหลังผู้ใช้ธนู มีดสั้นในมือปักลงบนไหล่แล้วรีบชักออกทันที

    อึ่ก!

    เสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นก่อนที่อิลเวสจะเข้าโจมตีคนที่เหลือ ชายร่างยักษ์เจ้าของดาบเล่มโตกันดาบเรียวบางเล่มสวยไว้ทัน แต่เท้าหนักๆของอิลเวสก็ถีบเข้าให้ที่ยอดอกทันที ก่อนจะเสียบปลายดาบลงบนต้นขาขวาของอีกฝ่ายแล้วบิดไปหนึ่งเกลียวจนเสียงโหยหวนดังระงม

    อ๊ากกกกกกก

    “....
    หนอย........!!!!............ฮึ..........ชายผู้ถือมีดระอุร้อนด้วยความแค้น ก่อนจะซัดมีดทั้งหมดในมือไปทางอิลเวส เนลล่าใช้มีดสั้นตวัดมีดที่พุ่งตรงมาออกไป ขณะที่มืออีกโยนมีดของตัวขึ้นด้านบนพร้อมรับมีดเหล่านั้นด้วยมือเปล่า และซัดมีดกลับไปในเสี้ยววินาทีนั้น ชายร่างเพรียวเบิกตากว้างตกใจหลบมีดของตนที่คืนสนองมา และโดยไม่ทันระหว่างตัว มีดที่ลอยละล่องขึ้นไปของเนลล่าก็ตกลงมาในมือเจ้าของอีกครั้ง และพุ่งไปจ่อที่คอหอยทันที!!

    อั่ก..แค่ก!มีดปีกที่คอหอยขโมยเสียงทั้งหมดไป ลมหายใจสูดเข้าอย่างกระเสือกกระสนด้วยเฉือนโดนหลอดลม ร่างนั้นชักดิ้นชักงอครู่หนึ่ง ก่อนจะหมดลมหายใจไป

    เหลืออีกหนึ่ง

    เอ่ยเย็น ดวงตาสองคู่มองไปทางชายร่างยักษ์เจ้าของดาบเล่มโตที่ยืนมองเพื่อนร่วงลงไปทีละคน ร่างนั้นดูจะลังเล ก่อนจะตัดสินใจหนีไปโดยทิ้งพวกพ้องไว้อยู่ในแดนศัตรู

    ไม่น่าปล่อยไป...อย่างน้อยบังคับให้บอกคนทำก็คงดีอิลเวสขมวดคิ้ว ชักดาบออกจากขาของชายชุดดำแล้วใช้ผ้าเช็ดเลือดออก

    ถามหมอนี่ซะสิเนลล่าว่าพลางชี้ไปหาผู้ใช้ธนูระหว่างที่ดึงมีดออกจากลำคอของชายร่างเพรียวที่แน่นิ่งไป ผู้ใช้ธนูสะดุ้งเฮือก เนลล่าชะงักไป ความสงสัยบางอย่างผุดขึ้นมา มือเรียวข้างซ้ายที่มีถุงมือจึงยืนไปถอดหน้ากากที่ปิดบังหน้าออกของร่างไร้ลมหายใจ

     “...
    นั่น...นักบวชที่วิหาร

    เดรย์พึมพำ เนลล่ากับอิลเวสจึงหันไปมอง แล้วกวาดตามองไปทางผู้ที่ยังมีสติอยู่ อิลเวสขมวดคิ้ว ก่อนจะก้าวเดินไปหาร่างของผู้ใช้ธนูที่กำลังกุมแผลตน แล้วกระชากผ้าที่ปิดบังหน้าออกทันที

    ใช่คนรู้จักไหม? เดรย์

    เดรย์พยักหน้าเมื่อเห็นใบหน้าที่ซ่อนใต้หน้ากากผ้าสีดำ เนลล่าเดินไปหาอีกสองคนที่สลบไป แล้วกระชากหน้ากากออกนี่ล่ะ

    นั่นไม่ใช่

    “....
    ถ้างั้น...ก็แน่ชัด ดูท่าทางที่วิหารจะอยากกำจัดนายมากเลยนะครับ..เดรย์เนลล่าเอ่ย มองไปทางชายหนุ่มร่างผอมที่ดูเหมือนจะเครียดลงไปเล็กน้อย

    เฟี้ยว!!

    ฉึก!!

    เนลล่า!!อิลเวสร้องเสียงดังลั่นเมื่อธนูแล่นมาปักลงที่กลางแผ่นหลังของเด็กหนุ่มร่างบาง เดรย์ผงะไปก่อนจะควานหามีดสั้นที่ตกระเกะระกะขว้างไปอย่างไม่ชำนาญ แต่ทว่าก็ปักลงที่หน้าท้องของผู้ลอบโจมตีอย่างพอดิบพอดี

    เนลล่า เป็นไงบ้าง?”เอ่ยถาม มองเด็กหนุ่มที่ทรุดฮวบลงไป ริมฝีปากบางขบกัดแน่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเอ่ยเสียงพร่าดึงออกไปเลยครับ.....

    อิลเวสนิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงดึงธนูออกในคราวเดียว เนลล่าสะดุ้งเฮือก บาดแผลมีเลือดไหลออกออกมาไม่หยุด ร่างบางผ่อนลมหายใจ แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ตาลายจนทรุดลงนั่งกับพื้นอีกครา

    อาบยาบางอย่างไว้อิลเวสเอ่ยราบเรียบ สังเกตหัวลูกดอกที่ดึงออกมา ขมวดคิ้วไม่ชอบใจ เนลล่า รู้สึกยังไง

    มึนหัว......

    ขอโทษที..ฉันผิดเอง

    เดรย์เอ่ย ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ..แต่..เรา..ต้องหาที่ซ่อน.......

    ก่อนที่ใครซักคนนั่นจะส่งคนมาทำร้ายเราอีกครั้ง



    ...
    แล้วสติก็ดับพลันดับวูบไป

    +++++++++++++



    “..
    เนลล่า...


    เสียงทุ้มกระซิบเรียก ผ้าเย็นๆโปะอยู่บนหน้าผาก เด็กหนุ่มร่างบางกระพริบตาอยู่สองสามครั้ง แล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ที่นี่...

    เกวียนของลุงไกร์ อยู่ข้างๆตาน้ำเสียงทุ้มโทนกังวานดังมาจากอีกฟาก ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างผอมที่นั่งพิงกับตัวเกวียน

    เนลล่าก้มลงมองตัวเอง บัดนี้มีผ้าพันแผลพันไว้ในบริเวณที่ถูกธนูปักลงไป ความแสบที่แผ่นหลังแผ่ซ่านเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรง ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ผ้าห่มผืนบางถูกคลี่คลุมกายไว้ป้องกันความหนาว แสงสว่างในเกวียนเรืองรองด้วยแสงเทียนวูบไหวสงบนิ่ง
     
    ภายในพาหนะแคบๆมีเพียงเขา อิลเวส และเดรย์.. เสื้อและปลอกแขนเสื้อขาวกองไว้อยู่ข้างๆ มือเรียวบางข้างซ้ายซึ่งมีถุงมือปิดบังผิวยื่นไปหยิบมาคลี่ดู ก็ปรากฏว่ารอยขาดได้หายไปด้วย

    ว้าว ใครปะชุนให้ผมเนี่ย  เก่งสุดๆเลย

    เมียลุงไกร์ แล้วนายไม่เป็นไรจริงๆหรือเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยเดรย์เอ่ย ชี้ไปทางเด็กหนุ่มเจ้าของเนตรทับทิมที่บัดนี้รวบเรือนผมรุงรังไว้หลวมๆพร้อมปล่อยให้เคลียไหล่ไว้

    หลังจากที่เนลล่าหมดสติไป อิลเวสก็อุ้มเนลล่าขึ้นด้วยอาการไม่กังวล แล้วถามว่ามีที่ไหนที่เราจะหลบซักคืนโดนไม่อยู่ในสายตาของพวกที่วิหารได้บ้าง? เขาก็ตอบไปหลังจากคิดอยู่นาน..ว่าควรจะไปอยู่กับคาราวานของลุงไกร์ที่ตอนนี้อยู่ใกล้ตาน้ำ

    อันที่จริงอิลเวสคัดค้าน แต่เพราะเขายืนยันว่าไม่ค่อยมีใครรู้ความสัมพันธ์ของเขากับลุงไกร์ว่าสนิทกัน จึงเป็นไปได้ยากที่จะตามรอยเจอ อีกอย่าง ในคาราวานมีผู้คุ้มครองอยู่ ถ้ามีใครบุกเข้าไปอีกก็คงได้สู้กันซักตั้ง

    อิลเวสจึงตอบตกลงหลังจากนั้นไม่นาน

    นี่ ว่าไงเนลลี่ ไม่มีที่ผิดปรกติเลยหรือไงเอ่ยถาม มองสภาพร่างกายของเด็กหนุ่มร่างบาง

     “
    อา.....เนลล่ากระพริบเนตรสีทับทิม ลองขยับแขนไปมาดู โอเคครับ พิษคงหายไปแล้ว

    มันหายไปได้ง่ายเชียวหรือ

     “....
    แทนที่จะมาถามเรื่องพรรค์นั้น รีบเล่าต่อจากที่ค้างไว้ดีกว่าอิลเวสตัดบท ก่อนที่เนลล่าจะอ้าปากตอบและเดรย์คาดคั้น ..ชายหนุ่มร่างผอมเจ้าของเนตรสีดำเทาถอนหายใจ ก่อนจะผงกหัวแล้วกล่าวต่อไปเข้าใจแล้ว

    ....
    ฉันบอกว่าตอนนั้นฉันยืนอยู่ข้างๆฟิวส์ใช่ไหม? อา..แล้วหลังจากนั้นฉันก็ได้อ่านอักขระที่สลักบนหินนั้น อักขระนั่นไม่มีใครอ่านออกเพราะใช้ภาษาและอักษรที่ซับซ้อน แต่..คงเพราะฉันศึกษามันมากไปหน่อย แถมยังสนุกบวกเพลินไปนิดก็เลยอ่านออกไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เป็นแบบนั้น

    สิ่งที่สลักอยู่ในหิน..เป็นพิธีบางอย่าง มันถูกสลักไว้เป็นกลอนรหัส ฉันอ่านแรกๆก็ไม่สงสัยเพราะดูเหมือนจะตรงกับพิธีขอบคุณเทพเจ้ากระทั่งเจอคำว่าอมตะ..

    และที่สำคัญ มันตรงกับพิธีใน ณ เวลานั้น ที่ไม่ใช่เหตุปกติ คือเป็นจันทร์เพ็ญที่ห้าของปี และการดำเนินพิธีเหมือนกับความผิดแผกที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่มีผิด.นั่นทำให้ฉันสะกิดใจ...และในวันที่สามซึ่งสลักอักษรวิธีการเอาไว้...ในหินนั้น

    ชายหนุ่มหยุดไป ลำคอแห้งผาก ราวกับไม่อยากจะเอ่ยต่อ ใบหน้าก้มมองพื้นเกวียน

    “....
    วันที่สาม..ค่ำคืนของวันที่สาม...ตัวแทนจะเยื้องย่างกรายสู่ตาน้ำซึ่งเทพเจ้าทรงประทานให้...ตัวแทนจะสวดอักขระมอบชีวิต.....และผู้ทำพิธีก็จะ...

    ..
    ผู้ทำพิธีก็จะต้องฆ่าตัวแทนแล้วนำเลือดละเลงปฐพีเพื่อทำให้ตนเป็นอมตะ

    ความเงียบปกคลุมขึ้นชั่วขณะ................

    “...
    เป็นความจริงงั้นหรือ....?”อิลเวสพึมพำ สังเกตว่าดวงตาของเดรย์เริ่มเป็นสีแดง

    ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดมาก..ถึงสะกิดใจแต่ก็คิดว่าก็แค่เรื่องงมงาย..แค่เรื่องบังเอิญ..ฉันถึงไม่ได้เตือนฟิวส์ ไม่ได้บอกใคร..จนคืนวันที่สามของพิธี..วันพระจันทร์เต็มดวง

    ...
    ทุกคนจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านยกเว้นตัวแทนและหัวหน้านักบวชที่จะต้องไปทำพิธีที่ตาน้ำ แต่ตอนนั้นฉันรู้สึกไม่สบายใจก็เลยวิ่งไปดูที่ตาน้ำ...แต่ว่า..ฉัน...ไปสายเกินไป

    ตอนที่กำลังจะวิ่งไปคว้าฟิวส์ออกมา  ผู้ชายคนนั้นก็แทงดาบลงบนอกฟิวส์.....

    ใบหน้าของชายหนุ่มก้มลงมองพื้น ไม่ต้องการให้ใครเห็นสีหน้าตอนนี้

    “...
    แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ?”

    "........
    ฉันวิ่งเข้าไปรวบร่างฟิวส์ขึ้นมา ไม่มีเวลาให้คุยกัน ไม่มีเวลาให้บอกกล่าว ฟิวส์หายใจหอบครู่หนึ่งแล้วก็หมดลม.... หัวหน้านักบวชนั้นใช้เลือดของฟิวส์ที่ไหลนองพื้นมาเขียนวงเวทย์บางอย่างบนพื้นแล้วพึมพำอะไรน่ารำคาญออกมา จากนั้นแสงก็สว่างวูบขึ้นมา..ไอ้โรคจิตนั้น..ลองกรีดแขนตัวเอง ..แล้วจู่ๆมันก็กรีดร้องแล้วตะโกนว่า [ไม่สำเร็จ]

    แล้วจากนั้นมันก็มองมาหาฉัน....

    ..........................

    ........................

    .........
    ดวงตาคู่นั้นวิปลาส เบิกกว้างลึกโหล เสียงโหยหวนดังอย่างน่าสะพรึง ก่อนรอยยิ้มจะแสยะจนสุดอย่างที่ชวนให้ขนลุกพอง

    ชายชราผู้นั้นมองมาทางเขาที่กำลังกอดร่างไร้วิญญาณของฟิวส์

    เพราะครั้งนี้มีคนขัดขวางสินะ

    ..................

    ......................................

    ..............

    ........



    ..
    ดูเหมือนจะมีคนได้ยินเสียง ทุกคนออกมาจากบ้านแล้วตรงมาที่ตาน้ำ พอเห็นฉันกอดร่างปวกเปียกของฟิวส์อยู่ ก็พากันประณามว่าฉันเป็นฆาตรกร...ว่าเป็นคนที่ขัดขวางพิธี แถมหัวหน้านักบวชนั่นก็บอกว่าฉันโดนปิศาจสิง..แล้วฆ่าฟิวส์ไป ฉันตะโกนบอกความจริงว่าผู้ชายคนนี้ต้องการเป็นอมตะจนฆ่าฟิวส์...แต่ ไม่มีใครเชื่อ

    จากนั้นก็อย่างที่บอก..ฉันเซ็งกับการถูกกล่าวหาจนทนอยู่ไม่ไหว ฟิวส์ก็ไม่อยู่แล้ว แถมอยู่ไปก็ทำมีนาเดือดร้อน..ฉันก็เลยโดดขึ้นเกวียนลุงไกร์ไป แล้วก็กลับมาคราวนี้เพราะเรื่องน้ำแห้ง...

    เพราะฉันเดาว่ามันจะต้องหาเรื่องทำพิธีนั้นเพราะความผิดปกติอีกแน่นอน

    สองคำถาม

    เนลล่ากับอิลเวสเอ่ยพร้อมกัน มองหน้าเดรย์ที่เบิกตา ก่อนที่ชายหนุ่มจะขมวดคิ้วลง ถามมาสิ?”

    ข้อแรก ความผิดปรกติเมื่อสองปีก่อนคืออะไร?”อิลเวสเป็นฝ่ายตั้งคำถามก่อน

    “..
    มีโจรบุกหมู่บ้าน ปล้มสะดม แต่พอทำพิธีก็หายไป..เพระฉะนั้นชาวบ้านถึงบูชาหัวหน้านักบวชนั่นตั้งแต่นั่นมา"พูดด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ แล้วต่อด้วยคำถามจากเนลล่า

    ข้อสอง ร่างของฟิวส์...ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ

    “...
    ทำไมนายถึงถามเรื่องนี้ เนลลี่เอ่ยเสียงหนัก มองเด็กหนุ่มร่างบางที่ยังคงนั่งพิงกับเกวียนด้วยความอ่อนแรง

    ร่างของเขาเน่าเปื่อยตามธรรมชาติรึเปล่าครับ?”

    “...................
    นั่นละที่น่าแปลก..ร่างของฟิวส์...ไม่เน่าเปื่อย..ตอนนี้เขาถูกเก็บร่างไว้ที่วิหาร ในฐานะ..ศพศักดิ์สิทธิคำสุดท้าย..ใช้ความพยายามมากมายกว่าจะกล่าวออกมาได้

    “...
    หืม

    อิลเวสครางในลำคอ เนลล่าก้มหน้าลงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมคว้าเสื้อกับปลอกแขนมาใส่ ไม่สนใจว่าอาจจะเจ็บบาดแผล เดรย์มองแล้วเกือบจะตะโกนถามว่ากำลังคิดจะทำอะไร แต่ก่อนหน้านั้น เนลล่าก็ชิงพูดตัดขึ้นมาเสียก่อน

    “...
    เดรย์ ผมขอไปสำรวจตาน้ำก่อนนะครับ เดรย์พาไปที

    เดี๋ยว นายบาดเจ็บนะ

    หายแล้วฮะ

    หายบ้าอะไรล่ะ พักเด้!! ไปดูพรุ่งนี้เถอะ อันตรายนะ ลืมไปรึเปล่าว่าโดนตามล่าอยู่

    ไปดูพรุ่งนี้จะไปทันอะไร ไม่เอาอ่ะ งั้นผมไปดูคนเดียวก็ได้

    เฮ้ย ไม่ได้ ดึกๆอันตราย

    งั้นเดรย์ไปด้วยสิครับ

    ไม่มีทาง นอนพักเหอะน่า!

    ถ้าปัญหามากนักก็ไปกันทั้งสามคนนี่ล่ะ!!

    ..
    เสียงอิลเวสดังขึ้นตัดบทดังฉับ


    +++++++++++++


    พวกเขาสามคนมุ่งตรงไปยังตาน้ำ ค่ำคืนนี้เงียบสงบด้วยชาวบ้านไม่มีใครจะยินยอมออกมานอกบ้านกันด้วยกฏประเพณีของหมู่บ้านตน อากาศยามค่ำคืนในทะเลทรายหนาวและแห้ง จนลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมเป็นสีขาวขุ่นสะดุดสายตา

    “..
    ที่นี่ไง ตาน้ำของหมู่บ้าน

    เนลล่าเงยหน้าขึ้นมอง ตาน้ำที่ว่าเป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ ดูจากลักษณะแล้วเป็นถ้ำหินที่เกิดจากธรรมชาติ เด็กหนุ่มร่างบางก้าวเดินเข้าไปในถ้ำและพบกับทะเลสาบกว้างที่น้ำเหือดแห้งลงไป ในถ้ำนั้นเบื้องบนมีรูขนาดกว้างอยู่รูหนึ่ง ซึ่งทำให้แสงจันทร์สว่างของคืนก่อนเดือนเพ็ญสาดส่องลงมากระทบผิวน้ำสีรัตติกาล

    เนลล่าก้าวเดินไปใกล้ๆตาน้ำ ก้มมองลงไปข้างล่างแล้วขมวดคิ้ว..ก่อนจะ

    ทิ้งตัวลงน้ำไปทันที

    ตูม!!

    เฮ้ย อะไรเนี่ย!!เดรย์ตะโกนงุนง ก่อนจะสะดุ้งเมื่ออิลเวสสบถดังลั่นแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออก ก้าวแนออกไปที่ทะเลสาบแล้วเตรียมกระโดดลงไป

    จะทำอะไรน่ะ เฮ้ย คุณชาย!!

    จะกระโดดลงไปหาเนลล่าน่ะสิ ถามได้!

    เดี๋ยวหมอนั่นก็ขึ้นมาเองล่ะ ห่วงอะไรนักหนาเดรย์แซวเล่น แต่สีหน้าคนโดนแซวกลับเครียดขนาดหนัก

    ขึ้นมาเองได้ที่ไหนล่ะ เด็กนั่นว่ายน้ำไม่เป็น!!

    เฮ้ย!!





    งี่เง่า ซื่อบื้อ โง่ บ้า ต๊อง ปัญญาอ่อน จะโดดลงน้ำไปหาพระแสงอะไรวะ!!ขยี้หัวเด็กหนุ่มร่างบางผู้เป็นเพื่อนร่วมทางหลังจากงมร่างขึ้นมาได้ ทั้งโมโหทั้งเป็นห่วง ทั้งสองรางเปียกมะล่อกมะแล่กขณะชายหนุ่มร่างสูงเอาเสื้อตัวเองคลุมร่างเล็กของเด็กหนุ่มผมขาวเหลือบม่วง เดรย์นั่งมองตาปริบๆกับความบ้าของเนลล่าที่จู่ๆก็โดดลงน้ำทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น..

    เนลล่าไอค่อกแค่ก แสบไปทั้งหูทั้งตา ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกหลังน้ำออกจากปอดไปมากพอสมควร แล้วกล่าวขึ้นอย่างลุแก่โทษ โทษทีฮะ..พอดีว่า...

    ดึงหูอีกฝ่ายลงมา กระซิบแผ่วเบา อย่างที่เดรย์ไม่อาจได้ยินได้ ชายหนุ่มตีสีหน้ายุ่งยากใจหลังฟังเสร็จ แต่แล้วก็ผ่อนลมหายใจแล้วยักไหล่ ก็ได้ ตามใจ

    ...
    ไม่ไหวแล้ว

    “..
    นี่..ตกลงพวกนายเป็นใครกันแน่ฮะ?”เอ่ยถามขึ้น เรียกความสนใจจากอีกสองร่างที่เปียกซ่ก "จู่ๆก็มาช่วยฉัน จุ่ๆก็ตามหาของแปลกๆ จู่ๆแผลก็หายเร็ว โดนพิษก็ยังเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง แถมยังความลับเยอะแยะกว่าฉันเสียอีก แล้วยังต่อสู้เก่งขนาดนั้นด้วย..พวกนาย...เป็นใครกันแ...

    ก่อนจะประโยค เนลล่าก็ยกนิ้วขึ้นปิดริมฝีปากของเดรย์เสียก่อน

    ดวงตาสีทับทิมส่องประกายสงบ เนลล่ายิ้ม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น


    อา...อย่าใจร้อนไปเลยครับ


    คืนจันทร์เต็มดวงพรุ่งนี้...ปมเชือกทั้งหมดจะถูกคลายออก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×